New MT-15 Born Of Darkness Lemited Edition สปอร์ต ของคนวัยมันสีสันใหม่เร้าใจยิ่งกว่า พร้อมกับการตกแต่งแบบไร้ขีดจำกัด










New MT-15 Born Of Darkness Lemited Edition สปอร์ต ของคนวัยมันสีสันใหม่เร้าใจยิ่งกว่า พร้อมกับการตกแต่งแบบไร้ขีดจำกัด
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เชิญสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ร่วมทดสอบสมรรถนะ YAMAHA New MT-15 Born of darkness limited edition โดย นายธนะชัย เลขวณิชกุล ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสินค้ารถสปอร์ต พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้เกียรติร่วมถ่ายภาพกับสื่อมวลชนในกิจกรรม “MT-15 Show Off Challenge”
สำหรับการทดสอบดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 สถานี ได้แก่ Gymkhana ทดสอบการทำงานของระบบช่วงล่างที่ยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี ด้วยยางหน้าขนาด 110/70-17 และยางหลังขนาดใหญ่ 140/70-17 มาพร้อมระบบ ASSIST & SLIPPER CLUTCH เสริมความมั่นใจขณะเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงเกียร์ต่ำด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังคล่องแคล่วและคล่องตัว เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจด้วยมุมคาสเตอร์เพียง 25.7 องศา ภายใต้ช่วงตัวรถที่มีความยาว 1,965 มม.
รวมถึงสถานี Slalom ทดสอบความคล่องตัว แม่นยำทุกเส้นทางด้วยโช้คหน้าแบบ Upside Down ดูดซับแรง และควบคุมรถได้ดั่งใจ มาพร้อมเบาะแบบ FREESTYLE RIDING SEAT นั่งสบายคล่องตัวทุกการขับขี่ ปิดท้ายด้วยสถานี DRAG โชว์ความเป็น Master of Torque ของ MT-15 ที่โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 155 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน (VVA) ที่ตอบสนองความเร็วและอัตราเร่งได้ดั่งใจ
สำหรับกิจกรรมทดสอบการขับขี่รูปแบบใหม่ของยามาฮ่า ภายใต้กิจกรรม “MT-15 Show Off Challenge” มีขึ้น ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) เมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับรถโมโตครอสในพิกัด 250F จาก Kawasaki โมเดลล่าสุด มาพร้อมกับคำว่า All-new KX250 ด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะ 249 ซีซี ที่ยืนยันว่ามีรอบการทำงานเครื่องยนต์สูงสุดเพิ่มสูงขึ้น กำลังในแต่ละย่านการทำงานเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้น พัฒนาการตอบสนองการทำงานในช่วงรอบต่ำถึงกลางได้ดียิ่งขึ้น More Power, Power to perform คือส่วนหนึ่งของแนวทางในการพัฒนา ภายใต้วลีที่ว่า Be Next หรือ สเต็ปถัดมาของ KX250 นั่นเอง ที่นี้มาไล่ดูภาพรวมจากเอกสารที่เกี่ยวกับ 2021 KX250 ที่สรุปถึงสิ่งที่มีมาใน all new KX250 นี้
More powerful Engine ,New coned disc-spring hydraulic clutch ,new electric start ,new frame&swingarm ,updated Ergonomics ,newstyle ,Ergo-FIT Adjustable DFI Cpuplers กำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นแน่นนอนว่า ย่อมมาจากการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เป็นสำคัญ ดังนั้นการที่ Kawasaki จะใช้คำว่า all new นั่นจึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชุดใหญ่ ซึ่งมาไล่เรียงสิ่งที่มีใหม่ใน KX250 ได้แก่ NEW Processing for intake and exhaust ports การจัดการในส่วนของช่องพอร์ทไอดีไอเสีย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศที่ดีขึ้น NEW Exhaust cam timing ปรับไทม์มิ่งของแคมไอเสียใหม่ NEW Stiffer valve springs เพิ่มความแข็งของสปริงวาล์ว
NEW Combustion chamber design and flatter piston crown ออกแบบส่วนของห้องเผาไหม้ใหม่ รวมทั้งการเปลี่ยนลูกสูบที่บางกว่าเดิม รวมทั้งการปรับชิ้นส่วนอื่นๆ อย่าง NEW Longer connecting rod ,NEW Lighter crankshaft design ,NEW Revised pressure balance inside the crankcase ,NEW Coned disk-spring hydraulic clutch ,หรือแม้แต่การปรับเสริมระบบสตาร์ทไฟฟ้าใหม่ NEW Electric start via the push of a button และยังรวมทั้งการเลือกใช้แบตเตอรี่ใหม่ NEW Lightweight compact Li-ion battery ทั้งหมดที่กล่าวถึงนอกจากการเน้นที่กำลังขับเคลื่อนสูงสุดแล้ว ยังได้ทำการพัฒนาให้มีการส่งกำลังที่ดีขึ้นในช่วงรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำถึงกลางอีกด้วย นอกจากนี้ในการจัดการเครื่องยนต์นั้น ได้มี Coupler package โดยแต่ละคันจะมาพร้อมกับค่ามาตรฐานของการเซ็ท digital fuel injection system ไว้สามแบบ หรือสามแมป ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ที่เรียกว่า the four pin DFI coupler สำหรับเลือกแมปนี้ จะติดตั้งค่า standard hard และ soft terrain มาให้เป็นเซ็ทมาตรฐานจากโรงงาน แต่ก็สามารถทำการปรับเพิ่มเติมได้ ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่เป็นชุดคิทเพิ่มเติม KX Fi Calibration Kit ที่จะสามารถปรับเซท ECU ได้อย่างหลากหลายเพิ่มขึ้น
มาดูในส่วนของแชสซีส์ที่ได้มีการปรับ “ช่วง” ใหม่ ให้มีการยึดเกาะและตอบสนองการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น เริ่มด้วยการปรับเฟรมใหม่ new slim aluminium perimeter frame ที่ยกพื้นฐานการพัฒนาถอดแบบมาจาก KX450 จนทำให้ได้รับความรู้สึกที่นุ่มนวลควบคู่กับความหนึบที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับเสริมประสิทธิภาพในส่วนของระบบกันสะเทือน และเบรกที่อัพเดทด้วย
NEW Lower triple clamp design
NEW Revised linkage ratios
NEW Fine-tuned front and rear suspension settings
NEW Smaller-diameter 240 mm rear disc
NEW KX450 front master cylinder
นับเป็นการพัฒนาตามรอยหรือตามแบบที่นำร่องไปก่อนใน KX450 ดังนั้น 2021 KX250 จึงได้รับการพัฒนาตามมาในที่สุด ซึ่งในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นได้เลือกใช้ KYB inverted coil-spring front forks ที่มีขนาด 48 มม.พร้อมปรับเซ็ทภายในกระบอกฟอร์คใหม่ ด้วยการเปลี่ยน damping piston เป็นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 มม. ขณะที่ KYB rear shock นั้นได้มาพร้อมกับ dual compression adjustability ที่จะแยกการปรับค่า high-speed และ low-speed damping อีกทั้งยังปรับ a new Uni-Trak rear suspensions system เช่นกันอีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของ Bodywork และเบาะนั่งก็มีการอัพเดทในส่วนของ
NEW Bodywork facilitates rider movement
NEW Flatter design at the top of the fuel tank
NEW Slimmer radiator shrouds
NEW Smoother engine covers
NEW Gold finish on the oil cap and generator cover plugs
ซึ่งข้อมูลพื้นฐานโดยสรุปของ 2021 KX250 มีสเปคเบื้องต้นดังนี้
Engine 249cc, liquid-cooled, 4-stroke, DOHC 4-valve single
Bore x Stroke 78.0 x 52.2 mm
Compression Ratio 14.1:1
Fuel System Fuel injection: ø44 mm x 1, with dual injectors
Ignition Digital DC-CDI
Starting Electric
Lubrication Forced lubrication, semi-dry sump
Transmission 5-speed, return
Clutch Wet multi-disc, manual
Final Drive Chain
Frame Perimeter, aluminum
Front Suspension / Wheel Travel ø48 mm inverted fork with adjustable compression and rebound damping / 314 mm (12.4 in)
Rear Suspension / Wheel Travel New Uni Trak with adjustable dual-range (high/low-speed) compression damping, adjustable rebound damping and adjustable preload / 316 mm (12.4 in)
Rake / Trail 28.0° / 118 mm
Steering Angle (L/R) 42° / 42°
Front Tire 80/100-21 51M
Rear Tire 100/90-19 57M
Front Brake Single semi-floating ø270 mm petal disc with dual-piston caliper
Rear Brake ø240 mm petal disc with single-piston caliper
Dimensions (L x W x H) 2,180 x 820 x 1,265 mm (85.8 x 32.3 x 49.8 in)
Wheelbase 1,485 mm (58.5 in)
Road Clearance 335 mm (13.2 in)
Seat Height 950 mm (37.4 in)
Curb Mass** 107.3 kg (237 lb)
Mass Without Fuel 102.7 kg (226 lb)
Fuel Capacity 6.2 litres
การชิงชัยในสนามที่ 4 ศึกโมโตจีพี 2020 ดวลความเร็วช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ออกสตาร์ทในเวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ เรดบูลล์ ริง เมืองสปีลเบิร์ก ประเทศออสเตรีย ระยะทางต่อรอบ 4.381 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 28 รอบสนาม
โดย มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ประจำการอยู่ในตำแหน่งหัวแถว ขนาบข้างด้วย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ในกริดที่ 3 ขณะที่เพื่อนร่วมค่ายอย่าง ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 7 และ 12 ตามลำดับ
ออกสตาร์ทเรซได้ 8 รอบสนามเกมต้องหยุดลงจากจังหวะที่ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ไปเกี่ยวกับ โยฮัน ซาร์โก้ ส่งผลให้ต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งคู่ ก่อนจะเคลียร์สภาพแทร็กและกลับมาดวลความเร็วอีกครั้ง โดย มาเวริค บีญาเลส #12 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 คู่หูสังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 6 และ 7 ด้าน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ที่พลาดหลุดโค้งในช่วงต้นเกม ประจำการในกริดที่ 20
อย่างไรก็ดี ดาวบิดเฟรนช์แมน สามารถรีดฟอร์มเก่งภายใต้รถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 ไล่แซงคู่แข่งไต่จากท้ายขบวนขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 8 บวกแต้มให้กับตนเองและต้นสังกัดได้สำเร็จจากเรซสุดหินที่ เรดบูลล์ ริง รวมถึง วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ที่ยังคงอยู่ในมาตรฐานอันยอดเยี่ยม บิดจบการแข่งขันในอันดับ 5 ด้าน มาเวริค บีญาเลส #12 ที่หล่นลงไปท้ายขบวนหลังรีสตาร์ท ไต่ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 10
จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #21 ยังคงเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ เก็บไปได้ทั้งสิ้น 67 คะแนน รวมถึงต้นสังกัดอย่าง ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ทีที่รั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีม มี 98 คะแนน ตามด้วย มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ในอันดับ 2 มี 86 คะแนน ขณะที่ ยามาฮ่า ยังนำโด่งบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทค่ายผู้ผลิต หลังเก็บไปแล้วทั้งสิ้น 81 คะแนน
สำหรับการชิงชัยในสนามถัดไปของ ศึกโมโตจีพี 2020 ยังคงดวลความเร็วบนสังเวียน เรดบูลล์ ริง เมืองสปีลเบิร์ก ประเทศออสเตรีย ในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม นี้
แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจนักบิดยามาฮ่าได้ที่ Facebook : Yamaha Society Thailand
หนึ่งใน 10 ของรถแต่งจากสำนักแต่งชื่อดังของประเทศไทย กับความพิเศษสุด NMAX Custom จากไอเดียและคอนเซ็ปต์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนใช้รถ NMAX ได้นำเอาไปปรับใช้เพื่อให้รถมีความสวยน่ามอง ด้วยความที่เป็นรถออโตเมติกสไตล์สปอร์ตอยู่แล้ว ทำให้การแต่งยกระดับเพิ่มเป็นสปอร์ตพรีเมี่ยม มีความหรู ดูดี แต่ยังคงแฝงไปด้วยความแรงเร้าใจ สีสันพื้นๆ อาจจะไม่สะดุดตา แต่ถ้ามองดีดีแล้วจะเห็นว่าของแต่งก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ชิ้นงานที่เป็นเคฟล่าร์ถูกเอามายึดติดแทนสีดำของเดิม ลงทุนไปกว่า 10,000 บาท
ร้าน RJ Shop All New NMAX155 คันนี้แต่งสไตล์ทั่วริ่งทำสีน้ำตาลตัด
กระเป๋าข้าง L / R มองข้างบิ้วอินงานเหล็กแต่งหน่อยวัดด่านชิวหน้าทรงสูงมือแบบปรับระดับพร้อมด้วยการติด ตั้งอุปกรณ์เสริมเสริมกันล้มที่ล้อหน้าติดตั้งบาร์ดีเพิ่มความแรงด้วยขั้นต่ำจากค่าย Motove จานดิสหน้า Tupakam จานดิส Racingboy โช้คหลังแกสซี่เบรคหลังแต่ง yamaha
All New Yamaha NMAX จากสำนักแต่งชั้นนำ แต่งแล้วจะหล่อโดนใจกันใหมครับ นี่แค่ EP. แรก ยังมีอีกนะครับรอติตตามกันได้ที่นี่
Sport fashion เน้นสีแดงสดปาดเบาะซิ่ง
รายละเอียดการตกแต่ง
– ล้อแม็กซ์ RCB 3,800
– ยางนอก หน้า-หลัง 2,000
– จุ๊บลมแต่ง 200
– จานดิสก็เบรคหน้า Rottea 1,850
– แผงคอ (ทั้งชุด) GTR 6,500
– ชุดปั๊มลอย RCB L+R 4,400
– โชคหลัง RCB 6,900
– ชักหน้า Hottime 950
– การ์ดหม้อน้ำ Hottime 690
– จานดิสเบรค หน้า-หลัง Wolf 4,200
– ปั๊มเบรค แบมโบ้ หน้าล่าง 6,800
– ปั๊มเบรค แบมโบ้ หลังล่าง 5,500
– ขาคาร์ลิบเปอร์ หน้า-หลัง 1,500
– ก่ออากาศ 690
– ชุดชามเม็ด set by sar 3,500
– ห่อหม้อน้ำ 650
– ท่อไอเสีย ไทเทเนี่ยม 19,500
– พักเท้าหลัง 490
– เบาะ หน่อยวัดด่าน
– ชุดสีตัดลาย 15,000
– ชุดเซ็ต โชคหน้า set by sar 3,500
– ชุดกันลม ท่อไอเสีย GTR 1,980
– ชุดบทบังโคลนหน้า GTR 820
– น้อตล้อหลัง GTR 490
– แกนล้อหน้า GTR 1,550
– บู๊ทล้อหน้า GTR 1,390
– น๊อตปลายแฮนด์ ไทเทเนี่ยม 250
– รองขาตั้งข้าง GTR 550
– รองขาตั้งคู่ GTR 490
– ปลอกแฮนด์ Domino 800
– กระจกมองหลัง 650
– ฝาถังน้ำมัน+ครอบไมล์+ฝ่าข้าง L+R
คาร์บอน 2,500
ใครสนใจก็สามารถติดต่อร้าน Hottime หรือเจ๊ปลา ขาแว้นซ์ได้เลยนะคะ
ร้าน Murazaki + Motostory
แต่งสไตล์ Touring ชิวสูงสปอร์ตที่ยาวกว่าของเดิม คางใต้ไฟที่ให้ดูมีสไตล์แอดเวนเจอร์มากยิ่งขึ้น ครอบแก้ม R/L เสริมความบึกบึน ครอบข้างกลางแฟริ่งเสริมความบึกบึนในสไตล์ Cross Country และอีกมากมายรอติดตามได้จากรีวิวเร็วๆนี้ที่ชองยูทูป Riding Channel นะคะ
การแข่งขันในสนามที่ 3 ศึกโมโตจีพี 2020 ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ออโตโมโตโดรม เบอร์โน่ สาธารณรัฐเช็ก ระยะทางต่อรอบ 5.403 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 21 รอบสนาม ในรายการมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ กรังด์ปรีซ์ เช็ก รีพับลิคกี้
โดย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ได้เริ่มเกมจากกริดสตาร์ทที่ 2 ขนาบข้างด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 นักบิดร่วมสังกัดชาวอิตาเลียน ในกริดที่ 3 ส่วน มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5 ขณะที่ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ดาวบิดรุ่นพี่ร่วมค่าย ประจำการในกริดที่ 10
ออกสตาร์ทเรซด้วยตำแหน่งผู้นำของ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ที่ทะยานขึ้นไปรั้งหัวขบวนตั้งแต่ต้นเกม รวมถึง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ที่รั้งอยู่ในอันดับ 2 ทว่าด้วยปัญหาในเรื่องของยางส่งผลให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ไม่สามารถทำความเร็วได้ ก่อนจะทำได้ดีที่สุดด้วยการบิดจบการแข่งขันในอันดับ 7 ขณะที่ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 สามารถรีดฟอร์มเก่งบิดเกาะอยู่ในกลุ่มหัวขบวน และบิดรถแข่ง M1 รับธงตาหมากรุกในอันดับ 2 คว้าโพเดี้ยมแรกในเกมพรีเมียร์คลาสให้กับตนเอง
รวมถึง วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ที่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมที่ เบอร์โน่ บดกับคู่แข่งได้อย่างสนุกตลอดทั้งเกม ทั้งยังโชว์ความเก๋าไล่แซงทำอันดับไต่จากกริดที่ 10 ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 5 ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้าน มาเวริค บีญาเลส #12 ที่เจอปัญหาในเรื่องกริปของยางเช่นกัน ส่งผลให้ทำได้ดีที่สุดด้วยการบิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 14 คว้าแต้มเพิ่มให้กับตนเองและต้นสังกัด
จากผลการแข่งขันดังกล่าว ส่งผลให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #21 ยังคงเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังเก็บไปได้ทั้งสิ้น 59 คะแนน ตามด้วย มาเวริค บีญาเลส #12 ในอันดับ 2 มีทั้งสิ้น 42 คะแนน ขณะที่ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 มีทั้งสิ้น 31 คะแนน ส่วน วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 มี 27 คะแนน รั้งอยู่ในอันดับ 7
รวมถึง ยามาฮ่า ที่ยังนำโด่งบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทค่ายผู้ผลิต โกยไปแล้วทั้งสิ้น 70 คะแนน ทิ้งห่าง เคทีเอ็ม ที่อยู่ในอันดับ 2 ถึง 26 คะแนน ขณะที่ ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ยังคงเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีม มีทั้งสิ้น 90 คะแนน ตามด้วย มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ในอันดับ 2 มี 69 คะแนน
ศึกโมโตจีพี 2020 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็ว ที่ เรดบูลล์ ริง เมืองสปีลเบอร์ก ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 16 สิงหาคม นี้
แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจนักบิดยามาฮ่าได้ที่ Facebook : Yamaha Society Thailand
รถคันนี้ตกแต่งในสไตล์สปอร์ตแต่สามารถนำมาใช้งานได้จริงบนท้องถนน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการนำเสนอความเป็นตัวเองดีไซน์การตกแต่งแหวกแนวไม่เหมือนใคร ซึ่งทำสีใหม่เป็นสี midnight blue ในที่สว่างจะเป็นสีเงิน ในที่มืดจะเป็นสีดำ คาดลายกราฟฟิกที่ให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เน้นคู่สีที่ตัดกันแบบลงตัว
สปอร์ต ออโตเมติก สุดฮิต All new NMAX 155 กับแรงบันดาลใจของการตกแต่งจากสำนักแต่งชั้นนำระดับประเทศ คันไหนโดนใจคุณบ้างละ ส่วนรายละเอียดเพิ่มรอติดตามรีวิวแบบจัดเต็มที่นี่เร็วๆ นี้ https://www.facebook.com/ridingmag/ https://www.youtube.com/channel/UC20M7mYJrvrcvGlMUpy5gog?view_as=subscriber