Suzuki Let’s CROSS CITY

จะแบบไหนสไตล์ไหนก็สวยโดนใจ ถ้าได้แต่งเพิ่มก็จะทำให้รถจักรยานยนต์มีความน่าขับขี่มากยิ่งขึ้น ด้วยออพชั่นต่างๆ ที่มีจำหน่ายตามร้านทั่วไป แต่จะสามารถสร้างสรรค์ไอเดียความโดดเด่นได้มาเท่าไหร่นั้นก็ต้องปรับแต่งกันเอง รถจักรยานยนต์ออโตเมติก ซูซูกิ เล็ทส์ ที่มาพร้อมกับความล้ำนำสมัยของเทคโนโลยีเครื่องยนต์หัวฉีดสุดประหยัด และความสะดวกสบายของระบบการทำงานของระบบสายพานที่มีความนิ่มนวล ทั้งนี้ยังออกแบบรูปทรงได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แต่สำหรับเจ้าสายพันธุ์ออโตเมติกจากค่าย ซูซูกิ คันนี้ ถูกปรับเปลี่ยนลุคใหม่ด้วยสไตล์ ครอส ซิตี้ เอาไว้สำหรับขับขี่บุกตะลุยบนเส้นทางในเมือง สีสันอาจจะไม่โหดตามสไตล์แต่ก็ช่วยเพิ่มความโดดเด่นเห็นได้ชัดเจน เน้นสมรรถนะช่วงล่างที่ช่วยในเรื่องของการรองรับแรงกระแทกเป็นอย่างดี ในส่วนของภายนอกที่เสริมโครงเป็นการ์ดเหล็กดัดกันกระแทก ตั้งแต่บังโคลนหน้า และขึ้นไปถึงคอฟเวอร์ไฟหน้า ช่วงล่างปรับสภาพเพื่อการใช้งานบนทางขรุขระและในเมือง แข็งแกร่งด้วยวงล้อแม็กขนาด 14 นิ้ว ลาย 5 ก้านเซาะร่อง รัดครอบด้วยยางดอกช่วยยึดเกาะผิวถนน ระบบดิสก์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว brembo สีดำพร้อมกับสายไล่อากาศถักย้ำด้วยหัววงแหวนสแตนเลส จานดิสก์เบรกเจาะหน้าสัมผัสและแต่งขอบหยัก และโช้คอัพหน้ายอดฮิตสมรรถนะเยี่ยมแบบหัวกลับ Up Side Down ผลิตภัณฑ์จาก Gazi ช่วงบนแฮนด์บาร์ซึ่งเป็นสไตล์ของรถวิบากก็เสริมการ์ดแฮนด์เพิ่มความดุดัน โครงหน้าสำหรับยึดวินด์ชิวยังลมขนาดเล็ก กระจกมองข้างทรงสปอร์ตขาดไม่ได้เพื่อความปลอดภัย ส่วนอินเนอร์ด้านในเจาะยึดที่ใส่ขวดน้ำสำหรับเดินทางไกลออพชั่นเสริมเอนกประสงค์ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและแบบระบายความร้อน บาร์ท้ายแบบตระแกรงสามารถรัดหมวกกันน็อคได้สบาย ฟุตบอร์ดเสริมพักเท้ายกระดับสไตล์เอ็กซ์ตรีมและเป็นตัวกันล้มด้วย

ส่วนช่วงหลังจัดมาเน้นๆ กับระบบซับเพนชั่น โช้คอัพเดี่ยวสปริงแบบแก๊สผสมน้ำมันและมีซับแท้งค์แบบบิ้วท์อินปรับพรีโหลดได้ กรองอากาศปลายสแตนเลสต่อยื่นออกมารับอากาศด้านข้าง แอบเสริมหล่อนิดๆ ด้วยคันสตาร์ทอลูมินัม ทางด้านขวาก็ดุดันด้วยท่อไอเสียแบบคอสปริงสวมด้วยปลายเหลี่ยมสแตนเลสในแบบฉบับของออโตเมติก เป็นไงล่ะ…กับการปรับแต่งสไตล์ ครอส ซิตี้ กับรถออโตเมติก ซูซูกิ เล็ทส์ ไม่ธรรมดารับรองว่าวิ่งบนทางฝุ่นได้สนุกสนานทางธรรมดาก็เท่ เกินรูปลักษณ์

Naked sport On Street

ยังคงฮิตติดกระแสไม่เลิก กับรถจักรยานยนต์สไตล์เน็กเก็ดไบค์ M-SLAZ 150 ของค่ายยามาฮ่า ที่มีการปรับแต่งเพิ่มความโดดเด่นด้วยสีสันและออพชั่นของเด็ดโดนใจไบค์เกอร์รุ่นเล็ก ด้วยรูปทรงที่มีการดีไซน์ผสมความเป็นเน็กเก็ดไบค์กับสปอร์ตเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวทำให้รถมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และการจัดสรรออพชั่นเสริมเข้าไปตำแหน่งต่างๆ ยิ่งทำให้มีมุมมองที่ดึงดูดสายตาคนที่รักการตกแต่งเพิ่มขึ้นหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งสีสันใหม่ ด้วยสีเขียวขาว และการใช้ชิ้นงานคาร์บอนเข้ามาให้ดูคมเข้ม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ 2 ดวง ปีกข้างหม้อน้ำเจาะท้ายครอบแบบสปอร์ต บังโคลนหน้าคาร์บอนพร้อมกับการ์ดข้างอลูมินัม ความโดดเด่นที่เน้นความเป็นเน็กเก็ดไบค์เฟรมด้านข้างเพิ่มโครงเหล็กถักสแตนเลสชุบรุ้งการเพิ่มเติมในส่วนของระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกจานเดี่ยว คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ brembo โมโนบล็อก สายไล่น้ำมันถักสแตนเลสหัวอลูมินัม 45 องศา สร้างขายึดขึ้นใหม่สำหรับจับยึดกับจานดิสก์เบรกเดิม กระบอกโช้คอัพหน้าหัวกลับ USD ซึ่งเป็นออพชั่นของเดิมที่ติดมากับตัวรถ แฮนด์เดิ้ลบาร์สแตนเลสชุบรุ้งทรงต่ำประกบด้วยตัวยึดตุ๊กตาอลูมินัม ปลายแฮนด์ยึดกระจกมองหลัง ตัวปั๊มแรงดัน brembo กระปุกลอย ก้านเบรก และ ก้านคลัทช์ ZETA พับได้ ชุดพักเท้าเกียร์โยงอลูมินัม ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ brembo ลูกสูบเดี่ยว และวงล้อแม็กที่ทำสีสันใหม่ทูโทน

เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี อัตราเร่งบิดติดมือ ด้านข้างแคร้งติดการ์ดและบังสเตอร์หน้าอลูมินัม รีดแรงม้าด้วยท่อไอเสียสีสันสวยงามสวมด้วยปลายอลูมินัมกระบอกสั้นคอสปริง สวิงอาร์มสปอร์ตติดตั้งบังโคลนสั้นขายึดสีทอง เซ็ทอัพระบบซับเพนชั่นโช้คอัพหลัง Gazi ออพชั่นเสริมสมรรถนะระดับชั้นนำ ช่วยการรับแรงกระแทกและให้การทรงตัวที่ดีเยี่ยม แบบซับแท้งค์แยก บังโซ่เท่ๆ แบบคาร์บอนฯ

MODERN SPORT CAFÉ RACER

นานๆ ทีจะได้เจอกับงานคัสตอมไบค์ ซึ่งเป็นการปรับแต่งที่สร้างจากไอเดียแต่ยังคงไว้ที่พื้นฐานเดิมของตัวรถ สำหรับคันนี้มาในแนวของ CAFÉE RACER ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสไตล์การแต่งที่กำลังได้รับความนิยม เป็นการปรับจากเน็กเก็ดไบค์ของเดิมพร้อมกับเพิ่มเติมของแต่งและสีสันให้ดูคมเข้ม โดยพื้นฐานจะเป็นรถเน็กเก็ดไบค์ แต่การปรับเปลี่ยนที่ทำให้มันกลายเป็น CAFE นั้นก็ไม่ได้ยากเย็นมากนัก ภาพรวมๆ ดูแล้วน่าสัมผัสมากขึ้น การใช้สีพื้นดำด้านทั้งคันทำให้ดูน่าเกรงขาม หลายจุดหลายตำแหน่งมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อความลงตัว สำหรับสไตล์ Cafe การบังคับแฮนด์ต้องลงระดับลงมาเท่ากับแผงคอหรือต่ำกว่าทำให้ต้องเปลี่ยนทรงแฮนด์ที่จับกับแผงคอตุ๊กตาใหม่ ส่วนทางด้านปลายสวมด้วยกระจกมองหลัง ปั๊มแรงดันดิสก์เบรกแท้งค์แบบตู้ปลา RCB ก้านคลัทช์ปรับระดับ และลดระดับความสูงของช่วงหน้า

ดิสก์เบรกหน้าลูกสูบคู่ จานดิสก์สร้างแบบให้ตัวได้กับโฟลท์ติ้งอลูมินัม กระบอกโช้คอัพหน้าหัวกลับ หุ้มยางกันฝุ่น วงล้อแม็กขาวขอบดำรัดรอบด้วยยางลายดอกเรโทร และบังโคลนหน้าสแตนเลสแต่งแบบสั้น สูงขึ้นมาเป็นชุดไฟหน้าที่เปลี่ยนเป็นทรงกลมพร้อมคอพเวอร์และตระแกรงครอบหน้า วินชิลด์ครอบด้านบน เรือนไมล์แยกบอกรอบเครื่องยนต์และความเร็ว ท่านั่งก็ปาดแต่งทรงเบาะใหม่เว้าให้กับที่วางเท้าซึ่งเปลี่ยนมาใช้ชุดเกียร์โยง ส่วนด้านหลัง ไฟท้ายตัดแต่งช่องสำหรับการวางของไฟท้ายทับทิมแดงทรงกลมและไฟเลี้ยว กับชุดแต่งท้ายสั้น ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว จานดิสก์สร้าง 200 มม. ขับเคลื่อนด้วยสเตอร์อลูมินัมและโซ่ D.I.D ปิดท้ายด้วยการเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยท่อไอเสียสแตนเลสเดินลอดท้องออกทางด้านขวาสวมด้วยปลายทรงกระบอกดำด้านยึดแบบคอสปริง

ยามาฮ่าบิ๊กไบค์รุกภาคเหนือ เปิดโชว์รูมเต็มรูปแบบ “ยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ เชียงใหม่” อย่างเป็นทางการ

มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ  ประธานกรรมการบริหาร นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์   รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และ ดร.ณรงค์ คองประเสริฐ  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจริญมอเตอร์ เชียงใหม่ จำกัด ร่วมทำการเปิดโชว์รูม Yamaha Riders’ club Chiang Mai โดย บริษัท เจริญมอเตอร์ เชียงใหม่ จำกัด อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของยามาฮ่า ศูนย์บริการเต็มรูปแบบครบวงจร โดยมีช่างผู้ชำนาญพร้อมให้บริการ และพื้นที่ทดสอบการขับขี่ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้

             

เวสปิอาริโอ เปิดตัว โมโตเพล็กซ์ แบงค็อก ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ สัมผัสประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยน

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน อาพริเลีย” และ โมโต กุซซี่” สัญชาติอิตาลีแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จทางธุรกิจและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างบริษัทฯ และพิอาจิโอ กรุ๊ป (Piaggio Group) จากประเทศอิตาลี ประกาศเปิดตัว โมโตเพล็กซ์ แบงค็อก (Motoplex Bangkok)” อย่างเป็นทางการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยน พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้สองล้อครบวงจรระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกของประเทศไทยด้วยมาตรฐานเดียวกันกับโมโตเพล็กซ์ในประเทศอิตาลี และอีกกว่า 200 แห่งทั่วโลกภายใต้แนวคิดเดียวกัน คือ “The Home of Piaggio Group Brand” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากสี่แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ พิอาจิโอ เวสป้า อาพริเลีย และโมโต กุซซี่ พร้อมด้วยบริการหลังการขายที่ครบถ้วน ณ โมโตเพล็กซ์ แบงค็อก

 

Z1000r

อักษรย่อ HG มาจาก High Grade ที่สุดของความมีระดับกับรถจักรยานยนต์ตระกูล Z ที่ถูกออกแบบอย่างปราณีตพร้อมกับภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวด้วยการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ให้ราบรื่นพร้อมทะยานสู่ท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระบบรองรับที่ให้ความคล่องตัวและยืดหยุ่น โช้คอัพหน้าได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมอบสมรรถนะที่คล่องตัวและยืดหยุ่นขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความดุดันในการขับขี่ ส่วนการซับแรงสั่นสะเทือนก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เพิ่มความสบายยามขับขี่ไปอีกขั้น การปรับค่าใหม่นี้ทำให้รถมีน้ำหนักเบาและผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างเป็นธรรมชาติและคล่องตัว อัตราส่วนด้านที่ได้รับการแก้ไขใหม่ทำให้ระยะเลื่อนของล้อหลังเพิ่มขึ้น 13 มม. (122 มม. >> 135 มม.) จึงเป็นการเสริมสมรรถนะของระบบกันสะเทือนหลัง รวมทั้งประสิทธิภาพการซับแรงสั่นสะเทือนที่ดีขึ้นให้ความรู้สึกมั่นคงของการยึดเกาะที่ล้อหลังได้เป็นอย่างดี


เครื่องยนต์และระบบไอเสียทำการตั้งค่า ECU ใหม่เพื่อให้เครื่องยนต์ถ่ายทอดกำลังได้ราบรื่นขึ้น ควบคุมง่าย มั่นใจทุกการขับขี่ และปล่อยมลภาวะในระดับที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีวาพอเรเตอร์ช่วยให้ได้ไอเสียที่สะอาดกว่าเดิม แคทตาไลเซอร์ตัวหลัก และตัวรองได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้การปล่อยมลภาวะไอเสียสะอาดขึ้น ประสิทธิภาพเบรกดีขึ้น วัสดุที่นำมาผลิตผ้าเบรกหลังได้รับการปรับปรุงประกอบกับสปริงดันกลับที่ถูกปรับตั้งให้เหมาะสมทำให้การควบคุมเบรกเพิ่มสมรรถนะของรถในภาพรวมมากขึ้น ความแตกต่างของรุ่น HIGH GRADE และรุ่นมาตรฐาน ระบบเบรก Brembo brake เพื่อเพิ่มสมรรถนะเบรกของ Z1000 ให้สุดยอดมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น จึงได้นำเอาเบรกสมรรถนะ Brembo ที่ติดตั้งอยู่ใน Ninja H2R มาใช้กับ Z1000 HG ด้วยคุณสมบัติของการทำงานที่มีความแม่นยำสูง การส่งถ่ายแรงเบรกให้เป็นไปอย่างราบรื่นและควบคุมรถได้อย่างยอดเยี่ยม

2017 KTM 250 EXC-F

สำหรับรถโมเดลล่าสุดในกลุ่มเอ็นดูโร่จาก KTM ทุกรุ่น ที่ออกมาในปี 2017 ล้วนมีเป้าหมายในการพัฒนาทิศทางเดียวกันคือ “น้ำหนัก” จะต้องเบากว่าโมเดลที่ออกมาก่อนหน้า ดังนั้น รถตระกูล EXC-F โมเดลล่าสุด จึงมีน้ำหนักเบาสุด , เพรียวสุด เมื่อเทียบกับรถในกลุ่ม dual sport ที่ออกมาสู่ตลาดในปีนี้ เฟรมน้ำหนักเบา chrome-moly steel frame ที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแรงบีบอัดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการให้ตัวที่ดีต่อแรงกระทำ ช่วยให้ได้สมรรถนะการควบคุมที่ดีแม่นยำในทุกจังหวะการควบคุมการขับขี่ที่ดี ที่สำคัญง่ายต่อการบำรุงรักษาส่วนต่างๆของรถ รวมทั้งยังออกแบบส่วนซับเฟรมให้มีน้ำหนักเบาด้วย aluminium subframe ที่มีความเบาเป็นพิเศษ รวมถึงในส่วนของสวิงอาร์มที่ออกแบบใหม่เพื่อให้ได้ตำแหน่งจุดยึดที่ลงตัวกับโช้คอัพหลัง PDS shock ด้วยการผลิตสวิงอาร์มแบบ cast aluminium ที่ให้น้ำหนักเบา และเป็นชิ้นส่วนที่มีการให้ตัวที่ดีรวมกับความแข็งแกร่งของวัสดุ นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถ “นิ่ง” ในทุกจังหวะการขับขี่

ระบบกันสะเทือนหลังได้รับการปรับใหม่เพื่อให้รองรับกับเฟรมและสวิงอาร์มใหม่ ดังนั้น WP XPlor PDS จึงได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อแก้ไขตำแหน่งจุดยึดได้เหมาะสมกับแชสซีส์ใหม่ ด้วยการออกแบบชิ้นส่วนโครงสร้างของตัวโช้คอัพใหม่ จึงต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนของลูกสูบภายในกระบอกโช้คอัพที่มีขนาดเล็กลง จาก 50 มม. เป็น 46 มม. ความยาวของโช้คอัพลดลง 2.5 มม. ตำแหน่งยึดโช้คอัพขยับเข้าไปใกล้กับศูนย์กลางของตัวรถเพิ่มขึ้นอีก 5 ม.ม. และจากการเปลี่ยนตำแหน่งยึดนี้เองจึงมีส่วนช่วยให้มีพื้นที่ว่างด้านหลังเพิ่มขึ้นสำหรับการจัดวางตำแหน่งของท่อไอเสีย
ขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้านั้นได้พัฒนาใหม่ เป็นฟอร์คแบบหัวกลับ WP XPlor 48 upside-down ที่ได้ออกแบบให้ฝั่งซ้ายเป็น compression damping ส่วนฝั่งขวาเป็น rebound โดยการปรับค่า compression กับ rebound จะสามารถทำได้โดยสะดวกด้วยการปรับค่าที่บนส่วนบนสุดของฟอร์คทั้งสองข้าง  และในส่วนของชุดแผงคอนั้น ได้พัฒนามาใหม่เป็น forged triple clamps ที่มีค่าออฟเซทที่ 22 ม.ม. สามารถยึดจับกับฟอร์คหน้าได้อย่างมั่นคง ช่วยให้ประสิทธิภาพในการควบคุมมีความแม่นยำยิ่งขึ้น โดยในส่วนของชุดแผงคอนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถปรับตำแหน่งของแฮนด์เดิ้ลบาร์ได้มากกว่าสี่ตำแหน่ง ด้วยการขยับไปด้านหน้าหรือด้านหลัง เครื่องยนต์ของ 250 EXC-F ได้รับการปรับใหม่ กว่า 90% ของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จนมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา พร้อมๆ กับกำลังเครื่องยนต์ที่ตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยความแข้งแกร่งของชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 30% จากกรรมวิธีการเคลือบผิววัสดุแบบ DLC นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งมอเตอร์สตาร์ทเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ดังนั้นรถทุกคันจะสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้า ซึ่งมอเตอร์สตาร์ทเป็นของ Mitsuba ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของความทนทาน โดยจะใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่แบบ lithium ion

ขณะที่ระบบการจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดนั้นจะใช้ระบบการควบคุมที่มีประสิทธิภาพอย่าง Keihin Engine Management System โดยในส่วนของเรือนลิ้นเร่งนั้นได้มีการปรับเป็นขนาด 42 มม. ที่ช่วยให้เครื่องยนต์มีการตอบสนองที่รวดเร็วในทุกจังหวะของการควบคุมคันเร่ง

เครื่องยนต์ สี่จังหวะ สูบเดียว
ปริมาตรความจุ 249.91 ซีซี.
กระบอกสูบ 78 มม.
ช่วงชัก 52.3 มม.
การสตาร์ท Electric starter
การส่งกำลัง 6 สปีด
คลัทซ์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อน,
Brembo hydraulics
ระบบจัดการเครื่องยนต์ Keihin EMS
เฟรม Chrome-molybdenum
steel central-tube frame
ระบบกันสะเทือน WP
ระยะยุบตัวกันสะเทือนหน้า 300 มม.
ระยะยุบตัวกันสะเทือนหน้า 310 มม.
เบรกหน้า Disc brake
เบรกหลัง Disc brake
เส้นผ่านศูนย์กลางจานดิสก์หน้า 260 มม.
เส้นผ่านศูนย์กลางจานดิสก์หลัง 220 มม.
มุมองศาเลี้ยว 63.5 °
ระยะฐานล้อ 1482 10 มม.
ความสูงจากพื้น 355 มม.
ความสูงเบาะนั่ง 960 มม.
ความจุถังเชื้อเพลิง 8.5 ลิตร
น้ำหนักรถพร้อมแข่ง (ไม่รวมเชื้อเพลิง) 107 กก.

 

ยามาฮ่า ชูนโยบายปี 2017 “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด” เสริมความแข็งแกร่งด้วยคุณภาพในองค์กร และเครือข่าย รุกการตลาดด้วยรถใหม่ครบทุกเซ็กเมนต์ เพิ่มยอดขายในทุกพื้นที่ พร้อมเปิดตัว All New YZF-R15 2017

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์แบบเต็มพิกัด พร้อมเสริมทัพสินค้ารุ่นใหม่ๆ เติมเต็มให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้แบรนด์สโลแกน “Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ” กลยุทธ์ด้านการตลาด ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ พร้อมเน้นการเสริมความแข็งแกร่งในทุกหน่วยงาน และเครือข่ายผู้จำหน่าย 4 ส่วนหลัก คือ คุณภาพด้านสินค้า คุณภาพด้านการตลาดคุณภาพด้านบริการ และคุณภาพด้านบุคลากร เพื่อที่จะร่วมกันทำสิ่งท้าทายใหม่ๆ ให้เกินความคาดหวังของลูกค้า โดยมั่นใจที่จะสร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นในตลาดได้แน่นอน  นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2016 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 4% โดยมียอดจดทะเบียนรวมประมาณ    1.74 ล้านคัน แบ่งเป็นสัดส่วนรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 35% รถจักรยานยนต์แบบมีเกียร์  48% และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 17% ซึ่งในปี 2016 บริษัทฯ มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าอยู่ที่ 246,167 คัน  โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 14.1%

 

สำหรับในปี 2017 นี้ ยามาฮ่าคาดการณ์ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 1.75 ล้านคัน โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 285,000 คัน เพิ่มขึ้น 15.8% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และส่วนแบ่งการตลาดของยามาฮ่ามั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.3%  โดยชูกลยุทธ์หลัก แบรนด์สโลแกน Revs Your Heart      เร่งชีวิต ให้เร้าใจ รุกตลาดต่อเนื่อง มุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ  พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในหลากหลายรูปแบบเข้าสู่ตลาด เพื่อให้โดนใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก และกลุ่มรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่จะเน้นด้านกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกมากกว่า 26% รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวมากกว่า 7% และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 24% โดยในวันนี้ เราจึงได้มีการเผยโฉมตัวจริงของ All New YZF-R15 2017  สายพันธุ์สปอร์ตจากสนามแข่งที่มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้น สมรรถนะแรงเร้าใจ โดนใจนักขี่ที่มีหัวใจ Sporty อย่างแน่นอน โดยจะเปิดให้จอง และจำหน่ายในอีกไม่นานครับ”

นายประพันธ์ ยังกล่าวเน้นว่า “ในปีนี้  เราได้วางแนวคิดหลักของนโยบายบริษัท คือ “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด” หรือ “Beyond the Limits” ซึ่งหมายความว่า เราต้องมุ่งเน้นในการเสริมคุณภาพในเรื่องต่างๆ             อันประกอบด้วย คุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ – เราจะมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมทุกส่วนของตลาด ทั้งกลุ่มสปอร์ต ออโตเมติก และรถครอบครัว  คุณภาพด้านการตลาด – ยามาฮ่า และผู้จำหน่ายจะร่วมคิด และร่วมทำงานด้านการตลาดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  และเน้นด้านสื่อดิจิตอล ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า คุณภาพด้านบริการ –เรามุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพการบริการ และความพร้อมของอะไหล่ เราเชื่อว่าการบริการหลังการขายที่เป็นเลิศจะทำให้เราเสริมสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าให้ดียิ่งขึ้น และสุดท้าย คุณภาพด้านบุคลากร – เราพัฒนาบุคลากรที่มีแรงจูงใจสูง และมีความรู้ความสามารถที่เป็นเลิศ      ผ่านหลักสูตรการอบรมของยามาฮ่า

 นอกจากนี้ ยังมีการวางกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันในตลาด  ได้ทุกเซ็กเมนต์ โดยพร้อมจะเปิดตัวรถจักรยานยนต์ยามาฮ่ารุ่นใหม่ภายในปีนี้ 4 รุ่น รวมถึงการพัฒนา     ด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Blue Core อย่างต่อเนื่อง ให้มีความแรงที่มาพร้อมกับความประหยัด และการขับขี่  ที่สนุกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ที่ลงตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถจักรยานยนต์    ในแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของยามาฮ่ามาโดยตลอด

 สำหรับด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ยามาฮ่ายังคงสานต่อความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรชื่อดังระดับประเทศอย่าง สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยในปีนี้ ยามาฮ่าต่อยอดด้วยการใช้กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นตัวปลุกกระแสในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถสไตล์สปอร์ต ให้เห็นถึง DNA ของความเป็น Yamaha Sporty ได้อย่างชัดเจน โดยยามาฮ่าได้ดึงนักบิดดาวรุ่งในรายการแข่งขัน MotoGP อย่าง Maverick Vinales (มาเวลิค บีญาเลส) มาร่วมเปิดตัว All New YZF-R15 2017 ในงานนี้ ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำ และสร้างความแข็งแกร่งของยามาฮ่าในภาพลักษณ์ของความ Sporty อย่างแน่นอนครับ”

เป้าหมาย และแนวทางทั้งหมดที่ยามาฮ่าวางในปีนี้ เพื่อมุ่งเน้นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ และในโอกาสนี้  บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีตลอดมา และบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีกิจกรรม            ที่สร้างสรรค์ร่วมกับท่านสื่อมวลชนในปีนี้เช่นกัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารการตลาด 02-740-8000

แผนกประชาสัมพันธ์ : คุณปิยะพงษ์ (ตูน) เบอร์ต่อ 8056

คุณไพบูลย์ (บอย) เบอร์ต่อ 8044 / คุณวรินทร์ดา (อ้อม) เบอร์ต่อ 8044

 

Benelli จัดการประชุมผู้แทนจำหน่าย และแถลงนโยบายประจำปี 2560

คุณธนชาต ธนาดำรงศักดิ์ ประทานผู้จัดการ บริษัท เบเนลลี่ คีเวย์  (ประเทศไทย) จำกัด จัดการประชุมผู้แทนจำหน่าย และแถลงนโยบายประจำปี 2560 ขึ้น วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560  ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ  ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศเขาร่วมประชุมด้วยดีเหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา สำหรับการประชุมในปีนี้ คุณธนชาต  ประกาศลุยตลาดเต็มตัวทั้งทางด้านเทคโนโลยีและการบริการหลังการขายที่จะต้องเน้นให้หนัก เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าที่จะต้องรวดเร็วทั้งในเรื่องของการซ่อมบำรุ่ง รวมถึงในเรื่องของอะไหล่ และเพื่อให้ผู้แทนทุกท่านเข้าถึงในทคโนโลยีใหม่ที่จะออกสู่ตลาด งานนี้ คุณธนชาต จึงได้นำเอา Benelli TRX 502 Adventure พิกัด 500 cc  และBenelli Tornado 302 รถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด มาให้ทุกคนได้ลองขับขี่ ไม่เพียงเท่านั้นภายในห้องประชุมยังได้นำเอาเทคโนโลยีที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีในอนาคตมาจอดโชว์ให้ทุกคนได้เห็น ก่อนที่จะนำเข้ามา

2017 FC250 มาไกล…แพงกว่า…แต่จัดเต็ม!

เป็นค่ายน้องใหม่ที่เพิ่งจะมาบุกตลาดเมืองไทย แล้วก็บังเอิญที่เป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาที่จัดเต็มอย่างล้ำหน้าจริงๆ สำหรับคลาสไทยนิยม FC250 เป็นโมโตครอสในระดับ MX2 จากฮัสควานา ผลิตจากโรงงานในประเทศออสเตรีย ด้วยค่าตัวที่แพงลิบเมื่อเทียบกับโมโตครอสฝั่งญี่ปุ่น ในรายละเอียดมีอะไรที่ทำให้เป็นหนึ่งในรถที่น่าสนใจและคุ้มไหมถ้าต้องจ่ายแพงกว่ามาดูกัน

เฟรมเหล็ก + คาร์บอนไฟเบอร์
แค่งานโครงสร้างก็ล้ำหน้า แม้ว่าเฟรมหลักจะดูเก่าแก่โบราณด้วยการใช้เหล็กโครโมลี่ แต่ฝรั่งเขาก็มั่นใจว่ามีดีจึงเอามาต่อยอดเข้ากับซับเฟรมที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ หล่อขึ้นมาเป็นหม้อกรองอากาศและวางอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างมิดชิด ทั้งเบาและแข็งแรงด้วยการผสานสองวัสดุต่างยุคที่ลงตัว

โช้คหน้า AER 48
ด้านซ้ายจะเป็นแรงดันลมทำงานแทนขดลวดสปริง วัดแรงดันและเติมลมได้ที่ด้านบน (มีสูบมือมาตรวัดดิจิตอลในตัวแถมมาให้กับรถด้วย) แน่นอนว่าน้ำหนักจะต้องเบากว่าแบบขดลวดสปริงแน่นอน ด้านขวาจะเป็นวาล์วน้ำมันสร้างความหนืด ปรับคอมเพรสชั่นที่ด้านบนได้ด้วยมือเปล่าส่วนรีบาวด์ที่ด้านล่างนั้นยังต้องใช้ไขควง โช้คหน้าถูกจับเอาไว้ด้วยแผงคอ CNC พร้อมสีแบบอโนไดซ์มาให้เรียบร้อย ส่วนโช้คหลังเดี่ยวพร้อมกระเดื่องที่เรียกว่า DCC

ซับเฟรมโผล่ปลายมาให้เห็นว่าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์

คู่มือและสูบมือสำหรับโช้คหน้าแถมให้มากับรถ

ท่อไอเสียให้มาไม่น้อยหน้าของแต่ง

กรองอากาศซุกอยู่ในซับเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์

หน้าตาสวิทช์ที่กดได้แม้ยังบิดคันเร่งอยู่ ระบบ TC เร่งได้ไม่ต้องยั้ง

ไม่ต้องเดาอายุงานกันอีกต่อไป

ผ้าเบาะลายหนามทำให้นั่งได้หนึบ

แผ่นยึดเครื่องยนต์อีกงานที่เห็นความใส่ใจ

แฮนด์โปรเทเปอร์กับนวมแฮนด์เนื้อละเอียดเน้นนุ่ม

เครื่องยนต์หัวฉีด 46 แรงม้า
พื้นฐานเครื่องยนต์ยอดนิยมแบบ DOHC พร้อมวาล์วไทเทเนียมที่พยายามลดความฝืดให้กับชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเพื่อการผลิตแรงม้า วัดที่เพลาได้มากถึง 46 ตัว หัวฉีดใช้บริการ Keihin ติดเครื่องด้วยการกดปุ่มสตาร์ทไฟฟ้าเท่านั้น ท่อไอเสียทรงคุ้นตาพร้อมเพาเวอร์บอมบ์เป็นผลจากการร่วมงานกับ FMF ในสนามแข่งทั่วโลก ระบบส่งกำลังใช้คลัทช์ CSS แบบคอลย์สปริง สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิกของ Magura เกียร์ 5 ระดับจับมาลดความฝืดพร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อให้สัมพันธ์กับการจุดระเบิด สเตอร์หน้าให้มาใหญ่ 14 ฟัน กับสเตอร์หลัง 51 ฟัน

แทร็คชั่นคอนโทรล
ข้อมูลไม่ผิดครับ โมโตครอสสมัยนี้ไปไกลถึงขนาดนำเอาระบบแทร็ค ชั่นคอนโทรลมาใช้กันแล้ว เป็นอิเล็กทรอนิกส์ช่วยการขับขี่ที่ก้าวนำคู่แข่งไปอีกก้าว แทร็คชั่นคอนโทรลคือระบบป้องกันปัญหาที่เกิดจากการหมุนฟรีของล้อหลังซึ่งมักจะเกิดขึ้นในขณะเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน ใน FC250 จะใช้การวัดรอบเครื่องยนต์ถ้ามีการพุ่งสูงขึ้นทันทีทันใดระบบจะลดรอบให้ต่ำลงเพื่อให้ล้อหลังกลับมาเกาะพื้นได้อีกครั้ง แน่นอนว่าฟังก์ชั่นอื่นอย่างแมปการจุดระเบิดที่เลือกได้ และระบบลันช์คอนโทรลช่วยในการออกตัวนั้นมีให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

เลือกแบรนด์ดังมาแต่งตัว
ชิ้นงานที่บอกความคุ้มราคาก็มีหลายอย่างรอบคัน ทั้งแฮนด์เดิ้ลบาร์ของ Pro Taper ที่หุ้มนวมวัสดุเป็นฟองน้ำยางเนื้อละเอียดนุ่มนิ่ม ต่างจากโฟมเม็ดใหญ่อย่างที่คุ้นเคย ปลอกแฮนด์ใช้ของ ODI ดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลังใช้งานมาตรฐานโลกของ Brembo กับจานดิสก์แบรนด์ GSK พร้อมกับติดเครื่องนับชั่วโมงทำงานของเครื่องยนต์ (Hour Meter) ที่ไม่เคยมีโมโตครอสค่ายไหนเคยให้มาก่อนการลดน้ำหนักของโช้คหน้า, ซับเฟรมและส่วนต่างๆ ทำให้ FC250 มีน้ำหนักแค่เพียง 98 กิโลกรัม ขณะที่ค่ายอื่นหนักข้ามหลักร้อย จากรายละเอียดดังกล่าวคงจะพอบอกได้ถึงเหตุผลของความต่างในราคาค่าตัวที่จัดเต็มและพร้อมใช้ด้วยของหลายอย่างที่ยังต้องหาเพิ่มในแบรนด์อื่นแต่ FC250 ให้มากับตัวรถเรียบร้อยในราคา 395,000 บาท ขอบคุณเสี่ยต้อง คุณสรรเสริญ เหล่าภักดี เจ้าของรถ สนามเทพวงศาโมโตครอส อำเภอเขมราฐ สนามแข่งริมแม่น้ำโขงของจังหวัดอุบลราชธานี ชุดนักทดสอบจากร้านเดิร์ทช็อพ สนับสนุนการเดินทางโดยเครื่องดื่ม GSD และขาดไม่ได้กับผู้สนับสนุนคอลัมน์คือวงล้อโยโกกับน้ำมันเครื่อง GPR ฉบับหน้าพบกันแน่นอนกับ YZ250F ปี 2017

ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบ DOHC
ปริมาตร 249.9 ซีซี
กระบอกสูบ 78 มม.
ระยะชัก 52.3 มม.
สตาร์ท ไฟฟ้า
เกียร์ 5 สปีด
อัตราทดขั้นต้น 24:73
สเตอร์ 14:51
คลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่น ปั๊มไฮดรอลิก
เรือนลิ้นเร่ง Keihin EMS
เฟรม ท่อเหล็กโครโมลี่ ซับเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์
โช้คหน้า หัวกลับ WP AER 48 มม. ช่วงยุบ 310 มม.
โช้คหลัง โช้คเดี่ยว WP ช่วงยุบ 300 มม.
เบรกหน้า คาลิเปอร์ลูกสูบคู่เบรมโบ้ จาน GSK
ขนาด 260 มม.
เบรกหลัง คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวเบรมโบ้ จาน GSK
ขนาด 220 มม.
องศาคอ 63.9 องศา
ระยะฐานล้อ 1,485 มม.
สูงจากพื้น 370 มม.
สูงถึงเบาะ 960 มม.
ความจุถังน้ำมัน 7 ลิตร
น้ำหนักไม่รวมเชื้อเพลิง 98.8 กก.
ราคา 395,000 บาท

ความเห็นนักทดสอบ “เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“อย่างแรกที่อยากเล่นกับมันมากๆ ก็คือปุ่มควบคุมที่แฮนด์ด้านซ้ายครับ นอกจากระบบลันช์คอนโทรลช่วยตอนออกตัว กับแมปจุดระเบิดแล้วมันยังมีแทร็ค ชั่นคอนโทรล (TC) ให้ลองด้วย ลันช์คอนโทรลไม่มีระดับให้เลือกเหมือน RM-Z นะครับ การสั่งงานต้องกดปุ่ม TC กับ MAP พร้อมกัน ไฟ FI ที่หลังป้ายเบอร์จะกระพริบบอกว่ามันอยู่ในสถานะพร้อมทำงานแล้ว แมปจุดระเบิดที่เหมือนเป็นโหมดเลือกความแรงของเครื่องยนต์มีให้แค่ MAP 1 กับ MAP 2 เท่านั้น เท่าที่ลอง MAP 2 ดุดันกว่าครับ สุดท้ายที่ค่ายอื่นยังไม่มี ยกเว้น KTM ที่มาจากฐานผลิตเดียวกันก็คือแทร็คชั่นคอนโทรล สัญลักษณ์คือ TC ไม่ใช่ของใหม่ฝั่งบิ๊กไบค์ใช้กันเกร่อแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีการนำมาใช้กับรถวิบาก ลองเปิดการทำงานแล้วบิดให้ล้อหลังกวาดดูอาการคือล้อหลังจะสไลด์นิดเดียวแล้วพอระบบทำงานมันจะหยุดสไลด์ให้รถตั้งขึ้นมา อารมณ์ประมาณล้อหลังสไลด์ไปชนกองดินแล้วรถตั้ง แต่มันนุ่มนวลกว่านั้น ไม่สะดุดจนเสียจังหวะและไม่เสี่ยงต่อการดีดล้ม ถ้าจะขี่เอาความสะใจคงไม่สนุก แต่ถ้าหวังผลแพ้ชนะก็แนะนำให้ใช้ครับ ที่มันเจ๋งคือสามารถกดสวิทช์สั่งงานทั้ง TC และ MAP ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องจอดรถหรือปิดคันเร่ง สะดวกมากๆ มิติของรถเอื้อต่อการควบคุมรถโดยเฉพาะเวลานั่งเลี้ยวจะอยู่ตอนหน้าได้ง่ายและหนึบด้วยผ้าหุ้มเบาะที่เป็นลายหยาบหนามใหญ่ทำให้นั่งลงไปแล้วไม่ค่อยลื่น โช้คหน้าเป็นอีกจุดที่รู้สึกว่ามันเป็นโช้คลมที่ให้ความยืดหยุ่นของการทำงานที่ลดความแข็งกระด้างไปได้มาก ตั้งแต่ทดลองขี่รถที่ใช้โช้คหน้าแบบอัดอากาศแทนสปริงผมว่าตัวนี้นุ่มและใกล้เคียงธรรมชาติของสปริงมากที่สุดถ้าเทียบเดิมๆ ด้วยกันนะ โช้คหลังออกจะให้รีบาวด์มาไวไปนิดต้องปรับให้หนืดเพิ่มขึ้น 3 คลิกก็ดีขึ้นมาก โช้คหน้าและหลังทำงานประสานกันแล้วให้ความมั่นคงในการทรงตัวที่ดีมาก มันทำให้กล้าที่จะโดดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเคาะหรือเลย ลงพื้นได้แน่นและนิ่งครับ อ้อ…ยางหลังใหญ่กว่าเพื่อนร่วมพิกัดหนึ่งเบอร์เป็น 110/100-19 ด้วยนะ เครื่องยนต์ให้มา 2 โหมด 1 นุ่มนวล 2 ดุดัน เลือกใช้เอาได้เลยแตกต่างกันชัดเจนที่รอบกลางๆ ขึ้นไป เป็นรถที่แรงบิดดีเรียกใช้กำลังได้ง่ายขนาดสนามเนินเยอะๆ พื้นแข็งลื่นๆ ยังใช้กำลังเครื่องยนต์ง่ายขี่ได้ต่อเนื่อง ตัวนับชั่วโมงการทำงานเครื่องยนต์ที่ให้มาโดนใจผมมากเพราะจำเป็นต่อการดูแลรักษาในระยะยาว ราคาจะว่าแรงก็แรง แต่ถ้าพิจารณาจากตัวรถก็เห็นแล้วว่าต่าง หากได้ลองขี่จะรู้ว่ามีความต่างในฟิลลิ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย ถือว่าเป็นการทำความรู้จักที่สร้างความประทับใจได้มากครับ”

 

Honda Rebel 300

ABS CANTI-LOCK BRAKE SYSTEM]
ระบบเบรก ABS (ระบบเบรกป้องกันการล็อกของล้อ) เทคโนโลยีแห่ง
ความปลอดภัยระบบสากล เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกสภาพถนน

SLEEK FUEL TANK DESIGN
ถังน้ำมันความจุ 11.2 ลิตร ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ด้วยการออกแบบ
ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงอากาศยานที่ล้ำอนาคต
ให้ท่วงท่าการขับขี่ที่สบาย เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว

ROUND HEADLIGHT
ไฟหน้าทรงกลมใหญ่ ขนาด 135 มม. ภายใต้กรอบอะลูมิเนียม
ดีไซน์ร่วมสมัย เสริมเอกลักษณ์แห่งความเรียบง่าย แต่คลาสสิก

FAT BOBBER TIRE
ยางไซศ์ใหญ่ บึกบึน ภายใต้ซุ้มล้ออะลูมิเนียมสีดำ ยางหน้าขนาด
130/90-16 และยางหลังขนาด 150/80-16 เพิ่มความมั่นใจใน
การขับขี่ ขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวล

300CC LIQUID-COOLED ENGINE
เครื่องยนต์สีดำดุดัน ขนาด 300 ซีซี. PGM-FI ระบายความร้อน
ด้วยน้ำ ให้จังหวะการขับขี่ที่เร้าใจ พุ่งทะยานได้อย่างทรงพลัง
ไม่ว่ารอบเครื่องต่ำ หรือรอบเครื่องสูง

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ 286 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 10.7:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  67 * 63 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  ครัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 เกียร์
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E85,E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  11.2 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง   820×2,190×1,093 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  170 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิคขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 41 มม

หลัง : ช้คคู่ปรับได้ 5 ระดับ

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)

หลัง : ดิสก์เบรก (ABS)

ยาง/ล้อ

หน้า : 130/90-16M/C 67H แบบจุ๊บเลส

หลัง : 150/80-16M/C 71H แบบจุ๊บเลส

 

ยามาฮ่าร่วมแสดงความยินดีกับผู้จัดงาน แบงค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017

นายภาณุพล กิตติคำรณ  ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายวางแผนการขายและการตลาด พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับนายณัฐพล ไตรณัฐี ผู้จัดงาน Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมกันในงานนี้ยามาฮ่าได้ขนทัพรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ร่วมงานกว่า 10 รุ่น พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ออกรถยามาฮ่าบิ๊กไบค์ รุ่น MT-07, MT-09, BOLT-R, BOLT-C, FJ-09 และ Super Tenere รับของแถมสุดพิเศษฟรี!!! เช็คของขวัญ+ประกันชั้น 1+ทะเบียน+... รวมมูลค่าสูงสุด 57,000 บาท

 พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 -28 .. 2560 ที่บูธยามาฮ่าในงาน Bangkok Motorbike Festival 2017 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ด และโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ Yamaha Riders’ club ทั่วประเทศ