ฮอนด้า ยอดทีมแข่งระดับโลกในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโมโตจีพี ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการในการเซ็นต์สัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดชาวสเปนวัย 26 ปี เพื่อร่วมทีมกับ LCR Honda CASTROL Team ในระหว่างฤดูกาล 2023 – 2024 นี้ ซึ่งจะทำให้รินส์ที่แจ้งเกิดในรุ่นโมโต 3 เมื่อปี 2012 จะได้กลับทีมที่ผลักดันเค้าเข้าสู่การแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกอย่างฮอนด้าอีกครั้ง

ยามาฮ่าตอกย้ำ 20 ปี ผู้นำรถออโตเมติกของเมืองไทย

จัดกิจกรรมใหญ่สุดอลังการกลางสยามสแควร์ เปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO อย่างเป็นทางการ พร้อม 2 พรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS”
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกด้วย โอกาสพิเศษ ครบรอบ 20 ปี แห่งความสำเร็จของยามาฮ่าออโตเมติกในประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์ “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! อย่างเป็นทางการ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากพรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS” ใจกลางสยามสแควร์

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโอกาสพิเศษแห่งการฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งความสำเร็จของยามาฮ่าในการเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกในประเทศไทย เราได้จัดกิจกรรมใหญ่สุด Fazz ใจกลางกรุงเทพมหานคร ในกิจกรรม ALL NEW FAZZIO F-SCAPE ให้ชาว Gen Z ได้มาค้นหาสไตล์ที่ใช่ไปกับ ALL NEW YAMAHA FAZZIO ที่สยามสแควร์ จุดศูนย์รวมของ New Generation และ New Style

โดยภายในงาน ALL NEW FAZZIO F-SCAPE พบกับแฟชั่นใหม่ที่รวมเข้ากับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยแบ่งออกเป็นโซนแฟชั่นและรถจักรยานยนต์ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED ที่ถูกตกแต่งตาม 4 สาย Fazz Style ทั้ง Fabulous สายสุดแนว, Frisky สายแอคทีฟ, Friendly สายเฮฮาปาร์ตี้, Fashionista สายแฟชั่น รวมทั้งกิจกรรมทดสอบขับขี่ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED พร้อมการเปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED อย่างเป็นทางการ และมินิคอนเสิร์ต จาก 2 พรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS” ปิดท้ายความมันส์ในกิจกรรมกับ DJ ชื่อดัง เพื่อเอาใจสาวก New Generation ให้เป็น MY GEN ไปพร้อมกับ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED

พบกับ “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” NEW STYLE… MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @yamahasocietythailand
YouTube: Yamaha Society Thailand
Line OA: @yamahasociety

ใหม่!! ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็คเต็ด

รถจักรยานยนต์ ออโตเมติกแฟชั่นดีไซน์เทรนดี้สไตล์ใหม่ ฟาดทุกสี พร้อมลูกเล่นครบรอบคันตกแต่งได้หลากหลายตามใจชอบตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองน้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย นี่แหล่ะ…คู่หูคันโปรดของคนรุ่นใหม่bit.ly/Yamaha_FAZZIO_2022
✅ เครื่องยนต์ Blue Core Hybrid 125
เผาไหม้สมบูรณ์ ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม
✅ สนุกอย่างปลอดภัย ด้วยระบบเบรก UBS
✅ ไฟหน้า-ไฟท้าย สไตล์ใหม่…ดีไซน์แคปซูล
✅ มิเตอร์แบบดิจิทัล สไตล์ใหม่…ดีไซน์แคปซูล
✅ ช่องต่อไฟชาร์จแบตเตอรี่มือถือ
✅ กล่องเก็บของใต้เบาะใหญ่ 17.8 ลิตร
✅ ฮุคสำหรับแขวนของ 2 จุด…เพิ่มความสะดวก
✅ เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำด้วย Y-Connect
และมั่นใจในการรับประกันมากกว่า
ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร*
พบกับยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็คเต็ดทั้ง 6 สี
ได้แล้ววันที่ตัวแทนจำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ แล้วเจอกัน!!

NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST…THE DARK SIDE OF JAPAN สปอร์ตเนคเก็ต ที่สุดในคลาส 300…สีใหม่ สุดเร้าใจ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กระตุ้นความเร้าใจในการขับขี่ครั้งใหม่! พร้อมส่ง “NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST” สปอร์ตเนคเก็ตที่สุดในคลาส 300 สีใหม่! กับสีสันสุดเร้าใจ 2 สี 2 สไตล์ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ MT-Series ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำสมัย และเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่พร้อมตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์ตามแบบฉบับ THE DARK SIDE OF JAPAN

สำหรับ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สีใหม่! ยังคงเท่ สะดุดตา ดุดัน ตามสไตล์ MT-Series ด้วยชุดไฟหน้า FULL LED ดีไซน์แบบ TWIN-EYES และเทคโนโลยี MONO FOCUS LED ที่ใช้ในรถ Big Bike สว่างชัดทุกระยะการขับขี่, ไฟเลี้ยวแบบ LED ดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว คมชัด, ถังน้ำมันรูปทรงใหม่ เท่ ดุดัน สไตล์ Big Bike สะท้อนเอกลักษณ์ MT-Series ให้ความกระชับในการขับขี่ยิ่งขึ้น, โช้คหน้า TELESCOPIC แบบ UPSIDE DOWN เพิ่มสมรรถนะการทรงตัว ซับแรงสั่นสะเทือนที่ดีขึ้นทั้งในช่วงทางตรงและทางโค้ง พร้อมหยุดรถได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรก ABS

นอกจากนี้ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สีใหม่! ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำสมัย ด้วยเรือนไมล์หน้าจอใหม่แบบ FULL LCD มัลติฟังก์ชั่น เท่ล้ำด้วยดีไซน์อัจฉริยะ พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างสนุกสุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ DOHC 2 สูบ 8 วาล์ว ขนาด 321 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ทุกจังหวะการบิดคันเร่งเต็มไปด้วยความเร้าใจในทุกเส้นทาง

สำหรับ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สีใหม่! มาพร้อมกับสีสันใหม่ 2 สี 2 สไตล์ คือ “สีเทา” ให้ความรู้สึกเท่ล้ำสมัยสุดโฉบเฉี่ยวในยามค่ำคืน และ “สีดำ” เข้มขรึม ดุดัน ตั้งแต่หัวจดท้าย พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำ 196,500 บาท
โดยสามารถเป็นเจ้าของ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สปอร์ตเนคเก็ตที่สุดในคลาส 300…สีใหม่ สุดเร้าใจ!!! โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Facebook​: Yamaha Society Thailand
Instagram​: @yamahasocietythailand
Youtube​: Yamaha Society Thailand

 

ส่องเทรนด์ใหม่ All New Honda LEAD125 รถที่ใช่ในสไตล์มินิมอล

All New LEAD125 เทรนด์ใหม่ครองใจคนมินิมอล เปิดตัวภายใต้คอนเซปต์ LIVE A MINIMAL LIFE มินิมอลในแบบที่เป็นคุณ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งด้านดีไซน์เเละฟังก์ชันได้อย่างลงตัว วันนี้เราจะพาไปส่อง 5 เหตุผลที่ All New LEAD125 สามารถครองใจคนสไตล์มินิมอล จนเป็นเทรนด์ใหม่ของรถตระกูล เอ.ที.
1.ดีไซน์มินิมอลรอบคัน มองยังไงก็ไม่เบื่อ
ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ด้วยเส้นสายโครเมียมรับกับกริลล์หน้าอย่างลงตัว หน้าปัดเรือนไมล์ดีไซน์รูปทรงตัว V พร้อมจอแสดงผลครบครัน เเละที่จับหลังที่นอกจากจะดีไซน์ทันสมัยยังตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยอีกด้วย
2.สมาร์ทไลฟ์กับกุญเเจรีโมทอัจฉริยะ
ล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิมด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Honda Smart Key) ให้ผู้ใช้สตาร์ตเครื่องยนต์ได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมฟังก์ชันระบุตำแหน่งรถ ป้องกันการโจรกรรม
3.ขุมพลังใหม่ ครั้งเเรกในคลาส 125 ซีซี
ขุมพลังเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ครั้งแรกในตระกูล เอ.ที. คลาส 125 ซีซี โดยเครื่องยนต์ eSP+ ถือเป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของฮอนด้า ให้แรงบิดดี ตอบสนองการขับขี่ได้ดั่งใจ
4.สะดวกสบายไปกับไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัล
ล้ำไปอีกขั้นด้วยที่เสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบ USB Type A เเละถังน้ำมันเชื้อเพลิงด้านหน้า เติมน้ำมันง่ายเพียงแค่นิ้วสัมผัส โดยไม่ต้องลงจากรถ
5.เก็บของได้จุใจที่สุดในตระกูลรถ เอ.ที. คลาส 125 ซีซี
U-Box ช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 37 ลิตร ใหญ่ที่สุดในรถตระกูล เอ.ที. คลาส 125 ซีซี จุใจเพิ่มอีกด้วย ช่องเก็บของด้านหน้าขนาดใหญ่ เเละที่แขวนสัมภาระอเนกประสงค์แบบหมุนได้ (Rotation Hook) พร้อมที่ล็อก หมดกังวลเรื่องสัมภาระตกหล่น
จาก 5 เหตุผลทำให้ All New LEAD125 ตอบโจทย์ทั้งด้านไลฟ์สไตล์เเละฟังก์ชัน จนเป็นเทรนด์ใหม่ของรถตระกูล เอ.ที. ถ้าคุณเป็นคนที่มองหารถที่ใช่ เเบบไลฟ์สไตล์คนเมือง
All New LEAD125 มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีแดง และสีน้ำเงิน เปิดตัววางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 58,500 บาท เเละเเสดงความมินิมอลในเเบบคุณไปอีกขั้นกับ All New LEAD125 Special Edition มาพร้อมชุดแต่ง H2C By Honda วางจำหน่ายจำนวนจำกัด 3,000 คัน ราคาแนะนำ 59,200 บาท
ทั้งหมดนี้พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ All New LEAD125 ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

เปิดตัวแล้ววันนี้สำหรับ Keeway versilia 150 สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยม

Keeway Versilia 150 New Icon of Style : สนุกทุกความท้าทาย…เป็นใครก็มันส์ได้ เริ่มตันความสนุกกันอีกครั้ง…เมื่อคีเวย์ ประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาด ดอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี ในประเทศไทย สร้างความมั่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และที่สำคัญในการก้าวสูปีที่ 11 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการ

โดยได้ผนึกกำลังกับ Beneli Servizio ที่พร้อมจัดจำหน่าย และให้บริการกับรถจักรยานยนต์คีเวย์ทุกคัน เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญศูนย์บริการทุกแห่งจะได้รับการอบรมด้วยมาตรฐานเดียวกับทางเบเนลลี่ Versiia เป็นเมืองที่มีความสนุกและเต็มไปด้วยวัฒธรรม ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของอิตาลีบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอิตาลีและเป็นเมืองชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นทอสกานี่ แสดงถึงความสมบูรณ์แบบในด้านสุนทรียะภาพแบบคลาสสิก ย้อนเวลากลับไปอย่างมีสไตล์ด้วยสกู๊ตเตอร์ Keeway Versilia150 Versiia 150 ที่มาพร้อมความสนุก ในสไตล์ของอิตาเลี่ยนสกู๊ตเตอร์ ในคลาส 150 ซีซี
อโตเมติกพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยการออกแบบ แฝงด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก และยังให้ความสำคัญกับสมรรถะและการใช้งานของผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ใลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ 149.6 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ พร้อมจ่ายน้ำมันชื้อเพลิงด้วยระบบ EF ให้กำลังสูงสุด 7.2 กิโลวัตต์ ที่ 7,000รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุดที่ 10.5 นิวต้นเมตรที่ 6.,500 รอบ/นาที Versilia 150 ตอบโจทย์การใช้งานด้วยกุญแจแบบ Keyless พร้อมเสียงสัญญาณป้องกันการโจรกรรม โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Ful LED
ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ดูหรูหราทันสมัย โดยไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง พร้อมแถบไฟ LED DRL dayime running light สุดล้ำพาดผ่านครอบคลุมสัญญาณไฟเลี้ยวที่เพรียวบาง เรือนไมล์ได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่มีไตล์ มีพร้อมพอร์ตซาร์จไฟที่อยู่ภายในกล่องหน้ารถ และที่เก็บของใต้เบาะ U B・x ขนาด 23 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน๊อคเต็มใบได้ ถังน้ำมันขนาบด้วยเบาะสไตล์วินเทจแบบ 2 ตอน ระบบกันสะทือนหน้าและหลังแบบเทเลสโคปีก ล้ออัลลอยด์สีตำขนาด 12 นิ้ว และหลัง 120/70 เน้นความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบ เหมาะกับการใช้งานในเมือง
เพิ่มความทันสมัยและความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 185 มม. Verslia 150 มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ Versilia 150 Standard สี ROSSO CORSA RED (แดง) ราคาแนะนำ 61,200 บาท และ Versilia 150 Special Keyless สี SUPER WHITE (ขาว) และ สี LAVA GREY(เทา) ราคาแนะนำ 63,500 บาทพร้อมการรับประกัน 3 ปี 30,000 กิโลเมตร
ทั้งหมดนี้พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศคลิกเลย!! ttps;//it.ly/3eqrUBKและสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ Keeway Versilia150 ได้ที่
Website : www.keeway-thailand.com Facebook: KeewayMotorcycle Line : @Keeway

 

ยามาฮ่าเปิดตัวเทคโนโลยี EV สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเต็มระบบ เชิญสื่อมวลชนทั่วโลกเข้าร่วมการแถลงข่าวใน Global Press Conference YAMAHA E01

21 เมษายน 2565 เมืองอิวาตะ ประเทศญี่ปุ่น บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้จัดการแถลงข่าวรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า “E01” พร้อมกันทั่วโลกผ่านระบบ Zoom Application ถึงการเตรียมความพร้อม ในการส่งสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าเต็มระบบ ลงสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก โดยมีใจความในการแถลงข่าวในครั้งนี้ว่า ยามาฮ่าไม่หยุดในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองให้กับผู้บริโภค โดยทางบริษัท ได้มีการพัฒนารถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามานับตั้งแต่ปี 1991 เพื่อเป็นทางเลือกของพลังงานที่สะอาด ปลอดภัยแก่สิ่งแวดล้อม และประหยัดการใช้จ่ายในการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างสิ้นเปลือง

ยามาฮ่า “E01” ได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ภายในงาน โตเกียวมอเตอร์โชว์ ประเทศญี่ปุ่นในฐานะยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Plugged Yamaha to new era” พร้อมจุดเด่นของระบบชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ที่รวดเร็ว และเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ยามาฮ่าจึงได้พัฒนาทุกองค์ประกอบของยามาฮ่า E01 ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวิศวกรรม ทั้งในด้านสมรรถนะ แบตเตอรี่ ระบบการชาร์จไฟ ดีไซน์ภายนอก และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เพื่อให้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ยามาฮ่า “E01” ให้กำลังไฟฟ้าที่ 8.1 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับรถจักรยนต์สันดาปขนาด 125 ซีซี ส่งผลให้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการใช้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 104 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง (ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.) และสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 100 กม./ชม.

แบตเตอรี่และระบบการชาร์จไฟ ยามาฮ่า “E01” ถูกพัฒนาและเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุสูง 4.9 กิโลวัตต์/ชม. ที่ยามาฮ่าพัฒนาขึ้น สำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้ผ่านเครื่องชาร์จแบบเร็ว ที่ระดับแบตเตอรี่ 0% ถึง 90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยการออกแบบตัวเชื่อมต่อสายชาร์จไฟไว้ที่ตำแหน่งด้านหน้าของตัวรถ ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่จอดรถ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จไฟถึง 3 แบบให้เลือกใช้ เพื่อความสะดวกสบาย

ของผู้ใช้งาน  และรองรับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ได้แก่

  1. เครื่องชาร์จแบบเร็ว – เหมาะสำหรับการติดตั้งโดยผู้ให้บริการแบ่งเช่ารถ หรือ ตัวแทนจำหน่ายฯ สามารถชาร์จ จาก 0% ถึง 90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
  2. เครื่องชาร์จแบบปกติ – เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในบ้านสามารถชาร์จ จาก 0% ถึง 100% ภายในเวลา 5 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 200V (เข้ากันได้กับเต้ารับ 200 – 240V ในประเทศต่างๆ)
  3. เครื่องชาร์จแบบพกพา – พกพาสะดวกด้วยขนาดที่พอดีกับช่องเก็บของใต้เบาะนั่งสามารถชาร์จจาก 0% ถึง 100% ได้ภายใน 14 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 100V (200 –240V ในประเทศต่างๆ)

ยามาฮ่า “E01” สมรรถนะการขับขี่ด้วยมาตรฐานของยามาฮ่า เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์ตามแบบฉบับของยามาฮ่า จึงได้พัฒนาทุกองค์ประกอบขึ้นเองทั้งหมด ผสานกับความเชี่ยวชาญพิเศษทางด้านเทคโนโลยีการออกแบบและวิศวกรรมไร้ขีดจำกัดลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า ตั้งแต่มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาจากยามาฮ่าเอง มีน้ำหนักเบา กะทัดรัด รวมถึงการตั้งค่าแรงบิดเพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุด แรงบิดสูงสุดถูกตั้งไว้ที่รอบต่ำตั้งแต่ 0 – 2,000 รอบ/นาที ที่ 30.2 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์ที่ 5,000 รอบ/นาที ทำให้มีกำลังในรอบที่กว้าง ทำให้ง่ายต่อการใช้งานในสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองโดยเฉพาะที่ความเร็วต่ำฃ

ยามาฮ่า “E01” สามารถสตาร์ทและออกตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อทำการเปิดคันเร่ง และมาพร้อมกับโหมดถอยหลัง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าออกจากที่จอดรถและบังคับทิศทางของรถได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าของยามาฮ่า “E01” นั้นเงียบ ลื่นไหล ไร้เสียงรบกวน และการสั่นสะเทือนต่ำ จากกลไกของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สร้างแรงหมุนได้โดยตรง ประกอบกับการใช้ยางที่มีเสียงรบกวนต่ำ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด

ยามาฮ่า “E01” มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 ระดับ เพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขณะใช้งาน และไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ได้แก่

 

PWR (โหมดเพาเวอร์): สำหรับการขับขี่ที่ดึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ออกมา เหมาะสำหรับการขี่ขึ้นเนิน และการเร่งแซง ฯลฯ

 

STD (โหมดมาตรฐาน): สำหรับการขับขี่ทั่วไปในช่วงความเร็ว 30 –  80 กม./ชม.

 

ECO (โหมดอีโค): สำหรับการขับขี่ระยะไกล เพื่อจำกัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และจำกัดความเร็วสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม.

การออกแบบและดีไซน์ยังคงความล้ำสมัย สะท้อนภาพลักษณ์จักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งโลกอนาคต

 ยามาฮ่า “E01” ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ทั้งรถและคนต้องมีการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน งานออกแบบจึงเรียบง่าย ผสานกับความล้ำสมัยและทรงพลัง แตกต่างจากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั่วไป รูปลักษณ์ดีไซน์โดยรวมในการพัฒนา EV มาจากแนวคิด Jin-Ki Kanno ของยามาฮ่า ที่นำเอาแนวคิดจาก MOTOROiD*2 มาใส่ไว้ในรถคันนี้ โดยโครงสร้างเฟรมจะสะท้อนถึงเทคโนโลยีในการออกแบบรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต พื้นที่ด้านหน้าถูกออกแบบมาให้สะท้อนความเป็นยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดวางตำแหน่งไฟ จนถึงที่เสียบสายชาร์จ ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ดีไซน์มีความล้ำ โดยไฟทุกตำแหน่ง ทั้งไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย และไฟเบรก เป็นไฟ Full LED ทั้งหมด ผสานกับสีดำและสีขาวมุกพิเศษของตัวถัง ยิ่งเสริมให้ ยามาฮ่า “E01” ดูมีสไตล์ หรูหรา และทันสมัย

ในส่วนของมาตรวัดหน้าจอ ได้รับการออกแบบให้แสดงผลแบบดิจิตอล แบบมัลติฟังก์ชั่นที่แสดงทั้งอัตราความเร็ว ความจุแบตเตอรี่ สถานะการชาร์จไฟ นาฬิกา อุณหภูมิของอากาศ และอื่นๆ

ฟังก์ชันการใช้งานมาพร้อมความสะดวกสบาย เพื่อการใช้งานทุกรูปแบบ

นอกจากดีไซน์อันล้ำสมัย อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้พัฒนา ยามาฮ่า E01 ให้ความสำคัญคือ ฟังก์ชันการใช้งานที่มอบความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ โดยยามาฮ่า E01 จะถูกควบคุมด้วยระบบสมาร์ทคีย์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดสวิตซ์ในการใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่หมุนปุ่มโดยไม่ต้องเสียบกุญแจ

นอกจากนี้รถรุ่นนี้ยังติดตั้งหน่วยควบคุมการสื่อสาร ด้วยระบบ 3G/LTE eSIM และ GPS โดยหน่วยควบคุมจะอัปโหลดข้อมูลรถ (ตำแหน่ง สภาพการทำงาน) ไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่ บันทึกการใช้งานรถ ประจุแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และตำแหน่งที่รถจอด และอื่นๆ ยามาฮ่า จะใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากทดสอบความเป็นไปได้และดูทิศทางของตลาดของ ยามาฮ่า “E01” ไว้เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งสมมติฐานความต้องการในอนาคตของผู้ขับขี่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

 

 

 

SYM : 4MICA

ค่ายรถจากไต้หวัน ที่ก้าวไปสร้างชื่อในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะความโดดเด่นในเรื่องของรถประเภมสกู๊ตเตอร์ ซึ่งในไลน์อัพปี 2022 นี้ก็มีเปิดตัวสู่ตลาดยุโรปด้วยกันหลากหลายรุ่น และที่จะนำมาแนะนำกันก็คือรุ่น 4MICA ซึ่งชื่อรุ่นแปลง พ้องมาจากคำว่า Formica ในภาษาอิตาลีที่หมายถึง มด

ในการออกแบบของ 4MICA นั้น ทางSYM มีความต้องการที่จะผลิตรถที่ตอบสนองความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในการใช้เดินทาง ใช้ไปจ่ายตลาด ท่องเที่ยว รวมทั้งไปทำธุระ กล่าวง่ายๆก็คงต้องเปรียบเทียบกับรถยนต์แล้วก็จะเข้าใจว่า 4MICA นี้ก็จะเป็นรถยนต์ในประเภท SUV นั่นเอง

สำหรับการออกแบบตัวรถนั้นไฮไลท์หนึ่งนั่นก็คือส่วนของพื้นที่คนซ้อน ที่ออกแบบให้เบาะคนซ้อนสามารถปรับเป็นพื้นที่บรรทุกของได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ โดยพื้นที่ดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ไม่ต่ำกว่า 40 ก.ก. ขณะที่ส่วนประกอบอื่นๆนั้นก็เป็นไปตามาตรฐานของรถสกู๊ตเตอร์หรือรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กควรจะมี ไม่ว่าเรือนไมล์แบบจอแอลซีดี ไฟหน้าหน้าแบบ LED

หรือแม้แต่ชาร์จโทรศัพท์แบบ Quick Charge3.0 เป็นต้น โดยรถรุ่นนี้จะมี ให่เลือกขนาดความจุเครื่องยนต์ 125 และ 150 ซี.ซี. โดยทั้งสองขนาดก็จะมีแบ่งสองเวอร์ชั่น คือแบบมาตรฐานกับแบบที่ติดตั้งระบบ ABS

VESPA ELECTRICA

สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมจากค่ายรถอิตาลีอย่างแบรนด์  VESPA ที่เปิดไลน์การผลิตล่าสุด ที่บ่งถึงความเป็น Italian technology ที่ดีรวบรวมความโดดเด่น ทั้งคุณสมบัติด้าน การเชื่อต่อที่ก้าวหน้า กลไกการทำงานที่เงียบมีประสิทธิภาพ การตกแต่งที่หลากหลาย และ อุปกรณ์เสริมที่พร้อมตอบสนองความต้องการ ที่สำคัญคือ คำนึงถึงสภาพแวดล้อม

โดยที่ยังคงความโดดเด่นเป็นตัวเองในรูปแบบของ Vespa ที่กล่าวมานั้น คือสิ่งที่ผสมผสานกันจนสมบูรณ์แบบ และพัฒนาออกมาเป็น Veapa Electrica ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากกลุ่มธุรกิจยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากยุโรปอย่าง Piaggio ที่เน้นให้ Electrica เป็นรถที่ใช้งานง่าย ขับขี่สบายเป็นไปตามธรรมชาติของสกูตเตอร์ แม้ว่านี่จะเป็นรถไฟฟ้าก็ตาม ว่ากันว่าทาง Piaggio มีเป้าหมายในการพัฒนาให้ Vespa Electrica ให้เป็นที่สุดของผลิตภัณฑ์ที่จะรุกเข้าสู่ตลาด electric mobility หรือตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านั่นเอง

สำหรับ Vespa Electrica นั้น เปิดตัวกันไปตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วในระหว่างงาน 2021EICMA ที่อิตาลี เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ที่หันมาใส่ใจสภาพแวดล้อมกันมากขึ้น รวมทั้งกระแสเติบโตอย่างต่อเนื่องของยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดยุโรปที่เพิ่มจำนวนผู้ใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้งานในพื้นที่เขตเมือง

แต่ในไรดิ้งฉบับนี้เราได้นำอีกหนึ่งเวอร์ชั่น ก็คือ Vespa Electrica “RED” มาฝากกัน เพราะนี่คือความร่วมมืออีกครั้งระหว่าง Piaggio Group กับ RED ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์ ที่ดำเนินกิจกรรมด้านสาธารณะกุศลมากมาย โดยองค์กรหรือมูลนิธิ ที่ใช้ชื่อว่า RED นี้ ก่อตั้งโดย นักร้องชื่อดังจากวง U2 อย่าง Bono และอีกคนก็คือ Boby Shriver ที่เป็นนักกฏหมาย นักเคลื่อนไหว รวมทั้งยังเป็นผู้มีบทบาทด้านสื่อสารมวลชนของอเมริกา ได้ร่วมกันก่อตั้งองค์กร RED นี้ขึ้นมา

ชื่อของ RED นี้ก็หมายถึง สีแดง ที่สื่อถึง เหตุการณ์ฉุกเฉิน เหตุด่วนอะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้จึงถูกนำมาใช้เป็นชื่อองค์กรดังกล่าว ที่เริ่มก่อตั้งครั้งแรกในปี 2006 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในเวลานั้น ปัจจุบันเป้าหมายหลักของ RED นั้นก็อยู่ที่การช่วยเหลือแก้ไขสถานการการระบาดของไวรัส COVID นับตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน RED นั้นสามารถระดมทุนได้เกือบ 700ล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนกองทุนต่างๆทั่วโลก ว่ากันว่า พวกเขาสามารถช่วยผู้คนได้มากกว่า 220ล้านคน ให้ที่เผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากจากโรคภัยต่างๆ

เอาเป็นว่า RED ก็คือ องค์กรเพื่อการกศล และรถแบรนด์ Vespa ก็มีส่วนร่วมสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ ทาง Piaggio Group ได้ออกรถรุ่นพิเศษ ที่ใช้สีแดง อย่าง Vepa946 RED.ในปี 2017และ Vespa Primavera RED  ในปี 2020 ล่าสุดก็คือ Vespa ELECTRICA RED ที่จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ในแบบ Exclusive product  หากผู้อ่านคนใดที่ใช้ผลิตภัณฑ์มือถือไอโฟน ก็น่าจะเคยได้ยินว่า มีรุ่นสีพิเศษที่ใช้ชื่อว่า RED ด้วยเช่นกัน และนั่นหมายความว่า ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในเวอรืชั่น RED นี้ ก็จะมีส่วนกับการทำบุญหรือบริจาคเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือด้านสุขภาพอนามัยต่อมนุษยชาติผ่านองค์กรดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับ ผู้ขับขี่ที่เลือกครอบครอง Vespa Electrica RED ในทุกๆคันที่ขายได้นั้นก็จะ บริจาคสมทบทุนเข้ากองทุนดังกล่าวเป็นจำนวน 100 เหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปใช้ต่อต้านการแพร่ระบาดของเชื่อCOVID

MotoMorini : X-CAPE

รถจักรยานยนต์รุ่นล่าสุดจากค่าย Moto Morini ที่ทางค่ายบอกว่า นี่คือ a new way of motorcycling ซึ่งก็คงจะเป็นกลุ่มหรือประเภทรถใหม่ล่าสุดของทางค่ายที่พัฒนาออกมาสู่ตลาด ขณะที่ผู้ขับขี่ทั่วไปคงจะมองว่า นี่ก็คือรถในสายแอดเวนเจอร์อีกรุ่นหนึ่งที่ออกสู่ตลาด

อย่างไรก็ตามทางค่ายระบุชัดเจนว่า นี่คือรถที่พวกเขาภูมิใจนำเสนอ ด้วยความเป็นรถในแบบ made in italy ที่จะคงความเป็นรถสายอิตาลี ด้วยการออกแบบที่น่าจับตามอง ด้วยความการออกแบบที่สวยงาม สมรรถนะที่ลงตัว พร้อมให้ความสนุกและสะดวกสบายในขณะขับขี่ ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ ที่ออกแบบเฟรมแบบ robust steel trellis พร้อมฟอร์คหน้าแบบอลูมิเนียม ที่ติดตั้งมาพร้อมกับวงล้อหน้า 19 นิ้ว และ วงล้อหลัง 17 นิ้ว โดยในส่วนของฟอร์คหน้านั้น มีขนาด 50 ม.ม. สามารถปรับเซทได้ตามความเหมาะสมกับการขับขี่ทั้งขึ้นทางลาดชัน เข้าเส้นทางออฟโรด ซึ่งในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นทาง MotoMorini ได้จับมือกับผู้ผลิตระบบกันสะเทือนอย่าง Marzocchi โดยเฉพาะฟอร์คหน้านั้นเป็นแบบปรับตั้งค่าได้อย่างเต็มรูปแบบ

ขณะที่เบาะนั่งนั้นมีขนาดใหญ่ นุ่มนวล มีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ขับขี่และผู้ซ้อน โดยตำแหน่งนั่งของผู้ซ้อนนั้นสูงจากพื้นเพียง 845 ม.ม. ขณะที่ตำแหน่งผู้ขับนั้นเบาะนั่งมีความสูงจากพื้นเพียง 820 ม.ม.คำแหน่งแฮนเดิลบาร์ ออกแบบมาให้มีความพอดี ไม่กว้างเกินไปและไม่อยู่ชิดกับผู้ขับขี่มากเกินไป ขณะเดียวกันได้ออกแบบให้มีการจัดวางตำแหน่งแฮนเดิลบาร์ไว้ทั้งสิ้น 6 ตำแหน่งที่แตกต่างกันไป ทั้งความสูงและระยะจากตัวผู้ขับขี่ เพื่อให้ได้รับความรู้สึกสะดวกสบายกับตำแหน่งท่าทางการขี่ที่เหมาะสมที่สุดหน้าจอแสดงผลหรือเรือนไมล์ ที่ติดตั้งมามีขนาด 7นิ้ว เป็นจอสีแบบ TFT ซึ่งถือว่าเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกันที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด นั่นหมายความว่า ด้วยขนาดจอที่กว้างนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นข้อมูลต่างๆบนจอแสดงผลได้สะดวกง่ายดายมากกว่า

สำหรับระบบเบรกของรถนั้น แม้ว่าโดยพื้นฐานจะติดตั้ง ABS มาให้ แต่ก็สามารถที่จะยกเลิกการใช้งานได้ ขณะที่จะขับขี่บนเส้นทางวิบาก เพียงแค่การกดสวิทซ์ที่ติดตั้งอยู่บนแฮนเดิลบาร์ เมื่อคำสั่งบล็อกการทำงานของ ABS ทำงาน ก็จะมีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นบนจอแสดงผล สำหรับในส่วนของระบบเบรกนั้นทาง MotoMorini ได้เลือกใช้เบรกจากค่าย Brembo เข้ามาเป็นผู้ดูแลชิ้นส่วนต่างๆในเรื่องของความปลอดภัยของระบบเบรกให้กับ X-CAPE

นอกจากนี้ทางฝั่งซ้ายของแฮนเดิลบาร์ก็จะมีสวิทซ์หรือปุ่ม สำหรับใช้สั่งการทำงานบนเมนูต่างๆของจอแสดงผล นอกจากการทำงานพื้นฐานทั่วไปแล้ว ทาง Motomorini ยังได้ติดตั้งระบบ wireless system มาให้ X-CAPE เพื่อช่วยในการแสดงขอมูลเกี่ยวกับแรงดันปัจจุบันของยางอีกด้วย ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นสามารถปรับเลือกแคกราวด์ได้สี่แบบ พร้อมกันนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมารทโฟนผ่านบลูทูธ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการสื่อสารต่างๆได้โดยสะดวกอีกด้วย

ข้อมูลรายละเอียดของสเปคเบื้องต้นมีดังนี้

TECHNICAL SPECIFICATIONS

GENERAL MEASURES

Length x width x height: : 2190x905x1390

Wheelbase: 1470 mm

Dry weight: 213 kg

Seat height: 820mm/845mm

Fuel tank: 18L

Ground clearance: 175mm

CHASSIS:

Steel: trellis

Swingarm: alluminium

BRAKING SYSTEM:

Front brake: 298mm double discs,flfloating caliper, 2 pistons

Rear brake: 255mm single disc, 2 pistons

ABS: BOSCH ABS 9.1 Mb (switchable ABS)

RIMS: Tubeless Spoked rims

TYRES:

Front tyre: 110/80-19M/C

Rear tyre: 150/70-17M/C

ENGINE:

Engine type: L 2, 4 Strokes

Engine capacity: 649 cc

Bore x stroke: 83mm x 60mm

Compression: 11.3:1

Max torque: 56Nm/7000rpm

Max power: 44kW/60CV/8250rpm

Injection system: BOSCH EFI injection system

Max speed: 175 Km/h

Cooling system: liquid

Fuel distribution: DOHC twin cylinders 8 valves

Emission: euro 5

COLOURS:

Red, Red Passion

Grey, Smoky Anthracite

White, Carrara White

“บูธยามาฮ่า” คว้ารางวัลออกแบบและจัดแสดงดีเด่น “มอเตอร์โชว์” ต่อเนื่องปีที่ 16 ควบรางวัลสุดยอดรถต้นแบบ ตอกย้ำความล้ำสมัย

นายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติกและสนับสนุนการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด รับรางวัลและถ่ายภาพร่วมกับ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร / ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมอเตอร์โชว์ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43

หลังจากที่ยามาฮ่าได้รับรางวัล Exhibit Design Award 2022 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ด้วยการออกแบบและดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ YAMAHA MOTOVERSE – อาณาจักรยานยนต์แห่งความเร้าใจ สู่สังคมแห่งอนาคต ตอกย้ำความล้ำสมัยด้วยรางวัล The Best Concept Bike Award 2022 จากการจัดแสดงรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ยามาฮ่า E01 ที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 0%-90% ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง

สำหรับการรับรางวัล Exhibit Design Award 2022 และรางวัล The Best Concept Bike Award 2022 มีขึ้น ณ บูธ YAMAHA MOTOVERSE – อาณาจักรยานยนต์แห่งความเร้าใจ สู่สังคมแห่งอนาคต ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

“ก้อง-สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์! บิดเข้าที่ 2 ขึ้นโพเดี้ยม โมโตทู อาร์เจนตินา

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ทะยานคว้าอันดับ 2 ในศึก โมโตจีพี รุ่น โมโตทู ชิงแชมป์โลก สนาม 3 ที่อาร์เจนตินา จารึกประวัติศาสตร์ขึ้นโพเดี้ยม 2 สนามติดต่อกัน เป็นนักบิดไทยคนแรกที่ทำได้ใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์”

ศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 สนาม 3 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ อาร์เจนตินา ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้ เซอร์กิต ประเทศอาร์เจนตินา ชิงชัยทั้งสิ้น 23 รอบสนาม “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงหลังคว้าชัยชนะครั้งแรกที่ อินโดนีเซีย ในสนามที่ผ่านมา โดยในเรซนี้นักบิดไทยได้ออกตัวจากกริดที่ 7 และออกสตาร์ทเรซได้อย่างยอดเยี่ยม ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 ได้ตั้งแต่รอบแรก จากนั้นนักบิดไทยแซงผ่าน โทนี อาร์โบลิโน นักบิดอิตาเลียนจาก มาร์ค วีดีเอส ขึ้นมารั้งอันดับ 3 ได้ในรอบที่ 3 ในรอบที่ 7 จุดเปลี่ยนของเรซ สมเกียรติ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้สำเร็จ หลัง เฟร์มิน อัลเดเกร์ เจ้าของโพลพลาดล้มจากการชนกับ เชเลสติโน วิเอ็ตติ โดยนักบิดไทยหลบมาได้อย่างเฉียดฉิว พร้อมทะยานขึ้นเป็นผู้นำได้ในรอบที่ 10 แต่ก็โดนเอาคืนในรอบถัดมา
เกมการแข่งขันบีบหัวใจแฟนชาวไทยอย่างมาก โดย สมเกียรติ รักษามาตรฐานการบิดระดับโลก พารถแข่งหมายเลข 35 เข้าป้ายในอันดับ 2 ตามหลัง วิเอ็ตติ ผู้ชนะเพียง 1.538 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ไอ โอกุระ ทีมเมทชาวญี่ปุ่นของ สมเกียรติ ที่พลิกแซง แอรอน คาเน็ต ในโค้งสุดท้าย
จบการแข่งขัน 3 สนาม สมเกียรติ ทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 บนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 45 คะแนน ตามหลังจ่าฝูงอย่าง วิเอ็ตติ 25 คะแนน โดยสนามต่อไปของศึก โมโตทู ชิงแชมป์โลก 2022 จะมีขึ้นที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 8-10 เมษายนนี้ แฟนชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทยตลอดทั้งฤดูกาล 2022 ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH