2020 CF MOTO 700CL-X

แบรนด์ CF MOTO เริ่มต้นด้วยการเป็น workshop เล็กๆในจีน ด้วยการที่จะพัฒนาอะไหล่ชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ในปี 1989

จากนั้นก็ต่อยอดจนสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ของตนเองในปี 1992 และใน
ปี 2000 ก็สามารถพัฒนาเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ของตนเองจนสามารถส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ยุโรป เกาหลี เป็นต้น จนปัจจุบันก้าวสู่วาระครบรอบสามสิบปีของแบรนด์ CF MOTO ที่มีรถรุ่นต่างๆ ออกมามากมาย รวมทั้งสามารถร่วมมือกับ KTM ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆร่วมกันตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ล่าสุดกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในระหว่างงาน EICMA 2019 ที่อิตาลี กับ New CF MOTO modern classic model ที่มาพร้อมกับ รหัส 700CL-X มีแบ่งย่อยหลายเวอร์ชั่น คือ NK series SR series ,GT series และ MT series ซึ่งแต่ละซีรี่ส์นั้นก็จะออกแบบมาเพื่อการใช้งานในสไตล์ street motorcycle racing , touring และ multi-function ตามลำดับ ในการออกแบบ 700CL-X เน้นรูปแบบที่เรียบง่าย ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ให้ภาพลักษณ์ที่ย้อนยุคประดุจงานฝีมือชั้นยอด ดังนั้นจะเห็นว่าองค์ประกอบหลายๆส่วนของตัวรถนั้นจะออกในแนววินเทจ

ในส่วนของเฟรมนั้นได้รับการออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา ซึ่งเฟรมของ 700CL-X มีน้ำหนักเพียง 16.5 กก. ขณะที่สวิงอาร์มนั้นมีน้ำหนัก 6.7 กก. โดยที่มิติของตัวรถคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ที่จะมีความรู้สึกที่สบายผ่อนคลายขณะขับขี่ มั่นใจได้ด้วประสิทธิภาพในการขับขี่ที่หนึบนิ่งแม้จะใช้ยางแบบสแตนดาร์ตทั่วไป พร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบ adjustable suspension system รวมทั้งมั่นใจในความปลอดภัยจากระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมกันนี้ในการออกแบบของ 700CL-X ยังคำนึงถึงการเอื้อให้กับผู้ขับขี่สามารถทำการปรับแต่งรถได้มากมายหลายจุด เช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับรถจักรยานยนต์ในปัจจุบันที่จำเป็นต้องมีก็ได้รับการติดตั้งมาให้ อาทิ ABS , Electronically controlled throttle , sliding clutch , cruise control , electronic protection control unit เป็นต้น ต่างก็ได้รับการติดตั้งมากับ 700CL-X เครื่องยนต์ที่พัฒนามาใหม่แบบ inline twin-cylinder ขนาด 692 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นการพัฒนาล่าสุดจาก
CF MOTO หลังจากที่เคยส่งเครื่องยนต์ 150/250/400/650 ออกมาก่อนหน้านี้ ด้วยการใช้แพล็ตฟอร์มเดียวกัน และจากการเพิ่มขนาดความจุเครื่องยนต์ขึ้นมาเป็น 692 ซีซี ช่วยให้ได้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 55 แรงม้า ขณะเดียวกันก็ได้ติดตั้งองค์ประกอบต่างๆมาให้อาทิ USB charging plug โดยที่ใต้เบาะนั่งของ 700CL-X จะมีช่องชาร์จแบบ USB ไว้ให้ safty protection จะเป็นระบบป้องกันความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ อาทิ ignition protection ที่ออกแบบมาให้เครื่องยนต์จุดระเบิดหรือติดเครื่องได้เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง หรือเมื่อบีบคลัทช์ รวมทั้งขาตั้งถูกยกขึ้นแล้ว Limp Home Mode จะเป็นระบบที่ทำงานเมื่อเครื่องยนต์มีปัญหา ผู้ขับขี่จะถูกควบคุมหรือจำกัดความเร็วให้เพียงพอที่จะประคองกลับถึงบ้านได้ , Rollover sensor เซ็นเซอร์จะทำงานเมื่อรถเอียงเกินกว่าที่กำหนด ระบบก็จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ -Cruise Mode คงจะรู้จักกันดีกับระบบนี้ที่จะมีในรถประเภททัวร์ริ่ง ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความกดดันในการขับขี่ที่มือขวาจะต้องคอยบิดคันเร่งตลอดเวลา เพียงแค่กดปุ่มก็จะสามารถขับขี่ไปด้วยความเร็วที่เหมาะสมตลอดการเดินทางไกล

Dry Weight (kg) 183
Length (mm) 2100
Width (mm) 860
Height (mm) 1150
Wheel Base (mm) 1435
Seat Height (mm) 800
Ground Clearance (mm) 160
Fuel Tank Capacity (l) 13.5
Tire(Front) 110/80-R18
Tire (Rear) 180/55-R17
Front Brake Radial-mount caliper Ø320mm Single
Rear Brake Float-type caliper Ø260mmSingle
Front Fork USD damping adjustable
Rear shock Central shock absorber damping adjustable
Engine Type Inline Twin-cyliner 4 Stroke, Liquid cooled
Displacement (cm3) 692.2
Clutch type Slide Clutch

Yamaha QBIX125 AUTOMATIC Fashion idol

ถูกปรับเปลี่ยนลุคใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นในการนำเสนอไอเดียให้กับรถสไตล์สกู๊ตเตอร์ออโตเมติก แต่ด้วยรูปลักษณ์ของ QBIX เองก็มีการดีไซน์ได้โดนใจวัยรุ่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากที่จะเสริมเติม แต่งออพชั่นต่างๆ และสีสันใหม่ให้น่ามองมากยิ่งขึ้น

QBIX ฮอตฮิตติดกระแสวัยรุ่นด้วยรูปทรงเทรนด์ใหม่ดูน่ารักกุ๊กกิ๊ก ขนาดที่ไม่ใหญ่ เบาะใหญ่นั่งสบาย เครื่องยนต์ให้กำลังแรงบิดสนุก ขนาด 125 ซีซี BLUE CORE ประหยัดน้ำมัน ฟิกเจอร์สุดล้ำสมัย จอแสดงผลแบบฟูลดิจิตอล ไฟหน้า LED ส่องสว่าง ไฟเลี้ยวบิ้วท์อิน เบาะหุ้มหนังใหม่ทูโทน และกล่องเก็บของใต้เบาะอเนกประสงค์ มีช่องเล็กช่องน้อยใช้งานได้สะดวก แต่เมื่อถูกปรับเปลี่ยนแต่งเติมให้น่ามองมากขึ้นจึงทำให้ QBIX คันนี้เป็นรถที่มีความสวยงามสะดุดตาสีสันลวดลายถูกตกแต่งใหม่ มีการเสริมกันโครงรอบนอกและด้านในด้วยเหล็กดัดสีส้ม แฮนด์บาร์ลดระดับต่ำลง ปลอกแฮนด์อลูมินัม ก้านเบรกอลูมินัมที่ปรับระดับ กระจกมองหลังจอรูปไข่ วงล้อแม็กขนาด 12 นิ้ง หน้ายางกว้างแบบกึ่งพร้อมลุยทั้งทางเรียบ และทางฝุ่นแบบซอฟๆ โช้คอัพหน้าออพชั่นเทรนด์สปอร์ตแบรนด์ Gazi แบบหัวกลับ ที่โดดเด่นด้วยกระบอกสีขาว ดิสก์เบรกหน้าจานโฟลท์ติ้ง 5 ตัว คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ และสายถักสแตนเลส ช่วงท้ายแน่นๆ วงล้อแม็ก 12 นิ้ว ปิดทึบ โช้คอัพหลังแบบยูนิตสวิง Gazi ปรับพรีโหลดพร้อม แท้งค์ซับแก๊สประจำการอยู่ด้านหลัง

เครื่องยนต์เพื่มอัตราการบิดเร่งรอบที่เร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยการเสริมไอเสียสแตนเลสเดินลอดออกข้าง และสวมด้วยปลายกระบอกคอสปริงยึดเข้ากับแคร้งเครื่องด้านขวา ให้เสียงที่ทุ้ม

ฮอนด้าเปิดตัว New Scoopy i Kumamon Special Edition

ฮอนด้าเปิดตัว New Scoopy i Kumamon Special Edition ฉลองครบรอบ 10 ปี Scoopy i ในเมืองไทยโดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์ Kumamon ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 คันเท่าน เอ.พี. ฮอนด้า ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย เปิดตัว New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ฉลองครบรอบ 10 ปีของการวางจำหน่าย Scoopy i ในประเทศไทย ส่งมอบความสนุกในสไตล์ “คุมะมง” หมีสุดซ่าส่งตรงจากเมืองคุมาโมโตะประเทศญี่ปุ่น ตัวรถโดดเด่นด้วยโทนสีดำขลิบแดง ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ความน่ารักของหมีดำแก้มแดง เสริมความพิเศษด้วยเอมเบลมวงกลมดีไซน์ประณีตลิขสิทธิ์แท้ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 คันเท่านั้น วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำ 54,200 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2563 ลุ้นรับรางวัลทริปใหญ่ บุกไปเยือนถิ่นคุมะมงถึงเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ถึง 30 รางวัล

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์แฟชั่น เอ.ที. ในเมืองไทย มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราจึงไม่เคยหยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ และที่ผ่านมาฮอนด้าก็สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นจากความสำเร็จของ Honda Scoopy i ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดในปี 2019 Honda Scoopy i มียอดจำหน่ายสะสมกว่า 2.2 ล้านคัน ครองอันดับหนึ่งรถแฟชั่น เอ.ที. ยอดฮิตครองใจคนไทยอย่างแท้จริง” “ในวาระครบรอบ 10 ปี ของ Honda Scoopy i ในประเทศไทย เรามีแนวคิดที่จะส่งมอบความพิเศษให้กับคนไทยผ่านการทำโมเดลในรูปแบบ Special Edition เริ่มต้นจากการส่ง Honda Scoopy i LINE FRIENDS ลงสู่ตลาดในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดี ต้องขอขอบคุณลูกค้าทั่วประเทศที่ชื่นชอบ และในครั้งนี้เราขอนำเสนอความสนุกบทใหม่ที่มาพร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจ นั่นคือ New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยการนำเอาองค์ประกอบเด่นของหมีคุมะมงมาผสมผสานกับรูปทรงคลาสสิกของ Scoopy i อย่างลงตัว เพื่อวัยรุ่นและผู้ที่ชื่นชอบคุมะมงในเมืองไทย” “ที่มาของ New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition มาจากความเหมือนของจุดเริ่มต้นของทั้ง Scoopy i และคุมะมงที่ต่างก็มีต้นกำเนิดจากเมืองเดียวกัน โดย Scoopy Series ผลิตและวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2001 ที่เมืองคุมาโมโตะประเทศญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ CREA Scoopy ก่อนที่ฮอนด้าจะนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดในไทยในปี 2009 ภายใต้ชื่อ Scoopy i ในขณะที่คุมะมงถือกำเนิดขึ้นในปี 2010 ในฐานะมาสคอตประจำเมืองคุมาโมโตะ เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดคุมาโมโตะ โดยมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คือ ผู้อำนวยการด้านความสุขแห่งจังหวัดคุมาโมโตะ คาแรคเตอร์ที่น่ารัก ซุกซน และดูมีความสุขอยู่ตลอดเวลาทำให้คุมะมงมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น และทั่วโลก”

New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ได้รับการถ่ายทอดคาแรคเตอร์ความแสบซ่าสุดกวนของหมี “Kumamon” โดดเด่นด้วยโทนสีดำเพิ่มลูกเล่นด้วยแถบสีแดงรอบคัน เช่นเดียวกับสีผิวของหมีดำแก้มแดง ไล่ตั้งแต่กระจกมองข้าง ฝาครอบหน้าปัดความเร็ว แผ่นวางเท้า ตลอดจนแผ่นกันความร้อนบริเวณท่อไอเสีย บังโคลนหน้าและตัวถังด้านข้าง คาดลายกราฟิกใหม่ และที่สำคัญ เสริมความโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์เอมเบลมหมีคุมะมงลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่นที่ด้านหน้าของรถ บ่งบอกถึงความพิเศษแบบพรีเมี่ยม อย่างชัดเจน

New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ขับขี่สนุกด้วย ฮอนด้า สมาร์ท เทคโนโลยี (Honda Smart Technology) ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 110 ซีซี หัวฉีดอัจฉริยะ PGM-FI สมรรถนะดี ตอบสนองทันใจ และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 62.5 กม./ลิตร พร้อมระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System และระบบ Combi Brake ช่วยกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง ตอบรับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ด้วยช่องเสียบชาร์จไฟ AC SOCKET สำหรับสมาร์ทโฟน พร้อมกล่องเก็บของ U BOX ความจุ 15.4 ลิตร

เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 คันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำ 54,200 บาท ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

พิเศษสำหรับผู้ที่ตัดสินใจซื้อ New Honda Scoopy i Kumamon Special Edition ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2563 ยังจะได้ลุ้นรับรางวัลใหญ่ทริปท่องเที่ยว บุกไปเยือนถิ่นกำเนิดของ Kumamon ถึงเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 30 รางวัลอีกด้วย

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aphonda.co.th รวมถึงเฟซบุ๊กแฟนเพจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า fb.com/hondamotorcyclethailand

Royal Alloy เปิดตัว A Real Classic Scooter “Tigara Grande”

สโคว์ มอเตอร์​ ผู้ผลิต​และจำหน่าย Royal​ Alloy​ แนะนำผลิตภัณฑ์​ใหม่ล่าสุดในงานมอเตอร์​เอ็กซ์โป​2019​ ในรหัสรุ่น TG.หรือ Tigara​ Grande ที่สะท้อนรูปลักษณ์​ และวิถีชีวิต​ของวัยรุ่น​ตะวันตก​ในยุค60 ด้วย​ดีไซน์​สุดคลาสสิค สไตล์​ MOD Culture วิถีที่ สามารถนำรถ scooter ไปแต่งแต้ม เสริมความโดดเด่นได้อย่างหลากหลาย การแสวงหาความเป็นตัวตน Tigara Grande​ สามารถ​ตอบสนองรสนิยมความต้องการ​ของผู้รักและหลงไหลReal​ classic scooter ได้อย่างแท้จริง​

Mr Steve Oliver CEO ของRoyal Alloy ภาคพื้นยุโรป ได้กล่าวถึง​ TBS.” To Be Someone” ภาพยนตร์​รักโรแมนติก​วัยรุ่น​ยุค​60 Royal Alloy​ ได้ปรากฏ​โฉมในภาพยนตร์​คลาสสิค โรแมนติก​ดังกล่าว ครั้งนี้ทาง Royal Alloy​ได้นำมาแสดงใน Motor Expo​2019​ นี้ด้วย ดีไซน์​การตกแต่ง​ใน 3 แบบ 3 สไตล์​ของ Royal​ Alloy​ TBS series   สำหรับ Tigara Grande หรือ TG series ทาง Royal Alloy​ พร้อม จะผลิต และส่งมอบได้ในไตรมาสที่สอง ปี 2563 เริ่มต้น​ด้วย ขนาดเครื่องยนต์​ 200ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ราคา 169,000.- สำหรับผู้สนใจและจองในงาน Motor Expo2019​นี้ จะได้รับสิทธิ์พิเศษ​ในราคา 160,000.-ประเดิมเป็นรุ่นแรกของTG series  Motor Expo 2019​ ปีนี้ ทาง ​Royal ​Alloy​ มุ่งมั่นที่ผลิต​รถ Classic Scooter ที่ได้มาตรฐาน​และมีคุณภาพ ที่มาตรฐาน​ โอกาสนี้ ทาง Royal​ Alloy​ จึงสมนาคุณ​ผู้บริโภค​โดยจัด รายการส่งเสริมการขายพิเศษ ร่วมกับงานมหกรรม​ยานยนต์​ครั้งที่ 36 Motor Expo2019​ โดยจัดทำบัตรกำนัล​มูลค่า​ ตั้งแต่​2,000.-บาท สูงสุด​ถึง 8,000.-บาท พร้อมของแถม​พิเศษ หมวกกันน็อก, ที​เชิร์ต, หมวกแก็ป​Royal​ Alloy​ครบเช็ท สำหรับผู้ชื้อที่สนใจ Royal​ Alloy​ ในรุ่นต่างๆ GP150, GP200S​ตั้งแต่​วันนี้ถึง 30ธันวามคม​ 2562​


ซึ่งรายการดังกล่าวนี้ ได้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถ​เข้าชมและตัดสินชื้อได้ที่ผู้จำหน่าย Royal ​Alloy​ ทุกแห่งราคาจำหน่ายในงานและโปรโมชั่น TG200S ราคาขาย 169,000 บาทโปรโมชั่น จองรถภายในงาน ในราคาพิเศษ 160,000 บาท Giftsetเสื้อยืดสุดเท่ หมวกแก๊ป (ส่งมอบรถ เมษายน 2563) GP150 ราคาขาย 98,000 บาท โปรโมชั่น Giftsetเสื้อยืดสุดเท่ หมวกแก๊ป และหมวกกันน็อค  GP200S ราคาขาย 158,000 บาท โปรโมชั่น Giftsetเสื้อยืดสุดเท่ หมวกแก๊ป และหมวกกันน็อค



Z650 เอกอัครราชทูตแห่งรถในตระกูล Z

Z650 เอกอัครราชทูตแห่งรถในตระกูล Z เช่นเดียวกับโมเดลรุ่นก่อนหน้านี้ Z650 ใหม่มาพร้อมสมดุลอันเหนือชั้นระหว่างสมรรถนะแบบ Sugomiและความสวย เพรียว กะทัดรัดในคลาสมิดเดิ้ลเวทด้วยขุมพลังสองสูบเรียง Parallel Twin ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 650 ซีซี ที่ให้แรงบิดอันทรงพลังในรอบต่ำถึงกลางซึ่งถูกวางมาในแซสซีน้ำหนักเบา ถูกเติมเต็มด้วยการส่งกำลังที่ควบคุมง่ายและการตอบสนองที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ ส่งมอบส่วนผสมอันลงตัวระหว่างสมรรถนะแบบสปอร์ตและความอเนกประสงค์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับผู้ขับขี่ได้เป็นวงกว้าง รูปลักษณ์ใหม่สุดเฉียบคมถูกเพิ่มดีกรีความโดดเด่นด้วยโคมหน้า LED ใหม่

เครื่องยนต์สมรรถนะเยี่ยมเครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียงตอบสนองเร็ว ทั้งยังประหยัดน้ำมัน พร้อมให้อัตราเร่งกำลังแรงในช่วงความเร็วรอบต่ำถึงกลางระหว่าง 3,000-6,000 รอบต่อนาที และแม้จะใช้ความเร็วรอบต่ำกว่า 3,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวลราบรื่น หรือในกรณีที่เครื่องเพิ่มความเร็วรอบสูงกว่า 6,000 ต่อนาที นอกจากนี้เครื่องยนต์สามารถประหยัดเชื้อเพลิงลงได้อย่างมากเมื่อใช้ความเร็วปกติระหว่าง 50 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคลัทช์แบบเพิ่มแรงกดและสลิปเปอร์ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์ในสนามแข่ง คลัทช์ที่ติดตั้งมาจะใช้ลูกเบี้ยวสองชนิด (ลูกเบี้ยวแบบเพิ่มแรงกดและลูกเบี้ยวสลิปเปอร์) จึงทำให้ได้ฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ถึงสองฟังก์ชั่นที่ไม่มีมาในคลัทช์มาตรฐาน

ยางติดรถใหม่เบาเลี้ยวง่ายยาง Dunlop SportmaxRoadsport 2 ใหม่เสริมให้การควบคุมของตัวรถมีน้ำหนักเบาและฉับไวมากยิ่งขึ้นเบาะเพิ่มความสบายของผู้โดยสารเบาะหลังใช้วัสดุยูริเทนที่มีความหนาเพิ่มขึ้น (หนาขึ้นประมาณ 5 มม. บริเวณตรงกลางและ 10 มม. บริเวณขอบเบาะ) และกว้างกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้ซ้อนท้ายเรือนไมล์ฟูลดิจิตอลสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ใหม่ – ครั้งแรกในรถจักรยานยนต์พิกัด 650 ซีซี จากคาวาซากิ – เสริมให้มิติเบื้องหลังแฮนด์ดูไฮเทคและหรูหรามีระดับ มาตรวัดใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์เฉพาะตัวที่ไม่มีในโมเดลรุ่นเก่า

W800 วิวัฒนาการของรถบิ๊กไบค์ต้นตำรับรุ่นแรกจากญี่ปุ่น

W800 คือรถจักรยานยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์สวยงามเหนือกาลเวลาและเหมาะกับผู้ใช้เป็นวงกว้าง หยิบยื่นสมรรถนะการควบคุมแบบขับขี่ใช้งานง่ายและการเก็บรายละเอียดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประณีตพิถีพิถัน (โคดาวาริ :ทัศนคติในการผลิตผลงานชิ้นเอก) แต่จากโมเดลเรโทรที่ถูกเติมเต็มความทันสมัยเข้าไป W800 คือรุ่นที่มาพร้อมรูปลักษณ์และสัมผัสที่คล้ายคลึงกับ W1รุ่นแรกมากที่สุด จึงสามารถส่งมอบสัมผัสแห่งความอิ่มเอมและความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ในยุค 60 ให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างถ่องแท้ ด้วยล้อหน้าขอบ 19 นิ้ว ที่ช่วยให้การบังคับควบคุมเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง เลี้ยวง่าย และไม่ไวจนเกินไปประกอบกับแซสซีซึ่งให้สัมผัสการขับขี่แบบคลาสสิกใกล้เคียงกับรถจักรยานยนต์ในตระกูล W รุ่นแรกๆ รวมไปถึงแฮนด์เดิ้ลบาร์และเบาะที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะที่เสริมให้ตำแหน่งท่านั่งมีความผ่อนคลายในทุกท่วงท่าการขับขี่ การมาถึงของ W800 ช่วยให้ผู้ขับขี่ที่ต้องการดื่มด่ำไปกับกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ สามารถเพลิดเพลินไปกับรถในตระกูล W ที่มีให้เลือกมากถึงสามรสชาติ

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ VERTICAL TWIN ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 773 ลบ.ซม. ระบายความร้อนด้วยอากาศ 4 จังหวะขุมพลังช่วงชักยาวถูกปรับจูนมาเพื่อสมรรถนะในรอบต่ำ-กลางเพื่อส่งมอบสัมผัสของแรงบิดอันทรงพลัง ชีพจรและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์คือสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนผู้ขับขี่ถึงการคร่อมอยู่บนรถเครื่อง Twin ระบบหัวฉีดจ่ายน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เผาไหม้สะอาดหมดจดและไร้อาการสะดุดล้อหน้าขนาดใหญ่ขอบ 19 นิ้ว และล้อหลังขอบ 18 นิ้ว ช่วยให้ W800 สามารถส่งมอบสัมผัสการขับขี่แบบรถจักรยานยนต์คลาสสิกแท้ๆ: ส่วนผสมอันลงตัวระหว่างการควบคุมที่ผ่อนคลาย หน้าที่น้ำหนักเบาเลี้ยวง่ายและเสถียรภาพที่มั่นคงบนทางตรง ล้อหน้าขนาดใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมให้การควบคุมหักเลี้ยวมีความมั่นคงและไม่ไวจนเกินไป เมื่อเทียบกับล้อหน้า/หลังขอบ 18 นิ้วของ W800 STREET และ CAFE ที่ให้สัมผัสการควบคุมที่สปอร์ตกว่าอยู่เล็กน้อย ตำแหน่งท่านั่ง: ตำแหน่งท่านั่งสไตล์วินเทจแฮนด์บาร์ของ W800 กำหนดให้ผู้ขี่อยู่ในตำแหน่งท่านั่งที่ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างท่านั่งแบบหลังตรงสไตล์ “รถคลาสสิก” ของ W800 STREET และท่านั่งแบบโน้มตัวไปด้านหน้าที่สปอร์ตกว่าของ W800 CAFE (แฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่เท่ากับ W800 รุ่นก่อนหน้านี้)

ถังน้ำมัน: ตราสัญลักษณ์บริเวณถังน้ำมันโครเมียมตราสัญลักษณ์บริเวณถังน้ำมันเป็นโครเมียมรับกับลวดลายใหม่ของตัวถัง ในขณะที่กันรอยข้างถังน้ำมันถูกออกแบบมาให้เหมือนกับของ W800 CAFÉ มิเตอร์: เรือนไมล์สไตล์คลาสสิกหน้าตาของเรือนไมล์สไตล์คลาสสิกแบบ Dual-Dial ที่มีมาตราวัดความเร็วและมาตรวัดรอบแบบแยกชิ้น ถูกออกแบบมาให้มีลวดลายเฉพาะรุ่น สะท้อนให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ของ W800

Z H2 ปฐมบทแห่งรถตระกูล Z

รถในตระกูล Z เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานย้อนหลังไปเกือบ 50 ปี การมาถึงของซูเปอร์เน็กเก็ต Z H2 ที่มาพร้อมขุมพลังซูเปอร์ชาร์จเจอร์จึงเปรียบเสมือนการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของรถในตระกูลนี้ไปสู่บทที่สอง เทคโนโลยีมากมายที่บริษัทคาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ จำกัดถือครองถูกกลั่นกรองจนออกมาเป็นนวัตกรรมใหม่อย่าง Z H2 รถจักรยานยนต์ที่ควรค่าแก่การเป็น“สุดยอด” เรือธงลำใหม่ที่จะนำซีรีย์ Z ไปสู่อนาคต

เครื่องยนต์: ขุมพลังบาลานซ์ซูเปอร์ชาร์จสำหรับรถจักรยานยนต์ซูเปอร์เน็กเก็ตเครื่องยนต์บาลานซ์ซูเปอร์ชาร์จของ Z H2 ถูกผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของคาวาซากิกรุ๊ป และไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกแบบแค่ภายในบริษัทรถจักรยานยนต์ &เครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมีการร่วมมือกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนและระบบอากาศยาน บริษัทพลังงาน &อุตสาหกรรมเครื่องกล และร่วมมือกับแผนกเทคโนโลยี เนื่องจากทางคาวาซากิต้องการให้กำลังของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์สามารถควบคุมได้ง่าย ผลลัพธ์จากความตั้งใจในครั้งนี้จึงออกมาเป็นขุมพลังซูเปอร์ชาร์จเจอร์ประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งส่งกำลังได้เรียบเนียน ไร้การสะดุดในทุกสภาวะการทำงาน ทั้งยังมีย่านกำลังที่กว้างส่งผลให้การเรียกอัตราเร่งมีความตื่นเต้นเร้าใจ ขี่ง่าย ไม่รอรอบในทุกระดับความเร็ววาล์วโฟกัสแรงบิดในรอบต่ำถึงกลางเสริมการควบคุมขับเคลื่อนให้เกิดความคล่องตัวเรือนลิ้นเร่งอิเล็กทรอนิกส์และระบบหัวฉีดจ่ายน้ำมันคือปัจจัยหลักที่ช่วยให้พละกำลังอันมหาศาลของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์มีคาแรคเตอร์ที่ควบคุม-ง่าย นอกจากนี้อัตราทดขั้นสุดท้ายยังถูกปรับให้สั้นลง รวมถึงมีการปรับไทม์มิ่งในการทำงานของวาล์วให้มีความเหมาะสมสูงสุดเพื่อช่วยให้อัตราเร่งในรอบต่ำถึงกลางมีความเรียบเนียน ไร้การสะดุด อีกทั้งท่อเฮดเดอร์ขนาดยาวในระบบท่อไอเสียแบบไร้หม้อพักกลางยังช่วยเสริมสมรรถนะในรอบต่ำถึงกลางด้วยเช่นกัน ขณะที่การตอบสนองของคันเร่งถูกออกแบบให้ง่ายต่อการควบคุมและเรียกอัตราเร่งได้นุ่มนวลในรอบต่ำถึงกลางที่ให้แรงบิดอันทรงพลังโดยเฉพาะ เมื่อผู้ขับขี่เปิดคันเร่งและรอบเครื่องยนต์เริ่มไต่ระดับจนถึงรอบสูง กำลังของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จจะยิ่งชัดเจน เร้าใจ มากยิ่งขึ้น Ram Airหม้อกรองและวิธีการป้อนอากาศที่ถูกเสริมให้มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวห้องประจุอากาศ (หม้อกรอง) ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอย ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระจายความร้อนที่ยอดเยี่ยมและสามารถรองรับการผนึกอากาศจากแรงดันของซูเปอร์ชาร์จได้อย่างเต็มสมรรถนะ (ประมาณ 2 atm) ดิฟฟิวเซอร์และตาข่ายที่อยู่บริเวณปากแตรช่วยปรับการไหลของอากาศให้มีความเรียบเนียนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของซูเปอร์ชาร์จ ซึ่งป้องกันอาการเขกของเครื่องยนต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์คูลเลอร์

แชสซีเฟรมถัก Trellis น้ำหนักเบาที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษมอบการควบคุมที่เบาฉับไวและเสถียรภาพบนทางตรงนอกเหนือจากความสามารถในการรองรับกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์ เฟรมถักที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษของ Z H2 ยังมอบส่วนผสมระหว่างเสถียรภาพในความเร็วสูงบนทางตรงและศักยภาพการควบคุมที่เบา คล่องตัว เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองหรือเส้นทางที่คดเคี้ยว – คาแรคเตอร์ตรงกันข้ามที่ถูกหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตัวเฟรมที่มีขนาดกะทัดรัดซึ่งเปรียบเสมือนพื้นฐานสำคัญของรถจักรยานยนต์เน็กเก็ต ถูกผลิตมาให้มีสมดุลอันยอดเยี่ยมระหว่างความแข็งแรงและความสามารถในการให้ตัวจึงเอื้อประโยชน์ต่อการขับขี่ใช้งานในทุกรูปแบบ เฟรมถักTrellis ประกอบด้วยท่อที่ผลิตจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง โดยแต่ละเส้นถูกคำนวณและเลือกมาอย่างพิถีพิถันในเรื่องของเส้นผ่านศูนย์กลาง ความหนาและส่วนโค้ง เพื่อให้ในแต่ละส่วนของตัวเฟรมได้ค่าความแข็งแรงตามมาตรฐาน ผลลัพธ์ที่ได้คือเฟรมที่มีทั้งความแข็งแรงสามารถรองรับกำลังเครื่องยนต์ที่สูงของขุมพลังซูเปอร์ชาร์จและเสถียรต่อการใช้งานในความเร็วบนทางตรง รวมถึงให้ตัวเพื่อส่งมอบการควบคุมที่เบา บังคับง่าย คล่องตัวในทางโค้ง ความแข็งแกร่งสูงของตัวเฟรมยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจับสัมผัสของพื้นถนนได้ง่ายซึ่งทำให้ Z H2 เป็นรถที่ควบคุมได้อย่างสนุกออกรสชาติ ข้อดีอีกหนึ่งอย่างคือตัวเฟรมนั้นมีดีไซน์แบบเปิดโล่งซึ่งช่วยกระจายความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของขุมพลังซูเปอร์ชาร์จได้ง่ายกว่าเฟรมแบบอลูมิเนียมทั่วไประบบกันสะเทือนหน้าโช้คอัพ Showa SFF-BP ถูกนำมาใช้สำหรับโมเดลนี้ เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ของลูกสูบในโช้คหน้าช่วยป้องกันไม่ให้ตัวโช้คยุบลงจนสุดช่วงและให้คาแรคเตอร์การควบคุมช่วงยุบที่เหมาะกับการขับขี่สไตล์สปอร์ตสปริงพรีโหลดและความหนืดของโช้คที่สามารถปรับตั้งได้ช่วยให้ผู้ขี่สามารถเซ็ตอัพช่วงล่างของรถให้เหมาะกับขนาดตัวและสภาวะการใช้งานได้อย่างสะดวกระบบเบรกเพื่อให้ตัวรถขับขี่ง่ายทั้งในความเร็วต่ำ ความเร็วปานกลาง และความเร็วสูง Z H2 จำเป็นต้องมีระบบเบรกที่แมทช์กับสมรรถนะ ที่บริเวณด้านหน้าคาลิปเปอร์Brembo M4.32 โมโนบล็อกทำงานร่วมกับจานดิสก์คู่ ตัวคาลิปเปอร์ผลิตด้วยกรรมวิธีการหล่อขึ้นรูป (แคส) จากอลูมิเนียมก้อน โครงสร้างแบบชิ้นเดียวความแข็งแกร่งสูงที่มอบกำลังในการเบรกอันทรงพลัง ทั้งตัวคาลิปเปอร์ยังเป็นแบบเรเดียลเมาท์ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพในการหยุดความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกขั้น แม่ปั๊มบน Nissin ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีคุณสมบัติเหมาะกับคาแรคเตอร์ของ Z H2 ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมน้ำหนักการใช้เบรกและลดความเร็วได้อย่างมั่นใจในทุกย่านความเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เบรกในการช่วยถ่ายเทน้ำหนักของตัวรถเพื่อแต่งไลน์และมุมเลี้ยวก่อนเข้าโค้ง KQS: Kawasaki Quick Shifterที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงกว่า 2,500 รอบ/นาที KQS สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่เพิ่มและลดเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ เพื่อให้เสริมสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์และศักยภาพของระบบเกียร์ dog-ring ควิกชิพเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าเกียร์ระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานในเมืองและการขับขี่ทางไกล ช่วยให้การเพิ่มและลดเกียร์ทำได้อย่างฉับไว ให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่องและลดความเร็วได้ง่ายดาย ทันใจ ระหว่างเร่งความเร็ว หากตรวจพบว่าคันเกียร์ถูกงัดระบบจะส่งสัญญาณไปยังกล่อง ECU เพื่อตัดไฟจุดระเบิดเพื่อให้ระบบเกียร์ dog-rings สามารถเลือกเฟืองตามอัตราทดถัดไปได้อย่างนิ่มนวลโดยไม่จำเป็นต้องใช้คลัตช์ ระหว่างลดความเร็ว ระบบ KQS จะควบคุมรอบเครื่องยนต์อัตโนมัติช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลดเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้คลัตช์ ตัวระบบใช้เซ็นเซอร์แบบคอนแทคเลสซึ่งมีความทนทานสูง

การออกแบบ: SUGOMI Designสื่อถึงกลิ่นอายที่มีเอกลักษณ์ซึ่งแผ่ออกมาจากการมีรูปทรงอันน่าเกรงขามและพละกำลังที่ไร้ผู้ทัดเทียม เปรียบสเมือนพลังงานที่เปล่งออกมาจากสัตว์นักล่าเวลาเพิ่งสมาธิไปที่เหยื่อ ท่วงท่าแบบหมอบต่ำก่อนโจมตี กล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งเพื่อพร้อมระเบิดพลังเพื่อกระโจนไปด้านหน้า สายตาอันดุดันซึ่งสะกดเหยื่อให้อยู่กับทีและปากที่ยกขึ้นเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม เมื่อมองรูปทรงของ Z H2 คุณจะพบว่าคอนเซปท์ในการออกแบบนี้ถูกทำให้เป็นรูปธรรมอย่างเห็นได้ชัด

เปิดตัว New PCX150 เพิ่มความเข้มสู่ขีดสุดด้วยเส้นสาย V-Shape

เอ.พี. ฮอนด้า ยกระดับความเป็นผู้นำรถพรีเมียม เอ.ที. ครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัว New PCX150 ภายใต้คอนเซปต์ “Vertex of Pride สู่ขั้นสุดแห่งความภูมิใจ” ปรับโฉมให้เข้า เฉียบ เร้าใจไปอีกขั้นด้วยเส้นสาย V-Shape ด้านหน้ารถ สะท้อนความพรีเมียม พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่เหนือชั้น โฉบเฉี่ยวเต็มระบบกับไฟ Full LED รอบคัน เพิ่มความหรูหราด้วย Welcome Light ไฟ LED ส่องพื้น ล้ำสมัยด้วยแผงหน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ มั่นใจด้วยระบบคอมบายเบรกที่ช่วยกระจายแรงเบรกหน้าหลัง มาพร้อมล้ออัลลอย 14 นิ้วและยางมิชลินขนาดใหญ่ช่วยในการยึดเกาะ สั่งงานง่ายดั่งใจด้วย Honda Smart Key ที่เชื่อมต่อกับแผงควบคุมนิรภัย Honda Smart Controller สะดวกสบายด้วยกล่องเก็บสัมภาระความจุ 28 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้พร้อม Seat Stopper 

สำหรับล็อกเบาะขณะเปิด เพลิดเพลินไปกับชีวิตยุคดิติจอลด้วย A.C. Socket บริเวณคอนโซลหน้าสำหรับชาร์จไฟสมาร์ทโฟน ขับขี่สนุกและประหยัดด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ eSP 150ซีซี หัวฉีด PGM-FI ตอบสนองทันใจทุกเส้นทาง พร้อมระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ มีให้เลือก 4 สีได้แก่ ดำ-แดง ล้อดำ, ขาว-แดง ล้อดำ, แดง-ดำ ล้อทอง, เทา-ดำ ล้อทอง ด้วยราคาจำหน่ายแนะนำที่ 84,400 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.aphonda.co.th

ยามาฮ่าเปิดตัว Tenere 700…The Next Horizon is Yours

ยามาฮ่าเปิดตัว Tenere 700…The Next Horizon is Yours สายลุยรุ่นใหม่ล่าสุด อย่างเป็นทางการ พร้อมราคาสุดพิเศษในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 36

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประกาศเปิดตัวรถจักรยานยนต์ Yamaha Tenere 700…The Next Horizon is Yours รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ รุกตลาดบิ๊กไบค์เอาใจสายลุย ที่พร้อมจะพาทุกท่านทะยานข้ามเส้นขอบฟ้า ไปล่าฝัน ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากยามาฮ่า ด้วยราคาแนะนำสุดพิเศษที่ 439,000 บาท แถมฟรี!!! ประกันภัยชั้น 1 และ Yamaha Tenere 700 พร้อมชุดแต่งจาก Touratech ในรุ่น Advanture Edition ในราคา 493,000 บาท และรุ่น Black Edition ในราคา 576,700 บาท

โดยสามารถเป็นเจ้าของ Yamaha Tenere 700 พร้อมโปรโมชั่นฟรีประกันภัยชั้น 1 ได้แล้วที่งาน Bangkok International Motor Expo 2019 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2562 และโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ Yamaha Riders’ club ทุกสาขาทั่วประเทศ

Ninja 1000SX สปอร์ตทัวร์เรอร์ใหม่ที่ถูกขัดเกลาอย่างพิถีพิถัน

Ninja 1000SX ใหม่คือรถเจนเนอเรชั่นที่ 4 ในแพลตฟอร์มสปอร์ตทัวร์เรอร์ที่ประสบความสำเร็จจากคาวาซากิ ซึ่งสามารถส่งมอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตและประสิทธิภาพของรถสไตล์ทัวร์ริ่งให้ผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ได้รู้สึกอิ่มเอมไปกับท่วงท่าการควบคุมอันผ่อนคลาย ให้ค่าไอเสียที่สะอาดหมดจดยิ่งขึ้นขณะยังคงรักษาความยอดเยี่ยมของเพอร์ฟอร์แมนซ์ไว้, สปอร์ตกว่า มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ที่เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยท่อไอเสียแบบออกข้างเดียวและระบบไฟ LED ทั้งคัน เพิ่มความสบายของเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งยังได้รับการอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกหลายรายการ – รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอิเล็กทรอนิกส์; ควิกชิพเตอร์; โหมดการขับขี่ (Integrated Riding Modes) ที่ทำงานผสานกับระบบ KTRC และโหมดส่งกำลัง; ไปจนถึงเรือนไมล์ดิจิตอลจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน – รายละเอียดที่ถูกปรุงแต่งด้วยความประณีตคือสิ่งที่ทำให้สปอร์ตทัวร์เรอร์ซึ่งได้รับการขัดเกลาใหม่รุ่นนี้น่าดึงดูดกว่าที่เคย

Top Featuresเครื่องยนต์ขุมพลัง 4 สูบเรียงที่สุดแห่งความเร้าใจเครื่องยนต์สี่สูบเรียงปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,043ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ ส่งกำลังเร้าใจในทุกรอบความเร็วต่อเนื่องไปจนถึงเรดไลน์ให้การตอบสนองอันเหนือชั้น กำลังในรอบกลางที่ทรงพลังและเสียงดูดอากาศอันเร้าอารมณ์ – ตอบรับทุกสัมผัสของการเปิดคันเร่งด้วยสมรรถนะและท่วงทำนองที่กระตุ้นความตื่นเต้น สำหรับโมเดลในรุ่นปี 2020 นอกจากค่าไอเสียที่สะอาดหมดจดขึ้นแล้ว การเปลี่ยนไปใช้เรือนลิ้นเร่งไฟฟ้ายังทำให้สามารถเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งยังช่วยให้การส่งกำลังมีความเรียบเนียน ต่อเนื่องไร้การสะดุดอีกด้วยการควบคุมนิ่ง มั่นคงสไตล์สปอร์ตฟรมอลูมิเนียมท่อคู่ความแข็งแกร่งสูงของ Ninja 1000SXถูกกำหนดจุดศูนย์ถ่วงมาอย่างพิถีพิถัน หยิบยื่นสมดุลที่ดีระหว่างความคล่องตัวและนิ่งมั่นคงในการบังคับ ตัวรถตอบสนองต่อการควบคุมของผู้ขับขี่ด้วยความฉับไวขณะที่ยังสามารถซึมซับแรงกระแทกจากส่วนที่ชำรุดของผิวทางได้อย่างยอดเยี่ยม สมรรถนะด้านการควบคุมอันเป็นเลิศช่วยให้ Ninja 1000SX วิ่งได้เสถียรอย่างเหนือชั้นบนทางตรงและส่งผ่านความรู้สึกมั่นคงในทางโค้ง พร้อมเปลี่ยนให้การเดินทางเป็นระยะเวลานานบนรถจักรยานยนต์กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยยางสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดจากบริดจสโตนยางติดรถ BATTLAX HYPERSPORT S22 ช่วยเสริมให้การควบคุมมีความเบา เลี้ยวง่าย ในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเปียกและทางแห้ง ซึ่งหมายถึงความมั่นใจและเพลิดเพลินในการขับขี่ขั้นสูง KQS: Kawasaki Quick Shifterเพื่อให้สอดรับกับคาแรคเตอร์การส่งกำลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเร้าใจของ Ninja 1000SXควิกชิพเตอร์ที่ติดตั้งมากับตัวรถช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถชิพเกียร์ขึ้นและเชนจ์เกียร์ลงได้โดยไม่ต้องใช้คลัตช์ ส่งให้การเรียกอัตราเร่งนั้นมีความต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถลดระดับความเร็วของตัวรถลงได้ไวและง่ายด้วยเช่นกัน KCMF: Kawasaki Cornering Management Function Total Engine & Chassis Management Package จุดแข็งของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำหน้าของคาวาซากิคือโปรแกรมอัจฉริยะความซับซ้อนสูงซึ่งเลือกใช้ฮารด์แวร์น้อยที่สุด ช่วยให้กล่อง ECU สามารถประมวนผลได้อย่างแม่นยำและเห็นภาพว่าแซสซีกำลังทำอะไรอยู่แบบ Real-time โปรแกรมไดนามิคโมเดลลิ่งของคาวาซากิยังมีการนำตัวแปรที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายประการมาวิเคราะห์ ทำให้ตัวระบบทราบข้อมูลของสภาพถนนและสภาวะของยางในสถานการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกันออกไปใช้นวัตกรรมด้านซอฟท์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุดจากคาวาซากิและข้อมูลจากชุดเซ็นเซอร์ IMU(Inertial Measurement Unit)  ที่มีความกะทัดรัด ระบบ KCMF จะทำการวัดขอบข่ายการตอบสนองของทั้งเครื่องยนต์และแซสซีตลอดทั้งโค้ง – ตั้งแต่จุดเข้า,ผ่านจุด Apex, ไปยังจุดออกโค้ง – ควบคุมแรงดันเบรกและกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเคลื่อนตัวที่ต่อเนื่องไร้การสะดุดตั้งแต่จังหวะเร่งความเร็วไปจนถึงจังหวะใช้เบรกและกลับมาเดินคันเร่งอีกครั้ง เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้สามารถรักษาไลน์การขับขี่ได้อย่างแม่นยำตลอดทั้งโค้ง KTRC: Kawasaki Traction Controlมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมดซึ่งครอบคลุมสภาวะการขับขี่ใช้งานได้เป็นวงกว้างไม่ว่าจะช่วยเสริมสมรรถนะเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตหรือเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนลักษณะทางที่เปียกลื่นได้อย่างปลอดภัย KIBS: Kawasaki Intelligent anti-lock Brake Systemระบบเบรกป้องกันล้อล็อกอัจฉริยะจากคาวาซากิควบคุมแรงดันเบรกด้วยความแม่นยำสูงระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ต

IMU: เสริมศักยภาพในการจับทิศทางการเคลื่อนตัวของแซสซีด้วยชุดเซ็นเซอร์IMU(Inertial Measurement Unit)การนำระบบ IMU ที่มีขนาดกะทัดรัดมาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่ระบบ KTRC และKIBS ที่มีระดับความแม่นยำสูงอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกมิเตอร์: เรือนไมล์สี TFTเรือนไมล์ฟูลดิจิตอลสี TFT ขนาด 4.3 นิ้วที่มีความกะทัดรัดเสริมให้มิติเบื้องหลังแฮนด์มีความไฮเทคและหรูหรามีระดับ มาตรวัดใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์เฉพาะตัวที่ไม่มีในโมเดลรุ่นเก่า

Z900 รถซูเปอร์เน็คเก็ตไรเดอร์โฟกัสสุดประณีต

ขุมพลังและแซสซีที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานผสานกันอย่างเหนือชั้น ส่งให้ Z900 เป็นรถที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมและครบเครื่องซึ่งสามารถรองรับผู้ขับขี่ได้ในทุกระดับทักษะ คาแรคเตอร์การตอบสนองที่เป็นมิตร (เพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบ Traction control) ถูกเสริมด้วยสมรรถนะการควบคุมอันคล่องแคล่วและคันเร่งที่ตอบรับการใช้งานได้อย่างฉับไว แม่นยำ เหมือนเช่นเคย Z900 เป็นรถจักรยานยนต์ที่สามารถรองรับการใช้งานในเมืองได้ด้วยความสะดวกคล่องตัว แต่เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ส่งมอบสมรรถนะการขับขี่ที่มอบความสนุก เร้าใจ สูงสุด สถานที่ที่รถคันนี้ตอบสนองได้ดีและเป็นธรรมชาติมากที่สุดจึงเป็นเส้นทางคดเคี้ยวและถนนที่เปิดโล่ง

ยางติดรถใหม่ Dunlop SportmaxRoadsport 2 ช่วยเสริมสมรรถนะการควบคุมของ Z900 ให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้นการออกแบบชิ้นส่วนบริเวณรอบโคมไฟหน้าได้รับการออกแบบใหม่ เพิ่มความเฉียบคมและสื่อถึงความเล็ก กระชับ เส้นสายถูกปรับให้ลาดเอียงไปด้านหน้าน้อยกว่าเดิม แต่เพิ่มความคมของเหลี่ยมมุมเพื่อให้รับกับชุดไฟหน้าใหม่

KTRC: Kawasaki Traction Controlระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction control) ที่ใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยของคาวาซากิช่วยเสริมสมรรถนะทั้งการขับขี่แบบสปอร์ตและเพิ่มความปลอดภัยบนผิวทางที่เปียกลื่นให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับใช้งานได้มากถึงสามโหมดซึ่งแต่ละโหมดจะเพิ่มความรัดกุมในการทำงานของตัวระบบเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่และความต้องการของผู้ใช้

โหมดการขับขี่ทุกโหมดทำงานลิงค์กับระบบ KTRC และโหมดส่งกำลังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับระดับของระบบ Traction control และการส่งกำลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่างโหมด Full Power หรือ Low Power เพื่อปรับการส่งกำลังของตัวรถให้เหมาะกับสภาวะการขับขี่และความต้องการในการใช้งาน ในโหมด Low Power กำลังของตัวรถจะถูกจำกัดให้เหลือประมาณ 55% ของโหมด Full Power (กำลังที่ลดลงแตกต่างไปตามรอบเครื่องยนต์และตำแหน่งคันเร่งที่ใช้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น)เรือนไมล์สี TFTเรือนไมล์ฟูลดิจิตอลสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ใหม่ ยกระดับให้มิติเบื้องหลังแฮนด์มีความไฮเทคและหรูหรา มาตรวัดใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์เฉพาะตัวที่ไม่มีในโมเดลรุ่นเก่า

Ninja 650 เอกอัครราชทูตแห่งรถในตระกูล Ninja

ยังคงคอนเซ็ปท์ “ขี่สนุก มีสไตล์และควบคุมง่าย” เช่นเดียวโมเดลรุ่นก่อนหน้าNinja 650 ใหม่ คือรถจักรยานยนต์ที่หยิบยื่นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างสมดุลอันเหนือชั้นและความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ด้วยขุมพลังสองสูบ Parallel Twin ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 650 ซีซี ที่ให้แรงบิดอันทรงพลังในรอบต่ำถึงกลางและถูกวางมาในแซสซีน้ำหนักเบา เล็กกระชับตามสไตล์รถในคลาสมิดเดิ้ลเวทเครื่องยนต์ที่ถูกขัดเกลาใหม่ช่วยให้ค่าไอเสียสะอาดหมดจดผ่านมาตรฐาน เพิ่มแรงบิดในรอบกลางและยางติดรถใหม่เสริมการควบคุมให้เบา ฉับไว มากยิ่งขึ้นเหมือนเช่นเคย

สมรรถนะการควบคุมที่คล่องตัวและสัมผัสการขับขี่อันแม่นยำ ถูกเติมเต็มด้วยการส่งกำลังที่ควบคุมง่ายและการตอบสนองที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ กลายเป็นสัดส่วนที่สมบูรณ์ระหว่างสมรรถนะแบบสปอร์ตและความอเนกประสงค์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ รูปลักษณ์ใหม่สุดเฉียบคมถูกเพิ่มดีกรีความโดดเด่นด้วยโคมหน้า LED ใหม่และเรือนไมล์สี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว เสริมอารมณ์ความเป็นสปอร์ตเต็มขั้นและตอกย้ำความเป็นรถในตระกูล Ninja ได้ชัดเจนกว่าเคย ขณะที่ความใส่ใจในทุกรายละเอียดคือสิ่งที่ผลักดันให้การเก็บงานและคุณภาพการประกอบมีความประณีตพิถีพิถันจนออกมาเป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ – สมกับที่เป็นเอกอัครราชทูตแห่งรถในตระกูล Ninja เครื่องยนต์สมรรถนะเยี่ยมแบบ 2 สูบเรียงตอบสนองเร็ว ทั้งยังประหยัดน้ำมัน พร้อมให้อัตราเร่งกำลังแรงในช่วงความเร็วรอบต่ำถึงกลางระหว่าง 3,000-6,000 รอบต่อนาที และแม้จะใช้ความเร็วรอบต่ำกว่า 3,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวลราบรื่น หรือในกรณีที่เครื่องเพิ่มความเร็วรอบสูงกว่า 6,000 รอบต่อนาทีก็ยังสามารถทำอัตราเร่งได้ดีไม่มีแรงตก ช่วยให้เครื่องสามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่มีสะดุด นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังถูกปรับแต่งให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราค่าสิ้นเปลืองดีกว่ารุ่นก่อนๆ ถึงร้อยละ 6.8 ตามมาตรฐานการทดสอบ WMTC และเมื่อทำการทดสอบที่ศูนย์ทดสอบของคาวาซากิ ตามเงื่อนไขของ WMTC ก็เห็นได้ชัดว่าเครื่องยนต์สามารถประหยัดเชื้อเพลิงลงได้อย่างมากเมื่อใช้ความเร็วปกติระหว่าง 50 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้นจะผันแปรไปตามรูปแบบของการขับขี่ สภาวะการขับขี่ และการบำรุงรักษาเครื่องยนต์คลัทช์แบบเพิ่มแรงกดและสลิปเปอร์ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์ในสนามแข่ง คลัทช์ที่ติดตั้งมาจะใช้ลูกเบี้ยวสองชนิด (ลูกเบี้ยวแบบเพิ่มแรงกดและลูกเบี้ยวสลิปเปอร์) จึงทำให้ได้ฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ถึงสองฟังก์ชั่นที่ไม่มีมาในคลัทช์มาตรฐาน

ยางติดรถใหม่เบาเลี้ยวง่ายDunlop SportmaxRoadsport 2 ใหม่เสริมให้การควบคุมของตัวรถมีน้ำหนักเบาและฉับไวมากยิ่งขึ้นเบาะเพิ่มความสบายของผู้โดยสารเบาะหลังใช้วัสดุยูริเทนที่มีความหนาเพิ่มขึ้น (หนาขึ้นประมาณ 5 มม. บริเวณตรงกลางและ 10 มม. บริเวณขอบเบาะ) และกว้างกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้ซ้อนท้ายเรือนไมล์ฟูลดิจิตอลสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ใหม่ – ครั้งแรกในรถจักรยานยนต์พิกัด 650 ซีซี จากคาวาซากิ – เสริมให้มิติเบื้องหลังแฮนด์ดูไฮเทคและหรูหรามีระดับ มาตรวัดใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์เฉพาะตัวที่ไม่มีในโมเดลรุ่นเก่า