เส้นทางสู่แชมป์ของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา คนไทยคนแรกที่คว้าชัยในเวิลด์จีพี

เผยสู้สุดหัวใจแม้มีอาการบาดเจ็บนิ้วก้อยมือขวาแตกจนต้องดามเหล็กขณะลงแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้จารึกชื่อคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก จากผลงานของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดวัย 23 ปี จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 เข้าป้ายเป็นคันแรก และทำเวลาต่อรอบได้เร็วสุด ในการแข่งขันรุ่น โมโตทู ที่ประเทศอินโดนีเซีย รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนาม เปอร์ตามินา มันดาลิกา เซอร์กิต ในขณะที่นักบิดชาวไทยยังมีอาการบาดเจ็บที่นิ้วก้อยมือขวาแตกจนต้องดามเหล็ก และต้องใช้ถุงมือที่ปรับแต่งพิเศษแบบเฉพาะกิจ หลังได้รับการผ่าตัดด่วน ที่ประเทศสเปน โดยเจ้าตัวทำเวลาเร็วสุดผ่านจากรอบควอลิฟาย 1 เป็นคันแรก ก่อนจะคว้ากริดสตาร์ทอันดับที่ 4 ในรอบควอลิฟาย 2 มาครอง
จากนั้น สมเกียรติ ใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยมควบคุมรถแข่งได้ดีตั้งแต่ออกตัว ขึ้นนำได้ตั้งแต่โค้งแรก และรักษามาตรฐานการขี่ของตัวเองได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้บรรดาคู่แข่งระดับพระกาฬที่ถูกยกเป็นเต็งแชมป์อย่าง แซม โลว์ส อดีตแชมป์โลกชาวอังกฤษ, เจค ดิ๊กสัน มือบิดไวด์การ์ดโมโตจีพีจากสหราชอาณาจักร รวมถึงดาวรุ่งฝีมือดี เชเลสติโน วิเอ็ตติ ชาวอิตาเลียน แชมป์สนามแรก และ ออกุสโต้ เฟร์นันเดซ นักบิดจากทีมแชมป์โลกปีที่ผ่านมา ไล่กดดันอย่างหนักก็ตามสมเกียรติ มีความเร็วที่ดีเหนือใคร ด้วยการกดเวลาต่อรอบเร็วที่สุดได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ ทิ้งห่างคู่แข่งออกไป ขณะที่แฟนชาวไทยลุ้นอย่างหนัก เจ้าของฉายา “คิงคองก้อง” ก็บิดคันเร่งพารถแข่งคู่ใจเข้าป้ายเป็นคันแรกได้แบบม้วนเดียวจบ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง วิเอ็ตติ ถึง 3.230 วินาที คว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดอวดสายตาชาวโลกอย่างภาคภูมิใจ
สมเกียรติ กลายเป็น “นักกีฬาชาวไทย” คนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” รุ่นโมโตทู และจารึกว่าเขาเป็น “นักกีฬาจากเซาท์อิสต์เอเชีย” คนแรกที่ทำได้ด้วยเช่นกัน ชัยชนะครั้งนี้จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อวงการกีฬาของไทยและเอเชียเพลงชาติไทยที่ดังกระหึ่มสนาม เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา เซอร์กิต บ่งบอกว่า “นักกีฬาชาวไทย” มีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่มีเป้าหมายพาเด็กไทยไปสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของโลกอย่าง “โมโตจีพี” ภายในปี 2025 ก็เริ่มมีความชัดเจนขึ้นอย่างมาก
เจ้าของชัยชนะในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ คนแรกของไทย ซึ่งปัจจุบันอายุ 23 ปี เข้าสู่เส้นทางสายนักบิดตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ในโครงการ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล และที่นี่เขาถูกบ่มเพาะความสามารถจนได้รับคัดเลือกเข้าสู่โปรเจกต์ “โร้ด ทู โมโตจีพี” ในรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในปี 2013 ด้วยวัยเพียง 15 ปี จากนั้นเส้นทางสู่ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ของนักบิดจากชลบุรีเริ่มชัดเจนมากขึ้น หลังผงาดคว้าแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในปี 2016 และได้รับโอกาสก้าวสู่การแข่งขันในรายการ “เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์” ในปี 2017-2018 ขณะที่มีอายุ 18 ปี เกมระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ครั้งแรกของ สมเกียรติ คือการลงบิดด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดในการแข่งขันรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 รายการ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งนักบิดไทยก็ตอบแทนโอกาสทองนี้ ด้วยการคว้าอันดับ 9 ในโฮมเรซต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทย และนี่คือ “ตั๋วใบสำคัญ” ให้เขาได้รับการโปรโมตขึ้นสู่การแข่งขันชิงแชมป์โลกอย่างแท้จริงในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในปีถัดมาสมเกียรติ ออกสตาร์ทการแข่งขัน โมโตทู ชิงแชมป์โลก ในปี 2019 และยกระดับความสามารถของตัวเองขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูกาล จนได้รับสัญญาต่อในปี 2020 และ 2021 ผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 5 ที่สนาม เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ในรายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ จนกระทั่งสร้างผลงานระดับมาสเตอร์คว้าชัยชนะครั้งแรกในชีวิตของตนเองได้สำเร็จ ในรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้วย “ความเป็นไทย” ในตัวเองที่เข้มข้น สมเกียรติ ให้สัมภาษณ์หลังจบเรซด้วยความภาคภูมิใจว่า “แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับชัยชนะครั้งแรก และขอมอบความสำเร็จนี้ให้แฟนๆ ชาวไทยทุกคน” พร้อมยกเครดิตให้กับ บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ที่ยังคงเชื่อมั่นใจตัวเขาจนพิสูจน์ตัวเองได้จากความสำเร็จนี้ สะท้อนให้เห็นว่าโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” มีโครงสร้างการพัฒนานักแข่งที่แข็งแกร่ง และเป็นระบบ และช่วยยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างชัดเจน ส่งผลให้นักแข่งไทยเข้าใกล้เป้าหมายระดับโลกไปอีกขั้น
ความหวังของคนไทยที่จะได้เห็น “นักแข่งไทย” คว้าชัยชนะใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” เกิดขึ้นจริงแล้วจากผลงานของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ผลผลิตจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และเป้าหมายต่อไปของเขาคือรักษามาตรฐานที่แข็งแกร่งนี้ไว้ เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการแข่งขัน “โมโตจีพี”

บูธ “YAMAHA MOTOVERSE” – อาณาจักรยานยนต์แห่งความเร้าใจ สู่สังคมแห่งอนาคต

นอกจากจะมีดีไซน์ที่โดดเด่น ภายใต้โทนสีแดง ขาว เทา ที่เป็นสีเอกลักษณ์ของยามาฮ่า พร้อมจอ 3 มิติขนาดใหญ่ที่สร้างความแตกต่าง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ที่พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่สุดล้ำให้กับลูกค้าแล้ว ในปีนี้ยังมีความพิเศษจาก Yamaha Motoverse Idols ที่ได้ น้องวันนี้ – Wunni อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual Human Influencer) มาร่วมเป็น 1 ใน Yamaha Motoverse Idols เป็นครั้งแรกในวงการยานยนต์ นับได้ว่าเป็นการสะท้อนความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของยามาฮ่าได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้บูธ “YAMAHA MOTOVERSE” ยังมี Leisure Zone ยานยนต์ทางน้ำและรถกอล์ฟ รวมถึง Yamaha Apparel & Accessories รวมทั้งเคมีภัณฑ์ Yamalube ให้ทุกท่านได้เลือกชม และรับลดสูงสุดถึง 40% พร้อมรับโปรโมชันพิเศษมากมายภายในงาน

โปรโมชันพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าภายในงานเท่านั้น!
รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าขนาด 115-155 ซีซี
ALL NEW YAMAHA R15 รับฟรี ของแถมสุด Exclusive มูลค่ากว่า 22,000 บาท*
พิเศษ! เลือก ฟรีดาวน์ หรือ ขี่ฟรี 90 วัน
ฟรี ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ 3 ปี** / บัตรเข้าชมการแข่งขัน PTT Thailand Grand Prix 2022 (MotoGP) 2 ที่นั่ง (Grand Stand) / คอร์สขับขี่รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต โดย Yamaha Riding Academy พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นรับป้ายทะเบียนสวย “Number 1” จำนวน 1 รางวัล*** สำหรับลูกค้าที่จองออนไลน์ 100 ท่านแรกท่านเท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด / **ติดต่อและขายประกันโดยตัวแทนของวิริยะประกันภัย / ***ผู้โชคดีต้องเป็นลูกค้าที่ผ่านเงื่อนไขข้อกำหนดของบริษัทเช่าซื้อแล้วเท่านั้น
YAMAHA YZF-R15 รุ่นปี 2021 รับส่วนลด 3,000 บาท
YAMAHA XSR155 รับส่วนลด 2,000 บาท
YAMAHA MT-15 รับส่วนลด 7,000 บาท
YAMAHA FINN รับโปรโมชัน “ฟรีทุกคัน ฟินน์ทุกคน” รับของแถม 3 รายการมูลค่า 1,300 บาท (หมวกกันน๊อกฟินน์ 1 ใบ / ตะกร้าหน้า 1 ชิ้น / กันลาย 1 ชิ้น) พร้อมเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพสินค้ากับการรับประกันทั้งคัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าขนาด 400 ซีซี ขึ้นไป
YAMAHA YZF-R1M ฟรี ประกันภัยชั้น 1 มูลค่า 53,000 บาท
YAMAHA YZF-R1 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 40,000 บาท รวมมูลค่า 74,000 บาท
YAMAHA YZF-R7 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 26,000 บาท รวมมูลค่า 44,000 บาท
YAMAHA YZF-R7 สีขาว ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 20,000 บาท รวมมูลค่า 38,000 บาท
YAMAHA MT-09 และ MT-09SP ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 20,000 บาท รวมมูลค่า 40,000 บาท
YAMAHA MT-07 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 38,000 บาท รวมมูลค่า 58,000 บาท
YAMAHA TRACER9 GT ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 30,000 บาท รวมมูลค่า 58,000 บาท
YAMAHA XSR900 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 20,000 บาท รวมมูลค่า 40,000 บาท
YAMAHA XSR700 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และคูปองเงินสด 20,000 บาท รวมมูลค่า 38,000 บาท
YAMAHA TMAX560 Tech Max ฟรี ประกันภัยชั้น 1 มูลค่า 28,000 บาท
พบกับบูธ “YAMAHA MOTOVERSE” – อาณาจักรยานยนต์แห่งความเร้าใจ สู่สังคมแห่งอนาคต พร้อมรับประสบการณ์สุดล้ำ เหนือจินตนาการจากยามาฮ่า ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษจาก Yamaha Motoverse Idols ได้ทาง www.yamaha-motor.co.th / FB: Yamaha Society Thailand / IG: @YamahaSocietyThailand และทาง YouTube: Yamaha Society Thailand

 

รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเปิดตัวอีก 4 รุ่นใหม่ล่าสุดในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากแบรนด์สู่ไลฟ์สไตล์ผ่านบูธ The Power of Dreame

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัวโมเดลใหม่พร้อมกันทีเดียวถึง 4 รุ่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง นำโดย All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. สปอร์ตเต็มขั้น ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด, New Dax125 รถ Iconic จาก CUB House โดดเด่นด้วยเฟรมแบบ T-Bone, New NT1100 บิ๊กไบค์สปอร์ตทัวริ่งดีไซน์ใหม่ล่าสุด และ New GOLDWING Black Edition รถท็อปคลาสทัวริ่งที่มาพร้อมสีใหม่สุดดุดัน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่ม Life Creation ที่จะทำให้การใช้ชีวิตของคนไทยมีความสะดวกสบาย รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรม EV Ecosystem ผ่านบูธ The Power of Dreamer

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้แบรนด์คอนเซปต์ “What Stops You?” ฮอนด้ามองว่าการใช้ชีวิตคือเรื่องที่ไม่มีข้อจำกัด ความฝันจะเป็นจริงถ้าเราลงมือทำ แต่ความฝันที่ยิ่งใหญ่จะสำเร็จได้ถ้ามีพลังขับเคลื่อน เราจึงมุ่งมั่นไม่หยุดพัฒนาเพื่อสร้าง Mobility World ที่สามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงเทรนด์แห่งอนาคตที่เราไม่ได้มองเพียงแค่การพัฒนารถ EV เท่านั้น แต่มองไปถึงการพัฒนาในเชิงระบบนิเวศหรือ EV Ecosystem ทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดผ่านบูธ The Power of Dreamer ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า”

“ในงานครั้งนี้ เรามาพร้อมกับการเปิดรถรุ่นใหม่ครบทุกเซกเมนท์รวมถึง 4 รุ่น นำโดย All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน ผสานความแรงและความโฉบเฉี่ยวขั้นสุดไว้ด้วยกัน โดยมี เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวไทยในเจลีกเป็นพรีเซนเตอร์ผู้ถ่ายทอด DNA ของความเป็นผู้นำจ่าฝูง ตามมาด้วย New Dax125 ที่มีคาแรกเตอร์พิเศษไม่เหมือนใครด้วยเฟรมแบบ T-Bone และรถบิ๊กไบค์ 2 รุ่นประกอบด้วย New NT1100 โมเดลสปอร์ตทัวริ่งรุ่นใหม่ล่าสุด และ New GOLDWING รุ่นพิเศษ Black Edition รถทัวริ่งระดับท็อปคลาส นอกเหนือจาก 4 รุ่นนี้แล้ว ในงานนี้ยังจะเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้สัมผัสกับตัวจริงของ New ADV350 รถ Premium SUV Bike ที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้”
All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมคอนเซปต์ “นำหน้า…อย่างจ่าฝูง” โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน เส้นสายตัวรถให้อารมณ์ความสปอร์ตแบบเต็มขั้น ระบบไฟ LED ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ส่งกำลังความแรงต่อเนื่องด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 157 ซีซี เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในรถสปอร์ต เอ.ที. ให้ความคล่องตัวด้วยเฟรมใหม่ eSAF น้ำหนักเบา มั่นใจด้วยระบบเบรก ABS ที่ล้อหน้า และดิสก์เบรก หน้า-หลัง เพิ่มความสะดวกสบายด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda SMART Key สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ช่องเก็บของด้านหน้ามาพร้อมที่เสียบชาร์จไฟสำรองผ่าน USB Type A และช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ขึ้น จุได้ถึง 18 ลิตร มีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มจากรุ่น Standard มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ Magnetic Black, สีขาว-ดำ Crystal White และสีแดง-ดำ Furious Red เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 63,500 บาท และรุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Magnetic Black และสีขาว-ดำ Crystal white เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 69,900 บาท
New Dax125 รถ Iconic คันล่าสุดจาก CUB House สำหรับคนที่ชอบความแตกต่าง และชอบใช้ชีวิตเต็มที่กับกลุ่มเพื่อน มาพร้อมคอนเซปต์ “Dax Me Out! วันไหนก็สุดดี…ถ้ามี Dax” ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยเอกลักษณ์ของเฟรม T-Bone ที่เป็นตำนานมาตั้งแต่ปี 1969 สู่ยุคปัจจุบัน สะท้อนคาแรคเตอร์ความสนุกที่มาพร้อมความคล่องตัว บิดสนุกตอบรับทุกความซ่าด้วยเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี เกียร์วน 4 สปีด โช้กหน้าแบบหัวกลับ ระบบเบรก ABS ที่ล้อหน้า พร้อมดิสก์เบรก หน้า-หลัง มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีแดง Pearl Nebula Red และสีเทา Pearl Cadet Gray เปิดตัววางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 84,900 บาท
New NT1100 สปอร์ตทัวริ่งรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมคอนเซปต์ “The New Touring Era” โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร บึกบึน แต่คล่องตัว รองรับทุกการเดินทางของสายทัวริ่งยุคใหม่ ให้พลังการขับเคลื่อนขั้นสุดด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,100 ซีซี แบบ Parallel Twin สมรรถนะสูง ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัจฉริยะ DCT 6 สปีด มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ให้เลือก 5 โหมด มั่นใจทุกครั้งที่เปิดคันเร่งด้วยระบบ HSTC ป้องกันรถลื่นไถลขณะขับขี่ พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control หน้าจอสัมผัสล้ำสมัยแบบ TFT Touchscreen ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Mat Iridium Gray และสีขาว Pearl Glare White เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 515,000 บาท
New GOLDWING รุ่นพิเศษ Black Edition รถทัวริ่งระดับท็อปคลาส มาพร้อมคอนเซปต์ “Beyond Your Masterpiece ให้ปลายทาง…เหนือทุกจินตนาการ” สีดำใหม่ สปอร์ตขั้นสุด สง่างาม โดดเด่นในทุกมิติ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,833 ซีซี 6 สูบ ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัจฉริยะ DCT 7 สปีด เอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า ประสานการทำงานร่วมกับระบบควบคุมแรงบิด HSTC ให้การควบคุมที่แม่นยำและนุ่มนวล มาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ให้ความสบายตลอดการเดินทาง ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone ที่ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดตัววางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 1,340,000 บาท
พบกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงวันที่ 3 เมษายนนี้ ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นสุดพิเศษของรถรุ่นต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH
เฟซบุ๊กคับเฮ้าส์ : fb.com/cubhousebyhonda

 

บิ๊กเซอร์ไพรส์ภายในบูธ ซูซูกิ เปิดตัว โมเดลใหม่พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ!!! มาพร้อมดีลเดือดทุกรุ่น ทุกสไตล์ สุดเร้าใจ ในงาน Motor Show 2022

บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ อย่างเป็นทางการ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ และสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 หรือ Bangkok International Motor Show 2022 ที่นับได้ว่าเป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับประเทศกับแนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” – Keep Moving Forward Together! ที่รวบรวมยานยนต์ทุกประเภทมาจัดแสดง เพื่อให้ชม สัมผัส ลองขับ และเลือกซื้อ จึงเป็นงานที่เหล่าคนรักยานยนต์รอคอย ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 3 เมษายน 2565

ในปีนี้ ซูซูกิ จะพาคุณท่องไปสัมผัสในโลกแห่งนวัตกรรมยานยนต์ เร้าใจไปกับเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค เติมเต็มความสุขทุกการขับขี่ในทุก ๆ การเดินทาง พร้อมการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น เพื่อสร้างความตื่นตา ตื่นใจภายในงาน แนวคิดในการออกแบบบูธ “ซูซูกิ” ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Suzuki Japanese Festival โดยมีคำนิยามว่า “สนุกสนานไปกับการขับขี่ในสไตล์ ซูซูกิ” – Enjoy With Suzuki Ridestyle โดยภายในบูธถูกคุมโทนด้วยสีดำเป็น Base ตัดด้วยสีน้ำเงิน Highlight แสดงออกถึงการผสมผสานสมัยใหม่แต่ยังคงแฝงไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในปีนี้ ซูซูกิ จึงเน้นในเรื่องของความสนุกสนานสไตล์ญี่ปุ่น และ ความทันสมัย ตามแบบฉบับของ ซูซูกิ ซึ่งจะทำให้ทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมบูธ ซูซูกิ มีความสนุกสนาน เพลิดเพลินกับการชมบูธ เหมือนดังอยู่ในงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่ง ซึ่งนอกจากนี้ทาง ซูซูกิ ยังยกขบวนรถจักรยานยนต์มาอวดโฉม แบบเต็มพื้นที่จัดแสดงให้ทุกท่านได้เลือกชมและสัมผัสกันอย่างจุใจ ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ในทุกการใช้งาน
ทั้งนี้ภายในบูธของ ซูซูกิ ได้แบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 5 แอเรีย ได้แก่ Suzuki Sport Area, Suzuki Street Area, Suzuki Adventure Area และ Suzuki Convenience Area ที่จะทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับความสนุกสนานของรถจักรยานยนต์ระดับเวิลด์คลาสอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น All New Suzuki Hayabusa รถจักรยานยนต์ที่ทำความเร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครั้งแรกของโลก อีกทั้งยังมี Suzuki GSX-R1000R สปอร์ตไบค์ที่ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรงมาจาก MotoGP ในส่วนของรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยม New Suzuki Burgman 400 สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ใช้สำหรับเดินทางสู่การผจญภัยรูปแบบใหม่ในทุกเส้นทาง New Suzuki V-Strom 650XT และรถจักรยานยนต์ครอบครัวสุดประหยัดน้ำมัน New Suzuki Smash Fi เจ้าของรางวัล Bike of The Year 2022 ในรุ่น Best Family Fashion และที่พลาดไม่ได้กับ Highlight สำหรับบูธ ซูซูกิ ในงานนี้คือ Suzuki Special Area ที่ทาง ซูซูกิ ยังคงสร้างความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 2 รุ่น
เริ่มที่รุ่นแรกอย่าง All New Suzuki Raider J Crossover รถจักรยานยนต์สไตล์ครอสโอเวอร์ รุ่นใหม่ล่าสุดกับคอนเซ็ปต์ “ท้าทาย…ทุกทาง” ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย สนุกทุกความท้าทาย ที่เปิดตัวครั้งแรกภายในงาน และอีกหนึ่งโมเดลใหม่ล่าสุดกับเจ้าของนิยาม เหนือทุกจุดสุดในรุ่น New Suzuki Raider R150 ปี 2022รถจักรยานยนต์สไตล์ไฮเปอร์ อันเดอร์โบน โฉมใหม่ล่าสุดออกแบบมาให้มีความสปอร์ต ปราดเปรียว น้ำหนักเบา คล่องตัวสูงในทุกการขับขี่ที่จะเผยโฉมครั้งแรกภายในงานเช่นกันนอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์รุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองการใช้งาน และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเงื่อนไขสุดพิเศษทุกรุ่น ที่จะทำให้คุณสามารถเลือกรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ที่ใช่ได้อย่างง่ายดายพิเศษสุดสำหรับบูธ ซูซูกิ กับ ดีลเดือดครั้งแรก และครั้งเดียวเท่านั้นเฉพาะช่วงงาน Motor Show 2022 บอกได้เลยว่าพลาดแล้วพลาดเลย กับโปรโมชันพร้อมของแถมอีกมากมาย มูลค่ารวมสูงสุดกว่า 200,000 บาท* ไม่ว่าจะเป็นกล่องเก็บของอเนกประสงค์ หมวกกันน็อค นอกจากนี้ยังมีของแถมอีกมากมายให้ครบทุกรุ่นทุกสไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการ และสามารถเลือกสรรให้ตรงกับความต้องการให้ตัวคุณ แล้วพบกันที่บูธ ซูซูกิ รหัส M4 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี

คาวาซากิ งัดโปรฯ เด็ด “จัดหนัก อัดเต็ม” นำรถจักรยานยนต์รุ่นเรือธงจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ 2565

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดแสดงรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น รุ่นไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือ Ninja ZX-10R รถจักรยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นเรือธงของตระกูล Ninja ที่โด่งดังทั่วโลก ยลโฉมความสวยงามและสัมผัสคันจริง ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 รวมทั้งรถจักรยานยนต์ Z650RS มนต์สเหน่ห์ความคลาสสิคผสมผสานกับเครื่องยนต์ขนาดกลางสุดเร้าใจในการขับขี่ และ KLR650 รถจักรยานยนต์สไตล์แอดแวนเจอร์ที่ทำให้การผจญภัยของคุณสนุกกว่าที่เคย โดยทุกรุ่นมาพร้อมกับข้อเสนอที่พลาดไม่ได้

คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย กล่าวว่า “แม้ว่าสภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ยังประสบปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง แต่เราก็ได้เห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหา การควบคุมการระบาดจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่ร่วมมือกัน ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้เห็นตลาดกลับมาคึกคักมากขึ้น”

“เราได้พัฒนาและประสบความสำเร็จด้านเทคโนโลยีและความสามารถเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด รวมไปถึงเรื่องของการระบาดของโรคโควิด 19 ด้วย เป้าหมายและความพยายามของเรามุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเป็นจุดศูนย์กลาง เราไม่เพียงแต่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ดีเยี่ยม แต่เรายังมุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน” กล่าวเพิ่ม

โดยทางคาวาซากิ ได้สร้างสีสันด้วยการนำรถจักรยานยนต์รุ่นเรือธง Ninja ZX-10R มาแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของวิศวกรรมและเทคโนโลยีได้รับการกล่าวขานมาทั่วโลก รวมถึง Z650RS ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดประเทศไทยไม่นานมานี้ และ KLR650 ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานเป็นอย่างดียิ่งนอกเหนือจากนี้คาวาซากิได้ร่วมมือกับโมตุลประเทศไทย เปิดวางจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถจักรยานยนต์คุณภาพเยี่ยม เพื่อประสิทธิภาพเต็มพิกัดของบิ๊กไบค์คันโปรดของคุณ กับ Kawasaki Genuine Oil Ultimate 10W50 น้ำมันเครื่อง 100% Synthetic ester รับส่วนลดพิเศษ 10% ภายในงานนี้เท่านั้น คาวาซากิยังมีรถจักรยานยนต์อีกหลากหลายรุ่นมาจัดแสดง โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อเสนอที่คุ้มค่าที่บูธรถจักรยานยนต์คาวาซากิ หรือที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรายละเอียดข้อเสนอรถจักรยานยนต์ รุ่นต่าง ๆ :

KTM 250SXF DIGA Procross team

บังเอิญว่าได้ไฟล์ภาพลูกชายของแชมป์โมโตครอสโลก 10 สมัย อย่าง Stefan Everts ที่เปิดตัวเป็นนักแข่งของ KTM อย่างเป็นทางการ โดยจะลงแข่งครั้งแรกในสังเวียนระดับโลกอย่าง FIM Motocross World Championship รุ่น MX2 ด้วยวัย 17 ปี(เกิด06/08/2004) ที่ค่อยๆตามรอยพ่อด้วยการเริ่มแข่งขันในประเทศเบลเยี่ยมครั้งแรกช่วงปี 2011 จากนั้นค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาในระดับยุโรปและเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน เมื่อเข้าสู่การแข่งขันในระดับ จูเนียร์เวิลด์โมโตครอส ที่เป็นการแข่งขันปีละครั้งสำหรับนักแข่งเยาวชนจากทั่วโลกที่จะมาชิงชัยกัน จากนั้นก็ขยับเข้าสู่การแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลในเกมระดับชิงแชมป์ยุโรป ที่ค่อยๆไต่เต้าในระดับ 68-85-125 ซีซี จนกระทั่งในปี 2018 ขณะอายุ 14 ปี ก็ได้รับการติดต่อให้เซ็นสัญญากับ KTM ในการสนับให้ลงชิงชัยระดับชิงแชมป์ยุโรป

โดย Liam Everts ลงแข่งในรุ่น EMX125 ก่อนที่ในปีที่แล้วจะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น EMX250 และในปีนี้เขาได้ก้าวเข้ามาแข่งในเวทีระดับเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ รุ่น MX2 กับทีมระดับฟูลแฟคทอรี่ซัพพอร์ทอย่าง KTM DIGA Procross team กับรถแข่ง SX-F 250 โมเดลล่าสุด ที่นำมาปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยชิ้นส่วนอะไหล่จากแคตตาล็อก power parts ที่เป็นชุดคิทเพิ่มสมรรถนะต่างๆอย่างเป็นทางการของ KTM แน่นอนว่ารถแข่งนั้นเป็นโมเดลล่าสุด 2022 KTM SX-F250 ที่ในปีนี้มาพร้อมกับนิยามในการพัฒนาโมเดลใหม่นี้ว่า The Battle for Glory ที่พื้นฐานเดิมนั้นยังคงสเปคและยืนยันที่จะใช้ตามแนวทางเดิมในโมเดลก่อนหน้านี้ โดยเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่นี้ผ่านการอัพเดทครั้งสำคัญในปี 2020 ที่ว่ากันว่า เครื่องยนต์รถโมดตครอส 250Fนี้ ได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเครื่องยนต์จากเดิมให้มีความกระทัดรัดและมีสมดุลมากยิ่งขึ้น จนสามารถสร้างศูนย์รวมน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม อีกทั้งยังลดน้ำหนักชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จากเดิม

นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ได้ดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่มรถ 250F ด้วยกัน สรุปคือ การอัพเดทเครื่องยนต์ในปี 2020 นั้นยังสามารถใช้กับรถแข่งในโมเดลล่าสุดนี้ได้อย่างมั่นใจ ดังนั้นในส่วนของเครื่องยนต์ของ 2022 SX-F จึงไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก แต่สำหรับทีมแข่งนั้นสามารถปรับเปลี่ยนและมีทางเลือกตามกล่าวไปนั่นก็คือ racin kits ที่มีจำหน่ายในลิสต์ชิ้นส่วนของ power parts ของ KTM นั่นเอง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีการปรับเปลี่ยนมากนักสำหรับในส่วนของเครื่องยนต์รวมทั้งส่วนอื่นๆของตัวรถ แต่ SX-F250 ได้รับการพัฒนาในส่วนของระบบกันสะเทือน โดยติดตั้ง WP XACT suspension ที่ได้รับการอัพเดทมาล่าสุด ขณะที่ระบบอิเล็คทรอนิคส์นั้น ได้พัฒนาเพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น แม่นยำมากกว่าเดิม ด้วยระบบ traction control launch control variable engine mapping และ reliable starters ซึ่งทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับระบบอิเล็คทรอนิคส์นี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับการทำงานในส่วนของ engine management system นี้ ควบคุมโดย KEIHIN Engine Management system นอกจากนี้ยยังครอบคลุมถึงการสั่งงาน electronic fuel injection อีกด้วย ซึ่งในการทำงานเกี่ยวกับการจ่ายเชื้อเพลิงนี้ จะจัดการร่วมกับเรือนลิ้นเร่งขนาด 44 มม.ซึ่งระบบควบคุมนี้พัฒนาให้มีการตอบสนองต่อการเปิดปิดคันเร่งได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ

นอกจากนี้ในส่วนของ ECU นั้น ได้รับการออกแบบซอพแวร์ที่มีประสิทธิภาพประกอบค่า map ที่เที่ยงตรงแม่นยำเหมาะสมกับระบบไอเสียและการออกแบบฝาสูบอีกด้วย อย่างไรก็ตามในการแข่งขันในระดับ MX2 บนสังเวียนกรังด์ปรีซ์แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สมรรถนะต่างๆของรถแข่งอย่างเต็มประสิทธิภาพเหนือกว่ารถแข่งมาตรฐาน ดังนั้น ตัวแข่งของ Liam Everts ย่อมแตกต่างไปจากรถ SX-F250 เวอร์ชั่นสแตนดาร์ต โดยเฉพาะการใช้ชิ้นส่วนพิเศษ power parts อย่างไรก็ตามพื้นฐานของรถแข่งโดยรวมนั้นถือว่ามาจาก 2022 SX-F250

สเปคเบื้องต้นดังนี้
ENGINE
TRANSMISSION 5-speed
STARTER Electric starter
STROKE 52.3 mm
BORE 78 mm
CLUTCH Wet multi-disc DS clutch, Brembo hydraulics
DISPLACEMENT 249.9 cm³
EMS Keihin EMS
DESIGN 1-cylinder, 4-stroke engine
CHASSIS
WEIGHT (WITHOUT FUEL) 99 kg
TANK CAPACITY (APPROX.) 7.5 l
FRONT BRAKE DISC DIAMETER 260 mm
REAR BRAKE DISC DIAMETER 220 mm
FRONT BRAKE Disc brake
REAR BRAKE Disc brake
CHAIN 5/8 x 1/4”
FRAME DESIGN Central double-cradle-type 25CrMo4 steel
FRONT SUSPENSION WP XACT-USD, Ø 48 mm
GROUND CLEARANCE 375 mm
REAR SUSPENSION WP XACT Monoshock with linkage
SEAT HEIGHT 950 mm
STEERING HEAD ANGLE 63.9 °
SUSPENSION TRAVEL (FRONT) 310 mm
SUSPENSION TRAVEL (REAR) 300 mm

 

ฮอนด้าเปิดตัว New ADV350 รถ Premium SUV Bike สไตล์แอดเวนเจอร์ ดีไซน์ดุดัน

ฮอนด้าเปิดตัว New ADV350 รถ Premium SUV Bike สไตล์แอดเวนเจอร์ดีไซน์ดุดัน ผสานความแรงและเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเผชิญหน้าทุกความท้าทายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว New ADV350 รถ Premium SUV Bike ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “WAIT FOR NO ONE ออกไปท้าทาย ทำไมต้องรอ” รองรับไลฟ์สไตล์ในแบบแอดเวนเจอร์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่ไม่ธรรมดา และพร้อมจะออกไปเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ เปิดโอกาสให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า “ประสบการณ์ในการขับขี่คือสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด ฮอนด้าจึงมุ่งพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่แตกต่างและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง ครั้งนี้ เราพร้อมส่งมอบประสบการณ์แห่งความท้าทายด้วย New ADV350 ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถ SUV Bike ระดับพรีเมียม ที่ขับขี่สนุก เร้าใจ พร้อมเผชิญทุกเส้นทาง ถือเป็นการต่อยอดความนิยมในกลุ่มรถพรีเมียม เอ.ที. ของฮอนด้าที่กำลังเติบโต และเติมเต็มความต้องการให้ผู้ที่ชื่นชอบรถในสไตล์แอดเวนเจอร์”
New ADV350 ได้รับการออกแบบให้มีความเท่ ดุดัน ในสไตล์ Premium SUV Bike สะดุดตาด้วยชุดไฟรอบคันแบบ LED พร้อมลุยด้วยชุดแฮนด์แบบแทปเปอร์บาร์ที่มาพร้อมแฮนด์การ์ด โช้กหน้าแบบหัวกลับและโช้กหลังติดตั้งซับแทงค์คู่จาก SHOWA วินด์สกรีนปรับความสูงได้ถึง 4 ระดับ ไม่หวั่นทุกเส้นทางด้วยระยะ Ground Clearance ที่สูงถึง 155 มิลลิเมตร สะดวกสบายทุกการเดินทางด้วยพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 48 ลิตร ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้ถึง 2 ใบ รวมถึงช่องเก็บของด้านหน้า มาพร้อมช่องชาร์จไฟ USB Type C รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
New ADV350 มาพร้อมเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 330 ซีซี 4 วาล์ว ทำงานร่วมกับกระเดื่องวาล์วแบบโรลเลอร์ยูนิแคม แรงเสียดทานต่ำ ให้สมรรถนะสูง ส่งกำลังการขับขี่ที่ต่อเนื่องในทุกสภาพถนน อัตราเร่งติดมือไม่ว่าจะเป็นการออกตัวหรือเร่งแซง
New ADV350 มาพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง HSVCs (Honda Smartphone Voice Control system) ใช้งานสะดวกผ่าน 4 ฟังก์ชัน ได้แก่ รับสายเข้า-โทรออก ระบบนำทาง แอปพลิเคชันเพลง และการรับ-ส่งข้อความ พร้อมด้วยแผงหน้าปัดแบบ Full Digital พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว HSTC (Honda Selectable Torque Control), ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง รีโมทอัจฉริยะ Honda Smart Key สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ และระบุตำแหน่งพร้อมป้องกันขโมย
New ADV350 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น RoadSync Type (ติดตั้งระบบ HSVCs) มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทา-ดำ Spang Silver Metallic, สีดำ Matte Carbonium Gray Metallic และสีแดง-ดำ Matte Carnelian Red Metallic ราคาแนะนำที่ 183,900 บาท และรุ่น Standard Type มีให้เลือก 3 สีเช่นกัน ได้แก่ สีเทา-ดำ Spang Silver Metallic, สีดำ Matte Carbonium Gray Metallic และสีแดง-ดำ Matte Carnelian Red Metallic ราคาแนะนำที่ 181,900 บาท ทั้งหมดพร้อมวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “EXPERIENCE THE UNDISCOVERED” ค้นหาประสบการณ์เร้าใจไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์           รถออโตเมติก 300 ซีซี ยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลกตามเอกลักษณ์แห่งตระกูล MAX Series สุดยอดดีไซน์ผสานสุดยอดสมรรถนะการขับขี่ ตอบสนองจิตวิญญาณแห่งความเป็น MAX สีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

สำหรับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ที่มาพร้อมกับสโลแกน “MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์” ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเต็ม MAX ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ในพิกัด 300 ซีซี ผสมผสานเทคโนโลยีแห่งความแรงและความประหยัดได้อย่างลงตัว สั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล ที่ให้ประสิทธิภาพในการขับขี่สนุกเร้าใจในทุกระดับความเร็ว

ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ยังเสริมสมรรถนะการขับขี่ให้เต็ม MAX ด้วย โช้คหน้าขนาด 33 มม. ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ให้ความมั่นใจในทุกสภาพถนน อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการหยุดรถด้วยระบบเบรก ABS ที่ช่วยควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ป้องกันล้อล็อกทั้ง 2 ล้อ พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ระบบปรับสมดุลความเร็วล้อหน้า-หลัง ให้สัมพันธ์กัน ให้ความปลอดภัยในทุกสถานการณ์การขับขี่ และตอบโจทย์การเดินทางไกลด้วย ถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร จุน้ำมันได้มากหมดกังวลทุกการเดินทางไกล พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้ถึง 2 ใบ

 

ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! นอกจากมีสมรรถนะการขับขี่สุด MAX แล้ว ยังเพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หรูหราสุดพรีเมี่ยมตลอดทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า-ไฟท้าย แบบ FULL LED ดีไซน์สปอร์ตดุดัน ต้นฉบับความเท่ของตระกูล MAX สว่างขึ้นชัดเจนกว่าเดิม เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่, เรือนไมล์แบบ Multi-function Digital Meter จอ LCD สไตล์สปอร์ต ครบทุกฟังก์ชัน พร้อมสวิตช์เปลี่ยนโหมดที่แฮนด์, ช่องชาร์จแบตมือถือหรืออุปกรณ์นำทาง ขนาด 12V พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า รวมทั้งกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM ที่สามารถใช้งานทั้งสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์, ปลดล็อกแฮนด์รถ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาปิดถังน้ำมัน และส่งสัญญาณตอบรับ ANSWER BACK

 

 

ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! มาพร้อมกับสีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 4 สี คือ สีเขียว Dark Petrol, สีแดง Redline, สีน้ำเงิน Icon Blue และสีขาว Milky White ด้วยราคาแนะนำที่ 179,000 บาท โดยสามารถสัมผัสกับ MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์ ไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์  300 ใหม่! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่

 

Website        : www.yamaha-motor.co.th

Facebook      : Yamaha Society Thailand

Instagram     : @Yamaha Society Thailand

Youtube        : Yamaha Society Thailand

 

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ดวลหัวกะทิ! คว้าท็อป 7 เอเชีย ทาเลนต์ ประเดิมเรซแรก กาตาร์

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 20 จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานสุดร้อนแรงต่อสู้กับคู่แข่งหัวกะทิจากทั่วทวีปเอเชีย ก่อนทะยานคว้าอันดับ 7 ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2022 สนามแรก เรซที่ 1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ประเทศกาตาร์

บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ส่งนักบิดดาวรุ่งชาวไทยภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เข้าร่วมการแข่งขัน อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2022 ตามโร้ดแมป ก้าวสู่โมโตจีพีให้ได้ในปี 2025 โดยเพิ่งผ่านการดวลความเร็วเรซแรกของสนามที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 20 สร้างผลงานร้อนแรงควบ Honda NSF250R ทะยานจากกริดที่ 8 คว้าอันดับ 7 มาครองได้สำเร็จ ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะอย่าง ชินยะ เอซาวะ ดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นเพียง 12.410 วินาทีเท่านั้น ส่วนทีมเมทอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 11 และ “หยก” ธนกร หลักหาญ หมายเลข 9 พลาดล้มอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ การแข่งขันเรซที่ 2 ของศึก อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2022 สนามแรก จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม เวลา 15.50 น. ตามเวลาประเทศไทย รับชมถ่ายทอดสดทาง ยูทูป https://www.youtube.com/AsiaTalentCup ติดตามความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม :

 

“เขมินท์” คว้ากริดที่ 26 ประเดิมซีซั่นแรกเกมโมโตทู

“เค” เขมินท์ คูโบะ ดาวบิดไทย สังกัดวีอาร์โฟร์ตี้ซิกซ์ มาสเตอร์ แคมป์ ทีม ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 26 นัดเปิดฤดูกาล​ ศึกโมโตทู 2022 ที่ โลแซลฯ เซอร์กิต การชิงชัยนัดเปิดฤดูกาล​ ศึกโมโตทู 2022 ยกพลดวลความเร็ว ที่ โลแซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ ลงบิดรอบควอลิฟายในช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม​ ที่ผ่านมา
โดย เขมินท์ คูโบะ #81​ ประเดิมเวทีดังกล่าวแบบเต็มซีซั่น ด้วยการบิดคว้ากริดสตาร์ทที่ 26 มาครอง ขณะที่ มานูเอล กอนซาเลซ #18 เพื่อนร่วมสังกัดวีอาร์โฟร์ตี้ซิกซ์ มาสเตอร์ แคมป์ ทีม ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 24
ศึกโมโตทู 2022 มีคิวออกสตาร์ทรอบชิงชนะเลิศในเวลา 20.20 น. ของวันอาทิตย์​ที่ 6 มีนาคม​ (ตามเวลาประเทศไทย)​ ร่วมเชียร์และให้กำลังใจดาวบิดไทยผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง พีพีทีวี36

ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จัดทัพใหญ่ไล่ล่าความสำเร็จเกมความเร็วฤดูกาล 2022

ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จัดทัพใหญ่ไล่ล่าความสำเร็จเกมความเร็วฤดูกาล 2022 ยกระดับสู่ทีมอาชีพ ปูทางสู่เวทีระดับโลก ชูสมรรถนะ Yamaha R-Series จับคู่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล ดวลเกมรุ่นใหญ่ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2022 ขณะที่ โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ พร้อมป้องกันแชมป์รุ่น SS600

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร, นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยนักแข่งนำโดย“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์, “ตี” อนุภาพ ซามูล, “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ร่วมประกาศความยิ่งใหญ่บนสังเวียนความเร็วในงานเปิดตัวทีมแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทีมแข่งชั้นนำของทวีปเอเชีย ประจำปี 2022 ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ (YAMAHA RIDING ACADEMY) ถนนบางนา- ตราด กม.21 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.65

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัดกล่าวว่า “ในปีนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ชูสมรรถนะ Yamaha R-Series จัดทัพไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีความเร็ว จับคู่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล ดวลเกมรุ่นใหญ่ศึกชิงแชมป์เอเชีย แท็กทีม “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ที่ลงป้องกันแชมป์รุ่น SS600 พร้อมผลักดัน “เค” เขมินท์ คูโบะ สู่เวที Moto2 World Championship และเดินหน้าปั้นดาวหน้าใหม่ขับบนเวที Yamaha R3 European Cup

นอกจากนี้ยังเดินหน้าสานต่อความสำเร็จและโฟกัสไปที่การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ด้วยศักดิ์ศรีตัวแทนทีมแข่งจากประเทศไทยที่คว้าแชมป์ในรายการนี้มาครองได้ถึง 6 ครั้ง ทั้งยังเป็นทีมไทยทีมเดียวที่ครองโพเดียมและชนะการแข่งขันมากที่สุดในคลาสซูเปอร์สปอร์ต โดยวางเป้าหมายไว้ที่ตำแหน่งแชมป์ในเกมรุ่นใหญ่สุดอย่าง Asia SuperBike 1000 cc (ASB1000) ซึ่ง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล พร้อมลงชิงชัยด้วยรถแข่ง YZF-R1 รวมถึงในรุ่น Super Sport 600 cc (SS600) ซึ่ง Yamaha Thailand Racing Team คว้าแชมป์มาแล้วถึง 5 ครั้ง โดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ พร้อมลงป้องกันแชมป์ภายใต้รถแข่ง Yamaha YZF-R6

ในเวทีระดับโลกเรายังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ Road to World Class และนับเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเราหลังจากที่ได้ผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับโลกมาโดยตลอดทั้งในเวที World Superbike และ MotoGP ภายใต้สิทธิ์ไวล์ดการ์ด รวมถึงเข้าร่วมชิงชัยรายการ Moto3 Junior World Championship และ Moto2 European Championship ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญก่อนจะไต่ขึ้นสู่ ศึกMoto2 World Championship ของ “เค” เขมินท์ คูโบะ ที่จะได้ลงทำการชิงชัยแบบเต็มฤดูกาล ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Thai Yamaha Motor, Yamaha Motor ประเทศญี่ปุ่น และ VR46 RIDER ACEDEMY ภายใต้สังกัด Yamaha VR46 MASTER CAMP ที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 21 สนาม จาก 18 ประเทศทั่วโลก

ทั้งยังได้ผลักดันนักแข่งดาวรุ่งอย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการ Yamaha R3 bLU cRU European Cup ซึ่งผู้ที่คว้าแชมป์ในรายการจะได้เข้าร่วมการแข่งขัน FIM Superbike World Championship รุ่น World SuperSport 300 (WSSP300) แบบเต็มฤดูกาล รวมถึงให้การซัพพอร์ตทีมพันธมิตรบนเวทีความเร็วภายในประเทศไทย ซึ่งเรามีกองกำลัง R-Series Army กว่า 17 ทีม ที่เป็นทีมแข่งพันธมิตรของ ยามาฮ่า พร้อมลงไล่ล่าแชมป์ภายใต้คำแนะนำจาก Yamaha Thailand Racing consult สร้างควมแข็งแกร่งให้กับทีมแข่งและนักแข่งที่ลงทำการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล และด้วยโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นสำหรับการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งการเตรียมความพร้อมทางด้านคุณภาพและเพิ่มศักยภาพของทีมมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราพร้อมยกระดับทีมขึ้นไปสู่ความเป็นมืออาชีพ ทั้งด้านโครงสร้างการทำงานของทีมที่มีความชัดเจน มีระบบการวิเคราะห์ข้อมูลจากนักแข่งและรถแข่ง การพัฒนารูปแบบการทำงานรวมถึงทักษะต่างๆ รวมถึง R&D รถแข่งทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน นอกจากนี้ยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพของนักแข่งในทีม ควบคู่ไปกับการสร้าง Academy สำหรับนักแข่งดาวรุ่งอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างประสบการณ์ เสริมทักษะและเทคนิคทที่จำเป็นสำหรับการแข่งขัน
พร้อมเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ยามาฮ่า และ แฟนมอเตอร์สปอร์ต ให้เพิ่มมากขึ้นการสร้างรายการ Yamaha Thailand Racing Checker Flag Talk ภายใต้การวิเคราะห์เกมของโค้ชและนักแข่ง หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญมาบอกเล่ารายละเอียดของเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน รวมถึงการ LIVE จากสนามแข่งเพื่อให้ผู้ที่ติดตามสามารถร่วมพูดคุยได้อย่างใกล้ชิด แบบเกาะติดขอบสนามอย่างแท้จริง รวมถึง Yamaha Championship ซึ่งกลายเป็นรายการแข่งขันยอดนิยมที่มีผู้เข้าร่วมชิงชัยมากที่สุดในประเทศไทย และกิจกรรม Yamaha Moto Challenge ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Yamaha กับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน สร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มลูกค้าและนักศึกษาได้เข้าใจถึงการขับขี่ การดูแลรถ และใช้งานได้อย่างปลอดภัยและดีขึ้น ทั้งยังได้ร่วมสร้างมอเตอร์สปอร์ตแฟชั่น เพื่อให้แฟนมอเตอร์ได้ชื่นชม และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและคอลเลคชั่นต่างๆ ของ Yamaha Racing สร้างกระแสความนิยมต่อเนื่องมาโดยตลอด
ทั้งหมดเป็นเป้าหมายและแนวทางที่ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในปีนี้ โดยหวังที่จะมอบความตื่นเต้น เร้าใจ และสร้างความสนุกสนานให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้ติดตามเชียร์นักแข่งไทยและทีมแข่งของเรา จึงอยากจะขอฝากให้สื่อมวลชนประชาสัมพันธ์และติดตามเชียร์ เป็นกำลังใจให้แก่นักแข่งไทยจาก ยามาฮ่า และทีมแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ของเราในทุกรายการด้วย
สำหรับความสำเร็จในฤดูกาล 2021 “ไทยยามาฮ่า” ประกาศความยิ่งใหญ่บนสังเวียนความเร็ว ในฤดูกาล 2021 สามารถผงาดขึ้นครองบัลลังก์แชมป์ได้ถึง 8 รายการหลัก ไล่เรียงจากแชมป์โลก MotoGP, World Superbike, World SuperSport, MX2 รวมถึง แชมป์ All Japan, British Superbike, Moto America และ แชมป์ประเทศไทยของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม นับเป็นการเฉลิมฉลองที่ยอดเยี่ยมในวาระครบ 60 ปี บนสังเวียนเวิลด์ จีพี” นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ภายใต้การทำงานของทีมงานชาวไทยทั้งหมด ผสานความร่วมมือกับ BRIDGESTONE ในบทบาทของผู้ให้การสนับสนุนยางสำหรับการแข่งขัน ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และการวางแผนที่ดีร่วมกัน ส่งผลให้สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองภายใต้รถแข่ง YZF-R6 ทั้งยังสามารถทุบสถิติของรายการด้วยรถแข่ง YZF-R1 การันตีคุณภาพของ Yamaha R-Series ด้วยการคว้า 12 แชมป์ จาก 17 รุ่นการแข่งขัน

 

MOTO GUZZI V85TT GUARDIA D’ONORE

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 MOTO GUZZI ได้รับเลือกเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ให้เข้ามาผลิตรถสำหรับใช้ในการรักษาความปลอดภัย หรือกล่าวง่ายๆคือ เป็นกลุ่มรถนำขบวนให้กับผู้นำประเทศ หรือประธานาธิบดีของอิตาลีในเวลานั้น และจากจุดนี้จึงมีส่วนทำให้แบรนด์นกอินทรีย์ของ MOTO GUZZI นี้ เป็นที่รู้จักและชื่นชอบในฐานะรถจักรยานยนต์ของชาวอิตาเลี่ยน

ล่าสุดจากงาน EICMA 2021 ปลายปีที่ผ่านมา นับเป็นวาระครบรอบ 75 ปี ของการร่วมมือระหว่างโรงงานผลิตแบรนด์ MOTO GUZZI กับกองทัพในส่วนของขบวนรถอารักขา จึงได้ทำการเปิดเผยรถรุ่นพิเศษเนื่องในวะระดังกล่าว ที่จะผลิตในแบบลิมิตเต็ดอิดิชั่น ภายใต้ชื่อ V85 TT Guardia d’Onore ซึ่งจะผลิตจำกัดจำนวนที่ 1946 คัน โดยแต่ละคันจะระบุหมายเลขที่ผลิตตั้งแต่ 1-1946 ไว้บนแฮนเดิ้ลบาร์แม้จะเป็นรุ่นพิเศษทว่าพื้นฐานสเปคนั้นยังคงเป็นไปตามรุ่นปกติอย่าง V85TT กับ V85TT Travel ที่มาพร้อมค่าไอเสีย Euro5 ขณะที่สมรรถนะของรถนั้นเน้นแรงบิดที่มากขึ้นในช่วงรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำและกลาง รวมถึงมีการติดตั้งโหมดการขับขี่มา 5 โหมดเช่นเดียวกัน

โดยมี 2 โหมดขับขี่ใหม่ เพิ่มขึ้นจาก 3 โหมดขับขี่เดิม เพื่อช่วยให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีในการจัดการเกี่ยวกับ traction control ABS และ ride-by-Wire throttle รวมถึง cruise control กล่าวได้ว่า MOTO GUZZI พัฒนาเน้นมาทางส่วนของระบบอิเล็คทรอนิคส์มากขึ้นกับรถในกลุ่ม V85 โมเดลใหม่นี้ไม่น้อย โดยเฉพาะการออกแบบแพล็ตฟอร์มการทำงานด้านมัลติมีเดีย ที่เรียกว่า MOTO GUZZI MIA ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนกับรถ พร้อมทั้งแสดงผลและทำงานร่วมกับจอแสดงผลต่างๆผ่านฟังก์ชั่นบนแผงเรือนไมล์ TFT จอสีที่อัพเกรดมาใหม่

ส่วนพืนฐานเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของMOTO GUZZI ที่เป็นเครื่องยนต์ 90องศา transverse V-twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ อย่างไรก็ตาม2022 MOTO GUZZI V85TT Guardia d’ Onore ได้รับการเสริมแต่งให้มีความพิเศษในบางจุด เพื่อสร้างกลิ่นอายของความเป๋นรถนำขบวน ที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ผู้นำประเทศเช่นช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2 ตามที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นจึงมีองค์ประกอบบางอย่างที่ต่างจาก V85TT และ V85TT Travel ที่ออกมาก่อนอยู่บ้าง

รายละเอียดตัวรถมีดังนี้
Engine ; Transversal 90° V-twin, two valves per cylinder (titanium intake).
Cooling ; air
Displacement ; 853 cc
Bore and stroke ; 84 x 77 mm
Maximum power ; 76 CV (56 kW) – 7.500 rpm (Also available at 35 kW, A2 driver license).
Maximum torque ; 82 Nm – 5.000 rpm.
Compliance Meets European Directive ; Euro 5
Emissions ; 119 g/km (CO2)
Consumption ; 4,9 l/100 km
Gearbox ; 6 speed
Fuel tank ; 23 l (5 reserve).
Seat height ; 830 mm.
Dry weight ; 209 kg.
Kerb weight ; 230 kg
Front suspension ; Upside-down hydraulic telescopic fork Ø 41 mm, with adjustable extension and spring preload.
Rear suspension ; Swingarm Twin-sided with lateral mono shock absorber, adjustable extension and spring preload.
Front wheel ; Cross spoked tubeless wheel, 19” 110/80.
Rear wheel ; Cross spoked tubeless wheel, 17”150/70.
Front brake ; Double stainless steel floating disk Ø 320 mm, radial Brembo calipers with 4 opposed pistons.
Rear brake ; Stainless steel disk Ø 260 mm, floating 2 pistons caliper.
Features ; Display TFT, full LED lights, Ride by Wire, 5 Riding Mode (Street, Rain, Offroad, Sport, Custom), Cruise Control, Handguard, Aluminium sump guard, MGCT
Moto Guzzi Controllo di Trazione, Standard double channel ABS.