“ก้อง-สมเกียรติ” พลาดแต้มเฉียดฉิวที่สเปน

ดาวรุ่งนักบิดชาวไทยวัย 21 ปี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พลาดแต้มสำคัญที่คาตาลุนญ่าอย่างน่าเสียดาย หลังเร่งเครื่องแซงคู่แข่งขยับตำแหน่งขึ้นมาถึงอันดับที่ 17 ทว่าท้ายเกมพลาดล้มช่วง 2 รอบสุดท้าย ไม่จบการแข่งขันศึกโมโตทู สนาม 9 ที่ประเทศสเปนยอดนักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์กรังปรีซ์ รุ่นโมโตทู พัฒนาผลงานได้ต่อเนื่องตลอดสัปดาห์การแข่งขันที่สนามเซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า โดยรอบชิงชนะเลิศแม้ว่าได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 26 แต่เจ้าตัวสามารถไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาได้ถึงอันดับที่ 17 ทว่าน่าเสียดายเสียจังหวะพลาดหลุดโค้งในช่วงกลางเรซ ก่อนที่ 2 รอบสุดท้ายขณะเร่งสปีดเพื่อไต่อันดับขึ้นมาจะพลาดล้มอีกครั้ง อดลุ้นแต้มอย่างน่าเสียดาย

เจ้าของหมายเลข 35 สังกัดทีมแข่ง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กล่าวหลังจบเกมว่า “น่าเสียดายมากครับ และต้องขอโทษทีมงานทุกคนที่ตั้งใจเซตอัพรถแข่งให้ออกมาดีที่สุด ระหว่างแข่งขันผมรู้สึกว่ารถมีความสมบูรณ์แบบมาก ซึ่งเวลาต่อรอบของผมก็เร็วขึ้นด้วย” “หลังออกสตาร์ทผมมั่นใจว่าสนามนี้จะสามารถเก็บแต้มได้ แต่แล้วช่วงกลางเรซตัวเองกลับทำพลาดในโค้งที่ 7 ทำให้เสียเวลาไปมาก หลังจากนั้นผมพยายามจะเร่งความเร็วเพื่อทวงอันดับคืนมา แต่ด้วยความที่เร่งมากเกินไป ช่วงท้ายก็พลาดอีกครั้ง ทำให้ไม่จบการแข่งขันสนามนี้ อย่างไรก็ตาม ฝากแฟนชาวไทยส่งกำลังใจเชียร์ผมและทีมงานสำหรับการแข่งขันสนามต่อไปด้วยครับ” ศึกโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนามถัดไปเตรียมจัดขึ้นในวันที่ 9-11 ตุลาคมนี้ ที่เลอมังส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ในรายการ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์

 

ธีระ เสร็จธุระ ควบยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ ผงาดครองแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2020

คว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งเอเชียน บีช เกมส์ มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ( คนที่ 3 จากซ้าย )ร่วมแสดงความยินดีกับ ธีระ เสร็จธุระ #52 นักแข่งสังกัดทีม ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ ไทยแลนด์ทีม ที่ควบ ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ รุ่น เอฟแซดอาร์ เอสวีเอชโอ คว้าแชมป์ประจำปี 2020 ในรุ่น โปร-แอม รันอเบาท์ ลิมิเต็ด ในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2020 อย่างยิ่งใหญ่ โดยธีระ เสร็จธุระ #52 สามารถคว้าชัยชนะได้ในการแข่งขันทำคะแนนสะสมเหนือคู่แข่ง พร้อมคว้าสิทธิ์การเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันรายการ เอเชียน บีช เกมส์ 2020 ณ เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 2 – 10 เมษายน 2564 โดยการมอบรางวัลแชมป์ประเทศไทยมีขึ้น ณ สนามแข่งเรือสามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้

BMW M1000RR อัพเลเวล 212 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีจากสนามแข่งระดับโลก

ค่ายตราพัดประกาศเป็นที่แน่ชัดแล้ว จัดหนักจัดเต็มกับเวอร์ชั่นใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์ล่าสุด กับรหัส “M” เพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถ และสมรรถนะเทคโนโลยี ความเร็ว ความแรง ด้วยการอัพเกรดจาก S1000RR เป็น M1000RR

ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมกับชุดแฟริ่ง M Sport ลวดลายใหม่ แต่ยังคงใช้สีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำค่ายกันระหว่าง สีฟ้า สีน้ำเงิน และ สีแดง บนสีพื้นที่เป็นสีขาว นอกจากนี้มีการเพิ่มรายละเอียด โดยมีส่วนครอบที่เป็น M Carbon เพื่อเน้นให้เห็นถึงความดุดัน และสปอร์ตมากยิ่งขึ้น วิงเล็ท เทคโนโลยีหลักอากาศพลศาสตร์จากสนามแข่ง ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งที่บริเวณด้านข้าง ช่วงหน้าของตัวรถ ซึ่งข้อดีของวิงเล็ทก็คือ ช่วยการยุบตัวจากแรงกดจากการใช้เบรกหนักเบรกจะทำให้การคอนโทรลรถในการเข้าโค้งในความเร็วได้เสถียรมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้ระบบ Traction Control ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ใช้เครื่องยนต์ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก S1000RR แบบ 4 สูบเรียง 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่มีการปรับเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่มากยิ่งชึ้นด้วยใช้เทคโนโลยี ShiftCam วาล์วแบบแปรผัน ด้วยสปริงวาล์วไอเสียที่ช่วยให้เหมาะกับรูปแบบการขับขี่ โดยสามารถรีดแรงม้าสูงสุด 212 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ/นาที และความเร็วรอบสูงสุดเพิ่มไปถึง 15,100 รอบ โหมดการขับขี่มีทั้งหมด 4 โหมดมาตรฐาน ได้แก่ Rain, Road, Dynamic และ Race ยังไม่หมดแค่นั้นยังมาพร้อมกับโหมด Race Pro ที่ตั้งค่าเองได้อีก 3 โหมด และให้รอบเครื่องยนต์ที่ต่อเนื่องด้วยระบบควิกชิฟเตอร์ อัพ และ ดาวน์

นอกจากนี้ M1000RR อัพเกรดเทคนิคพิเศษเข้าไปในขบวนการสร้างพละกำลัง มีการปรับแต่งห้องเผาไหม้ใหม่ รวมไปถึงการใช้ แหวนลูกสูบฟอร์จ ก้านสูบไทเทเนียม ที่เบาขึ้นและยาวขึ้น ทำให้อัตราส่วนของกำลังอัดเพิ่มเป็น 13.5:1 จากเดิมอยู่ที่ 13.3:1 ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีพลังยิ่งขึ้น ในช่วงรอบ 6,000 ถึง 15,100 รอบ ให้การขับขี่ที่ลื่นไหลมากขึ้น ชุดเกียร์บล็อค 6 สปีด และระบบคลัทช์มี anti-hopping ป้องกันการืกระโจนล้อลอยระหว่างออกตัว

แชสซี มีการปรับปรุงจาก S1000RR  เฟรมอลูมินัมได้รับการปรับแต่งให้มีความเหมาะสมกับขับขี่ในสนามมากยิ่งขึ้น มุมเลี้ยวที่ดีขึ้น ฐานล้อมีความยาวขึ้นจากเดิม 56.7 นิ้ว เพิ่มมาเป็น 57.4 นิ้ว ก็คือในส่วนของสวิงอาร์มที่ยาวขึ้น โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ 45 มม. ปรับแต่งค่าของสปริงสตรัทใหม่ โดยออกแบบให้สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการขับขี่บนท้องถนนเช่นกัน

ระบบเบรกระดับไฮเอ็น ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์ โดยใช้ตัวคาลิเปอร์สีน้ำเงินพร้อมกับโลโก้ M เอกสิทธิ์เฉพาะของ BMW เหมือนกับที่ใช้ในมาตรฐายรถยนต์ของ BMW โดยพัฒนามาจากประสบการณ์ในสนามแข่ง จากการแข่งขันระดับโลก Superbike World Championship ให้ความเสถียร และควบคุมได้สูงสุด พร้อมกับใช้วงล้อคาร์บอนที่เบากว่า 1.6 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักโดยรวมของตัวรถอยู่ที่ 191 กิโลกรัม ท่อไอเทีย BMW M1000RR ใช้ท่อไอเสียที่ทำจากวัสดุไทเทเนียม และยังคงใช้แบรนด์ของ Akrapovic ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 7.8 กิโลกรัม ขณะที่ของเดิมกับรถ S1000RR นั้นมีน้ำหนัก 11.4 กิโลกรัม

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นด้วยหน้าจอ TFT 6.5 เพิ่มรูปแบบการแสดงผล และระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเก็บข้อมูลเวลาการขับขี่ พิเศษของ M เข้าไป เพิ่มตัวจับเวลาอย่าง M GPS แล็ปทริกเกอร์ และดาต้าล็อกเกอร์เข้าไปผ่านระบบการเชื่อมต่อ OBD ช่วยเก็บข้อมูลเวลาการขับขี่ในสนามเพื่อใช้ในการพัฒนารถและเทคนิกของผู้ขับขี่ได้ ระบบโมลดอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็ให้มาแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น ABS, traction control, Engine braking level และ wheelie control รวมไปถึงการเพิ่มระบบจำกัดความเร็วในพิทเลน, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน และ BMW’s Shift Assistant Pro

สำหรับโมเดลนี้ BMW Motorrad ประเทศไทยคาดว่าน่าจะนำมาจำหน่ายในไทยใน 2021 แต่เรื่องของราคานั้นบอกเลยว่าสมราคา 7 หลักแน่นอน ออพชั่นมาเต็มขนาดนี้พร้อมสำหรับการแข่งขันในเซอร์กิตเลย…นะจ๊ะ

 

 

All new NMAX 155 การตกแต่งในคอนเซ็ปท์ Sport Premium

ผลงานการตกแต่งจากร้าน Note Kevlar ร่วมกับ Banz Racing ภายใต้คอนเซ็ปท์สปอร์ตพรีเมี่ยมทำทั้งทีต้องจัดให้สุด!!!  ยามาฮ่า NMAX155 โฉมใหม่นี้ เป็นรถออโตเมติกที่มีความเป็นพรีเมี่ยม จึงมีการเล่นสีโทนดำผสานกับคาร์บอนเคฟล่าร์ของแท้ เพื่อให้ดูสวยคมดูหรูหรามากยิ่งขึ้น และยังเสริมของแต่งมาแบบจัดเต็มด้วยครอบสวิทช์กุญแจคาร์บอน
ปิดฝาถังลายคาร์บอน ปิดใต้เบาะคาร์บอน ครอบกรองคาร์บอน รวมถึงครอบแคร้งก์คาร์บอนด้วยเช่นกัน และยังเสริมความเท่ด้วยการติดฟิล์มสีสโมคที่ชุดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ชิวหน้าแบบแต่ง  เปลี่ยนโช้คอัพหน้า-หลังใหม่ โดยโช้คหน้าเป็นแบบอัพไซค์ดาวน์ ส่วนโช้คหลังใช้รุ่นG-Sport ของ YSS เปลี่ยนปั้มเบรกบน เบรกหน้าเบรกหลังใหม่รวมถึงเปลี่ยนจานดิสก์ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งจะต้องทำการแปลงขาปั้มหน้าและหลัง กลึงแม็กเพื่อใส่จานดิสก์และเพิ่มบูทล้อหน้า ในส่วนของแฮนด์เดิ้ลบาร์ได้แปลงและใส่แฮนด์แบบคาร์บอน
เปลี่ยนสายน้ำมันเบรกเป็นสายแต่ง กระจกติดปลายแฮนด์แต่ง ส่วนเบาะนั่งใส่เบาะใหม่ทรงสปอร์ต ติดที่วางเท้าแต่งใหม่ และเปลี่ยนที่วางเท้าคนซ้อนแบบแต่ง ท่อไอเสียแต่งคาร์บอนพร้อมคอท่อแบบแสตนเลส และในส่วนของน๊อตตามจุดต่างๆเป็นน๊อตแต่งทั้งหมด เรียกได้ว่าเติมความเฟี้ยวให้กับ  All new NMAX 155  ให้ดูซูเปอร์พรีเมียร์มากยิ่งขึ้นจากเดิม

2021 KTM 300 XC TPI

ความดุดันที่ถ่ายทอดคุณสมบัติต่างๆมาจากรถสูตร แต่ได้มีการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ และแรงบิดเสริมเข้าไปจากพื้นฐานเดิมของความเป็นรถสูตร รวมทั้งการเพิ่มคุณสมบัติในการขับขี่ด้วยระยะทำการที่ไกลขึ้นโดยการติดตั้งถังเชื้อเพลิงที่มีความจุเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนวงล้อหลังเป็นขนาด 18 นิ้ว เพื่อให้รองรับยางได้หลากหลายขึ้น จากรายละเอียดที่เพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆจนในที่สุดก็ได้รถวิบากที่เพียบพร้อมสำหรับการใช้งานในฐานะรถแข่ง cross country racer ที่มาพร้อมกับ 300XC TPI จาก KTM

ต้องยอมรับว่า KTM ยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ค่ายรถที่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องยนต์สองจังหวะอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น 300XC TPI จึงเป็นรถที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถในพิกัดและประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาดเวลานี้ ด้วยแรงบิดที่มีมานั้นยากที่จะมีคู่แข่งเทียบเคียง เช่นเดียวกับโครงสร้างตัวรถโดยรวมที่มีน้ำหนักเบาคล่องตัว เช่นเดียวกับที่มีกำลังเครื่องยนต์ที่มากพอสำหรับทำหน้าที่ในฐานะรถแข่ง จนเป็นที่ยอมรับว่า นี่คือรถแข่งในแบบ cross country เครื่องยนต์สองจังหวะ ที่พร้อมบุกตลุยไปบนทุกสภาพพื้นผิวแบบไม่กลัวอุปสรรคใดใด

และในโมเดลล่าสุด ได้เติมรหัส TPI ต่อชื่อรุ่นเพื่อแสดงถึงความล้ำสมัยในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจ่ายเชื้อเพลิงของหัวฉีดที่ระบบจะทำการปรับเปลี่ยนอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงและการควบคุมค่าไอเสีย ที่จะปรับตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนการ pre-mixing fuel และ re-jetting ซึ่ง TPI หรือ Transfer Port Injection system นี้จะมีส่วนสำคัญให้เครื่องยนต์มีการส่งกำลังที่นุ่มนวลสม่ำเสมอควบคุมง่าย

ไฮไลท์ที่มีการพัฒนามาใหม่สำหรับโมเดลล่าสุดของ KTM 300XC TPI อันดับแรกเลยก็คือ การปรับสีสันกราฟฟิคใหม่ และที่กล่าวไปแล้วก็คือ TPI หรือ Transfer Port Injection ที่ช่วยให้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลถึงขั้นตอนการผสมเชื้อเพลิง หรือการปรับเซ็ทค่านมหนูใดๆเช่นอดีต นอกจากนี้ได้มีการติดตั้ง เซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ new ambient air pressure sensor ที่จะมีส่วนสำคัญต่อการป้อนปริมาณอากาศที่เหมาะสมให้กับแต่ละสภาพอากาศหรือแต่ละสภาพพื้นที่ อันจะมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์สองจังหวะ ขนาด 293.2 ซีซี ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาระบบไอเสียใหม่ ด้วย new exhaust system ทั้งระบบ

ขณะที่ส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้นมาด้วยพื้นฐานเฟรมไฮเทคน้ำหนักเบาแบบ Chrome-moly steel frame พร้อมด้วยสวิงอาร์มชิ้นเดียวแบบ single-piece cast aluminium swingarm และแน่นอนว่าระบบกันสะเทือนนั้นต้องเป็นของ WP โดยกันสะเทือนหลังเป็น new WP XACT rear shock ที่เซ็ทติ้งมาใหม่พร้อมด้วย new compression adjuster ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็น new WP XACT front fork ที่ทำการเซ็ทติ้งใหม่ พร้อมเปลี่ยน new fork piston ซึ่งตัวรถ 2021 KTM 300XC TPI

ข้อมูลเบื้องต้นดังนี้

ENGINE
• TRANSMISSION 6-speed
• STARTEREl ectric starter
• STROKE 72 mm
• BORE 72 mm
• CLUTCH Wet, DDS multi-disc clutch,
Brembo hydraulics
• DISPLACEMENT 293.2 cm³
• EMS Continental EMS
• DESIGN 1-cylinder, 2-stroke engine
CHASSIS
• WEIGHT (WITHOUT FUEL) 101.3 kg
• TANK CAPACITY (APPROX.) 8.5 l
• FRONT BRAKE DISC DIAMETER 260 mm
• REAR BRAKE DISC DIAMETER 220 mm
• FRONT BRAKE Disc brake
• REAR BRAKE Disc brake
• CHAIN 5/8 x 1/4”
• FRAME DESIGN Central double-cradle-type 25CrMo4 steel
• FRONT SUSPENSION WP XACT-USD, Ø 48 mm
• GROUND CLEARANCE 370 mm
• REAR SUSPENSION WP XACT Monoshock with linkage
• SEAT HEIGHT 950 mm
• STEERING HEAD ANGLE 63.9 °
• SUSPENSION TRAVEL (FRONT) 310 mm
• SUSPENSION TRAVEL (REAR) 300 mm

2021 Yamaha YZ450F

สเต็ปถัดมาสำหรับการพัฒนาของ 2021 YZ450F ที่ใช้คำว่า Tune into Victory หลังจากที่โมเดลก่อนหน้านี้ ได้ทำการพัฒนาครั้งใหญ่ให้กับ 2020 YZ450F ที่มีการอัพเดททั้ง engine cylinder head,frame รวมถึงการอัพเกรดเทคโนโลยีในส่วนต่างๆ ที่มีส่วนให้บรรลุเป้าหมาย more powerful และ better handling กล่าวคือ มีกำลังเพิ่มขึ้น ควบคุมได้ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อมาถึง 2021 YZ450F นี้ ทาง Yamaha จึงใช้คำว่า การปรับจูนเพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะนั่นเอง

แนวความคิดในการออกแบบเครื่องยนต์ที่กะทัดรัดซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาไปสู่รุ่นอื่นๆของรถวิบาก Yamaha ที่ได้จาก YZ450F นี้ ส่วนหนึ่งก็คือ แนวทางการออกแบบ more compact rearward-slanted cylinder ที่นอกจากเครื่องยนต์ที่กะทัดรัดแล้วก็ยังออกแบบให้เอียงไปด้านหลังสามารถจัดการตำแหน่งจัดวางและพัฒนาเรื่องของสมดุลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็น่าจะกล่าวได้ว่า YZZ450F อัพเกรดได้ลงตัวตามเป้าหมายตั้งแต่โมเดลจากปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในปี 2021 จึงเพียงแค่ปรับจูนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละสนาม

แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นไฮไลท์ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้ก็คือ Yamaha Power Tuner App ที่ได้พัฒนาด้วยการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นสำหรับการปรับจูนรถแข่งอย่างง่าย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ด้วยการนำ GYTR Power Tuner มาพัฒนาลงอุปกรณ์สมาร์ทโฟนทั้งแบบ IOS และ Android ด้วยการเชื่อมต่อผ่านไวเลส ช่วยให้รถสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเซ็ทค่า air/fuel mixture และ ignition timing maps เพื่อทำการเลือกปรับเซทสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้เหมาะสมกับสภาพสนามรวมทั้งบันทึกข้อมูล หรือดูข้อมูลต่างๆได้อย่างมากมายผ่านสมาร์ทโฟนด้วยการใช้ power tuner app นี้ ขณะเดียวกันก็ยังคงมีสวิตซ์ปรับเปลี่ยนเลือกโหมดอย่างง่ายๆให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ด้วยการกดปุ่มที่ติดตั้งบนแฮนเดิ้ลบาร์ โดยโหมดที่เลือกใช้นั้นจะมาจากค่าแมปที่ที่โหลดไว้ก่อนแล้วผ่านจากการเซ็ทผ่าน power tuner app สำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบสตาร์ทไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้ำหนักเบา ความจุที่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้งาน ด้วย ultra lightweight four cell lithium-ion battery นอกจากการเน้นด้านเพอร์ฟอร์ม้านซ์ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่โมเดลที่ผ่านมาแล้ว ในส่วนของระบบเบรกสำหรับ 2021 YZ450F โมเดลล่าสุดนี้ ได้ปรับมาเป็นจานดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น new braking systems จานดิสก์หน้าขนาด 270 มม.พร้อมรองรับกับคาลิเปอร์หน้าที่แข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นด้วยผ้าเบรกที่เปลี่ยนวัสดุใหม่ ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับชุดคาลิเปอร์หลังที่กะทัดรัดทรงพลังมาพร้อมกับจานดิสก์ขนาด 240 มม. ซึ่งออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีขณะใช้งาน

พร้อมกันนี้ 2021 YZ450F นอกจากเวอร์ชั่นมาตรฐานแล้ว ยังมีเวอร์ชั่นพิเศษ ออกมาควบคู่กันด้วย 2021 YZ450F Monster Energy Yamaha Racing Edition ที่จะโดดเด่นด้วยลวดลายสีสันกราฟฟิคของรถแข่งในแบบเดียวกับทีมแฟคทอรี่ โดย Monster Energy Yamaha Racing Edition นี้ก็คือ การใช้ลวดลายกราฟฟิคของ YZ450F แบบเดียวกับ Yamaha ทีมแฟคทอรี่

สเปคพื้นฐานของตัวรถมีดังนี้

Engine type : 4-stroke;liquid-cooled; DOHC;4-valves;rear ward
slanting single cylinder
Displacement: 450cc
Bore x stroke : 97.0 mm x 60.8 mm
Compression ratio : 13.0 : 1
Lubrication system : Wet sump
Clutch Type : Wet;Multiple Disc
Ignition system: TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh;5-speed
Final transmission : Chain
Carburettor : Fuel Injection
Frame : Semi double cradle
Caster Angle 26º55
Trail 120mm
Front suspension system : Upside-down telescopic fork
Rear suspension system : Swingarm;(link suspension)
Front travel: 310 mm
Rear Travel: 317 mm
Front brake : Hydraulic single disc, Ø270 mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø240 mm
Front tyre : 80/100-21 51M
Rear tyre : 110/90-19 62M
Overall length 2,185 mm
Overall width 825 mm
Overall height 1,285 mm
Seat height 965 mm
Wheel base 1,485 mm
Minimum ground clearance: 330 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 112 kg
Fuel tank capacity : 6.2litres
Oil tank capacity : 0.90litres

ฮอนด้าเปิดตัว All New Super Cub ผสานความออริจินอลและเทคโนโลยีใหม่

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ Honda Smart Engine ประหยัด แรง ทน ครบทุกฟังก์ชันการขับขี่ เอ.พี. ฮอนด้า ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย เปิดตัวโมเดลใหม่ All New Super Cub รถครอบครัวสไตล์แฟชั่น รุ่นใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Find Your Original ความออริจินอลที่เป็นคุณ” ตัวรถได้รับการดีไซน์ในแบบออริจินัลคับ พร้อมยกระดับเทคโนโลยีใหม่หมดรอบคัน ขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ Honda Smart Engine ขนาด 110 ซีซี ประหยัด แรง ทนทาน มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่อำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น เบาะนั่งขนาดใหญ่ แถวยาวตอนเดียว ให้ความมั่นใจผู้ซ้อนท้ายด้วยมือจับหลังโครเมียม เรือนไมล์เพิ่มจอ LCD Digital Multi-Meter แสดงข้อมูลครบถ้วนทุกรายละเอียด พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำ 47,400 บาท

All New Super Cub รถครอบครัวสไตล์แฟชั่น รุ่นใหม่ล่าสุดจากฮอนด้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Find Your Original ความออริจินอลที่เป็นคุณ” ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของรถจักรยานยนต์ที่เป็นต้นกำเนิดแห่งความคลาสสิกอันโด่งดังและได้รับความนิยมทั่วโลก โดดเด่นด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ตามแบบฉบับออริจินัลยุค 50s ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED สวย ทันสมัย ส่องสว่างกว้างไกล ขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยวทรงกลมแบบแยกส่วนเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยกระจกข้างออกแบบใหม่ ทรงกลมเข้ากับสไตล์คลาสสิกอย่างลงตัว

All New Super Cub ยกระดับเทคโนโลยีใหม่รอบคัน เริ่มตั้งแต่เฟรมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น น้ำหนักเบา ควบคุมรถง่ายยิ่งขึ้น ให้ความมั่นคง และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยตัวรถมีน้ำหนักรวมลดลงถึง 3 กิโลกรัม All New Super Cub มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด Honda Smart Engine ขนาด 110 ซีซี ทำงานร่วมกับหัวฉีด PGM-FI เกียร์วน 4 ระดับ ให้ทั้งความประหยัด แรง ทนทาน จากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ได้แก่

• ปรับองศาการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างหมดจด ให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 71.4 กม./ลิตร ผ่านการรับรองระบบบำบัดไอเสียมาตรฐานไอเสียระดับ 7 โดยสถาบันยานยนต์
• เครื่องยนต์ใหม่ เพิ่มระยะชักยาวขึ้น กำลังอัดมากขึ้น กำลังและแรงบิดมากขึ้นในรอบต่ำถึงกลาง ออกตัวเร็ว บรรทุกหรือขึ้นเนินสบายๆ
• เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการหล่อลื่นดีขึ้น เครื่องยนต์ทนทาน การใช้งานยาวนานมากขึ้น

All New Super Cub จัดเต็มฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยให้การขับขี่มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น นำโดยเบาะนั่งขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ แบบแถวยาวตอนเดียว นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน เสริมด้วยมือจับหลังโครเมียม ตอบโจทย์การเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซ้อนท้ายได้เป็นอย่างดี โช๊กอัพหน้า-หลัง เพิ่มระยะยุบ เพื่อการซับแรงกดจากการบรรทุกที่ดี ขับขี่นุ่มนวลมากขึ้น เรือนไมล์ใหม่เพิ่มจอแสดงผลแบบ LCD Digital Multi-Meter ให้ข้อมูลครบถ้วนทุกรายละเอียด อาทิ ตำแหน่งเกียร์, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, อัตราการสิ้นเปลือง, นาฬิกาบอกเวลา, ระยะทางรวม และทริประยะทางที่ตั้งค่าไว้ All New Super Cub มีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ ได้แก่ สายออริจินอล สีขาว เรียบง่ายแต่มีสไตล์, สายเอาท์ดอร์ สีแดง ออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ได้ทุกที่ และสายอาร์ต ในสไตล์คู่สีทูโทน สีน้ำเงิน-ขาว, สีเหลือง-ขาว และสีชมพู-ขาว เพื่อความเท่ไม่ซ้ำใคร เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำ 47,400 บาท

ผู้ที่สนใจ All New Super Cub สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.aphonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

2021 Husqvarna TC65

รถเล็กแต่สมรรถนะในระดับฟูลไซส์ กับนิยามของ เจ้า TC65 ที่ว่า Full size performance สำหรับรถสูตรพิกัด 65 ซีซี จากค่าย Husqvarna ที่ปัจจุบันในบ้านเราเริ่มมีให้เห็นกันหนาตามากขึ้น สำหรับม้าศึกทรงพลัง จิ๋วแต่แจ๋วของเยาวชนนักบิดในเกมซูเปอร์ครอส โมโตครอสเมืองไทย

Husqvarna TC65 เป็นตัวแข่งเครื่องยนต์สองจังหวะในพิกัด 65 ซีซี อีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับการอัพเดทเทคโนโลยีล่าสุด แต่ที่น่าสนใจก็คือ นี่คือรถที่เบาที่สุดและใช้วัสดุที่ค่อนข้างจะทนทานมากที่สุดในรถพิกัดเดียวกัน เครื่องยนต์มีการนำ pressure controlled exhaust valve มาใช้ซึ่งมีส่วนช่วยให้สามารถเค้นกำลังออกมาได้อย่างเต็มสมรรถนะ ขณะเดียวกันก็ได้ติดตั้งชุดเกียร์ manual 6-speed transmission และ hydraulic clutch

เสื้อสูบคุณภาพสูง high performance cylinder ที่ผลิตจากอลูมิเนียมที่มีความทนทานแข้งแกร่ง และน้ำหนักเบา สามารถจัดการในการทำงานร่วมกับ PCEV หรือ Pressure controled exhaust valve ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมาพร้อมคลัทช์ที่มีความแม่นยำ ทนทาน ด้วย hydraulic clutch system

แต่ดูเหมือนว่าจุดเด่นของ TC65 นี้ จะอยู่ที่ความล้ำสมัยในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ ด้วยเฟรมที่มีความทนทานสูงซึ่งผลิตจากวัสดุชั้นยอดกับเฟรมแบบ chromium molybdenum steel frame ที่ออกแบบให้มีการรองรับแรงเค้น และแรงกระทำต่างๆได้อย่างดี ดังนั้นเฟรมของ TC65 นี้ จึงมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง มั่นคงควบคุมง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประกอบเข้ากับชุดระบบกันสะเทือนประสิทธิภาพสูงจึงส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถแข่งได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนหน้า WP XACT Front Suspension นับเป็นเทคโนโลยีล่าสุด ด้วยการพัฒนาแล้วนำมาใช้กับ WP AER35 fork ที่เป็นฟอร์คแบบอัพไซด์ดาวน์ USD fork ขนาด 35 มม. ซึ่งมีระยะยุบตัว 215 มม. พร้อมรองรับกับทุกสภาพสนามแข่งขัน ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหลังนั้นเป็น WP PDS Rear Shock ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสวิงอาร์มหลัง linked directly to the swingarm โดย WP monoshock นี้มีช่วงยุบ 270 มม. สามารถปรับเซ็ทได้แบบ fully adjustable ส่วนของระบบเบรกนั้น เป็นระดับเดียวกับที่ใช้ในรถแบบ full size motocross โดยใน TC65 ได้รับการติดตั้งเบรกไฮโดรลิก hydraulically operated brake calipers ที่มาพร้อมกับจานดิสก์หน้าขนาดใหญ่ waved front disc ขนาด 198 มม. และ rear disc ขนาด 160 มม. ที่ให้กำลังในการเบรกที่เพียงพอสำหรับรองรับสมรรถนะของรถแข่ง

นอกจากนี้อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ของตัวรถจัดเป็น premium quality standard ไม่ว่า bodywork ที่ออกแบบพิเศษโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่ตัวเล็กที่มีประสบการณ์ไม่มากจนถึงผู้ขับขี่ที่มากประสบการณ์ ซึ่งโครงสร้างของตัวถังนี้คำถึงจุดสัมผัสต่างๆ ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ และพร้อมให้ความสะดวกสบายในทุกสภาพการขับขี่ เช่นเดียวกับแฮนเดิ้ลบาร์ที่ใช้อลูมิเนียมอัลลอยคุณภาพสูง ให้ความมั่นคง และปลอดภัย อีกทั้งยังคำนวณมิติที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ที่หลากหลายด้วยการให้ตำแหน่งท่าทางการขี่ที่ดีที่สุด หรือแม้แต่ในส่วนของวงล้อก็เลือกใช้อลูมิเนียมเกรดสูงแบบเดียวกับวงล้อในรถแบบ full size motocross ซึ่งเป็นวงล้อที่มีน้ำหนักเบาแข็งแรงทนทาน พร้อมกับได้รับการทำอะโนไดซ์สีดำอีกด้วย

รายละเอียดสเปคของตัวรถมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้

Engine
Engine type Single cylinder, 2-stroke
Displacement 64,9 cc
Bore/stroke 45/40,8 mm
Starter Kickstarter
Carburetor Mikuni VM 24
Control Slide valve, exhaust gas pressure dependent
Lubrication Mixture lubrication 1:60
Transmission 6 gears
Gear ratios 13:37  16:34  18:31  21:30  23:28  24:26
Primary ratio 23:75
Final drive 14:48
Cooling Liquid cooling
Clutch Wet multi-disc clutch, Formula hydraulics
Ignition AET digital
Chassis
Frame Chrome-molybdenum steel
central-tube frame
Subframe Aluminium
Handlebar Tapered Aluminium Ø 28/22 mm
Front suspension WP XACT Upside-Down
fork, Ø 35 mm
Rear suspension WP XACT PDS monoshock
Suspension travel front/rear 215/270 mm
Front brake Disc brake Ø 198 mm
Rear brake Disc brake Ø 160 mm
Front/rear rims 1.60 x 14”; 1.60 x 12” Alu
Front/rear tires 60/100 x 14”; 80/100 x 12”
Chain 1/2 x 1/4”
Silencer Aluminium
Steering head angle 64,5°
Triple clamp offset 22 mm
Wheel base 1,137 mm ± 10 mm
Ground clearance 280 mm
Seat height 750 mm
Tank capacity 3,5 Liter
Weight (without fuel) 53 kg

“ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery”

“ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery” พิสูจน์ความประหยัด ความคุ้มค่า จริง!!! จาก Food Delivery Lineman บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่ประหยัดและคุ้มค่าแห่งยุคอีกครั้ง หลังจากที่ “ยามาฮ่า ฟินน์” ทำสถิติประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 96.16 กม./ลิตร จากการแข่งขันประหยัดน้ำมันจากสื่อมวลชนในกิจกรรม “ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด” เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ยามาฮ่าได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ใช้รถจักรยานยนต์รถครอบครัวในการประกอบอาชีพ ที่ต้องการความคล่องตัวและความประหยัด เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพ Food Delivery ขึ้นในชื่อกิจกรรม “ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery”

สำหรับกิจกรรม “ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery” นี้ ทางยามาฮ่าจะทำการคัดเลือกผู้ที่ประกอบอาชีพ Food Delivery Lineman ที่มีประสบการณ์ในการรับส่งอาหารมาเป็นเวลานานและมีความสามารถในการทำยอดต่อวันสูงเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันจำนวน 5 คน โดยกิจกรรมครั้งนี้จะเน้นการแข่งขันในรูปแบบเรียลลิตี้ ซึ่งจะให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนได้ใช้รถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟินน์” เป็นพาหนะในการแข่งขันเพื่อรับออเดอร์จากแอปพลิเคชั่น Lineman พร้อม รับ-ส่ง อาหารตามจริงภายใน 1 วัน โดยผู้ที่สามารถทำยอดรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน

โดยกิจกรรมการแข่งขัน “ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery” ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ประกอบอาชีพ Food Delivery จะได้สัมผัสถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ ความประหยัด ความคล่องตัว ความสบาย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ในรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟินน์” ที่ถือได้ว่าเป็นรถครอบครัวที่ประหยัดสูงสุดและให้ความคุ้มค่าที่สุดของยุคนี้ได้ในทุกมิติอย่างแท้จริง เพื่อเป็นข้อมูลแนวทางให้กับผู้ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ในการประกอบอาชีพ Food Delivery ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

นอกจากกิจกรรมการแข่งขัน “ฟินน์ กล้า…ท้าประหยัด #2 Food Delivery” แล้ว ยามาฮ่ายังพร้อมให้การสนับสนุนผู้ที่ต้องการอยากได้รถจักรยานยนต์เพื่อนำไปประกอบอาชีพ Food Delivery โดยเฉพาะ ด้วยการจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ที่ซื้อรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟินน์” เพื่อไปประกอบอาชีพ Food Delivery ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2563 จำนวน 50 คัน เท่านั้น…เพียงส่งเอกสารการซื้อรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟินน์” พร้อมทั้งใบประกอบอาชีพรับส่งอาหารมาทางเพจ Facebook Finn Family รับไปเลย บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท สำหรับ “ยามาฮ่า ฟินน์” มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกัน 4 รุ่นคือ รุ่น UBS ราคา 47,000 บาท, รุ่นล้อแม็กซ์ สตาร์ทมือ ราคา 45,500 บาท, รุ่นล้อซี่ลวด สตาร์ทมือ ราคา 43,500 บาท และรุ่นล้อซี่ลวด สตาร์ทเท้า ราคา 40,900 บาท และรับสิทธิ์รับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง เมื่อซื้อ “ยามาฮ่า ฟินน์” ทุกรุ่นระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 ธันวาคม 2563

โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่

www.yamaha-motor.co.th
www.facebook.com/yamahasocietythailand

All new NMAX 155 การตกแต่งสไตล์ Sport Racing

ขวัญใจสายซิ่ง !!  NMAX Sport Racing by Jackshop & Pear R1อีกหนึ่ง Yamaha N-MAX 2020 คอนเซ็ปท์ “Sport Racing” โดยสำนัก “Jackshop” อีกหนึ่งร้านแต่งรถจักรยานยนตร์ ย่านลาดพร้าว 71 ที่ถือว่ามีผลงานออกมาให้ชมกันอย่างไม่ขาดสายตาเลยทีเดียว

รถคันนี้ทำอะไรไปบ้าง !!

– ชุดสีทําลายเส้น byโจ้ปากนํ้า
– ปั๊มบน ซ้าย-ขวา Adelin เบอร์ 19
– สายถักท่อนบน ซ้าย-ขวา Swit
– งานเคฟลาร์คาร์บอนรอบคัน Cabontech
– ชิวใส Dragon 9
– จานดิสเบรคหน้า Sevenspeed
– ขาจับปั๊มเบรค หน้า-หลัง RSV
– ปั๊มล่าง หน้า-หลัง Swit
– สายเบรคล่าง Swit
– ยาง Pirelli Angel Scooter
– เบาะแต่ง หน่อยวัดด่าน
-โช๊ค Yss G-Sport Black
– พื้นวางเท้า GTR
– พักเท้าคนซ้อน GTR

มันมาแน่! Honda FORZA 750 DCT ขยับอัพสู่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยม

ไวรัส หรือจะสู้ วัยแรง Honda สวนกระแสปล่อยคลิปสั้นๆ ความยาว 15 วินาที เรียกน้ำย่อยสาวกรถ เอ.ที. ให้ได้ลุ้นกันอีกว่า The All New FORZA มันคือรุ่นอะไร ก็เพิ่งเปิดตัวกับ FORZA 350 ไปไม่นาน มันจะเปลี่ยนอีกแล้วเหรอ? แต่คงจะเดากันไม่ยาก กับขนาดรูปร่างที่ใหญ่โตขึ้น

The Forza family is getting bigger น่าจะประโยคที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ซึ่งหมายความว่าโมเดลใหม่ในตระกูล Forza จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และอีกอย่างกับโลโก้แบรนด์ ปีกนก ใช้ที่เป็นสีเงิน ซึ่งเป็นโลโก้ประจำของฮอนด้าบิ๊กไบค์นั่นเอง

ซึ่งถ้าว่าไปแล้ว Honda เองก็มีโมเดล Honda Integra บิ๊กสกู๊ตเตอร์ กับเครื่องยนต์ 750 อยู่แล้ว ทำให้โมเดลใหม่ FOZA750 คือพัฒนาที่ต่อยอดขึ้นมาในรูปทรงที่กำลังได้รับความนิยม และไม่แน่ว่าเครื่องยนต์จะมีการอัพถึง 800 ซีซี เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย และขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์แบบ DCT ก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาไปต่างๆ นาๆ เท่านั้น อดใจรอสักนิด ดีเดย์ วันที่ 14 ตุลาคมนี้ ตามที่ในคลิประบุไว้คงได้เห็นข่าวการเปิดตัว และรูปร่างตัวจริงๆ ของ The All New FORZA ว่าจะออกมาสวยขนาดไหน

วรูม ไทยแลนด์ ยกทัพรถ BAJAJ Pulsar & Dominar รุ่นใหม่ล่าสุดครบทุกรุ่นให้สื่อมวลชนทดสอบ อีกบทพิสูจน์ความแรง แกร่ง เท่ ของรถ BAJAJ

หลังจากที่ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์บาจาจครบทุกรุ่นในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากสื่อมวลชน และลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องการทดสอบขับขี่ที่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแบรนด์บาจาจ ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทางบริษัทฯ จึงได้เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมทดสอบสมรรถนะ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์บาจาจครบทุกรุ่นในทุกสภาพถนน

ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้สื่อมวลชนจะได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์บาจาจ รวมถึงสมรรถนะที่ทรงพลังของเครื่องยนต์ที่ให้อำนาจในการควบคุมให้กับผู้ขับขี่ ทำให้ทุกเส้นทางการเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางโค้ง คดเคี้ยว หรือในสถานการณ์ที่ต้องการอัตราเร่ง เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สนุกสนาน และมีความปลอดภัย

วรูม ไทยแลนด์นั้นได้วางรูปแบบในการทดสอบขับขี่ครั้งนี้ตามคอนเซ็ปต์ของรถจักรยานยนต์บาจาจคือ แรง แกร่ง เท่ โดยเตรียมรถจักรยานยนต์บาจาจให้สื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ได้ร่วมทดสอบสมรรถนะทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ Pulsar NS 160, Pulsar NS 200, Pulsar RS 200 และ Dominar 400 โดยเลือกเส้นทางที่แตกต่างถึง 3 เส้นทางใน 3 วัน แต่ละวันจะเดินทางทดสอบขับขี่ในสถานที่ที่ต่างกันไป วันแรกเริ่มจากกรุงเทพ – กาญจนบุรี – กรุงเทพ วันที่สองเริ่มจาก กรุงเทพ – ระยอง – กรุงเทพ วันที่สามเริ่มจาก กรุงเทพ – เขาใหญ่ – กรุงเทพ ระยะทางรวมทั้งหมดมากกว่า 1,300 กิโลเมตร โดยกำหนดเส้นทางให้มีความหลากหลายในแต่ละวัน เผชิญทุกสภาพถนนเพื่อทดสอบรายละเอียดต่างๆ

จุดนัดพบรวมพลกันที่สำนักงานใหญ่ที่ แฟล็กชิพ ลาดพร้าวซอย 122 ซึ่งช่วงแรกนี้ทุกคนจะได้มีโอกาสทำความรู้จักและได้รับทราบรายละเอียดของตัวรถ ทั้งในส่วนการออกแบบรถในส่วนต่างๆ ที่ผสมผสานความหรูหรา โฉบเฉี่ยว สปอร์ต และความเรียบง่ายไว้ด้วยกัน จากนั้นจะใช้เส้นทางผ่านถนนช่วงนี้มีพื้นที่โล่งๆ ให้ทดสอบการตอบสนองของเครื่องยนต์ ทั้งในเรื่องของการทำความเร็ว อัตราเร่ง การเร่งแซง ระบบเกียร์ รวมถึงความคล่องตัวเมื่อมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเลนไปมา การขับขี่ในรูปแบบนี้ต้องอาศัยความพร้อมหลายอย่างของตัวรถ ทั้งอัตราการเร่งที่ดี ช่วงล่างที่ยึดเกาะถนน รถทุกรุ่นจะผ่านเส้นทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนที่มีสภาพการจราจรที่แออัด ถนนทางตรง ถนนโค้ง หรือสภาพถนนขรุขระ ความคล่องตัว และสมรรถนะของเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์บาจาจทุกรุ่นสามารถผ่านมาได้สบายๆ ในทางกลับกันให้ความรู้สึกสนุกสนาน ขี่ง่าย และที่สำคัญคือสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย

นายวรท กมลโชติรส รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วรูม จำกัด กล่าว “ตลอดการเดินทางไป-กลับของทริปนี้ ผมมั่นใจว่าสื่อมวลชนจะได้สัมผัสถึงความโดดเด่นของเทคโนโลยีขุมพลังของเครื่องยนต์บาจาจที่ทรงประสิทธิภาพตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การเดินทางตลอดทั้งวันมีแต่ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และประจักษ์ได้ว่ารถจักรยานยนต์บาจาจที่อัดแน่นไปด้วยความแรง อารมณ์สปอร์ต รวมถึงคุณสมบัติ
เด่นอื่นๆ ในทุกๆ รุ่นจะสร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ ให้กับสื่อมวลชน”

ความคิดเห็นผู้ทดสอบ
Pulsar NS160 น้องเล็กสุด สไตล์เน็กเก็ดไบค์ รูปทรงมีขนาดกะทัดรัด ทำให้การคอนโทรลง่าย คล่องแคล่ว นั่งสบาย แต่แฮนด์เป็นแบบที่ยึดกับหัวโช้คไม่ใช่แบบเทเปอร์ ดูขัดๆ ตาไปหน่อย กำลังของเครื่องยนต์ให้ความนุ่มนวลไม่กระชาก สูบเดี่ยวก็เฟี้ยวได้ แต่มีอัตราเร่งที่ต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์ เกียร์ 5 สปีด ในอัตราทดที่สมส่วน สิ่งที่โดดเด่นก็คือการเซ็ทช่วงล่างที่ไม่กระด้าง และเกาะเข้าโค้งได้นิ่งเกินที่คาดเอาไว้ รอบปลายลากกันยาวๆ มีอาการตัดรอบ อั้นๆ เหมือนอยากจะไปต่อ อันนี้เอาไปปลดรอบก็มิดเกจ์แน่นอน

Pulsar NS200 Fi ABS
ด้วยรูปทรงแล้วไม่ได้แตกต่างกับตัว 160 ซีซี มีความคล่องตัว นั่งสบาย เพียงแต่เพิ่มในเรื่องของความจุกระบอกสูบเป็น 200
ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และการจุดระเบิดด้วยหัวเทียน 3 หัว อารมณ์มันก็เปลี่ยนไป อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การบิดออกตัว หรือการเร่งแซง มาเร็วขึ้น มีความปลอดภัยด้วยระบบดิสก์หน้าพร้อม ABS อันนี้ได้ใช้งานรู้สึกว่ามั่นใจในถนนที่มีกรวด และแน่นอนว่าการทรงตัวที่โดดเด่น สำหรับช่วงล่างต้องบอกว่าแหล่มจริงๆ
Pulsar RS200 Fi ABS
เปลี่ยนอารมณ์จากเน็กเก็ดมาเป็นรถสปอร์ต ด้วยรูปทรงที่ออกแบบฟูลแฟริ่ง ให้ความสปอร์ต ด้านหน้าสวยสไตล์ยุโรป ไฟคู่โปรเจคเตอร์ งานประกอบไม่ก๊องแก๊ง คม เฉี่ยว ตามสมัยนิยม เรือนไมล์ดิจิตอลผสมกับอานะล็อค ที่วัดเกจ์รอบสไตล์เรซซิ่ง
เรพลิก้า ท่านั่งไม่ก้มมากนิ่งได้สบาย ตัวรถกระชับถังเว้าให้หนีบได้แน่นๆ แฮนด์สูงไปนิดขัดๆ ตา น่าจะจับหัวโช้คและต่ำลงหน่อยรับรองวิ่งอร่อยเหาะพร้อมหมอบ เครื่องยนต์ 200 ซีซี ระบบหัวฉีด มีอัตราเร่งที่กำลังพอดี มาเรียบๆ นุ่มๆ ไม่หวือหวา แต่มีกำลังอัดที่พอตัว ใช้เกียร์สูงในรอบต่ำได้สบายๆ เกียร์ 6 สปีด ดีดทุกเกียร์เหมือนกับลองได้เล่นลากกันยาวๆ ท็อปสปีด 146 กม./ชม. ดิสก์เบรกหน้าหลังโดยใช้คาลิเปอร์ BEBRE แบรนด์รองจาก Brembo ติดตั้งมาพร้อมสายเบรกถัก
DOMINAS D400
สายพันธุ์เน็กเก็ดสปอร์ตทัวร์ริ่ง แต่ไม่ได้บึกบึนใหญ่โตจนเกินไป หน้าตาฟัดกับค่ายแดนมังกรได้เลย มีลูกเล่นไฟบูลไลท์ ที่สวิตช์ทั้งสองข้าง เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จุดระเบิดด้วยหัวเทียน 3 หัว รับรองเผาไหม้หมดจด ได้กำลังอัดที่รุนแรง และรวดเร็ว เปิดคันเร่งดีดคลัทช์ที่ 7,000 รอบ มันกระโจนล้อลอยง่ายๆ ขนาดกำลังดี คล่องตัว นั่งสบายๆ จุดศูนย์ถ่วงอยู่ประมาณกึ่งกลาง ทำให้มีความเสถียร ไม่หนักหน้าพลิกเลี้ยวแล้วไม่รู้สึกท้ายแกว่ง การใช้เบรกลึก เบรกหนัก ด้วยจานที่ใหญ่ถึง 320 มม. มั่นใจ โช้คอัพหน้าหัวกลับ 35 มม. ก็เพียงแล้วสำหรับรถขนาดกลาง โช้คอัพหลัง คอยล์สปริง และซับแทงค์แก๊ส เอาอยู่ทุกสภาพถนนเลย เวลาเลี้ยวเข้าโค้งรู้สึกว่าเกาะถนนได้ดี การสั่นสะท้านถึงแฮนด์ก็มีบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่แรงจนมือสั่น ขี่ระยะทางสั้นๆ มีไอร้อนที่ขาเหมือนกันนะ มาให้ได้ลองขนาดนี้ก็ต้องกดท็อปสปีดดูสักหน่อย เชนลงเกียร์ 3 แล้วบิดคันเร่งสับเกียร์ช่วงไฟชิฟไลท์โชว์ ต่อเนื่อง 4-5-6 หมอบให้มิด หันมาไมล์ 178 กม./ชม. อันนี้ไม่ได้โม้ ไม่ได้อวย ค่าเฉลี่ยจากนักทดสอบทั้งหมดอยู่ที่ 173 กม./ชม. พอแล้ว กับเครื่องยนต์สูบเดี่ยว