New Suzuki Burgman 400 “The Elegant Athlete”

New Suzuki Burgman 400 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด The Elegant Athlete ที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและสง่างาม พร้อมรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว กะทัดรัด ปราดเปรียว คล่องแคล่ว มีสมรรถนะกำลังของเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม และการควบคุมบังคับรถที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน และเป็นรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยมที่ใช้เดินทางสะดวกไปได้ในทุกที่ “ซูซูกิ” จึงได้รวบรวมเอาทุกฟังก์ชั่นในการใช้งานมาออกแบบ New Suzuki Burgman 400 จึงเป็นรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยม ที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างแท้จริง

New Suzuki Burgman 400 ถูกพัฒนาทางด้านการออกแบบภายใต้แนวคิด Burgman Coupe ที่มีความสง่างาม ดูหรูหรา มาพร้อมสมรรถนะที่ดีเยี่ยม อีกทั้งให้การขับขี่ที่สะดวกสบายประกอบกับรูปทรงที่ปราดเปรียว และเพรียวบางตั้งแต่หน้าจรดท้าย ผ่านขั้นตอนการผลิตชั้นเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น (Made in Japan) มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมให้แรงบิดที่ดีตั้งแต่รอบความเร็วต่ำถึงกลางเป็นเยี่ยม ติดตั้งระบบ Suzuki’s Automatic Idle Speed Control (ISC) ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสตาร์ทเครื่องยนต์ในขณะที่อุณหภูมิต่ำ และผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ Euro 4 พร้อมช่วยลดมลพิษไอเสียอีกด้วย New Suzuki Burgman 400 มาพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Link-Type Monoshockซึ่งสามารถปรับค่า Spring Preload ได้ถึง 7 ระดับ สามารถรองรับการสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งบนถนนทางเรียบและทางขรุขระได้อย่างนุ่มนวล เพื่อให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการทรงตัว ชิลด์หน้าดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ สามารถป้องกันลม แมลงและสิ่งแปลกปลอม ทำให้ทัศนวิสัยในขณะขับขี่ดียิ่งขึ้น และลดแรงลมหมุนวนเพิ่มความคล่องตัวในขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมชุดแผงหน้าปัดขนาดใหญ่แบบอนาล็อกพร้อมจอ LCD แสดงผลชัดเจน อ่านง่าย แบบมัลติฟังก์ชั่น ชุดโคมไฟหน้า LED แบบโคมคู่ ที่ให้ความสว่าง และทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมไฟหรี่แบบ LED ส่วนชุดไฟท้ายได้ถูกออกแบบใหม่ให้ดูเพรียวบาง และดูเฉียบคมในทุกมุมมอง 

กล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้เบาะได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีความจุถึง 42 ลิตร และสามารถใส่หมวกนิรภัยได้ถึง 2 ใบ ทั้งแบบเต็มใบและแบบครึ่งใบ นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งช่องจ่ายไฟสำรองขนาด 12 โวลต์ สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย มั่นใจไปอีกขั้นด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่แบบ Twin Disc Brake ขนาด 260 มม. พร้อมเบรกหลังแบบดิสก์เบรกขนาด 210 มม. มาพร้อมกับระบบ ABS (Anti-lock Brake System) แบบใหม่ นอกจากนี้ยังได้ติดตั้ง Rear Brake Lock System เพื่อป้องกันรถลื่นไถลในพื้นที่ลาดชันขณะจอดรถเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี

เปิดตัว ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Yamaha TMAX 560 พร้อมราคา

บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่มีกระแสร้อนแรงในขณะนี้จากค่ายยามาฮ่า พัฒนาจากTMAX 530 โดยเพิ่มปริมาตรความจุกระบอกสูบเป็น 562 ซีซี ส่งผลให้เพิ่มแรงม้ามากขึ้น เครื่องยนต์ 2สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสุงสุด 47.6 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 55.7 นิวตัน-เมตรที่ 5,250 รอบต่อนาที พร้อมกำลังลงสู่พื้นด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ และขับเคลื่อนสายพาน



ตัวรถถูกออกแบบให้มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด รูปทรงดีไซน์ออกแบบดูดุดันและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เน้นความสะดวกสบายกับท่านั่ง เบาะกว้าง และมีความคล่องตัว ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือเดินทางไกลช่องเก็บสัมภาระขน่าดใหญ่ พร้อมไฟส่องสว่าง ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบฟลูแอลอีดี แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดครบพร้อมไฟแสดงสถานะสำหรับฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึง D-MODE, ABS และ TCSน้ำหนักรวม218 กก ความจุถังน้ำมัน15 ลิตร ระบบกันสะเทือนหน้าเทเลสโคปิก หัวกลับ 41 มม. ระบบกันสะเทือนหลังแบบปรับตั้งค่าได้, ชิลด์ด้านหน้าที่สามารถปรับระดับได้, ระบบ Cruise Control, ระบบอุ่นมือที่แฮนด์และเบาะดิสก์เบรกหน้าคู่ 267 มม. คาลิเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ เรเดียลเม้าท์ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยว
Yamaha TMAX560 ราคารุ่น Standard อยู่ที่ 499,000 บาท และรุ่น Tech MAX อยู่ที่ 539,000 บาท

2019 Tenere 700

ใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด และสัมผัสกับความรู้สึกใหม่แห่งอิสรภาพอย่างแท้จริงขวัญใจสำหรับสายลุย 2019 Tenere 700 Adventure Touring ร้อนแรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 689 ซีซี แบบ 2 สูบเรียง ระบายบความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 72 แรงม้าที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด : 68 นิวตัน-เมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที

ระบบกันสะเทือนหน้า upside down แกนขนาด 43 มม ระยะยุบ 205 มม. ส่วนหลังเป็นแบบโช้คอัพเดี่ยว ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 282 มม. หลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มม เฟรมตัวถังแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นสูง และมีน้ำหนักเบา ให้จุดศูนย์ถ่วงที่สมดุล ควบคุมง่าย



ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์  4 จังหวะ สองสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ 698 ซีซี
แรงบิดสุงสุด63 นิวตัน-เมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 80.0 x 68.6 มม.
 ระบบหล่อลื่น แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์
 ระบบคลัทช์แบบเปียก
 ระบบเกียร์ 6 ระดับ
ระบบสตาร์ทสตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 16 ลิตร
ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ204 มม.
กว้าง x ยาวx สูง915 x 2,365 x 1,1455 มม
น้ำหนักรวมน้ำมันเครื่อง205 กก.
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิก หัวกลับ Upside Down KAYABA
หลัง : โช้คอัพเดี่ยว KAYABA Rally-Bred Link-Type
ระบบเบรกหน้า : ดับเบิ้ลดิสก์เบรก คาลิเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ ABS
หลัง : ดิสก์เดี่ยว Brembo ลูกสูบเดี่ยว ABS
ล้อ / ยาง หน้า : ซี่ลวด 2.50 x 21 นิ้ว ยาง 90/90-21
หลัง : ซี่ลวด 4.50 x 28 นิ้ว ยาง 150/70-18



2019 Tenere 700

ใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด และสัมผัสกับความรู้สึกใหม่แห่งอิสรภาพอย่างแท้จริงขวัญใจสำหรับสายลุย
2019 Tenere 700 Adventure Touring ร้อนแรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 689 ซีซี แบบ 2 สูบเรียง ระบายบความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 72 แรงม้าที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด : 68 นิวตัน-เมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที

ระบบกันสะเทือนหน้า upside down แกนขนาด 43 มม ระยะยุบ 205 มม. ส่วนหลังเป็นแบบโช้คอัพเดี่ยว ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 282 มม. หลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มม เฟรมตัวถังแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นสูง และมีน้ำหนักเบา ให้จุดศูนย์ถ่วงที่สมดุล ควบคุมง่าย

ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์  4 จังหวะ สองสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ 698 ซีซี
แรงบิดสุงสุด63 นิวตัน-เมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 80.0 x 68.6 มม.
 ระบบหล่อลื่น แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์
 ระบบคลัทช์แบบเปียก
 ระบบเกียร์ 6 ระดับ
ระบบสตาร์ทสตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 16 ลิตร
ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ204 มม.
กว้าง x ยาวx สูง915 x 2,365 x 1,1455 มม
น้ำหนักรวมน้ำมันเครื่อง205 กก.
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิก หัวกลับ Upside Down KAYABA
หลัง : โช้คอัพเดี่ยว KAYABA Rally-Bred Link-Type
ระบบเบรกหน้า : ดับเบิ้ลดิสก์เบรก คาลิเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ ABS
หลัง : ดิสก์เดี่ยว Brembo ลูกสูบเดี่ยว ABS
ล้อ / ยาง หน้า : ซี่ลวด 2.50 x 21 นิ้ว ยาง 90/90-21
หลัง : ซี่ลวด 4.50 x 28 นิ้ว ยาง 150/70-18

Benelli, ZONTES เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้สัมผัสของจริง

บริษัท เบเนลลี่ (ประเทศไทย) จำกัด กระตุ้นตลาดไตรมาสสุดท้าย ปี 2562 นำเอา 7 เทคโนโลยี Benelli TRK 502, TRK 502 X, TRK 251, Benelli 502 C, Leoncino 500, Leoncino Thel, และ น้องใหม่ล่าสุด Leoncino 250 ออกมาให้ทุกคนที่สนใจเบเนลลี่ไว้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางได้ทดลองขับขี่ก่อนตัดสินใจซื้อ ณ สนาม MOTORSPOR  PARK SUVARNABHUMI ภายใต้งาน Demo Day 2019 ต้องบอกว่าอิจฉาผู้ที่เข้าไปร่วมงานในวันนั้นมากๆ นอกจากจะได้ลองสัมพัส 7 เทคโนโลยีของเบเนลลี่แล้วในวันนั้น บริษัท เอ็มไบค์ มอเตอร์เซลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย ZONTES ยังได้นำเอา ZONTES R310 เน็กเก็ดไบค์รูปทรงโฉบเฉี่ยว พร้อมด้วย ZONTES X310 สปอร์ตทัวร์ริ่งสายลุยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พร้อมทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ถนนคนเมือง ZONTES X310 Pro Arrm มาให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความร้อนแรงและความคล่องตัวในการคอนโทรลรถ ด้วยความร้อนแรงของทคโนโลยีที่ดังกึกก้องไปทั่วโลก ทำให้ทั้งสองแบรนด์ มีคนเข้ามาลองขับขี่ไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน สุดยอดจริงๆ!!! ยังไม่หมดเท่านั้นงานนี้เบเนลลี่ยังภายในบูธยังได้นำเอา น้ำมันสูตรเฉพาะ Benelli 10 W 40 และ 15 W50 ชุดกระเป๋าข้างสำหรับ K-Light 202 พร้อมหมวกกันน็อค ไปจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย

2020 Suzuki V-Strom650

ด้วยชื่อรุ่นที่มีความต่อเนื่องบนสายพานการผลิตของรถจักรยานนต์ Suzuki กับชื่อรุ่น V-Strom ที่มีชื่อเสียงในด้านการตอบสนองการขับขี่แบบสารพัดประโยชน์ครอบคลุมการขับขี่ มีความน่าเชื่อถือ มีความคุ้มค่า จนกลายเป็นหนึ่งในรถรุ่นที่ได้รับการยอมรับจากผู้ขี่ในสไตล์ทัวร์ริ่งเพื่อความสนุกสนานในทางไกล หรือแม้แต่การขับขี่ในเส้นทางสั้นๆเพื่อการใช้งานในแต่ละวัน ด้วยพื้นฐานการออกแบบของตัวรถที่มีความเป็นธรรมชาติจากแนวทางการออกแบบที่เน้นท่วงท่าการขับขี่สะดวกสบาย ควบคุมง่าย จนกลายเป็นรถที่พร้อมให้ความเพลิดเพลินสนุกสนานไร้ความตึงเครียดในการขับขี่ในทุกๆรูปแบบของการใช้งาน

ล่าสุดกับโมเดลปี 2020 ทาง Suzuki ได้นำร่องด้วยการส่งรถตระกูล V-Strom ด้วยพิกัดเครื่องยนต์ขนาดกลางในมิดเดิลเวทคลาสอย่าง V-Strom650 ออกมาเป็นทัพแรกจากกลุ่มรถทัวร์ริ่งหรือดูอัลเพอโพส ที่พร้อมมอบความสนุกสนานในการขับขี่บนทุกสภาพเส้นทาง ซึ่งในเบื้องต้นนี้จะมี V-Strom V-Strom650XT , V-Strom650XT Adventure ออกมาสู่ตลาดยุโรป ที่มีคีย์เวิร์ดในการออกแบบที่ว่า The spirit of discovery จากพื้นฐานเครื่องยนต์ V-twin สูบวางเอียง 90 องศา ปริมาตรความจุ 645 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำให้แรงบิดที่ดีในช่วงรอบต่ำถึงรอบกลาง มีการติดตั้งระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถในระดับพรีเมี่ยมในปัจจุบันอย่าง Suzuki Advanced Traction Control System , Easy Start System , Low-RPM Assist รวมทั้งระบบเบรก ABS พร้อมกับติดตั้งเรือนไมล์แบบ Multifunction แสดงผลข้อมูลต่างๆและสามารถใช้ป้อนคำสั่งในส่วนของการสั่งการระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่ หรือแม้แต่ชิลด์หน้าแบบปรับระดับได้ ที่ล้วนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความสบายต่อผู้ขับขี่ สำหรับเครื่องยนต์ V-Strom650 แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำตัวนี้ มีพื้นฐานด้านวิศวรรมแบบเดียวกับเครื่องยนต์ที่ใช้ใน SV650 ได้รับการปรับจูนให้มีค่าไอเสียที่สะอาด และสามารถส่งผ่านกำลังที่แข็งแกร่งได้ในทุกรอบการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยองค์ประกอบอย่าง resin-coated pistons ออกแบบมาให้มีค่าแรงเสียดทานที่ต่ำ หรือ เสื้อสูบแบบ SCEM-coated cylinders ที่พัฒนาออกมาให้มีความทนทานมีระยะการใช้งานที่ยาวนาน ถือว่าเป็นชิ้นส่วนของรถที่มีความทนทานมากที่สุดในกลุ่มรถแบบทัวร์ริ่งที่ใช้กรรมวิธีการผลิตเสื้อสูบเช่นนี้ พร้อมจัดการวางแนวท่อไอเสียให้อยู่ใต้แชสซีส์ซึ่งเป็นท่อแบบ 2 into 1 เพื่อสะดวกต่อการจัดการเรื่องศูนย์ถ่วงน้ำหนัก รวมทั้งมีผลต่อเรื่องการลดน้ำหนักของชิ้นส่วนของระบบท่อไอเสีย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับการจัดวางตำแหน่งของกระเป๋าสัมภาระข้างอีกด้วย

สำหรับระบบไอเสียนั้นจะมีชิ้นส่วนเพื่อผลทางด้านค่ามลภาวะที่ต่ำโดยใช้ twin catalyzers ที่จะมีส่วนช่วยแจ้งข้อมูลปริมาณอ๊อกซิเจนไปให้กับ EFI system เพื่อคำนวณค่าการจ่ายเชื้อเพลิงที่เหมาะสมให้กับห้องเผาไหม้ เพื่อให้ลดค่าไอเสียให้ต่ำที่สุดภายใต้การจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด SDTV หรือ Suzuki Dual Throttle Valve ที่มีเรือนลิ้นเร่งขนาด 39 มม. โดยที่ในวาล์วชุดที่สอง secondary throttle valve จะถูกควบคุมด้วย servo motor นั้นจะมีส่วนช่วยให้มีการส่งกำลังที่นุ่มนวล สิ่งหนึ่งที่ Suzuki ให้ความสำคัญไม่น้อยกับ V-Strom โมเดลใหม่นี้ก็คือ การเน้นที่การทำงานในรอบเครื่องยนต์ต่ำ เพื่อให้ได้การส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพที่สุดและได้ผลทางด้านค่ามลภาวะที่ต่ำ ดังนั้นจึงได้ติดตั้งเทคโนโลยี Throttle body Integrated Idle Speed Control หรือ TI-ISC ซึ่งระบบอิเล็คทรอนิคส์ทั้งหมดของ V-Strom นั้น ถูกควบคุมด้วย Engine Control Module (ECM) ที่คอยจัดการสั่งงานระบบต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ใช้ปลั๊กหัวเทียนคู่แบบ dual spark technology heads ซึ่งแต่ละสูบจะมีหัวเทียนที่ใช้ในการจุดระเบิดสองหัว
ขณะที่ในการขับขี่นั้นจะมีระบบช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมคันเร่งได้อย่างมั่นใจ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางด้วย Advanced Traction Control System ที่มีโหมดการขี่ หรือสามารถปรับค่า traction control modes ทั้งสิ้นสามโหมด ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้น จะใช้เฟรมที่มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง ด้วยเฟรม twin-spar aluminium frame พร้อมสวิงอาร์มหลังที่ช่วยให้ความมั่นคงในการขับขี่ ที่จะมาพร้อมกับชุดกันสะเทือน front forks ขนาด 43 มม. ที่สามารถปรับค่า spring preload ได้ ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้น เป็น link type rear suspension ที่โช้คอัพหลังสามารถปรับค่า rebound damping และ spring preload ได้ โดยที่รายละเอียดสเปคพื้นฐานของตัวรถมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้

Engine : 645cc, 4-stroke, liquid-cooled, DOHC 90˚, V-twin
Bore x Stroke : 81.0 mm x 62.6 mm
(3.2 in. x 2.5 in.)
Compression Ratio : 11.2:1
Fuel System : Fuel injection, SDTV-equipped
Starter : Electric
Lubrication : Wet sump
Clutch : Wet, multi-plate type
Transmission : 6-speed constant mesh
Final Drive : Chain, RK525SMOZ8, 118 links
Suspension Front : Telescopic, coil spring,
oil damped
Suspension Rear : Link type, single shock,
coil spring, oil damped
Brakes Front : Tokico, 2-piston calipers,
twin disc, ABS-equipped
Brakes Rear : Nissin, 1-piston,
single disc, ABS-equipped
Tires Front : 110/80R19 M/C (59V), tubeless
Tires Rear : 150/70R17 M/C (69V), tubeless
Fuel Tank Capacity : 20.0 L (5.3 US gal.)
Ignition : Electronic ignition (transistorized)
Spark Plugs : NGK MR8E-9 (x 4)
Headlight : 12V 65W (H9 high-beam) and 12V 55W (H7 low-beam)
Tail light : LED
Overall Length : 2275 mm (89.6 in.)
Overall Width : 835 mm (32.9 in.)
Overall Height : 1405 mm (55.3 in.)
Wheelbase : 1560 mm (61.4 in.)
Ground Clearance : 170 mm (6.7 in.)
Seat Height : 835 mm (32.9 in.)
Curb Weight : 213 kg (470 lb.)

2020 KTM 390 Adventure

ถึงแม้ว่าการตลาดบ้านเราจะยังเอาแน่เอานอนกับค่ายนี้ไม่ได้ แต่การพัฒนาของรถจักรยานยนต์สายลุยคลาสเล็กจากค่ายฝั่งยุโรป KTM มีการขยับอัพโมเดลใหม่ตอบโจทย์การขับขี่สไตล์ แอดเวนเจอร์ ด้วย KTM 390 Adventure

2020 KTM 390 Adventure มีการดีไซน์ออกแบบโดยถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่ในค่ายเดียวกันนั่นก็คือ KTM 1290 Super Adventure R แต่ก็มีหลายจุดที่ต้องปรับให้เหมาะสมกับขนาดของตัวรถช่วง ระยะห่างเครื่องยนตถึงพื้น 200 มม. ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย เครื่องยนต์ขนาด 373 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และสมูธด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า มาพร้อมโหมดการขับขี่ และฟังก์ชั่น MTC (Motorcycles Traction Control), Slipper Clutch, Cornering ABS พร้อมทั้งระบบ off-Road ABS ซึ่งสามารถปิดระบบ ABS ในล้อหลังเพื่อรับอรรถรสในการขับขี่ที่เร้าใจ
โชว์เทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วย Application “KTM My Ride” ในการเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผล TFT เข้ากับสมาร์ทโฟน เพื่อการควบคุมการเล่นเพลง และรับสายโทรเข้าหรือกำหนดสายโทรออกในกรณีฉุกเฉิน ตัวโครงสร้างรถนั้นจะมาในรูปแบบของ Trellis Frame โครงถัก ระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับ Upside-Down ขนาด 43 มม. จากแบรนด์ WP รุ่น APEX มีระยะยุบ170 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง WP APEX Monoshock ระยะยุบ 177 มม. เบรกหน้าแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 320 มม. คาลิเปอร์เบรก ByBre ระบบเบรกหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 230 มม. คาลิเปอร์เบรก 2 พอร์ท และสำหรับสไตล์แอดเวนเจอร์วงล้อจะขนาดไม่เท่ากัน โดยล้อหน้าจะมีขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว สวมยาง Continental TKC 70 ขนาด 100/90-19 และ130/80-17 ไรดิ้งโพลสิชั่นการควบคุมด้วยแฮนด์ เดิ้ลบาร์แบบยกสูง พร้อมติดตั้งการ์ดแฮนด์มาให้ตั้งแต่โรงงาน ถังน้ำมันจุได้สะใจถึง 14.5 ลิตร มิติความสูงเบาะนั่งอยู่ที่ 855 มม. น้ำหนักตัวไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 158 กิโลกรัม ระบบไฟส่องสว่างจัดมาให้แบบ LED รอบคัน ชิลด์บังลมด้านหน้าสามารถปรับระดับได้

สาวกความแรงเร้าใจของสายส้มจี๊ดคงได้แต่เสพข่าวเท่านั้น เพราะตอนนี้ยังหาผู้ที่จะเข้ามารับหน้าเสื่อจัดจำหน่ายไม่ได้ แต่น่าจะมีกำหนดเข้าสู่ตลาดอเมริกาขึ้นในช่วง ไตรมาสแรกของปี 2020 และต่อด้วยตลาดเอเชียในช่วงเวลาถัดไป

MSX125 MINI STREET BIKE

อยากโชว์…ก็มาดิครับ MSX125 ตัวจี๊ดจากราชบุรีขอโชว์ของหน่อย สำหรับวัยรุ่นสายแว๊นซ์ทั้งหลาย จัดองทรงสภาพใหม่กดหน้ายืดท้ายสไตล์ Long Base ฐานยาว

ถึงแม้ว่าช่วงนี้กระแสของรถเกียร์จะค่อนข้างเงียบไปเพราะการเปิดตัวใหม่ของรจักรยานยนต์สายออโตเมติกกำลังมาแรงจริงๆ คงห้ามกันไม่ได้แต่สำหรับการตกแต่ง ไม่มีทางที่จะเงียบได้แน่นอน หาเรื่องเสียเงินไปเรื่อยๆ มันเป็นความสุขของคนชอบแต่งรถ ประกอบนู้นนิด นี่หน่อย ขัดๆ ตัดๆ ใส่อุปกรณ์เข้าไป มันก็สะดุดตา MSX 125 คันนี้ ดูแป๊บเดียวคงไม่สะกิดสายตาสักเท่าไหร่ แต่ลองตั้งใจมองดูสักพัก จะค่อยๆ ซึมซับกับรายละเอียดความลงตัวของสีสันและอุปกรณ์ของแต่งที่เสริมเติมแต่งเข้าไป สีของตัวรถเรียบๆ ไม่ต้องคาดลวดลายสาดสีพื้นๆ น้ำเงินดูสว่างเมื่อมีแสงมากระทบ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เสริมครอบด้วยวินชิวแต่ง เบาะนั่งปาดเรียบๆ รับจากถังน้ำมันลงมา แฮนด์ทรงสปอร์ตยกมาทั้งชุดเพื่อวางทับบนแผงคอเดิมจุดยึดที่ตู๊กตา ก้านเบรก/คลัทช์อลูมินั่มปรับระดับ โช้คอัพหัวกลับกระบอกสูบแล๊พสติ๊ก
เกอร์เค่ฟล่าร์ วงล้อแม็กอลูมินั่น 12 นิ้ว เพิ่มขนาดหน้ากว้างขึ้น ดิสก์เบรกของเดิมเพิ่มเติมคือ สายไล่น้ำมันเบรกถักสแตนเลสย้ำหัวหัว 90 องศา สีสันของเครื่องยนต์แต่งด้วยงานอลูมินั่ม CNC การ์ดกันแคร้ง ฝาครอบวาล์ว การ์ดกันสเตอร์หน้า ชุดพักเท้าแบบเกียร์โยง ช่องน้ำมันเครื่องเพิ่มอากาศหายใจและช่วยระบาบยความร้อน ด้วยหัวน็อตและสายถัก
ช่วงหลังค้ำยันการรับแรงกระแทกด้วยระบบซับเพนชั่น Gazi พร้อมกับซับแท้งค์บิ้วท์อิน ซึ่งสามาถปรับ พรีโหลด และ รีบาวด์ได้ ขยับจุดเยื้ององศาจากเดิม สวิงอาร์มยืดยาวเพิ่มฐานล้อที่ยาวขึ้นท้ายโล่งๆ ดิสก์หลังคาลิเปอร์เดี่ยว

เป็นอีกหนึ่งไอเดียของคนชอบแต่งรถเพิ่มความโดดเด่น สะดุดตา ในแบบฉบับของ MSX125 Street Bike ที่ใช้งานได้คล่องตัว ใครมีรถสวยๆ อยากลงนิตยสารไรดิ้ง อย่ารอช้า ติดต่อมาหรือ ถ่ายรูปส่งมาได้.

New 2020 Yamaha YZF-R1

ยามาฮ่า ฉลองยิ่งใหญ่ 21 ปี ซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์โมโตจีพี จัดทัพสื่อมวลชนสัมผัสสมรรถนะฝูง New YZF-R1 & YZF-R1M ปี 2020 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียบนสังเวียนระดับโลก

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจรถบิ๊กไบค์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพกับสื่อมวลชนชั้นนำของเมืองไทย ที่เข้าร่วมทำการทดสอบขับขี่สมรรถนะของรถจักรยานยนต์ NEW YAMAHA YZF-R1 ปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ 21 ของซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์แท้ ที่ถ่ายทอดความแรงขั้นสูงสุดของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้อย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีจากรถแข่ง YAMAHA YZR-M1 ส่งตรงจากสนามแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกรายการ MotoGP สู่รถซูเปอร์ไบค์ที่ทุกคนสามารถครอบครองได้ สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R1 ปี 2020 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีแห่งสนามแข่งขันอันล้ำสมัย ที่ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ Crossplane 4 สูบเรียง 998 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุดถึง 113 นิวตันเมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีเสริมการควบคุมรถอันทันสมัยครบครันโดยผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งได้เองทั้งหมดผ่านหน้าจอเรือนไมล์ชนิดจอสี TFT แสดงข้อมูลการขับขี่ครบทุกรายละเอียด พร้อมด้วยโช้คอัพหน้าแบบ Upside Down และโช๊คอัพหลังแบบ Mono Shock เสริมด้วยซัพแท้งค์ ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมไฟหน้า LED โฉมใหม่ และแฟริ่งแบบใหม่ ที่ปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 5% ด้วยเทคโนโลยีจากตัวแข่ง YAMAHA YZR-M1

นอกจากนี้ NEW YAMAHA YZF-R1 ปี 2020 ยังได้รับการเสริมเทคโนโลยีใหม่เข้าไปในตัวรถมากกว่ารุ่นเดิมหลายจุด ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบปลาย สามารถรีดอัตราเร่งได้ดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม ทั้งยังผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ EURO 5 ทั้งยังเสริมประสิทธิภาพการใช้งานด้วยระบบควบคุมเบรคในโค้ง, ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรค, คันเร่งไฟฟ้าแบบเต็มระบบ, ระบบ Launch Control ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่างในโหมดต่างๆ ได้ผ่านหน้าจอ TFT บนตัวรถ สำหรับการทดสอบขับขี่ YAMAHA YZF-R1 ปี 2020 ในครั้งนี้มีขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์โมโตจีพี เวอร์ชั่นใหม่ในทวีปเอเชีย ราคาวางจำหน่าย YZF-R1 ปี 2020 ราคาแนะนำ 849,000 บาท YZF-R1M ปี 2020 ราคาแนะนำ 1,149,000 บาท

ความคิดเห็นนักทดสอบ จตุรงค์ หมื่นทิพย์
รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนกับรูปทรงดีไซน์ที่บาง ดูเพรียวเรียวกระชับมากขึ้น หน้าตาหล่อสไตล์สปอร์ตเรซซิ่ง มุมโค้งต่างๆ มีความกลมกลืน ดูเรียบๆ ถึงแม้สีสันลวดลายไม่เยอะแต่มันมีความสุขุมอยู่ในตัวการปรับแชสซีตำแหน่งจุดยึดใหม่ทำให้น้ำหนักลดลงจากเดิม ลดภาระในการลากจูงไปได้ประมาณนึง ออพชั่นต่างๆ ก็ยังคงให้มาเต็มพิกัด รองรับสำหรับการขับขี่ใช้งานทั่วไป และลงสู่เซอร์กิตได้โดยการปรับไรดิ้งโพลสิชั่น ชุดพักเท้าที่จะเข้ามาเสริมหลังจากมีรถไว้ครอบครองแล้ว พละกำลังเปลี่ยนอารมณ์ความกร้าวร้าวรอบตึงๆ ที่หลายๆ คนเป็นกังวล กระเบนตัวนี้ปรับใหม่ให้รอบเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้เรัาใจเป็นมิตร แต่ไม่ทิ้งความปี๊ดปร๊าด ตื๊ดๆ เพราะการออกแบบชุดเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ที่ ใหญ่ขึ้น เพื่อลดกำลังที่สูญเสียจากเครื่องยนต์ และเพลาลูกเบี้ยว ออกแบบใหม่เพื่อการปรับการยกวาล์วที่เหมาะสมให้การเคลื่อนไหวของกระเดื่องวาล์วเสถียรมากขึ้น ระบบค้นเร่งไฟฟ้าใหม่ที่สั่งการผ่านเซ็นเซอร์ได้รวดเร็ว ให้ความเร้าใจ เบรกคอนโทรลฟังก์ชั่นใหม่ เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งที่มั่นใจ สามารถใช้เบรกในโค้งได้โดยตัวรถไม่ขืนให้เสียจังหวะ เอนจิ้นเบรก แอนด์ เมเนท ฟังก์ชั่นนี้นี่ก็ไม่ธรรมดา สำหรับการตอบโจทย์ในสนามแข่งพร้อมขยี้คันเร่ง ด้วยการปรับตั้งได้เอง ตามสไตล์ใครสไตล์มัน สลิป คอนโทรล, ลิป คอนโทรล, แทร็คชั่น คอนโทรล และโหมด พาวเวอร์ ที่จัดมาให้เพื่อจัดเต็มกับแรงม้าที่ปล่อยมาเต็มๆ ตามความต้องการ
แชสซี ถูกปรับใหม่จากเดิม 10% ทำให้การพลิกเลี้ยว และจุดศูนย์ถ่วงสมบูรณ์มากขึ้น ควิกชิฟเตอร์ Up&Down ใส่กันไม่ต้องกังวล แต่ส่วนตัวเติมเกียร์ด้วยระบบควิกชิฟ แต่เชนลดเกียร์ด้วยคลัทช์มันรู้สึกได้อารมณ์กว่า

2020 Honda CBR1000RR-R & CBR1000RR-R

พลิกโฉมครั้งใหม่กับเวอร์ชั่นล่าสุดปี 2020 Honda CBR1000RR-R และ CBR1000RR-R SP ซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์แรง ที่รับ DNA มาจากรถแข่งระดับแชมป์โลก เผยโฉมแล้วในงาน 2020 Eicma มหกรรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

ความโดดเด่นของการดีไซน์รูปลักษณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดทั้งคันที่มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ไม่เทอะทะ เพรียวกระชับมากขึ้น ขนาดถังน้ำมันลดขนาดลง 45 มม. ทำให้กระทัดรัดขึ้น บังโคลนหน้าก็ยังมิวายที่จะออกแบบมาช่วยเรื่องแอโร่ไดนามิคด้วยเหมือนกัน ซึ่งสามารถช่วยลดแรงต้านอากาศได้ 0.270 ช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าระหว่างไฟหน้าเพื่อรับอากาศเข้าได้ดีที่สุด รวมไปถึงน้ำหนักตัวที่ลดลงแหลือเพียง 201 กก. นอกจากนั้นยังเสริมเทคโนโลยีระดับไฮเอ็นภายในเครื่องยนต์ พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ใรการสั่งงานที่ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีการออกแบบปีกแอโรไดนามิคหรือ Winglet ที่มาจากรถแข่งโมโตจีพี Honda RC213V ถูกออกแบบติดตั้งไว้ด้านข้างซ่อนอยู่ในแฟริ่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคอนโทรลในระดับความเร็วสูง ท่านั่งจัดตำแหน่งใหม่ทั้งขนาดของถังน้ำมันและเบาะนั่ง บังโคลนหน้า อีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนอาจมาองข้ามแต่ฮอนด้าใส่ใจทุกรายละเอียด ด้วยการออกแบบให้สอดคล้องกับตัวรถแบบแอโรไดนามิคในส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังคงใช้พื้นฐานแบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 999.9 ซีซี ยัดมาให้ปริ่มๆ และค่าผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทุกอย่างได้รับารพัฒนาจาก HRC ที่ใช้ในสนามแข่ง ระบบหัวฉีด PGM-DSFI กระบอกสูบ และช่วงชักพื้นฐานเดียวกับ Honda RC213V ตัวแข่ง MotoGP ก้านสูบไทเทเนียม ลูกสูบ Piston-Jet ชุดเกียร์ Semi-Cam ทำให้การปรับเซ็ทเครื่องยนต์ชุดใหม่นี้ส่งผลให้มีแรงสูงสุดถึง 214 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตรที่ 12,500 รอบ/นาทีท่อไอเสียแบบ 4-2-1 ท่อไอเสียไทเทเนียมที่ร่วมมือกับแบรนด์ดัง Akrapovic ให้ทำงานได้สัมพันธ์กับระบบวาล์วไอเสียที่ช่วยเพิ่มกำลังในรอบกลาง และรอบสูง ซึ่งรองรับการขับขี่ด้วยโหมด 3 แบบ ที่ช่วยให้การขับขี่เร้าใจและตรงความต้องการรของผู้ขับขี่เอง เฟรมทำจากอลูมินั่มดีไซน์ใหม่ ใช้ช่วงท้ายของเครื่องยนต์เป็นจุดยึดระบบกันสะเทือน สวิงอาร์มยืดช่วงเพิ่มฐานล้อเล็กน้อย ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Honda RC213V-S  ยางหน้า 120/70-ZR17 ยางหลัง 200/55-ZR17

ระบบกันสะเทือนด้านหน้า Showa BFF ขนาด 43 มม. ปรับค่าทั้ง Preload,Compression ส่วนกันสะเทือนหลังทำงานร่วมกับ Showa Balance Free Rear Cushion Light ปรับได้เต็มระบบ Preload, Compression และ Rebound ดับเบิ้ลดิสก์หน้าจานเบรก 330 มม. จานหลัง 220 มม. คาลิเปอร์ Nissin สี่ลูกสูบ หลัง Brembo (สำหรับ RR-R) แต่ถ้ารหัส RR-R SP โช้คอัพไฟฟ้า Ohlins Electronic Control เจนเนอเรชั่นที่ 2 โช้คหน้า Ohlins NPX ขนาด 43 มม.ระยะยุบ 125 มม. โช้คหลัง Ohlins TTX36 Smart-EC ระยะยุบ 143 มม. ระบบเบรก คาลิเปอร์หน้าและหลัง Brembo มีระบบ ABS ที่ตั้งค่าสำหรับ Track /Sport ระบบ IMU Unit 6 แกน ช่วยในการควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ รวมถึงระบบกันสะเทือนไฟฟ้า Honda Electronic Steering Damper จะแสดงผลเป็นแบบจอสี่สี TFT โดยติดตั้งสวิตช์แบบสี่ทิศทางที่ฝั่งซ้ายของแฮนด์ ระบบกุญแจอัจฉริยะใหม่ Start Mode เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

รีวิว New Honda ADV 150

เล่าสู่กันฟังหลังจากได้สัมผัสกับ New Honda ADV 150 ในสนามทดสอบ