








สเต็ปแรกสำหรับการก้าวสู่ระดับอาชีพในฐานะนักแข่งวิบาก KTM เขาว่ามาอย่างนั้น สำหรับคำจำกัดความของ KTM 125SX ที่จั่วหัวว่า Kickstart your MX racing career
นี่คือรถโมโตครอสที่มีขนาดกระทัดรัดและน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่มรถ full-size bike ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ที่มีน้ำหนักเบามากเมื่อผสานกับเครื่องยนต์พร้อมแข่งขนาด 125 ซีซี แบบสองจังหวะก็สามารถเร่งเร้าพลังความกระหายชัยชนะให้กับนักแข่งวัยรุ่น ที่พร้อมเค้นสมรรถนะที่สามารถทะยานพุ่งไปได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วเฉียบคมทุกจังหวะการขับขี่
องค์ประกอบแรกที่ KTM กล่าวถึง คือ ระบบไอเสียที่ชุดท่อไอเสียได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมทั้งระบบ อีกทั้งปรับรูปทรงให้เหมาะสมกับมิติของตัวรถ อีกทั้งจำกัดระดับมาตรฐานไอเสียตามข้อกำหนดในกติกาของสนามแข่งขององค์กรควบคุมอย่าง FIM และแน่นอนว่าระบบไอเสีย รวมทั้งท่อไอเสีย มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมขึ้น พร้อมเค้นสมรรถนะมาอย่างเต็มกำลัง
ด้วยปริมาตรเครื่องยนต์ขนาด 124.8 ซีซี จากระยะช่วงชัก 54.5 มม. และขนาดกระบอกสูบ 54 มม. พร้อมที่จะส่งพลังขับเคลื่อนออกมาเต็มพิกัดในระดับเครื่องยนต์ของ 125SX ที่มีระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีด พร้อมคลัทช์ แบบ Multi-plate clutch,Brembo hydraulics นี่คือรถที่มีอัตราส่วนระหว่างกำลังต่อน้ำหนักอยู่แถวหน้าของคลาสนี้
ในช่วงต้นจะกล่าวถึงระบบไอเสียที่ออกแบบท่อใหม่แล้ว ในส่วนของระบบไอดีนั้นก็ได้มีการพัฒนาในส่วนของ Airbox เพื่อให้สามารถป้อนอากาศหรือออกแบบให้มีอากาศไหลเวียนเข้าไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นใน KTM125SX นี้จึงออกแบบ Airbox รวมทั้ง intake snorkels หรือท่อทางเดินอากาศ ให้สามารถป้อนอากาศได้ดีกว่าเดิม รวมถึงมีการใช้กรองอากาศขนาดใหญ่ ที่นอกจากมีขนาดที่ใหญ่เพื่อการไหลเวียนที่ดีแล้ว ยังจำเป็นต้องออกแบบให้มีการป้องกันสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ข้อมูลตัวรถ มีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
ENGINE
TRANSMISSION 6-speed
STARTER Kickstarter
STROKE 54.5 mm
BORE 54 mm
CLUTCH Multi-plate clutch, Brembo hydraulics
DISPLACEMENT 124.8 cm³
EMS Kokusan
CHASSIS
WEIGHT (WITHOUT FUEL) 87.5 kg
TANK CAPACITY (APPROX.) 7.5 l
FRONT BRAKE DISC DIAMETER 260 mm
REAR BRAKE DISC DIAMETER 220 mm
FRONT BRAKE Disc brake
REAR BRAKE Disc brake
CHAIN 5/8 x 1/4”
FRAME DESIGN Central double-cradle-type 25CrMo4 steel
FRONT SUSPENSIONWP XACT-USD, Ø 48 mm
GROUND CLEARANCE 375 mm
REAR SUSPENSIONWP XACT Monoshock with linkage
SEAT HEIGHT 850 mm
STEERING HEAD ANGLE 63.9 °
SUSPENSION TRAVEL (FRONT) 310 mm
SUSPENSION TRAVEL (REAR) 300 mm
ถึงคราวอัพเดทยักษ์ใหญ่สายทัวร์ริ่งประจำค่าย Honda อย่าง รถในรหัส GL1800 ที่มีการขยับไลน์อัพโมเดล 2021 ในเบื้องต้น ส่งออกมาสองเวอร์ชั่น คือ GL1800 GoldWing กับ GL1800 GoldWing Tour
โดยตัวแรก GL1800 Gold Wing จะมาพร้อมกับเฉดสีแบบ contemporary new colour scheme หรือโทนสีแบบร่วมสมัย ขณะที่ GL1800 Gold Wing Tour ได้รับการปรับเสริมเติมแต่งเพิ่มออพชั่นเข้าไปเพื่อให้มีขีดความสามารถในการใช้งานเดินทางไกลได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น และทั้งสองโมเดลต่างก็จะได้รับการอัพเกรดในส่วนของระบบเครื่องเสียงด้วยกันทั้งคู่
โดยรวมแล้วก็น่าจะกล่าวว่าเป็นการปรับในแบบไมเนอร์เชนจ์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับเจ้า GL1800 ยักษ์ใหญ่จากค่ายฮอนด้า ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวมาแม้จะเป็นการปรับเสริมในแบบไมเนอร์เชนจ์ก็ตามที ซึ่งในปีนี้ตามแพลนของตลาดยุโรปนั้น จะมีส่งออกมาจากไลน์การผลิตทั้งสิ้นยี่สิบสี่รุ่น นั่นเอง
แม้จะมีสองเวอร์ชั่นหลักตาที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีรายละเอียดย่อยในแต่ละเวอร์ชั่นออกมา คือ Gold Wing สแตนดาร์ด กับ Gold Wing DCT และ เวอร์ชั่น Tour นั้นก็จะมี Gold Wing Tour-Gold Wing Tour DCT-และ Gold Wing Tour DCT Airbag ตามลำดับ ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดสเปคให้มาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ตามที่กล่าวไปแล้ว ว่านี่คือไมเนอร์เชนจ์ ดังนั้นคงไม่มีแตกต่างจากโมเดลก่อนหน้านี้เท่าไรนัก
เป็นอีกค่ายที่ไม่ค่อยจะให้รายละเอียดตัวรถ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นพิเศษที่ขยันส่งออกมามากมายหลากรุ่น ใช่แล้ว MV Agusta จากอิตาลี ที่ประกาศผลิต Limited Edition ล่าสุดออกมา ทั้งที่เพิ่งจะส่ง เวอร์ชั่นครบรอบ 75 ปี ออกมาก่อนหน้านี้
และนี่คือเวอร์ชั่นพิเศษ ที่ MV Agusta จะผลิตออกมาจำกัด 110 คัน กับการแตกย่อยมาจากรุ่น Superveloce โดยเวอร์ชั่นนี้ได้จับมือกับผู้ผลิตรถสปอร์ตและพาร์ทคิทสำหรับการแข่งขันจากฝรั่งเศษอย่างแบรนด์ Alpine โดยพื้นฐานเครื่องยนต์จะเป็น เครื่องยนต์สามสูบแถวเรียงของ MV Agusta ที่มีขนาดกำลัง 147 แรงม้า ซึ่งสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 240 กม. ต่อ ชม. โดยจะเสริมแต่งชิ้นส่วนที่พัฒนามาตามแบบฉบับรถสปอร์ตจาก Alpine A110 ซึ่งรายละเอียดไม่มีอะไรมากนัก นอกจากไฟล์ภาพที่ได้รับมา ดังนั้น เรามาชมโฉมของ MV Agusta Superveloce Alpine ที่มีผลิตออกมา 110 คัน
ครั้งที่แล้วได้นำเสนอ Superveloce ตัวฉลองครบรอบ 75 ปีไป ถ้าคิดว่า ค่าตัวของเวอร์ชั่นนั้น อยู่ที่ 25,000 ยูโร แพงแล้วล่ะก็ ยังคงห่างชั้นจาก Al[ine Edition คันนี้ ที่มาพร้อมกับราคาเบ็ดเสร็จที่ 36,000 ยูโร แต่ไม่ต้องคิดมาก เพราะยอดจำหน่าย “ครบจำนวนเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมส่ง Yamaha GT125 ใหม่! New Generation of Torque เฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ…จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก ออโตเมติกหัวฉีด 125 ซีซี ดีไซน์สปอร์ต สีสันใหม่โฉบเฉี่ยวเร้าใจ ออกตัวแรง ขี่สนุก คล่องตัวกว่า ด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ บิดเร่งเร้าใจ…สไตล์วัยมันส์ และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร* ต้องยามาฮ่าเท่านั้น!
Yamaha GT125 ใหม่! จัดจ้านเร้าใจ สีสันใหม่ สไตล์สปอร์ตเมติก มาพร้อมเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี เทคโนโลยีแห่งความแรงและประหยัด ออกตัวแรง อัตราเร่งดีด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ประหยัดน้ำมัน พัฒนาให้การเผาไหม้ได้สมบูรณ์กว่า ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
ก็ฮือฮาไปพักใหญ่กับการประกาศยุติบทบาทในฐานะตัวแทนจำหน่าย Ducati ในประเทศไทย ของกลุ่มธุรกิจยานยนต์ชั้นนำของไทย ส่วนจะเป็นใครมารับช่วงต่อนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งก็คงต้องทำการบ้านหนักไม่น้อยสำหรับการรับช่วงดูแล Ducati ในประเทศไทย
เอาล่ะก็มาที่ทางฝั่งบริษัทแม่เองก็ได้เดินหน้า ส่งรถโมเดลใหม่ออกมาเช่นเคย และหนึ่งในไลน์อัพก็คือ สปอร์ตครุยเซอร์ที่ต้องขออนุญาติกล่าวว่า ไปได้ไม่ค่อยสวยนักในบ้านเรา แต่เอาน่า เขาก็มีกลุ่มนิยม ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพัฒนาออกมาจำหน่ายในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กับ Ducati Diavel 1260 ที่ส่งออกมาสามเวอร์ชั่น คือ Diavel1260 – Diavel1260 S – Diavel 1260 Lamborghini สามโมเดล ที่มาพร้อมกับการแบ่งรายละเอียดการวางจำหน่ายในแต่ละซีกโลกเป็นสามโซน คือ ในกลุ่มประเทศที่ใช้มาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 ในกลุ่มประเทศ สหรัฐอเมริกา,แคนาดา,เม็กซิโก และ โซนที่สาม คือ ประเทศอื่นที่ไม่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวทั้งสองโซนที่กล่าวถึง ความต่างกันในแต่ละโมเดลจากทั้งสามโซนนั่นก็คือ เลเวลของแรงม้า หรือกำลังเครื่องยนต์ ที่ในโซนแรกนั้นจะมีกำลัง 162 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ ต่อนาที ในโซนถัดมา จะมีกำลัง 157 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ ต่อ นาที และ โซนสุดท้าย จะมาพร้อมกับกำลัง 159 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ ต่อ นาที นั่นหมายความว่า ถ้าคุณนำเข้ารถเองโดยผ่านผู้นำเข้าอิสระก็ต้องดูว่ารถนั้นมาจากโซนไหน สำหรับเลเวลของกำลัง 157-162 แรงม้า
แต่พื้ฐานเครื่องยนต์ทั้งสามโซนนั้นเป็นสเปคเดียวกัน ด้วย Testastretta DVT 1262 V2-90 องศา สี่วาวล์ ต่อ สูบ Desmodromic Variable Timing , Dual Spark ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมปริมาตรความจุเครื่องยนต์ ขนาด 1,262 ซีซี ที่มีอัราส่วนกำลังอัด 13.0:1 และมีแรงบิตเท่ากันที่ 13.2 กม. หรือ 129 Nm ที่ 7,500 รอบ ต่อนาที ซึ่งรายละเอียดพื้นฐานของทั้งสามโมเดลนั้น เราได้นำมาลงไว้ด้านท้ายให้ได้ดูกัน และที่ Riding เราค่อนข้างจะสนใจก็คือ เวอร์ชั่นที่น่าจะเรียกว่าพิเศษ อย่าง Lamborghini Edition ที่เป็นการร่วมมือยินยอมพร้อมใจ ของสองค่ายชั้นนำในแวดวงยานยนต์ จากอิตาลีที่จะส่ง DUCATI DIAVEL 1260 LAMBORGHINI ออกมาสู่ตลาดทั่วโลกจำนวนจำกัดที่ 630 คัน
โดยในการออกแบบนั้น ทาง Ducatiได้นำแนวคิดของการออกแบบรถยนต์ของ Lamborghini มาเป็นพื้นฐานในการแต่งแต้มเสริมความเป็นสปอร์ตของ Diavel เวอร์ชั่นพิเศษนี้ เอาสั้นๆ ก็คือหยิบคอนเซ็ปท์การออกแบบรถยนต์รุ่น Sian FKP7 มาถ่ายทอดลงบน Diavel ด้วยวัสดุชั้นยอด แข็งแกร่ง และเบา ไม่ว่าวงล้อแบบ forged wheels ชิ้นส่วนจากคาร์บอยไฟเบอร์ รวมทั้งการเลือกโทนสี Gea Green กับ Electrum Gold แบบที่ทางฝั่ง Sant’Agata Bolognese หรือทาง โรงงาน Lamborghini ใช้กับรถรุ่นพิเศษอย่าง Sian FKP37 ที่ออกมาในวาระพิเศษ พร้อมทั้งใส่หมายเลข 63 เพื่อระลึกถึงการก่อตั้งของโรงงาน Lamborghini ในปี 1963 และเมื่อผลิต ทาง Ducati จึงจำกัดไว้ที่ 630 คัน
นอกจากเครื่องยนต์ Ducati แบบ Testastretta DVT 1262 engine ที่ใช้กับสามโมเดลดังกล่าว ที่แยกจากไลน์อัพอื่นในตระกูล Diavel ด้วยกันแล้ว เจ้า Lamborghini Edition ยังเสริมด้วยชิ้นส่วนพิเศษ พาร์ทพิเศษ รวมทั้ง ระบบอิเล็คทรอนิคส์เพิ่มเติมพิเศษบางจุด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมซีรีส์ 1262 engine ที่มาพร้อมมาตรฐานในเลเวลเดียวกันอย่าง Trellis tubular steel frame Aluminium single-sided swingarm หรือ ชุดเบรก Brembo brakes with 320 mm diameter front discs and M50 monobloc calipers, 265 mm diameter rear disc เช่นเดียวกับชุดไฟ LED ทั้ง Front headlight with DRL and LED lighting system เช่นเดียวกับจอแสดงผลหรือเรือนไมล์แบบ Colour TFT instrumentation และแน่นอนว่าพื้นฐานหรือหัวใจสำคัญของรถจักรยานยนต์ยุคใหม่ต้องมาพร้อมกับระบบอิเล็คทรอนิคส์ชั้นยอด หรือ Electronic package ที่มีมาให้อย่าง Bosch 6-axis Inertial Measurement Unit (6D IMU)Bosch Cornering ABS EVO, Ducati Traction Control (DTC) EVO, Ducati Wheelie Control (DWC) EVO, Ducati Power Launch (DPL) EVO, Cruise Control เป็นต้น ขณะที่โครงสร้างตัวรถนั้น ในส่วนของระบบกันสะเทือนจัดเต็มด้วย Fully adjustable 48mm diameter Öhlins front fork กับชุดหลังอย่าง Fully adjustable Öhlins shock absorber นอกจากนี้ก็มี Ducati Quick Shift up & down (DQS) EVO รวมทั้งความบันเทิงเริงรมย์ด้วย Ducati Multimedia System (DMS) ที่มีติดตั้งมาด้วย เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดตัวรถก็ตามที่กล่าวไว้ เรานำมาฝากกันทั้งสามเวอร์ชั่นกันเลย
เอาใจสายเดินทาง ใหม่ล่าสุดจากค่าย Benelli ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ TRK502X สายลุยในตระกูล TRK502 Series ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นของดีไซน์ และสีสัน เสริมความลงตัวให้ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองการขับขี่ของไบค์เกอร์ชาวไทยมากยิ่งขึ้น มาถึงเวอร์ชั่นที่ 2 ของรถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ของค่าย Benelli ที่จะมาเติมเต็มความสนุกเร้าใจ พร้อมตะลุยไปทุกเส้นทางกับ TRK502X ด้วยการปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับการใช้งานกับไบค์เกอร์มากที่สุด ตัวรถดีไซน์ด้วยเส้นสายแบบสปอร์ต ลายสติ๊กเกอร์ดุดัน คมเข้ม รู้สึกถึงการเดินทางผจญภัย วินชิลด์ทรงสูงโปร่งใสมองเห็นเด่นชัด ติดตั้งการ์ดแฮนด์สำหรับป้องกันการประแทก ปลอกแฮนด์บางแบบพิมพ์ลาย TRK ให้การจับกระชับมากขึ้น ก้านเบรกและก้านคลัทช์ เหรียญปรับระดับได้
ชุดแฟริ่งใหญ่ดูบึกบึนสไตล์ของรถแอดเวนเจอร์ แต่สามารถตัดอากาศได้ดี ข้างหน้ามีช่องดักอากาศเข้าไปช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ด้านข้างเสริมแคสบาร์เหล็กดัดเชื่อมกันล้ม ไฟหน้าพร้อมไปเดย์ไลท์ LED ไฟท้ายทับทิมแดงส่องสว่างด้วยหลอด LED 12 หลอด ถังน้ำมันขนาดใหญ่ความจุ 20 ลิตร ฟีเจอร์โดดเด่น จอแสดงผล ดิจิตอล มาพร้อมลายกราฟฟิกใหม่ ครบทุกฟังก์ชั่น สีสันชัดเจน รอบเครื่องยนต์เป็นเข็มแบบอะนาล็อค สวิตช์แฮนด์ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเรืองแสง ช่องเสียบชาร์จไฟ 5V 2A แบบ USB และมีฝายางปิดกันน้ำ ด้านท้ายเสริมแรคที่ทำจากโลหะผสมอลูมินั่มรองรับสำหรับออพชั่นเสริม เบาะนั่ง Low Seat เน้นสำหรับไบค์เกอร์ชาวไทยโดยเฉพาะ นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้าย
ในส่วนของเครื่องยนต์มีปริมาตรความจุ 499.6 ซีซี 2 สูบเรียง 8 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ แรงบิดสูงสุด 46 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที กำลัง 11.5:1 แรงม้าสูงสุด 48 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที สนุกไปกับอัตราทดเกียร์ 6 สปีด ท่อไอเสีย ออก 2 รวม 1 สวมด้วยปลายขนาดใหญ่วงล้ออลูมินั่มแบบซี่ลวด ข้างหน้า 19 นิ้ว วงล้อหลัง 17 นิ้ว ยางแบบดูโอเพอร์โพส แบบกึ่ง ได้ทั้งทางเรียบ และทางดินอัดแน่น
ยางหน้า 110/80-19 ยางหลัง 150/70-17 ระบบเบรกหน้า ดับเบิ้ลดิสก์เบรก 320 มม. คาลิเปอร์ 2 พอร์ท ดิสก์เบรกหลังจานเดี่ยว 260 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ซึ่งมาพร้อมกับระบบ ABS ทั้งหน้า และหลัง โช้คอัพหน้า Upside Down ขนาด 50 มม. โช้คอัพหลังเดี่ยวปรับตั้งค่าได้เต็มระบบ พรีโหลด รีบาวด์ และ คอมเพรสชั่น สวิงอาร์มเหล็กคู่แข็งแรง
สำหรับราคามี 2 เวอร์ชั่น สแตนดาร์ด 254,500 บาท มี 3 สี ขาว, เทา และ น้ำเงิน ตัวลิมิเต็ดเพิ่มออพชั่นกล่อง 3 ใบ 278,500 บาท มีสีเหลืองเท่านั้น และยังคงรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ความรู้สึกหลังจากการขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ Golf Riding
อะไรมันช่างใหญ่ขนาดนี้ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดมิดไซส์ ที่มีรูปร่างบึกบึนไปเทียบเท่ากับพี่ใหญ่ระดับ 1000 ซีซี อัพ แต่การดีไซน์ไม่ธรรมดาความเป็นสปอร์ต คมเข้ม ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เบาะนั่งกว้างและความสูงไม่มากคร่อมแล้วรู้สึกมั่นใจแม้จะประครองด้วยปลายเท้า น้ำหนัก 213 กิโลกรัม ทะลุเพดานของรถไซส์ใหญ่บางรุ่นไปเลย จะขยับโยก หรือ จูงเข็น ค่อนข้างยากสักนิด แต่มันก็มีข้อดีคือการทรงตัวนิ่ง และมั่นคง โดนลมปะทะแรงๆ แทบไม่ขยับ การซิกแซกก็ทำได้เยี่ยม แต่ถ้าเจอรถติดๆ ช่องเล็กๆ ก็ไปไม่ได้เหมือนกันเครื่องยนต์เน้นที่แรงทอร์ค แรงบิด ช่วงต้น และกลาง รู้สึกได้ในการออกตัวที่เร็ว รอบไม่ต้องใช้เยอะมาก 4-5,000 รอบ/นาที กำลังขี่สนุก เกียร์ 6 สปีด ได้สนุกกับช่วงเกียร์ 3-5 แต่เกียร์ 6 รอบจะตึงๆ มือ การบิดเร่งแซงสามารถเปิดคันเร่งได้เลย อาจจะรอรอบสักนิด ในรอบปลายลากกันยาวๆ ทะลุ 160 กม./ชม. เครื่องยนต์ยังแสดงถึงกำลังที่จะไปต่อ เพราะฉะนั้นสามารถปรับลดเพิ่มสเตอร์ได้ตามความเหมาะสมช่วงล่างหนึบพอตัวเลยทีเดียว ข้างหน้าโช้คอัพหัวกลับไม่ได้มาแต่ความสวยดูหรูพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ใช้งานดีเลยทีเดียว ระยะยุบอาจจะไม่เยอะให้พร้อมลุยทางขรุขระสักเท่าไหร่แต่ทางเรียบๆ นี่สิ แหม…มันดี โช้คอัพหลังเดี่ยวที่ปรับได้เต็มระบบ เดิมๆ ก็ทำงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความเหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคนก็ปรับได้เลยเบรก ที่ให้มาพร้อมกับระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น ข้างหน้าจานดิสก์คู่ 320 มม. แต่คาลิเปอร์ลดสเปคลงมาจากตัวเก่า จาก เรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท เป็นแบบ 2 พอร์ท แต่ก็เพียงพอสำหรับความเร็วของเครื่องยนต์ ดิสก์หลังก็ใช้งานได้ปกติทั่วไป ดอกยางไม่ได้ลึกมากการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปถือว่าเกาะถนนได้ดี แต่ถ้าลงดินแนะนำให้เป็นดินอัดแน่น หรือดินลูกรัง ถ้าเจอทรายหรือโคลนรับรองล้อฟรีแน่นอนถ้าจะว่าไปแล้วคาแรคเตอร์ของ TRK502X น่าจะไม่ค่อยเหมาะกับสายบิดทะลุทะลวง ที่ชอบความปี๊ดปร๊าดลากรอบยาวๆ เพราะเครื่องยนต์ของ TRK502X จะได้กำลังช่วงต้นกลางที่โดดเด่น ออกตัวเร็ว แซงผ่านสบาย และช่วงปลายสบาย ๆเหมาะสำหรับสายชิวมากกว่า
เริ่มต้นการพัฒนา ด้วย TC50 จาก Husqvarna คือ คำจำกัดความล่าสุด Pression starts here ที่มาพร้อมกับ รถโมโตครอสเครื่องยนต์สองจังหวะสำหรับยุวชนโมเดลล่าสุดที่ยังคงส่งออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี
แน่นอนว่าสำหรับ Husqqvarna นี่ไม่ใช่แค่ “รถของเล่น” แต่พวกเขาจริงจังกับการพัฒนาด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีในระดับเดียวกับรถโมโตครอสในแบบ full size ด้วยเหตุนี้ TC50 จึงเป็นรถโมโตครอสที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากยุวชนนักบิดสายวิบากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จากสมรรถนะในระดับสูง ประสิทธิภาพเทียบชั้นกับรถ โมโตครอสขนาดใหญ่ ที่พร้อมเค้นขีดความสามารถและทักษะพื้นฐานที่ดีให้กับว่าที่ซูเปอร์สตาร์ในอนาคตบนสังเวียนทางฝุ่นองค์ประกอบ มิติ ประสิทธิภาพต่างๆ ถอดแบบให้อยู่ในระดับเดียวกับไลน์อัพรถโมโตครอสระดับ full size เพียงแต่ย่อขนาดของตัวรถและปริมาตรเครื่องยนต์ลงมาให้มีมิติการขับขี่ที่เหมาะสมกับยุวชน โดยรวมแล้วความเหมือนระหว่าง TC50 กับ รถโมโตครอส full size ก็คือคุณสมบัติในมาตรฐานระดับเดียวกัน ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ ภาพลักษณ์รูปโฉมของ TC50 เมื่อมองแล้วจะสัมผัสถึงความรู้สึกของคำว่า premium look
ดังนั้นเมื่อกวาดตามองดูรถโมโตครอสระดับเริ่มต้นในตลาดรถสำหรับนักแข่งยุวชนแล้วอาจจะพบว่า TC50 คือ the most premium 50cc motocross model ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมหรือจัดว่าเป็น superior level of quality ในระดับหัวแถวที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุดในเชิงการแข่งขัน ที่พร้อมจะนำยุวชนก้าวสู่ความเป็นสุดยอดนักแข่งในอนาคตด้วยศักยภาพอันเต็มเปี่ยม ที่พัฒนามาใน 2021 Husqvarna TC50 เจนเนอร์เรชั่นล่าสุดนี้ด้วยขีดความสามารถอันเต็มเปี่ยมของ TC50 นั้น มีผลต่อเนื่องาจากพื้นฐานการพัฒนาโครงสร้างตัวรถที่ยอดเยี่ยม advanced steel frame ที่ออกแบบมารองรับเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็ลงตัวกับองค์ประกอบชั้นยอดในส่วนของระบบกันสะเทือน อย่างเช่น WP XACT fork ขนาด 35 มม. ซึ่งเจ้าระบบกันสะเทือนหน้าหรือชุดฟอร์คหน้า WP รุ่น XACT forks มาพร้อมกับ AER technology แบบเดียวที่ใช้ในระบบกันสะเทือนหรือ
ฟอร์คของรถในแบบ full size ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและสมรรถนะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทีนี้มาไล่กันคร่าวๆว่า 2021 TC50 นี้ มาปรับเปลี่ยนในแบบไมเนอร์เชนจ์ไปในจุดไหนบ้าง
New high-grip seat cover นอกจากการมิติส่วนของเบาะนั่งให้เพรียว บวกกับใช้ชิ้นส่วนฝาครอบแอร์บ็อกซ์แบบชิ้นเดียวที่ทำให้ การเคลื่อนที่บนเบาะนั่งทำได้คล่องแคล่วแล้วนั้นก็ได้มีการปรับหุ้มเบาะใหม่ที่ออกแบบมาให้ มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น แน่นอนว่ามีส่วนสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ที่สามารถยึดเกาะไปกับรถได้อย่างมั่นใจในทุกจังหวะที่สามารถเคลื่อนท่าทางได้คล่องแคล่วควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของลวดลายกราฟฟิคนั้น ก็เช่นเดียวกับ TC85,TC65 ที่มีการปรับ new Graphic ให้มีความทันสมัยและบ่งบอกถึงสไตล์ของรถในแบบออฟโรดมากขึ้น มีการปรับตามแบบของชิ้นส่วนมือเร่งแบบเดียวกับที่ทำในรุ่น TC85 ออกแบบแก้ไขชิ้นส่วนของชุดปะกับคันเร่ง เพื่อพัฒนาให้สามารถมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ตอบสนองได้ดี ในทุกจังหวะของการเปิดปิดคันเร่งได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังช่วยยืนระยะเวลาในการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มกำลังในการหยุดยั้งความเร็วรวมทั้งเพิ่มความมั่นคงให้กับจังหวะการเบรก โดยมีการรปรับระบบเบรกใหม่ด้วย new Formula brake ซึ่งก็คือการออกแบบปรับปรุงระบบเบรกทั้งชุด ไม่ว่า caliper+clutch+brake ssemblies แบบเดียวกับในรุ่น TC85 ที่ได้รับการอัพเดทใหม่ ก่อนที่จะส่งต่อมายังน้องเล็กอย่าง TC50 และนอกจากนี้ยังได้ทำการปรับเพื่อพัฒนามิติท่วงท่าการขับขี่ และเพื่อเสริมความมั่นคงในทุกจังหวะควบคุมด้วย new NEKEN tapered รวมทั้ง aluminum handlebars แบบเดียวกันทั้งในรุ่น TC65 และ TC50
แม้ว่า TC50 จะถูกแต่งเติมให้มีสมรรถนะมากเพียงใดก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือรถแข่งในระดับเริ่มต้นสำหรับยุวชนนักบิดสายวิบาก ดังนั้นหัวใจหรือกุญแจสำคัญสำหรับ TC50 และอาจจะรวมถึงรถรุ่นอื่นๆในสายวิบากจากค่ายต่างๆ นั่นก็คือ คำว่า Autoatic clutch เนื่องจากเป็นบันไดขั้นแรกของการพัฒนาทักษะ จุดประสงค์สำคัญจึงออกแบบมาเพื่อให้รถในพิกัดนี้มีไว้เพื่อให้ยุวชนนักบิดพุ่งเป้าหมายไปที่การเรียนรู้ฝึกฝนกรรมวิธีเพื่อขับขี่ โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการกระบวนการควบคุมรถแข่ง ในส่วนของการใช้คลัทซ์ และเกียร์ด้วยวัตถุประสงค์นี้เอง Husqqvarna จึงพัฒนา Automatic centrifugal clutch ด้วยการออกแบบให้ multi-disc clutch สามารถทำงานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ มีส่วนให้สามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างเหมาะสม เต็มที่ในแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้ และข้อมูลล่าสุดของ 2021 Husqqvarna TC50
สเปคพื้นฐาน ดังนี้
Husqvarna TC50
Engine type Single cylinder, 2-stroke
Displacement 49 cc
Bore/stroke 39,5/40 mm
Starter Kickstarter
Carburetor Dell’Orto PHBG 19 BS
Control –
Lubrication Mixture lubrication 1:60
Transmission Single gear automatic
Gear ratios 14:31
Primary ratio 33:61
Final drive 11:40
Cooling Liquid cooling
Clutch Centrifugal clutch (adjustable)
Ignition Selettra 2p D36
Chassis
Frame Chrome-molybdenum steel central-tube frame
Subframe Steel
Handlebar Tapered Aluminium Ø 28/22/18 mm
Front suspension WP XACT Upside-Down fork, Ø 35 mm
Rear suspension WP XACT PDS monoshock
Suspension travel front/rear 205/185 mm
Front brake Disc brake Ø 160 mm
Rear brake Disc brake Ø 160 mm
Front/rear rims 1.50 x 12”; 1.60 x 10” Alu
Front/rear tires 60/100 x 12”; 2.75 x 10”
Chain 1/2 x 3/16”
Silencer Aluminium
Steering head angle 66°
Triple clamp offset 22 mm
Wheel base 1,032 mm ± 10 mm
Ground clearance 252 mm
Seat height 665 mm
Tank capacity 2,3 Liter
Weight (without fuel) 41.5 kg
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาส 3 แบบเต็มพิกัด ด้วยการเปิดตัว “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจไปอีกขั้น ตั้งแต่หัวจดท้าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ R-Series DNA สัมผัสแห่งความแรง พร้อมรูปทรงแอโรไดนามิกเจนใหม่ของ Sport Moped ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Sport Moped ในเมืองไทยอย่างแท้จริง!!! พร้อมทั้งการันตีคุณภาพสินค้ากล้ารับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กล้ารับประกัน
สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ แรงเต็มขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และระบบ Assist & Slipper คลัตช์ เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่ทุกโค้ง ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกับรถสปอร์ต อย่างเต็มพิกัด
CUB House สานต่อโปรเจกต์พิเศษ The Monkey Custom เดินหน้าสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ความสนุกครั้งใหม่ให้กับแฟนคลับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนานอย่าง Monkey
ล่าสุด เสิร์ฟความซุกซนพร้อมการเพิ่มดีกรีความร้อนแรง ด้วยสีแดงสุดชิคที่มาในเวอร์ชัน “Monkey Johney Red Edition” ตัวรถเติมแต่งความสนุกด้วยโลโก้หน้าลิง Super Monkey ที่ด้านข้างถังน้ำมัน พร้อมด้วยลวดลายตัวอักษรบ่งบอกเอกลักษณ์ของมังกี้รุ่นพิเศษที่ตัดกับสี Metallic อย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์กระเป๋าข้างโดดเด่นทุกสายตากับสัญลักษณ์ Z125 ตอกย้ำตำนานสุดวินเทจของรถต้นตระกูล Z ที่ได้รับการยกระดับความเท่ บิดสนุกทุกไลฟ์สไตล์กับขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 125 ซีซี เกียร์ 5 สปีด
Monkey Johney Red Edition วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำ 107,900 บาท พบกันที่โชว์รูม CUB House ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3xnP6IU