ยามาฮ่าสนับสนุน บุรีรัมย์มาราธอน 2021 เป็นปีที่ 5 พร้อมยกระดับเวิลด์คลาสเป็นซิลเวอร์เลเบิลมาราธอน

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย (คนที่ 3 จากขวา) รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในงานแถลงข่าว บุรีรัมย์ มาราธอน 2021 โดยยามาฮ่าให้การสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

สำหรับบุรีรัมย์ มาราธอน 2021 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 มกราคม 2564 โดยในครั้งนี้ได้รับการยกระดับมาราธอน เป็นระดับเหรียญเงิน (Silver Label) จาก World Athletics องค์การกำกับคุณภาพของการวิ่งของโลก พร้อมมาตรฐานการจัดแบบ New Normal โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 วัน คือวันที่ 23 มกราคม 2564 จัดการแข่งขันในระยะฟันรัน (5 กม.) และมินิมาราธอน (10 กม.) และวันที่ 24 มกราคม 2564 ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) และมาราธอน (42.195 กม.) เพื่อเป็นการกระจายความหนาแน่นนักวิ่ง โดย มาราธอน และฮาล์ฟมาราธอน นั้น จะออกสตาร์ทจากสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในช่วงเช้า วิ่งไปตามเส้นทางที่เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ก่อนกลับเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล ช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ ส่วน มินิมาราธอน และฟันรัน จะสตาร์ทในช่วงเย็น โดยวิ่งชมบรรยากาศในสนามแข่งรถระดับโลก สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

สำหรับการแถลงข่าวการแข่งขัน บุรีรัมย์ มาราธอน 2021 ในครั้งนี้มีขึ้น ณ ศูนย์การค้า เดอะสตรีท รัชดา เมื่อเร็วๆ นี้

ฟินน์กัน!! ไม่หยุด!!? พิเศษ สำหรับชาว FoodDelivery

🎉ฟินน์กัน!! ไม่หยุด!!🎉
พิเศษ สำหรับชาว FoodDelivery
ซื้อยามาฮ่าฟินน์ ตั้งแต่วันที่ “1-31 ตุลาคม 2563”
💰รับไปเลย! บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท
สำหรับ 50 ท่านแรก เท่านั้น!!
🎯กติกาการร่วมสนุก
1. สำหรับผู้ออกรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ เพื่อประกอบอาชีพ Food Delivery ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2563
2. ส่งหลักฐานการออกรถ และ หลักฐานการประกอบอาชีพFood Delivery มาที่ กล่องข้อความ เฟสบุ๊ค FINNFamily
3. สำหรับลูกค้าที่ส่งหลักฐานเข้ามา 50 ท่านแรกเท่านั้น
4. หมดเขตการส่งหลักฐาน 30 พฤศจิกายน 2563 หรือจนครบ 50 ท่าน

“ไกจ์เซอร์” ฟอร์มโหด ควบ CRF450W กวาดแชมป์ต่อเป็นเรซที่ 7 ผงาดจ่าฝูง MXGP 2020

ทิม ไกจ์เซอร์ ยอดนักบิดชาวสโลวีเนีย หมายเลข 243 จากทีมแข่ง HRC ระเบิดฟอร์มแกร่งสมศักดิ์ศรีแชมป์โลกปีล่าสุด ควบม้าศึกทางฝุ่น Honda CRF450RW คว้าแชมป์โมโตครอสชิงแชมป์โลก MXGP 2020 สนาม 9 เรซสอง ที่แมนโตวา ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการคว้าชัยชนะอันดับ 1 ครั้งที่ 7 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ พร้อมโกยแต้มขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางเวิลด์แชมเปี้ยนชิพได้สำเร็จ มี 316 คะแนน นำหน้าอันดับที่ 2 อยู่ 5 คะแนน

สำหรับสนามถัดไป ยังปักหลักชิงชัยกันที่อิตาลีเช่นเดิม เตรียมเสริฟ์ความมันเร้าใจในวันที่ 30 กันยายนนี้ แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารของทีมแข่ง Honda HRC ในศึกเอฟไอเอ็ม โมโตครอส เวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ ปี 2020 หรือ MXGP 2020 ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพ

 

 

“กวาร์ตาราโร่” คืนฟอร์มเก่ง บิด M1 คว้าแชมป์ คาตาลุนญ่า คัมแบ็กจ่าฝูง โมโตจีพี

การแข่งขันในสนามที่ 8 ศึกโมโตจีพี 2020 ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า ประเทศสเปน ระยะทางต่อรอบ 4.627 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 24 รอบสนาม ในรายการแกรน พรีมี มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ เดอ คาตาลุนญ่า

 

กริดสตาร์ทแถวหน้าตกเป็นของทัพนักบิดยามาฮ่า โดย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ดาวรุ่งอิตาเลียน สังกัดปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที คว้าโพลโพซิชั่นไปครอง ขนาบข้างด้วย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 เพื่อนร่วมสังกัดในกริดที่ 2 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 จอมเก๋าจากมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ในกริดที่ 3 ส่วน มาเวริค บีญาเลส #12 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5

ออกสตาร์ทเรซด้วยตำแหน่งผู้นำของ มอร์บิเดลลี่ #21 ตามด้วย รอสซี่ #46 และ กวาร์ตาราโร่ #20 ในอันดับ 2 และ 3 ก่อนที่ ดาวบิดเฟรนช์แมน จะไล่แซงเพื่อนร่วมค่ายขึ้นไปรั้งหัวขบวนในรอบที่ 9 ของการแข่งขัน และรักษาตำแหน่งไว้ได้จนครบ 24 รอบสนาม ควบรถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก คว้าแชมป์ที่ 3 ในฤดูกาลให้กับตนเอง

ด้าน มอร์บิเดลลี่ #21 ทำได้ดีที่สุดด้วยการซิ่งเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 พลาดโอกาสคว้าโพเดี้ยมไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึง บีญาเลส #12 ที่ออกสตาร์ทได้ไม่ดีส่งผลให้หล่นลงไปอยู่ในกลุ่มท้าย อย่างไรก็ดีสามารถไล่แซงคู่แข่งไต่ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 9 บวกแต้มเพิ่มให้กับตนเองและต้นสังกัด ส่วน รอสซี่ #46 พลาดท่าล้มขณะที่รั้งอยู่ในอันดับ 2 ส่งผลให้ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 16

ผ่านการชิงชัยในสนามที่ 8 ของฤดูกาล ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 สามารถกลับขึ้นไปเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักแข่ง มีทั้งสิ้น 108 คะแนน รวมถึง ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ที่ยังคงรั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีม เก็บไปได้ 185 คะแนน ขณะที่ผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทค่ายผู้ผลิตยังคงเป็น ยามาฮ่า ที่เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 163 คะแนน

ศึกโมโตจีพี 2020 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็วที่ เซอร์กิต บูกัตติ เมืองเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม นี้ ในรายการชาร์ค เฮลเมตส์ กรังด์ปรีซ์ เดอ ฟรองซ์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจนักบิดยามาฮ่าได้ที่ Facebook : Yamaha Society Thailand

 

 

 

8 ฟีเจอร์เด่น ใครเห็นก็ต้องว้าว All New Yamaha NMAX

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่ รถออโตเมติกพรีเมี่ยม 155 ซีซี ดีไซน์ใหม่สปอร์ตสุดทุกองศาพร้อม 8 ฟีเจอร์เด่น ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบสุดแม็กซ์
1.ไฟหน้าLED ดีไซน์สปอร์ตดุดัน สว่างชัดเจน บอกตัวตนแห่งสายพันธุ์ MAX
2.ไฟท้าย LED ดีไซน์ถ่ายถอดดีเอ็นเอตระกูล MAX Series พร้อมไฟฉุกเฉิน
3.ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS ควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ป้องกันล้อล็อกทั้ง 2 ล้อ พร้อมดิสก์เบรกทั้งหน้า-หลัง ให้ความปลอดภัยระดับแม็กซ์
4.ดิจิทัลมิเตอร์สไตล์สปอร์ต พร้อมสวิตท์เปลี่ยนโหมดที่แฮนด์ จอ LCD ขนาดใหญ่ ครบทุกฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอที่แฮนด์ซ้าย สะดวกสบายสไตล์ MAX
5.ช่องชาร์จแบตมือถือ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า สามารถชาร์จแบตมือถือได้ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้าทั้ง 2 ด้าน
6.ถังน้ำมันขนาด 7.1 ลิตร พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาด XL ตอบสนองความสะดวกสบายด้วยถังน้ำมันขนาด 7.1 ลิตร และช่องเก็บใต้เบาะขนาดใหญ่ ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้
7.กุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM
• สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์
• ปลดล็อกแฮนด์รถ / ปลดล็อคเบาะ / ปลดล็อกฝาถังน้ำมัน
• สัญญาณตอบรับ ANSWER BACK
8.เครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี VVA 4 วาล์ว ให้สมรรถนะกำลังแรงกว่า แบบฉบับสายพันธุ์ Max Series
พบ ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่ ได้แล้ววันนี้ ที่ Yamaha Square ทั่วประเทศ
มีให้เลือกถึง 4 สี ในราคาแนะนำราคา 87,400 บาท

“รัฐพงษ์” คว้าวินเนอร์โพเดี้ยมสมดีกรีแชมป์เอเชีย พร้อมนำทัพ R6 กวาดโพเดี้ยม ซูเปอร์สปอร์ต บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 3

“โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ยอดนักบิดไทยดีกรีแชมป์เอเชียจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์​ เรซซิ่งทีม สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ผงาดคว้าชัยชนะศึกชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 3 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี สมราคาดีกรีแชมป์เอเชีย ขณะ 2 นักบิดทีมอิสระอย่าง “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น #90 และ “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล #146 จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ตามเข้าป้ายอันดับ 2-3 ส่งผลให้รถแข่ง R6 กวาดโพเดี้ยมหลังเกมสุดเข้มข้น ที่ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนาม 3 ดวลความเร็วช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยสนามนี้ยอดทีมแข่งของเมืองไทยอย่าง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต เป็นครั้งแรกในปีนี้ สร้างความคึกคักเข้มข้นให้เรซนี้อย่างมาก

โพลในเรซนี้เป็นของ รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 แชมป์เอเชียจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ตามมาด้วย คณาทัต ใจมั่น #90 จ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลิน กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่งทีม ในกริดที่ 2 ชิงชัยกันทั้งสิ้น 12 รอบสนาม รัฐพงษ์ เจ้าของโพลออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก ทว่าในรอบถัดมาก็สามารถกลับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้ ก่อนจะแซงขึ้นเป็นผู้นำได้ในรอบที่ 3 อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 รอบสุดท้าย รัฐพงษ์ สามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ด้วยการเสียบแซงในโค้ง 3 ทีเดียว 2 คันรวด

จุดเปลี่ยนสำคัญของเรซเกิดขึ้นในช่วง 3 รอบสุดท้าย เมื่อคู่แข่งลุ้นแชมป์พลาดชนกันเองในโค้งสุดท้าย ขณะ รัฐพงษ์ อาศัยความเก๋าเอาตัวรอดมาได้ ก่อนบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกประเดิมชัยชนะแรกในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนาม 3 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ส่วนอันดับ 2 เป็นของ คณาทัต ตามหลังแชมป์ 2.048 วินาที ตามด้วย วรพงศ์ มาลาหวล ทีมเมทจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด อันดับ 3 ทำให้เกมในเรซนี้ทัพรถแข่งยามาฮ่า R6 ผงาดโพเดี้ยมได้ทั้งหมดส่วนดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า ทีเอส เรซซิ่ง ทีม อย่าง กฤตภัทร เขื่อนคำ #32 วัย 15 ปี และ นิติพงษ์ แสงสว่าง #33 วัย 18 ปี สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการนำรถแข่งเข้าป้ายในอันดับ 4 และ 9 ตามลำดับ

สำหรับ ศึก โออาร์ บีอารืไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนามถัดไปซึ่งเป็นเรซสุดท้ายของปี จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจนักบิดยามาฮ่าได้ที่ Facebook : Yamaha Society Thailand

#YamahaThailandRacingTeam

“ก้อง-สมเกียรติ” พลาดแต้มเฉียดฉิวที่สเปน

ดาวรุ่งนักบิดชาวไทยวัย 21 ปี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พลาดแต้มสำคัญที่คาตาลุนญ่าอย่างน่าเสียดาย หลังเร่งเครื่องแซงคู่แข่งขยับตำแหน่งขึ้นมาถึงอันดับที่ 17 ทว่าท้ายเกมพลาดล้มช่วง 2 รอบสุดท้าย ไม่จบการแข่งขันศึกโมโตทู สนาม 9 ที่ประเทศสเปนยอดนักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์กรังปรีซ์ รุ่นโมโตทู พัฒนาผลงานได้ต่อเนื่องตลอดสัปดาห์การแข่งขันที่สนามเซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า โดยรอบชิงชนะเลิศแม้ว่าได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 26 แต่เจ้าตัวสามารถไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาได้ถึงอันดับที่ 17 ทว่าน่าเสียดายเสียจังหวะพลาดหลุดโค้งในช่วงกลางเรซ ก่อนที่ 2 รอบสุดท้ายขณะเร่งสปีดเพื่อไต่อันดับขึ้นมาจะพลาดล้มอีกครั้ง อดลุ้นแต้มอย่างน่าเสียดาย

เจ้าของหมายเลข 35 สังกัดทีมแข่ง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กล่าวหลังจบเกมว่า “น่าเสียดายมากครับ และต้องขอโทษทีมงานทุกคนที่ตั้งใจเซตอัพรถแข่งให้ออกมาดีที่สุด ระหว่างแข่งขันผมรู้สึกว่ารถมีความสมบูรณ์แบบมาก ซึ่งเวลาต่อรอบของผมก็เร็วขึ้นด้วย” “หลังออกสตาร์ทผมมั่นใจว่าสนามนี้จะสามารถเก็บแต้มได้ แต่แล้วช่วงกลางเรซตัวเองกลับทำพลาดในโค้งที่ 7 ทำให้เสียเวลาไปมาก หลังจากนั้นผมพยายามจะเร่งความเร็วเพื่อทวงอันดับคืนมา แต่ด้วยความที่เร่งมากเกินไป ช่วงท้ายก็พลาดอีกครั้ง ทำให้ไม่จบการแข่งขันสนามนี้ อย่างไรก็ตาม ฝากแฟนชาวไทยส่งกำลังใจเชียร์ผมและทีมงานสำหรับการแข่งขันสนามต่อไปด้วยครับ” ศึกโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนามถัดไปเตรียมจัดขึ้นในวันที่ 9-11 ตุลาคมนี้ ที่เลอมังส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ในรายการ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์

 

ธีระ เสร็จธุระ ควบยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ ผงาดครองแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2020

คว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งเอเชียน บีช เกมส์ มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ( คนที่ 3 จากซ้าย )ร่วมแสดงความยินดีกับ ธีระ เสร็จธุระ #52 นักแข่งสังกัดทีม ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ ไทยแลนด์ทีม ที่ควบ ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ รุ่น เอฟแซดอาร์ เอสวีเอชโอ คว้าแชมป์ประจำปี 2020 ในรุ่น โปร-แอม รันอเบาท์ ลิมิเต็ด ในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2020 อย่างยิ่งใหญ่ โดยธีระ เสร็จธุระ #52 สามารถคว้าชัยชนะได้ในการแข่งขันทำคะแนนสะสมเหนือคู่แข่ง พร้อมคว้าสิทธิ์การเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันรายการ เอเชียน บีช เกมส์ 2020 ณ เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 2 – 10 เมษายน 2564 โดยการมอบรางวัลแชมป์ประเทศไทยมีขึ้น ณ สนามแข่งเรือสามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้

BMW M1000RR อัพเลเวล 212 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีจากสนามแข่งระดับโลก

ค่ายตราพัดประกาศเป็นที่แน่ชัดแล้ว จัดหนักจัดเต็มกับเวอร์ชั่นใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์ล่าสุด กับรหัส “M” เพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถ และสมรรถนะเทคโนโลยี ความเร็ว ความแรง ด้วยการอัพเกรดจาก S1000RR เป็น M1000RR

ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมกับชุดแฟริ่ง M Sport ลวดลายใหม่ แต่ยังคงใช้สีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำค่ายกันระหว่าง สีฟ้า สีน้ำเงิน และ สีแดง บนสีพื้นที่เป็นสีขาว นอกจากนี้มีการเพิ่มรายละเอียด โดยมีส่วนครอบที่เป็น M Carbon เพื่อเน้นให้เห็นถึงความดุดัน และสปอร์ตมากยิ่งขึ้น วิงเล็ท เทคโนโลยีหลักอากาศพลศาสตร์จากสนามแข่ง ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งที่บริเวณด้านข้าง ช่วงหน้าของตัวรถ ซึ่งข้อดีของวิงเล็ทก็คือ ช่วยการยุบตัวจากแรงกดจากการใช้เบรกหนักเบรกจะทำให้การคอนโทรลรถในการเข้าโค้งในความเร็วได้เสถียรมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้ระบบ Traction Control ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ใช้เครื่องยนต์ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก S1000RR แบบ 4 สูบเรียง 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่มีการปรับเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่มากยิ่งชึ้นด้วยใช้เทคโนโลยี ShiftCam วาล์วแบบแปรผัน ด้วยสปริงวาล์วไอเสียที่ช่วยให้เหมาะกับรูปแบบการขับขี่ โดยสามารถรีดแรงม้าสูงสุด 212 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ/นาที และความเร็วรอบสูงสุดเพิ่มไปถึง 15,100 รอบ โหมดการขับขี่มีทั้งหมด 4 โหมดมาตรฐาน ได้แก่ Rain, Road, Dynamic และ Race ยังไม่หมดแค่นั้นยังมาพร้อมกับโหมด Race Pro ที่ตั้งค่าเองได้อีก 3 โหมด และให้รอบเครื่องยนต์ที่ต่อเนื่องด้วยระบบควิกชิฟเตอร์ อัพ และ ดาวน์

นอกจากนี้ M1000RR อัพเกรดเทคนิคพิเศษเข้าไปในขบวนการสร้างพละกำลัง มีการปรับแต่งห้องเผาไหม้ใหม่ รวมไปถึงการใช้ แหวนลูกสูบฟอร์จ ก้านสูบไทเทเนียม ที่เบาขึ้นและยาวขึ้น ทำให้อัตราส่วนของกำลังอัดเพิ่มเป็น 13.5:1 จากเดิมอยู่ที่ 13.3:1 ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีพลังยิ่งขึ้น ในช่วงรอบ 6,000 ถึง 15,100 รอบ ให้การขับขี่ที่ลื่นไหลมากขึ้น ชุดเกียร์บล็อค 6 สปีด และระบบคลัทช์มี anti-hopping ป้องกันการืกระโจนล้อลอยระหว่างออกตัว

แชสซี มีการปรับปรุงจาก S1000RR  เฟรมอลูมินัมได้รับการปรับแต่งให้มีความเหมาะสมกับขับขี่ในสนามมากยิ่งขึ้น มุมเลี้ยวที่ดีขึ้น ฐานล้อมีความยาวขึ้นจากเดิม 56.7 นิ้ว เพิ่มมาเป็น 57.4 นิ้ว ก็คือในส่วนของสวิงอาร์มที่ยาวขึ้น โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ 45 มม. ปรับแต่งค่าของสปริงสตรัทใหม่ โดยออกแบบให้สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการขับขี่บนท้องถนนเช่นกัน

ระบบเบรกระดับไฮเอ็น ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์ โดยใช้ตัวคาลิเปอร์สีน้ำเงินพร้อมกับโลโก้ M เอกสิทธิ์เฉพาะของ BMW เหมือนกับที่ใช้ในมาตรฐายรถยนต์ของ BMW โดยพัฒนามาจากประสบการณ์ในสนามแข่ง จากการแข่งขันระดับโลก Superbike World Championship ให้ความเสถียร และควบคุมได้สูงสุด พร้อมกับใช้วงล้อคาร์บอนที่เบากว่า 1.6 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักโดยรวมของตัวรถอยู่ที่ 191 กิโลกรัม ท่อไอเทีย BMW M1000RR ใช้ท่อไอเสียที่ทำจากวัสดุไทเทเนียม และยังคงใช้แบรนด์ของ Akrapovic ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 7.8 กิโลกรัม ขณะที่ของเดิมกับรถ S1000RR นั้นมีน้ำหนัก 11.4 กิโลกรัม

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นด้วยหน้าจอ TFT 6.5 เพิ่มรูปแบบการแสดงผล และระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเก็บข้อมูลเวลาการขับขี่ พิเศษของ M เข้าไป เพิ่มตัวจับเวลาอย่าง M GPS แล็ปทริกเกอร์ และดาต้าล็อกเกอร์เข้าไปผ่านระบบการเชื่อมต่อ OBD ช่วยเก็บข้อมูลเวลาการขับขี่ในสนามเพื่อใช้ในการพัฒนารถและเทคนิกของผู้ขับขี่ได้ ระบบโมลดอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็ให้มาแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น ABS, traction control, Engine braking level และ wheelie control รวมไปถึงการเพิ่มระบบจำกัดความเร็วในพิทเลน, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน และ BMW’s Shift Assistant Pro

สำหรับโมเดลนี้ BMW Motorrad ประเทศไทยคาดว่าน่าจะนำมาจำหน่ายในไทยใน 2021 แต่เรื่องของราคานั้นบอกเลยว่าสมราคา 7 หลักแน่นอน ออพชั่นมาเต็มขนาดนี้พร้อมสำหรับการแข่งขันในเซอร์กิตเลย…นะจ๊ะ

 

 

All new NMAX 155 การตกแต่งในคอนเซ็ปท์ Sport Premium

ผลงานการตกแต่งจากร้าน Note Kevlar ร่วมกับ Banz Racing ภายใต้คอนเซ็ปท์สปอร์ตพรีเมี่ยมทำทั้งทีต้องจัดให้สุด!!!  ยามาฮ่า NMAX155 โฉมใหม่นี้ เป็นรถออโตเมติกที่มีความเป็นพรีเมี่ยม จึงมีการเล่นสีโทนดำผสานกับคาร์บอนเคฟล่าร์ของแท้ เพื่อให้ดูสวยคมดูหรูหรามากยิ่งขึ้น และยังเสริมของแต่งมาแบบจัดเต็มด้วยครอบสวิทช์กุญแจคาร์บอน
ปิดฝาถังลายคาร์บอน ปิดใต้เบาะคาร์บอน ครอบกรองคาร์บอน รวมถึงครอบแคร้งก์คาร์บอนด้วยเช่นกัน และยังเสริมความเท่ด้วยการติดฟิล์มสีสโมคที่ชุดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ชิวหน้าแบบแต่ง  เปลี่ยนโช้คอัพหน้า-หลังใหม่ โดยโช้คหน้าเป็นแบบอัพไซค์ดาวน์ ส่วนโช้คหลังใช้รุ่นG-Sport ของ YSS เปลี่ยนปั้มเบรกบน เบรกหน้าเบรกหลังใหม่รวมถึงเปลี่ยนจานดิสก์ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งจะต้องทำการแปลงขาปั้มหน้าและหลัง กลึงแม็กเพื่อใส่จานดิสก์และเพิ่มบูทล้อหน้า ในส่วนของแฮนด์เดิ้ลบาร์ได้แปลงและใส่แฮนด์แบบคาร์บอน
เปลี่ยนสายน้ำมันเบรกเป็นสายแต่ง กระจกติดปลายแฮนด์แต่ง ส่วนเบาะนั่งใส่เบาะใหม่ทรงสปอร์ต ติดที่วางเท้าแต่งใหม่ และเปลี่ยนที่วางเท้าคนซ้อนแบบแต่ง ท่อไอเสียแต่งคาร์บอนพร้อมคอท่อแบบแสตนเลส และในส่วนของน๊อตตามจุดต่างๆเป็นน๊อตแต่งทั้งหมด เรียกได้ว่าเติมความเฟี้ยวให้กับ  All new NMAX 155  ให้ดูซูเปอร์พรีเมียร์มากยิ่งขึ้นจากเดิม

2021 KTM 300 XC TPI

ความดุดันที่ถ่ายทอดคุณสมบัติต่างๆมาจากรถสูตร แต่ได้มีการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ และแรงบิดเสริมเข้าไปจากพื้นฐานเดิมของความเป็นรถสูตร รวมทั้งการเพิ่มคุณสมบัติในการขับขี่ด้วยระยะทำการที่ไกลขึ้นโดยการติดตั้งถังเชื้อเพลิงที่มีความจุเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนวงล้อหลังเป็นขนาด 18 นิ้ว เพื่อให้รองรับยางได้หลากหลายขึ้น จากรายละเอียดที่เพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆจนในที่สุดก็ได้รถวิบากที่เพียบพร้อมสำหรับการใช้งานในฐานะรถแข่ง cross country racer ที่มาพร้อมกับ 300XC TPI จาก KTM

ต้องยอมรับว่า KTM ยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ค่ายรถที่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องยนต์สองจังหวะอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น 300XC TPI จึงเป็นรถที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถในพิกัดและประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาดเวลานี้ ด้วยแรงบิดที่มีมานั้นยากที่จะมีคู่แข่งเทียบเคียง เช่นเดียวกับโครงสร้างตัวรถโดยรวมที่มีน้ำหนักเบาคล่องตัว เช่นเดียวกับที่มีกำลังเครื่องยนต์ที่มากพอสำหรับทำหน้าที่ในฐานะรถแข่ง จนเป็นที่ยอมรับว่า นี่คือรถแข่งในแบบ cross country เครื่องยนต์สองจังหวะ ที่พร้อมบุกตลุยไปบนทุกสภาพพื้นผิวแบบไม่กลัวอุปสรรคใดใด

และในโมเดลล่าสุด ได้เติมรหัส TPI ต่อชื่อรุ่นเพื่อแสดงถึงความล้ำสมัยในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจ่ายเชื้อเพลิงของหัวฉีดที่ระบบจะทำการปรับเปลี่ยนอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงและการควบคุมค่าไอเสีย ที่จะปรับตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนการ pre-mixing fuel และ re-jetting ซึ่ง TPI หรือ Transfer Port Injection system นี้จะมีส่วนสำคัญให้เครื่องยนต์มีการส่งกำลังที่นุ่มนวลสม่ำเสมอควบคุมง่าย

ไฮไลท์ที่มีการพัฒนามาใหม่สำหรับโมเดลล่าสุดของ KTM 300XC TPI อันดับแรกเลยก็คือ การปรับสีสันกราฟฟิคใหม่ และที่กล่าวไปแล้วก็คือ TPI หรือ Transfer Port Injection ที่ช่วยให้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลถึงขั้นตอนการผสมเชื้อเพลิง หรือการปรับเซ็ทค่านมหนูใดๆเช่นอดีต นอกจากนี้ได้มีการติดตั้ง เซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ new ambient air pressure sensor ที่จะมีส่วนสำคัญต่อการป้อนปริมาณอากาศที่เหมาะสมให้กับแต่ละสภาพอากาศหรือแต่ละสภาพพื้นที่ อันจะมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์สองจังหวะ ขนาด 293.2 ซีซี ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาระบบไอเสียใหม่ ด้วย new exhaust system ทั้งระบบ

ขณะที่ส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้นมาด้วยพื้นฐานเฟรมไฮเทคน้ำหนักเบาแบบ Chrome-moly steel frame พร้อมด้วยสวิงอาร์มชิ้นเดียวแบบ single-piece cast aluminium swingarm และแน่นอนว่าระบบกันสะเทือนนั้นต้องเป็นของ WP โดยกันสะเทือนหลังเป็น new WP XACT rear shock ที่เซ็ทติ้งมาใหม่พร้อมด้วย new compression adjuster ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็น new WP XACT front fork ที่ทำการเซ็ทติ้งใหม่ พร้อมเปลี่ยน new fork piston ซึ่งตัวรถ 2021 KTM 300XC TPI

ข้อมูลเบื้องต้นดังนี้

ENGINE
• TRANSMISSION 6-speed
• STARTEREl ectric starter
• STROKE 72 mm
• BORE 72 mm
• CLUTCH Wet, DDS multi-disc clutch,
Brembo hydraulics
• DISPLACEMENT 293.2 cm³
• EMS Continental EMS
• DESIGN 1-cylinder, 2-stroke engine
CHASSIS
• WEIGHT (WITHOUT FUEL) 101.3 kg
• TANK CAPACITY (APPROX.) 8.5 l
• FRONT BRAKE DISC DIAMETER 260 mm
• REAR BRAKE DISC DIAMETER 220 mm
• FRONT BRAKE Disc brake
• REAR BRAKE Disc brake
• CHAIN 5/8 x 1/4”
• FRAME DESIGN Central double-cradle-type 25CrMo4 steel
• FRONT SUSPENSION WP XACT-USD, Ø 48 mm
• GROUND CLEARANCE 370 mm
• REAR SUSPENSION WP XACT Monoshock with linkage
• SEAT HEIGHT 950 mm
• STEERING HEAD ANGLE 63.9 °
• SUSPENSION TRAVEL (FRONT) 310 mm
• SUSPENSION TRAVEL (REAR) 300 mm

2021 Yamaha YZ450F

สเต็ปถัดมาสำหรับการพัฒนาของ 2021 YZ450F ที่ใช้คำว่า Tune into Victory หลังจากที่โมเดลก่อนหน้านี้ ได้ทำการพัฒนาครั้งใหญ่ให้กับ 2020 YZ450F ที่มีการอัพเดททั้ง engine cylinder head,frame รวมถึงการอัพเกรดเทคโนโลยีในส่วนต่างๆ ที่มีส่วนให้บรรลุเป้าหมาย more powerful และ better handling กล่าวคือ มีกำลังเพิ่มขึ้น ควบคุมได้ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อมาถึง 2021 YZ450F นี้ ทาง Yamaha จึงใช้คำว่า การปรับจูนเพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะนั่นเอง

แนวความคิดในการออกแบบเครื่องยนต์ที่กะทัดรัดซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาไปสู่รุ่นอื่นๆของรถวิบาก Yamaha ที่ได้จาก YZ450F นี้ ส่วนหนึ่งก็คือ แนวทางการออกแบบ more compact rearward-slanted cylinder ที่นอกจากเครื่องยนต์ที่กะทัดรัดแล้วก็ยังออกแบบให้เอียงไปด้านหลังสามารถจัดการตำแหน่งจัดวางและพัฒนาเรื่องของสมดุลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็น่าจะกล่าวได้ว่า YZZ450F อัพเกรดได้ลงตัวตามเป้าหมายตั้งแต่โมเดลจากปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในปี 2021 จึงเพียงแค่ปรับจูนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละสนาม

แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นไฮไลท์ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้ก็คือ Yamaha Power Tuner App ที่ได้พัฒนาด้วยการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นสำหรับการปรับจูนรถแข่งอย่างง่าย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ด้วยการนำ GYTR Power Tuner มาพัฒนาลงอุปกรณ์สมาร์ทโฟนทั้งแบบ IOS และ Android ด้วยการเชื่อมต่อผ่านไวเลส ช่วยให้รถสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเซ็ทค่า air/fuel mixture และ ignition timing maps เพื่อทำการเลือกปรับเซทสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้เหมาะสมกับสภาพสนามรวมทั้งบันทึกข้อมูล หรือดูข้อมูลต่างๆได้อย่างมากมายผ่านสมาร์ทโฟนด้วยการใช้ power tuner app นี้ ขณะเดียวกันก็ยังคงมีสวิตซ์ปรับเปลี่ยนเลือกโหมดอย่างง่ายๆให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ด้วยการกดปุ่มที่ติดตั้งบนแฮนเดิ้ลบาร์ โดยโหมดที่เลือกใช้นั้นจะมาจากค่าแมปที่ที่โหลดไว้ก่อนแล้วผ่านจากการเซ็ทผ่าน power tuner app สำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบสตาร์ทไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้ำหนักเบา ความจุที่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้งาน ด้วย ultra lightweight four cell lithium-ion battery นอกจากการเน้นด้านเพอร์ฟอร์ม้านซ์ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่โมเดลที่ผ่านมาแล้ว ในส่วนของระบบเบรกสำหรับ 2021 YZ450F โมเดลล่าสุดนี้ ได้ปรับมาเป็นจานดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น new braking systems จานดิสก์หน้าขนาด 270 มม.พร้อมรองรับกับคาลิเปอร์หน้าที่แข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นด้วยผ้าเบรกที่เปลี่ยนวัสดุใหม่ ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับชุดคาลิเปอร์หลังที่กะทัดรัดทรงพลังมาพร้อมกับจานดิสก์ขนาด 240 มม. ซึ่งออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีขณะใช้งาน

พร้อมกันนี้ 2021 YZ450F นอกจากเวอร์ชั่นมาตรฐานแล้ว ยังมีเวอร์ชั่นพิเศษ ออกมาควบคู่กันด้วย 2021 YZ450F Monster Energy Yamaha Racing Edition ที่จะโดดเด่นด้วยลวดลายสีสันกราฟฟิคของรถแข่งในแบบเดียวกับทีมแฟคทอรี่ โดย Monster Energy Yamaha Racing Edition นี้ก็คือ การใช้ลวดลายกราฟฟิคของ YZ450F แบบเดียวกับ Yamaha ทีมแฟคทอรี่

สเปคพื้นฐานของตัวรถมีดังนี้

Engine type : 4-stroke;liquid-cooled; DOHC;4-valves;rear ward
slanting single cylinder
Displacement: 450cc
Bore x stroke : 97.0 mm x 60.8 mm
Compression ratio : 13.0 : 1
Lubrication system : Wet sump
Clutch Type : Wet;Multiple Disc
Ignition system: TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh;5-speed
Final transmission : Chain
Carburettor : Fuel Injection
Frame : Semi double cradle
Caster Angle 26º55
Trail 120mm
Front suspension system : Upside-down telescopic fork
Rear suspension system : Swingarm;(link suspension)
Front travel: 310 mm
Rear Travel: 317 mm
Front brake : Hydraulic single disc, Ø270 mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø240 mm
Front tyre : 80/100-21 51M
Rear tyre : 110/90-19 62M
Overall length 2,185 mm
Overall width 825 mm
Overall height 1,285 mm
Seat height 965 mm
Wheel base 1,485 mm
Minimum ground clearance: 330 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 112 kg
Fuel tank capacity : 6.2litres
Oil tank capacity : 0.90litres