Skip to content

ช่วงเดือนที่ผ่านมา BMW Motorrad เดินหน้าส่งรถปี่พร้อมจำหน่ายในปี2023นี้ทยอยออกมาตามแพลนที่วางไว้ แม้จะเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีแล้วก็ตาม หนึ่งในซีรี่ส์ล่าสุดที่เป็นรถในระดับพรีเมี่ยม แต่จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องยต์ขนาดกลางหรือมิดเดิลเวทคลาส ซึ่งระบุมาในเอกสารประชาสัมพันธ์ว่าเป็น The new premium mid-range touring enduros แถมชี้ชัดเจนว่ามันคือตัวลุยสายทัวริ่งกึ่งเอ็นดูโร่ ซึ่งจัดส่งไลน์อัพออกมาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าพิจารณาเพื่อหาครอบครองด้วยกันสามรุ่น คือ The new F900GS ; F900GS Adventure และตัวที่จัดวางไว้สำหรับเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ระดับentry-level ridersหรือมือใหม่ที่จะหันมาลองสัมผัสประสบการสายนี้ด้วยรุ่น F800GS นั่นเอง อย่างไรก็ตามเราคงของพูดถึงรวมๆเพียงแค่ซีรีส์900 โดยเป้าหมายในการส่ง F 900 GS, F 900 GS Adventure ออกมาสู่ตลาดในคราวนี้ทาง BMW Motorrad มุ่งเน้นที่จะช่วยส่งเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์รถในกลุ่ม enduro สายทัวริ่ง ด้วยเครื่องยนต์สำหรับรถในพิกัดระดับกลางอย่างมีนัยสำคัญ แม้แต่ในรุ่นเล็กสุดอย่างก็ถูกเข็นพ่วงตามมาด้วยรุ่น F 800 GS ใหม่ที่ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์ในอุดมคติสำหรับผู้ขับขี่ระดับเริ่มต้น ที่เป็นตัวเลือกสำหรับมือใหม่ที่อาจจะลังเลกับพิกัด900 นั่นเอง

โดยในรุ่น BMW F 900 GS Adventure เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางผจญภัยระยะยาวและความต้องการที่จะตอบสนองผู้ขับขี่ที่มีความต้องการอย่างแรงกล้าต่อการเดินทางระยะไกลโดยเฉพาะ ทั้งสามรุ่นที่ออกมาพร้อมกันนี้ต่างได้รับการอัปเดตอย่างมี และยังมีอุปกรณ์มาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น ในขณะที่ F900GSจะมีความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่มีขีดความสามารถในการตอบสนองที่กว้างขวางมากมาย ขอบเขตการใช้งานของรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการขยายคุณสมบัติการตอบสนองการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยคุณภาพศักยภาพในการใช้งานบนทางออฟโรดที่ระบุว่าได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น รวมกับน้ำหนักของตัวรถที่ลดลงอย่างมากถึง 14 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้เป็นรุ่น F Series ที่มีความเป็นสปอร์ตยิ่งขึ้น แหล่งพลังขับเคลื่อนของรถอาศัยขุมพลังด้วยเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบ 2cylinder in-line engine ที่มีปริมาตรความจุของเครื่องยนต์ที่กำลังพอดี ให้กำลังขับมากขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ดี

ใน F 900 GS, F 900 GS Adventure และ F 800 GS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ส่งออกมาสู่ดีลเลอร์ในปัจจุบันนี้ ใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบที่เปิดตัวในปี 2018 ที่ในเวลานั้นส่งออกมาพร้อมด้วย F 850 ​​GS ที่ช่วยเพิ่มไดนามิกในการขับขี่สามารถตอบสนงความต้องการใช้งานที่หลากหลาย สาเหตุของความยอดเยี่ยมในด้านประสิทธิภาพหลักๆก็มาจากความจุที่เพิ่มขึ้นเป็น 895 ซีซี จากพื้นฐานเดิม 853 ซีซี) พร้อมกับการตั้งค่ากำหนดองศาการจุดระบิดไว้ที่ 270/450 องศา ส่งผลให้เครื่องยนต์ตัวนี้เสียงที่แผดออกมาได้ถึงอารมณ์หรือฟิลลิ่งในการขับขี่ที่มีความเป็นพิเศษ ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ของ F 900 GS และ F 900 GS Adventure จะให้พลังขับเคลื่อนออกมาโดยพวกเขาระบุว่าจะให้กำลัง 77 kW (105 แรงม้า) และในรุ่น F 800 GS จะให้กำลัง64 kW(87 แรงม้า) ที่เห็นได้ว่ามีการเพิ่มกำลังสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญให้กับการอัพเดทล่าสุดนี้ที่ 10 แรงม้า นอกจากนั้นเครื่องยนต์ใหม่ยังมีลักษณะเฉพาะเมื่อพิจารณาข้อมูลจากกราฟข้อมูลสเปคเครื่องยนต์จะเห็นถึงเส้นโค้งแรงบิดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังการแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับอัตราการเร่งความเร็วที่เร็วขึ้นกว่าเดิม จากคำบอกดังกล่าวนี้สามารถชี้ชัดได้ว่าเวอร์ชั่นล่าสุดของรถทั้งสามรุ่นนี้มีการตอบสนองคันเร่งที่ดียิ่งขึ้น หรืออาจบอกได้ว่ามันจะเป็นรถที่ขี่สนุกมากขึ้นนั่นเอง

มีการติดตั้งโหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ABS Pro และ DTC ที่จะให้มาเป็นมาตรฐานจากโรงงาน โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้โหมดการขี่ Pro จะมาพร้อมโหมดการขี่ที่เพิ่มเติมมาให้ สามารถทำการการเลือกโหมดการขี่ล่วงหน้า และในส่วนของการควบคุมหรือปรับเซทค่าแรงบิดของเครื่องยนต์หรือ engine drag torque control นั้นจะเป็นอ็อพชั่นเสริมไว้ให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสำหรับรหัสรุ่น GS ใหม่ในซีรีส์ F จะมีโหมดการขี่สองโหมดคือ “Rain” กับ “Road” ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

มาลองไล่ดูดีเทลเล็กๆน้อยๆที่ทางค่ายเยอรมันอัพเดทให้รถเอ็นดูโร่ทัวริ่งขนาดมิดเดิลเวทกันบ้าง อย่างในส่วนของBMW F 900 GS จะมาพร้อมถังเชื้อเพลิงพลาสติกใหม่ที่เบากว่าอย่างเห็นได้ชัดและส่วนระบบกันสะเทือนที่จะมาแบบปรับได้เต็มระบบด้วย โช้คอัพแบบกลับหัวกลับที่ปรับได้เต็มที่แบบใหม่  fully adjustable upside-down telescopic forksที่ใช้ทั้งในรุ่น F900GSและF900 GS Adventure

ขณะที่ชิ้นส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้น ทั้ง F 900 GS, F 900 GS Adventure และ F 800 GS ใหม่ต่างก็ใช้เฟรมแบบบริดจ์bridge-type frame ที่ทำจากชิ้นส่วนเหล็กแผ่นเชื่อมเข้าด้วยกันโดยใช้กรรมวิธี deep-drawn sheet steel parts welded together ซึ่งรวมกับส่วนของเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบที่ได้รับการออกแบบจัดวางจนนำมาเป็นองค์ประกอบรองรับร่วมกับโครงสร้างแชสซีส์อีกด้วย  ถังเชื้อเพลิงพลาสติกขนาด 14.5 ลิตรของ F 900 GS ใหม่เป็นการพัฒนาใหม่ทั้งหมดซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้ 4.5 กก. เมื่อเทียบกับถังเหล็กของรุ่นก่อนหน้า F 900 GS จะสังเกตุได้ว่าจะมีส่วนท้ายของชิ้นส่วนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้ดูสรีระของชิ้นส่วนถังน้ำมันนี้ดูคล่องตัวยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยลดน้ำหนักของชิ้นส่วนถังโดยรวมได้ประมาณ 2.4 กก. นอกจากนี้น้ำหนักรวมของตัวรถยังสามารถลดเพิ่มได้อีก 1.7 กก. ด้วยผลมาจากชิ้นส่วนของท่อเก็บเสียงด้านหลังที่พัฒนามาโดย Akrapovic

สำหรับ The new F 900 GS ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า เน้นคุณสมบัติการตอบสนองการขับขี่ในแบบออฟโรดมากยิ่งขึ้น ด้วยอ็อพชั่นเพิ่มเติมที่จัดอยู่ในอุปกรณ์เสริม the optional equipment ซึ่งก็คือ  Enduro Pro package ที่จะทำงานร่วมกับ fully adjustable titanium nitride-coated upside-down telescopic forks, fully adjustable central spring strut รวมถึง handlebar risers และโซ่ M Endurance ในขณะที่ส่วนของ  The Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือระบบกันสะเทือนไฟฟ้านั้นจะมีให้เลือกใช้เป็นอ็อพชั่นเสริมสำหรับthe new F 900 GS Adventure และ  F 800 GS ที่ผู้ขับขี่สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อที่จะติดตั้งเพิ่มเติมได้เช่นกัน

สำหรับ BMW F 900 GS ที่เน้นฟิลลิ่งความเป็นสปอร์ตมากขึ้นเพื่อให้ได้ความสนุกสนานในการขับขี่ยิ่งขึ้นมันจึงได้รับการคำนวณตำแหน่งท่าทางการขับขี่ที่มาพร้อมหลักสรีรศาสตร์เพื่อปรับให้มีความเหมาะกับการใช้งานแบบออฟโรด เช่นเดียวกับชิ้นส่วนของที่พักเท้าเป็นแบบ Enduro และขาตั้งด้านข้างอะลูมิเนียม คันเกียร์แบบปรับได้ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับท่าทางจัดวางตำแหน่งขับขี่