รัฐเร่งวางเกณฑ์อนุญาตนำเข้ารถโบราณ เน้นส่งเสริมอนุรักษ์ สร้างงานซ่อมบำรุง หนุนซอฟท์พาวเวอร์ไทย

สมาคมรถโบราณฯ แจ้งความคืบหน้ามติ ครม. ไฟเขียวนำเข้ารถโบราณ 

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อ 12 มีนาคม 2567 และ 22 เมษายน 2568 อนุมัติกฎหมายนำเข้ารถโบราณเพื่อการอนุรักษ์นั้น

สมาคมฯ ต้องขอขอบคุณภาครัฐที่รับฟังข้อมูลด้วยดีมาตลอด โดยขอสรุปมติ ครม. และประเด็นที่เคยร่วมหารือกับหน่วยงานต่างๆ กรณี “การนำเข้ารถโบราณที่มีอายุเกิน 30 ปี” ซึ่งจะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของ 6 หน่วยงานรัฐ ดังนี้

1 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดรับฟังความคิดเห็นแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมออกประกาศอนุญาตให้นำเข้ารถยนต์โบราณตามมติ ครม.

2 กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างปรับเกณฑ์ยกเว้นเรื่องการปล่อยไอเสียของรถโบราณ ซึ่งจะถูกจำกัดจำนวนวันใช้รถ

3 กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างยกร่างประกาศลดอัตราอากร และยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์โบราณ สำหรับรถยนต์นั่งตามพิกัดอัตราศุลกากร ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปี แต่ไม่เกิน 100 ปี และพิกัดอัตราศุลกากรรถยนต์โบราณที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปี

4 กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างออกประกาศกำหนดภาษีสรรพสามิตที่จะใช้จัดเก็บภาษีรถยนต์โบราณอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ไม่รวมถึงรถกระบะ และมอเตอร์ไซค์ โดยคิดคำนวณภาษีจากราคาประเมินสากลที่เป็นปัจจุบัน และถูกประกาศโดยกรมสรรพสามิต ทั้งนี้คาดว่าจะกำหนดอัตราขั้นต่ำที่ 2 ล้านบาท

5 กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มบทนิยามรถโบราณกำหนดขนาด ลักษณะ ของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โบราณเป็นป้ายสีดำ ตัวอักษรสีขาว

6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมออกกฎให้รถยนต์โบราณชุดนี้วิ่งได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันที่นำไปจัดแสดงตามกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจำนวนวันต้องรอประกาศเป็นทางการอีกครั้ง

“การอนุญาตนำเข้ารถโบราณช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์รถโบราณ และรถคลาสสิคให้คึกคักขึ้น เก็บภาษีได้เพิ่ม ช่วยสร้างงานซ่อมบูรณะให้ช่างไทย ส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์  เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้การท่องเที่ยวได้อย่างดี  สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทยพร้อมขยายกิจกรรมประจำปีต่างๆ ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม” ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวเพิ่มเติม

ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับกฎหมายนำเข้ารถโบราณ และกิจกรรมของสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทยได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub

ทัพนักบิด “New Honda CBR Series” ฟอร์มแกร่ง รั้งกลุ่มหน้า ARRC สนามเปิดฤดูกาล 2025 จ.บุรีรัมย์

รถแข่ง “New Honda CBR Series” ทำผลงานรั้งกลุ่มหน้า

ทัพนักบิด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ส่งนักแข่งเต็มอัตราศึกทั้ง 3 รุ่นท็อป ลงดวลศึกชิงเจ้าความเร็วระดับทวีปเอเชีย ในรายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนามเปิดฤดูกาล ทำผลงานรั้งกลุ่มหน้าด้วยรถแข่ง “New Honda CBR Series” ของโปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

หลังผ่านการซ้อมอย่างเป็นทางการ (Practice) ทั้ง 3 ช่วง ในสภาพอากาศร้อนจัด ทัพนักแข่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ทำผลงานรั้งกลุ่มหน้า อย่างรุ่นใหญ่สุด เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ยอดนักบิดไทย หมายเลข 41 บิดรถแข่ง Honda CBR1000RR-R รั้งท็อป 3 เวลาต่อรอบดีที่สุด 1:36.185 นาที ใน Practice 3

รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) นักบิดดาวรุ่งไฟแรง The Next Successor โชว์ผลงานสุดร้อนแรง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 บิดรถแข่ง Honda CBR600RR ครองอันดับ 1 ในการซ้อมรอบ Practice 1 และ 2 ด้วยเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด 1:39.743 นาที จาก Practice 2 ด้านทีมเมท “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ หมายเลข 18 รั้งท็อป 9 เวลาต่อรอบดีที่สุด 1:40.703 นาที ใน Practice 2 ขณะที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 ได้รับบาดเจ็บที่มือซ้าย พลาดลงแข่งสนามนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

รุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) 2 ดาวรุ่งเยาวชน สิทธิ์ไวล์ดการ์ด เก็บประสบการณ์เยี่ยม ด้วยรถแข่ง Honda CBR250RR “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร หมายเลข 12 คว้าท็อป 6 ทำเวลาต่อรอบดีที่สุด 1:52.945 นาที ใน Practice 2 และ “ชินโจ” ณภัทร จาตูม หมายเลข 86 คว้าท็อป 7 เวลาต่อรอบดีที่สุด 1:53.048 นาที โดยทำได้ใน Practice 2 เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้โปรแกรมการควอลิฟายจะมีขึ้นในช่วงเช้าและลงแข่งขันชิงชนะเลิศเรซที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน และปิดท้ายด้วยเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายนนี้

“ตี – อนุภาพ” คัมแบ็กศึกชิงแชมป์เอเชีย Top5 รุ่น SS600 ช่วงซ้อมวันแรก!!!

“ตี – อนุภาพ ซามูล” ลงสนามประเดิมเกมชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 

“ตี – อนุภาพ ซามูล” นักบิดจอมเก๋าของทีมยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่งทีม ที่ลงชิงชัยในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ด้วยรถแข่ง YAMAHA YZF-R6 หมายเลข 500 นั้น โชว์ฟอร์มได้ดีโดยสามารถทำเวลาติดอันดับ Top5 ด้วยการกดคันเร่งทำเวลาต่อรอบดีที่สุดอยู่ที่ 1:39.677 นาที ในการลงสนามประเดิมเกมชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามแรกที่จัดชิงชัยกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย ตามโปรแกรมวันแรกที่เป็นรอบของการซ้อมที่มีด้วยกันถึง 3 เซกชั่น

สำหรับโปรแกรมถัดไปจะเป็นการลงสนามในรอบควอลิฟายหาตำแหน่งสตาร์ตกันต่อไปในช่วงเช้าวันที่ 26 เมษายน 2568 และต่อด้วยการแข่งขันเรซแรกของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ในเวลา 14.55 น.

—————————-
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2025 #TheBlueShif #YamahaR6 #AS51 #YamahR3 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

“ก้อง-สมเกียรติ” กับเส้นทางนักบิดโมโตจีพี ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ฮีโร่นักบิดชาวไทย

โมโตจีพี 2025 ผ่านไปแล้ว 4 สนาม ท่ามกลางการลุ้นแชมป์สุดเข้มข้น ขณะเดียวกัน แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยก็ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเชียร์เกมความเร็ว เพราะนี่คือฤดูกาลแรกในประวัติศาสตร์ที่มี “นักแข่งรถโมโตจีพีชาวไทยคนแรก” ลงแข่งขัน

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ฮีโร่นักบิดชาวไทยเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ “ไทยฮอนด้า” หลังเปิดตัวโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในปี 2561 และทำงานอย่างหนักด้วยการเริ่มต้นนำระบบ “เรซซิ่ง อะคาเดมี่” อย่างจริงจังมาใช้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเป็นครั้งแรก โดยมีเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยคนแรก เข้าสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบระดับสูงสุดของโลกให้ได้ในปี 2025 ซึ่งมันคือภารกิจที่ยากสุดๆ และหากมององค์ประกอบ ณ เวลานั้น แทบจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้ในเวลานั้น

“ไทยฮอนด้า” ปรับโครงสร้างสายงานมอเตอร์สปอร์ตใหม่แทบทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง “เรซซิ่ง อะคาเดมี่” มาตรฐานระดับโลก ซึ่งนั่นคือกุญแจสำคัญของโร้ดแม็พนี้ เริ่มต้นด้วย “ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์” เพื่อสร้างพื้นฐานและเฟ้นหาเด็กไทยวัย 9-14 ปี ก่อนก้าวสู่ความท้าทายในการแข่งขันรายการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” เมื่อเติบโตขึ้นมีอายุระหว่าง 15-20 ปี

“เพชรเม็ดงาม” จากโครงการนี้จะถูกคัดเลือกเข้าสู่ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” ก่อนจะผลักดันสู่ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” สองรายการสำคัญของศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกซึ่งมีปลายทางที่การแข่งขันระดับโลกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่นโมโตทรี, โมโตทู และจุดสูงสุดคือ โมโตจีพี

เวลานั้น “ก้อง-สมเกียรติ” คือนักบิดระดับเยาวชนของ ฮอนด้า ที่ฉายแววอย่างโดดเด่น ด้วยดีกรีแชมป์จากรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2016 ดาวรุ่งชาวไทยถูกผลักดันขึ้นสู่ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก รายการ ซีอีวี โมโตที จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017-2018 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหอกของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในปี 2019 ด้วยการถูกโปรโมตเข้าสู่ โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปีนั้น

เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “ก้อง-สมเกียรติ” ใช้เวลาฝึกฝนและพัฒนาฝีมือถึง 3 ปี ก่อนที่ชัยชนะครั้งแรกในรุ่น โมโตทู จะมาถึง ในการแข่งขัน อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 ซึ่งนั่นเป็นผลจากความพยายามทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก ภายใต้การสนับสนุนทุกด้านจาก “ไทยฮอนด้า”

ขณะที่หัวหอกอย่าง “ก้อง-สมเกียรติ” เดินหน้าสร้างผลงานใน โมโตทู เขาเองก็พัฒนาตัวเองทั้งด้านทักษะการขับขี่ สมรรถนะร่างกายและจิตใจ “ไทยฮอนด้า” ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ให้ยกระดับอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างนักบิดระดับเยาวชนแบบไม่ย่อท้อ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี คือดาวรุ่งคนถัดมาที่ก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่น โมโตทรี ในปี 2024

“ไทยฮอนด้า” ทำฝันของชาวไทยให้เป็นจริง… ในปี 2025 “ก้อง-สมเกียรติ” การันตีเป็นนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรก ด้วยสัญญา 2 ปี กับต้นสังกัด อิเดมึตสิ ฮอนด้า แอลซีอาร์ และกำลังทำงานอย่างหนักหลังผ่าน 4 สนามแรกที่ บุรีรัมย์, อาร์เจนติน่า, สหรัฐอเมริกา และล่าสุดที่ กาตาร์ ด้วยพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การปรับตัวจาก โมโตทู สู่ โมโตจีพี ไม่ใช่เรื่องงง่าย นักแข่งแต่ละคนใช้เวลาแตกต่างกัน ด้วยน้ำหนักรถแข่งที่เพิ่มขึ้น พละกำลังเครื่องยนต์ที่แตกต่างมหาศาล เทคโนโลยีและระบบสั่งการต่างๆ ที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงความเร็วระดับสุดยอด นั่นนำมาซึ่งงานยากในการค้นหาความลงตัว

“ก้อง-สมเกียรติ” เลื่อนชั้นขึ้นสู่ “พรีเมียร์คลาส” ในช่วงเวลาที่ท้าทายของ ฮอนด้า ในการพัฒนารถแข่ง RC213V เพื่อกลับสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากการจดจ่อกับการปรับตัวกับรถแข่ง โมโตจีพี ซึ่งเป็นงานสุดหินแล้ว นักบิดไทยยังต้องทำงานอย่างหนักร่วมกับวิศกรของ HRC เพื่อค้นหาพื้นฐานของรถแข่งคันใหม่

ประกอบกับการเดินทางแข่งขัน 22 สนามทั่วโลก จึงเหมือนการเริ่มต้นทำงานใหม่ในสนามที่ลงแข่งขัน  ซึ่งแม้จะเป็นงานสุดหิน แต่เลือดนักสู้จากประเทศไทย ไม่มีคำว่ายอมแพ้แน่นอน… โดยในทุกๆ กรังด์ปรีซ์ นักบิดชาวไทยก็สร้างความพอใจให้กับทีมในแง่ของการยกระดับความเร็ว

โดยสุดสัปดาห์นี้จะเป็นการแข่งขันสนามที่ 5 ของฤดูกาลที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ – อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน ในรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจะยังคงเป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างมาก และถือเป็นสนามแรกในโซนยุโรป

เมื่อภารกิจในการสร้างนักแข่งไทยในโมโตจีพีสำเร็จ… “ไทยฮอนด้า” ยังคงสานต่อโปรเจ็กต์ใหม่ “The Next Successors” คือการค้นหาผู้สืบทอดรุ่นต่อไป หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือการปั้นนักบิดไทยคนต่อไป ที่จะก้าวขึ้นมาสานต่อความสำเร็จในแบบเดียวกันนี้

ปัจจุบันโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยังคงเดินหน้าเฟ้นหานักบิดไทยฝีมือดีอย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย คือภารกิจที่ไม่สามารถหยุดเดินได้แม้แต่ก้าวเดียว และนี่คือเส้นทางจากจุดเริ่มต้นไปสู่ความฝันที่ไม่มีวันหมดของ “ไทยฮอนด้า”

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #LCRHondaTeam #LCRHonda #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP

YAMAHA แข็งแกร่งเหนือชั้น คว้าชัยเปิดฤดูกาล FIM Endurance World Championship 2025

ศึกสุดโหด เลอม็อง 24 ชั่วโมง

YAMAHA พิสูจน์ศักยภาพของตัวแข่ง YAMAHA YZF-R1 รวมถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีมของนักแข่งและแม็คคานิกส์อีกครั้ง ในการแข่งขันสุดโหด รายการ เลอม็อง 24 ชั่วโมง ในสนามบูแกตตี้ที่ประเทศฝรั่งเศส จากผลงานของ YART YAMAHA EWC Official Team กับตัวแข่ง YAMAHA YZF-R1 หมายเลข 7 ด้วย 3 นักบิด มาร์วิน ฟริตซ์, คาเรล ฮานิกา และเจสัน โอฮัลโลแรน เริ่มต้นตั้งแต่การทุบสถิติเวลาในรอบคัดเลือก คว้าอันดับสตาร์ตการแข่งขันที่ 1 ขณะที่ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศลงสนาม 24 ชั่วโมงรวด ทำระยะทางไปได้ถึง 782 รอบสนาม คว้าชัยชนะมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

FIM Endurance World Championship 2025 ไปเปิดฤดูกาลกันที่ประเทศฝรั่งเศส โดยดวลความเร็วกัน 24 ชั่วโมงเต็มและตัดสินชัยชนะด้วยนักแข่งและทีมที่ทำระยะทางได้มากที่สุด 24 Heures Motos ครั้งที่ 48 เต็มไปด้วยสถานการณ์ที่สุดเข้มข้นและเปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการแข่งขันตลอดกลางคืน แสงแดดในเวลากลางวันรวมถึงสภาพสนามที่มีฝนตกลงมา ซึ่งเป็นนักแข่งและทีมงานแม็คคานิกส์ของยามาฮ่าที่มีความเร็วและความสม่ำเสมอ รวมถึงแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด พลิกขึ้นมาเป็นผู้นำในชั่วโมงสุดท้าย บดเอาชนะคู่แข่งไปได้ก่อนด้วยระยะทางการแข่งขันที่ทำได้มากกว่า 1 รอบสนาม

ยามาฮ่าเปิดฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่ง โปรแกรมการแข่งขันสุดโหดตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าของตัวแข่ง YAMAHA YZF-R1 และทีมยามาฮ่า ทั้งนี้โปรแกรม FIM Endurance World Championship 2025 สนามที่ 2 จะไปแข่งขันกันในรูปแบบ 8 ชั่วโมง ในรายการ 8 Hours of Spa Motos ที่สนามแข่งสปา-ฟรองกอร์ชองส์ ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 นี้

—————————–
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam #TheBlueShift
#YamahaFactoryRacingTeam

“ทิม ไกเซอร์” กวาดคะแนนสะสมทิ้งห่างชิงแชมป์โลก MXGP สนาม 5 ที่อิตาลี

Honda CRF450R เหมาชัยชนะ 2 เรซรวด 

“ทิม ไกเซอร์” บิด Honda CRF450R ยอดนักแข่งชาวสโลวเนีย หมายเลข 243 ทำผลงานสุดเหนือชั้นในการแข่งขัน เหมาชัยชนะ 2 เรซรวดด้วยฟอร์มการขับขี่สุดเหนือชั้น เก็บแต้ม 50 คะแนนเต็ม ยึดตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกอย่างเหนียวแน่นด้วยช่องว่างจากคู่แข่งที่มากกว่าเดิม รายการ MXGP of Trentino ที่เปียตรามูราตา ประเทศอิตาลี (Pietramurata, Italy) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันเรซที่ 1 “ทิม ไกเซอร์” เริ่มต้นการแข่งขันได้อย่างมั่นใจ คว้า Honda CRF450R  หมายเลข 243 ยกระดับขึ้นมาอีกครั้งในสนามนี้ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ได้ตั้งแต่ช่วงต้น ก่อนที่จะไล่ล่าคู่แข่งและใช้สมรรถนะที่เหนือกว่าแซงผ่านอย่างเยือกเย็นในช่วง 5 รอบสุดท้าย คว้าชัยชนะไปครองได้อย่างเหนือชั้น ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 7

การแข่งขันในเรซที่ 2 “ทิม ไกเซอร์” ถูกคู่แข่งไล่ล่าอย่างเข้มข้น Honda CRF450R แสดงความเหนือชั้นได้ทันที ใช้เวลาไม่นานนักก็แซงผ่านเพื่อนร่วมทีมขึ้นมารั้งอันดับที่ 1 ได้สำเร็จ คุมเกมเอาไว้ได้อย่างเด็ดขาดและคว้าชัยชนะในเรซที่ 2 ได้สำเร็จ ตอกย้ำผลงานอันสุดยอดในสนามนี้ ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” ตามมาเป็นอันดับที่ 4 จบการแข่งขันสนามที่ 5 “ทิม ไกเซอร์” บวกแต้มอีก 50 คะแนน คะแนนสะสมเก็บไปแล้ว 274 คะแนน รั้งอันดับที่ 1 ในตารางแชมเปี้ยนชิพอย่างแข็งแกร่งพร้อมด้วยระยะห่างจากคู่แข่งที่มากขึ้น โดย “รูเบน เฟอร์นานเดซ” อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยคะแนนสะสม 148 คะแนน

ทั้งนี้ การแข่งขัน MXGP 2025 สนามที่ 6 จะไปแข่งขันกันที่ เฟราเอนเฟลด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในรายการ MXGP of Switzerland ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน นี้

#ThaiHonda #MotorSport #MXGP #HRC #Honda #HondaMotorcycle #CRF450R #HondaCRF

Just Ride No.1 ไม่ใช่แค่ฉลองยอดขายอันดับ 1 บิ๊กไบค์ในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังฉลองผลิตครบ 40,000 คัน

เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลกในเวลาไม่ถึง 2 ปี
คาวาซากิตอกย้ำความสำเร็จของ Eliminator กับแคมเปญ Just Ride No.1 โดยพาลูกค้าผู้ใช้งานจริงและสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมโรงงานที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ในงานนี้ คุณยูซุเกะ ชิมาดะ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ได้เป็นผู้นำขบวนผู้ร่วมทริปขับขี่เจ้า Eliminator ไปยังโรงงาน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทีมงานคาวาซากิ นำโดย คุณมัตซึโมโต้ นาโอกิ ประธานบริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติที่กล่าวต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง
ในกิจกรรมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสถึงภาพและความประทับใจจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Eliminator ในญี่ปุ่น ว่าทำไมรุ่นนี้ถึงทำยอดขายสูงสุดในหมวดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา ทุกคนที่ได้ลองขี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเบากว่าที่เห็น และขี่ง่ายมาก ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็หลงรักสมรรถนะของมัน จากนั้นมีการแนะนำโรงงานคาวาซากิ ทำให้ทุกคนเห็นภาพรวมของกระบวนการผลิตทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกทั่วโลก ด้วยมาตรฐานและคุณภาพเดียวกันที่ถูกควบคุมเป็นอย่างดี ซึ่งคาวาซากิประเทศไทยได้ผลิต Eliminator นี้ครบ 40,000 คัน ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นคือเมื่อทุกคนได้เข้าไปเยี่ยมชมไลน์ผลิต ตั้งแต่ประกอบเครื่องยนต์จนกลายเป็นรถจักรยานยนต์คันสมบูรณ์ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก ทุกคนไม่พลาดที่จะถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก และร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ Eliminator กันก่อนออกจากส่วนการผลิต
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมในโรงงานแล้ว ทุกคนก็กลับมาเค้นสมรรถนะเจ้า Eliminator บนท้องถนนอีกครั้ง เส้นทางจากระยองไปบางแสนผ่านสะพานชลมารค แลนด์มาร์คสำคัญ แม้จะมีเส้นทางรถติด แต่เจ้า Eliminator ก็สามารถซอกแซกได้อย่างคล่องตัว ทริปจบลงด้วยอาหารและเครื่องดื่มสุดอร่อยที่ Way Coffee House ก่อนจะกล่าวอำลาจบทริปอย่างเป็นทางการ
ติดตามเราได้ที่
Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7

สงกรานต์นี้ เตรียมเชียร์! “ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมลุย “โมโตจีพี ไนท์เรซ” ที่ “กาตาร์”

“ก้อง”สมเกียรติ จันทรา พร้อมเดินหน้าเพื่อเรียนรู้และทำงานอย่างเต็มที่

ช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ไทยนี้ แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตเตรียมเชียร์ “ก้อง”สมเกียรติ จันทรา กับรถแข่ง Honda RC213V หมายเลข 35 ที่พร้อมเดินหน้าเพื่อเรียนรู้และทำงานอย่างเต็มที่ ร่วมกับต้นสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 4 “กาตาร์ กรังด์ปรีซ์” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 เมษายนนี้  ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตจะได้เชียร์นักแข่งระดับโลกบิดดวลความเร็วกันในรูปแบบ “ไนท์เรซ” ยามค่ำคืนภายใต้แสงสปอร์ตไลท์  ณ ลูแซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งผลงานที่ผ่านมากับสนามแห่งนี้ของนักบิดขวัญใจชาวไทย ในรุ่มโมโตทู คือ การคว้าอันดับ 7 เมื่อปี 2023

ด้าน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ก็มีความพร้อมลงแข่งขันในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ สนามนี้แล้ว หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ “เอ็นหัวเข่า” จากสนามที่ผ่านมา ที่ สหรัฐอเมริกา

ศึก กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ จะลงซ้อมในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายและสปรินต์เรซในคืนวันเสาร์ที่ 12 เมษายน (คืนข้ามเข้าสู่วันที่ 13 เมษายน) จากนั้นจะชิงชัยรอบ เมนกรังด์ปรีซ์ ในคืนนวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายนนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 21.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 22.15 น. และปิดท้ายด้วยรุ่นใหญ่อย่าง โมโตจีพี 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย (ข้ามเป็นวันที่ 14 เมษายน) ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV และ TrueVisions Now

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #HondaHRCCastrol #JM36 #LM10 #LCRHondaTeam #LCRHonda #JZ5 #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP #HondaTeamAsia #TB5 #Gonz #QatarGP

“Honda Academy Thailand 2025” เปิดฤดูกาล บิดล่าฝัน ปูทางสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลก

บิดล่าฝัน “Honda Academy Thailand 2025” ก้าวสู่ปีที่ 8 

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย เปิดฤดูกาล สนามแรก บิดล่าฝัน “Honda Academy Thailand 2025” ก้าวสู่ปีที่ 8 บันไดก้าวแรกตามโร้ดแม๊ป “Honda Race to The Dream” เผยโฉมหน้า The Next Successor 11 นักแข่งเยาวชนไทยและ 2 เยาวชนนักแข่งจากประเทศเวียดนามและประเทศญี่ปุ่น เข้าโปรแกรมปูพื้นฐานอย่างเข้มข้นเพื่อฝึกฝนทักษะการขับขี่และพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย เพื่อเป้าหมายสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการพัฒนาอย่างถูกต้องในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักแข่ง ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนระดับมืออาชีพ และความรู้วิทยาศาสตร์การกีฬา ประเดิมสนามแรก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพชรบุรี

“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวชาวไทย เฮดโค้ช “Honda Academy Thailand 2025” กล่าวว่า “บันไดขั้นแรกเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างมาก นักแข่งจึงจำเป็นต้องได้ฝึกฝนทักษะการขับขี่และพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย ฝึกฝนทักษะในทุกมิติด้วยการวางโครงสร้างมาตรฐานทุกขั้นตอน โดยมีที่ปรึกษาอย่าง มร.ชินอิจิ อิโต อดีตนักแข่งระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ มาร่วมวางแผนการฝึกที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากนักแข่งมากฝีมือจากทีม “Honda Racing Thailand” อย่าง โค้ช “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง, “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ที่ผ่านศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกโซนยุโรปมาแล้วทั้ง “FIM JuniorGP World Championship” และ “Red Bull MotoGP Rookies Cup” รวมถึง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว เจ้าของผลงานฤดูกาลที่ผ่านมาด้วย 1 Win 8 Podiums โดยเป็น 1 Win จาก MSBK และ 1 Podium จาก ARRC ที่จะคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

นักแข่งเยาวชนทั้ง 11 คน จะได้ฝึกฝนอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการจำลองการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ อาทิ จิมคานา ด้วย Racing Machine อย่าง “Honda NSF100” ที่ถูกผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ พร้อมดีไซน์ขึ้นมาเพื่อใช้ขับขี่ในสนามแข่งขันโดยเฉพาะที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน ซึ่งถ่ายทอด DNA มาจากรถแข่ง 2 จังหวะ ในคลาสระดับโลกอย่าง Honda NSF250 ที่ให้พลังพอเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกควบคุมรถและเรียนรู้ไลน์การขับขี่ที่ถูกต้อง ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หรือแม้แต่ “โยฮัน ซาร์โก” ต่างก็เคยมีประสบการณ์กับรถแนวนี้มาก่อน

นอกจากนี้ยังต้องควบคู่กับการการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ ที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งทางโค้ชจะมีการถ่ายทอดต่อยอดให้ทางผู้ปกครองนำกลับให้นักแข่งได้ดูแลแลพัฒนาตนเองที่บ้านอีกด้วย โดยตลอดทั้งฤดูกาลรวมทั้งสิ้น 6 สนาม จะมีการฝึกฝนที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Racing Training/ Dirt Training และ Race Program ซึ่งทาง “ไทยฮอนด้า” เป็นผู้ดูแลสนับสนุนให้ทั้งหมด เพื่อสนับสนุนให้นักแข่งที่มีพรสวรรค์ได้มีความสามารถอย่างสมบูรณ์แบบ

จาก “Honda Academy Thailand” โครงการแรกในประเทศไทยที่จัดขึ้นเพื่อฝึกฝนและพัฒนานักแข่งรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปสู่นักแข่งมืออาชีพระดับโลก เปิดตัวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งตลอดระยะเวลา ได้ผลิตนักแข่งไทยที่สร้างชื่อเสียงทั้งในประเทศและระดับโลกมากมาย

ทั้งนี้  “Honda Academy Thailand 2025”  สนามถัดไปจะฝึกในรูปแบบ Drit Training ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายนนี้ ที่ สนามวิบาก สะพานเลือก จังหวัดจันทบุรี

#HondaAcademy #ThaiHonda #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #HondaRacingThailand

#idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #KELA #Kushitani #ยำยำ #Arai #IRC #RCB #DID #NGK #KOWA #โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ #DiosDesign #GariGari #HondaChemicals #HondaBigBike #SAT #NSDF #FMSCT

Honda SCOOPY บุกหาดใหญ่! จัดเต็มความสนุกสุดไอคอนิกกับงาน ‘SCOOPY iCONiC TOWN’ 

ดึงแฟนคลับร่วมงานกว่า 3,000 คน ณ ลานหน้าเซ็นทรัล หาดใหญ่
ผ่านไปอย่างสุดประทับใจกับกิจกรรม ‘SCOOPY iCONiC TOWN’ ที่ครั้งนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ขนความสนุกแบบจัดเต็ม พร้อมขบวน All New Honda SCOOPY ดีไซน์ใหม่สุดชิค มาสร้างสีสันให้กับชาวหาดใหญ่และแฟน ๆ SCOOPY กว่า 3,000 คน ที่มารวมตัวกันอย่างคึกคัก ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
ภายในงานสนุกไปกับมินิคอนเสิร์ตที่รวมศิลปินไอคอนิกสุดฮอตมาไว้ครบ นำโดยพรีเซนเตอร์เกิร์ลกรุ๊ปสาวอย่างวง ‘PiXXiE’ ที่จัดเต็มความสนุกในทุกจังหวะ ตามด้วยศิลปินหนุ่มสุดคิ้วท์มากความสามารถอย่าง ‘นุนิว-ชวรินทร์’ และศิลปินหนุ่มสุดฮอต ‘PUN’ สร้างสีสันจัดเต็มตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
นอกจากนี้ ภายในงาน เต็มอิ่มกับทุกโซนกิจกรรมสุดว้าว ไม่ว่าจะเป็น
  • โซนโชว์รถคันจริง All New Honda SCOOPY ดีไซน์ใหม่ 9 สี 3 สไตล์ ที่สะท้อนความ ‘iCONiC of Now’ ได้อย่างลงตัว
  • โซนทดลองขับ Test Ride ชวนสายแฟชั่นมาทดลองขี่ All New Honda SCOOPY แบบเท่ ๆ พร้อมอวดรูปลงโซเชียลในธีมสุดครีเอท
  • โซนถ่ายภาพสุดเก๋ ‘iCONiC Post’ งานนี้ไม่มีใครยอมใคร กับท่าโพสต์สุดไอคอนิกที่จัดเต็มสุด ๆ พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัล 2 ต่อ ทั้งของที่ระลึกแฟชั่นสุดชิค และ Gadget สุดฮอต มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท
  • พร้อมรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพียงจองรถ All New Honda SCOOPY ในงาน รับฟรีทันที! iCONiC Gift Set มอบให้ลูกค้าทุกท่านที่จองรถได้อัปเทรนด์ก่อนใคร
กิจกรรมนี้สะท้อนภาพลักษณ์ของ All New Honda SCOOPY ได้อย่างชัดเจน ในฐานะผู้นำเทรนด์แห่งวงการรถจักรยานยนต์ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังมอบประสบการณ์ความสนุกแบบไอคอนิกให้กับทุกคนได้อย่างลงตัว
สำหรับใครที่พลาดความสนุกครั้งนี้ไป ไม่ต้องเสียดาย! ความมันส์แบบ iCONiC ยังไม่จบแค่นี้ เตรียมลุ้นกันว่าจังหวัดต่อไปจะเป็นที่ไหน แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของงาน SCOOPY iCONiC Town ครั้งต่อไปได้ที่
#IconicTown #หาดใหญ่ #IconicOfNow #สุดทางให้สุดเทรนด์ #AllNewHondaSCOOPY #HondaScoopy
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda

โรยัล เอ็นฟีลด์ บิดทะลุ 1 ล้านคัน ยอดขายประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โรยัล เอ็นฟีลด์ ยอดขายรวมอยู่ที่ 1.09 ล้านคัน 

โรยัล เอ็นฟีลด์ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ด้วยยอดขายทะลุ 1 ล้านคันต่อปี ในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ของแบรนด์ โดยมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ทำให้ยอดขายรวมอยู่ที่ 1.09 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566-2567 ถึง 11% โดยในเดือนมีนาคม 2568 เพียงเดือนเดียว ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34% และยอดส่งออกก็เติบโตถึง 37% เช่นกัน

คุณบี โกวินดาราจัน ราจัน กรรมการผู้จัดการของ Eicher Motors และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โรยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษอย่างยิ่งสำหรับ โรยัล เอ็นฟีลด์ การก้าวข้ามสู่ยอดขาย 1 ล้านคันต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดที่เคยทำได้ เป็นหลักฐานชัดเจนถึงความก้าวหน้าของเรา จากอดีตที่ยอดขาย 50,000 คันต่อปียังถือเป็นความสำเร็จใหญ่ มาจนถึงปัจจุบันที่เราสามารถสร้างมาตรฐานระดับโลกในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง การตอบรับที่ล้นหลามจากรุ่น Bullet Battalion Black และ Classic 350 รุ่นใหม่ รวมถึงความสามารถในการตอบสนองต่อเสียงสะท้อนของผู้ขับขี่อย่างรวดเร็ว ด้วยการออกแบบรุ่นใหม่ ๆ ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของเรา

ในระดับสากล เรากำลังขยายตลาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยการเปิดโรงงานประกอบในประเทศไทย และการเข้าสู่ตลาดบังกลาเทศ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตระดับโลกของเรา รถรุ่นใหม่ 4 รุ่นที่เปิดตัวในปีนี้ และการก้าวเข้าสู่โลกแห่งยานยนต์ไฟฟ้าครั้งแรกของเรากับรุ่น Flying Flea ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าที่จะท้าทายขีดจำกัด โรยัล เอ็นฟีลด์ ยังได้รับการจัดอันดับสูงสุดด้านคุณภาพเริ่มต้นในผลการศึกษาของ J.D. Power India Two-Wheeler Initial Quality Study ปี 2025 ซึ่งตอกย้ำถึงคุณภาพงานฝีมือระดับโลกของเรา และในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 125 ของแบรนด์ เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ และเราตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมสร้างอนาคตของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ต่อไป” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โรยัล เอ็นฟีลด์ มียอดขายเติบโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันแบรนด์เป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในตลาดสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่น ประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และนิวซีแลนด์

คุณอนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “ที่ โรยัล เอ็นฟีลด์ การสร้างรถจักรยานยนต์ระดับโลก การสร้างชุมชนผู้ขับขี่ระดับนานาชาติ และการทำงานร่วมกับพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายที่มีความกระตือรือร้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ เราดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง และทำให้รถมอเตอร์ไซค์ของเราเป็นเพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักขี่ทุกคน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั่วโลก และเติบโตถึง 13% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สิ่งนี้สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องและกลยุทธ์การเติบโตในตลาดสำคัญของเรา เราไม่เคยต้องการแค่เป็นผู้นำ แต่เราต้องการเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในระดับโลก และความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้คือผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นที่ไม่หยุดยั้ง และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยม”

ไฮไลท์สำคัญในปีที่ผ่านมาของโรยัล เอ็นฟีลด์

 โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดโรงงานประกอบแบบ CKD แห่งใหม่ในประเทศไทย
โรงงานประกอบแบบ CKD (Completely Knocked Down) แห่งแรกนอกประเทศอินเดียที่เป็นกรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบ ณ จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร โรงงานแห่งใหม่นี้มีพื้นที่รวมกว่า 57,000 ตารางฟุต และมีกำลังการผลิตปีละ 30,000 คัน สะท้อนถึงพันธกิจระยะยาวของแบรนด์ที่มีต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนับเป็นโรงงาน CKD แห่งที่ 6 ของโรยัล เอ็นฟีลด์ทั่วโลก ต่อจากโรงงานในอาร์เจนตินา โคลอมเบีย บราซิล บังกลาเทศ และเนปาล

โรยัล เอ็นฟีลด์ เดินหน้าเปิดสายการผลิตในบังกลาเทศ
โรยัล เอ็นฟีลด์เริ่มดำเนินงานสายการผลิต (Category 2) และเปิดโชว์รูมแฟลกชิปรูปแบบใหม่ในบังกลาเทศ โดยมุ่งเน้นการผลิตและประกอบรถรุ่น Hunter 350, Meteor 350, Classic 350 และ Bullet 350 ภายในประเทศ พร้อมกันนี้ ยังประกาศแผนการขยายธุรกิจด้วยการเปิดโรงงานประกอบแบบ CKD แห่งใหม่ในประเทศบราซิลภายในเดือนมกราคม 2568 เพื่อตอบรับการเติบโตในตลาดยานยนต์ระดับโลก

โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดตัวแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Flying Flea
โรยัล เอ็นฟีลด์เปิดตัว Flying Flea แบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะที่งาน EICMA 2024 และในประเทศอินเดีย โดยได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Flying Flea ยุค 1940s นำเสนอแนวคิด City+ Mobility ผสานดีไซน์เรโทร-ฟิวเจอริสติกเข้ากับเทคโนโลยี EV ล้ำสมัย รุ่นที่เปิดตัว ได้แก่ FF-C6 และ FF-S6 ซึ่งมีสไตล์สแครมเบลอร์ เตรียมวางจำหน่ายภายในปี 2569 เพื่อเปิดประสบการณ์การเดินทางในยุคใหม่

 โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดศักราชใหม่ด้วย Guerrilla 450 โร้ดสเตอร์สไตล์โมเดิร์นระดับพรีเมียม
โรยัล เอ็นฟีลด์เปิดตัว Guerrilla 450 โร้ดสเตอร์สไตล์โมเดิร์นระดับพรีเมียม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Sherpa ขนาด 452 ซีซี ที่พัฒนาใหม่ เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ รุ่นนี้มีให้เลือก 3 เวอร์ชัน ได้แก่ Analogue, Dash และ Flash พร้อมสีสันสดใสถึง 5 เฉด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ขับขี่ยุคใหม่

 โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดตัว Classic 350 รุ่นปี 2024
โรยัล เอ็นฟีลด์เปิดตัว Classic 350 รุ่นใหม่ปี 2024 สานต่อตำนานความงามที่เข้าถึงได้อย่างแท้จริง ด้วย 5 รุ่น ได้แก่ Heritage, Heritage Premium, Signals, Dark และ Chrome ครอบคลุมสีสันที่โดดเด่นถึง 7 เฉด พร้อมทั้งเปิดตัวโปรแกรม Factory Custom ซึ่งเป็นโปรแกรมปรับแต่งเฉพาะบุคคลแห่งแรกของแบรนด์ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสะท้อนตัวตนผ่านดีไซน์เฉพาะตัว

 โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิด Camp Kharu จุดแวะพักรักษ์โลกแห่งแรกในเลห์-มะนาลี โรยัล เอ็นฟีลด์เปิดตัว Camp Kharu จุดแวะพักรักษ์โลก (Green Pit Stop) แห่งแรกบนเส้นทางหลวงเลห์-มะนาลี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนและสร้างอาชีพให้ผู้หญิงท้องถิ่น แคมป์แห่งนี้ดำเนินงานโดยผู้หญิงท้องถิ่นที่ผ่านการอบรม 6 คน ภายในมีร้านอาหารท้องถิ่นลาดักห์ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ที่ออกแบบและสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมดินอัดแน่นซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรยัล เอ็นฟีลด์ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่คือขบวนการเคลื่อนไหวของผู้รักการขับขี่ระดับโลก ที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ชุมชนที่เข้มแข็ง และแผนการเติบโตที่ชัดเจน พร้อมก้าวสู่ทิศทางการเติบโตในระดับต่อไปอย่างมั่นใจ

NIU เดินหน้าลงทุน 100 ล้านบาทเปิดสายการผลิตในไทย

ตั้งเป้าหมายการขาย 1 หมื่นคันต่อปีภายในปี 2572

TTA คว้าสิทธิ์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU เดินหน้าลงทุน 100 ล้านบาทเปิดสายการผลิตในไทย ตั้งทีมวิจัยและพัฒนาสร้างสินค้าที่เหมาะสม เตรียมเปิดตัวรถที่พัฒนาสำหรับประเทศไทย 4 รุ่นภายใน 3 ปี ขยายตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละ 1 แห่ง ตั้งเป้าหมายการขาย 1 หมื่นคันต่อปีภายในปี 2572 ขึ้นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทยพร้อมขยายตลาดส่งออกในอาเซียน

คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้คว้าสิทธิ์ในการทำตลาดและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ‘นิว’ (NIU) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากประเทศจีน เนื่องจากมองเห็นว่ารถจักรยายนต์ไฟฟ้าเป็นพาหนะแห่งอนาคต ด้วยความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษาที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานทุกกลุ่มในวันนี้ แต่เชื่อมั่นว่าการเติบโตของจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นภาพที่คุ้นตาบนท้องถนนภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการทำตลาด ในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมในประเทศไทย ที่หากใครนึกถึง รถกลุ่มนี้จะต้องนึกถึง NIU

“เราเลือกเป็นพันธมิตรกับ NIU เพราะนอกจากเทคโนโลยีสมาร์ทฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่แล้ว NIU ยังเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทำตลาดครอบคลุมทั้งยุโรป อเมริกาและเอเชีย ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด”

ตั้งโรงงานผลิต พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาสร้างสินค้าสำหรับประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าการที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เติบโตเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพัฒนาสินค้าที่อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ TTA จึงเตรียมที่จะลงทุน 100 ล้านบาทในการเปิดสายการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย รวมถึงการตั้งทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ในประเทศ โดยจะเริ่มผลิตได้ภายในช่วงปลายปี 2568

การพัฒนาสินค้าสำหรับประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจาก NIU International สำนักงานใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดตัวสินค้าที่ทำการคิดค้นสำหรับประเทศไทย 2 รุ่นในช่วงปลายปี 2568 และอีก 2 รุ่น ในปี 2570 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในประเทศ รวมถึงมีแผนที่จะเริ่มการส่งออกรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2571

จับมือพันธมิตรสร้างระบบนิเวศสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
คุณเฉลิมชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทฯ จะเริ่มสร้างเครือข่ายพันธมิตร เชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านช่องทางจำหน่าย สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจรถจักรยานยนต์มือสอง เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดรับสินค้ากลุ่มนี้ได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากอัตราการเติบโตของยอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100% ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งสิ่งที่จะผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ จะต้องมีทั้งเรื่องของสมรรถนะของตัวรถ ราคาจำหน่ายที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยการทำโครงสร้างราคาที่ชัดเจนและมั่นใจได้มากกว่าที่ผ่านมา”

ขณะที่เป้าหมายการตั้งตัวแทนจำหน่ายนั้น จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละอย่างน้อย 1 แห่ง และหากเป็นจังหวัดใหญ่ อย่างเช่น ชลบุรี ก็อาจจะมีตัวแทนจำหน่ายได้ 2 ราย ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายตามเขต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเยี่ยมชมตัวรถ โดยตัวแทนของเราในแต่ละพื้นที่สามารถดำเนินกิจกรรมด้านการขายและการตลาดในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 90 ราย

ตั้งเป้าขึ้นที่ 1 ในประเทศไทย ทั้งด้านยอดขายและความเชื่อมั่น
การเข้ามาทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU ในครั้งนี้ TTA ได้เดินหน้าลงทุนทั้งเรื่องการเปิดสายการผลิตและการพัฒนารถสำหรับตลาดในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตลาดประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมาย ที่จะมียอดจำหน่ายระดับ 1 หมื่นคันต่อปีในปี 2572 ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม ในประเทศไทย รวมถึงยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับตราสินค้า

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแบรนด์ NIU เคยเข้ามาในประเทศไทย ด้วยการเป็นรถจักรยานยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูป ส่งผลให้ราคาขายปลีกสูงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างจำกัด แต่ภายใต้การบริหารของ TTA นอกจากการผลิต การพัฒนาสินค้าแล้ว ยังจะมีการทำราคาจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดย TTA มั่นใจว่า NIU จะเป็นแบรนด์ที่เติบโตเคียงคู่กับผู้บริโภคชาวไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่ขายในไทย แต่มองไกลถึงอาเซียน
คุณเฉลิมชัย กล่าวว่า การเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ มองไปถึงการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่ที่ผ่านมามีอุปสรรคในด้านกำแพงภาษีนำเข้าจาก ประเทศจีนที่ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่หากมีการเปิดสายการผลิตในประเทศไทย ก็จะทำให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“การที่ NIU มีพันธมิตรและมีโรงงานในประเทศไทย จะทำให้สามารถส่งออกรถจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังอาเซียนด้วยข้อตกลงเขตการค้าเสรี และทำให้ภาษีนำเข้ารถจักรยานยนต์ในหลายประเทศ ที่เคยสูงถึง 40-50% จะลดลงเหลือ 0% ทันที ซึ่งตอนนี้ได้มีตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศเริ่มติดต่อมาที่ TTA เพื่อจะนำรถไปจำหน่าย โดยเรามีแผนที่จะส่งออกในช่วงปลายปี 2571”

ชี้แบรนด์จีนไม่ใช่ปัญหา แต่ขึ้นกับตัวสินค้าต้องเหมาะสม
สำหรับการทำตลาดรถจากประเทศจีนนั้น มองว่าไม่ได้เป็นปัญหาทั้งในเรื่องภาพลักษณ์และคุณภาพ ของสินค้า เนื่องจากในประเทศจีนมีการใช้งานรถจักรยานยานต์ไฟฟ้าที่แพร่หลายมานาน แต่มองว่าอยู่ที่การเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดมากกว่า ซึ่งข้อที่ได้เปรียบของ NIU ก็คือการเป็นแบรนด์ที่ทำตลาดมาหลายประเทศ ทั่วโลก จึงมีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากมุมมองของ TTA รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตั้งคำถามในแง่ของคุณภาพหรือภาพลักษณ์ เพราะจริงๆ แล้ว ผู้ผลิตจากประเทศจีนหลายรายสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานในระดับสากล แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือการเลือกตัวสินค้าที่จะเข้ามาทำตลาด ว่าตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยหรือไม่

“สิ่งที่เราจะต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษก็คือ การบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรถที่มีคุณสมบัติและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาด การพัฒนาด้านการให้บริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพราะความสำเร็จของจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่ตอบโจทย์และบริการที่เหนือความคาดหมายหรือไม่”

บริษัทฯ มั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สามารถทดแทนรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในอนาคต TTA พร้อมที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมหากเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ตามที่ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน