Skip to content

รถ Adventure ขนาดกลางที่ลงตัวจากการที่ได้ลองขี่มาแล้วบอกเลยว่านี่ล่ะรถ Adventure New Standard ในการออกแบบคันนี้ทาง Piaggio Advance Design Center ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Tuareg 600 Wind จากปี 1988 ที่มีเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 562 ซีซี โดยรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย มีจำหน่ายทั้งหมด 3 สีแดง Martian Red, สีทอง Acid Gold และสีน้ำเงิน Indaco Tagelmustเครื่องยนต์ Parallel Twin 659 cc 80 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 70 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ให้พละกำลัง 80 แรงม้า มาพร้อมเทคโนโลยี APRC (Aprilia Performance Ride Control) เทคโนโลยีครบจบตามสไตล์รถทัวร์ริ่งรุ่นใหญ่ พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดโหมด Urban เหมสำหรับกับการขี่ใช้งานในเมืองหรือชีวิตประจำวัน ที่มีรอบเครื่องยนต์ที่มีความนิ่มนวล

โหมด Explore เหมาะแก่การเดินทางไกล ท่องเที่ยว ทางยาวๆ แต่ปล่อยกำลังเครื่องยนต์ไม่ธรรมดา มีเพียงคันเร่งที่แตกต่าง

โหมด Off-road โหมดนี้พร้อมลุยทุกสภาพถนน ระบบอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ระดับที่ต่ำ ABS ล้อหลังจะปิดการทำงานแต่ใครอยากปิดทั้งหน้าและหลังก็สามารถทำได้เช่นกัน

โหมด Individual ก็เป็นโหมดที่ให้ผู้ขี่เซ็ทค่ารถได้อย่างตามใจ ตามสไตล์การขี่ของคุณเองได้เลย

ด้วยหน้าตาที่ยังมีความเป็น DNA ของ Aprilia กับเอกลักษณ์เฉพาะ ไฟหน้าสามตา โดดเด่น ดูเท่ดูล้ำไปอีกแบบ ไม่เหมือนใครแน่นอน และระบบไฟหน้าหลัง ไฟเลี้ยวยังเป็น LED ทุกจุด

ดีไซน์หน้ามาล้ำแล้วเค้าก็ยังใส่ใจเรื่อง Riding Position ด้วยเบาะตอนเดียว นั่งสบายหนานุ่มมาเลย แฮนด์บาร์แบบกว้างทำให้คุมตัวรถได้ง่าย และระยะแฮนด์กับเบาะนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สบายกระชับไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ก็พอดีกับขาที่เราแนบไปกับตัวถังน้ำมันขนาด 18 ลิตร ที่เต็มถังสามารถไปได้ไกลถึง 450 กิโลเมตร

จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจอตามสภาพแสงแวดล้อมอัตโนมัติ ที่บอกรายละเอียดได้ครบถ้วน แบ่งฝั่งชัดเจนด้านขวาเป็นรอบบอกความเร็ว ด้านซ้ายเป็นการแสดงข้อมูลอื่นๆ โดยเลื่อนเล่นเมนูต่างๆ ได้ที่ จอยด้านซ้าย และรถคันนี้ มีโหมด การขับขี่มาให้ 4 โหมด โดยจะแบ่งเป็น

โดยที่ปุ่มโหมดก็ใช้งานง่ายโดยจอยคอนโทรลจะอยู่ที่แฮนด์ด้านขวา ตัวรถก็ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม PMP เพื่อสามารถแสดงระบบนำทางได้ที่หน้าจอได้รวมถึงฟังชั่นอื่นๆ ได้อีก ผ่าน Aprilia MIA และระบบความปลอดภัยในตัวรถก็ถือว่าให้มาเยอะเลยครับทั้ง Aprilia Traction Control ปรับได้ 4 ระดับ หรือจะปิดการทำงานก็ได้

Aprilia Engine Brake ระบบควบคุมความแรงเบรกจากเครื่องยนต์มีให้ปรับถึง 3 ระดับซึ่งเราสามารถเซ็ทค่าได้ในทั้งโหมด Off-road และ Individual

Aprilia Engine Map ระบบควบคุมการตอบสนองของเครื่องยนต์ อยากได้นวลก็ปรับที่ 3 อยากได้รุนแรงก็ปรับไป 1 เซ็ตค่าได้ในทั้งโหมด Off-road และ Individual เหมือนกัน

ABS ระบบเบรกที่เลือกปรับได้อีก 2 ระดับในโหมดIndividual และสามารถปิดการทำงานได้ในโหมด Off-road

และ Aprilia Cruise Control ระบบล็อคความเร็วโดยไม่ต้องบิดคันเร่ง เหมาะมากสำหรับการเดินทางไกลเจอทางตรงยาวๆอยากพักมือก็ใช้ระบบนี้ช่วยได้ซึ่งจะใช้ได้ต่อเมื่อตัวรถอยู่ในเกียร์ 3 ถึงเกียร์ 6 ครับ

ช่วงล่าง KYB ด้านหน้าโช้คหัวกลับขนาด 43 มม.  ระยะยุบ 240 มม. ด้านหลังจะเป็น Monoshock ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มและกระเดื่อง วงล้อหน้า 21 นิ้ว วงล้อหลัง 18 นิ้ว รัดด้วยยางกึ่งที่สามารถลุยได้ทุกสภาพผิวถนน ซึ่งใช้ยางแบบทูปเลสไม่มียางใน หรือจะใส่ยางในก็ได้แล้วแต่สะดวก

ความคิดเห็นหลังการทดสอบขับขี่

จตุรงค์ หมื่นทิพย์ กอล์ฟ ไรดิ้ง

ตัวรถค่อนข้างมีความสูงเล็กน้อยสำหรับตัวผม 555 กับความสูง 168 ซม. ขาเกือบลอย มีเพียงแค่ครึ่งเท้าถึงแตะพื้นพยุงตัวได้ ความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 860 มม.ตัวรถเบามีน้ำหนักแค่ 204 กิโลกรัม ทำให้ไม่รู้สึกหนักใจเมื่อขึ้นไปคร่อม

เครื่องยนต์ 659 ซีซี 2 สูบเรียง 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ RS 660 หรือ Tuono 660 แต่สำหรับ Tuareg 660 ถูกลดลงมาที่ 80 แรงม้า แต่เพิ่มแรงบิดมาให้แทนแถมยังถูกปรับองศาข้อเหวี่ยง 270 องศา นั่นทำ ให้มันเหมาะกับการใช้งานที่ทำได้หลากหลาย

ท่านั่งขี่ให้ความสบายสไตล์รถแอดเสนเจอร์ ตัววินชีลบังลมสั้นทำให้มองเห็นทัศนวิสัยเคลียชัด ขับขี่ด้วยการยืนขี่ยิ่งสะดวกเลย พักเท้าที่ถอดยางออกได้ทำให้เราให้เราวางเท้าแล้วไม่ลื่น ตำแหน่งเกียร์หรือเบรกหลัง อยู่ตำแหน่งที่ใช้งานง่าย

สมรรถนะเต็มระบบใช้รอบเครื่องยนต์เต็มที่ 11,000 รอบ ของ redline อยู่ที่ 10,000 รอบ แต่ขับขี่กันจริงๆ เพียง 4,000-6,000 รอบ ก็เพียงพอแบบชิวๆ เพราะมันมีทอร์คที่จัดจ้าน การขับขี่ครั้งนี้ นักทดสอบจะใช้งานอยู่เพียง 2 โหมด นั่นก็คือ Explore กับ Off-road เพราะเราได้ขี่ทั้งทางดำ และก็ทางดิน

โหมด Explore บนถนนทั่วไป เกียร์ต้นๆ ลากรอบได้ยาวไม่ต้องไปเค้นมาก สำหรับตัวรถขนาดพิกัดไซส์กลาง พลิกรถเลี้ยวง่ายให้ความรู้สึกเบาเมื่ออกตัวขับขี่ เบาะนุ่มนั่งสบาย เบรกจาก Brembo ทำงานได้ฉับไวไว้ใจได้ แต่สำหรับทางลื่นๆ ต้องระวังอาจมีไถล แต่ถ้าทางแห้งปกติกับบางจังหวะที่ต้องใช้เบรกแรงๆ หรือกะทันหัน ABS ทำงานได้ดี ตัวเบรกก็สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย

ช่วงล่าง เหลือๆ เซ็ทค่าโรงงานยังไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ทางเอ็นดูโร่มันช่างสบายอะไรเช่นนี้ ซับแรงได้ดีจนน่าตกใจ ทั้งโดดเนิน ลงหลุม ทางขรุขระ หินลอย รูดแบบไม่ต้องเกรงใจ ให้การทรงตัวดีเลิสประเสิรฐเชียวหล่ะ สำหรับบนท้องถนนตอนที่ใช้ความสูง กับสรีระความยาว และสูงของตัวรถ มันแทบไม่มีอาการส่ายเลย แต่ถ้าเหวี่ยงเข้าโค้งเร็วๆ ก็จะมีบ้างเล็กน้อย ซึ่งนั่นคงไม่มีใครทำ โดยปกติน่าจะใช้ความเร็วอยู่ที่ 100 หรือ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยิ่งไม่รู้สึกเลยแน่นอน ส่วนยางนั้น รับได้หมด จะทางดินก็ไปได้แบบไม่ยากเย็น หรือ ทางดำ ก็เกาะถนนได้ดีเข้าโค้งด้วยความเร็วก็เอาอยู่

โหมด Off-Road นี่ล่ะ ทางเค้าเลย กับรถสไตล์ Adventure วิ่งเข้าป่า ทางวิบาก ช่วงล่างเดิมๆ ที่ติดมาจากโรงงาน KYB เอาเรื่อง ขี่สนุกมากซับแรงกระแทกได้โคตรดี แถมปรับได้อย่าง Full Adjust ทั้งหน้าและหลัง อีกอย่างในโหมด Off-Road ระบบ ABS ข้างหลังจะปิดการทำงานอัตโนมัติ แต่เรายังสามารถปิดด้านหน้าได้อีกด้วย รวมไปถึงระบบ Traction Control ที่สามารถเปิด/ปิดการใช้งานได้เหมือนกันที่จอยคอนโทรลด้านซ้ายมือ จะมีให้ปรับใช้ถึง 4 ระดับ ต้องบอกว่าละเอียดและปรับใช้งานง่าย ล้อหลังหมุนเกินล้อหน้าเมื่อไหร่ ก็พร้อมตัดการทำงานไม่ให้รถเสียอาการ

เอาเป็นว่าใครที่รถสไตล์แอดเวนเจอร์ขนาดกลางๆ สายลุยที่ขี่สนุกๆ เพลินๆ น้ำหนักไม่เยอะมาก  ช่วงรถ และบาลานซ์รถดี ช่วงล่างนุ่มๆ หนึบๆ พร้อมคันเร่งไฟฟ้าละเอียด ขี่ได้ทั้งในเมือง และทางไกลแถมพาไปลุยได้อีก สนใจไปสัมผัส หรือ ลองทดสอบดูก่อนก็ได้ รับรองว่าติดใจแน่นอน ส่วนราคาค่าตัว 749,900 บาท พร้อมออพชั่นการใช้งานเพียบ