นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในจังหวัดตรัง นางนงค์ลักษณ์ บำรุงชาติอุดม กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ่นส่วน ตรัง.เอส.ที. จำกัด และ นายเอกสิทธิ์ วัจน์ประภาศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรังเทพนคร จำกัด ร่วมเปิดเกมการแข่งขัน Yamaha CUP RACE 2016 สนามที่ 3 จังหวัดตรัง โดยมี นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วยเหล่าผู้ให้การสนันสนุนการแข่งขัน Yamaha CUP RACE 2016 ณ สนามกีฬาทุ่งแจ้ง ลานเรือนพระ จ.ตรัง เมื่อเร็วๆ นี้
2015 KX250F
โลกหมุนเร็วขึ้น ทุกอย่างขับเคลื่อนเร็วตาม เพิ่งจะผ่านกลางปีไปไม่นานแต่การมาถึงของโมโตครอสปี 2015 ก็มาถึงแล้ว ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีโดยยางรถจักรยานยนต์ควิกและวงล้อโยโก ทำให้คอลัมน์ทดลองสัมผัสโมโตครอสแซมเปิ้ลของปี 2015 เริ่มต้นได้อย่างทันการณ์ พบกับรุ่นแรก ของการรีวิว KX250F

มีอะไรใหม่ใน 2015 KX250F
ภายนอกเท่าที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือโทนสีของน็อตข้างเครื่องที่เดิมใช้สีน้ำเงินก็เปลี่ยนเป็นอะโนไดซ์สีเขียวซึ่งเป็นโทนเดียวกับพลาสติกของตัวรถ อีกชิ้นที่เปลี่ยนเป็นเขียวเช่นกันคือสปริงโช้คหลัง ส่วนโช้คหน้า ที่เป็นระบบ SFF ผลงานโชวานั้นได้ใช้กระบอกโช้คผิวด้านสีเทาอ่อนเหมือนที่ใช้ในรถแข่งของแชมป์มาเพิ่มความเข้มขลัง จานเบรกหน้าเพิ่มขนาดจาก 250 มม. เป็น 270 มม. คือขนาดโอเวอร์ไซส์ที่มีขายเป็นของแต่งกันเลย กับซับเฟรมที่เบาขึ้นเล็กน้อย






เครื่องยนต์
ภายในเครื่องยนต์แบบ DOHC 4 จังหวะสูบเดียว ได้มีการพัฒนาลูกสูบใหม่ที่เรียกว่า Bridged Box Bottom พร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่ยังพร้อมพรั่ง ด้วยระบบหัวฉีดคู่อันเลื่องลือ เรือนลิ้นเร่ง 43 มม. ของเคฮิน แถมยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังด้วยปลั๊กเปลี่ยนนิสัย เลือกใช้ตามสภาพสนามได้ถึง 3 แบบมาให้สั่งงานระบบหัวฉีดง่ายๆ เพียงแค่เสียบปลั๊กเข้าไปเท่านั้น ท่อไอเสียพร้อมคอท่อสไตล์เมก้า
บอมบ์ อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่รู้ใจผู้ขับขี่ก็คือระบบช่วยการออกตัว Launch Control ที่จะช่วยปรับสมดุลระหว่างรอบเครื่องยนต์กับการหมุนฟรีของล้อหลัง ลดอาการล้อฟรีมากเกินควร ช่วยให้ชิงโค้งแรกได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยระบบนี้จะทำงานด้วยปุ่มกดด้านซ้ายของแฮนด์ แสดงสถานะทำงานด้วยสัญญาณไฟกระพริบ โดยจะทำงานในเกียร์ 1 และ 2 เท่านั้น ยกเลิกระบบอัตโนมัติทันทีที่เข้าสู่ตำแหน่งเกียร์ 3


กันสะเทือน
ด้านหน้ายังคงคบหากับ Showa ด้วยระบบ SFF แบบที่ 2 (Saparate Function Front Fork) Type 2 ด้วยการแยกทำงานระหว่างด้านซ้ายที่เป็นระบบวาล์วน้ำมันสร้างความหนืด ส่วนด้านขวาทำหน้าที่ยันออกและรับแรงกระแทกด้วยสปริง ลดได้ทั้งน้ำหนักและความฝืดสามารถปรับพรีโหลดของสปริงได้จากภายนอก โดยที่แกนโช้คนั้นก็ยังคงมีการเคลือบผิวที่จัดให้สาวกสีเขียวเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวจนถึงปัจจุบัน ส่วนด้านหลังก็เป็นโช้คเดี่ยวกับระบบกระเดื่องเช่นเคย
มิติปรับได้กับเบรกแบรนด์ดัง
อีกส่วนที่คาวาซากิคิดเผื่อสำหรับนักขี่นักแข่งที่มีสรีระแตกต่าง ด้วยการจัดวางตำแหน่งของแฮนด์เดิลบาร์ เรนธอล (Renthal) ที่สามารถขยับปรับหน้าหลังได้ และพักเท้าที่สามารถปรับสูงต่ำได้เช่นกัน อีกหนึ่งความใส่ใจของระบบเบรกที่นอกจากจะมี Nissin เป็นผู้รับเหมาในส่วนปั๊มเบรกและคาลิเปอร์แล้ว จานเบรกที่ใช้ก็ปั๊มตรา Braking เบรกดียี่ห้อดังมาให้จากไลน์ผลิตอีกด้วย
ขอบคุณการประสานงานถ่ายทำและทดลองโดยคุณเกรียงไกร วรรัตนธรรม แห่งศรีสกลมอเตอร์สปอร์ต ผู้จำหน่ายรถแข่งคาวาซากิ KX250F โทร 08-1873-4551 คุณสาโรจน์ ทศพร เจ้าของรถใจดี และ คุณประสิทธิ์ กองเงิน (ลุงแจ๋นด่านขุนทด) ผู้ร่วมประสานงานของกลุ่ม ด่านขุนทดโมโตครอสเอื้อเฟื้อสถานที่ ชุดนักทดสอบ จากร้านเดิร์ทช็อพ พบกันใหม่กับคิวต่อไปของ 2015 MX Sample เร็วๆ นี้

ข้อมูลเทคนิค 2015 KX250F
เครื่องยนต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ, 4 จังหวะสูบเดียว
DOHC 4 วาล์ว
ปริมาตรกระบอกสูบ 249cc
ลูกสูบ x ระยะชัก 77.0 x 53.6 มม.
ระบบเชื้อเพลิง 2 หัวฉีด DFI เรือนลิ้นเร่งเคฮิน 43 มม.
อัตราส่วนการอัด 13.8:1
ระบบจุดระเบิด Digital DC-CDI
ระบบส่งกำลัง เกียร์ 5 สปีด คลัทช์แบบหลายแผ่น
ระบบขับเคลื่อน โซ่ 520
เฟรม เฟรมเหลี่ยมอลูมินัม
แรค / เทรล 28.7 องศา / 5.0 นิ้ว
โช้คหน้า 48 มม. หัวกลับ Showa SFF ทำงานแยกส่วน
สปริงพรีโหลด 40 ระดับ คอมเพรสชั่น 22 ระดับ
รีบาวด์ 20 ระดับ ช่วงยุบ 12.4 นิ้ว
โช้คหลัง กระเดื่องยูนิแทรคพร้อมโช้คเดี่ยว SHOWA
โลว์สปีด 19 ระดับ และ ไฮสปีด 4 รอบ
รีบาวด์ 22 ระดับ ปรับสปริงพรีโหลด
ช่วงยุบ12.2 นิ้ว
ยางหน้า 80/100-21
ยางหลัง 100/90-19
เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยว 270 มม. กึ่งโฟล์ทติ้ง
คาลิเปอร์ลูกสูบคู่
เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว 240 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว
ยาว 85.4 นิ้ว
กว้าง 32.3 นิ้ว
สูง 50.0 นิ้ว
ฐานล้อ 58.1 นิ้ว
สูงจากพื้น 13.0 นิ้ว
สูงถึงเบาะ 37.2 นิ้ว
น้ำหนัก 104.2 กก.
ถังน้ำมันจุ 7.3 ลิตร
ความเห็นนักทดสอบ : “เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“รูปร่างหน้าตาอาจไม่ดูหวือหวาเหมือน CRF หรือ YZF ที่เพิ่งปรับโฉม แต่มองรายละเอียดดีๆ KX250F น่าจะเป็นรถที่ให้เทคโนโลยีใหม่ๆ ติดตัวมามากที่สุดในบรรดาซามูไรทั้งหมด แถมยังปรับตำแหน่งได้ตามความชอบด้วยนี่สิเด็ด เป็นลูกเล่นง่ายๆ แต่ใช้ได้จริงเดิมทุกกระเบียดเลยครับคันนี้ การสตาร์ทเครื่องยนต์จัดว่าง่ายมาก มีเพียงความรู้สึกแน่นของกำลังอัดที่ต้องออกแรง ผ่านไป พอเลยจุดนั้นมันไม่มีความหนืดมารั้งเท้าเอาไว้เลย กดเน้นแบบแน่นๆ บรึ๊ม! ติดเครื่องได้ง่ายเลยครับ คันนี้ตั้งรอบเดินเบาไว้ค่อนข้างสูง แต่จากการขับขี่คาแรคเตอร์ของกำลังเครื่องยนต์จะมีให้ในย่านกลางถึงปลายอย่างชัดเจน รอบต้นๆ ไม่มีให้กระทุ้งออกเลยครับ (ใช้คัปเลอร์สีเขียวสแตนดาร์ด) แต่พออยู่ในย่านกำลังของมันก็อาละวาดเต็มที่เหมือนกัน กำลังแบบทันใจเดินรอบได้สูงไม่ตันง่ายเป็นผลจากการใช้ 2 หัวฉีดชัดเจน การชิพเกียร์ทำได้ง่ายมากจริงๆ ครับ ชอบมากไม่ต้องออกแรงมาก ไม่มีวืด ระบบช่วยสตาร์ท ลันช์คอนโทรล ช่วยได้จริงๆ กับการปั่นฟรีเมื่อรอบเกิน แต่ถ้าเดินรอบไม่ถึงการที่ล้อหน้ากระตุกขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับโช้คหน้าให้ความรู้สึกของตัวแข่งโรงงาน การทำงานช่วงแรกนั้นซับได้ในระดับปานกลางครับ ยังสะท้านขึ้นมือให้รู้สึกอยู่ และเมื่อต้องกดเบรกเพื่อเตรียมตัวเลี้ยวในช่วงบั๊มของพื้นสนาม การยุบตัว ของโช้คเหมือนจะใช้พื้นที่ไปซะหมด ความแข็งกระด้างสวนทางมาให้รู้สึกทันที ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจานเบรกขนาดใหญ่ที่ทำให้การตอบสนองของเบรกหน้าฉับไวอย่างชัดเจน แต่กับการชนหน้าเนินหนักๆ หรือโดดลงพื้นแน่นๆ รู้สึกถึงการซับให้ปลอดภัย มันรองรับได้สมบูรณ์ครับมิติของตัวรถแคบหนีบง่าย แฮนด์สูงเบาะต่ำ ทำให้คุ้นเคยได้ไว การทำงานของโช้คหน้าเดิมๆ ชุดนี้ทำให้การเลี้ยวต้องใช้การเอียงรถเข้าช่วยเยอะๆ เป็นรถที่เลี้ยวได้แน่น ในการโดดเนินรถให้สมดุลได้ดี ลุยระนาดยังมีความรู้สึกของน้ำหนักท้ายสะท้อนมาหน่วงๆ อยู่นิดหน่อย และปลอกแฮนด์ที่มีขนาดใหญ่และหนาทำให้การจับถือของผู้ขับขี่รู้สึกใหญ่ แม้ว่าสัมผัสในส่วนอื่นจะเล็กและบางก็ตาม ราคาค่าตัว 310,000 บาท จัดว่าดีดสูงกว่าคู่แข่ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับแฟนคาวาฯ และเมื่อพิจารณาสเปคของเทคโนโลยีที่ให้มาแล้วถือว่าเป็นส่วนต่างที่สมเหตุสมผลครับ”
2015 CRF 250R
เปลี่ยนโฉมมาแค่ปีเดียวแต่เวอร์ชั่นสองของโฉมนี้ CRF250R ก็มาพร้อมกับการอัพเกรดอุปกรณ์แบบไม่น่าเชื่อ กับการเปลี่ยนระบบกันสะเทือนหน้าใหม่ แถมเพิ่มความสบายในการเลือกใช้ขุมกำลังที่ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม นำเข้าและจำหน่ายโดยฮอนด้าบิ๊กวิงด้วยราคาต่ำลงกว่าปีก่อนหน้า ที่ 275,000 บาท มีอะไรใหม่ สองจุดใหญ่ที่กล่าวขานถึงกันอย่างมากมายคือ กันสะเทือนหน้า ที่ขยับปรับขนาดจาก 48 มม. ในปี 2014 เป็น 49 มม. แต่ขนาดกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับระบบที่นำมาใช้ชื่อว่า SFF-Air fork เจ้าระบบ SFF (Saparate Front Fork) แยกการทำงานข้างหนึ่งเป็นวาล์วน้ำมันทำหน้าที่ดึง อีกข้างเป็นสปริงทำหน้าที่ดัน นี่ไม่ใช่ของใหม่ KX250F กับ RM-Z250 ใช้มาก่อนหน้าหลายปี แต่ที่เกทับคู่แข่งได้ก็ตรงที่ Air fork ซึ่งหมายถึงการนำเอาอากาศมาใช้แทนสปริงในกระบอกโช้คด้านซ้าย ซึ่งมีใช้ในระดับ 450F ทำให้ CRF250R เป็นรุ่นแรกในคลาส 250F ที่นำระบบนี้มาใช้






อีกจุดก็คือทางเลือกในการปรับเปลี่ยนโปรแกรมจุดระเบิด ว่ากันโดยระบบก็ไม่ใช่ของใหม่เมื่อคู่แข่งใช้มาก่อนหน้า นานหลายปี (อีกแล้ว) แต่ฮอนด้าก็สร้างความแตกต่างได้อีกด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนที่ง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มที่ด้านขวา ของแฮนด์ค้างเอาไว้ ไฟสีน้ำเงินกระพริบ 1 ครั้งคือโหมด Standard (มาตรฐาน) ไฟกระพริบ 2 ครั้งคือโหมด Smooth นุ่มนวลสำหรับขี่พื้นแข็งหรือสนามลื่น ไฟกระพริบ 3 ครั้งคือโหมด Aggressive ดุดันเรียกรอบทันใจ การปรับโหมดจะค้างเอาไว้แม้ดับเครื่องยนต์ เมื่อสตาร์ทเครื่องครั้งใหม่ก็จะยังคงอยู่ในโหมดเดิม
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขนาดของจานดิสก์หน้าจาก 240 มม. เป็น 260 มม. โตขึ้น 20 มม. เท่ากับ 250SX-F แต่เล็กกว่า KX250F เพิ่มความเข้มด้วยสีดำของพลาสติกกันหม้อน้ำและการ์ดดิสก์หลัง




เครื่องยนต์
4 จังหวะสูบเดียว แคมชาฟท์เดี่ยว 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบยูนิแคมทำให้ฝาสูบมีขนาดเล็กเครื่องยนต์ดูกระทัดรัด ระบบ
ไอเสียใช้ปลายแยกออกสองฝั่งเพื่อบาลานซ์ที่ดีและให้เสียงที่เบาลง ปลายที่สั้นทำให้ตัวรถดูไม่เทอะทะ
เฟรมและกันสะเทือน
เฟรมอลูมินัมขนาดใหญ่แข็งแรงกับซับเฟรมน้ำหนักเบา กันสะเทือนใช้บริการของโชวาเหมือนเดิม โช้คหน้าเปลี่ยนใหม่ไฮเทคแต่โช้คหลังก็ยังคงมาตรฐานการปรับตั้งที่ครบเครื่องด้วยโช้คเดี่ยวและกระเดื่องทดแรง ระบบ HPSD (Honda Prograssive Steering Damper) ช่วยเพิ่มความมั่นคงของด้านหน้ารถก็ยังคงมีให้ใช้งานด้วยโช้คตัวจิ๋วหลังป้ายเบอร์ ดิสก์เบรกเป็นหน้าที่ของ Nissin
สีสันและมิติ
ชิ้นพลาสติกและกราฟฟิคยังไลน์เดียวกับ 2014 เพิ่มขนาดของโลโก้ CRF ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น แฮนเดิล บาร์ยังจัดไปด้วยไซส์มาตรฐานแบรนด์ Renthal สีเข้มเหมือนเดิม สัดส่วนของตัวรถซึ่งเป็นที่ติดอกติดใจของหลายๆ คนยังคงมั่นใจได้ว่าระหว่างปี 2014 กับ 2015 จะให้ความรู้สึกในการควบคุมไม่แตกต่างกัน
สนใจเป็นเจ้าของติดต่อได้ที่ศูนย์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ โชว์รูมบิ๊กวิงทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดต่อ Plang Promedic ทางเฟซบุค ขอบคุณน้องเพลง เกษตร สุคนธรัตน์ เจ้าของรถที่ยกมาลงพื้นสตาร์ทเครื่องให้ทีมงานไรดิ้งได้ทดสอบและถ่ายทำเป็นครั้งแรก ขอบคุณสนามศรีสมานโมโตครอสแทร็ค ชุดนักทดสอบจากเดิร์ทช็อพ ขาดไม่ได้สำหรับผู้สนับสนุนคอลัมน์โดยยางรถจักรยานยนต์ควิกและวงล้อโยโก ที่ท่านสามารถเลือกใช้กับรถวิบากคันเก่งได้อย่างมั่นใจ ฉบับหน้าพบกันใหม่ใครจะเป็นรายที่สามของปี กับ 2015 MX Sample โปรดติดตาม
ความเห็นนักทดสอบ
“เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“เป็นมิติของตัวรถที่ขับขี่ครั้งใดก็ยังรู้สึกคุ้นเคยได้อย่างรวดเร็วครับ การสตาร์ทเครื่องยนต์สำหรับคันที่ทดสอบนี้ยังต้องมีการหาจังหวะกันอยู่บ้างนิดหน่อย แม้จะขับขี่จนเครื่องร้อนไปแล้วก็ตาม คันสตาร์ทไม่หนักครับแต่หาจังหวะสตาร์ทให้ติดอาจจะต้องออกแรงหลายครั้งหน่อย น้ำหนักคลัทช์กลางๆ ไม่นุ่มไปไม่หนักเกิน การชิพเกียร์ก็ง่ายครับ เบาแรงไม่ติดขัด เบรกหน้าและหลังฉับไว ขนาดของเบรกหน้าที่โตขึ้นช่วยให้เบรกดีขึ้นเล็กน้อยไม่รู้สึกต่างกันมากครับ ปลอกแฮนด์สั้นอ้วน คนมือใหญ่น่าจะชอบใจแต่น่าจะเป็นชิ้นแรกที่ผมจะเปลี่ยนเพราะส่วนตัวแล้วชอบปลอกแฮนด์เล็กครับ โฟกัสกันเข้าไปที่ของใหม่ๆ กันเลยแล้วกันนะครับ เครื่องยนต์ที่ให้การกดปุ่มปรับโหมดมาแบบนี้ผมว่ามันเป็นไอเดียที่ทำเอารูปแบบคัปเลอร์เสียบนี่เชยไปเลย เราจะสั่งงานมันได้เมื่อตอนที่ติดเครื่องยนต์อยู่นะครับ กดค้างไว้แค่ 2-3 วินาที แล้วปล่อยนิ้วออกมาดูไฟกระพริบ ง่ายมาก ไม่ต้องพก ไม่ต้องกลัวหาย ถามว่าแต่ละโหมดต่างกันมากไหม ต่างกันชัดเจนแต่ก็ยังอยู่ในข้อจำกัดของสเปคเดิมๆ นะครับ ก็เลือกใช้เอาให้เหมาะกับพื้นผิวและสภาพสนาม ส่วนความแรงถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องจัดของแต่งเข้าไป เพราะสไตล์รอบเครื่องยนต์ก็ยังเน้นการควบคุมที่ง่ายเป็นมาตรฐานไว้ก่อน โอกาสพลาดจากรอบโอเวอร์น้อยมาก การเร่งยังคุมไลน์ได้ง่าย กันสะเทือนก็พยายามจับอาการโดยเฉพาะที่ด้านหน้า มีเสียงร่ำลือว่าโช้คลมตัวใหม่นี่แข็งน่าดู เท่าที่ลองผมว่ามันยังนุ่มกว่า KX250F อยู่นะ มีช่วงยุบปกติในการทำงานที่มากกว่า โดดหน้าเปิดลงไปก็ไม่ขึ้นมือ มีบ้างกับบั๊มถี่แต่ไม่มาก เรื่องทรงตัวยังมั่นคงและยังคงช่วยให้การเลี้ยวปกติ CRF250R ปี 2015 เป็นอีกปีที่ต้องจดจำจากการปล่อยของทั้งส่วนเครื่องยนต์และกันสะเทือน แต่รวมๆ แล้วก็ยังคงความเป็นรถที่ควบคุมง่าย ทั้งตัวรถและเครื่องยนต์ โช้คหน้าเทคโนโลยีใหม่ที่ปรับง่ายขึ้น เครื่องยนต์ที่มีโหมดจุดระเบิดให้เลือกใช้ หากจะต้องการก็คงเพียงแค่ท่ออีกสักใบเพื่อให้เร้าใจเวลาขี่มากขึ้นครับ”
2015 RM-Z250 รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
เซอร์ไพรส์ด้วยการพบเจอกันเป็นรุ่นที่สามของซีรี่ส์นี้ ทั้งที่ปีก่อนหน้านี้กว่าจะตามเจอแสนจะยากเย็น เรากำลังกล่าวถึงโมโตครอสสีเหลือง ซูซูกิ อาร์เอ็มแซด 250 ตอนที่สามของ 2015 เอ็มเอ็กซ์แซมเปิล
วัดใจกันไปเลยกับสาวกสีเหลืองว่าจะรักกันจริงหรือไม่แค่ไหน ขณะที่ค่ายอื่นเขาจัดหนักปรับโน่นเปลี่ยนนี่กันวุ่นวายทั้งเครื่องยนต์ทั้งกันสะเทือน ซูซูกินิ่งเฉยกับการปรับเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น โมเดล 2015 จึงไม่มีอะไรที่แตกต่างจาก 2014 ทางด้านสมรรถนะ มีเพียงภายนอกที่แก้ไขลวดลายกราฟฟิคเล็กๆ น้อยๆ โดยยังคุมโทนสีเดิมอยู่ ผ้าเบาะเปลี่ยนสีของเส้นกลางตามยาวจากสีแดงสะดุดตามาเป็นสีเทาเข้ากันกับถังน้ำมันอย่างกลมกลืน การ์ดกัน เครื่องยนต์และดิสก์เบรกหลังเพิ่มพลังความเข้มจากสีขาวเปลี่ยนเป็นพลาสติกสีดำ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันดูแตกต่างถึงจะน่าน้อยใจไปหน่อยว่าไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้เล่น แต่มาดูตามเนื้อผ้าเทคโนโลยีต่างๆ ก็ถูกจัดมาไม่ด้อยกว่าค่ายอื่นเขา ทั้งเครื่องยนต์แบบ DOHC พร้อมระบบหัวฉีดที่ให้คัปเลอร์เปลี่ยนโหมดการทำงานมาอีก 2 แบบนอกจากสแตนดาร์ด (วิธีเดียวกันกับ KX250F) โช้คหน้า SFF โดยโชวา แฮนด์เรนธอลแฟต บาร์ ดิสก์เบรกหน้าและหลังแบบเวฟโรเตอร์ เทคโนโลยีเทียบเท่าแต่ที่ดูเก่าคือรูปโฉมที่ยังคงใช้มาต่อเนื่องหลายปี นานจนจินตนาการไม่ออกเลยว่าหลังจากบล็อคนี้ RM-Z โฉมต่อไปจะมีหน้าตาอย่างไร





การทดลองขับขี่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามแข่งของเมืองแห่งขุนเขา สนามโมโตครอสทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยการร่วมขับขี่และให้ความเห็นโดยสหายสายฝุ่นที่เดินทางจากเกือบทั่วประเทศ มาสัมผัสและสะท้อนมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับ RM-Z250 ปี 2015 เอาไว้อย่างน่าฟังครับ
ขอบคุณสนามทดสอบของชมรมเขาค้อโมโตครอส ทีมงานเปี๊ยกหล่มสัก รถทดสอบโดยคุณวิรัช ธนะแพสย์ ชุดนักทดสอบ Scoyco ยางรถจักรยานยนต์ควิก และวงล้อโยโกให้การสนับสนุนคอลัมน์ ขอบคุณพิเศษการร่วมให้ความเห็นจากนักทดสอบสมทบ เหลืออีกแค่ 2 ค่าย สีส้มกับน้ำเงินเท่านั้น อดใจรอกันนิด รับรองว่าได้ชมกันครบแน่นอน
ข้อมูลเทคนิค 2015 RM-Z250
เครื่องยนต์ 249 ซีซี สูบเดียว 4 จังหวะ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ
กระบอกสูบ 77 มม.
ระยะชัก 53.6 มม.
อัตราส่วนการอัด 13.5:1
ระบบเชื้อเพลิง หัวฉีด เรือนลิ้นเร่ง 44 มม.
ระบบสตาร์ท เท้า
ระบบหล่อลื่น กึ่งแห้ง
ระบบจุดระเบิด CDI
ยาว 2,170 มม.
กว้าง 830 มม.
สูง 1,270 มม.
ฐานล้อ 1,475 มม.
สูงจากพื้น 345 มม.
สูงถึงเบาะ 955 มม.
น้ำหนัก 106.5 กก.
เกียร์ 5 สปีด
ขับเคลื่อน โซ่ D.I.D 520 ยาว 114 ข้อ
โช้คหน้า หัวกลับ SFF
โช้คหลัง เดี่ยวพร้อมกระเดื่อง
เบรก ดิสก์เบรก
ยางหน้า 80/100-21
ยางหลัง 100/90-19
ถังน้ำมันจุ 6.5 ลิตร
2015 KTM 250SX-F
ส้มแสบที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักบิดชาวไทย นอกจากชื่อเสียงระดับแชมป์โลกแล้ว ของดีๆ ที่มีติดตัวก็ดูจะน่าดึงดูด ความนุ่มนวลของกันสะเทือนเป็นที่ถูกใจ ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของโมโตครอสรุ่นกลางค่ายสีส้ม
ส้มแสบแบบที่รอ
หมายถึงสีสันของเฟรมที่รถแข่งทีมใหญ่ค่ายนี้สาดสีเป็นต้นแบบมานานหลายปี ทีนี้ถึงคราวได้ครอบครองกันจากไลน์ผลิตด้วยการให้สีส้มแสบทรวงแทนที่สีเทา แล้วเติมโทนสีสว่างเข้าไปในส่วนของปีกหม้อน้ำด้วยกราฟฟิคแบบฝังในชิ้นพลาสติก ทำให้ 250SX-F ปี 2015 ดูสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น แต่ยังแอบมีความเข้มขรึมด้วยวงล้อสีดำ กับทำกราฟฟิคมาให้ถึงการ์ดโช้คหน้าตัวใหม่ที่ไม่ล้อมแกนโช้คอีกต่อไป เหมือนจะสื่อว่ามีอะไรที่น่าสนใจในโช้คหน้าตัวนี้



ช่วงล่าง อัพเดท
โช้คหน้าหลัง WP คู่บารมียังคงพร้อมสำหรับการใช้งานกับชื่อเสียงเลื่องลือแบบไม่มีใครเทียบในด้านของการทำงานที่นุ่มนวล ปี 2015 ยังพัฒนาไปอีกด้วยโช้คหน้าแบบหัวกลับระบบใหม่ที่เรียกว่า 4CS แยกหน้าที่ด้วยการปรับคอมเพรสชั่นที่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเอาไว้ปรับหารีบาวด์ ส่วนที่โช้คหลังก็ปรับปรุงให้ยาวขึ้นกว่าเดิม 4 มม. แล้วมาชดเชยเอาด้วยระยะของกระเดื่องใหม่ การปรับปรุงกันสะเทือนใหม่นี้น่าจะเป็นการเรียกดีกรีหลังจากที่ค่ายญี่ปุ่นตื่นตัวกันมาหลายปีกับลูกเล่นของระบบกันสะเทือน ส่วนระบบเบรกที่ได้รับการปรับปรุงไปเมื่อปี 2014 ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ม้าเต็มคอก
ในส่วนเครื่องยนต์แบบ DOHC วาล์วไททาเนียม ทั้ง 4 ตัว ระบายความร้อนด้วยน้ำ 5 เกียร์ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดผ่านเรือนลิ้นเร่งของเคฮินขนาด 44 มม. ที่นอกจากจะให้ความสะใจจากจำนวนแรงม้าที่มากสุดในพิกัด 250F แล้ว ยังคงไม่ขาดหายในส่วนความสะดวกสบายของระบบสตาร์ทไฟฟ้า ท่อไอเสียที่มีระบบเพาเวอร์บอมบ์ในส่วนคอท่อมาเสร็จสรรพ ขับเคลื่อนด้วยโซ่แบบ X-Ring รายเดียวของพิกัดนี้ที่มีมาให้พร้อมรางโซ่พลาสติก ยังคง เป็นรายละเอียดที่แตกต่าง อย่างโดดเด่นของค่ายนี้ ระบบคลัทช์ไฮดรอลิกยังคงมีให้บริการ พร้อมการควบคุมทิศทางผ่านทางแฮนด์เรนธอน แฟตบาร์ 827 กับปลอกแฮนด์ 2 คอมปาวด์นุ่มหนึบ กรองอากาศเปิดด้านข้าง ด้วยมือเปล่า ก็ยังคงให้มา เป็นมาตรฐาน
เบาขึ้นนิด
นอกจากการปรับปรุงใหญ่ ในชุดกันสะเทือนกับสีสันแล้ว ในรายละเอียดนั้นยังแฝงไว้ด้วยการตัดเฉือนลดน้ำหนักลงไปหลายกรัม เป็นส่วนต่าง ที่คงจะรู้สึกได้น้อยแต่เป็นความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของผู้ผลิตอยู่เสมอ






ต้องขอขอบคุณครอบครัว “ยานะพันธ์” ที่สละเวลาให้กับทีมงานไรดิ้ง ได้ถ่ายทำกันทั้งครอบครัว นำโดยคุณสมคิด ยานะพันธ์ สนามทดสอบสะดวกเสมอ ที่สหเครนซูเปอร์ครอส แทร็คโดยคุณอดัม บริลักษ์ ชุดนักทดสอบจากสคอยโก้ และเมก้าเดิร์ท ขาดไม่ได้กับยางควิกและวงล้อโยโก ซึ่งเคียงข้างกันมาอย่างต่อเนื่อง ฉบับหน้าเป็นตอนสุดท้ายของ MX Sample 2015 กันแล้ว พลาดไม่ได้เด็ดขาด
ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 DOHC 4 วาล์ว ระบาย ความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตร 249.91 ซีซี
กระบอกสูบ 78 มม.
ระยะชัก 52.3 มม.
สตาร์ท ไฟฟ้า
ระบบเชื้อเพลิง หัวฉีดเรือนลิ้น เร่ง Keihin 44 มม.
คลัทช์ แบบเปียกหลาย แผ่น สั่งด้วยน้ำมัน
เกียร์ 5 สปีด
จุดระเบิด ดิจิตอล
เฟรม เหล็กโครโมลี่
โช้คหน้า WP 4CS
ช่วงยุบ 300 มม.
โช้คหลัง WP หลังเดี่ยว พร้อมกระเดื่อง ช่วงยุบ 317 มม.
เบรกหน้า ดิสก์เบรก 260 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบคู่
เบรกหลัง ดิสก์เบรก 220 มม. คาลิเปอร์สูบเดี่ยว
โซ่ 520
สเตอร์ 13/50 ฟัน
ฐานล้อ 1,495 มม.
สูงจากพื้น 376 มม.
สูงถึงเบาะ 992 มม.
ถังน้ำมันจุ 7.5 ลิตร
น้ำหนัก 102.2 กก.
ความเห็นนักทดสอบ
เขมรัฐ สุธรรมวาท
“สีสันสดใสกว่าปีที่ผ่านมาแบบคนละอารมณ์กันเลยครับ เฟรมส้มที่เคยเห็นต้องมาถอดทำสีกันเอง คราวนี้สมใจแบบออกจากไลน์ผลิตมาเลย ที่ต้องปรบมือให้คือการ์ดโช้คหน้าที่จะถอดใส่ทียุ่งยากนั้น ก็ได้รับการแก้ไขมาแล้ว ที่สำคัญคือมันไม่ใช่แค่ตัวการ์ด โช้คอัพก็ได้รับการปรับปรุงใหม่มาด้วยเพื่อให้ง่ายในการปรับเซ็ตยิ่งขึ้น มิติของตัวรถไม่รู้สึกว่าแตกต่างจากปี 2014 นะครับ ตำแหน่งท่านั่งที่ถูกวางจุดควบคุมทั้งแฮนด์ เบาะ พักเท้า เอาไว้ใกล้กันมันทำให้ขับขี่ได้ง่ายแม้จะเป็นคนที่มีรูปร่างไม่สูงใหญ่ ส่วนคนที่ได้เปรียบเรื่องความสูงยาวก็ยิ่งง่ายเพราะเหมือนเราขี่รถคันเล็ก ควบคุมรถได้โดยที่ไม่ต้องขยับตัวมาก ส่วนมิติในแนวดิ่งคือความกว้างของพักเท้ากับช่วงถังน้ำมันถือว่ายังมากอยู่ รวมทั้งความสูงถึงเบาะที่ 165 ต้องเขย่งสุดปลายเท้า
เครื่องยนต์สตาร์ทมือสะดวกมาก คลัทช์น้ำมันก็จริง แต่น้ำหนักก็ไม่ได้เบาสักเท่าไรนะครับ จัดว่าตึงๆ มือเหมือนกัน กำลังของเครื่องยนต์ยังสไตล์ 2014 เน้นกลางปลาย แล้วก็มาแบบเรียงๆ ไม่กระชากกระชั้น ความมันน้อยหน่อยแต่เครื่องสไตล์นี้ขี่ไม่กินแรงสำหรับออกกำลังกาย ถ้าอยากไวก็ต้องดันรอบสู้กันหน่อย แรงม้าเยอะครับแต่ต้องต้อนกันที่รอบสูงถึงจะได้ฝีเท้าเต็มที่ถือว่าคุ้มค่าถ้าสนใจ แม้เครื่องยนต์ยังคงเดิมแต่ที่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่คือกันสะเทือนหน้า และรายละเอียดจุกจิกที่ค่ายนี้เขาใส่ใจมาแต่ไหนแต่ไร โช้คนุ่ม รอบแน่นเนียน เบรกเทพ คือคอนเซ็ปท์ของ 250SX-F ปี 2015 ครับ”
3 Light weight NAKED BATTLE
กระแสความสนใจของชาวไบค์ชั่วโมงนี้คงจะไม่มีอะไรเกินไปกว่ารถจักรยานยนต์ในพิกัด 250-300 ซีซี เน้นว่าต้องมีสไตล์เน็คเก็ดถึงจะเด็ดสุด ไม่ว่าจะหลุดออกมากี่รุ่นกี่เวอร์ชั่นชาวไบค์ก็หาข้อมูลกันให้วุ่นเพราะทุกรุ่นอยู่ในสายตา ประมาณว่ารักพี่เสียดายน้องไม่รู้จะจับจะจองคันไหนดี คอลัมน์การทำรีวิวของไรดิ้งแมกกาซีนฉบับนี้จัดให้เต็มๆ กับ 3 เน็คเก็ดสุดฮอตที่มีเสียงเรียกร้องแบบทะลุชาร์ต ด้วยการดวลแบบรอบต่อรอบของ Benelli TNT300s สองสูบสัญชาติไทยเชื้อสายอิตาลี, Honda CB300F ตัวเซฟค่ายอินทรี และ Kawasaki Z250 สุดแสบจากสำนักนินจา
แต่ละรุ่นแต่ละค่ายต่างก็มีดีในเทคโนโลยีของตัวเอง การจะเลือกรถสักคันมาครอบครองในราคาค่าตัวแสนกลางๆ แถมมีให้เลือกถึง 3 คัน มันก็คงต้องมองแล้วมองอีกให้มั่นใจ ทีมงานไรดิ้งในฐานะสื่อมวลชนที่มีโอกาสใกล้ชิดจึงนำทั้งสามรุ่นมาทำการทดสอบสมรรถนะและฟิลลิ่งการขับขี่ตามคำเรียกร้องในวัน เวลา สถานที่ และเงื่อนไขสภาพแวดล้อมเดียวกัน ณ สนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี ทำเลดีที่มีให้ลองกันทั้งช่วงไหลช่วงดันและการเลี้ยวที่มากพอให้รถแต่ละรุ่นฟ้องอาการที่แตกต่างออกมาได้ชัดเจน รวบรวมข้อมูลและให้ความเห็นโดยสองนักทดสอบขาประจำ รถทุกคันมากันด้วยสภาพเดิมๆ จากโรงงานผ่านการใช้งานรันอินมาเล็กน้อย และใช้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นเชื้อเพลิงเหมือนกันทั้งหมดแม้กระทั่งลมยางก็เท่ากัน จนได้ข้อมูลที่มากพอจะชี้แนะแนวทางในการเลือกคู่ให้เหมาะสมกับการใช้งานที่มีความต้องการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขอขอบคุณค่ายรถจักรยานยนต์ทั้งสาม Benelli, Honda และ Kawasaki ที่ตอบรับแนวทางการทดสอบอย่างฉับไว สนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิตที่ทำให้ได้มุมสวยๆ และขาดไม่ได้คือผู้ร่วมสนับสนุน GSD เครื่องดื่มให้กำลังงานผสมโสมและน้ำผึ้ง โช้คอัพแก๊ส Gazi และปะเก็น FCCI เรื่องราวการทดสอบจะเป็นอย่างไรพลิกไปติดตามกันให้ครบ ส่วนตอนจบเรื่องตัดสินใจคงไม่มีใครบอกได้นอกจากตัวคุณเอง
BENELLI TNT300s
สูงโปร่งโย่งสบายสไตล์รถยุโรป เป็นรถที่สร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นได้ทันทีกับเฟรมรถที่โชว์ดีไซน์สไตล์อิตาลีเต็มๆ ตา เพ่งไปมาจะพบว่ารายละเอียดของแต่ละชิ้นส่วนการทำงานนั้นมันช่างตอบสนองคนชอบแต่งไปได้อย่างคุ้มราคา จัดมาด้วยของแรงๆ อย่างโช้คหน้าแบบหัวกลับที่มีแกนขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม ใกล้ๆ กันก็เป็นดิสก์หน้าแบบจานคู่ ดูดีๆ มีสายเบรกแบบสายถักมาทั้งหน้าและหลัง แถมโช้คหลัง ยังวางเอาใจเด็กแนวด้วยการโชว์ฝั่งขวาของตัวรถแบบเต็มๆ รับกันคือสวิงอาร์มขนาดใหญ่และปลายท่อ หดสั้นจบกันที่ท้องรถ ชิ้นงานแปลกตาระยิบระยับปรับได้ยิบย่อยแม้แต่ปลายขาเกียร์ขาเบรกก็ดูมีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างโดดเด่น การไล่โทนสี ของตัวรถ เฟรม เครื่องยนต์ ทำให้ TNT300s เป็นรถที่ดูดีมีมิติอย่างเย้ายวน
เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นค่ายเดียวที่บอกกำลังงานสูงสุดมาให้ทั้งแรงม้าและแรงบิดด้วยหน่วยกิโลวัตต์ อัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 12.0 : 1 จากปริมาตรกระบอกสูบจริงที่ยิ่งใกล้เคียงมากเช่นกันที่ 299.8 ซีซี ย่านกำลังของ TNT300s โดดเด่นมากในรอบปลาย สถิติเวลาในการทดสอบจากจุดหยุดนิ่งบอกให้รู้ว่าพลังจากเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงตัวนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าเพื่อนด้วยตัวเลขต่างกันเพียงเศษร้อยของวินาทีเท่านั้น เพียงแต่รอบเครื่องยนต์ที่จะส่งให้แรงม้าออกมาเต็มฝีเท้านั้นอยู่ในย่านหมื่นรอบต่อนาทีซึ่งจัดว่าเป็นรอบกำลังที่ต้องเค้นพอสมควร น้ำหนักตัวคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียเปรียบอยู่นิดเนื่องจากเป็นโครงสร้างที่เน้นความแข็งแรงสไตล์ตะวันตก ขับเคลื่อนส่วนกำลังด้วยโซ่ขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกันด้วยเบอร์ 525 กับสเตอร์ 15/44 ฟัน ล้อแม็กหน้ากว้างรองรับยางขนาดใหญ่ที่จะเพิ่มความมั่นใจให้ทุกการขับขี่
มิติของตัวรถจัดว่าเป็นรถทรงสูงที่สุดและกว้างที่สุดในกลุ่ม แต่ออกแบบให้ผู้ขับขี่มีความรู้สึกเพรียวบางร่างกระชับ กับท่านั่งที่เน้นความสบายสไตล์เบาะต่ำแฮนด์สูง รถจะทรงตัวได้นิ่งดีมากในการขี่ตรงๆ กันสะเทือนที่มีช่วงยุบเยอะและสามารถปรับได้ช่วยเก็บหลุมร่องเล็กๆ น้อยๆ ได้หมด เมื่อต้องเอียงรถขณะเลี้ยวจะพบว่าแกว่งหน่อยในช่วงหนึ่งซึ่งเป็นธรรมชาติของรถที่วางโช้คหลังด้านข้างต่อตรงกับสวิงอาร์ม เมื่อเอียงรถให้เลยจุดแกว่งนั้นมันก็จะกลับนิ่งสนิทอีกครั้ง หรือแก้ได้อีกอย่างด้วยการเร่งเคร่ื่องก็จะทำให้อาการแกว่งนั้นหายไป เสียดายที่แผ่นกันท่อไอเสียอยู่ต่ำไปหน่อยทำให้ครูดพื้นได้ง่ายตอนเลี้ยวขวา ส่วนด้านซ้ายสบายๆ มั่นใจมาก จากการรวบรวมสถิติทดสอบทำให้เราพบว่า Benelli TNT 300s เป็นรถที่ให้ความประทับใจทางสายตาได้อย่างโดดเด่น เสียงเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลรัวถี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร ท่านั่ง และการทรงตัวเหมาะกับการทัวร์ริ่งแบบสบายๆ สถิติในการทดสอบระยะเบรกที่ทำได้ดีที่สุดในกลุ่มเป็นการการรันตีว่าดิสก์หน้าคู่ของเขาทรงประสิทธิภาพแค่ไหน
HONDA CB300F
ตลาดใหญ่ขนาดนี้มีหรือยักษ์ใหญ่จะยอมเสียโอกาสไป CB300F คือแฝดคนละฝากับ CBR300R แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยที่ส่วนหน้า จากแฟริ่งที่ปลดออกมาเป็นไฟหน้าโคมเดี่ยว เสริมความแน่นด้วยแฟริ่งสั้นๆ ต่อจากถังน้ำมันมาด้านหน้าให้ดูแน่นหนาบึกบึนขึ้นในส่วนบน ส่วนด้านท้ายเน้นความสปอร์ตล้ำสมัยด้วยเหลี่ยมสันมิติปราดเปรียวเพรียวบาง เครื่องยนต์ใช้โทนสีสว่างทำให้ดูสบายตา CB300F เป็นรุ่นเดียวในกลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์แบบสูบเดียวพัฒนาจากบล็อกเดิมของ CBR250R ห้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะส่วนฝาสูบที่กลางตัวรถนั้นจึงดูเล็กบางไม่แน่นหนาเหมือนอีกสองคันที่เป็นเครื่องยนต์แบบสองสูบเรียง และน่าจะเป็นเหตุผลที่ต้องทำแฟริ่งเล็กๆ ยื่นยาวมาเพิ่มความบึกบึนให้ส่วนบนของเครื่องยนต์ไม่ดูโปร่งโล่งเกินไป ข้อดีอีกอย่างของการใช้เครื่องยนต์สูบเดียวก็คือมันทำให้ CB300F เป็นไลท์เน็คเก็ดที่มีน้ำหนักน้อยที่สุดในกลุ่ม ปริมาตรกระบอกสูบย่อมลงมานิดที่ 286 ซีซี ได้กำลังงานจากเส้นผ่าศูนย์กลางของกระบอกสูบและระยะชักที่มากกว่าใคร ทำให้แรงบิดที่ได้ออกมาส่งให้กำลังงานในรอบต้นและกลางโดดเด่น ผสานกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาระบบส่งกำลัง (คลัทช์) ให้ดียิ่งขึ้น รอบกำลังที่ส่งผ่านออกมากระฉับกระเฉงเมื่อเรียกใช้ แม้จะมีอัตราทดสเตอร์ที่น้อยสุดในกลุ่มแต่อัตราเร่งเมื่อทะยานในรอบกลางก็ยังโดดเด่นด้วยผลการทดลองจากจุดหยุดนิ่งในห้วงช่วงเวลาที่ทำได้ไล่เลี่ยกัน CB300F ทำได้ดีเกินหน้าเพื่อนๆ ในกลุ่มแบบเฉือนไปนิดเดียวเท่านั้น
ไฟหน้าดวงเดียวกับหน้ากาก ทรงแคบทำให้มองดูแล้วรูปร่าง ของมันปราดเปรียว เมื่อขึ้นคร่อมขี่แล้วจะพบว่าส่วนกว้างของถังน้ำมันเมื่อถูกต่อออกไปด้วยแฟริ่งชิ้นเล็กแล้วมันดูเป็นรถที่มีช่วงหน้าใหญ่หนาไม่เบา แฮนด์บาร์ที่สั้นกว่า TNT แต่ยกสูงขึ้นมาหาคนขี่อยู่ในระยะที่ไม่เหยียดมากนัก พักเท้าต่ำและวางได้ง่ายในตำแหน่งสบาย เป็นรุ่นที่ให้ความรู้สึกคล้ายนั่งเก้าอี้มากที่สุดในกลุ่ม การสั่งงานไม่ว่าจะคันเร่ง คลัทช์ เกียร์ นุ่มมือ เนียนเท้าเบาแรงไปหมด การขับขี่ที่ความเร็วต่ำทำได้ง่ายคล่องตัวและฉับไวมากๆ ส่วนการลีนรถหรือเลี้ยวด้วยการเอียงนั้นเหมาะกับการลีนเอียงลงแบบฉกไวตั้งรถแล้วเดินต่อ ศูนย์ถ่วงที่อยู่สูงและระยะห่างฐานล้อที่สั้นสุดในกลุ่มยังไม่อำนวยให้เอียงแบบก้ำกึ่งได้นานสักเท่าไรระบบกันสะเทือนเอาใจคนรักสบายไปเรื่อยๆ แบบนุ่มนิ่ม เข้ากันดีกับเครื่องยนต์ที่ต่อเนื่องนุ่มนวล แต่กับการใช้ความเร็วสูงแล้วจัดว่าเป็นโช้คที่ทำงานเร็วไปหน่อย โช้คดีดคืนตัวไวจนบางครั้งทำให้ตัวรถแกว่งง่ายไปนิด แต่ด้วย ตำแหน่งท่านั่งที่ดีไซน์มาเพื่อทำให้คุมรถได้ง่ายจึงไม่น่าตกใจนัก ต่อเนื่องมาถึงระบบเบรกที่ถือเป็นจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยซึ่งค่ายนี้ เขาใส่ใจมากๆ ด้วยการติดตั้งระบบเบรก ABS มาให้ทั้งล้อหน้าและหลังทั้งยังเป็นรุ่นเดียวในกลุ่มที่ให้ระบบล้ำหน้าในการหยุดรถนี้มาแบบไม่ต้องร้องขอ อีกจุดที่แตกต่างอย่างมีระดับคือเรือนไมล์ที่เป็นแบบดิจิตอลทั้งระบบคันเดียวในกลุ่ม
และที่จะไม่เอ่ยถึงก็คงไม่ได้นั่นคือการที่สามารถใช้น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของแอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20% (E20) เมื่อผนวกกับอัตราบริโภคที่น้อยสุดในกลุ่ม ก็ทำให้เราไม่สงสัยว่าทำไมถังน้ำมันที่มีความจุเพียง 13 ลิตร จึงเพียงพอกับเน็คเก็ดไลท์เวทรุ่นล่าสุดของค่ายอินทรีคันนี้
KAWASAKI Z250
จอดเทียบกัน 3 คันเรียงตามลำดับไหล่เจ้า Z250 เตี้ยกว่าเพื่อนด้วยความสูงเพียง 1,025 มม. เท่านั้น แถมเป็นคันเดียว ที่ใช้ไฟหน้าแบบตาคู่แนวนอนยังดูดุดันด้วยการดีไซน์ เครื่องยนต์และเฟรมสีดำทำให้มิติที่มองผ่านสายตาดูแน่นหนาไปหมด แฟริ่งของ Z250 ก็ออกแบบ ให้คลุมยาวต่อจากถังน้ำมันลงมาจนถึงหน้าเครื่องยนต์จนเรียกว่าเป็นฮาล์ฟแฟริ่งได้เลย ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการปิดคลุมมากที่สุดในกลุ่มนี้ “เตี้ย ล่ำ ดำ ดุ” คงจะเหมาะกับ Z250 เมื่อสัมผัสกันด้วยสายตา มิติของตัวรถเมื่อคร่อมขี่จะให้ความรู้สึกเกินกว่า 250 ซีซีไปมาก ถังน้ำมันทรงกว้างแถมมีแฟริ่งมาช่วยขยายมิติข้างถังให้ดูใหญ่โตขึ้นไปอีก แฮนด์บาร์ความกว้างใกล้เคียงกับ CB300F แต่คนละทรง เอื้อมไปจับแฮนด์ไม่ลำบากเพราะตำแหน่งที่อยู่ใกล้แต่วางต่ำ ยกเท้าวางทั้งสองข้างเรียบร้อยคุณจะพบว่า “โอ้ว…นี่มันท่านั่งของรถสปอร์ตชัดๆ” ทั้งแฮนด์และพักเท้าอยู่ใกล้ ถังน้ำมันใหญ่กว้าง ขณะขับขี่รู้สึกถึงน้ำหนักของตัวรถได้ชัดเจน ดูเหมือนเตี้ยๆ สั้นๆ แต่ Z250 เป็นรถที่มีระยะห่างฐานล้อมากที่สุดในกลุ่ม
เครื่องยนต์ของ Z250 เป็นแบบ 2 สูบเรียงเหมือนกับ TNT300s ย่านกำลังจึงใกล้เคียงกันโดยธรรมชาติที่จะตอบสนองได้เต็มที่ในย่านกลางถึงปลายจากขนาดของลูกสูบที่เล็กและระยะชักที่สั้นกว่าสูบเดี่ยว ที่สำคัญคือมันเป็นรถในพิกัด 250 ซีซี กระนั้นตัวเลขในการทำสถิติความเร็วจากจุดหยุดนิ่ง Z250 ก็ไม่ได้เสียเปรียบมากมายสามารถทำเวลาได้ในวินาทีเดียวกันต่างแค่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น แต่ที่น่าประทับใจคือรอบความเร็วในช่วงปลายที่ไหลได้ลึกและต่อเนื่องอย่างน่าหลงใหล ส่วนที่น่าจะได้รับการปรับปรุงก็คือการทำงานของคลัทช์ที่ยังใช้เวลามากกว่าในการจับตัวเต็มที่อย่างเห็นได้ชัด เสียงเครื่องยนต์รัวถี่แต่ก็ยังมีความนุ่มนวล การทำงานของระบบกันสะเทือนคือสิ่งที่โดดเด่น มากๆ ใน Z250 ระยะห่างฐานล้อที่ยาวไม่ได้เป็นปัญหากับการเลี้ยวแคบ สามารถที่จะเอียงรถเลี้ยวแล้วประคองเปลี่ยนองศาที่ต่อเนื่องได้อย่างไม่มีอาการขืนจากตัวรถส่งมาให้รู้สึก การทำงานของกันสะเทือนทั้งหน้าและหลังมีช่วงเวลาและความหนืดในการซับแรงที่ช่วยให้รถมีเสถียรภาพอย่างน่าประทับใจ ผนวกกับตำแหน่งท่านั่งที่กระชับสไตล์สปอร์ตมันจึงเป็นเน็คเก็ดที่นิ่งมากในทุกองศา และเลี้ยวได้ด้วยความมั่นใจสุดๆ ขณะที่ระบบเบรกนั้นให้มาอย่างพอเพียงด้วยดิสก์เบรกหน้าและหลังที่ไม่มีระบบช่วย แตกต่างตรงที่ใช้คาลิเปอร์ลูกสูบคู่ที่ด้านหลังเพิ่มความมั่นใจ
แตกต่างจากอีกสองรุ่นด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นทางด้านสมรรถนะของทั้งเครื่องยนต์และกันสะเทือนตลอดจนมิติการขับขี่ที่โหนโค้งในสนามได้แม้ในสภาพรถเดิมๆ กับราคาค่าตัวที่เพิ่มจากอีกสองรุ่นตามไปด้วยเช่นกัน แต่ถ้าลองดูแล้วมันใช่เชื่อว่ามีคนยอมจ่ายส่วนต่างเพื่อฟิลลิ่งที่แตกต่างนี้
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
“เป็นโอกาสดีที่ได้มาทดสอบกับเน็คเก็ดไบค์ไลท์เวทที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้ถึง 3 รุ่น 3 ค่าย Kawasaki, Honda และ Benelli กับสภาพเส้นทางการทดสอบในสนามแข่ง ด้วยรูปแบบเดียวกัน ทำให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งความโดดเด่นที่เห็นแว๊บแรกและสะดุดตาที่สุดคงจะเป็น Benelli TNT300S ด้วยออพชั่นต่างๆ ที่เน้นถึงสมรรถนะและความหล่อ ดิสก์เบรกหน้าคู่ โช้คหัวกลับ กับลูกเล่นอีกมากมาย แต่ค่ายปีกนก Honda CB300F ก็มีดีในแบบฉบับของความประหยัดและมาตรฐานกำลังของเครื่องยนต์ที่มาแบบราบเรียบ ขับขี่ง่ายเอาใจนักบิดมือใหม่ รูปร่างหน้าตามาแบบเรียบๆ แต่ก็ให้ออพชั่น เรือนไมล์อ่านค่าด้วยจอ LCD ฟูล ดิจิตอล และสุดท้ายกับ เน็คเก็ด สายพันธุ์สปอร์ต Kawasaki Z250 มีขนาดความจุซีซีที่น้อยกว่าเพื่อน ตัวรถถูกออกแบบมากึ่งๆ สปอร์ต โดยเป็นพื้นฐานเดียวกับ Ninja 250 ความหล่อคงได้ไฝว้กับ Benelli พอฟัดพอเหวี่ยง โดดเด่นกับตำแหน่งท่านั่ง ที่รับเข้ากับตัวรถ เบาะนั่ง พักเท้า ถังน้ำมัน แฮนด์บาร์ต่ำ ที่ให้นั่งแล้วเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ และหลังจากที่ได้ลงไปหวดคันเร่งในสนามแล้ว การสลับรถขึ้นลงจากอีกไปอีกคันทำให้รู้ถึงความแตกต่างที่โดดออกมาก็คือ Benelli กับความสูงของ แฮนด์ เบาะนั่ง แต่พักเท้าต่ำ ส่วนอีกสองคันอารมณ์ไม่ค่อยเปลี่ยน แต่ละคันจะมีจุดเด่นที่น่าประทับ ใจ เครื่องยนต์ส่วนตัวแล้วต้องบอกเลยว่า การใช้งานที่ครบครัน CB300F ตอบสนองได้ทันใจ ในขณะที่การทรงตัวเลี้ยวพลิกรถต่างๆ ในโค้งต้องยกให้กับ Z250 ที่เข้าได้นิ่งและเดินคันเร่งได้เร็วในโค้งแบบไม่ค่อยมีอาการ และ TNT 300S กับระบบเบรกที่ สั่งได้อย่างมั่นใจในการจุ่มลึก และอาการล้นโค้งที่ค่อยๆ กดและดึงรถเข้าสู่เส้นทางได้อย่างไม่ยากเย็น แต่สุดท้ายแล้วความพึงพอใจในการเลือกก็ขึ้นอยู่กับความชอบและนิสัยของการขับขี่ของแต่ละคน”
จากใจนักทดสอบ
เขมมรัฐ สุธรรมวาท
“ต้องขอขอบคุณค่ายรถทุกค่าย และผู้สนับสนุนที่เห็นประโยชน์ของคอลัมน์นี้ เราเดินทางสู่สนามแก่งกระจานเซอร์กิตตั้งแต่เช้ามืด และปิดกล้องจบกองกันเมื่อตะวันลาตกมืดคาตาเช่นกันด้วยความตั้งใจที่จะหาข้อมูลในการนำเสนอได้อย่างชัดเจนที่สุด ผมและคู่หูกอล์ฟไรดิ้งผลัดกันเค้นสมรรถนะกันแบบแทบไม่หยุดพัก ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ในการทดสอบ ซึ่งอาจจะเกินการกว่าการใช้งานปกติไปบ้าง รวมทั้งการตั้งโจทย์เพื่อหาประสิทธิภาพที่แท้จริง ต้องขอขอบคุณสนามแก่งกระจานเซอร์กิตที่ผมว่าภูมิประเทศของสนามนี้มันเอื้อกับการทดสอบรถเอามากๆ ทำให้เราเห็นความแตกต่างของรถแต่ละคันในแต่ละส่วนของสนามได้ไม่ยาก พอลองได้ขี่เข้าจริงๆ แล้วก็รักพี่เสียดายน้องนะครับ แต่ละคันก็ถูกพัฒนามาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในแต่ละด้าน ซึ่งพอจะสรุปได้ว่าถ้ารถที่ให้ออพชั่นมาดีขี่เที่ยวชมวิวยาวๆ นั่งสบายๆ ทั่วเหนือใต้ผมคงจะเลือกใช้ TNT300s แต่ถ้าอารมณ์เปลี่ยวมันเขี้ยวอยากมันส์ในสนามผมคงเลือกเป็น Z250 ส่วนการใช้งานที่เจอการจราจรที่หนาแน่นบ่อยๆ และความสามารถการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมันก็เป็นเหตุผลที่น่าสนใจใน CB300F เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ความแตกต่างของรถทั้งสามรุ่นที่เราทำการทดสอบในครั้งนี้หวังว่าคงจะเป็นแนวทางให้แฟนๆ ไรดิ้งที่กำลังตัดสินใจได้ใช้เป็นข้อมูลในเชิงลึกได้มากกว่าแค่มองเห็นหน้าค่าตาและการอ่านจากสเป็คคู่มือ เราคงไม่สามารถทำหน้าที่ตัดสินว่าคันไหนดีสุดหรือแย่สุด เพราะผมและทีมงานยังเชื่อว่ารถหนึ่งคันไม่ได้สามารถตอบโจทย์ทุกคน เราเพียงทำหน้าที่สื่อความจริงออกไปเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจเลือกใช้สุดท้ายย่อมขึ้นกับตัวคุณเองครับ”
YZF-R1 R1M
ค่าย YAMAHA หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวรถ YZF-R1 2015 พร้อมด้วยตัวพิเศษอย่าง R1M แต่ด้วยการรอคอยว่าเมื่อไหร่โมเดล 2015 ทั้ง R1 และ R1M จะมาถึงเมืองไทย ความใจร้อนในสไตล์ BIKER ส่ง YZF-R1 ปี 2012 เข้าไปทำการปรับแต่งพิเศษจากสำนัก 40 GARAGE เพื่อกลายสภาพให้ใกล้เคียงกับ R1M พร้อมด้วยการเพิ่มออพชั่น
โดยภายนอกนำบางส่วนของ R1M มาดัดแปลงใส่กับชุดแฟริ่งของ R1 ปี 2012 ด้วยการผสมเอาทั้งงานคาร์บอนไฟเบอร์ และสีด้านมารวมกัน เสริมความสปอร์ตด้วยการสลับเปลี่ยนเอาครอบเบาะคนซ้อนที่เป็นงานคาร์บอนไฟเบอร์ ปรับในเรื่องของแอโร่ไดนามิค วินด์ชิวหน้า ZERO GRAVITY ชุดบังโคลนหลังคาร์บอนฯ POWER BRONZ ไฟหน้าหลอดโปรเจคเตอร์พร้อมด้วยไฟแบบ LED ที่เป็นเอกลักษณ์ของ R1 ไฟท้าย LED ที่เป็นชุดไฟเลี้ยวในตัว เมนเฟรมแบบเดลต้าบล็อคอลูมินัม เสริมชุดสไลด์เดอร์ลดความเสียหายหากเกิดอุบัติเหตุ ไมล์วัดรอบไฟฟ้าแบบเข็มพร้อมด้วยจอดิจิตอลสำหรับแสดงค่าความเร็ว ระยะทางที่ และสัญญาณต่างๆ พักเท้าอลูมินัมปรับระดับ RIZOMA ปรับระยะของตำแหน่งเพื่อตอบสนองฟิลลิ่งการขับขี่ในสไตล์ RACING ขุมกำลังความแรงของเครื่องยนต์ YZF-R1 ตอบสนองแรงม้าสูงสุดที่ 182 แรงม้า ที่มีขุมกำลัง 4 สูบ ระดับ 1,000 CC. ด้วยปริมาตรกระบอกสูบ 998 CC. DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบบคลัทช์เป็นสลิปเปอร์คลัทช์ ควบคุมการทำงานด้วยสายเคเบิ้ล brembo RACING มือคลัทช์สามารถพับได้ เสริมกำลังความแรงด้วยท่อสูตร AKRAPOVIC ไททาเนียมแบบ 4 รวม 1 ออก 2 ปลายท่อคาร์บอนไฟเบอร์ เสริมสมรรถนะเพื่อรองรับการขับขี่ได้ทั้งถนนและในสนามด้วยโช้คอัพหน้า Upside Down ของ OHLINS FGRT 206 แผงคอลักษณะเดียวกับ YZR-M1 เสริมความหนืดด้วยกันสะบัด OHLINS ระบบกันสะเทือนหลังโช้คอัพแบบเดี่ยว OHLINS TTX36 พร้อมด้วยสวิงอาร์มอลูมินัม
ดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ปั๊มลอย brembo RACING 19RCS โดยมีมือเบรกแบบพับได้ในสไตล์ GP คาลิเปอร์หน้า brembo RACING Radial CNC Caliper Kit ขนาด 4 ลูกสูบ ระบบเบรกหลังกับชุดดิสก์เบรกแบบเดี่ยวปั๊ม YZF-R1 คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ brembo RACING SUPERSPORT CNC วงล้อแม็กอลูมินัมฟอร์จ 5 ก้าน
CB650F NAKED EMOTION STYLE
เครื่องยนต์ IN LINE หรือเครื่องยนต์แบบสูบเรียง กับอีกโมเดลที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยส่งออกต่างประเทศกับ Honda CB650F กับตัวรถที่มาทำการปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดความสปอร์ตในดีไซน์ของทาง X SPEED โดยถ่ายทอดรูปแบบการปรับแต่งภายใต้แนวความคิด EMOTION CONCEPT ภายนอกเน้นความโดดเด่นของการผสมผสานงานเคฟล่าร์ และสีสันก่อนที่จะตัดลายกราฟฟิกด้วยเส้นสีที่เป็นสีสะท้อนแสง ชุดบังโคลนหลังของ EMOTION ไฟหน้าโมดิฟายด้วยการติดตั้งหลอดโปรเจคเตอร์พร้อมด้วยชุดไฟวงแหวน ไฟท้ายแบบหลอด LED ไฟเลี้ยวแต่ง RIZOMA เพิ่มความปราดเปรียวด้วยการถอดเอาบังโคลนหลังออกเพิ่มชุดขายึด แผ่นป้ายทะเบียน EP เบาะนั่งปรับแต่งทรงพร้อมดีไซน์ชุดหนังหุ้มใหม่ ชุดแฮนด์อลูมินัม RIZOMA พร้อมเปลี่ยนตัวตุ๊กตาแฮนด์ด้านบน เสริมความกระชับด้วยชุดปลอกแฮนด์ RIZOMA ปรับตำแหน่งท่านั่งด้วยพักเท้าอลูมินัม EMOTION ที่สามารถปรับระยะของตำแหน่งพักเท้าได้ทางด้านของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 650 ซีซี DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ควบคุมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิก PGM-FI ตอบสนองขุมกำลังเครื่องยนต์ให้เต็มสมรรถนะด้วยชุดท่อแต่ง EMOTION แบบ Slip on ปลายท่อแบบสั้น มือคลัตช์ brembo RACING สามารถพับได้ ตัวเฟรมแบบ Diamond ที่ทำจากโลหะ ติดตั้งชุดป้องกันกับสไลด์เดอร์ที่เป็นของ EMOTION ระบบกันสะเทือนหน้ากับโช้คอัพเทเลสโคปิกแกน ขนาด 41 มม. ชุดแผงคอดีไซน์แบบเดียวกับในรุ่นของ CBR1000RR ระบบกันสะเทือนหลังด้วยสวิงอาร์มอลูมินัมหล่อขึ้นรูปรองรับการทำงานกับโช้คอัพหลังแบบเดี่ยวสามารถปรับค่าสปริงพรีโหลดได้สปริงทำสีเทรนด์เดียวตัวรถ
เสริมออพชั่นด้วยระบบเบรกหน้าแบบดับเบิ้ลดิสก์เบรกควบคุมด้วยปั๊มลอย brembo RACING 19RCS มือเบรกแบบพับได้ กระปุกน้ำมันเบรก RIZOMA คาลิเปอร์หน้า brembo RACING RADIAL CNC ขนาด 4 ลูกสูบ สายเบรกถัก EARL’S ดิสก์เบรกหลังเดี่ยว ปั๊ม NISSIN ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ brembo RACING High Performance ขนาด 2 ลูกสูบ ขายึดสร้างจากวัสดุอลูมินัม วงล้อแม็กแบบ Hollow section 5 spoke เป็นงานอลูมินัมหล่อขึ้นรูปขนาด 17X3.50 กับ 17X5.50 เสริมความสปอร์ตด้วยสติ๊กเกอร์ขอบล้อที่เป็นของ EMOTION ดีไซน์โดดเด่นโดยเฉพาะสีสะท้อนบนชิ้นงานเคฟล่าร์ รวมถึงออพชั่นอื่นๆ ที่จัดมาเสริมความลงตัวในแบบฉบับของ CB650F EMOTION CONCEPT
CB1100EX
หนึ่งในหลากหลายโมเดลรถนำเข้าที่ฮอนด้า นำมาตอบสนองความต้องการของเหล่าสาวกบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ที่นอกจากความเร็วแรง หรือล้ำสมัยแล้ว รถที่จะพาย้อนเวลากลับไปสัมผัสกลิ่นอายของการขับขี่ในยุคเก่าก่อน ก็เป็นอีกมุมสะท้อนที่หลายคนถวิลหาฮอนด้า นำเสนอ ซีบี 1100 อีเอ็กซ์ จักรยานยนต์รุ่นเก่าที่นำอามาปัดฝุ่นพร้อมอัพเกรดเทคโนโลยีในส่วนอิเล็คทรอนิกส์และระบบหัวฉีดเข้าไป เพื่อให้กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้งอย่างร่วมสมัย โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามเป็นอมตะ ดังเช่นสโลแกน “ตำนานแห่งความเท่ คลาสสิกเหนือกาลเวลา”
ขุมพลังสี่สูบเรียง
ถ้านึกถึงรถจักรยานยนต์สมัยก่อน ภาพที่ชัดเจนคงเป็นถังน้ำมันโป่งใหญ่ เบาะหนาทรงขนมปัง แฮนด์ทรงกว้างยกสูงและเครื่องยนต์ที่ดูยุ่งเหยิงไร้การ
ปิดคลุม CB1100EX ได้จัดวางเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม 4 จังหวะ 4 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยมีระบบระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง (ออยล์คูลเลอร์) เป็นตัวเสริม ระบบสตาร์ทไฟฟ้าช่วยให้เริ่มต้นการเดินทางอย่างสะดวก โดยยังคง ดีไซน์ชิ้นงานได้อย่างคลาสสิก แต่แฝงเอาไว้ด้วย ความทันสมัยจากระบบหัวฉีด พร้อมเซ็นเซอร์ประมวลผลที่จะทำให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงและให้กำลังงานได้อย่างเต็มที่ มีมลพิษออกมาเจือปนทางอากาศน้อยที่สุด และเมื่อผนวกเข้ากับท่อไอเสียแวววาวด้วยสีโครเมี่ยม แบบ 4-2 ที่ลากผ่านหน้าเครื่องยนต์อย่างเป็นระเบียบแล้ว ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลมากเข้าไปอีก ระบบคลัทช์ขนาดใหญ่ใช้การช่วยลดแรงกดด้วยแรงดัน น้ำมันจากปั๊มขนาดใหญ่




ดีไซน์ย้อนเวลา
รูปร่างหน้าตาแสนธรรมดาแต่แผงไว้ซึ่งความเป็นอมตะ ชิ้นส่วนของตัวรถเน้นความโดดเด่นด้วยโครเมี่ยมมันเงา ทั้งกรอบไฟหน้าทรงกลม แฮนเดิลบาร์ กรอบเรือนไมล์ กระจกมองข้าง บังโคลนหน้า บังโคลนหลัง รับกันเป็นอย่างดีกับสีของเครื่องยนต์และท่อไอเสีย เบาะนั่งขนาดใหญ่เน้นความสบายในการขับขี่ เรือนไมล์ทรงกลมแบบเข็มบอกวัดรอบและความเร็ว โดยแฝงจอ LCD เอาไว้ระหว่างกลางให้การแสดงผลไม่ผิดพลาดและครอบคลุมถึงการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกในตัวรถ
ช่วงล่างนุ่มและนิ่ง
หน้าตาดูเบสิคมากกับกันสะเทือนและช่วงล่าง แต่ก็ยังพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยเทียบเท่ากับรถรุ่นใหม่ๆ ด้วยการใช้โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก แกนโต 41 มม. ส่วนโช้คหลังแบบคู่โชว์สปริงและปรับความแข็งได้ 4 ระดับ วงล้อหน้าขนาด 2.50 วงล้อหลัง หน้ากว้าง 4.00 เส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากันที่ 18 นิ้ว พร้อมยางใหญ่พิเศษ กับระบบเบรก ABS ทั้งหน้าและหลังจาก Nissin เพิ่มความมั่นใจด้วยการใช้เบรกหน้าแบบทวินดิสก์




สะดวกสบายในการใช้งาน
ในเรือนร่างคลาสสิกนี้ได้แฝงเอาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของเหล่านักบิด ด้วยการให้ฟังก์ชั่นนาฬิกาบอกเวลา เลขบอกตำแหน่งเกียร์ ทริปมิเตอร์ทั้ง A และ B พร้อมการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขณะขับขี่ มือเบรกและมือคลัทช์ที่สามารถปรับระยะในการใช้งานได้ตามถนัด ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม H.I.S.S. ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ที่ใช้งานได้จริงทั้งสิ้นมีให้เลือกเป็นเจ้าของกันสองสี ดำและแดง ราคากลางอยู่ที่ 605,000 บาท ที่ฮอนด้าบิ๊กวิงทุกสาขา www.hondabigbike.com
ข้อมูลเทคนิค HONDA CB1100EX 2014
เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ปริมาตร 1,140 ซีซี
กระบอกสูบ 73.5 มม.
ระยะชัก 67.2 มม.
อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1
คลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่น สั่งงานด้วยแรงดันน้ำมัน
เกียร์ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อน โซ่
กว้าง x ยาว x สูง 835 x 2,195 x 1,130
ระยะฐานล้อ 1,490 มม.
ห่างจากพื้น 135 มม.
สูงถึงเบาะ 795 มม.
คาสเตอร์ / ระยะเทรล 27 องศา / 114 มม.
น้ำหนัก 261 กก.
ถังน้ำมันจุ 17.5 ลิตร
โช้คหน้า Showa 41 มม. ช่วงยุบ 107 มม.
โช้คหลัง โช้คคู่ ปรับสปริง 4 ระดับ ช่วงยุบ 113 มม.
เบรกหน้า ดิสก์เบรกจานคู่ ABS
เบรกหลัง ดิสก์เบรกจานเดี่ยว ABS
ยางหน้า 110/80-18
ยางหลัง 140/70-18
ราคา 605,000 บาท
ความเห็นนักทดสอบ
“มองไกลๆ แล้วเป็นรถที่ไม่มีอะไรต้องคิดมากในการขับขี่มัน ด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายแล้วน่าจะเป็นรถที่ไม่เทอะทะมาก แต่มาดูตัวจริงใกล้ๆ จะพบว่าขนาดของเครื่องยนต์คือจุดเด่นเลย เครื่องแบบ 4 สูบ แถวเรียงนี่มันกว้างซะจนถังน้ำมันดูเล็กไปเลย เตะขาตั้งขึ้นมาแล้วจับจูงดู อึม…น้ำหนักตัวเอาเรื่องเหมือนกัน 261 กก. ดีที่รถไม่สูงใช้สะโพกดันช่วยนิด ก็พอไปได้ จะออกแรงมากหน่อยช่วงขยับตอนแรกเท่านั้น วาดขาขึ้นคร่อมรถแล้วพบว่าความสูง 165 มีเขย่ง เท้านิดนะครับ มันไม่ใช่รถที่เบาะสูงนะแต่ความกว้างของเบาะทำให้ขากางเลยยันพื้นได้ไม่เต็มเท้า ก้มมองดูคิดว่าต้องเห็นเครื่องแน่ๆ แต่ผิดคาด ถังน้ำมัน ขนาด 17 ลิตรกว่าๆ บังเครื่องมิดเหมือนกันแฮะ ความสูงของแฮนด์อยู่ในระดับกำลังสบาย ชอบตรงมือเบรกและมือคลัทช์ที่ปรับได้ทำให้เพิ่มความถนัดในการขี่ได้ง่ายขึ้น กระจกทรงกลมมองผ่านไหล่เห็นได้กว้างพอบิดสวิทช์กุญแจในตำแหน่ง ON เข็มกวาดขึ้นมารีเช็คพร้อมกับไฟเตือนที่มีทั้งในส่วนจอ LCD และที่ฝังบนพื้นของเรือนไมล์ สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่มกดทางขวาของแฮนด์ เสียงเครื่องยนต์เดินเบานุ่มเรียบรัวถี่ไม่ก้าวร้าว บีบคลัทช์แล้วเข้าเกียร์มีเสียงการต่อกำลังดังให้ได้ยินสไตล์รถซีซีสูง ออกรถง่ายๆ เกียร์ 2 ยังมีรอบต่อที่กระตุกนิดๆ แต่ที่เกียร์ 4-6 การเปลี่ยนเกียร์ก็ราบรื่นดี เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำๆ เกียร์ 6 ความเร็ว 120 กม./ชม. ที่ 3,500 rpm ก็เพียงพอ กับการเดินทางสบายๆ การตอบสนองของเครื่องยนต์ขนาดลิตรกว่าๆ มหาศาลและดึงขึ้นสู่ย่านความเร็วเพียงไม่นานครับหากท่านต้องการ เบรกให้การตอบสนองสไตล์นุ่มนวลแต่หนึบ ขณะขับขี่จะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของช่วงท้ายได้ชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อผ่านพื้นไม่เรียบอย่างเส้นสีเตือนลดความเร็วบนถนน
ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไรแต่จะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของสวิงอาร์ม จุดของถังน้ำมันต่อกับเบาะเป็นสันดันต้นขานิดๆ ถ้าลบสันตรงนี้ออกจะเป็นรถที่นั่งสบายไร้ที่ติเลยการใช้งานในเมืองพบว่าให้ความคล่องตัวที่ดี จากศูนย์ถ่วงที่อยู่ต่ำแม้จะเป็นรถที่มีน้ำหนักมากแต่ก็ไม่ใช่จุดด้อยกลับเป็นข้อดีในเรื่องของความนิ่งแม้ต้องขี่ช้ามากๆ คลัทช์น้ำมันคุมได้ง่ายเบาแรง จะมีหน่อยก็ตรงหากต้องใช้เกียร์ต่ำ 1-2 อาจมีเสียงตึกตักบ้าง และความร้อนจากเครื่องยนต์ที่จะเข้ามา ปะทะหน้าขา ชวนให้คิดว่าเหมาะกับการขี่ในวันที่อากาศเย็นน่าจะเหมือนมีฮีตเตอร์ในตัว ไฟหน้าแม้จะดูโบราณแต่ใช้งานเวิร์คนะครับ แสงโทนเหลืองส่องกว้างและไกลทัศนวิสัยกลางคืนเยี่ยม หยุดรถแล้วเตะขาตั้งลงมาด้วยการกดส้นเท้าเข้าไป ออกแรงเพียงนิดหน่อยที่เหลือคือหน้าที่ของสปริงที่รั้งให้กางออกอย่างรวดเร็ว เป็นอีกจุดที่สร้างความประทับใจได้จนวินาทีลาจากกันทีเดียว CB1100EX เป็นรถบิ๊กไบค์ที่ไม่มีวันเชย เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างกว้างขวางทั้งกับการใช้งานในเมืองหรือใช้ความเร็วในการเดินทาง ท่านั่ง แสนสบายไร้อาการสั่นมารบกวน ทรงตัวมั่นคง
ถ้าไม่คิดถึงน้ำหนักตัวก็นับเป็นบิ๊กไบค์ที่ขับขี่ได้คล่องตัวมากรุ่นหนึ่งครับ”
[HD] Riding Magazine#233 : BigRide BigBike – CB1100EX
มันหล่อมาก… กับนายแบบหุ่นล่ำข้ามกาลเวลาคันนี้ Honda CB1100EX อีกแนวทางของการขับขี่ที่รู้สึกผ่อนคลายตั
Yamaha YZF-R6 RACING VERSION SS2
การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ กับความหลากหลายความมันของเหล่ารถซูเปอร์ไบค์ที่เข้าร่วมกันอย่างคับคั่งพร้อมสร้างความสนุกสนานทั้งผู้ที่เข้าร่วมทำการแข่งขันและผู้ชม ทำให้วงการมอเตอร์สปอร์ตกลับมาคึกคักอีกครั้ง
SS 600 หรือ Superspot 600 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมีรถเข้าแข่งขันเป็นจำนวนมาก YZF-R6 คือหนึ่งในรถแข่งยอดฮิต ด้วยขุมกำลังที่เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะแบบ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 599 ซีซี DOHC 4 วาล์วต่อสูบ วาล์วทำจากวัสดุไททาเนียม ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด YCC-T และ YCC-I ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำได้ทำการเปลี่ยนแปลงหม้อน้ำอลูมินัมให้มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเพื่อช่วยในการระบายความร้อนได้ดีต่อการแข่งขันของ H2O RACING ระบบไฟกล่อง ECU ของ YEC ชุดเกียร์ 6 ระดับ เสริมเพิ่มเกียร์ชิฟเตอร์ของ POWERCOMMANDER ควบคุมด้วยมือคลัทช์ LIGHTECH เสริมขุมกำลังความแรงด้วยชุดท่อ Full System TITANIUM ของ SPARK เพื่อเสริมความแรงของสมรรถนะเครื่องยนต์ สภาพตัวรถที่ผ่านการปรับสภาพเพื่อให้พร้อมต่อการแข่งขัน ชุดแฟริ่งใหม่ CRC FAIRING สีดำ วินชิวด์ ZERO GRAVITY ฝาถังน้ำมันอลูมินัมที่สามารถเปิดได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ แนบกันลื่นแก้มถัง STROMGRIP ชุดจับเวลา DATO LOG ของ AIM เพื่อแสดงเวลาต่อรอบของการขับขี่ เสริมความกระชับของการควบคุมด้วยชุดปลอกแฮนด์ ACTIVE ชุดพักเท้าอลูมินัม LIGHTECH
ระบบกันสะเทือนโช้คอัพหน้า Up Side Down โมดิฟายใส่ชุดคิทไส้ในของ OHLINS โดยแยกการทำงานของตัวโช้ค เป็นคอมเพรสชั่นดัมพ์ปิ้ง และรีบาวด์ดัมพ์ปิ้ง กันสะบัดของ OHLINS ส่วนระบบกันสะเทือนหลังกับสวิงอาร์มหลังอลูมินัม โช้คอัพ OHLINS TTX 36 Mark.II ระบบเบรกหน้าดับเบิ้ลดิสก์ โดยเปลี่ยนเอาปั๊มลอย GP ของ brembo RACING 19X18 มือเบรกแบบพับได้ คาลิเปอร์หน้า brembo RACING High Performance ขนาด 4 ลูกสูบ จานเบรก brembo RACING T-DRIVE ขนาด 320 มม. เบรกหลังปั๊ม NISSIN ขนาด 1/2 คาลิเปอร์หลัง NISSIN ขนาด 1 ลูกสูบ พร้อมด้วยจานเบรกขนาด 220 มม. ล้อแม็ก อลูมินัม 5 ก้าน หน้า 17X3.50 หลัง 17X6.00 กับการเซ็ทอัพทั้งตัวรถและเครื่องยนต์เพื่อให้รถเหมาะสำหรับการแข่งขันในรุ่นของ SS2 ซึ่งเป็นคลาสของรถระดับ 600 ซีซี
CBR1000RR TSR KIT STEP ENDURANCE
Honda CBR1000RR โมเดลนี้ไม่ธรรมดาออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่บนท้องถนนและซับพอร์ทในสนามแข่ง ซึ่งได้รับความนิยมมีสำนักแต่งมากมายที่ใช้โมเดลนี้ในการแข่งขัน ทั้งต่างประเทศและในประเทศCBR1000RR ปี 2009 รถแข่งจากสำนัก TSR TECHNICIAL SPORT ประเทศญี่ปุ่น ที่มีดีกรีแชมป์ในรายการ SUZUKA 8 Hrs. เมื่อปี 2011-2012 ที่ผ่านมา ถูกนำปรับโฉมใหม่เพื่อให้เป็นรถที่กลับมาวิ่งบนถนนได้ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 999 ซีซี DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ติดตั้งชุดกล่องไฟ TSR TECHNICIAL SPORT พร้อมปรับเซ็ทให้เหมาะกับการขับขี่ ระบบคลัทช์ควบคุมการทำงานด้วยสาย มือคลัทช์พับ เสริมสมรรถนะความแรงกับชุดท่อสูตรแบบ Full TITANIUM ของ TSR TECHNICIAL SPORT เกียร์ 6 ระดับ เพิ่มควิกชิฟเตอร์ ของ HM เสริมอุปกรณ์ป้องกันแคร้งเคฟล่าร์ TSR TECHNICIAL SPORT ฝั่งแคร้งด้านขวา CSC MOTO
การปรับสภาพที่เปลี่ยนเอารถแข่งให้กลายมาเป็นรถบนถนนปกติ ตัวเฟรมอลูมินัมที่เน้นความเบาและแข็งแรง ชุดอันเดอร์เคาริ่ง HOTBODIES RACING ชุดบังโคลน หน้าเคฟล่าร์ AKRAPOVIC และบังโคลนหลัง TSR TECHNICIAL SPORT ปรับแต่งทำสีตัวรถทั้งหมดใหม่กับลายทีมแข่ง SPORT EVOTION วินชิวด์หน้า ERMAX ครอบถังน้ำมัน CLEVERWOLF RACING ไฟท้ายแต่งของ MOTO DYNAMIC หลอด LED พักเท้าอลูมินัม TSR TECHNICIAL SPORT สามารถปรับระยะและตำแหน่งของพักเท้าได้
ระบบกันสะเทือนโช้คอัพหน้าแบบ Up Side Down ค่าย OHLINS FG200 ประกอบเข้ากับชุดแผงคอ เสริมการควบคุมด้วยกันสะบัด HYPERPRO RCS กันสะเทือนหลังสวิงอาร์มอลูมินัมพร้อมด้วยระบบ UNITPRO LINK HMAS โช้คอัพหลัง OHLINS TTX36 Mark.II ระบบเบรกหน้าแบบดับเบิ้ลดิสก์เบรก ตัวปั๊มลอย brembo RACING 19X20 จานเบรกหน้าขนาด 310 มม. ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ brembo RACING High Performance ขนาด 4 ลูกสูบ เบรกหลังแบบเดี่ยว ทำงานด้วยตัวปั๊มเบรก NISSIN คาลิเปอร์ brembo RACING High Performance ขนาด 2 ลูกสูบ จานเบรก ขนาด 240 มม. วงล้อแม็กแบบ Y-SHAPE ที่เป็นอลูมินัมฟอร์จ marchesini M10RS ขนาดล้อหน้า 17X3.50 หลัง 17X6.00
พร้อมออกโลดแล่นบนท้องถนนกับดีกรีตัวแข่งจากสำนัก TSR TECHNICIAL SPORT และออพชั่นในดีไซน์ของ SPORT PERFORMANCE ระดับ SUPERBIKE