ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง!!! Suzuki ขึ้นโพเดียม 2 สนามติด MotoGP 2019

สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “MotoGP” 2019 สนามที่ 4 รายการสแปนิช กรังปรีซ์ ณ สนาม Circuito do Jeresz – Angel Nieto ประเทศสเปน อเล็กซ์ รินส์ นักบิดชาวสเปน หมายเลข 42 สังกัด Team Suzuki Ecstar ได้คว้าชัยในสนามนี้ โดยควบ Suzuki GSX-RR แซงคู่แข่งผ่านธงตราหมากรุกเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ในสนามที่ 3 อเล็กซ์ รินส์ ทำผลงานได้น่าทึ่งโดยการคว้าแชมป์สนามมาแล้วเช่นกัน โดยมีคะแนนสะสมรวมอยู่ลำดับที่ 2 ห่างจากผู้นำเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ติดตามเชียร์ และเป็นกำลังให้ อเล็กซ์ รินส์ คว้าแชมป์ในสนามที่ 5 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ณ สนาม Le Mans ประเทศฝรั่งเศส

ไทยยามาฮ่า ร่วมใจสวมเสื้อเหลืองถวายพระพร เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและพนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมกลุ่มบริษัทในเครือ ร่วมใจสวมเสื้อสีเหลืองแสดงความจงรักภักดีและร่วมถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒

ในการนี้ นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร และรักษาการผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ได้เปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมกล่าวนำผู้บริหารและพนักงานถวายพระพรในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ จากนั้นคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมกันปลูกต้นรวงผึ้ง อันเป็นต้นไม้ประจำรัชกาล จำนวน ๑๐ ต้น เพื่อเป็นสิริมงคลกับบริษัทอีกด้วย

ณ บริเวณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บางนา-ตราด กม.21 เมื่อเร็วๆ นี้

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัดถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้พร้อมใจยืนถวายความจงรักภักดี พร้อมร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงาน 
บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

2019 BENELLI T R E series

จากงาน 2019 MOTOR BIKE EXPO ที่เวโรน่า ในอิตาลี ค่ายรถอย่าง Benelli ได้ร่วมออกบู๊ธจัดแสดงรถโมเดล 2019 หลากหลายรุ่นแบบจัดเต็มไลน์การผผลิต และหนึ่งในไลน์การผลิตที่น่าสนใจก็คือ รถในสายแอดเวนเจอร์ อย่างซีรี่ส์ TRK ซึ่งมีกระแสข่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการเปิดไลน์รุ่นเล็กของซีรี่ส์อย่าง TRK251 ในงาน 2017 EICMA ก่อนที่มีข่าวว่าจะบุกตลาดอินเดียและนำเข้าไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 ล่าสุดโฉมใหม่โมเดลปี 2019 อย่างที่เกริ่นจั่วหัวไว้ว่าได้ถูกส่งมาโชว์โฉมอย่างเป็นทางการที่อิตาลี ร่วมกับรุ่นใหญ่ในซีรี่นี้ อย่าง TRK502 กับ TRK502X

คาดว่าสเปคพื้นฐานคงไม่ต่างอะไรจากเวอร์ชั่นประกาศบุกอินเดียในปี 2018 จากพื้นฐานสเปคเครื่องยนต์ขนาด 249 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 25.4 แรงม้าที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที พร้อมด้วยด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside-Down ขนาด 41 มม. และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Monoshock ชิลด์หน้าขนาดใหญ่ในแนวแอดเวนเจอร์ที่มาพร้อมกับไฟ LED รอบขณะที่ จานเบรคมาแบบ Wave Disc หน้าหลัง พร้อมด้วยวงล้อขนาด 17 นิ้ว ที่ติดตั้งยางขนาด 110/70-ZR17 และ 150/60-ZR17 ต้องยอมรับว่าแปลกกับไฟล์พีอาร์ที่เราได้รับจากงาน 2019 Motor Bike Expo จากเวโรน่า ที่เสร็จสิ้นเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น นอกจากภาพรถทุกคันทุกรุ่นที่คาดว่าจะทำตลาดในปี 2019 กับข้อความระบุมาว่าเป็นโมเดล 2019 แล้ว “ไม่มีรายละเอียดใดๆ ให้เลย” กอง บ.ก.ไรดิ้งเรา ก็คงต้องอ้างอิงจากสเปคเดิมที่ได้จากการเปิดตัวใน 2017 EICMA คร่าวๆ ก็แล้วกัน ก็ตามที่กล่าวถึงไปนั้น และเมื่อลองเสิรืชจากเว็บไซด์ของอินเดีย ก็มีข้อความแจ้งกำหนดการเปิดตัว 2019

TRK251 ไว้ ในเดือนมีนาคม 2019 พร้อมกับสเปคบางส่วนที่มีระบุถึงตัวรถดังนี้
Engine Type: Liquid Cooled, Single Cylinder, 4-Valves, DOHC
Engine Displacement (CC): 249 cc
Power (PS@rpm): 25.83 PS @ 9,250 rpm
Torque (Nm@rpm): 21.2 Nm @ 8,000 rpm
Bore: 72 mm
Stroke: 61.2 mm
No Of Cylinders: 1
Drive Type: Chain Drive
Valves (per cylinder): 4
Fuel System: Fuel Injection
Fuel Type: Petrol
Ignition: Delphi MT 05

โดยมีระบบส่งกำลังเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด พร้อมกับระบบกันสะเทือนหลัง Trestle in steel tubes awingarm with central shock absorber กับระบบกันสะเทือนหน้าอย่างที่กล่าวไปแล้ว คือ Upside down fork 41 มม.
ขณะที่ในส่วนของพี่ใหญ่สุดของซีรี่ส์อย่าง TRK502 และ TRK502X นั้น ก็คาดว่าไม่มีรายละเอียดใดๆ แตกต่างไปมากนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากไฟล์ภาพแล้ว ก็น่าจะเป็นการส่งรถมาแบบไมเนอร์เช้นจ์แค่นั้น กล่าวคือ น่าจะเป็นสเปคควบระหว่าง 2018-2019 นั่นเอง ที่สำคัญงาน 2019 Motor Bike Expo นี้ แม้จะเป็นงานจัดแสดงจักรยานยนต์ของอิตาลี แต่ก็ไม่น่าจะมีความสำคัญมากไปกว่า EICMA และ Intermot ที่มักจะเป็นเวทีสำคัญในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในระดับนานาชาตินั่นเอง เราจึงมั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มากนักแม้จะส่งไฟล์ภาพมาพร้อมระบุว่าเป็น 2019 โมเดล โดยไม่มีรายละเอียดใดใดก็ตาม โดยในเพรสคิทมีกล่าวถึง TRK502X ว่าปรับจากพื้นฐานของรถแบบให้สามารถลุยได้มากขึ้นจากพื้นฐานเดิม TRK 502 ด้วยการ เปลี่ยนเป็นวงล้ออลูมิเนียม หน้า 19 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว พร้อมกับกล่าวถึงเฟรมแบบ steel trellis ว่ามีความแข้งแกร่งเพียงพอสำหรับการถูกพัฒนาให้เป็นรภใน adventure style นี้ ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ ให้กำลังสูงสุด 47.6 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 45 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที มีสมรรถนะมากพอสำหรับการตอบสนองการขับขี่ในแบบแอ๊ดเว้นเจอร์นี้ ซึ่ง โมเดล 2019 ของ TRK502X นี้ จะมี สีขาว กับ สีดำแดง ให้เลือก สำหรับเจ้า TRK502 นั้นจะต่างที่แรงบิดนั้นจะมาพร้อมกับกำลังขนาด 46 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยมีกำลังสูงสุดเท่ากัน นอกจากนี้วงล้อก็ยังคงเดิม คือ มากับขนาดขอบ 17 หน้าหลัง โดยมีสองโทนสีให้เลือกเหมือนกัน

บีญาเลส คืนฟอร์มเก่ง บิด M1 ทะยานคว้าอันดับ 3 สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ประเดิมโพเดี้ยม โมโตจีพี 2019

มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี รีดฟอร์มเก่ง ควบยามาฮ่า YZR-M1 คว้าอันดับ 3 ที่ เฆเรซ ประเดิมโพเดี้ยมแรกในฤดูกาลให้กับตนเอง จากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึกโมโตจีพี 2019 สนามที่ 4 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ อังเคล นีอัตโต้ ประเทศสเปน ชิงชัยทั้งสิ้น 25 รอบสนาม ในรายการแกรนด์ พรีมิโอ เรดบูลล์ เดอ เอสปันญ่า

โดย ฟาบิโอ การ์ตาราโร่ #20 นักบิดดาวรุ่งเฟรนช์แมน สังกัด ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ทีมแซทเทิลไลต์ค่ายยามาฮ่า ซิ่งทุบสถิติ เฆเรซ คว้าโพลโพซิชั่นแรกบนเวทีโมโตจีพีให้กับตนเอง

ขนาบด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 นักบิดอิตาเลียนเพื่อนร่วมสังกัดในกริดที่ 2 ขณะที่ มาเวริค บีญาเลส #12 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ดูโอ้ทีมโรงงาน สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5 และ 13

และเป็นทางด้าน มาเวริค บีญาเลส #12 ที่สามารถรีดฟอร์มอันยอดเยี่ยม ควบรถคู่ใจยามาฮ่า YZR-M1 ไล่แซงคู่แข่งทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ประเดิมโพเดี้ยมแรกในฤดูกาลให้กับตนเอง

รวมถึง วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ที่โชว์ความเก๋าไต่จากกลุ่มกลางขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 6 ตามด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ในอันดับ 7 ขณะที่ ฟาบิโอ การ์ตาราโร่ #20 พลาดท่าออกจากการแข่งขันไปหลังผ่านครึ่งทางของการชิงชัย

ศึกโมโตจีพี 2019 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็วที่ สนามเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 19 พฤษภาคม นี้

สุดเอ็กซ์คูลซีฟ ชีวิตมีคลาสสมาร์ทที่หัวหิน

ท่องเที่ยวสไตล์ แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ขี่สนุก บิดมันส์ เพลิดเพลิน ร่มรื่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.หัวหิน อ.ปรานบุรี และ อ.สามร้อยยอด เต็มอิ่มกับแลนด์มาร์คน่าสนใจ
#GrandFilanoHybridxHuahin
#Liveuptohuahin
#ชีวิตมีคลาสสมาร์ททั่วหัวหิน

รายละเอียดเพิ่มเดิมติดตามได้ในนิตยสารไรดิ้งฉบับ 284 พฤษภาคม 2562 นะคะ

Honda RedMoto : CRF Enduro

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า นี่คือไลน์การผลิตรถสำหรับจำหน่าย “เฉพาะในอิตาลี” ที่ทางตัวแทนจำหน่ายรถในประเภทวิบากนั้นจะเป็นสิทธิ์ของ Honda RedMoto โดยทางกอง บก.ไรดิ้งได้รับไฟล์ภาพชุดรถแข่งสายเอ็นดูโร่จากยุโรปมา โดยระบุว่ามีสี่เวอร์ชั่นหรือสี่โมเดลที่ใช้รหัส Enduro ต่อท้ายก็คือ CRF250RX Enduro , CRF300RX Enduro , CRF400RX Enduro และ CRF450RX Enduro

โดยพื้นฐานแล้ว CRF450RX ก็จะพัฒนาควบคู่กับ CRF450R ตามรูปแบบการผลิต
ที่ทำในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นพื้นฐานจึงมีความแกร่งและสมรรถนะในระดับเดียว
กับรถแข่งโมโตครอสเช่นเดียวกับ CRF250R และ CRF250RX ที่ Honda แบ่งแนวทาง
การพัฒนามาเพื่อตอบสนองคาแรคเตอร์ของการใช้งานหรือใช้ในการแข่งขันระหว่าง Motocross กับ Enduro นั่นเอง ซึ่งมาตรฐานการผลิตและจำหน่ายทั่วโลกก็จะคงมีสองคลาสสี่เวอร์ชั่นระหว่างรหัส RX กับ R ตามที่กล่าวไปแล้ว แต่ความพิเศษสำหรับตัวแทนในอิตาลีนั้นก็คือ การแตกไลน์ย่อยเพิ่มเติมสำหรับรถในกลุ่ม Enduro ที่ Honda RedMoto ได้ป้อนสู่ตลาดเพิ่มเติมด้วยรุ่น 300RX และ 400RX ซึ่งเราได้นำข้อมูลสเปครถภาษาอิตาลีมาลงไว้เพื่อที่จะได้พอดูรายละเอียดบางส่วนของตัวรถหรือเครื่องยนต์ได้ในระดับหนึ่ง กับ
ฝูงรถอ็นดูโร่จากผู้แทนจำหน่ายเฉพาะในอิตาลีอย่าง Honda Red Moto ที่นำมาฝากกัน แน่นอนว่าไฮไลท์คงจะไม่พ้นพี่ใหญ่อย่าง CRF450RX Enduro ที่มาพร้อมกับ ECU พิเศษ ที่ติดตั้งโปรแกรมจากโรงงาน ด้วย HRC Launch Control พร้อมด้วยการปรับเลือกโหมดการใช้งานด้วยการเลือกแมปปิ้งที่เหมาะสม คือ standard – smooth – aggressive สำหรับพื้นฐานของ CRF450RX นั้นจะมีน้ำหนักตัวรถเบากว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า 1.7 ปอนด์ ถือว่าเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาในอันดับต้นๆ ของรถประเภทนี้ ด้วยอานิสสงค์ของการพัฒนารถแข่งโมโตครอส RF450R ที่เป็นพื้นฐานเดียวกันดังนั้นสเปคและสมรรถนะจึงไม่แตกต่างกันมากนัก รวมทั้งการอัพเกรดโครงสร้างแชสซีส์ ทั้งเฟรมและสวิงอาร์ม มาเป็นอิดิชั่นล่าสุดเช่นเดียวกันนอกจากนั้น CRF450RX ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเติมเช่น ขาตั้งข้าง ระบบไฟส่องสว่างรวมทั้งการเปลี่ยนวงล้อหลังเป็นขนาด 18 นิ้ว มีการปรับเซ็ท
ค่าแมปปิ้งสำหรับการออกตัวใหม่ special launch control ติดตั้งแฮนด์เดิ้ลบาร์ใหม่ new Renthal fatbar รวมทั้งทำการปรับ เซ็ทระบบกันสะเทือนใหม่สำหรับการใช้
งานในการแข่งขันเอ็นดูโร่ special suspention settings ขณะเดียวกันเพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นจึงได้เพิ่มขนาดความจุถังเชื้อเพลิงเป็น 2.25 แกลลอน ด้วยถังเรซิน High capacity resin fuel tank ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ย้อนกลับมาที่ส่วนของเฟรมนั้นได้รับการปรับมิติองศาใหม่กับ Next-Gen twin spar aluminum frame ซึ่งมีผลให้ตำแหน่งติดตั้งหรือยึดโช้คอัพหลังอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม อีกทั้งยังมีผลให้พื้นที่ของ
แอร์บ๊อกซ์เปิดมากขึ้นกว่าเดิมและอยู่ในตำแหน่งใกล้ศูนย์รวมน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น
บวกกับการปรับสวิงอาร์มและซัพบเฟรมได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้นช่วยให้ตัวรถมีสมดุลที่ดีมากยิ่งขึ้น ในรุ่นเล็กสุดของซีรี่ส์อย่าง CRF250RX ก็มาแนวทางเดียวกัน คือ ใช้พื้นฐานของรถแข่งโมโตครอสอย่าง CRF250R ดังนั้นสิ่งแรกเลยก็คือ New Throttle Body หรือ เรือนลิ้นเร่ง ที่ออกแบบให้อากาศไหลผ่านได้ เร็วขึ้น ซึ่งมีผลที่ดีต่อการขับขี่ในช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์ต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งทำการ เซ็ทระบบการจ่ายเชื้อเพลิงใหม่กับ New Double Sprey Injector ที่หัวฉีดจะจ่ายเชื้อเพลิงสองครั้งในหนึ่งรอบของการทำงานในจังหวะดูดอากาศอันจะช่วยเพิ่มละอองเชื้อเพลิงโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักของเชื้อเพลิงที่พ่นเข้าไปในห้องเผาไหม้ เอาเป็นว่าไม่ต้องอธิบายกระบวนการก็แล้วกัน สรุปก็คือ การเซ็ทติ้งในส่วนนี้นั้นจะมีผลให้ได้กำลังที่เพิ่มมากขึ้นในรอบการทำงานเครื่องยนต์ที่ช่วงรอบกลางขึ้นไป ขณะที่วาล์วมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยวาล์วไอดีมีขนาด 33 มม. กับวาล์ว ไอเสีย ขนาด 26 มม. ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์ DOHC ที่ใช้แนวทาง big
bore/ short stroke engine ทำให้ได้เรดไลน์ของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น CRF250RX ใหม่นี้จะมีทั้งกำลังและแรงบิดที่เพิ่มมากกว่าเดิม โดยสรุปพื้นฐานของทั้งสี่โมเดลจาก redmoto นี้ จะมีพื้นฐาน จาก CRF250RX และ CRF450RX ก่อนที่จะขยายไลน์การผลิตด้วยการปรับในส่วนของกระบอกสูบกับช่วงชักซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อย คือ CRF450RX Enduro จะมีมิติของกระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 96×62.1 มม. มีปริมาตรความจุ 449.7 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.5:1 ขณะที่ CRF400RX Enduro จะมีมิติของ กระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 92×62.1 มม. มีปริมาตรความจุ 413 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1

ขณะที่ CRF250RX Enduro มีมิติของ กระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 70.9×50.9 มม. มีปริมาตรความจุ 249 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.9:1 ส่วน CRF300RX Enduro มีมิติของกระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 86×50.9 มม. มีปริมาตรความจุ 295.5 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัดที่ 13.5 มม. และนี่ก็คือไลน์ผลิตและจำหน่ายรถสายเอ็นดูโร่ในอิตาลีจากตัวแทนจำหน่ายอย่าง Honda Redmoto ที่เรานำมาฝากกัน

รอยัล เอนฟิลด์ จัดกิจกรรม ‘One Ride’ ครั้งที่ 9 สาวกรอยัล เอนฟิลด์ เฉลิมฉลองมิตรภาพในการขับขี่พร้อมกันทั่วโลก

รอยัล เอนฟิลด์ จัดกิจกรรม ‘วัน ไรด์’ (One Ride) ครั้งที่ 9 เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ ผ่านการขับขี่พร้อมกัน 35 ประเทศทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2562 • กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย โดยมีสาวกรอยัล เอนฟิลด์ว่า 700 ชีวิตใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกลุ่มกันขับขี่ในปีนี้

กรุงเทพฯ, 2 พฤษภาคม 2562: รอยัล เอนฟิลด์ ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกขนาดกลางระดับโลกจัดกิจกรรม ‘วัน ไรด์’ (One Ride) ครั้งที่ 9 เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพ และความหลงใหลในการขี่มอเตอร์ไซค์ระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ ผ่านการขับขี่พร้อมกัน 35 ประเทศทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2562 ภายใต้ธีมการขับขี่อันเป็นหนึ่งเดียวกันหรือ ‘Ride as One’

กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย โดยกิจกรรมปีนี้ถูกจัดขึ้นพร้อมกันใน 9 จังหวัด
ทั่วประเทศได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา (หาดใหญ่) อุบลราชธานี พิษณุโลก ลพบุรี พัทยา นครปฐม และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีชาวรอยัล เอนฟิลด์กว่า 700 ชีวิตเข้าร่วมกิจกรรมการขับขี่สุดพิเศษพร้อมกันในปีนี้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรม วันไรด์ ปีที่แล้วกว่า 300 คน โดยจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น นับเป็นเครื่องสะท้อนการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารอยัล เอนฟิลด์ และคอมมูนิตี้ผู้ขับขี่รอยัล เอนฟิลด์ ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

สำหรับกรุงเทพฯ เหล่าไบค์เกอร์นักขี่รอยัล เอนฟิลด์ชาวไทยกว่า 240 คนรวมตัวกันที่ รอยัล เอนฟิลด์ สโตร์ วิภาวดี ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน ก่อนออกเดินทางพร้อมกันไปยังจังหวัดนครปฐม มุ่งหน้าสู่อำเภอนครชัยศรี

ทั้งนี้ กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสาวก
รอยัล เอนฟิลด์ทั่วโลกจะรวมตัวเพื่อขับขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกันในเช้าวันอาทิตย์ เพื่อเฉลิมฉลองต่อมิตรภาพ และความหลงใหลในการขี่มอเตอร์ไซค์ระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ด้วยกันเป็นประจำทุกปี รวมถึงให้ผู้ขับขี่ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แท้จริงหรือ ‘Pure Motorcycling Experience’ ร่วมกัน ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความเป็นมา และกิจกรรมต่างๆ ของรอยัล เอนฟิลด์ 
ได้ที่ www.royalenfield.com/thai หรือโทรสอบถามได้ที่ รอยัล เอนฟิลด์ คอนแทค เซ็นเตอร์ เซอร์วิส

All New CBR150R (2019)

New Dual Headlight with Full LED Lighting System

ไฟหน้าคู่ LED ทรงพญาอินทรี ต้นแบบความเฉียบคมดุดัน สไตล์รถสปอร์ตสายพันธุ์ CBR ส่องสว่างเห็นได้ชัดในทุกระยะการมอง พร้อมระบบไฟ LED เท่ โดดเด่น มองเห็นได้ชัดเจนมากกว่า

New Full LCD Digital Meter

เรือนไมล์สุดล้ำด้วยระบบดิจิตอล พร้อมมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์ ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ ระบบ Odo Meter แสดงระยะการเดินทางได้อย่างแม่นยำทั้งทริป A และ B พร้อมคำนวณอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้ทุกทริปมีความหมายยิ่งขึ้น

New Tough Fuel Tank

ถังน้ำมันขนาดใหญ่ 12 ลิตร ดีไซน์ใหม่สไตล์รถ Super Sport ออกแบบให้มีความโค้งเว้ารับกับสรีระผู้ขับขี่ ให้ท่านั่งกระชับแนบไปกับตัวรถ ขับขี่สนุกในทุกลีลา

New Adjustable Front Suspension

ระบบกันสะเทือนหน้าปรับค่า preload ได้

New Adjustable Rear Suspension

ระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link ปรับค่า preload ได้ 5 ระดับ

New engine 150 CC DOHC 4 Valve Liquid-Cooled

เครื่องยนต์ใหม่ 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ สายพันธุ์แชมป์โลกความแรงจากสนามแข่งโมโตจีพี RC213V ขี่สนุก ขี่มันส์ พร้อมเกียร์ 6 สปีดให้คุณรีดความแรงได้สะใจในทุกช่วงความเร็ว

New Innovative Truss Frame

โครงสร้างเฟรมออกแบบใหม่ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ CAE (Computer Aided Engineering) ดีไซน์ใหม่เป็นเฟรมกลมแบบถัก วัสดุเหล็กกล้า แข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา สร้างสมดุลได้ตลอดคัน ทนทาน รองรับแรงบิดได้อย่างดีเยี่ยม

New ABS Brake* + Wave Disc

ระบบเบรก ABS หยุดได้มั่นใจ แม้ขับขี่ในช่วงความเร็วสูง พร้อมดิสก์เบรกหน้าและหลังขนาดใหญ่ดีไซน์เท่แบบ Wave Disc (*เฉพาะรุ่น ABS)

New Muffler with Kevlar Protector

ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ เสริมลุคสปอร์ตด้วยโพรเทคเตอร์ลายเคฟล่า

Tandem Seat

ที่นั่งหลังแบบ Tandem Seat ให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน พร้อมสายคาดที่เบาะหลังให้ผู้ซ้อนจับถนัดมือ

New Super Sport Riding Position

All New CBR150R ออกแบบท่านั่งผู้ขับขี่ใหม่ เบาะต่ำ รับกับตำแหน่งแฮนด์ และช่วงขา ให้ท่านั่งผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิคส์ ลุคเท่สไตล์รถสปอร์ตพันธุ์แท้ คอนโทรลรถได้อย่างคล่องตัว ให้ความเสถียรแม้ในช่วงความเร็วสูง และในขณะเข้าโค้ง ดีไซน์ให้มุมเลี้ยวแคบ เพื่อความคล่องตัวในเมืองที่เน้นขับขี่ในพื้นที่แคบ สบายไม่เมื่อยล้า

New Emergency Stop Signal*

ระบบไฟสัญญาณกะพริบอัตโนมัติ ให้ความมั่นใจสูงสุด โดยไฟเลี้ยวหน้าและหลังจะกระพริบพร้อมกันทันทีเมื่อมีการใช้เบรคเพื่อลดความเร็วอย่างกะทันหัน (*เฉพาะรุ่น ABS)

เครื่อง
ยนต์
 แบบ
ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตร
กระบอก
สูบ
149.6 cc
 อัตรา
ส่วนกำลังอัด
11.0:1
กระบอก
สูบ x ระยะชัก
57.3 x 57.8 mm
ระบบ
หล่อลื่น
  คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบ
จ่ายน้ำ
มัน
หัวฉีด PGM-FI
ระบบจุด
ระเบิด
  ระบบควบคุมการจุดระเบิดล่วงหน้าด้วยคอมพิวเตอร์
ระบบ
คลัทช์
 คลัทช์เปียก
ระบบ
เกียร์
 6 เกียร์
ระบบ
สตาร์ท
 สตาร์ทมือ
น้ำมัน
เชื้เพลิง
 –
ความจุน้ำมัน
เชื้อ
เพลิง
  12
ความจุน้ำมัน
เครื่อง
 –
กว้าง*
ยาว*สูง
694 x 1,983 x 1,077
น้ำหนัก
รวม
135
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิคแบบปรับตั้งค่า Preload ได้
หลัง : โมโนโช๊กแบบปรับตั้งค่า Preload ได้
ระบบ
เบรค
หน้า :ดิสก์เบรก
หลัง : ดิสก์เบรก
ยาง/ล้อ หน้า : 100/80-17M/C 52P
หลัง : 130/70-17M/C 62P

CBR250RR

DOUBLE-LAYERED DUAL LED HEADLIGHT

ดุดันด้วยไฟหน้าคู่ LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered เอกลักษณ์เฉพาะ CBR250RR เฉียบคมด้วยตำแหน่งไฟ Position Light คู่บน และตำแหน่งไฟ Low Beam คู่ล่าง ที่ส่องสว่างพร้อมกัน ให้ความโดดเด่น เท่เหนือใคร เสริมไฟ High Beam ด้านข้าง เพิ่มความมั่นใจเมื่อใช้ไฟสูง พร้อมไฟเลี้ยว LED ให้ความคมชัดทุกระยะการมอง

LED TAILLIGHT

ไฟท้ายระบบ LED ดีไซน์เท่ ถอดแบบสไตล์ Racing ตัวจริง

AERODYNAMICALLY LAYERED VELOCITY COWL

New CBR250RR มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ตลอดคัน เท่ล้ำด้วยดีไซน์สไตล์รถแข่งพันธุ์แท้ เส้นสายเฉียบคม ปราดเปรียวลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิค พร้อมช่อง Air Duct ที่แฟริ่งข้าง ช่วยเสริมการระบายความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวพร้อมพุ่งทะยานสู่ทุกจุดหมาย เร้าใจทุกการขับขี่

FULLY LCD DIGITAL METER & LAP TIMER

มิเตอร์เรือนไมล์แบบดิจิตอล ถอดแบบสไตล์รถแข่ง ครบครันด้วยมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ ไฟเตือนรอบเปลี่ยนเกียร์ Shift Lighter ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ ไฟบอกโหมดการขับขี่ มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ พร้อมระบบ ODO Meter แสดงระยะการเดินทางได้อย่างแม่นยำทั้งทริป A และ B สนุกยิ่งขึ้นกับ Lap Timer โหมดจับเวลาในแต่ละรอบการขับขี่แข่งขัน

TRUSS FRAME

โครงสร้างเฟรมถัก Truss Frame ออกแบบด้วยเทคโนโลยี CAE (Computer Aided Engineering) ให้สมดุลย์น้ำหนักบาลานซ์ได้ดี แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา

PRO-LINK REAR SUSPENSION WITH 5-STEP ADJUSTABLE SYSTEM

โช้กหลังขนาดใหญ่แบบโปรลิงค์ ให้การขับขี่นุ่มนวล ทรงตัวดี สามารถปรับความแข็งได้ 5 ระดับ รับแรงกระแทกได้ตามน้ำหนักและสภาพถนน ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่

ALUMINUM SWINGARMS

สวิงอาร์มอะลูมิเนียม ใช้เทคนิคการหล่อขึ้นรูปแบบ GDC (Gravity Die Casting) ให้ความแข็งแรง น้ำหนักเบา ดีไซน์เท่สไตล์บิ๊กไบค์

3-STEP RIDING MODES

New CBR250RR ให้คุณสนุกมันส์สะใจในการขับขี่มากกว่ารถสปอร์ตทั่วไป ด้วยโหมดการขับขี่ที่คอนโทรลความเร้าใจได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ โหมด COMFORT (คอมฟอร์ท) สำหรับการขับขี่สบายๆเพลิดเพลินในเมือง 

NEW ENGINE

ขุมพลังความแรงจากเครื่องยนต์พิกัด 250 ซีซี DOHC 4 วาล์ว 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ออกแบบจัดวางระบบภายในให้ตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา ทำงานได้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด  เสื้อสูบอะลูมิเนียม น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี ลูกสูบเคลือบโมลิบดีนัม ลดแรงเสียดทาน ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 

THROTTLE-BY-WIRE (ระบบคันเร่งไฟฟ้า)

ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS (Accelerator Position Sensor Unit) ตรวจวัดแรงบิดคันเร่ง และส่งข้อมูลไปยัง ECU (Engine Control Unit) เพื่อประมวลผลร่วมกับระยะเปิดเรือนลิ้นเร่ง และการทำงานของเครื่องยนต์ โดยจะสั่งให้เครื่องยนต์ตอบสนองแรงบิดคันเร่งของผู้ขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว แรงตามใจสั่ง

เครื่องยนต์
 แบบ
Liquid-Cooled 4 Stroke PGM-Fi DOHC 4 Valve Parallel Twin Cylinder
 ปริมาตรกระ
บอกสูบ
 
249
 อัตราส่วนกำ
ลังอัด
 
11.5 : 1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 
62.0 X 41.3
 ระบบหล่อลื่น
 ระบบจ่ายน้ำ
มัน
 หัวฉีด
 ระบบจุดระ
เบิด

Full Digital Transistorized
 ระบบคลัทช์
 ระบบเกียร์ 6 เกียร์
ระบบสตาร์ท 
Electric
น้ำมันเชื้อ
เพลิง
 –
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง
14.5
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 
724 x 2,060 x 1,098
น้ำหนักรวม 
168
ระบบกันสะ
เทือน
หน้า : Inverted Telescopic Front Suspension
หลัง : Aluminum Swingarm 5-Level Adjustable Mono Suspension with Pro-Link System
ระบบเบรก หน้า : ABS Hydraulic Disc, Dual Piston
หลัง : ABS Hydraulic Disc, Single Piston
ยาง/ล้อ หน้า : Tubeless 110 / 70R17M / C 54S
หลัง : Tubeless 140 / 70R17M / C 66S

Yamaha TTX EXTREME MONSTER

โชว์ไอเดียสไตล์การแต่งกับรถจักรยานยนต์ Yamaha TTX ออโตเมติกสายพันธุ์ใหม่ ดีไซน์สุดเท่ห์ บิดสุดมัน ในสไตล์เอ็กซ์ตรีมลูกครึ่ง ทางเรียบ และ ทางฝุ่น ที่ถูกจับมาอยู่รวมกันในรถจักรยานยนต์ออโตเมติก

คงเคยได้เห็นผ่านสายตากันไปบ้างแล้วกับสไตล์การแต่งรถ Yamaha TTX โดยสำนักแต่งต่างๆ จัดกันมาแบบเต็มที่นำเสนอไอเดียใหม่ๆ เป็นแนวทางในการแต่งรถให้กับกลุ่มวัยรุ่น แต่ละคันเท่ไม่แพ้กัน ความโดดเด่นไม่ต้องพูดถึงสภาพรูปร่างหน้าตาเดิมๆ ก็โดนใจเต็มๆ แล้ว แต่ยังไม่พอเพิ่มสำหรับสาวกออโตเมติกยามาฮ่า จัดหนักเข้าไปอีกกับสไตล์การแต่งระดับเทพ ทั้งสีสันลวดลายใหม่ ดุ เข้ม ใช้สีดำด้านเป็นพื้นหลักและตัดด้วยสีเขียวมะนาว ใส่ลายของ MONSTER ENERGY หนึ่งในผู้สนับสนุนทีมแข่งระดับโลกของทีมยามาฮ่าในการแข่งขัน MotoGP

นอกนั้นยังเพิ่มเติมความเท่ระดับเทพ

ด้วยออพชั่นเสริมสไตล์เอ็กซ์ตรีม วงล้อแม็กขนาด 12 นิ้ว ดิสก์เบรกหน้าจานเดี่ยวแบบให้ตัวด้วยโฟลท์ติ้งอลูมินัม คาลิเปอร์ Frondo ชุบโครเมี่ยม 4 พอร์ท สายถักสแตนเลสหุ้มยางเขียวย้ำด้วยหัววงแหวนสแตนเลส โช้คอัพคู่ใหม่ UpSide down ออพชั่นของแต่งสุดอินเทรนด์จาก Gazi แกนโคสติ้งสีทอง ช่วงบนแฮนด์บาร์เสริมด้วยการ์ดแฮนด์สไตล์วิบาก ก้านเบรกขาพับ และกระจกมองหลังทรงสปอร์ต นั่งสบายๆ กับเบาะปาดแต่งเรียบๆ พักเท้าจัดให้ใหม่สไตล์เกียร์โยงอลูมินัมมาวางขนาบข้างให้อารมณ์แบบเรซซิ่งสปอร์ต ช่วงหลังเด่นด้วยโช้คอัพเดี่ยวแบบยูนิตสวิง ใช้ระบบแก๊ส+น้ำมัน ของ Gazi มีซับแท้งค์บิ้วท์อิน กรองอากาศต่อยื่นออกด้านข้างทรงกระบอกอลูมินัม ฝาครอบสายพานไล่โทนสี คันสตาร์ทขาอลูมินัม CNC ดรัมเบรกหลังมือลิงทรงโค้ง พักเท้าหลังสไตล์เอ็กซ์ตรีมพิมพ์ลายกันลื่น และปิดท้ายด้วยท่อเสียปลายเคฟล่าร์เสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ให้บิดมันเร้าใจมากยิ่งขึ้น

สวยเด่นน่ามสองและนี่ขับขี่ อัดแน่นด้วยออพชั่น รับรองแต่งสไตล์นี้โดนใจวัยรุ่นแน่นอน…หรือว่าไม่จริง

ยามาฮ่าต้อนรับขุนพลนักบิด YAMAHA THAILAND RACING TEAM อย่างยิ่งใหญ่หลังคว้าชัยจากศึก ARRC สนามที่ 2 ประเทศออสเตรเลีย

มร.ยาซูโทชิ โมริคาวะ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ และถ่ายภาพร่วมกับนักแข่งในสังกัด Yamaha Thailand Racing Team หลังสร้างผลงานในการแข่งขัน Asia Road Racing Championship 2019 สนามที่ 2 ณ สนาม เดอะเบนด์ มอเตอร์สปอร์ต พาร์ค ประเทศออสเตรเลีย โดยในรุ่น Asia SuperBike 1000 แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ควงคู่หูแชมป์เก่ารุ่น 600 โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 คว้าคะแนนสะสมได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 2 เรซการแข่งขัน ในรุ่น SuperSports 600 ต๋ง – พีรพงศ์ บุญเลิศ #26 คว้าชัยชนะอันดับที่ 1 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ทั้ง 2 เรซการแข่งขัน และในรุ่น Asia Production 250 มอส – สุทธิภัทร พัชรธร #86 และ โฟลค – สวพล นิลพงษ์ #56 โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจและสามารถคว้าคะแนนสะสมได้อย่างยอดเยี่ยม


โดยการต้อนรับในครั้งนี้มีขึ้น ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเร็วๆ นี้