“ยามาฮ่า” ปลุกกระแส THAI GP 2022 อัดกิจกรรมแน่นตลอดงานเอาใจแฟน MotoGP

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล  รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี  ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นายธัชกร หัตถาธยากูล  ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างฯ ในการแถลงข่าวเตรียมความพร้อมนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบรายการ OR Thailand Grand Prix 2022 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 30 กันยายน-2 ตุลาคม 2565 ภายใต้บรรยากาศการต้อนรับและสีสันกองเชียร์ที่มีเอกลักษณ์จนได้รับความประทับใจจากแฟนความเร็วทั่วโลก

โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เชิญชวนลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่ารวมถึงแฟนความเร็วชาวไทยร่วมส่งแรงเชียร์ทัพนักบิดค่ายยามาฮ่า นำโดยเจ้าของแชมป์โลกคนล่าสุด ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร #20 พร้อมคู่หู ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี #21 รวมถึง เขมินท์ คูโบะ #81 ดาวบิดไทยที่ลงทำการแข่งขันในรุ่น Moto2 ภายใต้สังกัด VR46 Master Camp Team พร้อมกันนี้ยามาฮ่าได้ร่วมสร้างสีสันให้กับงานที่บูธ YAMAHA REV CIRCUIT จัดเต็มด้วยสินค้าราคาพิเศษ พร้อมเปิดโอกาสให้ทดสอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YAMAHA E01 และชมรถแข่งระดับแชมป์โลก YZR-M1 อย่างใกล้ชิด
สำหรับการแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขัน THAI GP 2022 ในครั้งนี้จัดขึ้น ณ สโมสรราชพฤกษ์ ถ.วิภาดีรังสิต เมื่อเร็วๆ นี้

เปิดตัว New Honda CT125 ด้วยคอนเซปต์ The Trail Explorer ยกระดับไลฟ์สไตล์ความสนุกด้วยสีสัน และเครื่องยนต์ใหม่

CUB House by Honda เปิดตัว New Honda CT125 รถจักรยานยนต์สไตล์เทรล ที่มาพร้อมสีใหม่และเครื่องยนต์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะดียิ่งขึ้น รวมถึงระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ที่สามารถปรับระดับได้ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสนุกยิ่งกว่าเดิม

New Honda CT125 มาพร้อมคอนเซปต์ The Trail Explorer ได้เวลาท้าทาย…ครั้งใหม่ นำเสนออีกมุมมองของไลฟ์สไตล์ด้วยสีเทาใหม่ ที่ให้ทั้งความเท่ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และยังถ่ายทอดความเป็นตำนานของ CT Series ที่มีมาตั้งแต่ปี 1960 ได้อย่างชัดเจน
New Honda CT125 ยังมาพร้อมการยกระดับในด้านสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี ที่ได้รับการพัฒนาให้มีแรงบิดมากขึ้น อัตราเร่งดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนหลัง Adjustable Rear Suspension ที่สามารถปรับค่า Preload ได้ถึง 5 ระดับ รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่บนเส้นทางปกติ หรือเส้นทางที่ท้าทาย
พร้อมกันนี้ CUB House by Honda ยังพร้อมส่งมอบอีกหนึ่งความพิเศษด้วย New Honda CT125 Stanley Special Edition 150 คัน ที่มาพร้อมชุดแต่ง 14 รายการ จากแบรนด์ Stanley และ H2C ที่ถ่ายทอดความเท่ขั้นสุดอย่างแตกต่าง และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของสายเเคมป์ปิ้ง พร้อมลุยได้ทุกที่
New Honda CT125 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทาใหม่ สีแดง (แร็กท้ายสีดำ) และ สีเขียว (แร็กท้ายสีเขียว) วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 88,900 บาท และรุ่นพิเศษ CT125 Stanley Special Edition วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 108,700 บาท ที่ CUB House Flagship ทุกสาขาทั่วประเทศ และที่ CUB House Corner ในศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก fb.com/cubhousebyhonda

ฮอนด้า มุ่งสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าหวังสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน

สรุปแถลงการณ์ธุรกิจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
– มุ่งสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าหวังสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน –
– ฮอนด้ามุ่งมั่นสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านการผลิตรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงปีทศวรรษ 2040s และยังคงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน (Internal Combustion Engine หรือ ICE) อย่างต่อเนื่อง
– ฮอนด้าวางแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 10 รุ่นทั่วโลกภายในปี 2025 ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า และ 3.5 ล้านคัน (หรือ 15% ของยอดขายรวม) ภายในปี 2030
– ในฐานะผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้าครองความเป็นผู้นำแห่งยุคของความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยส่งมอบความสุขจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
ฮอนด้ามุ่งมั่นสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านทุกผลิตภัณฑ์และกิจกรรมของบริษัทภายในปี 2050 โดยวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ฮอนด้าจัดงานแถลงข่าวความคืบหน้าในธุรกิจรถจักรยานยนต์ โดยคุณโคเฮ ทาเคอุจิ Director, Executive Vice President and Representative Executive Officer of Honda Motor และ คุณโยชิชิเกะ โนมูระ (Managing Officer)
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ :
1. ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
เพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลก ฮอนด้านำเสนอผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์หลายรุ่น ตั้งแต่คอมมิวเตอร์รุ่นเล็กสำหรับการเดินทางในเมือง ไปจนถึงรุ่นใหญ่ที่ขับขี่ได้อย่างสนุก ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกทั้งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่นั้นมีความต้องการรถจักรยานยนต์อย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นรุ่นคอมมิวเตอร์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ดี รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากน้ำหนักที่มาก ราคาที่สูง และความต้องการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังขึ้นกับมาตรการส่งเสริมและกฎระเบียบของรัฐ รวมถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานบริการชาร์จไฟฟ้าในแต่ละประเทศ
จากการพิจารณาสถานการณ์ดังกล่าว ฮอนด้ายังคงผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน (ICE) ในขณะเดียวกันพร้อมเร่งผลิตรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เน้นกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ทุกคันในช่วงปีทศวรรษ 2040s นอกจากนี้ฮอนด้ายังคงความเป็นผู้นำด้านโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอื่นๆ ในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์อีกด้วย
<เดินหน้าโครงการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน (ICE) อย่างต่อเนื่อง>
เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมกับรองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ขับขี่และการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ฮอนด้ายังมีโครงการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นที่ใช้น้ำมัน (ICE models) แบบช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปพร้อมๆ กับผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นที่สามารถใช้พลังงานที่สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน เช่น รุ่นที่ใช้แก๊สโซลีนผสมเอทานอล เป็นต้น
ตัวอย่าง เช่น ในประเทศบราซิล ที่มีรถจักรยานยนต์ใช้พลังงาน flex-fuel หรือ E100*1 ฮอนด้ายังได้วางแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใช้พลังงาน flex-fuel ในอินเดียซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ โดยจะเปิดตัวรุ่น flex-fuel (E20) *1 ประมาณต้นปี 2023 และ รุ่น flex-fuel (E100) ในปี 2025
*1 แก๊สโซลีนผสมเอทานอล มีอัตราการผสมหลายระดับ ตั้งแต่แก๊สโซลีน 100% ไปจนถึงเอทานอล 100% ส่วน E100 หมายถึง เอทานอล 100% และ E20 หมายถึง เอทานอล 20%
2. สร้างสรรค์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า
<เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้ขับขี่หลากหลายรูปแบบ>
จากการคาดการณ์การขยายตัวของตลาด ฮอนด้าเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่รองรับความต้องการที่แตกต่างของผู้ขับขี่ ตั้งแต่รุ่นคอมมิวเตอร์ขับขี่ในเมือง ไปจนถึงรุ่นใหญ่ขับขี่เพื่อความสนุก ฮอนด้าเตรียมนำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ไม่น้อยกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2025 ตั้งเป้ายอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันต่อปี ภายใน 5 ปีข้างหน้า และ 3.5 ล้านคัน (ประมาณ 15% ของยอดขายรวม) ภายในปี 2030
โดยมีรายละเอียดของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดังต่อไปนี้ :
1. รถจักรยานยนต์คอมมิวเตอร์ขับขี่ในเมือง Commuter EVs
ในยุคที่ทุกกิจกรรมหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ความต้องการใช้รถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเริ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการผู้ขับขี่ประเภทนี้ ฮอนด้านำเสนอ Honda e: Business Bike Series พร้อมเร่งเปิดตัวรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับธุรกิจในตลาดโลก นอกเหนือจากการส่งมอบ Honda e: Business Bike Series ให้กับบริษัทไปรษณีย์ของญี่ปุ่นและเวียดนาม* 2 เพื่อการทำงานบริการส่งสินค้าไปรษณีย์แล้ว ปัจจุบันฮอนด้ายังทดลองจับมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด*3 ทั้งยังวางแผนผลิตและจำหน่ายรุ่น BENLY e: ในประเทศไทยก่อนสิ้นเดือนนี้ สำหรับรถจักรยานยนต์ Honda e: Business Bike Series มาพร้อมกับ Honda Mobile Power Pack (MPP) แบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้ เหมาะกับการใช้งานธุรกิจประเภทส่งสินค้าชิ้นเล็ก และช่วยแก้ปัญหาเรื่องประเภทไฟฟ้าและระยะเวลาชาร์จไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นข้อท้าทายหลักในการทำให้การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่แพร่หลาย
สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล ฮอนด้าเตรียมแผนเปิดตัว Commuter EV สองรุ่นในปี 2024 และ 2025 ในเอเชีย ยุโรป และญี่ปุ่น ในอนาคต ฮอนด้ายังคงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอื่นๆ นอกเหนือจากแบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้
2. รถจักรยานยนต์รุ่นคอมมิวเตอร์ขับขี่ในเมือง Commuter EMs*4 / EBs*5
ปัจจุบัน รุ่น EMs และ EBs ครอง 90 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก หรือประมาณ 50 ล้านคัน ในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รุ่น EMs / EBs เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน และฮอนด้านำเสนอผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยการยกระดับโครงสร้างบริการพื้นฐานให้กับผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและพัฒนา โดยคาดว่าความต้องการรุ่น EMs / EBs จะขยายในวงกว้างขึ้นและครอบคลุมไปทั่วโลก พร้อมมีแผนเปิดตัว EMs / EBs รุ่นกะทัดรัดในราคาที่จับต้องได้ 5 รุ่น ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงปี 2024 ในตลาดเอเชีย ยุโรป และญี่ปุ่น
3. FUN EVs รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ที่ขับขี่ได้อย่างสนุก
นอกจาก commuter EVs แล้ว ฮอนด้ายังได้พัฒนาและนำเสนอรถจักรยานยนต์รุ่นใหญ่ที่ขับขี่ได้อย่างสนุก “Fun” EV models โดยจะเปิดตัว “Fun” EV models ทั้งหมดสามรุ่นในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป ในช่วงปี 2024 และ 2025 พร้อมกับเปิดตัว “Kid Fun EV model” สำหรับเด็กที่ออกแบบเพื่อส่งต่อความสุขในการขับขี่ให้กับคนรุ่นใหม่อีกด้วย
*2 บริการไปรษณีย์ของเวียดนาม
*3 บริการไปรษณีย์ไทย
*4 ประเภทไฟฟ้า: ความเร็วสูงสุด: 25 กม./ชม.~50 กม./ชม.
*5 ประเภทรถจักรยานไฟฟ้า ไม่รวมรถจักรยานที่ใช้ไฟฟ้าช่วย ความเร็วสูงสุด 25 กม/ชม หรือต่ำกว่า
<กระบวนการผลิตแบบประสิทธิภาพสูง “Monozukuri” ที่ช่วยขยายการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมเพิ่มยอดการจำหน่าย>
ด้วยความก้าวหน้าของการผลิตแบบ “Monozukuri” ที่สั่งสมจากการพัฒนาและการใช้แพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์รุ่นที่ใช้น้ำมัน ฮอนด้าพัฒนาและนำมาประยุกต์ใช้กับแพลตฟอร์มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ประสานองค์ประกอบหลัก 3 ประการของยานพาหนะไฟฟ้า ได้แก่ แบตเตอรี่ PCU และเครื่องยนต์ เข้าด้วยกัน โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยกระบวนการผลิต Monozukuri ประสิทธิภาพสูง เพื่อมอบความสุขในการขับเคลื่อนด้วยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้
ในส่วนของแบตเตอรี่ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของพาหนะไฟฟ้า ฮอนด้ามุ่งเป้าติดตั้ง แบตเตอรี่แบบแข็ง (All-solid-state battery) ที่มีเสถียรภาพสูงในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ฮอนด้ากำลังพัฒนาโดยการใช้แหล่งพลังงานของตนเอง
3. เพิ่มความสะดวกและความชาญฉลาดในการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
<โครงการริเริ่มเพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการชาร์จแบตเตอรี่และการกำหนดมาตรฐานให้กับแบตเตอรี่>
การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้บริการชาร์จแบตเตอรี่และการกำหนดคุณสมบัติที่เป็นมาตรฐานให้กับแบตเตอรี่นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำให้การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่แพร่หลาย ฮอนด้า ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้บริการชาร์จแบตเตอรี่นั้น ได้เน้นการดำเนินงานเพื่อให้มีการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
1. ส่งเสริมการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันให้เป็นที่แพร่หลาย
– ฮอนด้ามีธุรกิจร่วมในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ดำเนินการให้บริการใช้แบตเตอรี่ร่วมกัน จากการใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ MPPs และรถจักรยานยนต์พลังงานจากแบตเตอรี่ MPP โดย JV เริ่มให้บริการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันแล้วในเมืองบาหลี
– ในอินเดีย ฮอนด้าเตรียมวางแผนเริ่มให้บริการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันสำหรับใช้ในรถแท็กซี่สามล้อ (หรือที่เรียกกันว่า ริกชอว์) ภายในปลายปีนี้ ฮอนด้ายังวางแผนขยายโครงการริเริ่มใช้แบตเตอรี่ร่วมกันให้เป็นที่แพร่หลายในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
– ในญี่ปุ่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท ENEOS Holdings, Inc. และผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ 4 แห่ง*6 ร่วมมือกับ Gachaco, Inc. ผู้ให้บริการแบ่งปันการใช้แบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้ที่ได้มาตรฐาน สำหรับรถจักรยานยนต์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการให้บริการ โดยบริษัทเตรียมให้บริการเพื่อการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้
2. กำหนดมาตรฐานแบตเตอรี่
– ในญี่ปุ่น ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มีการตกลงกันเรื่องคุณสมบัติทั่วไปของแบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้โดยยึดแนวปฏิบัติเรื่องแบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อ (JASO TP21003*7 Guideline)
– ฮอนด้ามุ่งมั่นทำงานเพื่อสร้างมาตรฐานให้กับแบตเตอรี่แบบสลับเปลี่ยนได้ พร้อมกับเข้าร่วมประชุมสมาคมแบตเตอรี่ในยุโรป*8 ทั้งยังร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนในอินเดีย
*6 บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ จำกัด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
*7 สมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น รายงานวิชาการ TP21003 ขององค์กร JASO แนวปฏิบัติเรื่องแบตเตอรี่ที่สลับเปลี่ยนได้ สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อ “Guideline For Swappable Batteries Of Electric Two Wheel Vehicles”
*8 สมาคมแบตเตอรี่ที่สลับเปลี่ยนได้สำหรับรถจักรยานยนต์ (Swappable Batteries Motorcycle Consortium หรือ SBMC) ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการขับเคลื่อน
<เสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์>
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้ามุ่งปรับเปลี่ยนธุรกิจจากการเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่ทำรายได้เพียงครั้งเดียว สู่รูปแบบธุรกิจที่ผสมผสานทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮอนด้าร่วมงานกับ Drivemode*9 บริษัทซอฟต์แวร์ในเครือ ยกระดับมูลค่าการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในโลกยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมต่อกัน โดยเริ่มจากรุ่น Commuter EV ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2024 ฮอนด้ามอบประสบการณ์การขับขี่สุดแสนเพลิดเพลินให้กับผู้ใช้งาน (UX) ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อ อาทิ อุปกรณ์ที่ช่วยเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงวิถีถนน จุดชาร์จไฟฟ้า แนะแนวการขับขี่อย่างปลอดภัย พร้อมการบริการหลังการขายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่อุ่นใจตลอดเส้นทาง
ในอนาคต ฮอนด้าจะมุ่งสร้างแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงทุกสิ่ง เพิ่มคุณค่าการใช้งานที่ไม่เพียงเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าทุกประเภท เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายแบบไร้ขีดจำกัด
*9 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปรับเปลี่ยนประสบการณ์ผู้ใช้เพื่อการขับขี่อย่างสะดวกสบาย Drivemod

SYM Jet X

กล่าวได้ว่า Jet series คือหนึ่งในไลน์อัพรถสกู๊ตเตอร์ที่สร้างชื่อให้กับ SYM มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่าสิบปีในตลาดยุโรป ที่ริเริ่มส่ง Jet14 ออกไปทำตลาดและยังคงขายได้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่ล่าสุดทาง SYM ได้อัพเกรดเวอร์ชั่นล่าสุดของ Jet Series ออกมา ก็คือ Jet X TCS ที่ถือว่าเป็นตัวท็อปของซีรีส์ ที่เคลมว่า นี่คือ high-end specs ที่จัดเต็มไม่เพียงแค่ภาพลักษณ์ดุดันในสไตล์รถแข่ง แต่ยังเพียบพร้อมด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ ทั้งเพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย ความหรูหราดูดี และความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่ครบเครื่องของสกู๊ตเตอร์ระดับสุดยอดของค่าย

หัวข้อสำคัญของการอัพเกรดตัวท็อปของ Jet Series อย่าง Jet X TCS นั่นก็ชัดเจนจากรหัสย่อท้ายรุ่น ก็คือ TCS ที่มาจาก Traction Control System ที่จะช่วยลดแรงเสียดทานที่เกิดกับพื้นถนน ลดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมขณะขับขี่ด้วยความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะกำลังเร่งความเร็ว โดย TCS จะป้องกันล้อหลังไม่ให้มีอาการสไลด์ขณะเริ่มเร่งความเร็ว หรือขณะกำลังออกตัว รวมทั้งขณะขับขี่ในโค้ง

แม้รูปโฉมจะออกแบบให้มีความดุดันโฉบเฉี่ยวในแบบฉบับของสกู๊ตเตอร์พันธ์แรง ทว่ามิติการขับขี่ ท่าทางการนั่งนั้นล้วนออกแบบเพื่อตอบสนองความรู้สึกที่สะดวกสบาย ให้การควบคุมที่ผู้ขับขับขี่ได้อย่างสบายๆสนุกสนานกับการขับขี่ นอกจากนี้ก็ยังคงมีองค์ประกอบที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพิมพ์นิยมของรถในโมเดลปีล่าสุดนี้ของ SYM ก็คือ LED Lighting และ LCD Instrument รวมทั้ง Keyless System 2.0 และ Quick Charge 2.0

สำหรับพื้นฐานเครื่องยนต์นั้น จะเป็นแบบ 4valve Liquid Cooled Engine ซึ่งจะมีสองขนาดความจุเครื่องยนต์ให้เลือก คือ 125 และ 150 ซีซี โดยรายละเอียดตัวรถมีข้อมูลดังนี้

Keeway E-Zi Mini

Keeway ส่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในรูปแบบสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กสำหรับใช้งานในเมืองออกมาสู่ตลาดที่พวกเขาบอกว่า นี่คือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ทันสมัย และเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความฉลาดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการช่วยจัดการด้านต่างๆ

ช่วยให้มีระยะการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น ควบคุมง่ายขับขี่สะดวก ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว โดยในซีรีส์รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของ Keeway ในกลุ่มที่ใช้ชื่อ E-Zi นั้นจะมีสามโมเดล แต่ที่เรานำมาแนะนำกันนี้ คือ E-Zi Mini ที่มีน้ำหนักเบาควบคุมง่ายคล่องตัว มาพร้อมกับมอเตอร์ขนาด 1,000 วัตต์ ใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธี่ยม ขนาด 48 โวลท์ 20 แอมป์ โดยมีระยะทำการมากถึง 60 กม. ซึ่งตัวรถ E-Zi Mini จะมีโหมดการขับขี่มาให้เลือกใช้สองโหมด คือ Power กับ Eco

MALAGUTI MADISON 150

MALAGUTI MADISON 150 โมเดลใหม่ล่าสุดรถสกู๊ตเตอร์สปอร์ตพรีเมี่ยม ในคลาส 150 ซีซี ที่ถ่ายทอดDNA อิตาเลียนดีไซน์ ในรูปโฉมสุดโฉบเฉี่ยว สปอร์ต เร้าอารมณ์ โดย MALAGUTI (มาลากูติ) คือ แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาเลี่ยนในประวัติศาสตร์ ถือกำเนิดขึ้น ณ เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองต้นกำเนิดของแบรนด์ดังในแวดวงยนตกรรมระดับโลกมากมาย

 

 

โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ MALAGUTI คือ ANTONIO MALAGUTI (อันโตนิโอ มาลากูติ) ที่ย้อนกลับจากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ในปี 1930 ได้เริ่มทดลองติดตั้งเครื่องยนต์เข้ากับรถจักรยาน จนภายหลังได้พัฒนามาสู่รถมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์แบรนด์ MALAGUTI ในเวลาต่อมา ซึ่งหากนับระยะเวลาจากจุดเริ่มต้นเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ก็เรียกได้ว่า เป็นแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานเกือบ 100 ปี

และแม้ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ MALAGUTI จะเน้นทำตลาดในประเทศทางฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่ อาทิ ในประเทศ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ และ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น จึงทำให้การมาบุกตลาดในบ้านเราในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแบรนด์ MALAGUTI พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าลุยตลาดทางฝั่งเอเชีย โดยผนึกกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง MALAGUTI อิตาลี กับ บริษัท ไดนามิค มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายในภูมิภาคนี้ และยุโรป สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกในไทย! ประเดิมด้วยโมเดลใหม่ล่าสุด MALAGUTI MADISON 150 รถสกู๊ตเตอร์สปอร์ตพรีเมียม ที่ถ่ายทอด DNA อิตาเลียนดีไซน์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยว สปอร์ต เร้าใจ มาพร้อมเครื่องยนต์ พิกัด 150 ซีซี 4 จังหวะ สูบเดี่ยว 4 วาล์ว เทคโนโลยีหัวฉีด (Bosch EFI) พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Liquid cool)

โดดเด่นด้วยดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้าย ในมิติล้ำสมัย เทคโนโลยี FULL LED หน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD DISPLAY DYNAMIC MOTION ที่มาเติมสีสันให้ชีวิตตั้งแต่เริ่มบิดสตาร์ท พร้อมความพรีเมียมที่มาในดีไซน์ของรีโมทกุญแจ กับประโยชน์ด้านความปลอดภัย ที่เสริมการปลดล็อคอีกขั้นก่อนบิดสตาร์ทออกตัว เสริมความมั่นใจในทุกการเบรก ด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ CBS ถังน้ำมันขนาดใหญ่ จุได้ถึง 10 ลิตร ตอบโจทย์ด้านการใช้งาน และให้ความสะดวกสบายกับวิถีชีวิตยุคใหม่ ด้วยฟังก์ชั่น USB CHARGING SOCKET สำหรับชาร์จอุปกรณ์สื่อสาร

\

MALAGUTI MADISON 150 มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน ได้แก่ VIBRAN MATT RED SATIN (สีแดง), VENGEANCE NIGHT BLACK (สีดำ), EMPTINESS FORCE WHITE (สีขาว), และ MAMBAS MATT GREEN SATIN (สีเขียว) ที่มาพร้อมราคาค่าตัวสุดเซอร์ไพรส์ในราคาแนะนำ ที่ 79,800 บาท

ไทยฮอนด้าเปิดตัว New CB300R มอเตอร์ไซค์ NEO SPORTS CAFÉ ผสานสองขั้วความเท่ไว้อย่างลงตัว

ไทยฮอนด้าเอาใจวัยรุ่นที่ชื่นชอบความเร็วและความโมเดิร์นคลาสสิก ด้วยการเปิดตัว New CB300R มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ NEO SPORTS CAFÉ ที่มาพร้อมสีใหม่ และเทคโนโลยีที่ครบครัน

New CB300R NEO SPORTS CAFÉ ผสานสองขั้วความเท่ไว้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมขับสไตล์ให้โดดเด่นเหนือกว่ากับสีเหลือง PEARL DUSK YELLOW เท่กว่าเดิมกับ DESIGN SPORTY MUFFLER ท่อไอเสียปรับแต่งใหม่ ให้ทุกมุมมองเต็มไปด้วยความเร้าใจ และให้เสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันทรงพลัง มาพร้อมเทคโนโลยี ASSIST SLIPPER CLUTCH เพิ่มความนุ่มนวลไหลลื่นขณะเปลี่ยนเกียร์ และป้องกันการเสียการควบคุมขณะผ่อนคันเร่งกะทันหัน สะดวกสบายมากขึ้นกับ METER GEAR POSITION บนหน้าปัดเรือนไมล์แบบใหม่ จอ LCD แสดงผลครบครัน พร้อมไฟแจ้งเตือนการเปลี่ยนเกียร์

นอกจากนี้ New CB300R ยังคงแรงเต็มพลังด้วยเครื่องยนต์ 286 ซีซี 4 วาล์ว มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดุดันเร้าใจ FULL LED LIGHTING SYSTEM ล้ำหน้าด้วยระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน พร้อมไฟหน้าทรงกลมคงเอกลักษณ์ความเท่คลาสสิก TAPERED RUBBER MOUNTED HANDLEBAR แฮนด์บาร์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 28.6 มม. บริเวณตอนกลางออกแบบเป็นรูปทรงเรียว เพื่อการควบคุมที่มั่นคงยิ่งขึ้น MONOSHOCK WITH 7-STEP PRELOAD ADJUSTMENT ตอบโจทย์ทุกการขับขี่อย่างลงตัว ด้วยโช้กหลังแบบ PRELOAD ADJUSTMENT ที่ปรับได้ถึง 7 ระดับ และ UPSIDE-DOWN FRONT SUSPENSION AND HUBLESS FLOATING DISC โช้กหน้าหัวกลับสีทองเข้มขนาดใหญ่ 41 มม. ขนาดเดียวกับรถระดับบิ๊กไบค์ของฮอนด้า ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยมทุกสภาพถนน มั่นใจในทุกการเบรกด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 296 มม. แบบจานแยกชิ้น เรเดียลเมาท์ 4 พอต คาลิปเปอร์ พร้อม ABS G-Sensor ระดับเดียวกันกับรถในสนามแข่ง

New CB300R มีทั้งหมด 3 สี ประกอบด้วยสีเหลือง PEARL DUSK YELLOW สีแดง CANDY CHROMOSPHERE RED และสีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC ราคาแนะนำที่ 155,200 พร้อมพาคุณโลดแล่นไปกับความเท่เหนือกาลเวลาแล้ววันนี้ ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New CB300R ได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : https://www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

“ยามาฮ่า” ชวนสื่อฯ ทดสอบใช้งานจริง พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึก ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED

นางสาวอัญชลี ศรีพิทักษ์ ผู้จัดการส่วนบริหารตราสินค้า ประชาสัมพันธ์และลูกค้าสัมพันธ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับสื่อมวลชนชั้นนำของประเทศในกิจกรรมอบรมเทคนิคเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED

โดยยามาฮ่านำเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้ข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลเทคนิค ในการดีไซน์ออกแบบผลิตภัณฑ์และการตลาด พร้อมการดีไซน์การตกแต่ง ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในข้อมูลเครื่องยนต์ พร้อมทั้งเปิดให้ทดสอบขับขี่อีกครั้งในรูปแบบของการใช้งานจริงบนท้องถนน

สำหรับกิจกรรมอบรมเทคนิคเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED จัดขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม​ ณ ช็อกโกแลต วิลล์ ท่ามกลางการตอบรับเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างหนาตา

ยามาฮ่า ฉลองใหญ่ 20 ปี การเป็นผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกเมืองไทยเปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED ใหม่

ยามาฮ่า ฉลองใหญ่ 20 ปี การเป็นผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกเมืองไทยเปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED ใหม่ พร้อม 2 พรีเซนเตอร์ NEW GEN
มร.ทัตซึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี้ยะ! อย่างเป็นทางการ โดยมี 2 พรีเซนเตอร์สุด FAZZ!!! “MILLI” และ “TILLY BIRDS” ที่กำลังได้รับกระแสความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z มาเป็นผู้ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยไปพร้อมกับ “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED”
สำหรับ“ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี้ยะ! โดดเด่นล้ำสมัยด้วยสไตล์ใหม่ รูปทรงเก๋ พร้อมระบบเครื่องยนต์แบบไฮบริด ที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสุดล้ำอย่าง Y-CONNECT ที่เชื่อมคุณกับรถให้เข้ากันอย่างง่ายดายพร้อม 9 ฟังก์ชันสุดฟาซ โดย “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” มีด้วยกัน 2 รุ่น 6 สีสุดเร้าใจในราคาแนะนำ 54,900 ในรุ่น Standard และ ราคาแนะนำ 56,600 บาท ในรุ่น Smart key
โดยในการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED มีขึ้น ณ Central LIVE HOUSE ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้

All New Click160 “นำหน้า…อย่างจ่าฝูง” The Alpha Of Speed

แรงกว่าเดิม! All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี eSP+ ดีไซน์ใหม่รอบคัน สปอร์ตเร้าใจแบบเต็มขั้น ขี่มัน เร้าใจหลังจากที่ ฮอนด้า ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. สปอร์ตเต็มขั้น มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน ผสานความแรงและความโฉบเฉี่ยวไว้ด้วยกัน โดยมี เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวไทยในเจลีกเป็นพรีเซนเตอร์ผู้ถ่ายทอด DNA ของความเป็นผู้นำจ่าฝูง จนเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด คอนเซ็ปต์ “นำหน้า…อย่างจ่าฝูง” The Alpha Of Speed โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน เส้นสายตัวรถให้อารมณ์ความสปอร์ตแบบเต็มขั้น ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ Dual LED Headlight เส้นสายเฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้ายดีไซน์เท่ไม่เหมือนใคร และระบบไฟ LED รอบคัน ขี่ไปไหนก็สว่างชัดเจนทุกเส้นทาง ในรุ่น ABS มาพร้อมโลโก้ Click160 สีทองใหม่ สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นที่สุดบนท้องถนนAll New Click160 มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในรถสปอร์ต เอ.ที. ให้ความคล่องตัวด้วยชุดเฟรมใหม่ eSAF มาพร้อมน้ำหนักที่เบาขึ้น แข็งแรงทนทาน โดยการอัดขึ้นรูป และเชื่อมด้วยระบบเลเซอร์ ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวทุกเส้นทาง แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ eSP+ สูบเดี่ยว 4 จังหวะ SOHC 4 วาล์ว ขนาด 156.93 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยระบบสายพาน V-Matic ส่งกำลังแรงต่อเนื่องเต็มสมรรถนะ สมูท ลื่นไหล ควบคู่ความประหยัดเต็มขั้น แรงม้า ดีไม่มีตก ด้วยระบบการฉีดพ่นละอองน้ำมันให้ลูกสูบ Piston Oil jet เพื่อระบายความร้อน และลดการเสียดทานของกระบอกสูบ

แผงหน้าปัดของ Honda Click160 เป็นแบบดิจิตอล ใช้งานง่าย แสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ครบถ้วนทุกฟังก์ชัน ที่ชาร์จไฟสำรอง USB Type A บริเวณที่เก็บของคอนโซลหน้า เบาะนั่งที่กว้างขึ้น พื้นเหยียบเพิ่มให้สามารถขยับเท้าได้สบาย ให้ทุกการขับขี่ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์ทุกการเดินทางAll New Click160 มีให้เลือก 2 รุ่น ในราคาแนะนำ เริ่มจากรุ่น Standard มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว-ดำ และ สีแดง-ดำ ราคา 63,500 บาท และรุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีขาว-ดำ ราคา 69,900 บาท

ความรู้สึกหลังการทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
กอล์ฟ ไรดิ้ง
ได้จัดเต็มๆ กับการใช้งานจริงๆ บนท้องถนน 3 วัน ความรู้สึกแรกที่ได้นั่ง คือ รถดูมีมิติที่ล่ำมากกว่าเดิม ที่วางเท้ากว้างขึ้น แต่ยังรู้สึกเล็ก และกระชับดี เบาะไม่สูงมากความสูงของผม 168 ยืดได้เกือบเต็มเท้าเหลืออีกนิดเดียวออพชั่นเหมาะใช้งาน Click 160 ให้ที่ชาร์จ USB-A มาที่ช่องเก็บของบนคอนโซลด้านซ้าย ตำแหน่งเหมาะที่จะเสียบชาร์จมือถือที่ติดตั้งบนแฮนด์ ช่องเก็บของใต้เบาะมีขนาด 18 ลิตร ใหญ่กว่าเดิม ฮอนด้าบอกว่าสามารถใส่หมวกครึ่งใบได้ 1 ใบ กุญแจรีโมท สมาร์ทคีย์ กดที่ปุ่ม(เตาแก๊ส) เพียงทีเดียวก็พร้อมสตาร์ท ง่าย และสะดวก
สำหรับ การขับขี่ ต้องอึ้ง และทึ่ง แบบไม่ได้อวยจริง กับอัตราเร่ง ดีงามพระรามแผงศร มันชัดเจนกว่ารุ่น 150 มากๆ พุ่งออกตัวได้เร็ว และยังสามารถบิดต่อแบบไม่ต้องรอ กระแทกคันเร่งส่งไปได้เลย ระดับความเร็วต้น และกลาง จากความเร็ว 30-60-90 กม./ชม. มีความต่อเนื่อง แต่พอขึ้นถึงร้อยมาแบบเรื่อยๆ ไม่ได้จี๊ด แต่แช่ได้ยาวๆ โดยที่เครื่องยนต์ไม่มีอาการสะท้าน แบบนี้ คงพร้อมสำหรับการโมฯ ชุดข้าง เพิ่มเติมน่าจะดันและไหลได้อีกนิดหน่อยตัวรถที่ไม่กว้าง และไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ทำให้มีความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบด้วย ซอกเล็กๆ ก็เข้าไปได้ เรื่องของรถติดไม่ต้องห่วง ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่รถไหลๆ ซิกแซกนี่พลิ้วเลย ท่านั่งก็สบายๆ ด้วยเบาะที่มันกว้างขยับได้สะดวกดี แม็กหน้ากว้างยางใหญ่อัพไซส์ ก็ลองสาดเข้าโค้งกว้างๆ ดู อืมมม..มั่นใจได้ แต่ก็ต้องระวังด้วยถ้าถนนมันลื่นก็ เบาๆ หน่อยแล้วกันระบบเบรก ดิสก์หน้า-หลัง ใช้งานแล้วรู้สึกมั่นใจ ข้างหน้า ABS ซะด้วย แต่ที่แปลกก็คือ รางวงแหวนเซ็นเซอร์จะเจาะที่จานดิสก์ ระยะที่ไม่ถี่เหมือนรางแยก และไม่สามารถเอาจานแต่งมาใส่ได้เพราะ ไม่มีรางเซ็นเซอร์นั่นเอง ระยะทำการของการเบรกสั้นกว่าเดิมเพราะขนาดจานที่ใหญ่กว่าเดิมด้วย ดิสก์เบรกหลัง กับรถออโตเมติกขนาดเล็กๆ ลองใช้หนักแล้วท้ายปัดเหมือนกันนะ แต่มีแล้วอุ่นใจ เพราะมันสามารถช่วยให้เราชะลอแล้วเสี้ยวเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น เหมือนเป็นเอนจิ้นช่วย ถ้ากดเบรกหน้าคงพับรับแรงปะทะกับพื้นแน่นอน
สรุปโดยรวมๆ ส่วนผมชอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ เร่งออกตัวหรือเร่งออกจากจุดเลี้ยวดีมากเลย ยางใหญ่ใส่โค้งได้ไม่กลัวเลย รูปลักษณ์ขนาดของรถดีไซน์สปอร์ตน้ำหนักเบา ทำให้คล่องตัว ใครที่อยากได้รถขี่สนุกใช้ในเมือง ก็นี่ไง Click160 มันขี่มันจริงๆ

 

Keeway Versilia 150 New Icon of Style : สนุกทุกความท้าทาย…เป็นใครก็มันส์ได้

คีเวย์ ประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาด ตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี ในประเทศไทย สร้างความมั่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และที่สำคัญในการก้าวสู่ปีที่ 11 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการ โดยได้ผนึกกำลังกับ Benelli Servizio ที่พร้อมจัดจำหน่าย และให้บริการกับรถจักรยานยนต์คีเวย์ทุกคัน เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญศูนย์บริการทุกแห่งจะได้รับการอบรมด้วยมาตรฐานเดียวกับทางเบเนลลี่

Versilia 150 มาพร้อมความสนุก ในสไตล์ของอิตาเลี่ยนสกู๊ตเตอร์ ในคลาส 150 ซีซี ออโตเมติกพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยการออกแบบ แฝงด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก และยังให้ความสำคัญกับสมรรถนะและการใช้งานของผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ 149.6 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ พร้อมจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ EFI ให้กำลังสูงสุด 7.2 กิโลวัตต์ ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 10.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที

Versilia 150 ตอบโจทย์การใช้งานด้วยกุญแจแบบ Keyless พร้อมเสียงสัญญาณป้องกันการโจรกรรม โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ดูหรูหราทันสมัย ​​โดยไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง พร้อมแถบไฟ LED DRL daytime running light สุดล้ำพาดผ่านด้านหน้า ครอบคลุมสัญญาณไฟเลี้ยวที่เพรียวบาง เรือนไมล์ได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ มีพร้อมพอร์ตชาร์จไฟสำรองแบบ USB ที่อยู่ภายในกล่องหน้ารถ และที่เก็บของใต้เบาะ U Box ขนาด 23 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน๊อคเต็มใบได้ ถังน้ำมันขนาด 5.6 ลิตร นั่งสบายด้วยเบาะสไตล์วินเทจแบบ 2 ตอน ระบบกันสะเทือนหน้าและหลังแบบเทเลสโคปิก วงล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 12 นิ้ว ยางหน้า 120/70 และหลัง 120/70 เน้นความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบ เหมาะกับการใช้งานในเมือง เพิ่มความทันสมัยและความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 185 มม.

Versilia 150 มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ Versilia 150 Standard สี ROSSO CORSA RED (แดง) ราคาแนะนำ 61,200 บาท และ Versilia 150 Special Keyless สี SUPER WHITE (ขาว) และ สี LAVA GREY (เทา) ราคาแนะนำ 63,500 บาทพร้อมการรับประกัน 3 ปี 30,000 กิโลเมตร


ความคิดเห็นหลังการทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ (กอล์ฟ ไรดิ้ง)
ป๊าดดดด…ดีเกินคาด ถ้ากล้าเปิดใจรับจะได้สิ่งใหม่ๆ Keeway Versilia 150 รถจักรยานยนต์ สไตล์สกู๊ตเตอร์ ดีไซน์คลาสสิค ผสมผสานความโมเดิร์นให้เข้ากับยุคสมัย งานประกอบชิ้นส่วนไม่ก๊อกแก๊ก ขนาดกำลังดี และน้ำหนักตัวไม่เยอะมาก ทำให้การคอนโทรลเบาแรง มีหวิวๆ ในช่วงแรกๆ พอเริ่มคุ้นเคยก็ควบคุมง่ายขึ้น เบาะใหญ่นั่งสบาย ที่วางเท้ากว้าง ขยับขาได้สะดวก เบาะสูงไปหน่อยสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ ผมสูง 168ต้องเขย่งเล็กน้อยเครื่องยนต์แบบสูบเดี่ยว ที่ให้มา 150ซีซี เสียงนุ่มๆ มีอัตราเร่งดี ออกตัวพุ่งเร็วไม่น่าเชื่อและมีความต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์โดยที่ไม่มีจังหวะกระตุก คันเร่งเบาไม่หนักบิดได้ลื่นๆ การเร่งแซงก็ทำได้ดีแต่ต้องอยู่ในความเร็วระดับ 60-70 กม./ชม. จะพุ่งขึ้นได้เร็ว ถ้าเกิน 80 กม./ชม. จะขึ้นช้าไปหน่อย แต่สำหรับช่วงปลายๆ ความเร็วก็คงที่อยู่ประมาณ 100-115 กม./ชม.มาที่ช่วงล่าง มันยังมีความกระด้างอยู่ สำหรับโช้คอัพหลัง ทำให้การเข้าโค้งแล้วมันรู้สึกขืนๆ เล้กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งเกินไป ใช้งานได้ปกติแต่ถ้ามีการซ้อนหรือบรรทุกก็จะช่วยได้ โช้คอัพหน้าอันนี้ผ่านได้เลย เพราะตอนที่ขับขี่ไปตกหลุมเต็มๆ มันซับได้ดีเลย ส่วนดิสก์เบรกหน้าถึงจานขนาดเล็ก แต่ทำงานได้ดีนะ และชุดปั๊มบนไม่แข็งกำได้นิ่มๆ ดรัมเบรกหลังเอาอยู่สบายๆ

“เลกัวน่า” คว้าท็อปเท็นส่งท้าย เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สนาม 5

อิเคร์ เลกัวน่า ยอดนักบิดชาวสแปนิชจาก ทีม เอชอาร์ซี ผงาดคว้าอันดับ 10 ในเรซที่ 2 ของศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 5 เดินหน้าเก็บแต้มให้ทีมได้สำเร็จ ขยับรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพจากเรซสุดมันส์เมื่อวันอาทิตย์ ที่ สหราชอาณาจักร

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 สนาม 5 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ สนามโดนิงตัน พาร์ค สหราชอาณาจักร ชิงชัยทั้งสิ้น 23 รอบสนาม

เกมในเรซที่ 2 อิเคร์ เลกัวน่า ยอดนักบิดชาวสแปนิชเจ้าของรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 7 จาก ทีม เอชอาร์ซี ได้ออกสตาร์ตจากกริดที่ 7 ทว่าช่วงต้นเรซกลับเจอความชุลมุนในกลุ่มหน้า ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 10 ด้วยเวลา 34 นาที 11.919 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 23.512 วินาที ขณะที่ทีมเมทอย่าง ซาวี วิเออร์เฮ เจ้าของหมายเลข 97 ฝืนอาการบดเจ็บบิดเข้าป้ายในอันดับ 13 ตามหลัง 24.896 วินาที

ผ่านการแข่งขัน 5 สนาม เลกัวน่า ขยับรั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสมมีทั้งสิ้น 116 แต้ม ส่วน วิเออร์เฮ รั้งอันดับ 10 มีทั้งสิ้น 69 คะแนน โดยสนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 กรกฎาคมนี้ ที่ สนาม โมสต์ ออโตโดรม, สาธารณรัฐเช็ก
แฟนความเร็วสามารถติดตามข่าวสารของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH