KEEWAY K-Light 202

ยังคงเดินหน้านำรถเข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่องสำหรับค่าย KEEWAY ซึ่งมากับความคลาสสิคพร้อมกับสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนาน ได้อารมณ์การขับขี่ในรูปแบบเรโทรที่มีดีไซน์โดดเด่น เป็นอีกหนึ่งเซ็กเม้นท์ที่แหวกแนวออกมา ทำให้ได้รับความสนใจไม่น้อย

KEEWAY K-Light 202 เป็นรถแนวอเมริกัน ที่มีการปรับให้เหมาะสมกับสรีระชาวเอเชีย การออกแบบรถยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นรถอเมริกันครูเซอร์แต่มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยฟิคเจอร์จอแสดงผลดิจิตอลทรงกลม การออกแบบท่อไอเสียให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ไฟรอบคันจะเป็นโคมกลมทั้งไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว ถังน้ำมันจุได้ถึง 11.8 ลิตร มีสกรีนชื่อรุ่น 202 ไว้ด้านข้าง การควบคุมแฮนด์เดิ้ลบาร์เป็นทรงครูเซอร์ที่ปรับมุมเข้าหาผู้ขับขี่พร้อมกับการยึดตำแหน่งสวิตซ์ต่างๆ มาให้ครบครัน แต่ความแปลกที่ใช้งานง่ายกับสวิตช์ไฟเลี้ยวแยกซ้ายขวา KEEWAY K-Light 202 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ
กระบอกสูบ 197 ซีซี ไม่มีหม้อน้ำมาให้ แต่ติดตั้งออยคลูเลอร์มาเพื่อช่วยระบายความร้อน เกียร์ 5 สปีด โช้คหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิค ด้านหลังเป็นโช้คคู่แบบมีซับแทงค์และสามารถปรับพรีโหลดได้ สวิงอาร์มเหล็กขนาดเล็ก วงล้อหน้าขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมกับดิสก์เบรกขนาด 280 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ท วงล้อหลังแม็กขนาด 15 นิ้ว พร้อมดิสก์หลัง 240 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ทเบาะนั่งแบบชิ้นเดียวแต่ด้านหลังยกระดับขึ้น ตำแหน่งพักเท้าแบบฟอร์เวิรด์วางตำแหน่งอยู่ช่วงหน้าเครื่องยนต์ได้อารมณ์แบบอเมริกันครูเซอร์ บังโคลนหลังแยกชิ้นยึดจากสวิงอาร์มหลังแขนเดี่ยวสามารถติดแผ่นป้ายทะเบียนได้เลย ตัวรถที่ไม่สูงมาก ตามแนวทางของทรงครูเซอร์

คุ้มค่าไหมกับราคา 61,500 บาท ด้วยรูปทรงที่กำลังดี ใช้งานในเมืองได้สบายๆ คล่องตัว หรือจะออกทริปท่องเที่ยวก็ได้ หลากหลายอารมณ์

Yamaha Tenere 700 Accessory Packs

หลังจากเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเภทแอดเวนเจอร์จากค่าย Yamaha ส่ง Tenere 700 ออกมาสู่ตลาด ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ high-torque CP2 ขนาด 689 ซีซี ออกแบบมาให้สามารถตอบสนองการขับขี่ในแบบแอดเวนเจอร์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ เน้นให้เป็นยอดรถในพิกัดเดียวกันนี้

นอกจากนี้ Yamaha ก็ตั้งเป้าหมายว่ารถรุ่น Tenere700 จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นนักขับขี่หน้าใหม่ที่สนใจจะค้นหาความสนุกสนานาเร้าใจกับการค้นพบโลกใหม่ของการขับขี่ในแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเน้นแคมเปญ Where the Next Horizone มาอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอเส้นทางการขับขี่ใหม่ๆ ผ่านการเดินทางของเซเลบ โดยเฉพาะนักแข่งชั้นนำของ Yamaha มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ได้มีการเปิดชุดคิทอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่ ที่มีความต้องการใช้งานแตกต่างกันด้วยการส่ง Genuine Accessary Packs สำหรับ Tenere700 ที่เจ้าของรถจะสามารถตกแต่งเพิ่มเติมรถได้อย่างอิสระตามความต้องการและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ด้วยการส่งชุดแต่งอย่างเป็นทางการออกมา ซึ่งแบ่งเป็น
Explorer Pack – เป็นชุดแต่งที่ออกแบบมาเพื่อเน้นถึงการใช้งานในรูปแบบการขับขี่ทางไกล long distance road riding เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ขับขี่โดยไฮไลท์ของ Explorer Pack อยู่ที่กล่องสัมภาระขนาดความจุ 72 ลิตร เป็นกล่องอลูมิเนียมที่แข็งแกร่ง ล้อคได้แน่นหนา อีกทั้งยังมีแผ่นกันกระแทกที่มีความหนามากกว่าของติดรถถึง 33% ช่วยปกป้องทั้งเครื่องยนต์และตัวถัง รวมทั้งยังมี mono seat rack มาให้อีกด้วย
Rally Pack – เป็นชุดแต่งสำหรับคนที่ต้องการจริงจังกับการขับขี่บนทางวิบาก และด้วยชุดแต่งนี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเค้นสมรรถนะการขับขี่ในสไตล์แอดเวนเจอร์ได้อย่างเต็มสมรรถนะมากขึ้น ด้วยเบาะนั่งแบบชิ้นเดียวจะช่วยให้ผู้ขับขี่มีอิสระในการเคลื่อนไหวในทุกๆ จังหวะของการขับขี่สามารถเคลื่อนย้ายร่างกายหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวได้คล่องตัวกับทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังมีชุดท่อไอเสียน้ำหนักเบสจากแบรนด์ Akrapovic ที่เป็นสเปคสำหรับการขับขี่ในแบบรถแรลลี่ขนานแท้ นอกจากนี้ยังมี chain guard กับ chain guide รวมทั้ง radiator protector หรือการ์ดป้องกันหม้อน้ำ อีกทั้งยังมีแผ่นยึดป้ายทะเบียน ,ไฟกระพริบแบบ LED และแผ่นกันถังน้ำมัน protective tank pad อีกด้วย

ในเบื้องต้นชุดแต่ง Yamaha Tenere700 ทั้ง Explorer Pack และ Rally Pack ก็จะมีชิ้นส่วนดังกล่าว คาดว่าจะมีเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งจะสามารถติดตามเพิ่มเติมเลือกอุปกรณ์เพื่อการตกแต่งเพิ่มเติมได้ผ่านแอพลิเคชั่นที่ทาง Yamaha ได้จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้เลือกตกแต่งรถด้วยตนเองและสามารถที่จะลองตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเสมือนไปเลือกชมเองที่ตัวแทนจำหน่าย โดย Genuine Accessories สำหรับ Tenere 700 จะเริ่มมีจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังจะมี Riding gear ต่างๆมารองรับความต้องการอีกด้วย สำหรับแอพลิเคชั่นที่กล่าวถึงนี้ ก็คือ MyGarageAPP ซึ่งผู้ใช้ Tenere700 จะสามารถเข้าไปสร้างรถในฝันที่มีรูปแบบเฉพาะตนรวมทั้งหาอุปกรณ์พวกไรดิ้งเกียร์ได้ตามความต้องการ ต้องยอมรับว่า Yamaha Tenere700 คือหนึ่งในรถถแอดเวนเจอร์ขนาดกลางที่น่าหลงไหลรุ่นหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาให้เป็นรถที่มีสมดุลที่ดีระหว่างกำลังและการควบคุมการขับขี่ได้ดี ในฐานะรถขนาดกะทัดรัดที่สามารถสร้างความเย้ายวนใจให้กับผู้ขับขี่ที่จะออกไปค้นหาโลกใบใหม่ ในเส้นทางการขับขี่ใหม่ๆ และเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจทาง Yamaha ได้มีโปรเจ็คที่ชื่อ Yamaha Tenere700 Demo Tour เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ได้เรียนรู้หรือศึกษาเส้นทางการขับขี่โดยจะเป็นการนำเสนอเส้นทางการขับขี่ที่น่าสนใจเพื่อว่าผู้สนใจจะสามารถตัดสินใจร่วมแพ็คเกจขับขี่ในเส้นทางจริงหรือเส้นทางใกล้เคียงได้ด้วย Tenere700 นั่นเอง

สำหรับ Yamaha Tenere700 นี้ เราได้เคยนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถมาแล้วในไรดิ้งก่อนหน้านี้หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน และครั้งนี้ก็เป็นข่าวสารที่ Yamaha Europe ส่งออกมาถึงการเปิดชุดแต่งหรือชุดคิทดังกล่าว ไรดิ้งเราก็เลยถือโอกาสนำมาฝากกันอีกครั้งกับภาพสวยๆพร้อมชุดแต่งจาก Yamaha Tenere700 ในฉบับนี้

2020 KTM 450 EXC-F SIXDAY

ถ้าพูดถึงเกมเอ็นดูโร่ในระดับโลกคงยากจะปฏิเสธว่า KTM คือหนึ่งในยอดรถสายนี้ โดยเฉพาะจากการแข่งขันที่สุดของเกมประเภทนี้อย่าง International Six Days Enduro หรือ ISDE แล้วล่ะก็ นี่คือรถที่ได้รับความไว้วางใจในการแข่งขันรวมทั้งประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านั้น KTM เองยังพัฒนารถแข่งเวอร์ชั่นพิเศษเพื่อส่งต่อวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์วิบากสายเอ็นดูโร่จากสังเวียนแข่งสู่ไลน์ผลิตโปรดักชั่น ว่ากันว่า จากความสำเร็จในแต่ละปีบนสังเวียน ISDE ได้ถูกนำมาส่งต่อสู่รถโมเดลล่าสุดในปีถัดไปเช่นกันจากความสำเร็จใน 2019 ISDE ที่ได้มีการส่งต่อวิวัฒนาการด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จากสมรรถนะของผู้ชนะในสนามแข่งชั้นนำของโลกในการสนับสนุนของ KTM ได้กลั่นกรองผ่านเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังเหล่านี้ ซึ่งสามารถนำพาคุณตรงไปยังแถวหน้าตั้งแต่เริ่มออกตัว เครื่องยนต์ที่ออกแบบใหม่นี้เป็นเครื่องยนต์น้ำหนักเบา กะทัดรัด และมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในตลาด ทั้งในด้านสมรรถนะ การขับขี่ง่าย และความเชื่อถือได้สำหรับเกมเอ็นดูโร่ที่มีศักยภาพที่จะชนะได้ตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพเครื่องยนต์ของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS มีขนาดกะทัดรัดและสามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์ SOHC จ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ในพิกัด 450 ซีซี ที่ทรงพลังและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีศักยภาพสูงสุดในตลาดซึ่งตัวเครื่องยนต์ใหม่นี้ได้รับการออกแบบจนสามารถลดน้ำหนักเหลือเพียง 29.2 กก. อีกทั้งยังเสริมสร้างสมรรถนะเพิ่มเติมด้วยการออกแบบพัฒนาชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ระบบไอเสีย และระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนได้มีการพัฒนาใหม่ นอกจากเพิ่มความแรงแล้ว ยังได้คำนึงถึงด้านสภาพแวดล้อมด้วยเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro IV homologation
เครื่องยนต์ 450 EXC-F ติดตั้ง cylinder head หรือ ฝาสูบแบบ SOHC ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดขึ้นอย่างมากมีตำแหน่งต่ำลง 15 มม. และเบาลง 500 กรัม อีกทั้งในส่วนของ crankshaft หรือเพลาข้อเหวี่ยงของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS วางตำแหน่งไว้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการพัฒนาให้จัดวางตำแหน่งได้ใกล้กับจุดศูนย์ถ่วงที่มีผลทำให้ได้การควบคุมที่ง่ายขึ้น และในส่วนของ crankcasesและ engine covers ของเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ได้รับการที่ออกแบบใหม่ จนสามารถลดน้ำหนักลงได้เกือบ 300 กรัม ซึ่งจากการออกแบบในส่วนนี้จึงมีส่วนโดยตรงที่ทำให้ตำแหน่งของเพลาจัดวางอยู่ใกล้กับจุดรวมศูนย์ตรงกลางของเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น

KTM 450 EXC-F SIX DAYS ใช้ระบบส่งกำลัง 6 เกียร์ใหม่ PANKL RACING SYSTEMS ซึ่งนำเสนอวัสดุหล่อขึ้นรูปที่แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ Keihin Engine Management System สุดล้ำสมัยที่จะทำงานรวมกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงไฟฟ้ามีลักษณะเด่นที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อขนาด 42 มม. ใหม่ เช่นเดียวกับภายในกระบอกสูบแบบสั้นที่มีขนาด 95 มม. ทำงานร่วมกับลูกสูบใหม่ แบบ box-in-box type ที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งซึ่งออกแบบและ สร้างโดย König ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกแบรนด์หนึ่ง นอกจากนี้ในส่วนของ balancer shaft แบบมัลติฟังก์ชันที่ยึดอยู่ด้านข้างเป็นตัวสร้างสมดุลให้กับทุกๆการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของการทำงานในเครื่องยนต์ได้อย่างมีสมดุล ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่เป็นตัวขับปั๊มน้ำอีกด้วย
และ KTM 450 EXC-F มีการติดตั้งคลัทช์แบบ DDS หรือ damped diaphragm steel เหล็กไดอะเฟรมกันกระเทือน ที่มีความทนทานสูงยิ่งที่ KTM พัฒนาขึ้นมา ควบคู่กับ wear-free steel basket ชามคลัทซ์เหล็กแบบไร้การสึกหรอและแน่นอนว่ารถวิบากสมัยใหม่ได้ใช้การสตาร์ทไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน ซึ่งสตาร์ทเตอร์ไฟฟ้าเป็นการติดตั้งชุดมาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งของที่ใช้กับ KTM 450 EXC-F SIX DAYS ใช้ตัวขับสตาร์ทเตอร์และมอเตอร์สตาร์ทเตอร์ที่แข็งแกร่งที่ผลิตโดยโรงงาน Mitsuba ในส่วนของโครงสร้างตัวรถนั้น ต้องบอกว่า KTM จริงจังกับการปรับลดน้ำหนักอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสร้าง 2020 KTM EXC-F ให้เป็นจักรยานยนต์ Enduro ที่บาง เบา และเลี้ยวโค้งได้คล่องตัวที่สุด และด้วยระบบสตาร์ทไฟฟ้าที่ให้มาเป็นมาตรฐาน การเข้าถึงขุมพลังเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่กดปุ่มติดเครื่องยนต์ก็พร้อมทะยานออกไปลุยได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยความมั่นใจในโครงสร้างที่แข็งแรง ซึ่งไฮไลท์ในส่วนของโครงสร้างตัวรถนั้น เริ่มด้วย สวิงอาร์มอลูมินัมชิ้นเดียวของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS ผลิตโดยใช้กระบวนการหล่อในแบบด้วยแรงโน้มถ่วง
KTM ใช้ดุมล้อน้ำหนักเบาที่ผลิตด้วยเครื่อง CNC และขอบล้อไฮเอนด์จากผู้ผลิตชั้นนำของโลก โดยในทุกรุ่นของรถประเภท Enduro สามารถการันตีประสิทธิภาพของวงล้อได้ถึงเสถียรภาพสูงสุดและมีน้ำหนักน้อยที่สุด

ขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้น ทุกรุ่นในรหัส EXC ทั้งหมดจะติดตั้งโช้คหัวกลับขนาด 48 มม. เวอร์ชั่นล่าสุดของ WP XPLOR ที่พัฒนาเฉพาะภายใต้ความร่วมมือกันระหว่าง WP กับ KTM และในส่วนของกันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพหลัง WP XPLOR แบบ PDS หรือ progressive damping system อีกส่วนที่จะต้องกล่าวถึงก็คือชุด Airbox ใหม่ ที่พัฒนามาใช้ใน KTM 450 EXC-F SIX DAYS ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจถึงการไหลของอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำลังเครื่องยนต์และประสิทธิภาพการตอบสนองคันแร่งที่ดีที่สุด แม้การออกแบบใหม่นั้นจะเน้นเพื่อเป้าหมายในการปรับปรุงสมรรถนะอย่างชัดเจนแต่ก็ยังคำนึงการป้องกันความสกปรกของไส้กรองอากาศ ด้วยการใช้หม้อกรองอากาศ Twin Air ขนาดใหญ่ ยึดอยู่บนตัวเรือนแข็งที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยลดกรณีที่อาจจะผิดพลาดจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้องให้น้อยที่สุด การบำรุงรักษาไส้กรองนั้นรวดเร็วและง่ายดายเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และไม่ต้องใช้เครื่องมือ และนี่เป็นคุณสมบัติมาตรฐานดั้งเดิมของ KTM ปิดท้ายด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ที่เป็น KEIHIN engine management system ที่กล่าวถึงแล้วว่ามาพร้อมกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงไฟฟ้า ที่มีเรือนลิ้นเร่งขนาดขนาด 42 มม. ซึ่งให้การตอบสนองฉับพลันและสมรรถนะสูงสุดด้วยตำแหน่งหัวฉีดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่องอีซียูทำการเซ็ทค่าแมปใหม่ซึ่งได้รับการปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับระบบไอเสีย ชุดกรองอากาศ และเครื่องยนต์ที่พัฒนาออกมาใหม่นี้ โดยสามารถเปิดหรือเลือกแมปที่เหมาะสมด้วยสวิตช์เลือกแมปที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ โดย ECU จะคำนวน การสั่งจ่ายเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดให้เหมาะสมตามค่าแมปที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้คุณลักษณะด้านกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเกียร์ โดยเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์เกียร์นั่นเอง

สเปคข้อมูลของรถมีดังนี้

DISPLACEMENT: 449.9 cm³
DESIGN: 1-cylinder, 4-stroke engine
BORE: 95 mm
STROKE: 63.4 mm
STARTER: Electric starter
TRANSMISSION: 6-speed
CLUTCH: Wet, DDS multi-disc clutch, Brembo hydraulics
EMS: Keihin EMS
FUEL CONSUMPTION: 3.68 l/100 km
FRAME DESIGN: Central-tube frame with double-cradle
REAR SUSPENSION: WP Xplor PDS shock absorber
SUSPENSION TRAVEL (FRONT): 300 mm
SUSPENSION TRAVEL (REAR): 310 mm
FRONT BRAKE: Brembo twin-piston floating calliper, brake disc
REAR BRAKE: Brembo single-piston floating calliper, brake disc
FRONT BRAKE DISC DIAMETER: 260 mm
REAR BRAKE DISC DIAMETER: 220 mm
CHAIN: X-Ring 5/8 x 1/4”
STEERING HEAD ANGLE: 63.5 °
GROUND CLEARANCE: 355 mm
SEAT HEIGHT: 960 mm
TANK CAPACITY (APPROX.): 9 l
WEIGHT READY TO RACE (WITHOUT FUEL): 106 kg

MOTUL FIM SUPERBIKE WORLD CHAMPIONSHIP 2019 Round 9

Geico U.S. Round WeatherTech Raceway Laguna Seca @ USA ผ่านเลยครึ่งทางของเกมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลกมาอย่างสนุกตื่นเต้น ในการแย่งโพเดี้ยมและคะแนนสะสม ที่ สนามลากูน่า เซก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสนามที่ 9 ในฤดูกาลานี้ สถานการณ์พลิกไปพลิกมา อะไรก็ไม่แน่นอนซะแล้วสำหรับตำแหน่งแชมป์โลกปีนี้ และสนามนี้แข่งเพียงรุ่นใหญ่รุ่นเดียวเท่านั้น

Wrold Superbike 1000cc
Race 1
โจนาธาน เรีย กลับมาเรียกความมั่นใจในเส้นทางลุ้นแชมป์สมัยที่ 5 ด้วยการคว้าอันดับที่ 1 ในการแข่งขันเรซแรก ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพสิชั่น นำแบบม้วนเดียวจบไร้ที่ติ และทำสถิติใหม่กับนักแข่งจากหสราชอณาจักร ด้วยการคว้าชัยชนะ 250 ครั้ง พร้อมเก็บคะแนนสะสมทิ้งห่าง อัลวาโร่ เบาติสต้า ถึงแม้ว่าจะได้ออกสตาร์ทแถวหน้า แต่วิ่งไปได้แค่เพียง 4 รอบสนาม ก็ล้มไปอีก ถึงจะยกรถกลับเข้าสู่เกมแต่ก็ไม่ทัน จบอันดับที่ 17 ไม่มีคะแนน แชส เดวี่ส์ ผลงานปีนี้ไม่โดดเด่นเอาซะเลย แต่สนามนี้ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่สอง ไล่กดดัน เรีย ได้สนุกตั้งแต่ต้นเกม จบในอันดับที่ 2 นักแข่งที่โดดเด่นมาแรงแซงรุ่นใหญ่ โทปราก รัซกัทลีโอกูล ฟอร์มฮอตสุดๆ เบียดขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 3 และ ทอม ไซคส์ ผู้จุดประกายความหวังของค่ายตราพัด BMW ยังคงทำผลงานได้ดี จบอันดับที่ 4
Superpole Race
ถึงจะแข่งเพียง 10 รอบ ในช่วงเช้า ก่อนเรซสอง และมีคะแนนสะสมเป็นตัวแปรสำคัญอาจจะได้เฉือนกับผลต่างเพียงไม่ถึง 5 คะแนน ก็เป็นได้ ทำให้ทุกเรซมีความสำคัญ แต่เกมที่กำลังเบียดกันอย่างสนุกสุดมัน ต้องมาจบลงด้วยธงแดง เพราะว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างรุ่นแรง ขณะที่แข่งเพียง 7 รอบสนามเท่านั้น เรีย คว้าอันดับ 1 เดวี่ส์ อันดับ 2 และ ไซคส์ อันดับ 3
Race 2
แชส เดวี่ส์ นักบิดคันเร่งจากสหราชอณาจักร กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง หลังจากที่อัดอั้นมานานกับพื้นที่ยืนโพเดี้ยม สนามนี้จัดให้เด็กมันดู ออกสตาร์ทขึ้นนำตั้งแต่เริ่มเกม และไม่ยอมให้ใครแซงได้อีกเลย คว้าวินเนอร์โพเดี้ยมให้กับ ดูคาติ ซะที แต่คะแนนสะสมยังห่าง โจนานธาน เรีย ถึงแม้จะชนะในเรซแรก กดคันเร่งแทบจะหมุนสองรอบพยายามไล่ตาม และกดดันตลอดเกม แต่ไม่ทันจริงๆ ต้องยอมรับกับความแรงของดูคาติ เข้ามาเป็นอันดับที่ 2 ส่วนดาวรุ่ง โทปราก รัซกัทลีโอกูล ยังฮอตถึงแม้จะตามไม่ทันคู่หน้าในเรซนี้โดนยืดห่าง 11 วิ. แต่ก็ยังมีที่ยืนบนโพเดี้ยมอันดับที่ 3 ทำให้คะแนนสะสมขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง และถ้าสนามที่เหลือยังสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอาจได้เห็น 1 ใน 3 แน่นอน อเล็กซ์ โลวส์ ยังเจ๋ง! ไม่เคยหลุดท็อปเท็นถ้าไม่กระเด็นซะก่อน คว้าอันดับที่ 4 ทำให้คะแนนสะสมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของตาราง แซงทีมเมท ฟาน เดอร์ มาร์ก ที่ไม่จบการแข่งขัน ส่วนนักแข่งที่ไร้ดวงต้องไปต่อชะตาทำสังฆทานที่วัดไหนสักแห่ง อัลวาโร่ เบาติสต้า ล้มอีกแล้วในรอบซูเปอร์โพลเรซ และมีอาการบาดเจ็บต้องถอนตัวในการแข่งขัน ทำให้เส้นทางการลุ้นแชมป์แทบหมดไปกว่า 70% กับเกมที่เหลืออีก 8 เรซ 4 ซูเปอร์โพลเรซ

เอาล่ะครับ อะไรก็ไม่แน่นอน ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทสนามแรกจนมาถึงสนามนี้ พลิกไปพลิกมา แต่ก็เริ่มจะเห็นแววสดใสของตำแหน่งแชมป์โลกบ้างแล้ว ต้องติดตามกันต่อไป สนามหน้า จะไปแข่งที่สนาม ปอร์ติมอร์ ประเทศโปรตุเกส ในวันที่ 7-8 กันยายน
คะแนนสะสมหลังจบสนามที่ 9
World Superbike 1000cc
1 โจนาธาน เรีย KAWASAKI 433
2 อัลวาโร่ เบาติสต้า DUCATI 352
3 อเล็กซ์ โลวส์ YAMAHA 220
4 ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ก YAMAHA 215
5 ลีออน ฮาสแลม KAWASAKI 202
World Supersport 600cc
1 เรนดี้ ครุมเมนาเชียร์ YAMAHA 173
2 เฟดเดอริโก้ คาริคาซูโล่ YAMAHA 158
3 จูลส์ คูลเซล YAMAHA 132
4 ลูคัส มาเฮียส YAMAHA 82
5 ฮิคาริ โอคูโบะ KAWASAKI 73
World Supersport 300cc
1 มานูเอล กอนซาเรซ KAWASAKI 108
2 อานา คาราสโก้ KAWASAKI 65
3 สก๊อต เดอรูด KAWASAKI 65
4 แอนดี้ เวอร์ดอย YAMAHA 65
5 ยาน โอลี เยนนิค KTM 59

All New Yamaha XSR155 (2019)

เครื่องยนต์
 แบบ4 จังหวะ  สูบเดี่ยว
 ปริมาตรกระบอกสูบ155 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด11.6 : 1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก58.0 x 58.7 มม
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก 
 ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิดT.C.I.
 ระบบคลัทช์ แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น (สลิปเปอร์คลัตซ์) 
 ระบบเกียร์แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ทสตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (E10)
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง10 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง 0.85 ลิตร (กรณีเปลี่ยนถ่ายตามระยะ) 0.95 ลิตร (กรณีเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
กว้าง*ยาว*สูง805 x 2,000 x 1,080 มม.
น้ำหนักรวม134 กก.
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิก แบบ หัวกลับ หลัง : สวิงอาร์ม (แขนยึดโช้คอัพหลัง)
ระบบเบรก หน้า :  ดิสก์เบรก หลัง :  ดิสก์เบรก
ยาง/ล้อ หน้า : 110/70-17 M/C 54S หลัง : 140/70-17 M/C 66S

ฮอนด้าพาสาวก Forza กว่า 300 ชีวิต สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งใหญ่ที่สุด “ฟอร์ซ่า ยอชท์ ปาร์ตี้”

ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำวงการพรีเมี่ยมเอ.ที. อย่างชัดเจนอีกครั้ง เมื่อเอ.พี.ฮอนด้า พร้อมด้วยเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พาลูกค้าฮอนด้าฟอร์ซ่ากว่า 150 คัน รวมกว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรม Forza Yacht Party บนเส้นทางกรุงเทพ-พัทยา ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จัดขึ้นสำหรับเจ้าของรถฟอร์ซ่าเท่านั้น Forza Yacht Party จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นทริปที่ใหญ่ที่สุดจากการรวมตัวกันของสาวกฟอร์ซ่าจากทั่วประเทศ เริ่มต้นออกเดินทางจากศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพฯมุ่งหน้าสู่พัทยา สัมผัสความงดงามของทะเลบนแลนด์มาร์คชื่อดังอย่างสะพานชลมารควิถี 84 พรรษา พักกลางวันกับอาหารทะเลชื่อดังของร้านมุมอร่อย ก่อนจะเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของทริปนี้ นั่นคือการล่องเรือยอชท์สุดหรูจาก Ocean Marina Yacht Club เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามเหนือคำบรรยายกับท้องทะเลสีคราม โดยในทริปนี้ทางเอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดเรือยอร์ชขนาดยักษ์ให้ชาวฟอร์ซ่าได้ร่วมสนุกกันถึง 4 ลำ พร้อมส่งมอบความมันส์แบบไร้ขีดจำกัดด้วยดีเจสาวสวยที่มามิกซ์เพลงให้ถึงบนเรือยอชท์ทุกลำ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ฮอนด้าจัดให้สำหรับชาวฟอร์ซ่าเท่านั้น

สำหรับชาวฟอร์ซ่าคนไหนที่ไม่อยากพลาดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากฮอนด้าในครั้งต่อไป สามารถติดตามข่าวสารได้จากร้าน Honda Wing Center ทั่วปรเทศและที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

#Forza #Forza300 #ForzaClub #APhonda #Hondaclub#WhatsStopsYou
#Yacht #luxurylifestyle #Exclusiveparty #Exclusive #Party#HondaWingCenter

ฮอนด้าเปิดตัวฟอร์ซ่าใหม่ สะกดทุกลมหายใจให้หยุดนิ่งด้วยเฉดสีที่ดุดันแต่หรูหรายิ่งกว่าเดิม

ฮอนด้าเปิดตัวฟอร์ซ่าใหม่ สะกดทุกลมหายใจให้หยุดนิ่งด้วยเฉดสีที่ดุดันแต่หรูหรายิ่งกว่าเดิมล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนอันทรงพลัง และฟังก์ชั่นอัจฉริยะรอบคัน
“เอ.พี. ฮอนด้า” ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งตลาดพรีเมี่ยมเอ.ที. ด้วย “นิว ฮอนด้า ฟอร์ซ่า” รถบิ๊กสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมคลาส 300 ซีซี สะดุดตาด้วยเฉดสีใหม่ 4 สไตล์ ได้แก่สีแดง-เทา, สีน้ำเงิน-เทา, สีขาว-น้ำเงิน และสีดำด้าน เน้นความหรูหราในสไตล์สปอร์ต มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงของฮอนด้า และฟังก์ชั่นอัจฉริยะครบครัน สะดวกสบาย และปลอดภัย พร้อมวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศที่ Honda Wing Center ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปด้วยราคาแนะนำ 169,000 บาท มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเปิดเผยว่า “ภายใต้แนวคิด “What Stops You? มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด” เอ.พี.ฮอนด้า ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการให้กับผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าไบค์เกอร์ที่หลงไหลการขับขี่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่มีทั้งความหรูหราและความสปอร์ต ฮอนด้าได้นำเสนอ New Forza กับสีสันใหม่ที่สะกดทุกสายตา โดดเด่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ให้โดดเด่นและปราดเปรียวมากกว่าที่เคย”

New Forza มาพร้อมกับ 4 สีสันใหม่สไตล์พรีเมี่ยมสปอร์ต ได้แก่ สีแดง-เทา, สีน้ำเงิน-เทา, สีขาว-น้ำเงิน และสีดำด้าน บนรูปทรงที่ปราดเปรียวโดดเด่น เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับรูปลักษณ์แบบลักชัวรี่สปอร์ตเหนือระดับ ล้ำกว่าใครด้วยกระจกบังลมหน้าไฟฟ้าจากอิตาลี สามารถปรับระดับอัตโนมัติได้ถึง 110มม. ช่วยลดแรงลมปะทะหน้าขณะขับขี่ ติดตั้งชุดไฟ LED รอบคัน พร้อม Day Time Running Light และ กระจกมองข้างดีไซน์หรู พร้อม ไฟเลี้ยวแบบ Built – in LED ล้ำสมัยด้วย รีโมทอัจฉริยะที่สั่งการครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งการระบุตำแหน่งรถสัญญาณกันขโมย และเปิด-ปิดสัญญาณรีโมท พร้อมชุดควบคุมการทำงานอัจฉริยะสั่งงานง่ายเพียงปิดสวิทซ์
New Forza ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 300 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้แรงบิดสูง ตอบสนองการขับขี่ได้ทันใจทั้งในเมือง และการขับขี่ทางไกล ทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยี HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบควบคุมล้อหน้า-หลังให้สัมพันธ์กัน เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น 
New Forza ติดตั้งฟังก์ชั่นอัจฉริยะครบครันแบบเดียวกับที่มีในรถยนต์ ด้วยแผงหน้าปัดดิจิตอลสไตล์ Cockpit Area พร้อมระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษา การคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และแสดงอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีระบบคำนวณระยะทางกับน้ำมันที่เหลืออยู่ ตัวรถยังเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ยิ่งขึ้นกับช่องเก็บของแบบล็อคได้ และ AC Socket ชาร์จไฟมือถือพร้อมที่วางขวดน้ำ
ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย New Forza ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปด้วยราคาแนะนำที่ 169,000 บาท ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th และติดตามข่าวสารจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

Press Information Big Motor Sale 2019

เริ่มขึ้นแล้วสำหรับงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Bangkok International Grand Motor Sale 2019 ในปีนี้ซูซูกิเตรียมขบวนรถจักรยานยนต์คุณภาพหลากหลายรุ่นมาจัดแสดงให้ทุกท่านได้สัมผัส จับจองเป็นเจ้าของ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ซูซูกิ พร้อมพาทุกท่านชมยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม ที่ซูซูกิมุ่งมั่นและพิถีพิถันในการสรรสร้างรถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน อีกทั้งรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่นที่นำมาจัดแสดงนั้นล้วนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทั้งในเรื่องสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซูซูกิพร้อมเติมเต็มความสุขในทุกการขับขี่ ขอเชิญทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปกับครอบครัวซูซูกิ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 16-25 สิงหาคม 2562

Suzuki Booth Concept
โดยในปีนี้บูธของรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ได้ถูกออกแบบและตกแต่งภายใต้ Mood and Tone สีน้ำเงิน และสีขาว ซึ่งสะท้อนให้แลดูสปอร์ต และความเป็นตัวตนของรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตของซูซูกิอย่างแท้จริง พร้อมทั้งนำการรูปแบบของ Suzuki Big Bike Showroom มาผสมผสาน ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกผ่อนคลายขณะเข้าเยี่ยมชมบูธเสมือนอยู่ในโชว์รูม Suzuki Big Bike อีกด้วย 
บูธรถจักรยานยนต์ซูซูกิ ในงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2019 ครั้งนี้ ได้นำสุดยอดแห่งรถจักรยานยนต์เปี่ยมด้วยคุณภาพ สมรรถนะสูงหลากรุ่น หลายสไตล์ เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับรถจักรยานยนต์ของซูซูกิ ทุกรุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้านดีไซน์ สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเหนือระดับ พร้อมเติมเต็มความสุขในทุกการขับขี่ 
พิเศษในงานนี้ทางซูซูกิ ได้นำผลิตภัณฑ์อันเลื่องชื่อที่ทางซูซูกิได้อุทิศเวลาวันแล้ววันเล่าในการสร้าง และออกแบบทุกชิ้นส่วนอย่างพิถีพิถันจนออกมาเป็น Suzuki Katana ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 999 ซีซี DOHC 4 จังหวะ 4 สูบเรียง มาอวดโฉมให้ทุกท่านได้ชม มาพร้อมราคาเปิดตัวที่ 569,000 บาท และเปิดรับจองเป็นที่แรกในงานนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์อีกหลากรุ่นหลายสไตล์มาให้ทุกท่านได้สัมผัสนวัตกรรมที่ทางซูซูกิมุ่งมันพัฒนาให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน โซนแรก Ultimate and Sport Zone นำขบวนความแรงระดับตำนานโดย GSX1300R Hayabusa และ GSX-R1000/R โซนที่ 2 Street Zone สำหรับผู้ที่ชอบสตรีทไบค์ขอแนะนำ SV650X, SV650, GSX-S1000F, GSX-S1000 และ GSX-S750 ที่มาพร้อมสีใหม่ให้ทุกท่านได้เลือกชม ถัดมาโซนที่ 3 Adventure Tourer Zone สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยกับทัวร์ริ่งยอดนิยม V-Strom Series ต่อด้วยโซนที่ 4 Cruiser and Pleasure Zone สำหรับผู้ที่ชอบรถสไตล์ครูสเซอร์ Boulevard และบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่หรูหรามีระดับ Burgman 650 โซนสุดท้าย Convenience Zone พบกับ Burgman 200, VanVan 200, GSX-R150, GSX-S150 และ Raider R150 ให้ทุกท่านได้ชม ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด 
นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึก และ Apparel เครื่องแต่งกายจากซูซูกิให้ท่านได้เลือกซื้อ อีกทั้งยังมี Accessories Zone ที่นำอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ และสินค้าจากทางซูซูกิมาจำหน่ายให้กับลูกค้าอีกด้วย และในงานนี้ทางซูซูกิได้เตรียมโปรโมชั่นแบบพิเศษสุดให้กับลูกค้าที่มาจองรถจักรยานยนต์ภายในงาน พร้อมมีเจ้าหน้าที่ปรึกษาการขาย คอยแนะนำท่านเพื่อให้ท่านได้เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ซูซูกิได้อย่างง่ายดาย

Suzuki Katana
“A Cut Above”
เฉียบคมเหนือคำบรรยาย
ซูซูกิ Katana ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากดาบญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านเส้นสายที่เฉียบคม และในด้านสมรรถนะของการขับขี่ที่โดดเด่น ซูซูกิได้ออกแบบพร้อมพัฒนาอุปกรณ์ทุกชิ้นส่วนอย่างพิถีพิถัน ถึงแม้ชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนนั้นไม่ได้มองเห็นจากภายนอกก็ตาม นอกจากนี้ยังสะท้อนปรัชญาของซูซูกิที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สุดยอดงานฝีมืออันมีคุณค่าในทุกรายละเอียด 
ซูซูกิ Kanata ได้บรรจุขุมพลังเครื่องยนต์แบบ DOHC 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ขนาด 999 ซีซี ระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ได้รับการพัฒนาจากเครื่องยนต์ซูซูกิ GSX-R1000 มาพร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด และชุดเรือนลิ้นเร่ง SDTV (Suzuki Dual Throttle Valve) เพื่อการเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างตัวถังได้รับการออกแบบใหม่หมดให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา และมีความคล่องตัวสูง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ความสูงเบาะนั่งเพียง 825 มม. เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถยืดขาแตะพื้นได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นเบาะนั่งและถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถูกออกแบบให้มีขนาดเพรียวบางลงตามสรีรศาสตร์ 
นอกจากนี้ระบบ Traction Control Switch and Traction Control Mode Display ยังเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถ และตอบสนองการบิดคันเร่งในทุกสภาพถนน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสนุกและมีความมั่นใจทุกครั้งที่ได้ขับขี่โดยไม่เหนื่อย และไม่เมื่อยล้าโดยสามารถเลือกใช้ระบบได้ 3 โหมด ระบบเบรกแบบทวินดิสก์ขนาด 310 มม. พร้อมด้วยคาลิเปอร์ Brembo โมโนบล็อกแบบ 4 พอร์ต ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-Lock Brake System) แบบหน้า-หลัง ทำงานร่วมกับระบบ Traction Control ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ไปอีกขั้น โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. สามารถยุบตัวได้ถึง 120 มม. และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Link-Type ส่วนโช้คหลังสามารถยุบตัวได้ 63 มม. อีกทั้งยังสามารถปรับค่าความหนืด และสปริงแบบพรีโหลดได้ ทำให้สมรรถนะในการยืดหยุ่น และให้การทรงตัวมีความสมดุลมากที่สุดในการขับขี่ที่หลากหลาย 
Suzuki Katana มาพร้อมไฟหน้าโคมคู่ใหม่ ที่ได้ถูกออกแบบและติดตั้งไว้ตรงกลางด้านหน้าด้วยไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมแบบ LED และไฟหรี่แบบ LED คาดไว้ตรงกลางซ้ายและขวาของเลนส์ไฟ ทำให้ดูเฉียบคมและสะท้อนความมีเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี เรือนไมล์แบบ Full LCD ที่มีลวดลายกราฟฟิกโลโก้ Katana ในภาษาญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชุดไฟท้ายแบบหลอด LED ได้ถูกออกแบบให้มีเส้นสายไฟท้ายที่เฉียบคมที่ให้แสงสว่างที่เป็นเอกลักษณ์เพิ่มความเป็น Katana ได้อย่างดีเยี่ยม บังโคลนหลังขนาดเล็กแยกอิสระได้ถูกยึดติดกับสวิงอาร์มครอบคลุมยางหลัง พร้อมไฟเลี้ยวหลัง และป้ายทะเบียนรถเป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้ดูมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และดูดุดันมากยิ่งขึ้น ท่อไอเสียสั้นแบบยกได้ออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัดสีดำดุดันในทุกมุมมอง

ยามาฮ่าเปิดบูธ Riders’ Café ภายในงาน BIG MOTOR SALE 2019 พร้อมเปิด SUPER BIKE โฉมใหม่ล่าสุด NEW YZF-R1M และ NEW YZF-R1

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับนายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2019 (BIG MOTOR SALE 2019) ในพิธีเปิดบูธ Yamaha Riders’ Café อย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ยามาฮ่าได้ทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ SUPER BIKE โฉมใหม่ล่าสุด New YZF-R1M และ New YZF-R1 พร้อมเปิดจองในงานพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังได้ยกทัพรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดมาร่วมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นำโดย All New YAMAHA XSR155 น้องใหม่สไลต์สปอร์ตเฮอริเทจ, XSR700 สีใหม่โมเดล 2020 และ XSR900 สีใหม่โมเดล 2020 พร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษภายในงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2019 (BIG MOTOR SALE 2019) ระหว่างวันที่ 17-25 สิงหาคม 2562 ณ อาคาร EH-106 ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค บางนา

โดยพิธีเปิดบูธ Yamaha Riders’ Café อาคาร EH-106 ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้

ยามาฮ่าตอกย้ำความเป็นผู้นำ สร้างตลาด SPORT HERITAGE เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ALL NEW YAMAHA XSR155 ครั้งแรกของโลก

มร.โยชิฮิโร ฮิดากะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในงานแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW YAMAHA XSR155 ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์กลุ่มรถสปอร์ตในประเทศไทย ด้วยรถสไตล์ SPORT HERITAGE ครั้งแรกของโลกในคลาส 155 ซีซี ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี VVA ที่เป็นการผสมผสานระหว่างไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบวิถีที่งดงามของความคลาสสิคนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อการขับเคลื่อนได้อย่างลงตัว โดย ALL NEW YAMAHA XSR155 ถูกออกแบบและดีไซน์โดยคนไทย และผลิตขึ้นในประเทศไทย พร้อมจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 91,500 บาท

โดยงานแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ALL NEW YAMAHA XSR155 ครั้งแรกของโลก มีขึ้น ณ ห้อง Grand Riverside Ballroom ชั้น 10 โรงแรม AVANI Riverside Bangkok เมื่อเร็วๆ นี้

2020 Yamaha YZ250F

หลังจากที่ออกแบบใหม่หมดในแบบที่เรียกว่า redesign สำหรับโมเดล 2019 ของ Yamaha YZ250F จนส่งผลให้กลายเป็นรถโมโตครอสที่พร้อมสำหรับเกมการชิงชัยมากยิ่งขึ้นในกลุ่มรถ 250F ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานในสนามแข่งขันที่เห็นได้ชัดเจนจาก Dylan Ferrandis ที่ชนะใน AMA Supercorss West Championship

ซึ่ง Yamaha ได้นำข้อมูลต่างๆระหว่างฤดูกาลแข่งขันมาต่อยอดสู่โมเดลล่าสุดในปี 2020 กับ The Ultimate YZ250F หรือ ที่สุดของ YZ250F ที่ว่ากันว่ามันคือการพัฒนาสูงสุดของรถในซีรี่ส์นี้ แน่นอนว่ามันเป็นรถที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในทุกๆระดับมากที่สุดโมเดลหนึ่งที่ Yamaha ผลิตออกมาหลังจากที่เสริมแต่งความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ติดตั้ง electric start พร้อมกับตกแต่งเครื่องยนต์บางส่วนในโมเดลที่ผ่านมาให้กับเครื่องยนต์ 250 ซีซี สี่จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำจนมีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นพร้อมติดตั้งบนโครงสร้าง aluminium bilateral beam frame ที่มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนชั้นนำอย่าง KYB ทั้ง KYB spring type forks และ KYB rear shock จนกระทั่งมาถึงโมเดล 2020 YZ250F นี้ ได้มีการเสริมสมดุลในส่วนของสมรรถนะต่างๆ ที่มีผลต่อการคว้าชัยชนะ ทั้ง performance-rideability-comfort กล่าวคือ นี่จะเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มีองค์ประกอบในการขับขี่ที่ดี และให้ความสบาย มาพร้อมกับเทคโนโลยีจากการแข่งขันของ Yamaha ไม่ว่าการปรับเปลี่ยนโหมดการขี่ การต่อเชื่อมแบบไร้สาย กับ Yamaha Power Tuner App เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้คำจำกัดความที่ว่า Tune-Race-Win นั่นเอง

สำหรับไฮไลท์เบื้องต้นของ 2020 YZ250F ที่มีแนบมาให้กับไฟล์ภาพนั้นมีข้อมูลเทคนิคดังนี้
-เครื่องยนต์เปี่ยมสมรรถนะแบบ DOHC 250cc liqquid cooled 4-stroke engine ที่มาพร้อมกับ 4-valve cylinder head ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.8:1
-ฝาสูบแบบ Reverse cylinderhead โดยจะใช้ Lightweight titanium valves ซึ่ง titanium intake valves จะมีขนาด 31 มม. ขณะที่ titanium exhaust valves จะมีขนาด 25 มม. ซึ่งtitanium valve สามารถลดน้ำหนักได้ระหว่าง 40-45% ของ steel valves
-ปรับเซ็ทสะดวกด้วย Power Tuner smartphone app สามารถปรับให้สมาร์ทโฟนทั้งระบบแอนดรอย และไอโอเอส สามารถที่จะใช้งานได้คล้ายกับ อุปกรณ์ GYTR Power Tuner
-ปรับโหมดการขี่ได้ถึงสองแบบด้วย 2 position engine mapping switch
-เบาแรงด้วยสตาร์ทไฟฟ้า Lighweight electric starter พร้อม lithium-ion battery
-โครงสร้างเพรียวกะทัดรัดSlim and Compact bodywork and seat
-เฟรมแกร่งด้วย Strong bilateral aluminium beam frame
-ฟอร์คหน้า KYB front forks พร้อม speed sensitive damping
-ชุดกันสะเทือนหลัง Link type rear suspension พร้อม KYB rear shock
-Heavy duty clutch ที่รองรับการใช้งานหนักมาพร้อมกับ quick access ใช้งานง่ายน้ำหนักเบาด้วยการที่มือคลัทช์ออกแบบมาให้ใช้แรงกดน้อยลง ช่วยให้สบายขึ้นในขณะขับขี่ โดยฝาครอบด้านนอกเป็นวัสดุแมกนีเซียม
-ออกแบบหม้อน้ำที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย High efficiency angled radiator design

สเปคของตัวรถมีดังนี้
Engine type : liquid-cooled, 4-stroke, 4-valves, DOHC
Displacement : 250cc
Bore x stroke : 77.0 mm x 53.6 mm
Compression ratio : 13.8 : 1
Lubrication system : Wet sump
Clutch type : Wet, Multiple Disc
Ignition system : TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh, 5-speed
Final transmission : Chain
Fuel system : Electronic Fuel Injection
Frame : Aluminium
Front travel : 310 mm
Caster angle : 27º1
Trail : 119mm
Front suspension system : Upside-down
telescopic fork
Rear suspension system : Monoshock
Rear travel : 315 mm
Front brake : Hydraulic single disc, Ø270 mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø245 mm
Front tyre : 80/100 – 21 51M
Rear tyre : 100/90 – 19 57M
Overall length : 2175 mm
Overall width : 825 mm
Overall height : 1285 mm
Seat height : 970 mm
Wheel base : 1475 mm
Minimum ground clearance : 335 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 106 kg
Fuel tank capacity : 6.2L
Oil tank capacity : 0.95L

2019 Triumph Speed ​​Twin

ไทรอัมพ์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ระดับตำนานของสัญชาติอังกฤษ ประกาศการกลับมาของหนึ่งในโมเดลที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมากที่สุด Speed Twin สปีดทวิน

สำหรับในปี 2019 Triumph Speed ​​Twin ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาย Bonneville แต่มีการวางแพลนการเปลี่ยนแปลงตั้งเป้าหมายในรูปแบบใหม่ คือการรวมประสิทธิภาพของซีรี่ย์ของ Thruxton เข้ากับ Bonneville T120 เป็นความคลาสสิคที่เร้าใจ เครื่องยนต์คู่ขนานที่เป็นสัญลักษณ์ Triumph Speed ​​Twin มาจาก Thruxton พร้อมกับแรงบิด และคุณสมบัติการปรับแต่งเช่นเดียวกับซีรี่ย์ Thruxton, powerplant ทำให้ Speed ​​Twin มีการเปลี่ยนแปลงในการผลิตแรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที การปรับเปลี่ยนวัสดุเครื่องยนต์เพื่อลดน้ำหนักจึงใช้ฝาครอบแมกนีเซียม แคมชาฟท์ใหม่ช่วยให้เครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับอย่างเหมาะสมที่สุด ทำให้เบากว่า Bonneville T120 เกือบ 60 ปอนด์ คันเร่งแบบ Ride-by-Wire ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ คือ Rain, Road และ Sport แต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองแรงบิดและการควบคุมแรงฉุดสามารถปรับตามความต้องการแชสซีของ Speed ​​Twin นั้นมาจาก Thruxton R พร้อมการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้รองรับได้มากขึ้น มีตำแหน่งการขับขี่ที่เที่ยงตรง ที่นั่งแบบเพรียวบางและมีระดับต่ำกว่า Thruxton R โช้คอัพหน้า KYB ขนาด 41 มม. ที่ไม่สามารถปรับระดับได้ โช้คอัพหลัง KYB คู่ สามารถปรับสปริงโหลดได้ สวิงอาร์มอลูมินัมที่ออกแบบใหม่เพื่อลดน้ำหนัก และได้ความเสถียรมากขึ้น ระบบเบรกดิสก์หน้าคาลิเปอร์ Brembo 4 ลูกสูบ ร่วมกับจานดิสก์ขนาด 305 มม. ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ Nissin 2 ลูกสูบ กับจานดิสก์ขนาด 220 มม. และระบบ ABS ที่เป็นมาตรฐานออกมาจากโรงงาน วงล้อแม็กอลูมินัม 7 ก้าน เป็นการหล่อขึ้นรูปเพื่อความแข็งแรง ขอบขนาด 17 นิ้ว และใส่กับยาง Pirelli Rosso Corsa III

ส่วนเสริมอื่นๆ เช่นบังโคลนอลูมินัมขัดเงา ตัวเรือนลิ้นปีกผีเสื้อตัวยึดแผงด้านข้างและตัวป้องกันส้นเท้า ถังน้ำมันดีไซน์ใหม่ เรือนไมล์ทรงกลมยังคงความคลาสสิคตลอดกาล ปั๊มแรงดันดิสก์เบรกหน้ากระปุกแยก ก้านคลัทช์เหรียญปรับระดับ กระจกที่ปลายแฮนด์บาร์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์เสริมจาก Triumph จะมีมากมายเกือบ 100 รายการสำหรับการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

รายละเอียดสเปค 2019 Speed Twin
เครื่องยนต์ : คู่ขนาน 2 สูบ กับข้อเหวี่ยง 270 องศา
ปริมาตรความจุ กระบอกสูบ : 1200 ซีซี
กำลังสูงสุด : 96 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด : 83 ฟุต / ปอนด์ ที่ 4,950 รอบ/นาที
อัตราส่วนการบีบอัด : 11.0 : 1
ระบบวาล์ว : SOHC, 8 วาล์ว
ระบายความร้อน : หม้อน้ำ
เกียร์ : 6-speed
คลัทช์ : แบบเปียกซ้อนกันหลายแผ่น
ขับเคลื่อนสุดท้าย : โซ่
แชสซี : ท่อเหล็ก / อลูมินัมแบบเปลคู่
ระบบกันสะเทือนหน้า: เทเลสโคปิค KYB 41 มม.
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง : แบบคู่ KYB ปรับพรีโหลด
ล้อ : อลูมินัมหล่อขึ้นรูป 7 ก้าน
ล้อหน้า : 3.50 x 18
ล้อหลัง : 5.00 x 17
ยางรถยนต์: Pirelli Diablo Rosso III
ยางหน้า : 120/70 x 17
ยางหลัง : 160/60 x 17
เบรกหน้า: จานดิสก์ 305 มม. พร้อมคาลิเอปร์ Brembo 4 ลูกสูบ
เบรคหลัง : จานดิสก์ 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ Nissin
ABS : มาตรฐาน
ระยะฐานล้อ : 56.3 นิ้ว
ความสูงของเบาะ : 31.8 นิ้ว
ความจุเชื้อเพลิง : 3.8 แกลลอน
สี : เงินน้ำ / สีเทา /แดง