2019 Suzuki Burgman 400 ABS

มีเซอร์ไพรส์ได้เห็นตัวเป็นๆ ไปแล้วในงาน Bangkok Motor Show 2019 รถจักรยานยนต์จากค่าย Suzuki เผยโฉมบิ๊กสกู๊ตเตอร์ Suzuki Burgman400 เครื่องยนต์ที่มีความต่างจากค่ายอื่นที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

รายละเอียดของบิ๊กสกู๊ตเตอร์ในตระกูล Burgman มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 399 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ แบบ DOHC ซึ่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์มีการปรับใหม่ให้สามารถตอบสนองในย่านความเร็วเครื่องยนต์รอบต่ำได้ดีมากขึ้น จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด Suzuki Fuel Injection ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่งกำลังสุดท้ายด้วยระบบสายพาน V-Belt Drive ที่มีความนุ่มนวล แฮนด์เป็นแบบ T-Handle ง่ายต่อการควบคุม ระดับไม่สูงมากจนเกินไป ฟีคเจอร์ ทันสมัย หน้าจอแสดงผลอะนาล็อก 2 จอ และหน้าจอ LCD แสดงผลเป็นดิจิตอล เน้นความสะดวกสบายใต้เบาะนั่งมีช่องเก็บสัมภาระตามสไตล์ของรถสกู๊ตเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 42 ลิตร และมีช่องเก็บของใต้แผงควบคุมทั้งฝั่งซ้ายและขวา ขนาด 2.8 ลิตร ระบบไฟส่องสว่างรอบคันเป็นแบบ LED
โครงสร้างตัวรถของ Suzuki Burgman 400 นั้นจะมาในรูปแบบของ High-Tensile Steel-Tube ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic สปริง+น้ำมัน ชุดกันสะเทือนหลังแบบ Mono Shock สปริง+น้ำมัน พร้อมระบบ Link Type ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มหลังอลูมินัม ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์คู่ ขนาด 260 มม. เบรกหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 210 มม. พร้อมระบบเบรก ABS แบบ Sual Channel วงล้อแม็ก หน้าขนาด 15 นิ้วและ หลัง 13 นิ้ว พร้อมกับยางแบบ Tubeless ขนาด 120/70-15 m/c และ 150/70-13 m/c ถังน้ำมันมีขนาด 13.5 ลิตร ความสูงเบาะนั่ง 755 มม. น้ำหนักตัวรถพร้อมน้ำมันเต็มถังอยู่ที่ 220 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักเอาเรื่อง

เป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยสมรรถนะที่ดดดเด่น ราคาที่จับต้องได้ และฟิคเจอร์สำสหรับอำนวยความสะดวกมากมาย

2020 Yamaha PW50 & TT-R50E

สำหรับก้าวแรกของนักบิดยุวชนที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Yamaha ได้ส่งตัวเลือกแรกของบรรดาผู้ชื่นชอบทางวิบากที่ทั่วโลกคุ้นเคยกันดีกับ PW50 ที่ว่ากันว่านี่คือ “ตัวเลือกแรก” สำหรับ ประสบการณ์ครั้งแรกของหนูน้อยนักบิด

ซึ่งโมเดลล่าสุดนี้ มีองค์ประกอบเพิ่มเติมที่น่าสนใจอย่างเช่น คันเร่งแบบปรับตั้งค่าได้ และระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบ fully automatic transmission ที่มีการส่งกำลังเพียงเกียร์เดียว ดังนั้นในการขับขี่จึงทำได้ง่ายๆ ด้วยการปิดเปิดคันเร่งเท่านั้น โดยไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนเกียร์และต้องใช้คลัทช์ให้ยุ่งยาก ภายใต้นิยามที่ว่า twist the throttle and Go นั่นเอง ด้วยเครื่องยนต์แบบสองจังหวะในพิกัด 50 ซีซี ที่ออกแบบมาให้มีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ด้วยพื้นฐานโมเดลล่าสุดจะมีเครื่องยนต์สองจังหวะสูบเดียว ปริมาตรความจุ 49 ซีซี reed valve ระบายความร้อนด้วยอากาศจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ Mikuni VM12SC ที่ส่งกำลังได้นุ่มนวลและให้ย่านกำลังที่กว้าง กับน้ำหนักตัวรถที่มีเพียง 39 กก.จึงเพียงพอสำหรับนักแข่งหรือผู้ขี่ที่จะเริ่มต้นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าในส่วนของระบบการส่งกำลังนั้น PW50 ยังคงรูปแบบเดิมด้วยการใช้การส่งกำลังด้วยเพลาหรือ shaft drive system ที่ไม่ต้องมีการเซอร์วิสหรือปรับแต่งใดๆแบบระบบส่งกำลังด้วยโซ่ ความสูงของรถจากพื้นถึงเบาะนั่งนั้นมีระยะเพียง 485 มม.ที่คำนวณให้เหมาะสมกับสรีระของนักขี่ในระดับยุวชน ซึ่งโครงสร้างแชสซีส์นั้นเริ่มต้นด้วยการออกแบบเฟรม เป็น rugged steel backbone-type frame พร้อมด้วยเลือกฟอร์คหน้าแบบ telescopic front fork ขนาด 22 มม. ที่มีช่วงยุบตัว 60 มม. เพียงพอสำหรับการขับขี่บนทางวิบาก ส่วนกันสะเทือนหลังนั้นเป็น dual rear shock suspension ที่มีระยะยุบตัวที่ 50 มม. โดยระบบเบรกนั้นเป็นแบบดรัมเบรกทั้งหน้าและหลัง

ระดับอนุบาล 1 แล้ว ทาง Yamaha ยังได้เตรียมบทเรียนที่สองในระดับ อนุบาล 2 หรือ ประถมต้น ด้วยตัวเลือกอย่าง TT-R50 ไว้เป็นสเตปถัดไป ซึ่งเจ้าโมเดลล่าสุดของ Yamaha TT-R50 นี้ จะเป็นรถแบบ tree-speed automatic-clutch gearbox หรือสามเกียร์อัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้คลัทช์ โดยมาพร้อมกับพื้นฐานเครื่องยนต์แบบสี่จังหวะ 2 วาล์ว SOHC ปริมาตรเครื่องยนต์ 50 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศที่มีการจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ Mikuni VM11 พร้อมกับระบบสตาร์ทไฟฟ้า เพิ่มเติมในส่วนของวาล์วนั้นได้ระบุว่า จะมีระยะในการปรับเซ็ทภายในเป็นระยะเวลาใช้งานนานถึง 150 ชม. ขณะที่ในส่วนโครงสร้างแชสซีส์นั้นใช้เฟรมขนาดเล็กแบบ steel backbone-type frame อีกทั้งยังมีสวิงอาร์มหลังแบบ triangulated steel tube swingarm ที่นอกจากรองรับนักขี่ในระดับยุวชนแล้วก็ยังแข็งแกร่งพอที่ผู้ใหญ่จะขี่เล่นได้เช่นกัน ขณะที่ระบบกันสะเทือนหน้านั้นติดตั้งฟอร์คหน้าเป็น showa front fork ขนาด 22 มม. ที่มีระยะยุบตัวที่ 96 มม.ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นเป็น monocross single-shock rear suspension ที่มีระยะยุบตัว 71 มม. จากโครงสร้างของแชสซีส์ที่ออกแบบมานี้มีส่วนให้ความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 556 มม. โดยที่ระบบเบรกหน้าและหลังนั้นก็ใช้ระบบดรัมเบรกทั้งหน้าและหลังเช่นกัน

สเปคของ2020Yamaha PW50
Engine: 2-stroke, air-cooled, reed-valve, single
Displacement: 49cc
Bore and Stroke: 40 x 39.2mm
Compression Ratio: 6.0:1
Maximum Torque: 0.36kg-m (2.6 ft-lb)@ 4,500 rpm
Fuel Delivery: Mikuni VM12SC
Ignition / Starting: CDI / Kick
Transmission: Single-speed automatic (no clutch)
Final Drive: Shaft
Suspension (Front): 26 mm fork / 60mm (2.4″) wheel travel
Suspension (Rear): Unit swingarm / 50 mm (2″) wheel travel
Brakes (Front): Drum
Brakes (Rear): Drum
Tires (Front): 2.50-10 4PR
Tires (Rear): 2.50-10 4PR
Length: 1,245 mm (49″)
Width: 610 mm (24″)
Height: 705 mm (27.8″)
Wheelbase: 855 mm (33.7″)
Ground Clearance: 95 mm (3.7″)
Seat Height: 475 mm (18.7″)
Fuel Capacity: 2 litres (0.4 imp. gallons)
Wet Weight: 41 kg (90 lb)

สเปคของ2020 Yamaha TT-R50E
Engine: 4-stroke, air-cooled, SOHC, 2-valve, single
Displacement: 50cc
Bore and Stroke: 36 x 48.6 mm
Compression Ratio: 9.5:1
Maximum Torque: 0.32 kg-m (2.3 ft-lb) @ 5,500 rpm
Fuel Delivery: Mikuni VM11
Ignition / Starting: CDI / Electric
Transmission: Constant mesh, 3-speed, semi automatic
Final Drive: Chain
Suspension (Front): 26 mm conventional fork / 96mm (3.8″) wheel travel
Suspension (Rear): Monocross, single shock / 71mm (2.8″) wheel travel
Brakes (Front): Drum
Brakes (Rear): Drum
Tires (Front): 2.50-10 4PR
Tires (Rear): 2.50-10 4PR
Length: 1,305mm (51.4″)
Width: 595mm (23.4″)
Height: 795mm (31.3″)
Wheelbase: 925mm (36.4″)
Ground Clearance: 135mm (5.3″)
Seat Height: 555mm (21.9″)
Fuel Capacity: 3.1 litres (0.7 imp. gal.)
Wet Weight: 58 kg (128 lb)

K-Light 202 Custom Bike American Springer

งานศิลปะการสร้างสรรค์เพื่อความสวยงามบนเรือนร่างของรถจักรยานยนต์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ละไอเดียมีความแตกต่างกันไป เรียกได้ว่ามันคือ มาสเตอร์ พีซ

K-Light รถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตครุยเซอร์ ของค่าย KEEWAY จะว่าไปแล้วรูปลักษณ์เดิมๆ ก็ดูเท่อยู่แล้ว แต่เมื่อมันถูกคัสตอมใหม่ออกมาไฉไลกว่าเดิมในสไตล์ของ ช๊อปเปอร์ อเมริกัน สปริงเกอร์ ที่ออกแบบมาได้สวยลงตัว ตัดเสริมเติมแต่งจนจำไม่ได้ว่านี่คือ ครุยเซอร์ ของค่าย KEEWAY ไม่ต้องไปนึกภาพเดิมๆ เห็นแล้วก็ต้องตะลึงนี่คืองานคัสตอมของคนไทย การปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ด้วยชุดโช้คอัพหน้าที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดแบบ สปริงเกอร์ หน้ายาวยกสูง ไฟหน้าทรงกลมสีอำพัน แฮนด์เดิ้ลบาร์ปีกนกต่ำ กระจกมองหลังกลับลงล่าง ถังน้ำมันหลังอูฐ พร้อมด้วยลวดลายกราฟฟิคแบบแอร์บรัช และแฮนด์เมด เบาะหนังเดี่ยวมีสปริงและไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่อยู่ใต้เบาะ เรือนไมล์ที่แบบดิจิตอลถูกจับมาวางด้านข้างเฟรม พักเท้าแบบฟอร์เวิร์ด

วงล้อกล่องยกขอบแบบซี่ลวดหน้ากว้างสีดำรัดขอบด้วยยางสตรีทขอบขาวเพิ่มความคลาสสิค ขนาด 17 นิ้ว หน้า/หลัง บังโคลนไม่มีเวลาขี่ถนนแห้งก็สบาย แต่พอเจอสายฝนถนนเปียกไม่อยากจะบรรยาย โช้คอัพหลังเดี่ยว สวิงอาร์มเหล็กและที่ยึดแผ่นผ่านทะเบียนท้าย ดิสก์เบรกหน้า/หลัง และเครื่องยนต์แบบสูบเดี่ยว 200 ซีซี ให้อารมณ์จัดจ้าน รีดแรงม้า และได้เสียงคำรามที่เร้าใจด้วยท่อไอเสียตีออกด้านข้าง คาร์บุเรเตอร์เปลือยกรองเพิ่มการดูอากาศช่วยเพิ่มการเผาไหม้ในรอบปลาย ครอบแคร้งด้านซ้ายให้มีความดุดันมากขึ้น

ถือว่าเป็นงานชิ้นเอกในการคัสตอมทั้งคันกับสไตล์ อเมริกัน สปริงเกอร์ ที่ได้ทั้งความสวย และความเท่ อย่างลงตัว

Indian FTR1200 Hooligan racers

ตัวแข่งจากค่ายรถอเมริกันอย่าง Indian ได้เปิดตัวมาจัดแสดงอย่างเป็นทางการในงาน Bike Shed Show ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นรถแข่งในสไตล์ Flat Track ที่จะใช้แข่งขันใน S&S Cycle European Hooligan Championship ที่จะเริ่มต้นขึ้นในงานจัดแสดงรถแต่งชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง Wheels&Waves โดยรถแข่ง FTR1200 นี้จะใช้ลงแข่งขันในอีเว้นท์ดังกล่าวโดย Lee Kirkpatric กับ Leah Tokelove

“จากรถสแตนดาร์ดของ FTR1200 นั้นมันมีความเป็น roadbike ที่มีกำลังเครื่อง ยนต์และการควบคุมขณะขับขี่ที่กำลังเหมาะสมในการตอบสนองการใช้งานทั่วไป” Grant Bester ประธานกลุ่มของ Indian Motorcycle EMEA ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับการแข่งขันในแบบ Dirt Ovals หรือ flattrack จึงต้องมีการปรับเสริมอะไรบางส่วน โดยทาง S&S Cycles ได้จัดการปรับแต่งให้มีความเป็นรถแข่งเพิ่มขึ้น ด้วยชุดแต่งบางส่วน ที่เป็น Hooligan race package ที่จะช่วยให้รถสามารถตอบสนองความต้องการในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี”
ขณะที่ Lee Kirkpatrick ได้กล่าวว่า “เมื่อทาง Indian ถามว่าสนใจที่จะลงขี่ FTR1200 Hooligan ในยุโรปไหม ซึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรถก็ไม่ต้องเดาว่าจะตอบเช่นไร ที่สำคัญรถแข่งคันนี้ได้รับการตกแต่งโดย ผู้เชี่ยวชาญอย่าง S&S Cycle ด้วยแล้ว มันคงจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมอย่างมากที่ได้มีส่วนกับการแข่งขัน” เช่นเดียวกับ Leah Tokelove ที่กล่าวว่า “จากรถสแตนดาร์ดที่มีความสวยงามในแบบของ Indian มันมีสเน่ห์น่าหลงใหลยิ่งขึ้นเมื่อได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมให้กลายเป็นรถแข่งในแบบของ Hooligan ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันได้รับการอัพเกรด ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น หลายชิ้นส่วนที่ถูกนำมาใช้ปรับแต่งล้วนเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพชั้นยอด ภาพรวมของรถดูราวกับเป็นงานฝีมือชั้นยอดที่สามารถทำให้ FTR1200 สแตนดาร์ดกลายมาเป็นรถแข่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้น”

สำหรับ S&S Cycles นั้นมีส่วนกับการ

ผลิตชิ้นส่วน และการพัฒนารถแข่งในสหรัฐอเมริกาให้กับรถแข่งอย่าง FTR750 เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีการเปิดตัว FTR12000 ออกมาสู่ตลาด จึงได้รับเลือกจาก Indian ในการทำหน้าที่อัพเกรดให้กับ FTR1200 ให้กลายมาเป็นโปรเจ็ครถแข่ง Hooligan ด้วยความเป็นรถในสไตล์ Flattrack ดังนั้น เบรกหน้าจึงถูกถอดออกแล้วปรับช่วงหน้าด้วยการติดเพลทหน้าหรือป้ายเบอร์ พร้อมกับถอดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในสนามแข่งออกไป พร้อมทั้งเปลี่ยนชุดท่อไอเสียเป็นแบบ 2 in to 2 หรือท่อแบบ 2 ออก 2 ของ S&S อีกทั้งยังมีการปรับมิติของตัวรถเพื่อปรับท่าทางการขับขี่ให้เหมาะสมกับการแข่งขัน รวมถึงเซ็ทอัพระบบกันสะเทือน อีกทั้งทดแทนอุปกรณ์บางอย่างด้วยชุดแต่งพิเศษโดยเฉพาะ special race parts ที่ออกแบบโดย S&S ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้ไม่ต่ำกว่า 25 กก. อาทิเปลี่ยนชุดแผงคอมาเป็น S&S Triple clamps ในขณะที่ถ้วยคอยังคงเป็นของเดิมแต่การเปลี่ยนชุดแผงคอแต่งนี้ช่วยให้ได้องศาของช่วงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมสององศา และยังลดระยะวีลเบสจากเดิม 157 ซม. เหลือ 148 ซม. นอกจากนั้นในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้าได้ใช้ชุดกันสะเทือนพิเศษชนิด race ready suspension แบบ fully adjustable inverted cartridge frontforks เช่นเดียวกัน ชุดกันสะเทือนหลังที่ใช่ของ FOX ที่ออกแบบมาเฉพาะ FTR 1200 race monoshock ซึ่งจะทำงานร่วมกับสวิงอาร์มหลังแต่ง Shorter S&S swingarm ที่สั้นกว่าของสแตนดาร์ด 25 มม. สำหรับวงล้อรถแข่งนั้นใช้ล้อแต่ง จาก Roland Sands Design ขนาด 19 นิ้ว ที่ติดตั้งมากับยาง Dunlop DT3 flattrack race tyre โดยใช้โซ่ขนาด 520 race chain ทำงานร่วมกับสเตอร์หน้าเดิม กับสเตอร์หลังแต่ง แบบ custom Vortex rear sprocket นอกจากนั้นก็มีดีเทลอีกเล็กน้อยในการปรับแต่งจาก FTR1200 สแตนดาร์ด มาเป็น FTR1200 Hooligan ที่จะประเดิมลงสนามในช่วงระหว่างงาน Wheels and Waves ที่จะจัดขึ้นในฝรั่งเศส

ไหนๆก็พูดถึงงาน Wheels&Waves ของฝรั่งเศสที่ FTR1200 Hooligan จะไปร่วมกิจกรรมแล้ว ทางกอง บก.ไรดิ้งเรายังได้รับไฟล์ภาพที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนี้ เป็นรถแต่งจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นที่น่าสนใจก็ คือ Africa Four CRF1000R ที่เป็นรถแต่งของ Honda Europe ในวาระครบรอบ 50 ปี ของรถเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงจากตระกูล CB ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักแต่งชั้นนำของยุโรปนำ CB1000R ไปตกแต่งในรูปแบบต่างๆเพื่อนำมาร่วมแสดงใน Wheels&Waves และ Africa Four CRF1000R ก็คือหนึ่งในผลงานนั้น ซึ่งไม่มีรายละเอียดใดๆนอกจากบอกว่า เป็นพื้นฐานของ CB1000R ที่ได้ยกชุดกันสะเทือนหน้ามาจาก CRF450R พร้อมทั้งเปลี่ยนวงล้อเป็น Gold Wheels พร้อมทั้งทำโทนสีใหม่ตามแบบฉบับของ HRC นั่นเอง

2019 MXGP Round 8-10

พบกันอีกครั้ง กับการรายงานการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์โลก สำหรับสามสนามนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นดินแดง ก็ดินภูเขาละครับ เป็นสนามที่ใช้ความเร็วเต็มที่ เอารถไม่อยู่ก็มีสิทธิ์ล้มง่ายๆ ในรุ่น MXGP หลังจากที่สองหัวหอกค่ายเคทีเอ็ม อันโตนิโอ คายโรลี กับเจฟฟรี่ย์ เฮอลิงส์ ไม่ได้ลงแข่งเพราะบาดเจ็บ โรเมน เฟเบรอ เริ่มมีผลงาน แต่คะแนนสะสม ไกเซอร์ยังนำอยู่ ขณะที่เฟเบรออยู่ที่ 10 โน่น….กับ 5 สนาม ที่เหลืออยู่ จะลุ้นขึ้นมั๊ย….

ปล่อยสตาร์ทสนาม 13 ในรุ่น MX2
แมกซ์ แอนส์ตี้
จอร์จ พราโด#61 กำลังไล่แซง ทอม เวียลี#28
กองเชียร์ข้างสนาม

สนาม 11 (7 ก.ค.62) MXGP of Indonesia
MX2
โมโตหนึ่ง จอร์จ พราโด (เคทีเอ็ม) ได้โฮลชอตตามด้วย ทอม เวียลี (เคทีเอ็ม) แม็กซิม เรโน (ยามาฮ่า) และคาลวิน วานเดอเรน (ฮอนด้า) ไม่นาน จาโก กีร์ (ยามาฮ่า) ก็ไล่ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ก่อนลื่นล้มในรอบที่ 8 เจด บีทตัน (ฮัสวาน่า) กับ โธมัส เกียร์ โอลเซน (ฮัสวาน่า) เลื่อนขึ้นที่ 5-6 เมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง พราโดพลาดล้มในโค้ง เวียลีขึ้นนำทันที แต่พราโดก็ไล่ทวงคืนจนได้ในรอบที่ 16 พร้อมยึดไว้ได้จนจบเกม เวียลีเข้าที่ 2 แม็กซิมที่ 3 วานเดอ เรนที่ 4 และบีทตันที่ 5
โมโตสอง เวียลีได้โฮลชอตเขาโดนพราโดแซงได้ แต่พราโดเข้าโค้งไลน์นอก เวียลีเลยขึ้นนำได้อีก ตามด้วย กีร์, พราโด, โอลเซน และบีทตัน ขึ้นรอบที่ 2 กีร์แซงขึ้นนำ ขณะที่โอลเซนแซงพราโดได้ จากนั้นก็ แซงกีร์ขึ้นที่ 2 ทันที พราโดยังเลือกไลน์ขี่ถูกใจไม่ได้ เลยโดนบีทตันแซงขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 4 พราโดเริ่มขี่เข้าที่ เราเร่งสปีดขึ้นไปหาบีทตันก่อนแซงขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 9 เกมมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อจ่าฝูงกีร์ลื่นล้มตรงระนาด โอลเซนขึ้นนำแทนในรอบที่ 15 ผ่านไปอีกสองรอบ พราโดแซงเวียลีขึ้นที่ 2 แต่ไล่ตามจ่าฝูงไม่ทัน เกมจบที่โอลเซนชนะ พราโดที่ 2 เวียลีที่ 3 กีร์ที่ 4 และบีทตันที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. จอร์จ พราโด (1-2)
  2. ทอม เวียลี (2-3)
  3. โธมัส เกียร์ โอลเซน (6-1)
  4. แม็กซิม เรโน (3-7)
  5. เจด บีทตัน (5-5)

MXGP
โมโตหนึ่ง ทิม ไกเซอร์ (ฮอนด้า) ได้โฮลชอตก่อนโดน เจเรมี่ ซีเวอร์ (ยามาฮ่า) แซง แต่ไกเซอร์ก็แซงคืนมาได้ใน 2-3 โค้งต่อมา พร้อมขี่นำแบบม้วนเดียวจบ ขี่ตามเจเรมี่มาก็มี เกลน โคเดนฮอฟ (เคทีเอ็ม) แมกซ์ แอนส์ตี้ (เคทีเอ็ม) โรเมน เฟเบรอ (ยามาฮ่า) และอาร์โนลด์ โทนัส (ยามาฮ่า) แอนส์ตี้ไล่กดดันโคเดนฮอฟ มาแซงขึ้นที่ 3 ได้ในรอบที่ 6 จากนั้นก็เร่งสปีดขึ้นไปหาซีเวอร์ กดดันไม่นานก็ชิงที่ 2 มาได้ในรอบที่ 10 เกมดูเหมือนจะไม่ใครทำอะไรกันได้ เพราะเป็นสนามที่ใช้ความเร็ว ถ้าคันข้างหน้าไม่ขี่เสียจังหวะซะเอง และในช่วงท้ายเกม เฟเบรอได้โอกาสแซงโคเดนฮอฟขึ้นที่ 4 โดยเกมจบที่ไกเซอร์ชนะ แอนส์ตี้ที่ 2 ซีเวอร์ที่ 3 เฟเบรอที่ 4 และโคเดนฮอฟที่ 5
โมโตสอง ไกเซอร์ได้โฮลชอตอีกครั้ง คราวนี้เขาขี่นำได้ 3 รอบก็ลื่นหลุดขอบสนาม เฟเบรอที่ตามติด แซงขึ้นนำทันที ตามด้วยซีเวอร์ ส่วนไกเซอร์หล่นมาที่ 3 เขาไล่ตามซีเวอร์แค่รอบเดียวก็แซงขึ้นที่ 2 ได้ ขึ้นรอบที่ 8 โคเดนฮอฟแซง กาเทียร์ ปูแลง (ยามาฮ่า) ขึ้นที่ 4 จากนั้นไม่นานก็ขึ้นมาทันซีเวอร์ มาแซงขึ้นที่ 3 ได้ในรอบที่ 16 โดยเกมจบที่เฟเบรอชนะ ไกเซอร์ที่ 2 โคเดนฮอฟที่ 3 ซีเวอร์ที่ 4 และปูแลงที่ 5

ผลโอเวอร์ออล

  1. ทิม ไกเซอร์ (1-2)
  2. โรเมน เฟเบรอ (4-1)
  3. เจเรมี่ ซีเวอร์ (3-4)
  4. แมกซ์ แอนส์ตี้ (2-6)
  5. เกลน โคเดนฮอฟ (5-3)
เจเรมี่ แวนโฮบีค

สนาม 12 (14 ก.ค.62) MXGP of Asia
MX2
โมโตหนึ่ง โอลเซนได้โฮลชอตโดยมีพราโดเกาะแจก่อนแซงขึ้นไปนำแทนในรอบที่ 2 และในรอบต่อมา โอลเซนก็มาโดนเวียลีแซงขึ้นที่ 2 ไปได้อีก เกมไม่มีอะไรมาก เพราะเป็นสนามที่ใช้ความเร็วสุดๆ เอารถไม่อยู่ ก็มีสิทธิ์ล้มกลิ้ง และเกมจบที่พราโดชนะ เวียลีที่ 2 โอลเซนที่ 3 บีทตันที่ 4 และที่ 5 เป็นของวานเดอเรนที่สตาร์ทไม่ติดท๊อปเทน ก่อนไล่ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ได้ในรอบที่ 10
โมโตสอง จาโคบิได้โฮลชอต แต่ขึ้นนำได้ไม่ถึงรอบก็โดน พราโดกับเวียลีแซงขึ้นนำ แต่จาโคบิก็แซงเวียลีคืนมาได้ในรอบที่ 2 เวียลียังคงตื้อจะเอาที่ 2 จากจาโคบิ มาแซงได้อีกครั้งในรอบที่ 5 จาโคบิตั้งท่าจะแซงคืน ก็มาโดนวานเดอเรนขึ้นมาท้าทายก่อนแซงขึ้นที่ 3 ได้ในรอบที่ 6 จาโคบิลงมาอยู่ที่ 4 สักพักก็ได้เรโนขึ้นมาไล่กดดันก่อนชิงที่ 4 ไปได้ในรอบที่ 9 จาโคบิมาเสียอันดับ 5 ให้ เบรนท์ แวนโดนิค (ฮอนด้า) อีกคันในรอบที่ 10 ขึ้นรอบที่ 12 วานเดอเรนแซงเวียลีขึ้นที่ 2 ในรอบเดียวกัน เรโนแซงเวียลีขึ้นที่ 3 จากนั้นในรอบต่อมาก็แซงวานเดอเรนขึ้นที่ 2 และเกมจบที่พราโดชนะ เรโนที่ 2 วานเดอเรนที่ 3 เวียลีที่ 4 และแวนโดนิคที่ 5

ผลโอเวอร์ออล

  1. จอร์จ พราโด (1-1)
  2. ทอม เวียลี (2-4)
  3. คาลวิน วานเดอเรน (5-3)
  4. แม็กซิม เรโน (8-2)
  5. เฮนรี่ จาโคบิ (7-7)
อดัม สเทอร์รี่#811 กับ เฮนรี่ จาโคบิ#29
อาร์โนลด์ โทนัส
จาโก กีร์
กาเทียร์ ปูแลง#21 กับอมีนาส จาซิโคนิส#27

MXGP
โมโตหนึ่ง ไกเซอร์ได้โฮลชอตพร้อมขี่นำแบบม้วนเดียวจบ ตามด้วย พอลส์ โจนาส (ฮัสวาน่า) ซีเวอร์ และเฟเบรอที่ขี่ไปได้แค่ 2 รอบก็พลาดล้ม อมีนาส จาซิโคนิส (ฮัสวาน่า) โทนัส และโคเดนฮอฟ เลื่อนอันดับขึ้นมา และเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง โจนาสขี่อยู่ที่ 2 เอารถไม่อยู่ ล้มซิครับ อันดับต่างๆ เลื่อนขึ้นอีกครั้ง อาโนลด์เห็นโอกาสเปิด แซงจาซิโคนิสขึ้นที่ 3 จากนั้นก็ขึ้นไปกดดันซีเวอร์ก่อนแซงขึ้นที่ 2 และในช่วงท้ายเกม โคเดนฮอฟแซงจาซิโคนิสขึ้นที่ 4 ได้ในช่วง 3 รอบสุดท้าย โดยเกมจบที่ไกเซอร์ชนะ โทนัสที่ 2 ซีเวอร์ที่ 3 โคเดนฮอฟที่ 4 และจาซิโคนิสที่ 5
โมโตสอง ซีเวอร์ได้โฮลชอต ไปได้ไม่กี่โค้งก็โดนไกเซอร์แซงขึ้นนำ ขี่ตามซีเวอร์มาก็มี โทนัส, โจนาส และปูแลง โจนาสล้างอาย เขาเร่งสปีดขึ้นมาไล่กดดันโทนัส ก่อนเสียบในแซงขึ้นที่ 3 และเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง ปูแลงพลาดล้ม เฟ เบรอเข้าแทนที่ตำแหน่งที่ 5 มาที่โจนาสอีกครั้ง ความเร็วไม่มีตก ไม่นานก็ขึ้นไปทันซีเวอร์ มาแซงขึ้นที่ 2 ได้ในรอบที่ 12 โทนัสฉวยโอกาสขึ้นมาไล่กดดันซีเวอร์ต่อ มาแซงขึ้นที่ 3 ได้ในช่วง 4 รอบสุดท้าย โดยเกมจบที่ไกเซอร์ชนะ โจนาสที่ 2 โทนัสที่ 3 ซีเวอร์ที่ 4 และเฟเบรอที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. ทิม ไกเซอร์ (1-1)
  2. อาร์โนลด์ โทนัส (2-3)
  3. เจเรมี่ ซีเวอร์ (3-4)
  4. เกลน โคเดนฮอฟ (7-4)
  5. แมกซ์ แอนส์ตี้ (7-6)

สนาม 13 (28 ก.ค.62) MXGP of Czech Republic
MX2
โมโตหนึ่ง โฮลชอตเป็นของพราโด เขาขี่นำแบบสบายๆ ม้วนเดียวจบ ตามเขามาก็มี เวียลี, วานเดอเรน, จาโคบิ, อิเกอร์ ลาร์แรนเนก้า โอลาโน (เคทีเอ็ม) และโอลเซน
โอลเซนไล่ตามโอลาโนอยู่ 4 รอบ ก็แซงขึ้นที่ 5 ถึงจะอยู่ไม่ห่างกันนัก แต่โอกาสแซงกัน..ยาก และเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง วานเดอเรนไล่ล่าเวียลีหวังชิงที่ 2 จนเกี่ยวกันล้มทั้งคู่ อันดับต่างๆ เลื่อนขึ้นอัตโนมัติ โดยเกมจบที่พราโดชนะ จาโคบิที่ 2 โอลเซนที่ 3 บีทตันที่ 4 และกีร์ที่ 5
โมโตสอง อีกครั้งที่พราโดได้โฮลชอต พร้อมขี่นำแบบม้วนเดียวจบ ตามด้วย เวียลี, จาโคบิ, วานเดอเรน, อดัม สเทอร์รี่ (คาวาซากิ) และโอลเซนจาโคบิไล่กดดันจะเอาที่ 2 จากเวียลี มาแซงได้ในรอบที่ 7 รอบต่อมา วานเดอเรนกับสเทอร์รี่พากันแซงเวียลีขึ้นที่ 3-4 และในรอบที่ 9 เวียลีโดนโอลเซนชิงที่ 5 ไปได้อีก ขึ้นรอบที่ 10 วานเดอเรนขี่อยู่ที่ 3 ลื่นล้ม สเทอร์รี่เลื่อนขึ้นที่ 3 ตามด้วย โอล เซนกับเวียลี ไม่กี่รอบต่อมา วานเดอเรนก็ไล่ขึ้นมาแซงเวียลีขึ้นที่ 5 โดยเกมจบที่พราโดชนะ สเทอร์รี่ที่ 2 จาโคบิที่ 3 โอลเซนที่ 4 และวานเดอเรนที่ 5

ผลโอเวอร์ออล

  1. จอร์จ พราโด (1-1)
  2. เฮนรี่ จาโคบิ (2-3)
  3. โธมัส เกียร์ โอลเซน (3-4)
  4. อดัม สเทอร์รี่ (6-2)
  5. จาโก กีร์ (5-6)
    คะแนนสะสม
  6. จอร์จ พราโด 594 คะแนน
  7. โธมัส เกียร์โอลเซน 504 คะแนน
  8. จาโก กีร์ 391 คะแนน
  9. ทอม เวียลี 380 คะแนน
  10. เฮนรี่ จาโคบิ 377 คะแนน
ทิม ไกเซอร์
โรเมน เฟเบรอ
เกลน โคเดนฮอฟ
เจด บีทตัน
โพเดี้ยมสนาม 13 รุ่น MX2 จากซ้าย: เฮนรี่ จาโคบิ, จอร์จ พราโด และโธมัส เกียร์ โอลเซน

MXGP
โมโตหนึ่ง ซีเวอร์ ได้โฮลชอต เขาโดนเฟเบรอไล่กดดันก่อนแซงขึ้นนำในรอบที่ 2

ซีเวอร์ลงมาอยู่ที่ 2 ตามด้วย ไกเซอร์, ปูแลง ไบรอัน โบเกอร์ (ฮอนด้า) และจาซิโคนิส
จาซิโคนิสไล่ตามโบเกอร์อยู่ 2 รอบก็แซงขึ้นที่ 5 ขณะที่ไกเซอร์ขี่ตามซีเวอร์อยู่ไม่ห่าง มาแซงขึ้นที่ 2 ได้ในรอบที่ 15 จากนั้นก็ต่างคนต่างขี่จนเข้าเส้นชัย โดยเฟเบรอเข้าที่ 1 ไกเซอร์ที่ 2 ซีเวอร์ที่ 3 ปูแลงที่ 4 และจาซิโคนิสที่ 5
โมโตสอง อีกครั้งที่ซีเวอร์ได้โฮลชอต ขณะที่เฟเบรอไล่กดดันไกเซอร์ก่อนแซงขึ้นที่ 2 ได้ก่อนจบรอบแรก ขี่ตามไกเซอร์มาคือ ปูแลงกับอาร์โนลด์
เฟเบรอท้าดวลล้อจ่าฝูงซีเวอร์ มาแซงขึ้นนำได้ในรอบที่ 6 รอบต่อมา ซีเวอร์โดนไกเซอร์ชิงที่ 2 ไปได้อีก จากนั้นก็ต่างคนต่างเร่งสปีดหนีคู่แข่งกันสุดๆ โดยเกมจบที่เฟ
เบรอชนะ ไกเซอร์ที่ 2 ซีเวอร์ที่ 3 ปูแลงที่ 4 และอาร์โนลด์ที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. โรเมน เฟเบรอ (1-1)
  2. ทิม ไกเซอร์ (2-2)
  3. เจเรมี่ ซีเวอร์ (3-3)
  4. กาเทียร์ ปูแลง (4-4)
  5. เจเรมี่ แวนโฮบีค (5-5)
    คะแนนสะสม
  6. ทิม ไกเซอร์ 582 คะแนน
  7. เจเรมี่ ซีเวอร์ 405 คะแนน
  8. กาเทียร์ ปูแลง 379 คะแนน
  9. อาร์โนลด์ โทนัส 373 คะแนน
  10. อันโตนิโอ คายโรลี 358 คะแนน
โพเดี้ยมสนาม 13 รุ่น MXGP จากซ้าย: ทิม ไกเซอร์, โรเมน เฟเบรอ และเจเรมี่ ซีเวอร์

2019 AMA SUPERSCROSS R.1-3

เปิดฉากเกมโมโตครอสปี 2019 ปีนี้มีทั้งสิ้น 12 สนาม เกมสนามแรกมีฝนตกลงมาระหว่างแข่ง และอีกสองสนามนั้นเป็นดินแข็งขรุขระ เกมในรุ่น 450cc เป็นการป้องกันแชมป์ของ อีไล โทแมค เขาดูมุ่งมั่นจนกลายเป็นร้อนรนเมื่อออกสตาร์ทได้ไม่ค่อยดีนัก ส่วนเกมในรุ่น 250cc แชมป์เก่า อารอน เพลสซิงเกอร์ ได้ขยับไปขี่รุ่นใหญ่ แต่เขาบาดเจ็บจากการแข่งเกมซูเปอร์ครอส สนาม 10 ที่ผ่านมา ล้มจนส้นเท้าหัก ตอนนี้ยังไม่หายดี ต้องดูกันอีกนาน กว่าจะเห็นแววแชมป์….

อีไล โทแมค
มาร์วิน มูสแกน#25 กำลังหนี อีไล โทแมค#1

สนาม 1 (19 พ.ค.62) แฮงค์ทาวน์, สคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย
250cc
โมโตหนึ่ง จัสติน คูเปอร์ (ยามาฮ่า) ได้โฮลชอต พร้อมขี่นำม้วนเดียวจบ แม้ว่าอดัม เชนเชียรูโล (คาวาซากิ) ที่ขี่ตามมาตั้งแต่รอบแรก จะมีโอกาสได้ไล่กดดันช่วงท้ายเกม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขี่ตามทั้งคู่มาก็มี เชส เซกซ์ตัน (ฮอนด้า) โคล์ท นิโคลส์ (ยามาฮ่า) ไมเคิล โมซิแมน (ฮัสวาน่า) ดีแลน เฟอร์แรนดิส (ยามาฮ่า) และอาร์เจ แฮมพ์ชายร์ (ฮอนด้า) เกมเหมือนจะเรียบง่าย แต่ผ่านไปได้ไม่กี่รอบ เฟอร์แรนดิสก็แซงโมซิแมนที่ลื่นล้มในโค้งขึ้นที่ 5 ได้ในรอบที่ 6 และในช่วงท้ายเกมก็แซงทั้งนิโคลส์และเซกซ์ตันขึ้นที่ 3 โดยเกมจบที่คูเปอร์ชนะ เชนเชียรูโลที่ 2 เฟอร์แรนดิสที่ 3 เซกซ์ตันที่ 4 และนิโคลส์ที่ 5
โมโตสอง ฝนโปรยปรายลงมา จากดินดำนุ่ม กลายเป็นเละในบางจุด นิโคลส์ได้โฮลชอตก่อนโดนเชนเชียรูโลแซงขึ้นนำตามด้วย นิโคลส์, มาร์ติน ดาวาลอส (คาวาซากิ) โมซิแมน, เซกซ์ตัน และอเล็กซ์ มาร์ติน (ซูซูกิ) ผ่านไปแค่รอบเดียว โมซิแมนลื่นล้มในโค้งหล่นไปนอกท๊อปเทน อเล็กซ์เร่งสปีดแซงคู่แข่งจนขึ้นมาอยู่ที่ 3 ได้ในรอบเดียวกัน ขึ้นรอบที่ 3 ดาวาลอสสะดุดล้มในโค้งหล่นไปอยู่กลุ่มท้ายๆ ขณะที่เฟอร์แรนดิสไล่ขึ้นมาตามก้นอเล็กซ์อยู่ที่ 4 และคูเปอร์แซงเซกซ์ตันขึ้นที่ 5 เมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง อเล็กซ์แซงนิโคลส์ขึ้นที่ 2 เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เฟอร์แรนดิสมาเสียตำแหน่งที่ 4 ให้กับคูเปอร์

ผลโอเวอร์ออล

  1. อดัม เชนเชียรูโล (2-1)
  2. จัสติน คูเปอร์ (1-4)
  3. โคล์ท นิโคลส์ (5-3)
  4. ดีแลน เฟอร์แรนดิส (3-5)
  5. เชส เซกซ์ตัน (4-6)
เจสัน แอนเดอร์สัน
อาร์เจ แฮมพ์ชายร์#31 อดัม เชนเชียรูโล#92 และจัสติน คูเปอร์#32
ปล่อยสตาร์ทสนาม 2 ในรุ่น 450cc

450cc
โมโตหนึ่ง โฮลชอตเป็นของ คูเปอร์ เวบบ์ (เคทีเอ็ม) ก่อนโดน เคน ร็อคเซน (ฮอนด้า) แซงขึ้นไปนำได้ก่อนจบรอบแรก ขี่ตามเวบบ์มาคือ เจสัน แอนเดอร์สัน (ฮัสวาน่า) กับจัสติน บาร์เชีย (ยามาฮ่า) ขึ้นรอบที่ 2 อีไล โทแมค (คาวาซากิ) ไล่ขึ้นมาตามก้นบาร์เชียก่อนแซงขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 3 โดยในรอบเดียวกัน แซค ออสบอร์น (ฮัสวาน่า) แซงบาร์เชียขึ้นที่ 5
เกมผ่านไปได้ครึ่ง โทแมคแซงแอนเดอร์สันขึ้นที่ 3 แต่โดนแอนดอร์สันแซงคืนในรอบถัดมา แอนเดอร์สันเร่งสปีดขึ้นไปหาเวบบ์ มาแซงขึ้นที่ 2 ได้ในช่วง 3 รอบสุดท้าย โดยเกมจบที่ร็อคเซนชนะ แอนเดอร์สันที่ 2 เวบบ์ที่ 3 โทแมคที่ 4 และออสบอร์นที่ 5
โมโตสอง มูสแกนได้โฮลชอตไม่นานก็โดนโทแมคแซงได้ก่อนจบรอบแรก ไล่ตามโทแมคมาติดๆ คือร็อคเซน มาแซงกลางอากาศขึ้นไปนำได้ในรอบที่ 2 เพราะโดดได้ไกลกว่า ขึ้นรอบที่ 3 แอนเดอร์สันแซงมูสแกนขึ้นที่ 3 ขณะที่คู่จ่าฝูงยังซัดกันนัว ที่สุด โทแมคก็ทวงจ่าฝูงคืนได้ในรอบที่ 5 พร้อมยึดไว้ได้จนจบเกม มาที่กลุ่มหลัง มูสแกนแซงแอนเดอร์สัน ชิงที่ 3 คืนมาได้ในรอบที่ 10 และในช่วง 2 รอบสุดท้าย โทแมคโดนออสบอร์นแซงไปได้อีกคัน
ผลโอเวอร์ออล

  1. เคน ร็อคเซน (1-2)
  2. อีไล แมค (4-1)
  3. เจสัน แอนเดอร์สัน (2-5)
  4. .แซค ออสบอร์น (5-3)
  5. คูเปอร์ เวบบ์ (3-6)
คูเปอร์ เวบบ์
เคน ร็อคเซน
อีไล โทแมค สนามแรก
มาร์วิน มูสแกน

สนาม 2 (25 พ.ค.62) ฟอกซ์ เรซเวย์, พาลา, รัฐแคลิฟอร์เนีย
250cc
โมโตหนึ่ง คูเปอร์ได้โฮลชอตตามด้วย นิโคลส์, ขณะที่ ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ (ฮอนด้า) กับจอร์ดอน สมิธ (เคทีเอ็ม) ไล่บี้ชิงที่ 3 กันอย่างเมามัน จนเกมมาถึงรอบที่ 4 สมิธที่ขี่อย่างเร็วเสียจังหวะไปเกี่ยวรถของลอว์เรนซ์จนล้มทั้งคู่ อันดับ 3 หล่นมาอยู่ที่ อาร์เจ แฮมพ์ชายร์ (ฮอนด้า) ตามด้วยเซกซ์ตัน กับเชนเชียรูโล กว่าที่เชนเชียรูโลจะเข้าถึงตัวเซกซ์ตันและแซงขึ้นที่ 4 ได้ก็เข้าสู่รอบที่ 10 จากนั้นก็มามันส์กันอีกทีในช่วงท้ายเกม เมื่อแฮมพ์ชายร์ไล่ขึ้นมาทันนิโคลส์ มาแซงขึ้นที่ 2 ได้ในช่วง 2 รอบสุดท้าย ขณะที่เชนเชียรูโลแซงนิโคลส์ขึ้นที่ 3 ได้ในรอบสุดท้าย นิโคลส์เข้าที่ 4 และเซกซ์ตันที่ 5 โมโตสอง แมคเอลราธได้โฮลชอต ขี่
นำไปได้ 2 รอบ ก็โดนเชนเชียรูโล ที่แซงอเล็กซ์มาได้ในรอบแรก แซงขึ้นไปนำแทน ขณะที่ด้านหลัง ลอว์เรนซ์ที่เร่งสปีดแซงดะ จนขึ้นมาอยู่ที่ 2 ได้ในรอบที่ 3 และในรอบเดียวกันแมคเอลราธลื่นล้ม คูเปอร์เข้าแทนที่ในอันดับที่ 3 โดยมีเฟอร์แรนดิสไล่กดดันก่อนแซงขึ้นที่ 3 ได้ในรอบที่ 6 ไปดูที่คู่จ่าฝูง ช่วงกลางเกม ลอว์เรนซ์แซงเชนเชียรูโลขึ้นไปนำแทนได้ 2 รอบก็ลื่นล้มในโค้ง เชนเชียรูโลได้จ่าฝูงคืนง่ายๆ พร้อมขี่เข้าเส้นชัยคันแรก ลอว์เรนซ์ตามเข้าที่ 2 เฟอร์แรนดิสที่ 3 คูเปอร์ที่ 4 และเซกซ์ตันที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. อดัม เชนเชียรูโล (3-1)
  2. จัสติน คูเปอร์ (1-4)
  3. ดีแลน เฟอร์ดิส (7-3)
  4. เชส เซกซ์ตัน (5-5)
  5. โคล์ท นิโคลส์ (4-7)

450cc
โมโตหนึ่ง เบลค แบคเก็ต (เคทีเอ็ม) ได้โฮลชอตก่อนโดนร็อคเซนแซงขึ้นนำในโค้งสอง แบคเก็ตขี่อยู่ที่ 2 ได้ 2 รอบก็พลาดล้ม มูสแกนขึ้นที่ 2 ตามด้วย แอนเดอร์สัน เวบบ์, โทแมค และออสบอร์น โทแมคเร่งสปีด มาแซงเวบบ์ขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 7 แต่กว่าจะแซงแอนเดอร์สันขึ้นที่ 3 ก็ในรอบที่ 13 โน่น โทแมครุกต่อ คราวนี้เขาแซงทั้งมูสแกนและร็อคเซนขึ้นไปนำได้ในรอบที่ 14 โดยเกมจบที่โทแมคชนะ ร็อคเซนที่ 2 มูสแกนที่ 3 แอนเดอร์สันที่ 4 และออสบอร์นที่ 5 โมโตสอง จัสติน โบเกิล (เคทีเอ็ม) ได้โฮลชอตก่อนโดนมูสแกนแซงขึ้นนำตามด้วย โทแมค, แอนเดอร์สัน, ร็อคเซน และออสบอร์น ไม่นาน ร็อคเซนก็แซงแอนเดอร์แซงขึ้นที่ 3 ได้ในรอบที่ 6 ขณะที่ออสบอร์นแซงแอนเดอร์สันขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 8 และโทแมคที่ไล่กดดันมูสแกนอยู่นานก็แซงขึ้นไปนำแทนได้ในรอบที่ 9 พร้อมยึดครองไว้ได้จนจบเกม มูสแกนตามเข้าที่ 2 ร็อคเซนที่ 3 ออสบอร์นที่ 4 และแอนเดอร์สันที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. อีไล โทแมค (1-1)
  2. มาร์วิน มูสแกน (3-2)
  3. เคน ร็อคเซน (2-3)
  4. แซค ออสบอร์น (5-4)
  5. เจสัน แอนเดอร์สัน (4-5)
เชส เซกซ์ตัน
แซค ออสบอร์น
โคล์ท นิโคลส์
ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์
อาร์เจ แฮมพ์ชายร์
จัสติน คูเปอร์
อดัม เชนเชียรูโล

สนาม 3 (1 มิ.ย.62) ธันเดอร์วัลเลย์, เลควู๊ด, รัฐโคโลราโด
250cc
โมโตหนึ่ง ไท มาสเตอร์พลู (ยามาฮ่า) ได้โฮลชอตก่อนโดนแซงรวดสามคัน แฮมพ์ชายร์ขึ้นนำตามด้วย เชนเชียรูโล, คูเปอร์ และไท ผ่านไปได้ 2 รอบ คูเปอร์ก็แซงเชนเชียรูโลขึ้นที่ 2 จากนั้นก็ชิงจ่าฝูงมาจากแฮมพ์ชายร์ได้ในรอบที่ 4 เชนเชียรูโลแซงแฮมพ์ชายร์ขึ้นที่ 2 ได้ในรอบที่ 5 และเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง เฟอร์แรนดิสกับโมซิแมนก็พากันรุมแซงแฮมพ์ชายร์ขึ้นที่ 3-4 จากนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรกันได้ โมโตสอง โฮลชอตเป็นของคูเปอร์ ตามด้วย เชนเชียรูโล, สมิธ, นิโคลส์ และโมซิแมน ผ่านไปสองรอบ โมซิแมนโดนเซกซ์ตันชิงที่ 5ไปได้ ส่วนคู่จ่าฝูง คูเปอร์โดนเชนเชียรูโลไล่ล่าจนเสียกระบวนท่า อีกทั้งสนามขรุขระ เลยขี่เสียจังหวะหลุดออกนอกสนาม เชนเชียรูโลขึ้นนำสบาย และในรอบต่อมา สมิธลื่นล้ม เซกซ์ตันกับโมซิแมนเลื่อนขึ้นที่ 4-5 แล้วโมซิแมนก็แซงเซกซ์ตันขึ้นที่ 4 ได้ในรอบที่ 10 และแซงนิโคลส์ขึ้นที่ 3 ได้ในรอบต่อมา โดยเกมจบที่เชนเชียรูโลชนะคูเปอร์ที่ 2 โมซิแมนที่ 3 นิโคลส์ที่ 4 และที่ 5 เป็นของเฟอร์แรนดิสที่สตาร์ทไม่ติดท๊อปเทน

ผลโอเวอร์ออล

  1. อดัม เชนเชียรูโล (2-1)
  2. จัสติน คูเปอร์ (1-2)
  3. ไมเคิล โมซิแมน (4-3)
  4. ดีแลน เฟอร์แรนดิส (3-5)
  5. เชล เซกซ์ตัน (7-6)
    คะแนนสะสม
  6. อดัม เชนเชียรูโล 139 คะแนน
  7. จัสติน คูเปอร์ 133 คะแนน
  8. ดีแลน เฟอร์แรนดิส 106 คะแนน
  9. โคล์ท นิโคลส์ 94 คะแนน
  10. เชส เซกซ์ตัน 94 คะแนน

450cc
โมโตหนึ่ง ออสบอร์นได้โฮลชอตก่อนโดนร็อคเซนแซงด่วนพร้อมขี่เข้าเส้นชัย คันแรก เช่นกันกับอันดับ 2-3 คือออสบอร์นกับเวบบ์ ที่ขี่ตำแหน่งนี้ตลอดเกมส่วนอันดับที่ 4 เป็นของแอนเดอร์สันที่สตาร์ทไม่ติดท๊อปเทน กว่าจะไล่จนขึ้นมาอยู่ที่ 4 ได้ก็เข้าสู่ช่วง 3 รอบสุดท้าย ส่วนอันดับที่ 5 เป็นของโทแมค นี่ก็สตาร์ทไม่ติดท๊อปเทนเช่นกัน โทแมคใจร้อน ขี่รนจนเสียจังหวะหลายครั้ง ตำแหน่งเลยขึ้นลงตลอด ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ได้ในช่วง 3 รอบสุดท้ายเช่นกัน
โมโตสอง เวบบ์ได้โฮลชอตแต่ขึ้นนำได้รอบเดียวโดนร็อคเซนแซงไปได้ เวบบ์ลงมาอยู่ที่ 2 ได้ 2 รอบก็โดนโทแมคชิงไปได้อีก เวบบ์โดนมูสแกนกับออสบอร์นแซงไปได้อีกรอบละคัน
หลังเกมผ่านไปได้ครึ่งทาง โทแมคก็แซงร็อคเซนขึ้นไปนำแทน ร็อคเซนขี่ตามเข้าที่ 2 มูสแกนที่ 3 ออสบอร์นที่ 4 และแอนเดอร์สันที่ 5
ผลโอเวอร์ออล

  1. เคน ร็อคเซน (1-2)
  2. อีไล โทแมค (5-1)
  3. แซค ออสบอร์น (2-4)
  4. เจสัน แอนเดอร์สัน (4-5)
  5. มาร์วิน มูสแกน (8-3)
    คะแนนสะสม
  6. เคน ร็อคเซน 136 คะแนน
  7. อีไล โทแมค 134 คะแนน
  8. แซค ออสบอร์น 110 คะแนน
  9. มาร์วิน มูสแกน 107 คะแนน
  10. เจสัน แอนเดอร์สัน 106 คะแนน

KEEWAY K-Light 202

ยังคงเดินหน้านำรถเข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่องสำหรับค่าย KEEWAY ซึ่งมากับความคลาสสิคพร้อมกับสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนาน ได้อารมณ์การขับขี่ในรูปแบบเรโทรที่มีดีไซน์โดดเด่น เป็นอีกหนึ่งเซ็กเม้นท์ที่แหวกแนวออกมา ทำให้ได้รับความสนใจไม่น้อย

KEEWAY K-Light 202 เป็นรถแนวอเมริกัน ที่มีการปรับให้เหมาะสมกับสรีระชาวเอเชีย การออกแบบรถยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นรถอเมริกันครูเซอร์แต่มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยฟิคเจอร์จอแสดงผลดิจิตอลทรงกลม การออกแบบท่อไอเสียให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ไฟรอบคันจะเป็นโคมกลมทั้งไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว ถังน้ำมันจุได้ถึง 11.8 ลิตร มีสกรีนชื่อรุ่น 202 ไว้ด้านข้าง การควบคุมแฮนด์เดิ้ลบาร์เป็นทรงครูเซอร์ที่ปรับมุมเข้าหาผู้ขับขี่พร้อมกับการยึดตำแหน่งสวิตซ์ต่างๆ มาให้ครบครัน แต่ความแปลกที่ใช้งานง่ายกับสวิตช์ไฟเลี้ยวแยกซ้ายขวา KEEWAY K-Light 202 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ
กระบอกสูบ 197 ซีซี ไม่มีหม้อน้ำมาให้ แต่ติดตั้งออยคลูเลอร์มาเพื่อช่วยระบายความร้อน เกียร์ 5 สปีด โช้คหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิค ด้านหลังเป็นโช้คคู่แบบมีซับแทงค์และสามารถปรับพรีโหลดได้ สวิงอาร์มเหล็กขนาดเล็ก วงล้อหน้าขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมกับดิสก์เบรกขนาด 280 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ท วงล้อหลังแม็กขนาด 15 นิ้ว พร้อมดิสก์หลัง 240 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ทเบาะนั่งแบบชิ้นเดียวแต่ด้านหลังยกระดับขึ้น ตำแหน่งพักเท้าแบบฟอร์เวิรด์วางตำแหน่งอยู่ช่วงหน้าเครื่องยนต์ได้อารมณ์แบบอเมริกันครูเซอร์ บังโคลนหลังแยกชิ้นยึดจากสวิงอาร์มหลังแขนเดี่ยวสามารถติดแผ่นป้ายทะเบียนได้เลย ตัวรถที่ไม่สูงมาก ตามแนวทางของทรงครูเซอร์

คุ้มค่าไหมกับราคา 61,500 บาท ด้วยรูปทรงที่กำลังดี ใช้งานในเมืองได้สบายๆ คล่องตัว หรือจะออกทริปท่องเที่ยวก็ได้ หลากหลายอารมณ์

Yamaha Tenere 700 Accessory Packs

หลังจากเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเภทแอดเวนเจอร์จากค่าย Yamaha ส่ง Tenere 700 ออกมาสู่ตลาด ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ high-torque CP2 ขนาด 689 ซีซี ออกแบบมาให้สามารถตอบสนองการขับขี่ในแบบแอดเวนเจอร์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ เน้นให้เป็นยอดรถในพิกัดเดียวกันนี้

นอกจากนี้ Yamaha ก็ตั้งเป้าหมายว่ารถรุ่น Tenere700 จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นนักขับขี่หน้าใหม่ที่สนใจจะค้นหาความสนุกสนานาเร้าใจกับการค้นพบโลกใหม่ของการขับขี่ในแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเน้นแคมเปญ Where the Next Horizone มาอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอเส้นทางการขับขี่ใหม่ๆ ผ่านการเดินทางของเซเลบ โดยเฉพาะนักแข่งชั้นนำของ Yamaha มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ได้มีการเปิดชุดคิทอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่ ที่มีความต้องการใช้งานแตกต่างกันด้วยการส่ง Genuine Accessary Packs สำหรับ Tenere700 ที่เจ้าของรถจะสามารถตกแต่งเพิ่มเติมรถได้อย่างอิสระตามความต้องการและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ด้วยการส่งชุดแต่งอย่างเป็นทางการออกมา ซึ่งแบ่งเป็น
Explorer Pack – เป็นชุดแต่งที่ออกแบบมาเพื่อเน้นถึงการใช้งานในรูปแบบการขับขี่ทางไกล long distance road riding เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ขับขี่โดยไฮไลท์ของ Explorer Pack อยู่ที่กล่องสัมภาระขนาดความจุ 72 ลิตร เป็นกล่องอลูมิเนียมที่แข็งแกร่ง ล้อคได้แน่นหนา อีกทั้งยังมีแผ่นกันกระแทกที่มีความหนามากกว่าของติดรถถึง 33% ช่วยปกป้องทั้งเครื่องยนต์และตัวถัง รวมทั้งยังมี mono seat rack มาให้อีกด้วย
Rally Pack – เป็นชุดแต่งสำหรับคนที่ต้องการจริงจังกับการขับขี่บนทางวิบาก และด้วยชุดแต่งนี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเค้นสมรรถนะการขับขี่ในสไตล์แอดเวนเจอร์ได้อย่างเต็มสมรรถนะมากขึ้น ด้วยเบาะนั่งแบบชิ้นเดียวจะช่วยให้ผู้ขับขี่มีอิสระในการเคลื่อนไหวในทุกๆ จังหวะของการขับขี่สามารถเคลื่อนย้ายร่างกายหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวได้คล่องตัวกับทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังมีชุดท่อไอเสียน้ำหนักเบสจากแบรนด์ Akrapovic ที่เป็นสเปคสำหรับการขับขี่ในแบบรถแรลลี่ขนานแท้ นอกจากนี้ยังมี chain guard กับ chain guide รวมทั้ง radiator protector หรือการ์ดป้องกันหม้อน้ำ อีกทั้งยังมีแผ่นยึดป้ายทะเบียน ,ไฟกระพริบแบบ LED และแผ่นกันถังน้ำมัน protective tank pad อีกด้วย

ในเบื้องต้นชุดแต่ง Yamaha Tenere700 ทั้ง Explorer Pack และ Rally Pack ก็จะมีชิ้นส่วนดังกล่าว คาดว่าจะมีเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งจะสามารถติดตามเพิ่มเติมเลือกอุปกรณ์เพื่อการตกแต่งเพิ่มเติมได้ผ่านแอพลิเคชั่นที่ทาง Yamaha ได้จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้เลือกตกแต่งรถด้วยตนเองและสามารถที่จะลองตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเสมือนไปเลือกชมเองที่ตัวแทนจำหน่าย โดย Genuine Accessories สำหรับ Tenere 700 จะเริ่มมีจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังจะมี Riding gear ต่างๆมารองรับความต้องการอีกด้วย สำหรับแอพลิเคชั่นที่กล่าวถึงนี้ ก็คือ MyGarageAPP ซึ่งผู้ใช้ Tenere700 จะสามารถเข้าไปสร้างรถในฝันที่มีรูปแบบเฉพาะตนรวมทั้งหาอุปกรณ์พวกไรดิ้งเกียร์ได้ตามความต้องการ ต้องยอมรับว่า Yamaha Tenere700 คือหนึ่งในรถถแอดเวนเจอร์ขนาดกลางที่น่าหลงไหลรุ่นหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาให้เป็นรถที่มีสมดุลที่ดีระหว่างกำลังและการควบคุมการขับขี่ได้ดี ในฐานะรถขนาดกะทัดรัดที่สามารถสร้างความเย้ายวนใจให้กับผู้ขับขี่ที่จะออกไปค้นหาโลกใบใหม่ ในเส้นทางการขับขี่ใหม่ๆ และเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจทาง Yamaha ได้มีโปรเจ็คที่ชื่อ Yamaha Tenere700 Demo Tour เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ได้เรียนรู้หรือศึกษาเส้นทางการขับขี่โดยจะเป็นการนำเสนอเส้นทางการขับขี่ที่น่าสนใจเพื่อว่าผู้สนใจจะสามารถตัดสินใจร่วมแพ็คเกจขับขี่ในเส้นทางจริงหรือเส้นทางใกล้เคียงได้ด้วย Tenere700 นั่นเอง

สำหรับ Yamaha Tenere700 นี้ เราได้เคยนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถมาแล้วในไรดิ้งก่อนหน้านี้หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน และครั้งนี้ก็เป็นข่าวสารที่ Yamaha Europe ส่งออกมาถึงการเปิดชุดแต่งหรือชุดคิทดังกล่าว ไรดิ้งเราก็เลยถือโอกาสนำมาฝากกันอีกครั้งกับภาพสวยๆพร้อมชุดแต่งจาก Yamaha Tenere700 ในฉบับนี้

2020 KTM 450 EXC-F SIXDAY

ถ้าพูดถึงเกมเอ็นดูโร่ในระดับโลกคงยากจะปฏิเสธว่า KTM คือหนึ่งในยอดรถสายนี้ โดยเฉพาะจากการแข่งขันที่สุดของเกมประเภทนี้อย่าง International Six Days Enduro หรือ ISDE แล้วล่ะก็ นี่คือรถที่ได้รับความไว้วางใจในการแข่งขันรวมทั้งประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านั้น KTM เองยังพัฒนารถแข่งเวอร์ชั่นพิเศษเพื่อส่งต่อวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์วิบากสายเอ็นดูโร่จากสังเวียนแข่งสู่ไลน์ผลิตโปรดักชั่น ว่ากันว่า จากความสำเร็จในแต่ละปีบนสังเวียน ISDE ได้ถูกนำมาส่งต่อสู่รถโมเดลล่าสุดในปีถัดไปเช่นกันจากความสำเร็จใน 2019 ISDE ที่ได้มีการส่งต่อวิวัฒนาการด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จากสมรรถนะของผู้ชนะในสนามแข่งชั้นนำของโลกในการสนับสนุนของ KTM ได้กลั่นกรองผ่านเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังเหล่านี้ ซึ่งสามารถนำพาคุณตรงไปยังแถวหน้าตั้งแต่เริ่มออกตัว เครื่องยนต์ที่ออกแบบใหม่นี้เป็นเครื่องยนต์น้ำหนักเบา กะทัดรัด และมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในตลาด ทั้งในด้านสมรรถนะ การขับขี่ง่าย และความเชื่อถือได้สำหรับเกมเอ็นดูโร่ที่มีศักยภาพที่จะชนะได้ตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพเครื่องยนต์ของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS มีขนาดกะทัดรัดและสามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์ SOHC จ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ในพิกัด 450 ซีซี ที่ทรงพลังและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีศักยภาพสูงสุดในตลาดซึ่งตัวเครื่องยนต์ใหม่นี้ได้รับการออกแบบจนสามารถลดน้ำหนักเหลือเพียง 29.2 กก. อีกทั้งยังเสริมสร้างสมรรถนะเพิ่มเติมด้วยการออกแบบพัฒนาชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ระบบไอเสีย และระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนได้มีการพัฒนาใหม่ นอกจากเพิ่มความแรงแล้ว ยังได้คำนึงถึงด้านสภาพแวดล้อมด้วยเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro IV homologation
เครื่องยนต์ 450 EXC-F ติดตั้ง cylinder head หรือ ฝาสูบแบบ SOHC ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดขึ้นอย่างมากมีตำแหน่งต่ำลง 15 มม. และเบาลง 500 กรัม อีกทั้งในส่วนของ crankshaft หรือเพลาข้อเหวี่ยงของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS วางตำแหน่งไว้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการพัฒนาให้จัดวางตำแหน่งได้ใกล้กับจุดศูนย์ถ่วงที่มีผลทำให้ได้การควบคุมที่ง่ายขึ้น และในส่วนของ crankcasesและ engine covers ของเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ได้รับการที่ออกแบบใหม่ จนสามารถลดน้ำหนักลงได้เกือบ 300 กรัม ซึ่งจากการออกแบบในส่วนนี้จึงมีส่วนโดยตรงที่ทำให้ตำแหน่งของเพลาจัดวางอยู่ใกล้กับจุดรวมศูนย์ตรงกลางของเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น

KTM 450 EXC-F SIX DAYS ใช้ระบบส่งกำลัง 6 เกียร์ใหม่ PANKL RACING SYSTEMS ซึ่งนำเสนอวัสดุหล่อขึ้นรูปที่แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ Keihin Engine Management System สุดล้ำสมัยที่จะทำงานรวมกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงไฟฟ้ามีลักษณะเด่นที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อขนาด 42 มม. ใหม่ เช่นเดียวกับภายในกระบอกสูบแบบสั้นที่มีขนาด 95 มม. ทำงานร่วมกับลูกสูบใหม่ แบบ box-in-box type ที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งซึ่งออกแบบและ สร้างโดย König ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกแบรนด์หนึ่ง นอกจากนี้ในส่วนของ balancer shaft แบบมัลติฟังก์ชันที่ยึดอยู่ด้านข้างเป็นตัวสร้างสมดุลให้กับทุกๆการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของการทำงานในเครื่องยนต์ได้อย่างมีสมดุล ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่เป็นตัวขับปั๊มน้ำอีกด้วย
และ KTM 450 EXC-F มีการติดตั้งคลัทช์แบบ DDS หรือ damped diaphragm steel เหล็กไดอะเฟรมกันกระเทือน ที่มีความทนทานสูงยิ่งที่ KTM พัฒนาขึ้นมา ควบคู่กับ wear-free steel basket ชามคลัทซ์เหล็กแบบไร้การสึกหรอและแน่นอนว่ารถวิบากสมัยใหม่ได้ใช้การสตาร์ทไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน ซึ่งสตาร์ทเตอร์ไฟฟ้าเป็นการติดตั้งชุดมาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งของที่ใช้กับ KTM 450 EXC-F SIX DAYS ใช้ตัวขับสตาร์ทเตอร์และมอเตอร์สตาร์ทเตอร์ที่แข็งแกร่งที่ผลิตโดยโรงงาน Mitsuba ในส่วนของโครงสร้างตัวรถนั้น ต้องบอกว่า KTM จริงจังกับการปรับลดน้ำหนักอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสร้าง 2020 KTM EXC-F ให้เป็นจักรยานยนต์ Enduro ที่บาง เบา และเลี้ยวโค้งได้คล่องตัวที่สุด และด้วยระบบสตาร์ทไฟฟ้าที่ให้มาเป็นมาตรฐาน การเข้าถึงขุมพลังเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่กดปุ่มติดเครื่องยนต์ก็พร้อมทะยานออกไปลุยได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยความมั่นใจในโครงสร้างที่แข็งแรง ซึ่งไฮไลท์ในส่วนของโครงสร้างตัวรถนั้น เริ่มด้วย สวิงอาร์มอลูมินัมชิ้นเดียวของ KTM 450 EXC-F SIX DAYS ผลิตโดยใช้กระบวนการหล่อในแบบด้วยแรงโน้มถ่วง
KTM ใช้ดุมล้อน้ำหนักเบาที่ผลิตด้วยเครื่อง CNC และขอบล้อไฮเอนด์จากผู้ผลิตชั้นนำของโลก โดยในทุกรุ่นของรถประเภท Enduro สามารถการันตีประสิทธิภาพของวงล้อได้ถึงเสถียรภาพสูงสุดและมีน้ำหนักน้อยที่สุด

ขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้น ทุกรุ่นในรหัส EXC ทั้งหมดจะติดตั้งโช้คหัวกลับขนาด 48 มม. เวอร์ชั่นล่าสุดของ WP XPLOR ที่พัฒนาเฉพาะภายใต้ความร่วมมือกันระหว่าง WP กับ KTM และในส่วนของกันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพหลัง WP XPLOR แบบ PDS หรือ progressive damping system อีกส่วนที่จะต้องกล่าวถึงก็คือชุด Airbox ใหม่ ที่พัฒนามาใช้ใน KTM 450 EXC-F SIX DAYS ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจถึงการไหลของอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำลังเครื่องยนต์และประสิทธิภาพการตอบสนองคันแร่งที่ดีที่สุด แม้การออกแบบใหม่นั้นจะเน้นเพื่อเป้าหมายในการปรับปรุงสมรรถนะอย่างชัดเจนแต่ก็ยังคำนึงการป้องกันความสกปรกของไส้กรองอากาศ ด้วยการใช้หม้อกรองอากาศ Twin Air ขนาดใหญ่ ยึดอยู่บนตัวเรือนแข็งที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยลดกรณีที่อาจจะผิดพลาดจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้องให้น้อยที่สุด การบำรุงรักษาไส้กรองนั้นรวดเร็วและง่ายดายเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และไม่ต้องใช้เครื่องมือ และนี่เป็นคุณสมบัติมาตรฐานดั้งเดิมของ KTM ปิดท้ายด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ที่เป็น KEIHIN engine management system ที่กล่าวถึงแล้วว่ามาพร้อมกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงไฟฟ้า ที่มีเรือนลิ้นเร่งขนาดขนาด 42 มม. ซึ่งให้การตอบสนองฉับพลันและสมรรถนะสูงสุดด้วยตำแหน่งหัวฉีดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่องอีซียูทำการเซ็ทค่าแมปใหม่ซึ่งได้รับการปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับระบบไอเสีย ชุดกรองอากาศ และเครื่องยนต์ที่พัฒนาออกมาใหม่นี้ โดยสามารถเปิดหรือเลือกแมปที่เหมาะสมด้วยสวิตช์เลือกแมปที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ โดย ECU จะคำนวน การสั่งจ่ายเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดให้เหมาะสมตามค่าแมปที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้คุณลักษณะด้านกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเกียร์ โดยเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์เกียร์นั่นเอง

สเปคข้อมูลของรถมีดังนี้

DISPLACEMENT: 449.9 cm³
DESIGN: 1-cylinder, 4-stroke engine
BORE: 95 mm
STROKE: 63.4 mm
STARTER: Electric starter
TRANSMISSION: 6-speed
CLUTCH: Wet, DDS multi-disc clutch, Brembo hydraulics
EMS: Keihin EMS
FUEL CONSUMPTION: 3.68 l/100 km
FRAME DESIGN: Central-tube frame with double-cradle
REAR SUSPENSION: WP Xplor PDS shock absorber
SUSPENSION TRAVEL (FRONT): 300 mm
SUSPENSION TRAVEL (REAR): 310 mm
FRONT BRAKE: Brembo twin-piston floating calliper, brake disc
REAR BRAKE: Brembo single-piston floating calliper, brake disc
FRONT BRAKE DISC DIAMETER: 260 mm
REAR BRAKE DISC DIAMETER: 220 mm
CHAIN: X-Ring 5/8 x 1/4”
STEERING HEAD ANGLE: 63.5 °
GROUND CLEARANCE: 355 mm
SEAT HEIGHT: 960 mm
TANK CAPACITY (APPROX.): 9 l
WEIGHT READY TO RACE (WITHOUT FUEL): 106 kg

MOTUL FIM SUPERBIKE WORLD CHAMPIONSHIP 2019 Round 9

Geico U.S. Round WeatherTech Raceway Laguna Seca @ USA ผ่านเลยครึ่งทางของเกมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลกมาอย่างสนุกตื่นเต้น ในการแย่งโพเดี้ยมและคะแนนสะสม ที่ สนามลากูน่า เซก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสนามที่ 9 ในฤดูกาลานี้ สถานการณ์พลิกไปพลิกมา อะไรก็ไม่แน่นอนซะแล้วสำหรับตำแหน่งแชมป์โลกปีนี้ และสนามนี้แข่งเพียงรุ่นใหญ่รุ่นเดียวเท่านั้น

Wrold Superbike 1000cc
Race 1
โจนาธาน เรีย กลับมาเรียกความมั่นใจในเส้นทางลุ้นแชมป์สมัยที่ 5 ด้วยการคว้าอันดับที่ 1 ในการแข่งขันเรซแรก ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพสิชั่น นำแบบม้วนเดียวจบไร้ที่ติ และทำสถิติใหม่กับนักแข่งจากหสราชอณาจักร ด้วยการคว้าชัยชนะ 250 ครั้ง พร้อมเก็บคะแนนสะสมทิ้งห่าง อัลวาโร่ เบาติสต้า ถึงแม้ว่าจะได้ออกสตาร์ทแถวหน้า แต่วิ่งไปได้แค่เพียง 4 รอบสนาม ก็ล้มไปอีก ถึงจะยกรถกลับเข้าสู่เกมแต่ก็ไม่ทัน จบอันดับที่ 17 ไม่มีคะแนน แชส เดวี่ส์ ผลงานปีนี้ไม่โดดเด่นเอาซะเลย แต่สนามนี้ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่สอง ไล่กดดัน เรีย ได้สนุกตั้งแต่ต้นเกม จบในอันดับที่ 2 นักแข่งที่โดดเด่นมาแรงแซงรุ่นใหญ่ โทปราก รัซกัทลีโอกูล ฟอร์มฮอตสุดๆ เบียดขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 3 และ ทอม ไซคส์ ผู้จุดประกายความหวังของค่ายตราพัด BMW ยังคงทำผลงานได้ดี จบอันดับที่ 4
Superpole Race
ถึงจะแข่งเพียง 10 รอบ ในช่วงเช้า ก่อนเรซสอง และมีคะแนนสะสมเป็นตัวแปรสำคัญอาจจะได้เฉือนกับผลต่างเพียงไม่ถึง 5 คะแนน ก็เป็นได้ ทำให้ทุกเรซมีความสำคัญ แต่เกมที่กำลังเบียดกันอย่างสนุกสุดมัน ต้องมาจบลงด้วยธงแดง เพราะว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างรุ่นแรง ขณะที่แข่งเพียง 7 รอบสนามเท่านั้น เรีย คว้าอันดับ 1 เดวี่ส์ อันดับ 2 และ ไซคส์ อันดับ 3
Race 2
แชส เดวี่ส์ นักบิดคันเร่งจากสหราชอณาจักร กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง หลังจากที่อัดอั้นมานานกับพื้นที่ยืนโพเดี้ยม สนามนี้จัดให้เด็กมันดู ออกสตาร์ทขึ้นนำตั้งแต่เริ่มเกม และไม่ยอมให้ใครแซงได้อีกเลย คว้าวินเนอร์โพเดี้ยมให้กับ ดูคาติ ซะที แต่คะแนนสะสมยังห่าง โจนานธาน เรีย ถึงแม้จะชนะในเรซแรก กดคันเร่งแทบจะหมุนสองรอบพยายามไล่ตาม และกดดันตลอดเกม แต่ไม่ทันจริงๆ ต้องยอมรับกับความแรงของดูคาติ เข้ามาเป็นอันดับที่ 2 ส่วนดาวรุ่ง โทปราก รัซกัทลีโอกูล ยังฮอตถึงแม้จะตามไม่ทันคู่หน้าในเรซนี้โดนยืดห่าง 11 วิ. แต่ก็ยังมีที่ยืนบนโพเดี้ยมอันดับที่ 3 ทำให้คะแนนสะสมขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง และถ้าสนามที่เหลือยังสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอาจได้เห็น 1 ใน 3 แน่นอน อเล็กซ์ โลวส์ ยังเจ๋ง! ไม่เคยหลุดท็อปเท็นถ้าไม่กระเด็นซะก่อน คว้าอันดับที่ 4 ทำให้คะแนนสะสมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของตาราง แซงทีมเมท ฟาน เดอร์ มาร์ก ที่ไม่จบการแข่งขัน ส่วนนักแข่งที่ไร้ดวงต้องไปต่อชะตาทำสังฆทานที่วัดไหนสักแห่ง อัลวาโร่ เบาติสต้า ล้มอีกแล้วในรอบซูเปอร์โพลเรซ และมีอาการบาดเจ็บต้องถอนตัวในการแข่งขัน ทำให้เส้นทางการลุ้นแชมป์แทบหมดไปกว่า 70% กับเกมที่เหลืออีก 8 เรซ 4 ซูเปอร์โพลเรซ

เอาล่ะครับ อะไรก็ไม่แน่นอน ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทสนามแรกจนมาถึงสนามนี้ พลิกไปพลิกมา แต่ก็เริ่มจะเห็นแววสดใสของตำแหน่งแชมป์โลกบ้างแล้ว ต้องติดตามกันต่อไป สนามหน้า จะไปแข่งที่สนาม ปอร์ติมอร์ ประเทศโปรตุเกส ในวันที่ 7-8 กันยายน
คะแนนสะสมหลังจบสนามที่ 9
World Superbike 1000cc
1 โจนาธาน เรีย KAWASAKI 433
2 อัลวาโร่ เบาติสต้า DUCATI 352
3 อเล็กซ์ โลวส์ YAMAHA 220
4 ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ก YAMAHA 215
5 ลีออน ฮาสแลม KAWASAKI 202
World Supersport 600cc
1 เรนดี้ ครุมเมนาเชียร์ YAMAHA 173
2 เฟดเดอริโก้ คาริคาซูโล่ YAMAHA 158
3 จูลส์ คูลเซล YAMAHA 132
4 ลูคัส มาเฮียส YAMAHA 82
5 ฮิคาริ โอคูโบะ KAWASAKI 73
World Supersport 300cc
1 มานูเอล กอนซาเรซ KAWASAKI 108
2 อานา คาราสโก้ KAWASAKI 65
3 สก๊อต เดอรูด KAWASAKI 65
4 แอนดี้ เวอร์ดอย YAMAHA 65
5 ยาน โอลี เยนนิค KTM 59

All New Yamaha XSR155 (2019)

เครื่องยนต์
 แบบ4 จังหวะ  สูบเดี่ยว
 ปริมาตรกระบอกสูบ155 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด11.6 : 1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก58.0 x 58.7 มม
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก 
 ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิดT.C.I.
 ระบบคลัทช์ แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น (สลิปเปอร์คลัตซ์) 
 ระบบเกียร์แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ทสตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (E10)
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง10 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง 0.85 ลิตร (กรณีเปลี่ยนถ่ายตามระยะ) 0.95 ลิตร (กรณีเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
กว้าง*ยาว*สูง805 x 2,000 x 1,080 มม.
น้ำหนักรวม134 กก.
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิก แบบ หัวกลับ หลัง : สวิงอาร์ม (แขนยึดโช้คอัพหลัง)
ระบบเบรก หน้า :  ดิสก์เบรก หลัง :  ดิสก์เบรก
ยาง/ล้อ หน้า : 110/70-17 M/C 54S หลัง : 140/70-17 M/C 66S

ฮอนด้าพาสาวก Forza กว่า 300 ชีวิต สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งใหญ่ที่สุด “ฟอร์ซ่า ยอชท์ ปาร์ตี้”

ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำวงการพรีเมี่ยมเอ.ที. อย่างชัดเจนอีกครั้ง เมื่อเอ.พี.ฮอนด้า พร้อมด้วยเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พาลูกค้าฮอนด้าฟอร์ซ่ากว่า 150 คัน รวมกว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรม Forza Yacht Party บนเส้นทางกรุงเทพ-พัทยา ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จัดขึ้นสำหรับเจ้าของรถฟอร์ซ่าเท่านั้น Forza Yacht Party จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นทริปที่ใหญ่ที่สุดจากการรวมตัวกันของสาวกฟอร์ซ่าจากทั่วประเทศ เริ่มต้นออกเดินทางจากศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพฯมุ่งหน้าสู่พัทยา สัมผัสความงดงามของทะเลบนแลนด์มาร์คชื่อดังอย่างสะพานชลมารควิถี 84 พรรษา พักกลางวันกับอาหารทะเลชื่อดังของร้านมุมอร่อย ก่อนจะเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของทริปนี้ นั่นคือการล่องเรือยอชท์สุดหรูจาก Ocean Marina Yacht Club เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามเหนือคำบรรยายกับท้องทะเลสีคราม โดยในทริปนี้ทางเอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดเรือยอร์ชขนาดยักษ์ให้ชาวฟอร์ซ่าได้ร่วมสนุกกันถึง 4 ลำ พร้อมส่งมอบความมันส์แบบไร้ขีดจำกัดด้วยดีเจสาวสวยที่มามิกซ์เพลงให้ถึงบนเรือยอชท์ทุกลำ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ฮอนด้าจัดให้สำหรับชาวฟอร์ซ่าเท่านั้น

สำหรับชาวฟอร์ซ่าคนไหนที่ไม่อยากพลาดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากฮอนด้าในครั้งต่อไป สามารถติดตามข่าวสารได้จากร้าน Honda Wing Center ทั่วปรเทศและที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

#Forza #Forza300 #ForzaClub #APhonda #Hondaclub#WhatsStopsYou
#Yacht #luxurylifestyle #Exclusiveparty #Exclusive #Party#HondaWingCenter