2023 Ducati Multistrada V4 Rally

เปิดประสบการณ์ใหม่กับโลกใบใหม่ที่มีอะไรให้ค้นหา นั่นคือสิ่งที่ Ducati บอกกับผู้ขับขี่ทุกคนที่กำลังต้องการเริ่มต้นการเดินทางด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งพวกเขาได้นำเสนอรถรุ่นล่าสุดที่ได้ทำการอัพเกรดขึ้นมาใหม่อย่าง Multistrada V4 Rally ด้วยเติมคำว่า Rally ต่อท้าย นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ตั้งใจที่จะยกระดับของ Multistrada เพิ่มขึ้นจากเดิม High level เป็นนิยามง่ายๆที่เขาจะพูดถึงการยกระดับครั้งนี้ ไม่ว่าการเพิ่มความรู้สึกสบายในขณะขับขี่ทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อน ขยายประสิทธิภาพให้สามารถตอบสนองการใช้งานที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติการขับขี่ในแบบออฟโรด ดังนั้นรถเวอร์ชั่นนี้จะเป็นรถที่มีความพร้อมเต็มที่สำหรับรองรับเส้นทางวิบาก ขณะเดียวกันก็ยังคงยอดเยี่ยมกับการใช้งานในเมืองหรือโลดแล่นบนท้องถนนแบบที่เคยเป็นมา

 

นี่คือสมาชิกล่าสุดของรถในตระกูล Multistrada V4 ซึ่งทุกเวอร์ชั่นจะมีพื้นฐานเดียวกัน คือมาพร้อมกับพละกำลังในระดับ 170 แรงม้า ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามีความทนทานสมบุกสมบันมากยิ่งขึ้นโดยกำหนดการบำรุงรักษาชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ไว้ที่ทุกระยะ 60,000 กม. และมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นต่างๆทุกๆ 24 เดือน

คำว่า Rally ที่ทาง Ducati นำมาใช้นี้ จุดประสงค์ต้องการสื่อให้รู้ว่า นี่คือเวอร์ชั่นที่พัฒนาทุกๆองค์ประกอบเพื่อให้สามารถพิชิตได้ทุกเส้นทางการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุรกันดานสมบุกสมบันก็ไม่เป็นอุปสรรคใดใด ระบบกันสะเทือน semi-active suspensions ได้รับการปรับเพิ่มระยะยุบตัวเป็น 200 มม. ส่งผลให้ค่า ground clearance มีระยะห่างจากพื้นที่มากพอเวลาที่ต้องผ่านเส้นทางวิบาก ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มระบบ power mode ที่เน้นไปถึงคุณสมบัติการใช้งานขณะขับขี่บนทางวิบากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าระบบอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆก็ล้วนได้รับการปรับเซ็ท

เพื่อเสริมแต่งประสิทธิภาพที่เอื้อต่อคุณสมบัติการใช้งานในแบบออฟโรดเพิ่มเติมมากกว่าเวอร์ชั่นปกติทั่วไปที่เคยมี นี่คือ Multistrada V4 ที่มีความดุดัน พร้อมออกผจญภัยในแบบที่เรียกว่าไปทุกที่ที่ใจปราถนาจะออกไปเปิดโลกใบใหม่กันเลย จะกล่าวได้ว่านี่คือรถแอดเวนเจอร์ในแบบไฮโซก็ไม่ผิดเพราะประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการขับขี่แบบเต็มพิกัด เวอร์ชั่น Rally นี้ก็ได้รับการติดตั้งเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นอื่นๆของ Multistrada V4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นรถโมเดลแรกของโลกที่จะมีระบบเรดาร์ front and rear radar system ติดตั้งมาให้ เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของ Adaptive Cruise Control-ACC ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ทางไกลเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังสนับสนุนการทำงานของ Blid Spot Detection-BSD ที่คอยตรวจจับและแจ้งถึงวัตถุหรือรถที่อยู่ใน

มุมอับหรือรถที่มองไม่เห็นในกระจกส่องหลัง เช่นเดียวกับระบบอิเล็คทรอนิคส์อื่นๆ ระบบช่วยจัดการเบรค ABS Cornering , Ducati Cornering Lights-DCL ก็คือระบบไฟที่ช่วยให้มองเห็นขณะขับขี่ในโค้งยามค่ำคืน Ducati Wheelie Control-DWC และ Ducati Traction Control-DTC การแสดงผลผ่านจอ 6.5 นิ้ว TFT colour dashboard รวมถึงการเชื่อมต่อการทำงานกับแอพ Ducati Connect application ที่ช่วยในการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน การรับสายโทรศัพท์ การฟังเพลง ขณะที่เครื่องยนต์นั้น เป็นเครื่องขนาด 1,158 ซีซี Granturismo engine ให้กำลังระดับ 170 แรงม้า ซึ่งที่น่าสนใจก็คือ มันเป็นเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเพียง 55.7 กก.
ที่ติดตั้งไว้บนโครงสร้างเฟรมแบบ mocoque aluminium frame ที่มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด

Triumph Tiger 850 Sport

นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง ความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ Triple engine หรือเครื่องยนต์แบบสามสูบที่เป็นพื้นฐานของ Triumph Tiger ในแต่ละรุ่น และได้นำมาผสานกับอุปกรณ์สเปคสูงคุณสมบัติชั้นยอด อีกทั้งยังเสริมด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ จนนำมาสู่ความสมบูรณ์แบบของรถจักรยานยนตืที่เปี่ยมสมรรถนะ พร้อมตอบสนองการใช้งานในทุกวัน อันหลากหลยรูปแบบ

มันคือพัฒนาการสู่เจเนอเรชั่นล่าสุด ของ รถในแพล็ตฟอร์มของ Tiger ที่พัฒนาจนมีความลงตัวทั้งในด้านขอมสมดุลของการขับเคลื่อน ที่พร้อมตอบสนองทุกสภาพการขับขี่ และให้การควบคุมที่คล่องแคล่วสะดวกสบาย กล่าวได้ว่า ในกระบวนการพัฒนาจนมาถึง Tiger รุ่นนี้ ได้รับการปรับเซ็ท ปรับจูน พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมเติมแต่งรายละเอียดด้านต่างๆได้อย่างลงตัว จนเพียงพอที่จะตอบสนองการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมตอบโจทย์การนำไปขับขี่ได้ในทุกวันทุกสภาพเส้นทาง

แม้ว่าจุดเด่นจะมีความเยี่ยมยอดติอการขับขี่บนท้องถนน แต่ก็มีประสิทธิภาพมากพอสำหรับการมุ่งสู่เส้นทางในแบบออฟโรดด้วยเช่นกัน นี่คือรถที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจด้วยขีดความสามารถอันยอดเยี่ยมของสมรรถนะในด้านต่างๆ จนสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถใช้งานได้อย่างครบเครื่อง ไม่ว่าขีดความสามารถในการขับขี่แบบแอ๊ดเว็นเจอร์ การใช้งานในเมือง การเดินทางบนถนนเปิด นี่คือหนึ่งในรุ่นรถจาก Triumph ที่มีความสมบูรณ์แบบ พร้อมตอบความต้องการอันหลากหลาย ที่จะช่วยแต่งแต้มสีสันให้ทุกๆการใช้ชีวิตแต่ละวัน เปี่ยมไปด้วยความท้าย กับการขับขี่ที่สนุกสนาน สะดวกสบาย ด้วยเครื่องยนต์แบบสามสูบสุดเร้าใจ ที่มีแคแรกเตอร์ที่ควบคุมง่าย สัมผัสได้ถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี T-plane crank หรือข้อเหวี่ยงที่ปรับแต่งมาเพื่อเครื่องยนต์สามสูบ ขนาด 850 ซีซี โดยเฉพาะ ซึ่งเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ ให้กำลังสูงสุดถึง 85 แรงม้า ที่ 8500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 82 นิวตันเมตร ที่ 6500 รอบ ต่อ นาที ขณะเดียวกัน สำหรับตลดในยุโรปบางประเทศจะมีข้อจำกัดด้านกฏหมาย ที่กำหนดสเปคเครื่องยนต์เป็นระดับต่างๆ ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาส ให้ผู้ที่ถือใบอนุญาติขับขี่ ในระดับ A2 ได้มีโอกาสสัมผัสรถในรุ่นนี้ จึงได้มี ชุดคิท หรืออุปกรณ์ สำหรับติดตั้งเพื่อลดสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ต่ำลง เพียงพอสำหรับผ่านเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด สำหรับผู้ขี่หน้าใหม่หรือผู้ที่เพิ่งได้ใบขับขี่ในระดับดังกล่าว

สำหรับ Tiger 850 Sportเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า จะต้องติดตั้งด้วยอุปกรณ์ระดับสูง High Specification Equipment เพื่อช่วยให้ขีดความสามารถของรถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด ดังนั้นไม่ว่าระบบเบรก ระบบกันสะเทือน และส่วนประกอบต่างๆล้วนเป็นชิ้นสส่วนชั้นยอด อาทิ Brembo Stylema brake ที่กล่าวได้ว่า เบรกรุ่นนี้ได้รับการจัดลำดับให้อยู่ในระดับท็อปของแคตตาช็อกเบรกของ Brembo อันเนื่องมาจาก เป้นรุ่นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Superior stopping power หรือเป็นรุ่นที่มีกำลังในการหยุดที่สูงมากรุ่นหนึ่งนั่นเอง อีกทั้งโครงสร้างชิ้นส่วนได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ขณะที่ระบบภายในของเบรกรุ่นนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเน้นถึงเพอร์ฟอร์ม๊านซ์ของระบบการทำงาน

ที่สำคัญสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าระบบเบรกจะทำงานหนักเกินไปจนเกิดความร้อนขณะใช้งานเพื่อหยุดความเร็วสูงของรถ ถัดมาที่ต้องกล่าวถึงก็คือระบบกันสะเทือน High specification Marzocchi suspension ที่นับว่าเป้นอีกผู้ผลิตระบบกันสะเทือนในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งชุดที่นำมาติดตั้งใน Tiger850 นี้ ได้รับการปรับเซ็ทมาอย่างดี สามารถเรียกได้ว่าเป็นระบบกันสะเทือนในระดับ high performance suspension set-up ซึ่งฟอร์คหน้าได้กำหนดสเปคมาเป็น Marzocchi upside down cartridge forks ขนาด 45 มม. ที่มีระยะยุบตัว 180 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้น เป็นช๊อคอัพแบบ Gas pressurised monoshock suspension unit ที่มีระยะยุบตัว 170 มม.

CUB House ปลุกตำนานไอคอนนิกโมเดลด้วย New Monkey และ New C125 ดีไซน์ และสีสันใหม่

CUB House by Honda พาความสนุกจากยุค 60’s มาสู่คนไทยอีกครั้งด้วย New Monkey รถระดับตำนานที่มาพร้อมคอนเซปต์ Naughty Go Round ดีไซน์ใหม่สุดโดดเด่น พร้อมด้วย New C125 ที่ถ่ายทอดความเป็น Originality ของรถ CUB ผู้อยู่เหนือกาลเวลาให้คนที่ชอบความคราฟท์ได้สัมผัสกับคอนเซปต์ Ride The Masterpiece พร้อมให้เป็นเจ้าของความซน และความคราฟท์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

New Monkey ถ่ายทอด DNA ของ Z50M ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นรถมินิไบค์ที่ สะท้อนความซุกซน และมีดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะเบาะ Tartan Seat ลายตารางหมากรุก ลงตัวกับเฟรมสีสดใส และ Tank Color ดีไซน์ใหม่ ยกระดับความซนแบบเต็มสตรีมในคอนเซปต์ Naughty Go Round

New C125 รถคลาสสิกที่มาพร้อมคอนเซปต์ Ride The Masterpiece ถ่ายทอดเอกลักษณ์ S Shape อันเป็น Signature ของรถ Honda ตระกูล CUB ที่มีมาตั้งแต่ปี 1958 ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันด้วยวัสดุระดับพรีเมียม สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความคราฟต์แบบดั้งเดิมด้วยสีใหม่ Color of Origin Red-White และการใช้วัสดุโครเมียมที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และการประกอบอย่างพิถีพิถัน เพิ่มความประณีตในการขับขี่ด้วย Double Seat เบาะสองตอนที่ออกแบบให้มีองศาที่เหมาะสมเพื่อสร้างท่าขับขี่ที่สง่างาม สะดวกสบาย เพิ่มความเหนือระดับด้วยกุญแจรีโมตอัจฉริยะ และชุดควบคุมการทำงาน ที่ผสานที่สุดแห่งศาสตร์และศิลป์ได้อย่างลงตัว

New Monkey มีให้เลือก 3 เฉดสี Silver-Yellow White-Red และ Silver-Black ราคาแนะนำอยู่ที่ 99,700 บาท และ New C125 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี Red-White Essence Gray-White และ Matt Black ราคาแนะนำอยู่ที่ 89,600 บาท
สัมผัสไลฟ์สไตล์ และดีไซน์ของ New Monkey และ New C125 ได้แล้ววันนี้ที่ CUB House Flagship Store และ CUB House Corner ทุกสาขา ทั่วประเทศหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.cubhousebyhonda.com
Facebook: cubhousebyhonda

 

“ยามาฮ่า” เผยโฉม M1 เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมทวงบัลลังก์แชมป์โลก “โมโตจีพี”

มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี เปิดตัวรถแข่ง ยามาฮ่า YZR-M1 เวอร์ชั่น 2023 ภายใต้รูปโฉมที่สดใหม่และดุดันยิ่งขึ้น หวังใช้เวทีทดสอบช่วง พรี-ซีซั่น ที่ เซปังฯ เติมเต็มศักยภาพด้านพละกำลัง เสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสให้กับทีม พร้อมประกาศทวงบัลลังก์แชมป์โลกในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ทีมโรงงานค่ายยามาฮ่า ใช้เวทีการประชุมเครือข่ายผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ณ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เปิดผ้าคลุมรถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 2023 รวมถึงนักบิดที่จะลงไล่ล่าความสำเร็จให้กับทีมบนเวทีโมโตจีพี 2023 ท่ามกลางผู้บริหารและบุคลากรคนสำคัญที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานในช่วงสายวันอังคาร ที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา สำหรับรถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 เวอร์ชั่น 2023 ยังคงมาในโทนสีหลักอย่าง สีน้ำเงิน และ สีดำ อันเป็นเอกลักษณ์ ทว่าได้รับการออกแบบลวดลายใหม่เพิ่มมิติและความดุดันให้กับตัวรถด้วยการเพิ่ม สีเทา ในรูปแบบของลายพราง สื่อสารถึงความพร้อมที่จะต่อสู้บนสังเวียนโมโตจีพีในฤดูกาลนี้
โดย ทาคาฮิโร่ ซูมิ ประธานยามาฮ่า มอเตอร์ เรซซิ่ง กล่าวว่า “ในปีนี้เราหวังที่จะสร้างโอกาสเพื่อต่อสู้แย่งแชมป์โลกอีกครั้ง รถแข่ง M1 ได้รับการพัฒนาทุกด้านโดยเฉพาะในเรื่องท็อปสปีด เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสให้กับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ และ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ ในการขับเคี่ยวร่วมกับนักบิดชั้นนำของโลก ผสานการทำงานของนักบิดและเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อไล่ล่าบัลลังก์แชมป์โลกในฤดูกาลนี้”ขณะที่ ลิน ยาร์วิส ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และกรรมการผู้จัดการ ยามาฮ่า มอเตอร์ เรซซิ่ง เผยว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ และเราเพิ่งขยายข้อตกลงใหม่ร่วมกัน ในปีนี้เรามาภายใต้ลวดลายที่ดูสดใหม่และดุดัน ยิ่งขึ้น สื่อสารถึงความเกรี้ยวกราดและพร้อมที่จะต่อสู้ในศึกโมโตจีพี โดยหลังจากนี้จะได้เห็นลวดลายของรถแข่งในทิศทางเดียวกันนี้บนเวทีโมโตครอส และ ซูเปอร์ครอส” ด้าน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ เปิดใจว่า “ในช่วงวินเทอร์เบรกไม่เป็นไปตามแผน หลังได้รับบาดเจ็บจากการลงฝึกซ้อมด้วยรถโมโตครอส ทว่ายังคงเดินหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์เต็มร้อย และตอนนี้ผมพร้อมที่จะสู้เพื่อบัลลังก์แชมป์โลกอีกครั้ง เรามีรถแข่งลวดลายใหม่ที่สวยงามและผมชื่นชอบมันมาก ณ เวลานี้ผมมองไปถึงการได้ลงบิดอีกครั้ง และให้ความสำคัญกับการทดสอบรถแข่งเวอร์ชั่นใหม่ ที่ เซปังฯ ในซีซั่นนี้เรายังคงต้องทำงานกันอย่างหนักเหมือนที่เราทำมาโดยตลอด เราได้บทเรียนมากมายจากฤดูกาลที่ผ่านมา และตอนนี้ผมต้องการที่จะต่อสู้เพื่อแชมป์อีกครั้ง
ปิดท้ายด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ ซึ่งเผยว่า “ในวันนี้เรากำลังเริ่มต้นใหม่ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ ทุกอย่างกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เราสิ้นสุดการแข่งขันในฤดูกาล 2022 ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น และสิ่งสำคัญ ณ ตอนนี้คือการทำผลงานให้ดีในช่วงวินเทอร์เทสต์ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมเริ่มต้นฤดูกาลในเดือนมีนาคมที่โปรตุเกส ภายใต้รูปแบบการแข่งขันใหม่ที่เราต้องเรียนรู้และปรับตัว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวก และสร้างความสนุกสนานให้กับแฟนความเร็ว ผมขอขอบคุณแฟนๆ ชาวอินโดนีเซียนที่มาร่วมงานในวันนี้ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันที่ดี ผมนับวันรอที่จะได้เริ่มต้นฤดูกาล 2023 ด้วยแนวทางที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
สำหรับ ศึกโมโตจีพี 2023 มีคิวลงทำการทดสอบที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดย เช็กดาวน์ เทสต์ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ ต่อด้วยการทดสอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ ก่อนจะบินไปเปิดฤดูกาลที่ อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศโปรตุเกส ในวันที่ 24-26 มีนาคม

ยามาฮ่า จีที125 ใหม่! New Generation of Torque…เฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ สีสันใหม่…เร้าใจอีกเลเวล

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมอัพเลเวลประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจอีกระดับ ด้วย “ยามาฮ่า จีที125 ใหม่!” สีสันใหม่…เร้าใจอีกเลเวล รถจักรยานยนต์ออโตเมติกหัวฉีดตัวจี๊ด ดีไซน์สปอร์ต สีสันใหม่ โฉบเฉี่ยวเร้าใจ ออกตัวแรง คล่องตัว ขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

ยามาฮ่า จีที125 ใหม่! ยังตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเร้าใจด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งความแรงและความประหยัด โดยผู้ขับขี่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการออกตัวที่แรงเร้าใจ ได้อัตราเร่งที่ดี แต่ให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยามาฮ่า จีที125 ใหม่! ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทันสมัยอย่างครบครัน พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างเฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ! ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า FULL LED สปอร์ตบาดใจ พร้อมไฟหรี่และไฟเลี้ยวแบบบิวท์อิน ให้ความสว่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน, แผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต พร้อมไฟ ECO Lamp สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แจ้งบอกทุกฟังก์ชันการขับขี่ได้อย่างครบถ้วน, กุญแจรีโมท ANSWER BACK SYSTEM เปิดช่องกุญแจอัตโนมัติ และส่งสัญญาณบอกตำแหน่ง ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น, ล้อแม็ก หน้า-หลัง 14” สไตล์สปอร์ต แข็งแกร่ง ทนทาน ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่เต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง และ PARKING BRAKE สวิตช์ล็อกเบรกหลัง จอดสะดวกในที่ลาดชันให้ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

สำหรับ “ยามาฮ่า จีที125 ใหม่!” มาพร้อมกับ สีสันใหม่…เร้าใจอีกเลเวล ด้วย 2 เฉดสีด้วยกันคือ สีเขียว-ดำ (Sport Turquoise) ให้ความเฟี้ยวฟ้าวเร้าใจในทุกมุมมอง และสีเทา-ดำ (Sporty Grey) ที่ดูสุขุม ดุดัน ในทุกองศาการมอง โดยพร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำที่ 50,300 บาท และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
โดยสามารถสัมผัสกับความเฟี้ยวฟาสต์ บาดใจ ของ “ยามาฮ่า จีที125 ใหม่!” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่

กลุ่มสมาชิกเบเนลลี่และชาวสองล้อในจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับศูนย์เบเนลลี่

เชียงใหม่และ ปตท.OR จัดกิจกรรม “วันเด็กแห่งชาติ แบ่งปันความสุข ช่วยน้องบนภู ช่วยครูบนดอย  ณ.ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา แม่ฟ้าหลวง” มอบผ้าห่มจำนวน400ผืนและสิ่งของเครื่องใช้พร้อมอาหารแห้ง

 

2023 BURGMAN 400

Big Scooter หรือ Maxi Scooter จากค่าย Suzuki อย่าง Burgman400 ก็ได้รับการอัพเดทออกมาใหม่เช่นกันสำหรับโมเดลปี 2023 ซึ่งในแวดวง Big Scooter เป็นที่ยอมรับกันว่านี่คือ Elegant Athlete of the scooter world โดยในโมเดลล่าสุดนี้ทาง Suzuki ได้ปรับเสริมเติมแต่งอัพเดทจน Burgman400 นี้ มีความเป็น luxury performance มากขึ้น
เครื่องยนต์สูบเดียว DOHC ความจุ 400 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มีการจ่ายเชื้อเพลิงแม่นยำด้วยระบบหัวฉีด fuel-injection โดยใช้ระบบส่งกำลังแบบ CVT automatic transmission โดยในโมเดลล่าสุดนี้ได้รับการปรับการตอบสนองการทำงานในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น strong low speed engine ที่นอกจากเน้นการตอบสนองการขับขี่ที่ดีแล้ว ยังมุ่งเน้นในเรื่องของค่าไอเสียและค่าความประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังติดตั้งระบบ Easy Start และ Traction Control system เป็นระบบมาตรฐานมาจากโรงงาน สำหรับเครื่องยนต์สี่จังหวะ สูบเดียว 400 ซีซี DOHC ตามที่กล่าวไปแล้วว่าทางโรงงานได้เน้นในการเสริมประสิทธิภาพในรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำ แต่พวกเขาก็ได้พยายามสร้างสมดุลในการทำงานที่ดีในเรื่องของแรงบิดระหว่างรอบต่ำถึงรอบกลาง strong low to mid range torque รวมถึงการปรับเซ็ทให้ได้ค่าอัตราเร่งที่ดีในการไต่ระดับเค้นกำลังเครื่องยนต์ให้ออกมาจากรอบต่ำไปจนถึงรอบที่สูงขึ้นได้อย่างลงตัว ทำให้ Burgman400 ใหม่นี้ มีความครบเครื่องพร้อมตอบสนองการขับขี่ทั้งการใช้งานปกติและการเดินทางในแบบทัวริ่งบนถนนเปิด หรือแม้กระทั่งการใช้งานขณะมีผู้ซ้อนท้าย นอกจากนั้นในส่วนประกอบ

ทางด้านแมคคานิคส์ของเครื่องยนต์ DOHC four valve นี้ ยังได้รับการปรับในส่วนของ ชิ้นส่วนภายใน intake และ exhaust valves ที่ช่วยให้มีประสิทิภาพของการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และแน่นอนว่ามันส่งผลโดยตรงให้ได้การส่งกำลังที่นุ่มนวลมากขึ้น ให้อัตราเร่งที่ดีและแม่นยำมากขึ้นในทุกจังหวะการขับขี่ และคงจะไม่กล่าวถึงไม่ได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงนั่นก็คือ ระบบหัวเทียนคู่ Suzuki Dual Spark technology ที่ปลั๊กหัวเทียนทั้งสองใช้คู่หัวเทียนคุณภาพสูง a pair of long life iridium spark plugs ที่ให้จังหวะการจุดระเบิดที่รุนแรงแม่นยำ ช่วยให้การเผาไหม้ในห้องเผาไหม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพขณะที่ตัวรถมีความปราดเปรียวเพรียวบางมากขึ้น ด้วยการออกแบบภาพลักษณ์ให้ดู Sporty&slim bodywork ที่มาพร้อมไฟแออีดีใหม่ advance LED lighting อีกทั้งมีการอัพเดทในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ในบางจุดรวมกับการใช้วงล้อหน้าขนาด 15 นิ้ว จึงช่วยให้รถมีการควบคุมได้เฉียบคมมากขึ้น และการอัพเดทอีกส่วนหนึ่งก็คือระบบความปลอดภัย ที่ได้ติดตั้ง Suzuki Anti-lock Braking System{ABS} เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงานอีกด้วย เช่นกัน

มาที่ส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ Burgman 400 ใช้เฟรมแบบ underbone frameที่ใช้โครงสร้างท่อเหล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่และบางเบา ซึ่งตังเฟรมได้รับการพัฒนาให้ช่วยด้านการควบคุมการขับขี่ได้ดี พร้อมกันนี้ได้ติดตั้งฟอร์คหน้า เป็น telescopic fork ที่มีแกนขนาด 41มม.ที่มีช่วงยุบ 4.3 นิ้ว ในส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นเป็น mono-shock rear suspension ที่ทำงานร่วมกับชุดกระเดื่อง the link-type และตามที่กล่าวไว้ก่อนแล้วว่า ได้มีการเปลี่ยนขนาดวงล้อหน้าเป็น 15 นิ้ว แทนขนาดเดิม 14 นิ้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลให้รถมีเสถียรภาพที่ดีขึ้นในขณะขับขี่ สำหรับวงล้อหน้านั้นได้ติดตั้งจานดิสก์คู่ ขนาด 260ม.ม. ขณะที่วงล้อหลังซึ่งมีขนาด 13นิ้วนั้น ได้ติดตั้งจานดิสก์ขนาด 210 มม. ซึ่งระบบเบรกของ Burgman 400 นี้เป็น hydraulic disc brake ซึ่งได้ติดตั้ง ABS มาให้ตามที่กล่าวไปแล้วก็เป็นเพียงรายละเอียดบางส่วนของ Burgman 400 ที่ Suzuki อัพเดทโมเดลล่าสุดออกมาสู่ตลาดในปี 2023

 

2023 CRF450R 50th Anniversary

นับตั้งแต่ Honda ผลิต MXer ออกมาจำหน่ายรุ่นแรก ตามที่เขียนถึงไปแล้วคือ CR250M Elsinore และในปี 2023 ก็จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี ของการถือกำเนิด CR-CRF นั่นเอง ดังนั้นทาง Honda จึงได้ส่งรถโมเดลพิเศษเพื่อวาระเฉลิมครบรอบดังกล่าวออกมาสู่ตลาด โดยจะเป็นหนึ่งในไลน์อัพรถปี 2023 โดยจะใช้ลวดลายแนวคิดมาจากยุค 80s คือ CRF450R เวอร์ชั่นครบรอบห้าสิบปี ที่จะใช้กราฟฟิคที่คล้ายกับรถแข่งปี 1980 พร้อมองค์ประกอบอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่า รถรุ่นนี้มีความพิเศษกว่ารถเวอร์ชั่นมาตรฐาน หรือรถแบบ stock machine ที่สรุปความแตกต่างดังกล่าวก็คือ

Blue seat cover -White number board on the rear side covers, plus white front number board -Unique radiator shroud graphics -Gold wheels and handlebar
-Metallic Grey top and bottom yokes -Honda Wing logo on front mudguard สรุปสิ่งที่แตกต่างจากรถเวอร์ชั่นมาตรฐานก็คือหุ้มเบาะสีน้ำเงิน,กราฟฟิกที่เปลือกครอบหม้อน้ำ,วงล้อและแฮนเดิลบาร์สีทอง,ตัวยึดฟอร์คบนและล่างเป็นเทาเมทาลิค และมีโลโก้ปีกนกบนบังโคลนหน้า ในขณะที่พื้นฐานเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งพื้นฐานของเครื่องยนต์ในโมเดลปี 2023 นั้นได้รับการปรับให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิม 7% ที่รอบการทำงานเครื่องยนต์ 5000RPM มีการปรับพอร์ทไอดี intake port แคบลงจากโมเดลก่อนหน้านี้ มีการปรับvalve timing

อีกทั้งปรับค่าการเซทค่า ECU ใหม่ นอกจากนั้นตัวเรือนลิ้นเร่งได้เปลี่ยน Trottle body ขนาด 44m.m. มาเป็น throttle body ขนาด 42m.m. ซึ่งการปรับขนาดที่เล็กลงนั้นก็เพื่อผลทางด้านความต้องการที่จะให้ได้การส่งกำลังที่นุ่มนวบมากขึ้น แต่ประสิทธิภสพด้านอื่นๆนั้น จากข้อมูลการทดสอบและใช้งานจริงของนักแข่งในทีมแฟคทอรี่ ยืนยันว่า ไม่มีความแตกต่างใดใดระหว่างขนาดเรือนลิ้นเร่งที่ต่างกัน 2m.m.นี้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานเครื่องยนต์จากรายละเอียดมากมาย ที่มีการอัพเดทให้กับเรือธงลำนี้

เช่นเดียวกันหัวใจสำคัญของรถจักรยานยนต์สมัยใหม่นั่นก็คือตัวช่วยอย่างระบบอิเล็คทรอนิคส์นั้น ก็ไม่มียกเว้นใน MXer เช่นกัน โดยทาง HRC ยังคงพัฒนาต่อเนื่องให้กับHSCT – Honda Selectable Torque Control ที่มาพร้อม 3 riding modes(รวมOFFด้วย) เช่นเดียวกับ HRC launch control ก็ให้ตัวเลือกสำหรับการออกสตาร์ทมาสามอ๊อพชั่น ซึ่งก็คือ
Level 3 – 8,250rpm, muddy conditions/novice.
Level 2 – 8,500rpm, dry conditions/standard.
Level 1 – 9,500rpm, dry conditions/expert.
รวมทั้งการเซทติ้งค่า EMSB- Engine Mode Select Buttom ที่มีให้สามารถเลือกใช้ปรับค่า map ได้สามแมพ ก็คือ Mode 1 – Standard. ; Mode 2 – Smooth. ; Mode 3 – Aggressive.

ไทยฮอนด้าเปิดตัว New Click160 ใหม่ ตอกย้ำความเป็นจ่าฝูงด้วยสี Midnight Blue พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ Spirit of Speed Edition โฉบเฉี่ยวเกินใคร

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย เปิดตัว New Click160 โฉมใหม่ มาพร้อมคอนเซปต์ “นำหน้าอย่างจ่าฝูง” เท่ เกินห้ามใจด้วยสีน้ำเงิน Midnight Blue พร้อมกับเปิดตัวรุ่นพิเศษ Spirit of Speed Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก เจ-ชนาธิป นักเตะระดับท็อปของไทย

New Click160 โดดเด่นด้วยสีน้ำเงิน Midnight Blue ตัดกับสีดำ และล้อแม๊กสีดำอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสปอร์ต ปราดเปรียวอย่างผู้นำที่ไม่หยุดนิ่ง ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นจ่าฝูงของ Sport A.T. ได้อย่างเหนือชั้น New Click Spirit of Speed Edition โดดเด่นด้วยเส้นสายกราฟิกสีทอง Special Color Stripe ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก เจ ชนาธิป นักเตะที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น พลังเหลือล้น ถ่ายทอดเป็นความดุดันเกินต้าน พร้อมที่จะทะยานไปอย่างผู้นำ
New Click ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบไฟ LED รอบคัน และ Honda Smart Key กุญแจรีโมตอัจฉริยะ ทั้งยังอัดแน่นด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 157 ซีซี แรงที่สุดในคลาส บิดติดมือ พร้อมเทคโนโลยีเหนือชั้น ขับขี่สมูท เสริมความปลอดภัยเต็มอัตราด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS ล้อหน้า (เฉพาะรุ่น ABS) และระบบ Combi Brake เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก ช่วยหยุดรถได้อย่างมั่นใจ (เฉพาะรุ่น Standard) New Click160 รุ่น Standard มีทั้งหมด 4 สี สีใหม่ Midnight Blue และสี Furious Red ราคาแนะนำอยู่ที่ 63,500 บาท สี Magnetic Black และสี Crystal White ราคาแนะนำอยู่ที่ 63,700 บาท
รุ่น ABS ราคาแนะนำอยู่ที่ 69,900 บาท และ รุ่นพิเศษ Spirit of Speed Edition สี Magnetic Black ราคาเเนะนำที่ 64,000 บาท
สัมผัสความเท่ ดุดัน สไตล์สปอร์ตของ New Click160 ทุกรุ่น ได้แล้ววันนี้ที่ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดได้ที
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

ยามาฮ่ายกทัพ XMAX Connected จัดเต็ม!!! MAX ส่งตรงร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ

ยามาฮ่ายกทัพ XMAX Connected จัดเต็ม!!! MAX ส่งตรงร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ โดนใจลูกค้าทั่วไทย กับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี การันตีกับรับประกันทั้งคัน 5 ปี 5 หมื่นกิโลฯ เจ้าเดียวในไทย

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของโลก จัดส่งกองทัพรถจักรยานยนต์ New YAMAHA XMAX Connected บิ๊กล๊อตครั้งใหญ่บุกตลาดประเทศไทย ให้กับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ สำหรับรถจักรยานยนต์ New YAMAHA XMAX Connected เป็นรถจักรยานยนต์พรีเมียมสปอร์ตสไตล์ MAX DNA ระดับท๊อปคลาส ขนาดเครื่องยนต์ 300 ซีซี ที่ยามาฮ่าได้ทำการออกแบบและดีไซน์เต็ม MAX ใหม่ทั้งคัน โดนใจกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นทั่วประเทศ ทำให้เกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากที่ได้ทำการเปิดตัว เสริมระบบ Y-Connected ที่ใช้งานง่ายกับ 11 ฟังก์ชัน เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธ พร้อมระบบนำทางการขับขี่ด้วย Garmin Navigation System
New YAMAHA XMAX Connected พรีเมียมสปอร์ตเร้าใจ

พร้อมวางจำหน่ายในราคา 189,900 บาท…สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website : www.yamaha-motor.co.th

ไทยฮอนด้า ต้อนรับศักราชใหม่ ประเดิมเปิดตัว New PCX160 พรีเมียม เอ.ที. สุดหรู สีใหม่เร้าใจเกินต้าน! พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ Midnight Race Edition สุดดุดัน

ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย เปิดตัว New PCX160 สีใหม่ พรีเมียมเกินคลาส มาพร้อมคอนเซปต์ “New Definition Of Pride นิยามใหม่ของความภูมิใจที่เหนือกว่า” โดดเด่นด้วยสีเทาเฉดใหม่ พร้อมด้วยเบาะทูโทน ให้ลุคสปอร์ตพรีเมียมขั้นสุด สะท้อนความเท่เหนือใคร พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ New PCX160 ยกระดับความภาคภูมิใจ ลุคสปอร์ตหรูหราเกินต้าน โดดเด่นทุกมิติ นำโดยสีเทาใหม่ที่ลงตัวกับเบาะทูโทนสีเทา-ดำ เพิ่มความหรูหราด้วยเอมเบลม PCX สี Copper มีเอกลักษณ์เหนือใคร (เฉพาะในรุ่น ABS) ไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว LED พร้อมด้วยระบบไฟฉุกเฉิน ล้ำหน้าด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 157 ซีซี ขุมพลังที่ดีที่สุดในรถพรีเมียม เอ.ที. ระดับเดียวกัน ให้ทุกการขับขี่สมูท ลื่นไหล ควบคู่ไปกับความประหยัดเต็มขั้น เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
New PCX160 มาพร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัล บอกข้อมูลครบครันทุกฟังก์ชัน ขับขี่ได้อย่างมั่นใจด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ที่ช่วยในเรื่องการทรงตัว และป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ ควบคุมการขับขี่ได้ดีเยี่ยมตลอดเส้นทาง ใช้งานสะดวกสบายด้วยพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้เต็มใบ ที่ชาร์จไฟสำรอง USB Type-C พรีเมียมไปอีกขั้นด้วยกุญแจรีโมตอัจฉริยะ ชุดควบคุมการทำงานที่สั่งงานง่ายเพียงบิดสวิตช์ และ Blue Ring LED สะท้อนความหรูหราอย่างมีระดับ ปลอดภัยขั้นสุดกับดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS ล้อหน้า (เฉพาะรุ่น ABS) ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อก เมื่อเบรกกะทันหัน และระบบ Combi Brake (รุ่น Standard) เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก หยุดได้อย่างมั่นใจ
เสริมความเท่ เต็มอารมณ์สปอร์ตด้วยรุ่นพิเศษ New PCX160 “Midnight Race Edition สปอร์ตดุดัน ท้าทายทุกองศา” ด้วยชุดคู่สีใหม่ Midnight Blue ตัดสลับความเข้มดุดันของสีดำ และเอมเบลม PCX สี Copper พร้อมลายเส้นกราฟิกบ่งบอกความสปอร์ตเร้าใจในทุกมิติ New PCX160 พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว มีให้เลือก 3 รุ่น รุ่นพิเศษ ABS Midnight Race Edition ราคาแนะนำ 93,900 บาท รุ่น ABS ราคาแนะนำที่ 93,400 บาท มีทั้งหมด 2 สี สีแดง-ดำ และสีเทา-ดำ รุ่น Standard ราคาแนะนำที่ 87,400 บาท มีทั้งหมด 3 สี สีดำ สีขาว-ดำ และสีน้ำเงิน-ดำ
สัมผัสความสปอร์ตพรีเมียมของ New PCX160 ได้แล้ววันนี้ที่ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

ฮอนด้า โชว์ฟอร์มโหด คว้าชัยดาการ์ แรลลี่ 2023 สเตจ 4 พร้อมกวาด 3 อันดับท็อป 5

ฮอนด้า สร้างผลงานกระหึ่ม ดาการ์ แรลลี่ 2023 (Dakar Rally 2023 ) หลัง โจน บาร์เรดา บอร์ต นักบิดชาวสเปน จากทีมมอนสเตอร์ เอเนอร์จี เจบี (Monster Energy JB) ควบรถแข่ง Honda CRF450 Rally คว้าชัยจากการแข่งขันสุดหฤโหดในสเตจ 4 ขณะที่ พาโบล ควินตานินญ่า และ เอเดียน ฟาน เบเวอเรนจากยอดทีมแข่ง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี ฮอนด้า (Monster Energy Honda Team) ก็สามารถบิดควบรถแข่ง Honda CRF450 Rally จบในอันดับที่ 2 และ 5 ตามลำดับ เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ฮอนด้าพร้อมตัวแข่งอย่าง Honda CRF450 Rally กวาด 3 อันดับบนท็อป 5 บนระยะทางสุดหฤโหดของสเตจนี้กว่า 574 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็น 1 ในสเตจสุดหินจากการแข่งขันทั้งสิ้น 14 สเตจ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุของทะเลทรายในซาอุดิอาระเบีย

สำหรับการแข่งขันดาการ์ แรลลี่ ได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันแรลลี่รายการที่ใหญ่ที่สุด และโหดที่สุดในโลก ในศึก 2023 ดาการ์ แรลลี่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2022-15 มกราคม 2023 ในทะเลทรายของประเทศซาอุดีอาระเบีย รวมระยะทางราว 8,000 กิโลเมตร ได้เดินทางมาถึงสเตจที่ 4 และจะมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสเตจสุดท้ายคือ สเตจที่ 14 ในวันที่ 15 มกราคม 2023