MV AGUSTA Superveloce Limited Edition by Alpine

เป็นอีกค่ายที่ไม่ค่อยจะให้รายละเอียดตัวรถ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นพิเศษที่ขยันส่งออกมามากมายหลากรุ่น ใช่แล้ว MV Agusta จากอิตาลี ที่ประกาศผลิต Limited Edition ล่าสุดออกมา ทั้งที่เพิ่งจะส่ง เวอร์ชั่นครบรอบ 75 ปี ออกมาก่อนหน้านี้

และนี่คือเวอร์ชั่นพิเศษ ที่ MV Agusta จะผลิตออกมาจำกัด 110 คัน กับการแตกย่อยมาจากรุ่น Superveloce โดยเวอร์ชั่นนี้ได้จับมือกับผู้ผลิตรถสปอร์ตและพาร์ทคิทสำหรับการแข่งขันจากฝรั่งเศษอย่างแบรนด์ Alpine โดยพื้นฐานเครื่องยนต์จะเป็น เครื่องยนต์สามสูบแถวเรียงของ MV Agusta ที่มีขนาดกำลัง 147 แรงม้า ซึ่งสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 240 กม. ต่อ ชม. โดยจะเสริมแต่งชิ้นส่วนที่พัฒนามาตามแบบฉบับรถสปอร์ตจาก Alpine A110 ซึ่งรายละเอียดไม่มีอะไรมากนัก นอกจากไฟล์ภาพที่ได้รับมา ดังนั้น เรามาชมโฉมของ MV Agusta Superveloce Alpine ที่มีผลิตออกมา 110 คัน

ครั้งที่แล้วได้นำเสนอ Superveloce ตัวฉลองครบรอบ 75 ปีไป ถ้าคิดว่า ค่าตัวของเวอร์ชั่นนั้น อยู่ที่ 25,000 ยูโร แพงแล้วล่ะก็ ยังคงห่างชั้นจาก Al[ine Edition คันนี้ ที่มาพร้อมกับราคาเบ็ดเสร็จที่ 36,000 ยูโร แต่ไม่ต้องคิดมาก เพราะยอดจำหน่าย “ครบจำนวนเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

Yamaha GT125 New Generation of Torque เฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ…จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมส่ง Yamaha GT125 ใหม่! New Generation of Torque เฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ…จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก ออโตเมติกหัวฉีด 125 ซีซี ดีไซน์สปอร์ต สีสันใหม่โฉบเฉี่ยวเร้าใจ ออกตัวแรง ขี่สนุก คล่องตัวกว่า ด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ บิดเร่งเร้าใจ…สไตล์วัยมันส์ และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร* ต้องยามาฮ่าเท่านั้น!

Yamaha GT125 ใหม่! จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก มาพร้อมเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี เทคโนโลยีแห่งความแรงและประหยัด ออกตัวแรง อัตราเร่งดีด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ประหยัดน้ำมัน พัฒนาให้การเผาไหม้ได้สมบูรณ์กว่า ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น

Yamaha GT125 ใหม่! สปอร์ตบาดใจ…เท่แบบจัดเต็มด้วยไฟหน้า FULL LED พร้อมไฟหรี่และไฟเลี้ยวบิวท์อินกับตัวรถ พร้อมด้วย Meter แผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต พร้อมไฟ ECO Lamp ช่วยบอกถึงสถานะการประหยัดขณะขับขี่ Yamaha GT125 ใหม่! เท่บาดใจ ปลอดภัยสุดๆ ด้วย กุญแจรีโมท ANSWER BACK SYSTEM เปิดช่องกุญแจอัตโนมัติพร้อมไฟเรืองแสง และส่งสัญญาณบอกตำแหน่งรถ ปลอดภัยด้วย Parking Brake สวิตช์ล็อกเบรกหลัง เพิ่มความสะดวกเมื่อจอดในที่ลาดชัน และขับขี่สนุก เข้าโค้งสุดมันส์ได้อย่างมั่นใจด้วยล้อแม็ก 14” แข็งแกร่ง พร้อมยางหลังขนาด 100/70 มม. สปอร์ตหนึบแน่น
Yamaha GT125 ใหม่! เฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ…จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก มาด้วย 2 สีสันใหม่ คือ สีแดง (Red Force) จี๊ดจ๊าดสุดเร้าใจ และสีเทา (Mystic Grey) เท่เข้มบาดใจ พร้อมวางจำหน่ายในราคาเพียง 46,900 บาท ตั้งแต่วันนี้! ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @yamahasocietythailand
Youtube: Yamaha Society Thailand

Ducati Diavel1260 Lamborghini

ก็ฮือฮาไปพักใหญ่กับการประกาศยุติบทบาทในฐานะตัวแทนจำหน่าย Ducati ในประเทศไทย ของกลุ่มธุรกิจยานยนต์ชั้นนำของไทย ส่วนจะเป็นใครมารับช่วงต่อนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งก็คงต้องทำการบ้านหนักไม่น้อยสำหรับการรับช่วงดูแล Ducati ในประเทศไทย

เอาล่ะก็มาที่ทางฝั่งบริษัทแม่เองก็ได้เดินหน้า ส่งรถโมเดลใหม่ออกมาเช่นเคย และหนึ่งในไลน์อัพก็คือ สปอร์ตครุยเซอร์ที่ต้องขออนุญาติกล่าวว่า ไปได้ไม่ค่อยสวยนักในบ้านเรา แต่เอาน่า เขาก็มีกลุ่มนิยม ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพัฒนาออกมาจำหน่ายในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กับ Ducati Diavel 1260 ที่ส่งออกมาสามเวอร์ชั่น คือ Diavel1260 – Diavel1260 S – Diavel 1260 Lamborghini สามโมเดล ที่มาพร้อมกับการแบ่งรายละเอียดการวางจำหน่ายในแต่ละซีกโลกเป็นสามโซน คือ ในกลุ่มประเทศที่ใช้มาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 ในกลุ่มประเทศ สหรัฐอเมริกา,แคนาดา,เม็กซิโก และ โซนที่สาม คือ ประเทศอื่นที่ไม่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวทั้งสองโซนที่กล่าวถึง ความต่างกันในแต่ละโมเดลจากทั้งสามโซนนั่นก็คือ เลเวลของแรงม้า หรือกำลังเครื่องยนต์ ที่ในโซนแรกนั้นจะมีกำลัง 162 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ ต่อนาที ในโซนถัดมา จะมีกำลัง 157 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ ต่อ นาที และ โซนสุดท้าย จะมาพร้อมกับกำลัง 159 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ ต่อ นาที นั่นหมายความว่า ถ้าคุณนำเข้ารถเองโดยผ่านผู้นำเข้าอิสระก็ต้องดูว่ารถนั้นมาจากโซนไหน สำหรับเลเวลของกำลัง 157-162 แรงม้า

แต่พื้ฐานเครื่องยนต์ทั้งสามโซนนั้นเป็นสเปคเดียวกัน ด้วย Testastretta DVT 1262 V2-90 องศา สี่วาวล์ ต่อ สูบ Desmodromic Variable Timing , Dual Spark ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมปริมาตรความจุเครื่องยนต์ ขนาด 1,262 ซีซี ที่มีอัราส่วนกำลังอัด 13.0:1 และมีแรงบิตเท่ากันที่ 13.2 กม. หรือ 129 Nm ที่ 7,500 รอบ ต่อนาที ซึ่งรายละเอียดพื้นฐานของทั้งสามโมเดลนั้น เราได้นำมาลงไว้ด้านท้ายให้ได้ดูกัน และที่ Riding เราค่อนข้างจะสนใจก็คือ เวอร์ชั่นที่น่าจะเรียกว่าพิเศษ อย่าง Lamborghini Edition ที่เป็นการร่วมมือยินยอมพร้อมใจ ของสองค่ายชั้นนำในแวดวงยานยนต์ จากอิตาลีที่จะส่ง DUCATI DIAVEL 1260 LAMBORGHINI ออกมาสู่ตลาดทั่วโลกจำนวนจำกัดที่ 630 คัน

โดยในการออกแบบนั้น ทาง Ducatiได้นำแนวคิดของการออกแบบรถยนต์ของ Lamborghini มาเป็นพื้นฐานในการแต่งแต้มเสริมความเป็นสปอร์ตของ Diavel เวอร์ชั่นพิเศษนี้ เอาสั้นๆ ก็คือหยิบคอนเซ็ปท์การออกแบบรถยนต์รุ่น Sian FKP7 มาถ่ายทอดลงบน Diavel ด้วยวัสดุชั้นยอด แข็งแกร่ง และเบา ไม่ว่าวงล้อแบบ forged wheels ชิ้นส่วนจากคาร์บอยไฟเบอร์ รวมทั้งการเลือกโทนสี Gea Green กับ Electrum Gold แบบที่ทางฝั่ง Sant’Agata Bolognese หรือทาง โรงงาน Lamborghini ใช้กับรถรุ่นพิเศษอย่าง Sian FKP37 ที่ออกมาในวาระพิเศษ พร้อมทั้งใส่หมายเลข 63 เพื่อระลึกถึงการก่อตั้งของโรงงาน Lamborghini ในปี 1963 และเมื่อผลิต ทาง Ducati จึงจำกัดไว้ที่ 630 คัน

นอกจากเครื่องยนต์ Ducati แบบ Testastretta DVT 1262 engine ที่ใช้กับสามโมเดลดังกล่าว ที่แยกจากไลน์อัพอื่นในตระกูล Diavel ด้วยกันแล้ว เจ้า Lamborghini Edition ยังเสริมด้วยชิ้นส่วนพิเศษ พาร์ทพิเศษ รวมทั้ง ระบบอิเล็คทรอนิคส์เพิ่มเติมพิเศษบางจุด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมซีรีส์ 1262 engine ที่มาพร้อมมาตรฐานในเลเวลเดียวกันอย่าง Trellis tubular steel frame Aluminium single-sided swingarm หรือ ชุดเบรก Brembo brakes with 320 mm diameter front discs and M50 monobloc calipers, 265 mm diameter rear disc เช่นเดียวกับชุดไฟ LED ทั้ง Front headlight with DRL and LED lighting system เช่นเดียวกับจอแสดงผลหรือเรือนไมล์แบบ Colour TFT instrumentation และแน่นอนว่าพื้นฐานหรือหัวใจสำคัญของรถจักรยานยนต์ยุคใหม่ต้องมาพร้อมกับระบบอิเล็คทรอนิคส์ชั้นยอด หรือ Electronic package ที่มีมาให้อย่าง Bosch 6-axis Inertial Measurement Unit (6D IMU)Bosch Cornering ABS EVO, Ducati Traction Control (DTC) EVO, Ducati Wheelie Control (DWC) EVO, Ducati Power Launch (DPL) EVO, Cruise Control เป็นต้น ขณะที่โครงสร้างตัวรถนั้น ในส่วนของระบบกันสะเทือนจัดเต็มด้วย Fully adjustable 48mm diameter Öhlins front fork กับชุดหลังอย่าง Fully adjustable Öhlins shock absorber นอกจากนี้ก็มี Ducati Quick Shift up & down (DQS) EVO รวมทั้งความบันเทิงเริงรมย์ด้วย Ducati Multimedia System (DMS) ที่มีติดตั้งมาด้วย เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดตัวรถก็ตามที่กล่าวไว้ เรานำมาฝากกันทั้งสามเวอร์ชั่นกันเลย

 

Benelli ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ TRK502X

เอาใจสายเดินทาง ใหม่ล่าสุดจากค่าย Benelli ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ TRK502X สายลุยในตระกูล TRK502 Series ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นของดีไซน์ และสีสัน เสริมความลงตัวให้ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองการขับขี่ของไบค์เกอร์ชาวไทยมากยิ่งขึ้น มาถึงเวอร์ชั่นที่ 2 ของรถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ของค่าย Benelli ที่จะมาเติมเต็มความสนุกเร้าใจ พร้อมตะลุยไปทุกเส้นทางกับ TRK502X ด้วยการปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับการใช้งานกับไบค์เกอร์มากที่สุด ตัวรถดีไซน์ด้วยเส้นสายแบบสปอร์ต ลายสติ๊กเกอร์ดุดัน คมเข้ม รู้สึกถึงการเดินทางผจญภัย วินชิลด์ทรงสูงโปร่งใสมองเห็นเด่นชัด ติดตั้งการ์ดแฮนด์สำหรับป้องกันการประแทก ปลอกแฮนด์บางแบบพิมพ์ลาย TRK ให้การจับกระชับมากขึ้น ก้านเบรกและก้านคลัทช์ เหรียญปรับระดับได้

ชุดแฟริ่งใหญ่ดูบึกบึนสไตล์ของรถแอดเวนเจอร์ แต่สามารถตัดอากาศได้ดี ข้างหน้ามีช่องดักอากาศเข้าไปช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ด้านข้างเสริมแคสบาร์เหล็กดัดเชื่อมกันล้ม ไฟหน้าพร้อมไปเดย์ไลท์ LED ไฟท้ายทับทิมแดงส่องสว่างด้วยหลอด LED 12 หลอด ถังน้ำมันขนาดใหญ่ความจุ 20 ลิตร ฟีเจอร์โดดเด่น จอแสดงผล ดิจิตอล มาพร้อมลายกราฟฟิกใหม่ ครบทุกฟังก์ชั่น สีสันชัดเจน รอบเครื่องยนต์เป็นเข็มแบบอะนาล็อค สวิตช์แฮนด์ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเรืองแสง ช่องเสียบชาร์จไฟ 5V 2A แบบ USB และมีฝายางปิดกันน้ำ ด้านท้ายเสริมแรคที่ทำจากโลหะผสมอลูมินั่มรองรับสำหรับออพชั่นเสริม เบาะนั่ง Low Seat เน้นสำหรับไบค์เกอร์ชาวไทยโดยเฉพาะ นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้าย

ในส่วนของเครื่องยนต์มีปริมาตรความจุ 499.6 ซีซี 2 สูบเรียง 8 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ แรงบิดสูงสุด 46 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที กำลัง 11.5:1 แรงม้าสูงสุด 48 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที สนุกไปกับอัตราทดเกียร์ 6 สปีด ท่อไอเสีย ออก 2 รวม 1 สวมด้วยปลายขนาดใหญ่วงล้ออลูมินั่มแบบซี่ลวด ข้างหน้า 19 นิ้ว วงล้อหลัง 17 นิ้ว ยางแบบดูโอเพอร์โพส แบบกึ่ง ได้ทั้งทางเรียบ และทางดินอัดแน่น

ยางหน้า 110/80-19 ยางหลัง 150/70-17 ระบบเบรกหน้า ดับเบิ้ลดิสก์เบรก 320 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ท ดิสก์เบรกหลังจานเดี่ยว 260 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ซึ่งมาพร้อมกับระบบ ABS ทั้งหน้า และหลัง โช้คอัพหน้า Upside Down ขนาด 50 มม. โช้คอัพหลังเดี่ยวปรับตั้งค่าได้เต็มระบบ พรีโหลด รีบาวด์ และ คอมเพรสชั่น สวิงอาร์มเหล็กคู่แข็งแรง

สำหรับราคามี 2 เวอร์ชั่น สแตนดาร์ด 254,500 บาท มี 3 สี ขาว, เทา และ น้ำเงิน ตัวลิมิเต็ดเพิ่มออพชั่นกล่อง 3 ใบ 278,500 บาท มีสีเหลืองเท่านั้น และยังคงรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ความรู้สึกหลังจากการขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ Golf Riding

อะไรมันช่างใหญ่ขนาดนี้ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดมิดไซส์ ที่มีรูปร่างบึกบึนไปเทียบเท่ากับพี่ใหญ่ระดับ 1000 ซีซี อัพ แต่การดีไซน์ไม่ธรรมดาความเป็นสปอร์ต คมเข้ม ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เบาะนั่งกว้างและความสูงไม่มากคร่อมแล้วรู้สึกมั่นใจแม้จะประครองด้วยปลายเท้า น้ำหนัก 213 กิโลกรัม ทะลุเพดานของรถไซส์ใหญ่บางรุ่นไปเลย จะขยับโยก หรือ จูงเข็น ค่อนข้างยากสักนิด แต่มันก็มีข้อดีคือการทรงตัวนิ่ง และมั่นคง โดนลมปะทะแรงๆ แทบไม่ขยับ การซิกแซกก็ทำได้เยี่ยม แต่ถ้าเจอรถติดๆ ช่องเล็กๆ ก็ไปไม่ได้เหมือนกันเครื่องยนต์เน้นที่แรงทอร์ค แรงบิด ช่วงต้น และกลาง รู้สึกได้ในการออกตัวที่เร็ว รอบไม่ต้องใช้เยอะมาก 4-5,000 รอบ/นาที กำลังขี่สนุก เกียร์ 6 สปีด ได้สนุกกับช่วงเกียร์ 3-5 แต่เกียร์ 6 รอบจะตึงๆ มือ การบิดเร่งแซงสามารถเปิดคันเร่งได้เลย อาจจะรอรอบสักนิด ในรอบปลายลากกันยาวๆ ทะลุ 160 กม./ชม. เครื่องยนต์ยังแสดงถึงกำลังที่จะไปต่อ เพราะฉะนั้นสามารถปรับลดเพิ่มสเตอร์ได้ตามความเหมาะสมช่วงล่างหนึบพอตัวเลยทีเดียว ข้างหน้าโช้คอัพหัวกลับไม่ได้มาแต่ความสวยดูหรูพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ใช้งานดีเลยทีเดียว ระยะยุบอาจจะไม่เยอะให้พร้อมลุยทางขรุขระสักเท่าไหร่แต่ทางเรียบๆ นี่สิ แหม…มันดี โช้คอัพหลังเดี่ยวที่ปรับได้เต็มระบบ เดิมๆ ก็ทำงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความเหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคนก็ปรับได้เลยเบรก ที่ให้มาพร้อมกับระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น ข้างหน้าจานดิสก์คู่ 320 มม. แต่คาลิเปอร์ลดสเปคลงมาจากตัวเก่า จาก เรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท เป็นแบบ 2 พอร์ท แต่ก็เพียงพอสำหรับความเร็วของเครื่องยนต์ ดิสก์หลังก็ใช้งานได้ปกติทั่วไป ดอกยางไม่ได้ลึกมากการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปถือว่าเกาะถนนได้ดี แต่ถ้าลงดินแนะนำให้เป็นดินอัดแน่น หรือดินลูกรัง ถ้าเจอทรายหรือโคลนรับรองล้อฟรีแน่นอนถ้าจะว่าไปแล้วคาแรคเตอร์ของ TRK502X น่าจะไม่ค่อยเหมาะกับสายบิดทะลุทะลวง ที่ชอบความปี๊ดปร๊าดลากรอบยาวๆ เพราะเครื่องยนต์ของ TRK502X จะได้กำลังช่วงต้นกลางที่โดดเด่น ออกตัวเร็ว แซงผ่านสบาย และช่วงปลายสบาย ๆเหมาะสำหรับสายชิวมากกว่า

Husqvarna TC50

เริ่มต้นการพัฒนา ด้วย TC50 จาก Husqvarna คือ คำจำกัดความล่าสุด Pression starts here ที่มาพร้อมกับ รถโมโตครอสเครื่องยนต์สองจังหวะสำหรับยุวชนโมเดลล่าสุดที่ยังคงส่งออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี

แน่นอนว่าสำหรับ Husqqvarna นี่ไม่ใช่แค่ “รถของเล่น” แต่พวกเขาจริงจังกับการพัฒนาด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีในระดับเดียวกับรถโมโตครอสในแบบ full size ด้วยเหตุนี้ TC50 จึงเป็นรถโมโตครอสที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากยุวชนนักบิดสายวิบากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จากสมรรถนะในระดับสูง ประสิทธิภาพเทียบชั้นกับรถ โมโตครอสขนาดใหญ่ ที่พร้อมเค้นขีดความสามารถและทักษะพื้นฐานที่ดีให้กับว่าที่ซูเปอร์สตาร์ในอนาคตบนสังเวียนทางฝุ่นองค์ประกอบ มิติ ประสิทธิภาพต่างๆ ถอดแบบให้อยู่ในระดับเดียวกับไลน์อัพรถโมโตครอสระดับ full size เพียงแต่ย่อขนาดของตัวรถและปริมาตรเครื่องยนต์ลงมาให้มีมิติการขับขี่ที่เหมาะสมกับยุวชน โดยรวมแล้วความเหมือนระหว่าง TC50 กับ รถโมโตครอส full size ก็คือคุณสมบัติในมาตรฐานระดับเดียวกัน ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ ภาพลักษณ์รูปโฉมของ TC50 เมื่อมองแล้วจะสัมผัสถึงความรู้สึกของคำว่า premium look

ดังนั้นเมื่อกวาดตามองดูรถโมโตครอสระดับเริ่มต้นในตลาดรถสำหรับนักแข่งยุวชนแล้วอาจจะพบว่า TC50 คือ the most premium 50cc motocross model ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมหรือจัดว่าเป็น superior level of quality ในระดับหัวแถวที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุดในเชิงการแข่งขัน ที่พร้อมจะนำยุวชนก้าวสู่ความเป็นสุดยอดนักแข่งในอนาคตด้วยศักยภาพอันเต็มเปี่ยม ที่พัฒนามาใน 2021 Husqvarna TC50 เจนเนอร์เรชั่นล่าสุดนี้ด้วยขีดความสามารถอันเต็มเปี่ยมของ TC50 นั้น มีผลต่อเนื่องาจากพื้นฐานการพัฒนาโครงสร้างตัวรถที่ยอดเยี่ยม advanced steel frame ที่ออกแบบมารองรับเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็ลงตัวกับองค์ประกอบชั้นยอดในส่วนของระบบกันสะเทือน อย่างเช่น WP XACT fork ขนาด 35 มม. ซึ่งเจ้าระบบกันสะเทือนหน้าหรือชุดฟอร์คหน้า WP รุ่น XACT forks มาพร้อมกับ AER technology แบบเดียวที่ใช้ในระบบกันสะเทือนหรือ
ฟอร์คของรถในแบบ full size ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและสมรรถนะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทีนี้มาไล่กันคร่าวๆว่า 2021 TC50 นี้ มาปรับเปลี่ยนในแบบไมเนอร์เชนจ์ไปในจุดไหนบ้าง

New high-grip seat cover นอกจากการมิติส่วนของเบาะนั่งให้เพรียว บวกกับใช้ชิ้นส่วนฝาครอบแอร์บ็อกซ์แบบชิ้นเดียวที่ทำให้ การเคลื่อนที่บนเบาะนั่งทำได้คล่องแคล่วแล้วนั้นก็ได้มีการปรับหุ้มเบาะใหม่ที่ออกแบบมาให้ มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น แน่นอนว่ามีส่วนสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ที่สามารถยึดเกาะไปกับรถได้อย่างมั่นใจในทุกจังหวะที่สามารถเคลื่อนท่าทางได้คล่องแคล่วควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของลวดลายกราฟฟิคนั้น ก็เช่นเดียวกับ TC85,TC65 ที่มีการปรับ new Graphic ให้มีความทันสมัยและบ่งบอกถึงสไตล์ของรถในแบบออฟโรดมากขึ้น มีการปรับตามแบบของชิ้นส่วนมือเร่งแบบเดียวกับที่ทำในรุ่น TC85 ออกแบบแก้ไขชิ้นส่วนของชุดปะกับคันเร่ง เพื่อพัฒนาให้สามารถมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ตอบสนองได้ดี ในทุกจังหวะของการเปิดปิดคันเร่งได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังช่วยยืนระยะเวลาในการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มกำลังในการหยุดยั้งความเร็วรวมทั้งเพิ่มความมั่นคงให้กับจังหวะการเบรก โดยมีการรปรับระบบเบรกใหม่ด้วย new Formula brake ซึ่งก็คือการออกแบบปรับปรุงระบบเบรกทั้งชุด ไม่ว่า caliper+clutch+brake ssemblies แบบเดียวกับในรุ่น TC85 ที่ได้รับการอัพเดทใหม่ ก่อนที่จะส่งต่อมายังน้องเล็กอย่าง TC50 และนอกจากนี้ยังได้ทำการปรับเพื่อพัฒนามิติท่วงท่าการขับขี่ และเพื่อเสริมความมั่นคงในทุกจังหวะควบคุมด้วย new NEKEN tapered รวมทั้ง aluminum handlebars แบบเดียวกันทั้งในรุ่น TC65 และ TC50

แม้ว่า TC50 จะถูกแต่งเติมให้มีสมรรถนะมากเพียงใดก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือรถแข่งในระดับเริ่มต้นสำหรับยุวชนนักบิดสายวิบาก ดังนั้นหัวใจหรือกุญแจสำคัญสำหรับ TC50 และอาจจะรวมถึงรถรุ่นอื่นๆในสายวิบากจากค่ายต่างๆ นั่นก็คือ คำว่า Autoatic clutch เนื่องจากเป็นบันไดขั้นแรกของการพัฒนาทักษะ จุดประสงค์สำคัญจึงออกแบบมาเพื่อให้รถในพิกัดนี้มีไว้เพื่อให้ยุวชนนักบิดพุ่งเป้าหมายไปที่การเรียนรู้ฝึกฝนกรรมวิธีเพื่อขับขี่ โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการกระบวนการควบคุมรถแข่ง ในส่วนของการใช้คลัทซ์ และเกียร์ด้วยวัตถุประสงค์นี้เอง Husqqvarna จึงพัฒนา Automatic centrifugal clutch ด้วยการออกแบบให้ multi-disc clutch สามารถทำงานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ มีส่วนให้สามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างเหมาะสม เต็มที่ในแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้ และข้อมูลล่าสุดของ 2021 Husqqvarna TC50

สเปคพื้นฐาน ดังนี้

Husqvarna TC50

Engine type Single cylinder, 2-stroke
Displacement 49 cc
Bore/stroke 39,5/40 mm
Starter Kickstarter
Carburetor Dell’Orto PHBG 19 BS
Control –
Lubrication Mixture lubrication 1:60
Transmission Single gear automatic
Gear ratios 14:31
Primary ratio 33:61
Final drive 11:40
Cooling Liquid cooling
Clutch Centrifugal clutch (adjustable)
Ignition Selettra 2p D36

Chassis
Frame Chrome-molybdenum steel central-tube frame
Subframe Steel
Handlebar Tapered Aluminium Ø 28/22/18 mm
Front suspension WP XACT Upside-Down fork, Ø 35 mm
Rear suspension WP XACT PDS monoshock
Suspension travel front/rear 205/185 mm
Front brake Disc brake Ø 160 mm
Rear brake Disc brake Ø 160 mm
Front/rear rims 1.50 x 12”; 1.60 x 10” Alu
Front/rear tires 60/100 x 12”; 2.75 x 10”
Chain 1/2 x 3/16”
Silencer Aluminium
Steering head angle 66°
Triple clamp offset 22 mm
Wheel base 1,032 mm ± 10 mm
Ground clearance 252 mm
Seat height 665 mm
Tank capacity 2,3 Liter
Weight (without fuel)  41.5 kg

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาส 3 แบบเต็มพิกัด ด้วยการเปิดตัว “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจไปอีกขั้น ตั้งแต่หัวจดท้าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ R-Series DNA สัมผัสแห่งความแรง พร้อมรูปทรงแอโรไดนามิกเจนใหม่ของ Sport Moped ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Sport Moped ในเมืองไทยอย่างแท้จริง!!! พร้อมทั้งการันตีคุณภาพสินค้ากล้ารับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กล้ารับประกัน

สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ แรงเต็มขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และระบบ Assist & Slipper คลัตช์ เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่ทุกโค้ง ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกับรถสปอร์ต อย่างเต็มพิกัด

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบดีไซน์ เฟรมใหม่ เป็นรูปตัว Y ที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น โดยทำงานสัมพันธ์กับ โช้คหน้า เทเลสโคปิค ปรับระยะยุบใหม่ โดยทำการเพิ่มระยะยุบของโช้คหน้าให้สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มนวลและเกาะถนนมากขึ้น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน พร้อมโช้คอัพหลังแบบ MONO SHOCK โฉบเฉี่ยวมั่นใจ ที่ได้รับการออกแบบตามหลัก “คันโนะเฮียวกะ”* พร้อมส่วนป้องกันโช้คอัพที่แผงกันล้อหลัง ผสานการทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ช่วยลดแรงกระแทก ขับขี่นุ่ม นั่งสบาย ทรงตัวดี ส่งผลให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความเร้าใจและความมั่นใจมากยิ่งขึ้น*ประเมินสมรรถนะการขับขี่จากมุมมองและความรู้สึกของนักขี่ทดสอบ
นอกจากนี้ All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังได้รับการปรับโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยตั้งแต่หัวจดท้าย ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า LED รูปแบบใหม่ ให้ความส่องสว่างทุกการขับขี่ ด้วยไฟหน้า LED แบบแยกโคมไฟสูงและไฟต่ำ โฉบเฉี่ยวสไตล์ Super Sport พร้อม Day Time Running Light สว่างชัดเจนทุกองศาของการเคลื่อนไหว พร้อมด้วย ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ แบบ LED ให้ความโฉบเฉี่ยวเร้าใจทุกมุมมอง และไฟเลี้ยวแบบแยกชิ้นสไตล์สปอร์ต สว่างปลอดภัย โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Full LCD Meter หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดีไซน์สปอร์ต พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มระบบ ทันสมัย แสดงฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน พร้อมตอบสนองทุกการเดินทางไกลด้วย ถังน้ำมัน ความจุมากขึ้น ไปได้ไกลขึ้น ด้วยถังน้ำมันขนาดความจุ 5.4 ลิตร
สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” มาพร้อมกับสีสันใหม่สุดเร้าใจด้วยกัน 2 สี 2 สไตล์ คือ สีน้ำเงิน GP BLUE ให้ความรู้สึกเรซซิ่งแบบแฟคทอรี่ทีมอย่างเต็มอารมณ์ และสีดำ RC BLACK เข้ม ดุดัน ทุกมุมมอง โดยยามาฮ่ายังได้เตรียม ACCESSORIES ที่สามารถแต่งให้สปอร์ตเร้าใจสุดๆ กับชุดแต่งและอะไหล่แท้จากยามาฮ่าในราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ชุดมือเบรก-มือคลัตช์สีทอง, ชุดจุกปิดแฮนด์สีทอง, บังโคลนหลังสีดำ, ชุดยึดแผ่นป้ายทะเบียน, บังไมล์สปอร์ตสีควันบุหรี่ และกันลายสีดำ
All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155…Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ พร้อมวางจำหน่ายในราคาเพียง 68,000 บาท ตั้งแต่วันนี้! ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @yamahasocietythailand
Youtube: Yamaha Society Thailand

ยามาฮ่า เปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ All New EXCITER 155 VVA

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ All New EXCITER 155 VVA นำทัพสานต่ออัตราเติบโตครึ่งปีแรกพร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้ากล้า “รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.” เชื่อตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง ปิดยอดประจำปีที่ 1.53 ล้านคัน
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง สานต่อความสำเร็จหลังผ่าน 2 ไตรมาสแรก ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15.2% พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยรถใหม่ 6 รุ่น นำโดย All New EXCITER 155 ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างเหมาะสม พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ยึดมั่นปรัชญา “Kando creating company” พันธกิจ และวิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า คาดตลาดรถจักรยานยนต์ปิดยอดประจำปีที่ 1.53 ล้านคัน ขยับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.7%
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมของธุรกิจรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกว่า “จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่ผ่านมานั้น ธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆในประเทศ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการระบาดในระลอกใหม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารถจักรยานยนต์ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับการประกอบอาชีพ และการลดต้นทุนในการเดินทางตามสถานการณ์ปัจจุบัน และยามาฮ่ายังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเหมาะสมกับทุกการใช้งาน”
“ในทางกลับกันกำลังการผลิตในด้านอื่นๆ ไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การผลิตชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าและอะไหล่อื่นๆ ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ พร้อมกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น โรเดียม และอลูมิเนียม ที่จำเป็นต่อการผลิตรถจักรยานยนต์ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่าไม่ได้ผลักภาระต้นทุนดังกล่าวสู่ท้องตลาดและกระทบกับผู้บริโภค โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงสู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยการปรับการผลิตและการขายให้ตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลง “ทั้งนี้ยามาฮ่ายังคงวางแผนระยะยาวด้วยแนวคิด “ART for Human Possibilities” และได้เริ่มต้นเดินหน้าสู่ปี 2030 ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาสินค้ายามาฮ่าด้วยวิทยาการชั้นสูง ผ่านวิถีของ ยามาฮ่า และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเดินทาง เพื่อเพิ่มศักยภาพความเป็นไปได้ของผู้คน และทำให้สังคมและการใช้ชีวิตดียิ่งๆขึ้นไป”
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า “สำหรับสภาวการณ์หลังผ่าน 2 ไตรมาสแรกของปี 2564 ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศมีการเติบโตขึ้นถึง 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งยามาฮ่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 19.5% ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราทำการเปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เช่น All New YAMAHA AEROX และ NMAX Connected ใหม่ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ยามาฮ่าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของสินค้าด้วยยอดจำหน่ายใน 2 ไตรมาสแรกมากกว่า 1.32 แสนคัน ส่งผลให้การคาดการณ์ตลาดรวมรถจักรยานยนต์ในประเทศจนถึงปลายปี 2564 จะมียอดจำหน่ายราว 1.53 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.7%”
“โดยยามาฮ่าตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16.5% ด้วยการเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ด้าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.) การเปิดตัวสินค้าใหม่ 6 รุ่น ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในตลาดรถจักรยานยนต์ให้ได้มากยิ่งขึ้น 2.) มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี 3.) ยกระดับและพัฒนาศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยมาตรฐานสูงขึ้น 4.) รุกการตลาดแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใช้การสื่อสารด้านออนไลน์เป็นทางเลือกหลักมากยิ่งขึ้น”ขณะที่ นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด กล่าวถึงภาพรวมและการตลาด 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ว่า “สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยามาฮ่ายังคงไม่หยุดที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถจักรยานยนต์ และครั้งนี้เราได้เปิดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ครบทุกเซกเมนต์ถึง 6 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ด้วยกันถึง 2 รุ่น นำโดยกลุ่มรถครอบครัวอย่าง All New YAMAHA EXCITER ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจพร้อมราคาแนะนำที่ 68,000 บาท และ YAMAHA FINN รุ่นใหม่ “สตาร์ทมือ-ดรัมเบรก” ซึ่งเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการรถจักรยานยนต์ที่มีราคาย่อมเยาด้วยราคาแนะนำที่ 39,800 บาท สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเรายังคงเน้นเรื่องการรับประกันทั้งคัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางใน YAMAHA FINN ทุกรุ่นอีกด้วย
ในส่วนของกลุ่มรถสปอร์ต ยามาฮ่าได้ทำการเปิดตัวรถสปอร์ตคลาส Mediumweight เครื่องยนต์ขนาด 321 ซีซี อย่าง YZF-R3 สีใหม่ และ MT-03 สีใหม่ โดยใน 2 รุ่นนี้ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตไซซ์กลาง โดย YZF-R3 สีใหม่นี้ นำโดยสี ฟ้า Cyan ที่เป็น Global Trend พร้อมกับสีน้ำเงิน Racing Blue และ สีดำ Matt Black ด้วยราคาแนะนำที่ 198,200 บาท ในส่วนของ Naked Sport อย่าง MT-03 สีใหม่ ที่ได้รับความนิยมและสร้างยอดจำหน่ายได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ทำการเปิดตัวด้วยยอดจำหน่ายถึง 200 คันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้เราเปิด 2 สีใหม่ สุดเร้าใจ!!! นั่นคือ “สีเทา – Pastel Dark Grey” ที่ และ “สีน้ำเงิน – เทา Deep Purplish Blue Metallic” ด้วยราคาแนะนำที่ 187,700 บาท และที่ขาดไม่ได้กับกลุ่มรถออโตเมติกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศมาในครั้งนี้ ยามาฮ่าพร้อมเปิดตัวรถ Automatic Style Modern Classic ที่ขายดีที่สุดในประเทศครองใจลูกค้า มานานกว่า 10 ปี ด้วยยอดขายกว่า 500,000 คัน พร้อมกับระบบ Hybrid รุ่นแรกของประเทศไทย New Grand Filano Hybrid 6 สีใหม่ สุดพรีเมี่ยมซึ่งเป็นสีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรป และกลุ่มสีแฟชั่นเซตในปี 2022 ได้แก่สีชมพู Charming Old Rose สุดทันสมัย และสีน้ำตาล Earth Brown ในรุ่น ABS พร้อมราคาแนะนำที่ 63,100 บาท และ 4 สี ในรุ่น Standard นำโดยสีแดง Energetic Red, สีเทา Luxury Grey, สีน้ำเงิน Fresh Blue และสีดำ Majestic Blackพร้อมราคาแนะนำที่ 58,600 บาท โดยเรายังคงใช้วง Getsunova เป็นพรีเซนเตอร์อย่างต่อเนื่องพร้อมกับการสร้าง Brand GF ให้มีความโดดเด่นต่อไป
สำหรับรุ่นสุดท้ายในวันนี้ยามาฮ่าพร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกสไตล์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมด้วยยอดขายกว่า 1 แสนคัน จากกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ สปอร์ต และโฉบเฉี่ยว สีจัดจ้าน ด้วยรุ่น GT125 2 สีใหม่ ที่ยังคงความสปอร์ตจัดจ้านอย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอบสนองอัตราเร่ง และประหยัดน้ำมันอย่างดีเยี่ยม นำโดยสีแดง Red Force แดงสดใสพร้อมกราฟิกใหม่ เน้นย้ำความเป็น Sport Automatic อย่างชัดเจน และ สีเทา Mystic Gray พร้อมราคาแนะนำที่ 46,900 บาท
โดยไทยยามาฮ่ามอเตอร์ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ยามาฮ่าในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ครบทุกเซกเมนต์ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดไม่เกิน 400 ซีซี ทุกรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวอย่าง ”ยามาฮ่าฟินน์” ที่ยามาฮ่า กล้าให้การรับประกันทุกชิ้นส่วนยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบคุณร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท Finance และสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดีรวมทั้งกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

CUB House เปิดตัว Monkey Johney Red Edition ร้อนแรงจัดจ้านด้วยสีแดงสุดชิค

CUB House สานต่อโปรเจกต์พิเศษ The Monkey Custom เดินหน้าสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ความสนุกครั้งใหม่ให้กับแฟนคลับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนานอย่าง Monkey

ล่าสุด เสิร์ฟความซุกซนพร้อมการเพิ่มดีกรีความร้อนแรง ด้วยสีแดงสุดชิคที่มาในเวอร์ชัน “Monkey Johney Red Edition” ตัวรถเติมแต่งความสนุกด้วยโลโก้หน้าลิง Super Monkey ที่ด้านข้างถังน้ำมัน พร้อมด้วยลวดลายตัวอักษรบ่งบอกเอกลักษณ์ของมังกี้รุ่นพิเศษที่ตัดกับสี Metallic อย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์กระเป๋าข้างโดดเด่นทุกสายตากับสัญลักษณ์ Z125 ตอกย้ำตำนานสุดวินเทจของรถต้นตระกูล Z ที่ได้รับการยกระดับความเท่ บิดสนุกทุกไลฟ์สไตล์กับขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 125 ซีซี เกียร์ 5 สปีด

Monkey Johney Red Edition วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำ 107,900 บาท พบกันที่โชว์รูม CUB House ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3xnP6IU

“ราซกัตลิโอกลู” เบิ้ลแชมป์ โดนิงตั้น รั้งจ่าฝูง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์

โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ดาวบิดเติร์ก สังกัดพาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค ระเบิดฟอร์มเก่งควบ R1 คว้าดับเบิ้ลแชมป์ ในเกมสนาม 4 ศึกเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ เก็บแต้มขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังผ่านการชิงชัยที่ โดนิงตั้น เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมา

ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามที่ 4 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ โดนิงตั้น พาร์ค สหราชอาณาจักร ระยะทางต่อรอบ 4.023 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 3 เรซ ในรายการโปรเซคโก้ ดีโอซี ยูเค ราวนด์ โดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 นักบิดตุรกี จาก พาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค สามารถระเบิดฟอร์มเก่งของตนเอง ภายใต้รถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 บิดทะยานจากกริดที่ 13 ผงาดคว้าแชมป์ในเรซแรกไปครอง หลังจากนั้นสามารถรักษาผลงานอันร้อนแรงของตนเองไว้ได้ในเรซที่ 2 ก่อนจะจัดการเบิ้ลแชมป์ที่ โดนิงตั้น พาร์ค ได้อย่างยิ่งใหญ่

ด้าน การ์เรตต์ เกอร์ลอฟฟ์ #31 ดาวบิดอเมริกัน จาก จีอาร์ที ยามาฮ่า เวิลด์เอสบีเค ทีม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมบิดจบเกมในเรซแรกด้วยอันดับ 7 ก่อนจะผงาดขึ้นโพเดี้ยมได้ในเรซที่ 2 ส่วน อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 จาก พาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค บิดไม่จบการแข่งขันในเรซแรก ก่อนจะซิ่งเข้าเส้นชัยด้วยอันดับ 11 ในเรซที่ 2 จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด หลังเก็บไปได้ทั้งสิ้น 183 คะแนน เบียดแชมป์โลกอย่าง โจนาธาน เรีย ลงมารั้งอันดับ 2 ขณะที่ ยามาฮ่า ลดช่องว่างระหว่าง คาวาซากิ ที่เป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทค่ายผู้ผลิตเหลือเพียง 4 คะแนน
ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามถัดไป มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 23-25 กรกฎาคม นี้ ณ ทีที แอสเซ่น เซอร์กิต ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในรายการโปรเซคโก้ ดีโอซี ดัตช์ ราวนด์

ครั้งแรกในไทย! เปิดตัว New CRF450RL เอ็นดูโร่สายพันธุ์แชมป์

ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งแรงเต็มสมรรถนะ พร้อมตอบโจทย์สายลุยแบบไร้ขีดจำกัด ฮอนด้า เปิดตัวสุดยอดรถจักรยานยนต์เอ็นดูโร่ไบค์ New Honda CRF450RL ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งสายพันธุ์แชมป์ พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด”

ดีไซน์โดดเด่นให้ความแข็งแกร่งและปราดเปรียวในสไตล์ออฟโร้ด ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ด้วยโครงสร้างเฟรมและสวิงอาร์มแบบอลูมินั่ม ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 450 ซีซี ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำคู่ รองรับการผจญภัยทุกรูปแบบด้วยระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ปรับตั้งค่าตอบสนองแรงสะเทือนได้อย่างละเอียด ลุยได้ทุกอุปสรรค

New Honda CRF450RL สุดยอดรถเอ็นดูโร่ไบค์รุ่นล่าสุดในตระกูล CRF Series คือ รถโปรดักชั่นไบค์ระดับท็อปคลาสที่ใช้พื้นฐานเดียวกับรถแข่งที่คว้าแชมป์โมโตครอสชิงแชมป์โลก MXGP ถึง 2 ปีซ้อน (2019-2020) รวมถึงแชมป์ดาการ์ แรลลี่ 2 ปีซ้อนเช่นกัน (2020-2021) โดยตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด” รูปลักษณ์โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ให้ความดุดันในสไตล์ออฟโร้ด ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวทันสมัย All LED แบบ Hexagon ส่องสว่างชัดเจน หน้าจอ Digital Meter แสดงฟังก์ชั่นครบถ้วนทุกรายละเอียด

New Honda CRF450RL ให้สมรรถนะความแรงขั้นสุด ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งอย่างเต็มรูปแบบ นำโดยเครื่องยนต์ทรงพลัง ขนาด 450 ซีซี Unicam OHC ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำคู่ พร้อมพัดลมไฟฟ้า อัตรากำลังอัด 12.0 : 1 ปรับย่านกำลังแคมชาร์ฟใหม่ให้เครื่องยนต์สมูทคุมง่ายขึ้น เกียร์ 6 สปีด ที่ปรับอัตราทดให้ขับขี่ใช้งานบนท้องถนนได้อย่างเหมาะสม

ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย คล่องตัว ด้วยโครงสร้างเฟรม และสวิงอาร์มแบบอลูมินั่ม ถังน้ำมันไทเทเนียมความจุ 7.6 ลิตร แข็งแรงและน้ำหนักเบา ให้การขับขี่ที่ระยะไกลไร้วกังวล รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาเช่นเดียวกัน โดยรวมตัวรถมีน้ำหนักเพียง 131 กก. เท่านั้น

New Honda CRF450RL ให้การขับขี่ควบคุมที่แม่นยำด้วยแฮนด์เดิ้ลบาร์ RENTHAL แบบอลูมินั่ม เกรดเดียวกับรถแข่ง มาพร้อมนวมกันกระแทกและการ์ดแฮนด์ Knuckle Guard ให้ความมั่นคงและแข็งแรง รองรับการผจญภัยทุกรูปแบบ ด้วยระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ส่วนของของโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ ขนาดใหญ่ 49 มม. โดยสามารถปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียดทั้ง Pre-Load Compression และ Rebound Damping ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมลุยได้ทุกอุปสรรคด้วยล้อน้ำหนักเบา ขนาดล้อหน้า 21 นิ้ว และหลัง 18 นิ้ว มาพร้อมการ์ดกันกระแทกใต้เครื่องยนต์ และดิสก์เบรกหน้า 260 มม. ดิสก์หลัง 240 มม. การ์ดดิสก์เบรก ช่วยปกป้องประสิทธิภาพการใช้งานพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทั้งแบบออนโร้ด และออฟโร้ด

New Honda CRF450RL พร้อมทำตลาดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเอกลักษณ์สีสันสไตล์รถแข่ง สีแดง เอ็กซ์ตรีมเรด ราคาแนะนำ 339,000 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ

ความคิดเห็นหลังทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ Golf Riding
“…เค้าว่ามันคือยา “แก้มือตึง” ด้วยเกียรติศัพท์ความพยศของ CRF450R แข่งระดับแชมป์โลก ที่ถูกปรับมาให้เป็นรถโปรดักชั่นใช้งานบนท้องถนนทั่วไป และพร้อมลุยไปทุกเส้นทาง โดยใช้รหัสเป็น CRF450RL
ตัวรถที่ดูปราดเปรียว แถมยังมีน้ำหนักที่เบากว่าโมเดล CRF300L ทำให้คนตัวเล็กๆ ควบคุมรถได้ง่าย ไม่กลัวว่าจะล้ม แต่ติดแค่ความสูงของเบาะ 94 ซม. จะสูงไปไหน ผมเองสูง 168 ซม. ต้องใช้ขาข้างเดียวเป็นหลักและอีกข้างพาดไว้ จะออกตัวก็กระโดดคร่อม รถสไตล์วิบากน่าจะเหมาะกับการยืนขี่มากกว่าเพราะเบาะมันเล็กนิดเดียว แฮนด์เดิ้ลบาร์ที่กว้าง จับได้เต็มไม้เต็มมือในส่วนของเครื่องยนต์ถึงแม้มันจะถูกปรับใหม่เพื่อให้ขี่ใช้งานง่าย แต่พละกำลังแรงบิดนี่ยังมหาศาล เปิดคันเร่งเบาก็เอาแทบไม่อยู่ ต้องทำความรู้จักกันก่อน เพราะคันเร่งแบบทดรอบบิดนิดเดียวรอบก็มาแล้ว และต้องใช้รอบสูงตลอดเวลาไม่งั้นเครื่องยนต์จะดับ อัตราทดของเกียร์สั้นรอบจะตึงเร็ว วันนั้นได้ใช้เพียง 3 เกียร์ ก็เอาแทบไม่อยู่ ไม่รู้ว่าถ้าลากกันจนหมดทั้ง 6 เกียร์จะเป็นอย่างไรช่วงล่างจัดเต็มปรับได้แบบฟูลซิเต็ม ตามสไตล์รถวิบากช่วงยุบจะเยอะ โดนเนินล้อลอย ล้อหน้าลงก่อนบ้าง ล้อหลังลงก่อนบ้างแล้วแต่จังหวะ โช้คอัพหน้าทำงานได้นุ่มดี แต่โช้คอัพหลังถ้าขี่แบบธรรมดาหยอดๆ ไปตามเนิน จะรู้สึกกระด้าง แต่ถ้ารูดไปด้วยความเร็วแบบรวดเดียว มันจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบดิสก์เบรกที่ให้มาดีมาก กำเบรกหน้าทีไรล้อแทบสไลด์ เบรกหลังก็ท้ายปัดอาจเป็นเพราะพื้นทรายก็เป็นได้ โดยรวมแล้ว CRF450RL มันคือรถโปรดักชั่นที่มีหัวใจเป็นรถสูตร พละกำลังเหลือเฟือ ลุยทุกสภาพพื้นผิว แต่ถ้าเป็นมือใหม่อาจจะต้องไปเพิ่มทักษะการขับขี่สไตล์วิบาก เพราะรถมันแรง น้ำหนักเบาจะรู้สึกหวิวๆ

โอ้โห โอ้โห… Suzuki ปล่อยโปรโมชั่น สุดปังจนทนไม่ไหว!!!

Suzuki Big Bike ปล่อยโปรโมชั่นสุดปัง ตอนรับการมาของน้องใหม่ป้ายแดงสายปอร์ตอย่าง Suzuki Gixxer SF แบบเต็มสตรีม นอกจากนี้ Suzuki Big Bike รุ่นยอดนิยม 3 รุ่น 3 สไตล์ ก็ตบเท้ามาร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยเริ่มกันที่สายสกู๊ตเตอร์ Suzuki Burgman 400, สายแอดเวนเจอร์ Suzuki V-Strom 650XT, สายสตรีทสปอร์ต Suzuki GSX-S750 ที่ยกโปรโมชั่นกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มถึงพริกถึงขิง *ทั้งหมวกกันน๊อค, ฟรี ประกันภัยชั้น 1, ทะเบียน, พรบ. และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง โดยยังมีโปรโมชั่นของรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ อีกมากมายครบทุกรุ่น

โปรโมชั่นพิเศษ ๆแบบนี้ รีบเลยตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคมนี้ หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

สนใจเยี่ยมชมหรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Suzuki Big Bike สามารถติดต่อได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่าย ซูซูกิ ทั่วประเทศ หรือติดต่อ บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านทาง Facebook : Suzuki Society Thailand ได้เลย

*อุปกรณ์ของแถมเฉพาะรุ่น, รายละเอียดเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด, บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

“ยามาฮ่า” วัน-ทู แอสเซ่น “กวาร์ตาราโร่” ซิวแชมป์ที่ 4 “บีญาเลส” คัมแบ็กโพเดี้ยม

ขุนพลนักบิดทีมโรงงานยามาฮ่า แท็กทีมระเบิดฟอร์มเก่ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ ควบ M1 คว้าแชมป์ที่ 4 ในฤดูกาล จากเรซสุดมันส์ที่ แอสเซ่น ขณะที่ มาเวริค บีญาเลส #12 ทะยานขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 2 ดัตช์ กรังด์ปรีซ์
ศึกโมโตจีพี 2021​ สนามที่ 9 ของฤดูกาล​ ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์​ที่ผ่านมา ณ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์​ ระยะทางต่อรอบ 4.542 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 26 รอบสนามในรายการ โมตุล ทีที แอสเซ่น
โดย มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี คว้าโพลโพซิชั่นแรกในฤดูกาล​ให้กับตนเอง ขนาบข้างด้วย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ เพื่อนร่วมสังกัด ในกริดที่ 2
ส่วน วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 และ การ์เรตต์ เกอร์ลอฟฟ์ #31 ที่ลงบิดแทน ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 12 และ 22 ตามลำดับ
เกมในเรซดังกล่าวเป็นผลงานระดับท็อปของดาวบิดค่ายยามาฮ่า ไล่บดกับคู่แข่งในกลุ่มท็อป ก่อนจะแท็กทีมขึ้นครองหัวขบวน และสามารถครองตำแหน่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จนครบ 26 รอบสนาม
โดยแชมป์ตกเป็นของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ ที่ บิดรับธงตาหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยที่ 4 ในฤดูกาล​ให้กับตนเอง ตามด้วย มาเวริค บีญาเลส #12 ที่ทะยานขึ้นโพเดี้ยมในอันดับ 2
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงส่งผลให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ครองจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด รวมถึง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และ ยามาฮ่า ที่รั้งผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพเช่นกัน หลังผ่านครึ่งแรกของฤดูกาล
ศึกโมโตจีพี 2021​ สนามถัดไปจะยกพลไปดวลความเร็ว ที่ เรดบูลล์ริง ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม​ นี้