



นอกจากจะมีดีไซน์ที่โดดเด่น ภายใต้โทนสีแดง ขาว เทา ที่เป็นสีเอกลักษณ์ของยามาฮ่า พร้อมจอ 3 มิติขนาดใหญ่ที่สร้างความแตกต่าง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ที่พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่สุดล้ำให้กับลูกค้าแล้ว ในปีนี้ยังมีความพิเศษจาก Yamaha Motoverse Idols ที่ได้ น้องวันนี้ – Wunni อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual Human Influencer) มาร่วมเป็น 1 ใน Yamaha Motoverse Idols เป็นครั้งแรกในวงการยานยนต์ นับได้ว่าเป็นการสะท้อนความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของยามาฮ่าได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้บูธ “YAMAHA MOTOVERSE” ยังมี Leisure Zone ยานยนต์ทางน้ำและรถกอล์ฟ รวมถึง Yamaha Apparel & Accessories รวมทั้งเคมีภัณฑ์ Yamalube ให้ทุกท่านได้เลือกชม และรับลดสูงสุดถึง 40% พร้อมรับโปรโมชันพิเศษมากมายภายในงาน
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัวโมเดลใหม่พร้อมกันทีเดียวถึง 4 รุ่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง นำโดย All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. สปอร์ตเต็มขั้น ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด, New Dax125 รถ Iconic จาก CUB House โดดเด่นด้วยเฟรมแบบ T-Bone, New NT1100 บิ๊กไบค์สปอร์ตทัวริ่งดีไซน์ใหม่ล่าสุด และ New GOLDWING Black Edition รถท็อปคลาสทัวริ่งที่มาพร้อมสีใหม่สุดดุดัน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่ม Life Creation ที่จะทำให้การใช้ชีวิตของคนไทยมีความสะดวกสบาย รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรม EV Ecosystem ผ่านบูธ The Power of Dreamer
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้แบรนด์คอนเซปต์ “What Stops You?” ฮอนด้ามองว่าการใช้ชีวิตคือเรื่องที่ไม่มีข้อจำกัด ความฝันจะเป็นจริงถ้าเราลงมือทำ แต่ความฝันที่ยิ่งใหญ่จะสำเร็จได้ถ้ามีพลังขับเคลื่อน เราจึงมุ่งมั่นไม่หยุดพัฒนาเพื่อสร้าง Mobility World ที่สามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงเทรนด์แห่งอนาคตที่เราไม่ได้มองเพียงแค่การพัฒนารถ EV เท่านั้น แต่มองไปถึงการพัฒนาในเชิงระบบนิเวศหรือ EV Ecosystem ทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดผ่านบูธ The Power of Dreamer ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า”
บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ อย่างเป็นทางการ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ และสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 หรือ Bangkok International Motor Show 2022 ที่นับได้ว่าเป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับประเทศกับแนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” – Keep Moving Forward Together! ที่รวบรวมยานยนต์ทุกประเภทมาจัดแสดง เพื่อให้ชม สัมผัส ลองขับ และเลือกซื้อ จึงเป็นงานที่เหล่าคนรักยานยนต์รอคอย ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 3 เมษายน 2565
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดแสดงรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น รุ่นไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือ Ninja ZX-10R รถจักรยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นเรือธงของตระกูล Ninja ที่โด่งดังทั่วโลก ยลโฉมความสวยงามและสัมผัสคันจริง ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 รวมทั้งรถจักรยานยนต์ Z650RS มนต์สเหน่ห์ความคลาสสิคผสมผสานกับเครื่องยนต์ขนาดกลางสุดเร้าใจในการขับขี่ และ KLR650 รถจักรยานยนต์สไตล์แอดแวนเจอร์ที่ทำให้การผจญภัยของคุณสนุกกว่าที่เคย โดยทุกรุ่นมาพร้อมกับข้อเสนอที่พลาดไม่ได้
คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย กล่าวว่า “แม้ว่าสภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ยังประสบปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง แต่เราก็ได้เห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหา การควบคุมการระบาดจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่ร่วมมือกัน ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้เห็นตลาดกลับมาคึกคักมากขึ้น”
“เราได้พัฒนาและประสบความสำเร็จด้านเทคโนโลยีและความสามารถเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด รวมไปถึงเรื่องของการระบาดของโรคโควิด 19 ด้วย เป้าหมายและความพยายามของเรามุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเป็นจุดศูนย์กลาง เราไม่เพียงแต่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ดีเยี่ยม แต่เรายังมุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน” กล่าวเพิ่ม
บังเอิญว่าได้ไฟล์ภาพลูกชายของแชมป์โมโตครอสโลก 10 สมัย อย่าง Stefan Everts ที่เปิดตัวเป็นนักแข่งของ KTM อย่างเป็นทางการ โดยจะลงแข่งครั้งแรกในสังเวียนระดับโลกอย่าง FIM Motocross World Championship รุ่น MX2 ด้วยวัย 17 ปี(เกิด06/08/2004) ที่ค่อยๆตามรอยพ่อด้วยการเริ่มแข่งขันในประเทศเบลเยี่ยมครั้งแรกช่วงปี 2011 จากนั้นค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาในระดับยุโรปและเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน เมื่อเข้าสู่การแข่งขันในระดับ จูเนียร์เวิลด์โมโตครอส ที่เป็นการแข่งขันปีละครั้งสำหรับนักแข่งเยาวชนจากทั่วโลกที่จะมาชิงชัยกัน จากนั้นก็ขยับเข้าสู่การแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลในเกมระดับชิงแชมป์ยุโรป ที่ค่อยๆไต่เต้าในระดับ 68-85-125 ซีซี จนกระทั่งในปี 2018 ขณะอายุ 14 ปี ก็ได้รับการติดต่อให้เซ็นสัญญากับ KTM ในการสนับให้ลงชิงชัยระดับชิงแชมป์ยุโรป
โดย Liam Everts ลงแข่งในรุ่น EMX125 ก่อนที่ในปีที่แล้วจะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น EMX250 และในปีนี้เขาได้ก้าวเข้ามาแข่งในเวทีระดับเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ รุ่น MX2 กับทีมระดับฟูลแฟคทอรี่ซัพพอร์ทอย่าง KTM DIGA Procross team กับรถแข่ง SX-F 250 โมเดลล่าสุด ที่นำมาปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยชิ้นส่วนอะไหล่จากแคตตาล็อก power parts ที่เป็นชุดคิทเพิ่มสมรรถนะต่างๆอย่างเป็นทางการของ KTM แน่นอนว่ารถแข่งนั้นเป็นโมเดลล่าสุด 2022 KTM SX-F250 ที่ในปีนี้มาพร้อมกับนิยามในการพัฒนาโมเดลใหม่นี้ว่า The Battle for Glory ที่พื้นฐานเดิมนั้นยังคงสเปคและยืนยันที่จะใช้ตามแนวทางเดิมในโมเดลก่อนหน้านี้ โดยเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่นี้ผ่านการอัพเดทครั้งสำคัญในปี 2020 ที่ว่ากันว่า เครื่องยนต์รถโมดตครอส 250Fนี้ ได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเครื่องยนต์จากเดิมให้มีความกระทัดรัดและมีสมดุลมากยิ่งขึ้น จนสามารถสร้างศูนย์รวมน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม อีกทั้งยังลดน้ำหนักชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จากเดิม
นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ได้ดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่มรถ 250F ด้วยกัน สรุปคือ การอัพเดทเครื่องยนต์ในปี 2020 นั้นยังสามารถใช้กับรถแข่งในโมเดลล่าสุดนี้ได้อย่างมั่นใจ ดังนั้นในส่วนของเครื่องยนต์ของ 2022 SX-F จึงไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก แต่สำหรับทีมแข่งนั้นสามารถปรับเปลี่ยนและมีทางเลือกตามกล่าวไปนั่นก็คือ racin kits ที่มีจำหน่ายในลิสต์ชิ้นส่วนของ power parts ของ KTM นั่นเอง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีการปรับเปลี่ยนมากนักสำหรับในส่วนของเครื่องยนต์รวมทั้งส่วนอื่นๆของตัวรถ แต่ SX-F250 ได้รับการพัฒนาในส่วนของระบบกันสะเทือน โดยติดตั้ง WP XACT suspension ที่ได้รับการอัพเดทมาล่าสุด ขณะที่ระบบอิเล็คทรอนิคส์นั้น ได้พัฒนาเพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น แม่นยำมากกว่าเดิม ด้วยระบบ traction control launch control variable engine mapping และ reliable starters ซึ่งทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับระบบอิเล็คทรอนิคส์นี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับการทำงานในส่วนของ engine management system นี้ ควบคุมโดย KEIHIN Engine Management system นอกจากนี้ยยังครอบคลุมถึงการสั่งงาน electronic fuel injection อีกด้วย ซึ่งในการทำงานเกี่ยวกับการจ่ายเชื้อเพลิงนี้ จะจัดการร่วมกับเรือนลิ้นเร่งขนาด 44 มม.ซึ่งระบบควบคุมนี้พัฒนาให้มีการตอบสนองต่อการเปิดปิดคันเร่งได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ
นอกจากนี้ในส่วนของ ECU นั้น ได้รับการออกแบบซอพแวร์ที่มีประสิทธิภาพประกอบค่า map ที่เที่ยงตรงแม่นยำเหมาะสมกับระบบไอเสียและการออกแบบฝาสูบอีกด้วย อย่างไรก็ตามในการแข่งขันในระดับ MX2 บนสังเวียนกรังด์ปรีซ์แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สมรรถนะต่างๆของรถแข่งอย่างเต็มประสิทธิภาพเหนือกว่ารถแข่งมาตรฐาน ดังนั้น ตัวแข่งของ Liam Everts ย่อมแตกต่างไปจากรถ SX-F250 เวอร์ชั่นสแตนดาร์ต โดยเฉพาะการใช้ชิ้นส่วนพิเศษ power parts อย่างไรก็ตามพื้นฐานของรถแข่งโดยรวมนั้นถือว่ามาจาก 2022 SX-F250
สเปคเบื้องต้นดังนี้
ENGINE
TRANSMISSION 5-speed
STARTER Electric starter
STROKE 52.3 mm
BORE 78 mm
CLUTCH Wet multi-disc DS clutch, Brembo hydraulics
DISPLACEMENT 249.9 cm³
EMS Keihin EMS
DESIGN 1-cylinder, 4-stroke engine
CHASSIS
WEIGHT (WITHOUT FUEL) 99 kg
TANK CAPACITY (APPROX.) 7.5 l
FRONT BRAKE DISC DIAMETER 260 mm
REAR BRAKE DISC DIAMETER 220 mm
FRONT BRAKE Disc brake
REAR BRAKE Disc brake
CHAIN 5/8 x 1/4”
FRAME DESIGN Central double-cradle-type 25CrMo4 steel
FRONT SUSPENSION WP XACT-USD, Ø 48 mm
GROUND CLEARANCE 375 mm
REAR SUSPENSION WP XACT Monoshock with linkage
SEAT HEIGHT 950 mm
STEERING HEAD ANGLE 63.9 °
SUSPENSION TRAVEL (FRONT) 310 mm
SUSPENSION TRAVEL (REAR) 300 mm
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “EXPERIENCE THE UNDISCOVERED” ค้นหาประสบการณ์เร้าใจไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ รถออโตเมติก 300 ซีซี ยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลกตามเอกลักษณ์แห่งตระกูล MAX Series สุดยอดดีไซน์ผสานสุดยอดสมรรถนะการขับขี่ ตอบสนองจิตวิญญาณแห่งความเป็น MAX สีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
สำหรับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ที่มาพร้อมกับสโลแกน “MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์” ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเต็ม MAX ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ในพิกัด 300 ซีซี ผสมผสานเทคโนโลยีแห่งความแรงและความประหยัดได้อย่างลงตัว สั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล ที่ให้ประสิทธิภาพในการขับขี่สนุกเร้าใจในทุกระดับความเร็ว
ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ยังเสริมสมรรถนะการขับขี่ให้เต็ม MAX ด้วย โช้คหน้าขนาด 33 มม. ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ให้ความมั่นใจในทุกสภาพถนน อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการหยุดรถด้วยระบบเบรก ABS ที่ช่วยควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ป้องกันล้อล็อกทั้ง 2 ล้อ พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ระบบปรับสมดุลความเร็วล้อหน้า-หลัง ให้สัมพันธ์กัน ให้ความปลอดภัยในทุกสถานการณ์การขับขี่ และตอบโจทย์การเดินทางไกลด้วย ถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร จุน้ำมันได้มากหมดกังวลทุกการเดินทางไกล พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้ถึง 2 ใบ
ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! นอกจากมีสมรรถนะการขับขี่สุด MAX แล้ว ยังเพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หรูหราสุดพรีเมี่ยมตลอดทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า-ไฟท้าย แบบ FULL LED ดีไซน์สปอร์ตดุดัน ต้นฉบับความเท่ของตระกูล MAX สว่างขึ้นชัดเจนกว่าเดิม เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่, เรือนไมล์แบบ Multi-function Digital Meter จอ LCD สไตล์สปอร์ต ครบทุกฟังก์ชัน พร้อมสวิตช์เปลี่ยนโหมดที่แฮนด์, ช่องชาร์จแบตมือถือหรืออุปกรณ์นำทาง ขนาด 12V พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า รวมทั้งกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM ที่สามารถใช้งานทั้งสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์, ปลดล็อกแฮนด์รถ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาปิดถังน้ำมัน และส่งสัญญาณตอบรับ ANSWER BACK
ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! มาพร้อมกับสีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 4 สี คือ สีเขียว Dark Petrol, สีแดง Redline, สีน้ำเงิน Icon Blue และสีขาว Milky White ด้วยราคาแนะนำที่ 179,000 บาท โดยสามารถสัมผัสกับ MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์ ไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Website : www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @Yamaha Society Thailand
Youtube : Yamaha Society Thailand
“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 20 จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานสุดร้อนแรงต่อสู้กับคู่แข่งหัวกะทิจากทั่วทวีปเอเชีย ก่อนทะยานคว้าอันดับ 7 ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2022 สนามแรก เรซที่ 1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ประเทศกาตาร์
ทั้งนี้ การแข่งขันเรซที่ 2 ของศึก อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2022 สนามแรก จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม เวลา 15.50 น. ตามเวลาประเทศไทย รับชมถ่ายทอดสดทาง ยูทูป https://www.youtube.com/AsiaTalentCup ติดตามความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม :
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จัดทัพใหญ่ไล่ล่าความสำเร็จเกมความเร็วฤดูกาล 2022 ยกระดับสู่ทีมอาชีพ ปูทางสู่เวทีระดับโลก ชูสมรรถนะ Yamaha R-Series จับคู่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล ดวลเกมรุ่นใหญ่ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2022 ขณะที่ โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ พร้อมป้องกันแชมป์รุ่น SS600
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร, นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยนักแข่งนำโดย“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์, “ตี” อนุภาพ ซามูล, “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ร่วมประกาศความยิ่งใหญ่บนสังเวียนความเร็วในงานเปิดตัวทีมแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทีมแข่งชั้นนำของทวีปเอเชีย ประจำปี 2022 ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ (YAMAHA RIDING ACADEMY) ถนนบางนา- ตราด กม.21 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.65
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัดกล่าวว่า “ในปีนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ชูสมรรถนะ Yamaha R-Series จัดทัพไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีความเร็ว จับคู่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล ดวลเกมรุ่นใหญ่ศึกชิงแชมป์เอเชีย แท็กทีม “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ที่ลงป้องกันแชมป์รุ่น SS600 พร้อมผลักดัน “เค” เขมินท์ คูโบะ สู่เวที Moto2 World Championship และเดินหน้าปั้นดาวหน้าใหม่ขับบนเวที Yamaha R3 European Cup
นอกจากนี้ยังเดินหน้าสานต่อความสำเร็จและโฟกัสไปที่การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ด้วยศักดิ์ศรีตัวแทนทีมแข่งจากประเทศไทยที่คว้าแชมป์ในรายการนี้มาครองได้ถึง 6 ครั้ง ทั้งยังเป็นทีมไทยทีมเดียวที่ครองโพเดียมและชนะการแข่งขันมากที่สุดในคลาสซูเปอร์สปอร์ต โดยวางเป้าหมายไว้ที่ตำแหน่งแชมป์ในเกมรุ่นใหญ่สุดอย่าง Asia SuperBike 1000 cc (ASB1000) ซึ่ง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล พร้อมลงชิงชัยด้วยรถแข่ง YZF-R1 รวมถึงในรุ่น Super Sport 600 cc (SS600) ซึ่ง Yamaha Thailand Racing Team คว้าแชมป์มาแล้วถึง 5 ครั้ง โดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ พร้อมลงป้องกันแชมป์ภายใต้รถแข่ง Yamaha YZF-R6
ในเวทีระดับโลกเรายังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ Road to World Class และนับเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเราหลังจากที่ได้ผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับโลกมาโดยตลอดทั้งในเวที World Superbike และ MotoGP ภายใต้สิทธิ์ไวล์ดการ์ด รวมถึงเข้าร่วมชิงชัยรายการ Moto3 Junior World Championship และ Moto2 European Championship ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญก่อนจะไต่ขึ้นสู่ ศึกMoto2 World Championship ของ “เค” เขมินท์ คูโบะ ที่จะได้ลงทำการชิงชัยแบบเต็มฤดูกาล ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Thai Yamaha Motor, Yamaha Motor ประเทศญี่ปุ่น และ VR46 RIDER ACEDEMY ภายใต้สังกัด Yamaha VR46 MASTER CAMP ที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 21 สนาม จาก 18 ประเทศทั่วโลก
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 MOTO GUZZI ได้รับเลือกเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ให้เข้ามาผลิตรถสำหรับใช้ในการรักษาความปลอดภัย หรือกล่าวง่ายๆคือ เป็นกลุ่มรถนำขบวนให้กับผู้นำประเทศ หรือประธานาธิบดีของอิตาลีในเวลานั้น และจากจุดนี้จึงมีส่วนทำให้แบรนด์นกอินทรีย์ของ MOTO GUZZI นี้ เป็นที่รู้จักและชื่นชอบในฐานะรถจักรยานยนต์ของชาวอิตาเลี่ยน
ล่าสุดจากงาน EICMA 2021 ปลายปีที่ผ่านมา นับเป็นวาระครบรอบ 75 ปี ของการร่วมมือระหว่างโรงงานผลิตแบรนด์ MOTO GUZZI กับกองทัพในส่วนของขบวนรถอารักขา จึงได้ทำการเปิดเผยรถรุ่นพิเศษเนื่องในวะระดังกล่าว ที่จะผลิตในแบบลิมิตเต็ดอิดิชั่น ภายใต้ชื่อ V85 TT Guardia d’Onore ซึ่งจะผลิตจำกัดจำนวนที่ 1946 คัน โดยแต่ละคันจะระบุหมายเลขที่ผลิตตั้งแต่ 1-1946 ไว้บนแฮนเดิ้ลบาร์แม้จะเป็นรุ่นพิเศษทว่าพื้นฐานสเปคนั้นยังคงเป็นไปตามรุ่นปกติอย่าง V85TT กับ V85TT Travel ที่มาพร้อมค่าไอเสีย Euro5 ขณะที่สมรรถนะของรถนั้นเน้นแรงบิดที่มากขึ้นในช่วงรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำและกลาง รวมถึงมีการติดตั้งโหมดการขับขี่มา 5 โหมดเช่นเดียวกัน
โดยมี 2 โหมดขับขี่ใหม่ เพิ่มขึ้นจาก 3 โหมดขับขี่เดิม เพื่อช่วยให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีในการจัดการเกี่ยวกับ traction control ABS และ ride-by-Wire throttle รวมถึง cruise control กล่าวได้ว่า MOTO GUZZI พัฒนาเน้นมาทางส่วนของระบบอิเล็คทรอนิคส์มากขึ้นกับรถในกลุ่ม V85 โมเดลใหม่นี้ไม่น้อย โดยเฉพาะการออกแบบแพล็ตฟอร์มการทำงานด้านมัลติมีเดีย ที่เรียกว่า MOTO GUZZI MIA ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนกับรถ พร้อมทั้งแสดงผลและทำงานร่วมกับจอแสดงผลต่างๆผ่านฟังก์ชั่นบนแผงเรือนไมล์ TFT จอสีที่อัพเกรดมาใหม่
ส่วนพืนฐานเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของMOTO GUZZI ที่เป็นเครื่องยนต์ 90องศา transverse V-twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ อย่างไรก็ตาม2022 MOTO GUZZI V85TT Guardia d’ Onore ได้รับการเสริมแต่งให้มีความพิเศษในบางจุด เพื่อสร้างกลิ่นอายของความเป๋นรถนำขบวน ที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ผู้นำประเทศเช่นช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2 ตามที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นจึงมีองค์ประกอบบางอย่างที่ต่างจาก V85TT และ V85TT Travel ที่ออกมาก่อนอยู่บ้าง
รายละเอียดตัวรถมีดังนี้
Engine ; Transversal 90° V-twin, two valves per cylinder (titanium intake).
Cooling ; air
Displacement ; 853 cc
Bore and stroke ; 84 x 77 mm
Maximum power ; 76 CV (56 kW) – 7.500 rpm (Also available at 35 kW, A2 driver license).
Maximum torque ; 82 Nm – 5.000 rpm.
Compliance Meets European Directive ; Euro 5
Emissions ; 119 g/km (CO2)
Consumption ; 4,9 l/100 km
Gearbox ; 6 speed
Fuel tank ; 23 l (5 reserve).
Seat height ; 830 mm.
Dry weight ; 209 kg.
Kerb weight ; 230 kg
Front suspension ; Upside-down hydraulic telescopic fork Ø 41 mm, with adjustable extension and spring preload.
Rear suspension ; Swingarm Twin-sided with lateral mono shock absorber, adjustable extension and spring preload.
Front wheel ; Cross spoked tubeless wheel, 19” 110/80.
Rear wheel ; Cross spoked tubeless wheel, 17”150/70.
Front brake ; Double stainless steel floating disk Ø 320 mm, radial Brembo calipers with 4 opposed pistons.
Rear brake ; Stainless steel disk Ø 260 mm, floating 2 pistons caliper.
Features ; Display TFT, full LED lights, Ride by Wire, 5 Riding Mode (Street, Rain, Offroad, Sport, Custom), Cruise Control, Handguard, Aluminium sump guard, MGCT
Moto Guzzi Controllo di Trazione, Standard double channel ABS.