













ไทยฮอนด้า พาทัพสื่อมวลชนชั้นนำ ร่วมภารกิจพิชิต 10 ดอย ตะลุย 2 ยอดเขาสูงและเส้นทางเนินชัน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องยนต์ Honda Smart Engine แรง ทนทาน ประหยัด จริง Wave ชื่อนี้คงรู้จักกันมาอย่างยาวนาน ในเรื่องความประหยัด ความทนทาน คุ้มค่าคุ้มราคา และครั้งนี้กับ All New Wave125i มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ทันสมัย เมนเฟรมใหม่ที่มีน้ำหนักเบา และเครื่องยนต์ใหม่ Smart Engine ที่มาพร้อมกับการอัพเกรดเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่เร้าใจมากขึ้นกับ เครื่องยนต์ 125 ซีซี สูบเดี่ยว 4 จังหวะ และ 5 เคล็ดลับสู่สมรรถนะอันยอดเยี่ยม การระบายความร้อนของ Piston Oil Jet
ยังไม่หมดเท่านี้ ภายในเครื่องยนต์ที่เน้นเรื่องของการลดแรงเสียดทาน เสียงเงียบ ด้วยการเสริมยางรองโซ่ราวลิ้นแบบสไลด์ และตัวปรับตั้งความโซ่ อัพเลเวลในเรื่องของอัตราเร่งที่มีความจัดจ้าน ทอร์คมากขึ้นด้วยการเพิ่มระยะช่วงชัก ส่งผลให้ได้กำลังอัดสูง 10 ; 1 ระบบหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน โดยปรับอัตราทดขั้นต้น จากเดิม 3.350 เป็น 3.421 ให้มีกำลังแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ในการบิดขึ้นเขาเนินชันง่ายมากขึ้น และก็ไม่ลืมในช่วงของแรงปลายอัตราทดสุดท้าย จากเดิม 2.571 เป็น 2.466 ให้ไหลได้ไกลมีรอบเครื่องยนต์ที่ต่อเนื่อง ในการขับขี่ทางไกลแบบลากได้ยาวๆ เอาใจสายดันโลจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงวันนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ของ All New Wave125i จึงได้จัดกิจกรรมการขับขี่ทดสอบ โดยมุ่งเน้นให้เห็นถึงอัตราเร่งที่แรงเร้าใจ รวมไปถึงการควบคุมที่คล่องแคล่ว พลิกเลี้ยวได้ง่าย ด้วยเส้นทางสุดโหด ภารกิจพิชิต 10 ดอย
เริ่มต้นวันแรก จากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า จ.เชียงใหม่ ออกเดินทางตะลุยยอดเขา สู่ดอยปุย ด้วยระยะทาง 36 กม. ก่อนเดินทางย้อนกลับลงมาที่ดอยสุเทพ ระยะทาง 8 กม. และออกเดินทางสู่ดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม ระยะทาง 34 กม. ผ่านทางลาดชันและเส้นทางคดเคี้ยวมากมายเพื่อทดสอบแรงบิดทรงพลังของเครื่องยนต์ Honda Smart Engine และสิ้นสุดวันแรกรวมระยะทาง 87 กิโลเมตร บนยอดดอยม่อนวิวงาม
ออกเดินทางต่อในวันที่ 2 สู่ดอยกิ่วลมในอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ระยะทาง 83 กม. ผ่านเส้นทางสุดโหดกว่า 1,800 โค้ง เพื่อมุ่งหน้าสู่ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยระยะทางราว 35 กม. แล้วออกเดินทางต่อสู่ดอยหยุนไหล จุดชมทะเลหมอกเมืองปาย ระยะทาง 7 กม. ก่อนออกเดินทางต่อไปยังดอยกิ่วลม ปางมะผ้า ระยะทาง 26 กม. ต่อจากนั้นเริ่มออกเดินทางสู่ดอยบ้านจ่าโบ่ ระยะทาง 32 กม. ตามด้วยวัดพระธาตุดอยกองมู ระยะทาง 62 กม. รวมระยะทั้งสิ้นกว่า 255 กิโลเมตร พิสูจน์แล้วว่า All New Wave125i แรงจริง อึดจริง สิ้นสุดการเดินทางพร้อมเตรียมพิชิตเส้นทางโหดในวันสุดท้าย ที่ดอยผาบ่อง และดอยอินทนนท์
เข้าสู่วันสุดท้าย ของการพิชิต 10 ยอดดอย เริ่มออกเดินทางจากที่พักเข้าสู่จุดชมวิวบนดอยผาบ่อง ระยะทาง 25 กม. และเดินทางต่อสู่ดอยแม่อูคอ 74 กม. ผ่านเส้นทางสูงชัน คดเคี้ยว รวมกว่า 4,000 โค้ง เพื่อชมทุ่งดอกบัวตอง ที่บานสะพรั่ง เหลืองอร่าม ปกคลุมทั่วทั้งดอย ต่อจากนั้นเดินทางไปยังสะพานกิ่วลมบนความสูงกว่า 1,200 เมตร ก่อนมุ่งหน้าไปยัง อ.แม่แจ่ม อีกราว 80 กม. เพื่อขึ้นไปพิชิตดอยอินทนนท์ บนระยะทาง 34 กม. พร้อมบันทึกภาพประวัติศาสตร์ All New Wave125i สามารถพิชิต 10 ดอยสูง รวมระยะทางกว่า 622 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ข้าม 2 จังหวัดจนสำเร็จ
ความคิดเห็นหลังการขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ กอล์ฟ ไรดิ้ง
เอาจริงๆ แค่ได้ยินชื่อโปรเจ็คการทดสอบขับขี่ครั้งนี้ก็รู้สึกอยากไปขี่เร็วๆ เลย “Wave125i มั่นใจ พิชิต 10 ดอย” เส้นทางก็จะเป็นทางโค้ง ขึ้นเขา ลงเขา ทางชัน ถึงจะคล้ายๆ กันทุกดอย แต่มันก็มีความแตกต่างของวิวสองข้างทาง และบรรยากาศ
สำหรับ Wave 125i การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่หมดจดทั้งเมนเฟรมบอดี้ และเครื่องยนต์ เพิ่มอัตราเร่ง การควบคุมที่คล่องแคล่วมากขึ้น สัมผัสได้ตั้งแต่แรกเมื่อได้ลองขับ แต่จะแยกออกเป็นหัวข้อเพื่อจะได้ง่ายต่อการเข้าใจ
เมนเฟรม และ บอดี้ใหม่ ตัวรถมีความกะทัดรัด น้ำหนักเบา รู้สึกได้ถึงการควบคุมที่ง่าย พลิกเลี้ยวได้เร็วทั้งโค้งแคบ และโค้งกว้าง แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะพื้นถนนบางโค้งมันลื่น บางทีก็รู้สึกหวิวๆ เพราะมันเลี้ยวได้เร็ว พร้อมกับเติมคันเร่งส่ง บอกเลยว่าสนุก เบานั่งสบาย กระชับ ที่พักเข้าอยู่ในจุดที่ขาไม่งอ
ระบบการทำงานของช่วงล่าง ความโดดเด่นอยู่ที่โช้คอัพหลัง ที่ปรับใหม่มีความยาวขึ้น เพื่อให้มีระยะยุบที่ช่วยให้รับรองน้ำหนักและแรกกระแทก มันส่งผลให้ได้เห็นในช่วงพลิกเลี้ยวและบิดคันเร่งการยุบของโช้คอัพหลังทำงานได้นิ่ม และหนึบกว่าตัวก่อนหน้านี้ รู้สึกได้อย่างชัดเจน ส่วนโช้คอัพหน้าก็ทำงานปกติ ยางที่ติดมากับรถถือว่าใช้งานได้ดีเลย เข้าโค้ง ลุยน้ำ ไม่มีอาการดิ้น หรือสไลด์ อาจเป็นเพราะเทคนิคของการขับขี่ด้วย
มาถึงไฮไลท์กับสมรรถนะเครื่องยนต์ Smart Engine ที่ทรงพลัง ด้วยอัตราเร่งใหม่ ยืดช่วงชักให้มีกำลังอัดเพิ่มขึ้นส่งผลให้แรงบิดขั้นต้นมีความจัดจ้าน ออกตัวได้เร็ว บิดคันเร่งดันขึ้นเนินชันๆ ได้อย่างสบายๆ มันสัมพันธ์กับการปรับอัตราขั้นต้นที่ใหญ่ขึ้น และลดอัตราขั้นสุดท้ายให้เล็กลงทำให้ ต้นจัด ปลายไหล ระยะรอบเครื่องยนต์เกียร์ต่อเกียร์เข้าได้ต่อเนื่อง ทำความเร็วท็อปสปีดได้ 130 กม./ชม. ในท่าหมอบ แต่ถ้านั่งชิวๆ 120 ก็ทำได้สบายๆ เครื่องยนต์มีความลื่นไหล เสียงเงียบ และที่สำคัญเพิ่มเทคโนโลยี Piston Oil Jet ช่วยให้การระบายความร้อนดีขึ้น คงสมรรถนะแรงม้าได้อย่างต่อเนื่อง ขี่กันเช้ายันเย็นกำลังไม่มีตก แถมยังคงประสิทธิภาพของความประหยัดที่โดดเด่น
ตอกย้ำกันชัดๆ กับการเปลี่ยนแปลงใหม่ อัตราเร่งดี ดีไซน์สวย ขับขี่คล่องตัว ไม่ใช่แค่การขับขี่ขึ้นดอยเท่านั้น การงานทั่วไปก็รอบรับได้ทุกรูปแบบ ทำให้ชื่อเสียงของ Wave ถึงได้ครองใจผู้ใช้มาอย่างยาวนาน
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอดขายรถจักรยานยนต์คาวาซากิพุ่งไม่หยุด ภายหลังจากที่เริ่มทยอยส่งโมเดลใหม่ลงทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถจักรยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตอย่าง Ninja ZX-25R, รถจักรยานยนต์ดูอัลเพอร์โพสในซี่รี่ย์ KLX230 ที่มีรุ่นย่อย 4 รุ่น และรถจักรยานยนต์สปอร์ตขายดีอย่าง Ninja 400 SE กับลวดลายเรซซิ่งทีมใหม่ของปี 2023 รวมถึง Z400 SE สีใหม่ล่าสุด ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมส่งโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเวลาสุดพิเศษภายในงาน MOTOR EXPO 2022 นี้ทั้ง ฟรีประกันภัยชั้น 1, Gift voucher, ฟรีทะเบียน/พรบ. และเมื่อจองรถจักรยานยนต์และทำแบบสอบถามภายในงาน รับฟรี Kawasaki USB Bag มูลค่า 699 บาท ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565
คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากปริมาณยอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่ออุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง แม้ว่าจะยังคงมีปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบอยู่บ้างก็ตาม คาวาซากิยังเชื่อว่าความต้องการซื้อของลูกค้าในประเทศไทยนั้นยังคงมีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเป็นคันแรก ซื้อเพื่อทดแทนคันเก่า หรือซื้อเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ดังนั้น คาวาซากิจึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยใส่เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดความสนใจ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดียิ่งครับ”
คาวาซากิได้จัดแสดงรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น ภายในงาน MOTOR EXPO 2022 โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อเสนอที่คุ้มค่าที่บูธรถจักรยานยนต์คาวาซากิ หรือที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศนอกเหนือจากรถจักรยานยนต์แล้ว ทางคาวาซากิยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อกีฬาทางน้ำ นั่นคือ JetSki ซึ่งในงาน Motor Expo 2022 นี้ คาวาซากิได้นำเจ๊ตสกีรุ่นใหม่ล่าสุดรุ่น ULTRA310LX และ ULTRA310LX-S มาจัดแสดงและยังเปิดรับจองภายในงานนี้อีกด้วย ที่บูธ Join Boat E02 โดยผู้แทนจำหน่าย MF Marine
รายละเอียดข้อเสนอรถจักรยานยนต์ รุ่นต่าง ๆ :
www.kawasaki.co.th/promotion
บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) ที่ได้เริ่มต้นจุดประกายสร้างสรรค์ยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “INVENTING THE FUTURE” เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ด้วยดีไซน์พรีเมียมล้ำสมัย ALPHA VOLANTIS พร้อมสร้างสรรค์ที่สุดแห่งแรงบันดาลใจ จากวิสัยทัศน์ของแบรนด์สู่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแนวคิดแห่งอนาคต “ VISION CRUISE ” ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การเดินทาง ร่วมถ่ายทอดวิสัยทัศน์ผ่านเส้นสายงานดีไซน์ที่เรียบหรู ด้วยรูปทรงที่แปลกใหม่ ล้ำสมัย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งอนาคต
นายธีรวิทย์ ธีรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ในงาน Thailand International Motor Expo 2022 แบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) มองไปสู่อนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าในอีก 10 ปีข้างหน้า ด้วยการออกแบบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแนวคิด (concept E scooter) โดยตั้งเป้าที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คน ที่มองหาประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การเดินทาง “Vision Cruise” คือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแนวคิดตามวิสัยทัศน์ของเรา ที่มุ่งเน้นในการสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมงานออกแบบแห่งอนาคต”
HORIZON 300 รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก
Horizon150 รถจักรยานยนต์ออโตเมติกขนาดเล็ก ตอบรับทุกความคล่องตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
Facebook: Alpha Volantis
Website: https://alpha-volantis.com/
Youtube: Alpha Volantis
ถึงคราวขยับบ้างแล้วสำหรับค่าย Suzuki ที่เริ่มรุกตลาดรถในกลุ่มบังโคลนลอยในแบบออลเทอเรนหรือดูอัลเพอร์โพส ด้วยรถในรหัสรุ่นอย่าง V-Strom ซึ่งบอกได้ว่าแทบครบทุกขนาดความต้องการของผู้ขับขี่ ทั้งขนาดมิดเดิ้ลเวท และเฮฟวี่เวท สำหรับฉบับนี้ไรดิ้งหยิบเจ้ามิดเดิ้ลเวทเครื่องยนต์ระดับ 650 ซีซี ที่มาสองเวอร์ชั่น คือ V-Strom 650XT กับ V-Strom 650 XT Adventure อาจจะกล่าวได้ว่า V-Strom 650 XT ก็คือโมเดลพื้นฐาน ซึ่งมีตัวเลือกโทนสีใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นโทนสีขาว หรือที่เรียกว่า Pearl Brilliant White
สำหรับมิติตัวรถนั้นได้มีการอิงสไตล์การออกแบบให้มีมิติที่ใกล้เคียงกับรถในซีรี่ส์ DR ที่กล่าวได้ว่าเป็นรถในแบบแอดเวนเจอร์ขนานแท้ของ Suzuki ที่สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ขับขี่สายแอดเวนเจอร์ ซึ่งพวกเขาก็ระบุว่า V-Strom ใหม่นี่มีรูปแบบของ DR-Big styling ที่พร้อมลุยทุกเส้นทางนั่นเอง ด้วยเครื่องยนต์ V-twin สูบเอียง 90 องศา ระบายความร้อนด้วยน้ำออกแบบมาให้มีการส่งกำลังที่นุ่มนวล ให้แรงบิดที่แข็งแกร่งทุก รอบความเร็ว ซึ่งปรับจูนให้แมทซ์กับระบบหัวฉีด electronic fuel injection ที่ป้อนเชื้อเพลิงได้แม่นยำมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์มีค่ามลภาวะที่ต่ำเพราะประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ขณะเดียวกันช่วยให้มีค่าประหยัดเชื้อเพลิงสูงขึ้นอีกด้วย และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในระดับ Advanced electronics ที่ทางโรงงานได้ปรับเซ็ทคุณสมบัติที่ดีในรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ต่ำ หรือ Low RPM Assist ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ในรอบต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไฮไลท์อีกอย่างก็คือวงล้อแบบ tubeless ที่เป็นวงล้อซี่ลวด gold-anodized spoke-style wheels พร้อมทั้งติดตั้ง การ์ดแฮนด์ และที่ครอบเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มการป้องกันการกระแทกหรือการปะทะที่ไม่คาดคิดขณะขับขี่ในเส้นทางทุรกันดารเนื่องจากฐานผู้ใช้ V-Strom 650 โดยมากจะเป็นการขับขี่ในแนวทัวริ่ง ดังนั้นการออกแบบจึงพยายามรักษาสมดุลให้รถอยู่ในจุดที่เหมาะสมพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกๆวันทุกๆช่วงเวลาเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายผ่อนคลายขณะขับขี่ ไม่ตึงเครียดกับการขับที่ทางไกล ขณะเดียวกันก็ขับขี่ได้บนเส้นทางที่สมบุกสมบัน ดังนั้นรถรุ่นนี้ จึงได้รับการออกแบบมาให้ไร้ความตึงเครียดในการใช้งานประจำวัน ขณะเดียวกันก็สบายๆกับการเดินทางไกลกับทุกสภาพเส้นทาง นี่คือรถเพื่อตอบสนองความสนุกสนานในการขับขี่อย่างแท้จริง
องค์ประกอบอีกอย่างที่ต้องพูดถึงก็คือระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่ติดตั้งมาที่เสริมให้รถรุ่นนี้เป็นเป็นรถพิกัดมิดเดิลเวทที่น่ามหัศจรรย์ อย่าง Suzuki Advanced Traction Control System Easy Start System , Low RPM Assist รวมทั้ง ABS ซึ่งข้อมูลการใช้ การปรับเซ็ทระบบต่างๆเหล่านี้ จึงสามารถดูได้จากจอแสดงผลหรือเรือนไมล์ Multifunction illumination-adjustable instrument panel
ขณะที่ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น ใช้แหล่งขุมพลังมาจากพื้นฐานเครื่องยนต์ของ SV650 ซึ่งมีการนำมาพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในการขับขี่แบบทัวริ่งเป็นระยาทางไกล โดยการปรับชิ้นส่วน อย่าง Low-friction resin coated pistons และ SCEM coated cylinders
ซึ่งเครื่องยนต์มาพร้อมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของSuzuki นั่นคือ fuel injection system ที่เป็นแบบ SDTV – Suzuki Dual Throttle Valve ที่มีเรือนลิ้นเร่งขนาด 39 มม. โดยที่ the secondary throttle valve หรือวาล์วตัวที่สองนั้นควบคุมการเปิดปิดด้วย servo motorซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์มีการ
ส่งผ่านกำลังออกมาได้อย่างนุ่มนวล ขณะที่หัวใจสำคัญในการจัดการการทำงานระบบการจัดการเครื่องยนต์ ECM-Engine Control Moduke ได้รับการปรับเซ็ทใหม่ให้มีความเหมาะสมกับเครื่องยนต์ของ V-Strom 650 ที่ได้รับการอัพเดทในส่วนของระบบไอดีไอเสียมา intake และ exhaust system ใหม่ ที่น่าสนใจก็คือ ยังมีอีกเวอร์ชั่นที่แยกย่อยออกไปด้วยวัตถุประสงค์คือ dressed for real adventure หรือแต่งหน้าเสริมตาเล็กน้อย เพื่อให้ได้ฟิลของความเป็นรถในแบบแอดเวนเจอร์ที่แท้จริง ดังนั้นสีของเวอร์ชั่นนี้ จึงมาพร้อมกับโทนดำ ที่เรียกว่า Grass Sparkle Black paint with blue graphics ขณะที่วงล้อซี่ลวดจะเป็น spoke-style wheels with blue anodized aluminium rims แปลง่ายๆก็คือล้อมิเนียมอะโนไดซ์สีน้ำเงิน มีการ์ดมือ และกันแคร๊งค์ติดตั้งมาให้จากโรงงาน อีกทั้งยังติดตั้งบังลม หรือ windshield แบบปรับระดับได้มาให้ และยังติดตั้งกล่องอลูมิเนียม ขนาด 37 ลิตร มาให้อีกด้วย