พร้อมสู้ศึกระดับโลก! ไทยฮอนด้าประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ต 2023 ก้อง สมเกียรติ นำทัพลุยโมโตทูปีที่ 5 พร้อมส่ง ก๊องส์ ธัชกร ลุยโมโตทรี 4 สนาม ในศึกเวิลด์จีพี ชิพ-แชมป์-นิว พร้อมประกาศศักดาในศึกเอเชียโร้ดเรซซิ่ง

ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ตปี 2023 มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพนักบิดและทีมแข่ง วางเป้าหมายในระดับโลก ประกาศหนุน “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดคนแรกของไทยที่คว้าชัยเวิลด์กรังด์ปรีซ์ และเจ้าของรางวัล นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น จากการกีฬาแห่งประเทศไทย ไล่ล่าแชมป์ “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” เต็มฤดูกาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมีเป้าหมายคว้าท็อปไฟว์ในรายการนี้ พร้อมส่ง “ก๊องส์-ธัชกร” ล่าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์โลก “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” อย่างต่อเนื่อง เสริมด้วยความท้าทายใหม่ในระดับโลกด้วยการลงชิงชัยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม นอกจากนั้นยังเดินหน้าผลักดันนักบิดรุ่นใหม่ ในระดับเอเชีย เพิ่มความท้าทายในทุกรายการแข่งขัน ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพตามรอยรุ่นพี่ เริ่มที่รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง” นำโดย “แชมป์ ภาสวิชญ์” ในพิกัด 1,000 ซีซี ตามด้วย “ชิพ นครินทร์” ควงคู่ทีมเมท “นิว ปัณณสรณ์” ในพิกัด 600 ซีซี และ ผลักดันนักบิดดาวรุ่งอย่าง “ข้าวกล้อง จักรีภัทร” และ “มิกซ์ ธนัช” ที่ผนึกกำลังกับนักแข่งรุ่นพี่ สาวแกร่งผู้มากประสบการณ์อย่าง “มุกข์ มุกข์ลดา” ในพิกัด 250 ซีซี เสริมด้วยความท้าทายใหม่ในระดับเอเชียด้วยการดัน “จิมมี่ บูรพา” ดาวรุ่งจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ลงสู้ศึก “ออลเจแปน” รุ่น 600 ซีซี ที่ประเทศญี่ปุ่น

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า “แผนงานมอเตอร์สปอร์ตของไทยฮอนด้าในปี 2023 ยังคงสานต่อนโยบายการยกระดับศักยภาพทีมแข่งและนักบิดไทยไปสู่เวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Don’t Limit Your Challenges, Let’s Challenge Your Limit” โดยในปีนี้ได้เพิ่มความท้าทายใหม่ในทุกระดับการแข่งขัน สู่เป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตจีพี ในปี 2025 เราจึงวางแผนให้นักแข่งแต่ละคนได้รับความท้าทายในรายการที่สูงขึ้น เพื่อให้โอกาสนักแข่งได้ใช้ศักยภาพ ความสามารถ และท้าทายลิมิตตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้ง ก้อง สมเกียรติ จันทรา ที่มีเป้าหมายที่จะคว้าท็อปไฟว์ให้ได้ใน “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” และเรายังส่ง ก๊องส์ ธัชกร อีกหนึ่งดาวรุ่งที่มีผลงานโดดเด่นในการแข่งขันระดับเยาวชนโลก ให้ลงประเดิมในรายการ “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม นั่นหมายความว่าปีนี้แฟนชาวไทยจะได้เชียร์นักแข่งไทยพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น คือ โมโตทู และ โมโตทรี ในรายการ “ไทยจีพี” ที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน นอกจากนั้น ยังเดินหน้าผลักดันนักแข่งรุ่นใหม่เข้าสู่ระดับโลกตามรุ่นพี่อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับแผนงานมอเตอร์สปอร์ตของไทยฮอนด้า ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เข้าสู่ปีที่ 7 ยังคงสานต่อโร้ดแมปการพัฒนานักแข่งอย่างเป็นระบบ เพื่อเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันโมโตจีพี ภายในปี 2025 นำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดหนึ่งเดียวของไทย ผู้คว้าชัยชนะประวัติศาสตร์ในรายการระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ และคว้ามาถึง 4 โพเดียม ลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ร่วมกับสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” หมายเลข 35

ตามด้วย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งที่ทำผลงานยอดเยี่ยม คว้า 4 โพเดียมในยุโรปเมื่อปีที่ผ่านมา จะได้รับโอกาสความท้าทายใหม่ในระดับโลกด้วยการลงชิงชัยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม ควบคู่กับศึกชิงแชมป์นักบิดเยาวชนโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในรายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สังกัด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” หมายเลข 5 ซึ่งเป็นหมายเลขใหม่ของเจ้าตัวในปีนี้ ส่วนการแข่งขันระดับเอเชีย ในรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ เริ่มจาก รุ่น ASB1000 แชมป์ ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ยังคงร่วมทีมแอสติโม ฮอนด้า ดรีม เอสไอ เรซซิ่ง วิท ไทยฮอนด้า ภายใต้หมายเลขใหม่ 95 ตามด้วยรุ่น SS600 นำโดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 ยอดนักบิดมากประสบการณ์ จับคู่กับทีมเมท “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ หมายเลข 15 ไล่ล่าแชมป์ด้วยรถแข่ง Honda CBR600RR ส่วนในรุ่น AP250 ผลักดันนักบิดดาวรุ่งรุ่นใหม่อย่าง “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 11 ผนึกกำลังกับนักบิดสาวแกร่ง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช เจ้าของหมายเลข 44 ทวงบัลลังก์ศึกทางเรียบ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิป รุ่น AP250 อีกครั้ง ภายใต้สังกัดทีม ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โดยใช้รถแข่ง Honda CBR250RR
ด้านนักบิดดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองอย่าง “จิมมี่” บูรพา วันมูล น้องใหม่ เผชิญกับความท้าทายใหม่ที่สูงขึ้น โดยได้รับการทาบทามลงสู้ศึกรายการ เอ็มเอฟเจ ออล เจแปน โร้ด เรซ แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สังกัด ทีมแอสติโม ฮอนด้า ดรีม เอสไอ เรซซิ่ง ในรุ่น ST600 หมายเลข 31 ตั้งเป้าหมายยืนโพเดียมให้ได้ใน 3 ปี ส่วนศึกชิงแชมป์ดาวรุ่งระดับทวีปเอเชีย รายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในปีนี้ฮอนด้าส่ง 2 ยังทาเลนท์รุ่นใหม่ นำโดย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ที่มีประสบการณ์ในรายการนี้ และ น้องใหม่จากไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ “จิมมี่” บูรพา วันมูล ลงชิงชัยเป็นปีแรก ด้านศึกทางเรียบระดับประเทศอย่าง “โออาร์บีอาร์ไอซี แชมเปี้ยนชิพ” ภายใต้ทีม ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ส่ง “ชิพ นครินทร์” และ“แชมป์ ภาสวิชญ์” ล่าคว้าชัยในรุ่น SB1 1000 ซีซี และ “นิว ปัณณสรณ์” ควงคู่ “มุกข์ มุกข์ลดา” ในรุ่น SS1 PRO 600 ซีซี
ส่วนไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ปีที่ 7 เวทีขับเคี่ยวของเหล่านักแข่งดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ ที่ได้รับการยอมรับ จากนานาประเทศ ได้คัดเลือกนักแข่งเยาวชนไทยจากโครงการ ฮอนด้า อะคาเดมี่ 2022 จำนวน 10 คน ที่จะได้เพิ่มประสบการณ์ขับขี่ระดับนานาชาติ โดยต้องขับเคี่ยวกับนักแข่งดาวรุ่งจากอีก 5 ประเทศ ทั้งหมด 9 คน รวมเป็นนักบิดดาวรุ่งทั้งสิ้น 19 คน โดยใช้รถแข่ง Honda NSF250 ในการชิงชัย 6 สนาม 12 เรซ ทั้งนี้ เพื่อสร้างรากฐานการต่อยอดให้โร้ดแมปการพัฒนานักแข่งทำได้อย่างเป็นระบบอย่างต่อเนื่อง ฮอนด้า อะคาเดมี่ ที่เข้าสู่ปีที่ 6 ในการพัฒนาเยาวชนนักบิดล่าฝันรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 ในปีนี้เพื่อเปิดเส้นทางฝันให้กับนักบิดรุ่นเล็กอายุ 8-13 ปี ซึ่งเป็นเยาวชนไทย 18 คน และจากเยาวชนจากประเทศอังกฤษ 1 คน ทำการฝึกด้วย Race machine Honda NSF100 ทั้งหมด 6 สนาม 12 เรซ
ปิดท้ายด้วยการแข่งขันประเภททางฝุ่น รายการชิงแชมป์ประเทศไทย เอฟเอ็มเอสซีที ไทยแลนด์ ซูเปอร์ครอส ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นแชมป์ประเทศไทย ส่งยอดนักบิด “แซงค์” กฤษฎา จำรูญจารีต เจ้าของแชมป์ประเทศไทย 4 ปีซ้อน (2019-2022) หมายเลข 17 สังกัดทีม ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงป้องกันแชมป์ในรุ่น MX2-A ด้วยรถแข่ง Honda CRF250R พร้อมความท้าทายในการลง Wild Card รายการ D.I.D All Japan Motocross ที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างน้อย 2 สนาม เพื่อเก็บประสบการณ์พัฒนาศักยภาพในระดับสูงต่อไป
“ในภาพรวมขอแผนงานมอเตอร์สปอร์ตของฮอนด้าปีนี้ ทั้งนักแข่ง และทีมช่างจะได้รับโอกาสในการพัฒนาในหลายๆ ด้าน อย่างเป็นรูปธรรม เข้มข้น และท้าทายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปีนี้เรายังได้รับการสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา จากการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาร่างกายนักแข่ง เพื่อศักยภาพที่สูงขึ้นในการแข่งขันอีกด้วย สุดท้ายนี้ ขอฝากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยร่วมติดตามและส่งกำลังใจเชียร์ทีมแข่ง ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ และนักแข่งฮอนด้าทุกคนด้วยครับ” ประธานกรรมการบริหาร ไทยฮอนด้า กล่าวสรุปในตอนท้าย
สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

Honda x Colors Culture เปิดตัว Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition รุ่นพิเศษจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มรถ Fashion A.T. อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าดัง “Colors Culture” โดย พีพี กฤษฏ์ เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition ที่ออกแบบเพื่อแฟนๆ ของ พีพี กฤษฏ์ และวัยรุ่นไทยโดยเฉพาะ

Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition โดดเด่นสะดุดตาทุกมุมมองในสไตล์รถระดับ Iconic ของวัยรุ่น ผสานความสดใสของสีสันและเส้นสายเอกลักษณ์ที่เป็น Signature ของแบรนด์ Colors Culture บนตัวรถสีขาว – ชมพู สะท้อนความซุกซน ขี้เล่น ในสไตล์ของ พีพี กฤษฏ์ ที่รวมเอาสตรีทแฟชั่นและความคัลเลอร์ฟูลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถแมทรถเข้ากับการแต่งตัวได้หลากหลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้

นอกจากความลงตัวของสีสันและกราฟิกแล้ว ยังขับขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ eSP ที่ให้แรงบิดต่อเนื่อง ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นด้วย Honda SMART Key สตาร์ตโดยไม่ต้องใช้กุญแจ เช่นเดียวกันกับช่องชาร์จไฟสำรอง USB Socket Type A ให้ทุกดิจิทัลไลฟ์ของผู้ใช้ไม่มีสะดุด Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น โดยจะมาพร้อมหมวกกันน็อกลายพิเศษ Be Colorful Be Iconic ดีไซน์พิเศษเฉพาะผู้จองเท่านั้น โดยมีราคาแนะนำที่ 57,700 บาท พร้อมเปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 ผ่าน 2 ช่องทางได้แก่
1. ทางออนไลน์ เพียงคลิกที่ลิงก์
2. จองภายในงาน ติด Trend Fest ที่จัดขึ้นใน 4 จังหวัดทั่วประเทศ กรุงเทพฯ (วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 ที่สยามสแควร์ซอย 7) เชียงใหม่ ชลบุรี (พัทยา) และสงขลา (โปรดติดตามกำหนดการอีกครั้ง)

ไทยฮอนด้า และเอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ ผนึกกำลังบริษัทในเครือฮอนด้า 12 ประเทศโซนเอเชียและโอเชียเนีย ประชันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยระดับนานาชาติ

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนียรวม 12 ประเทศ ผนึกกำลังจัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย (The Asia-Oceania Honda Safety Instructor Competition 2023) มุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างไม่ลดละผ่านการยกระดับทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับสังคม มุ่งสู่พันธกิจของฮอนด้ามอเตอร์ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050

มร.มาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละตามพันธกิจที่จะสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับทุกคน ภายใต้แนวคิด ‘Safety for Everyone’ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ด้านการขับขี่ปลอดภัย ตั้งเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการชนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วโลก ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050”

“หนึ่งในกลไกขับเคลื่อนที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ การถ่ายทอดองค์ความรู้และการอบรมทักษะ จากครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าที่มีความชำนาญ ดังนั้น เพื่อรักษามาตรฐานพร้อมยกระดับความสามารถให้กับครูฝึกฯ นับเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าได้จัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในประเทศไทย และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกลุ่มบริษัทฮอนด้า 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม โดยมีครูฝึกฯ กว่า 100 คน เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้”

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้โครงการ Honda Safety Thailand ไทยฮอนด้าได้ส่งเสริมและรณรงค์กิจกรรมขับขี่ปลอดภัยในประเทศไทย เป็นเวลานานกว่า 34 ปี เรามุ่งมั่นทุ่มเทอย่างไม่ลดละในการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ามาตรฐานโลกที่ดีที่สุดถึง 4 แห่ง การพัฒนาหลักสูตรการฝึกสอนที่หลากหลาย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถให้กับครูฝึกฯ มาอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานครูฝึกฯ ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก”

ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเสริมว่า “เพื่อขยายการยกระดับทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง เราจึงนำสุดยอดครูฝึกฯ จากร้านผู้จำหน่ายฯ ผู้ชนะเลิศระดับภาค รวมถึงผู้ชนะเลิศการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ ตลอดจนครูและอาจารย์ ได้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันบนเวทีระดับนานาชาติในครั้งนี้ด้วย การแข่งขันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของครูฝึกฯ ทุกคน ทำให้ครูฝึกฯ สามารถส่งต่อความรู้ด้านทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับสังคม นี่คือสิ่งที่เราจะผลักดันอย่างเต็มศักยภาพ เพราะการพัฒนาที่ดีจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุทางถนนของเมืองไทยอย่างยั่งยืน”

สำหรับการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 1 (The 1st Asia-Oceania Honda Safety Instructor Competition 2023) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า จังหวัดภูเก็ต ครอบคลุมทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และการนำเสนอหลักสูตรเพื่อความปลอดภัยยุคใหม่ โดยในการแข่งขันประเภทรถจักรยานยนต์นั้นประกอบด้วยสถานีทดสอบ 3 สถานี ได้แก่ Slalom, Low Speed Balance และ Braking และในประเภทรถยนต์ประกอบด้วย 3 สถานี ได้แก่ Figure Driving, Slippery Road Driving และ Slalom
ติดตามข่าวสาร สาระสำคัญเกี่ยวกับฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัยได้ที่
แฟนเพจเฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand
เว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th
และฝึกคาดการณ์อุบัติเหตุ ช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนนได้ที่ :

2023 Yamah Hyper Naked range

กับนิยามความดิบ ในคอนเซ็พท์ no-compromise styling ของYamaha ที่ออกแบบรถเนคเก็ตดที่โชว์เว้นสายทรวดทรงโครงสร้างเฟรมในแบบ muscular chassis designs ที่ผสานกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาออกมาให้มีความโดดเด่นในเรื่องแรงบิด จากเครื่องยนต์ crossplane engine จนว่งผลให้หลายรุ่นในกลุ่มรถเนคเก็ตกลายเป็นหนึ่งในรถที่ทำยอดขายได้ดี จากแรงบันดาลใจในการสร้างวิถีทางตามแบบฉบับที่มีลักษณะเฉพาะตัวภาบใต้นิยาม The Dark Side of Japan มีส่วนสำคัญที่มำให้รถในรหัส MT สามารถทำยอดขายต่อเนื่องตลอดระยะเวลาสิบปีได้สำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายรวมเกนกว่า 420000 คัน ทั่วยุโรป ที่กลุ่มผู้ใช้ยอมรับรถที่มีลัษณะเฉพาะตัวตามแบบฉบับ Yamaha Hyper Nakeds โดยทาง Yamaha Motor Europe ได้เปิดไลน์อัพรถในซีรีส์ MT ไว้ตั้งแต่ขนาด 125 ซีซี. -1000 ซีซี. ที่พร้อมตอบสนองความต้องของผู้ขับขี่ในทุกช่วงอายุ และทุกระดับประสบการณ์ในการขับขี่และในปี2023 ทางYamaha Europe ได้มีการรุกตลาดอีกครั้ง ด้วยการเสริม

และในปี2023 ทางYamaha Europe ได้มีการรุกตลาดอีกครั้ง ด้วยการเสริมสมรรถนะปรับสเปคให้กับ MT-07 และ MT-125 ให้สูงขึ้นกว่าโมเดลก่อนนี้ ซึ่งทั้งสองโมเดลดังกล่าวนับว่าเป็นรุ่นที่ประสยความสำเร็จสูงสุดในไลน์อัพของรถรหัสMT ขณะเดียวกันก็ยังคงส่งรุ่นอื่นๆออกมาอย่างเต็มไลน์อัพ ที่ตามมาด้วยโมเดลที่ถือว่ามีความโดดเด่นอย่าง MT-09 และ MT-09SP และแน่นอนว่าพี่ใหญ่ของไลน์อัพ ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ทรงพลังมากที่สุด โดยยกให้เป็น the most powerful Yamaha Hyper Naked ซึ่งก็คือ MT-10 ที่ควงมาพร้อมกับ MT-10SP


โดยในรุ่น 2023MT-07 ที่จัดได้ว่าเป็นโมเดลในระดับ Top of the sales charts ที่สามารถทำยอดได้ถึง 160,000 คัน ในยุโรป นับตั้งแต่เริ่มเปิดไลน์การผลิตมาจำหน่ายตั้งแต่ปี2014 และในโมเดลปี 2023 ได้มีการอัพเกรดอย่างเช่นการ ใช้ new 5-inch full-colour TFT display ที่สามารถเลือกธีมหน้าจอได้สองรูปแบบ คือ street theme กับ touring theme นอกจากนี้ยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนดาวน์โหลดแอพของYamaha คือ MyRide app ก็จะช่วยให้ผู้ขี่เชื่อมต่อการกับ MT-07 ผ่านBluetooth ซึ่งจะช่วยให้สามารถสื่อสารผ่าน new TFT meter

เช่นเดียวกันในโมเดล 2023 MT-125 ก็มาพร้อมกับ new 5-inch connected full-colour TFT meter พร้อมอ็อพช่นที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน สำหรับ MT-125 นี้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ขายดีและเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้ขับขี่ที่ถือใบอนุญาตขับขี่ในระดับ A1 ของยุโรป และแน่นอนว่าในการเชื่อมต่อกับ แอพ MyRide app นั้น จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรับข้อมูล รับข่าวสารและสื่อสารต่างๆที่เกี่ยวกับตัวรถได้อย่างหลากหลาย แบบเดียวกับ MT-07 แล้ว ยังมีส่วนที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมคือ ใน MT-125 นี้ จะได้รับการติดตั้ง new traction control system อีกด้วย และทั้งสองโมเดลนี้ก็คือหนึ่งในรุ่นที่สามารถทำยอดขายได้มากที่สุดในซีรีส์ MT เคลื่อนไหวเล็กที่มีผลต่ออนาคตมากมายจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ การประกาศเปิดแผนก Racing Service Center ขึ้นมาในปี 1982 ก่อนที่แผนกนี้จะถูกเปลี่ยนสเปค MT-125

Engine type : EURO5;4-stroke;Liquid-cooled;SOHC;Single cylinder
Displacement : 124cc
Bore x stroke : 52,0 x 58,6 mm
Compression ratio : 11,2 : 1
Maximum power : 11,0 kW @ 10.000 rpm
Maximum Torque : 11,5 Nm @ 8.000 rpm
Lubrication system : Wet sump
Clutch Type : Wet;Multiple Disc
Ignition system : TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh;6-speed
Final transmission : Chain
Fuel consumption : 2,1 L/100 km
Carburettor : Electronic Fuel Injection
Frame : Diamond
Caster Angle : 26º
Trail : 95 mm
Front suspension system : Upside-down telescopic fork, Ø 41 mm
Rear suspension system : Swingarm;(Link type suspension) Front travel : 130 mm
Rear Travel : 110 mm
Front brake : Hydraulic single disc, Ø 292 mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø 220 mm
Front tyre : 100/80-17M/C 52S
Rear tyre : 140/70-17M/C 66S
Overall length : 1.960 mm
Overall width : 800 mm
Overall height : 1.065 mm
Seat height : 810 mm
Wheel base : 1.325 mm
Minimum ground clearance : 160 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 142 kgFuel tank capacity : 11 L
Oil tank capacity : 1,05 L

 

“ยามาฮ่า” เร็วสุดเช็กดาวน์เทสต์วันแรก “เซปังฯ”

ทีมโรงงาน โมโตจีพี ทุกค่ายลงทดสอบที่ “เซปังฯ” แล้ว ผลวันแรกปรากฏว่า คาล ครัทช์โลว นักบิดชาวอังกฤษพา ยามาฮ่า ขยับรั้งจ่าฝูง พร้อม “ท็อปสปีด” ที่น่าสนใจ ศึก โมโตจีพี 2023 เข้าสู่โปรแกรมการทดสอบ “เช็กดาวน์ เทสต์” วันแรกที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยเป็นหน้าที่ของนักบิดทดสอบของแต่ละแบรนด์ รวมถึงนักบิดหน้าใหม่เพียงหนึ่งเดียวอย่าง ออกุสโต้ เฟร์นันเดซ
ผลการทดสอบในวันแรกปรากฏว่าทีมทดสอบของ ยามาฮ่า ที่ไม่ได้ระบุชื่อนักบิด แต่ลงเทสต์โดย คาล ครัทช์โลว, คัตซูยูกิ นากาซูกะ และ โคตะ โนซาเนะ ทำเวลาได้เร็วที่สุด
เป็นที่เข้าใจว่า ครัทช์โลว ภายใต้รถแข่งรหัส T2 ทำเวลาไว้เร็วที่สุด 2 นาที 1.146 วินาที ขณะเดียวกัน “ท็อปสปีด” จากการทดสอบเครื่องยนต์ใหม่ของ M1 ออกมาสูงสุดที่ 330.2 กม./ชม. ช้ากว่าที่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ทำไว้สูงสุดในรอบควอลิฟาย 2 กม./ชม. แต่การเร่งออกจากโค้งของนักบิดเฟรนช์อยู่ในเงื่อนไขที่ดีกว่า ทำให้คาดการณ์ว่าเป็นสัญญาณที่ยอดเยี่ยมของ ยามาฮ่า กับเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ในปี 2023
ภายหลังจากที่สนามแห้งจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง นักบิดทุกคนก็กลับลงสู่แทร็กอีกครั้ง ทว่าพวกเขายังคงใช้ “ยางฝน“ ลงบิดจนถึงเวลา 18.00 น. จนจบการทดสอบวันแรก
โดย เช็กดาวน์ เทสต์​มีกำหนดให้แต่ละทีมทำงานระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรถแข่งก่อนเข้าสู่ “ออฟฟิเชียล เทสต์” ระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์นี้ ที่ เซปังฯเช่นกัน
ผลการทดสอบวันแรก “เช็กดาวน์ เทสต์” วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2023

“ยามาฮ่า” เปิดตัวทีมแข่ง จัดทัพ 6 นักบิดทวงบัลลังก์แชมป์ WSBK

ค่ายยามาฮ่า เผยไลน์อัปนักบิดที่จะลงไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ ในฤดูกาล 2023 นำทัพโดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ดาวบิดเติร์กอดีตแชมป์โลกปี 2021 ที่ตั้งเป้าพาต้นสังกัดกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดบนเวทีดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งจะลงซิ่งด้วยรถแข่ง 6 คัน ภายใต้ 4 สังกัดในฤดูกาลนี้

 

ทีมโรงงานยามาฮ่า สิ้นสุดการแข่งขันฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยตำแหน่งรองแชมป์โลก หลังครองบัลลังก์ ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2021 จากผลงานของ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ดาวบิดเติร์ก ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในซีซั่นดังกล่าว ก่อนจะต้องเจอกับงานหินในฤดูกาลที่ผ่านมา

ล่าสุด ค่ายยามาฮ่า ได้เผยไลน์อัปนักบิดที่จะลงทำการชิงชัยในฤดูกาลนี้ ซึ่งมีจำนวน 4 ทีม ภายใต้รถแข่งทั้งสิ้น 6 คัน โดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ยังคงจับคู่กับ อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 ลงซิ่งภายใต้สังกัด PATA YAMAHA WORLDSBK ขณะที่ โดมินิค เอเกอร์เตอร์ #77 แท็กทีม เรมี การ์ดเนอร์ #87 ลงชิงชัยภายใต้สังกัด GYTR GRT YAMAHA WORLDSBK TEAM

ด้าน ลอเรนโซ่ บัลดาสซาร์รี #34 นักบิดอิตาเลียน เข้าร่วมการชิงชัยภายใต้สีเสื้อ GMT94 YAMAHA รวมถึง แบรดลีย์ เรย์ #28 ดาวบิดเมืองผู้ดี ที่จะลงไล่ล่าความสำเร็จภายใต้สังกัด YAMAHA MOTOXRACING WORLDSBK TEAM โดยมีบัลลังก์แชมป์โลก ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นเป้าหมาย

MOTOMORINI :X-CAPE

รถจักรยานยนต์รุ่นล่าสุดจากค่าย Moto Morini ที่ทางค่ายบอกว่านี่คือ a new way of motorcycling ซึ่งก็คงจะเป็นกลุ่มหรือประเภทรถใหม่ล่าสุดของทางค่ายที่พัฒนาออกมาสู่ตลาด ขณะที่ผู้ขับขี่ทั่วไปคงจะมองว่า นี่ก็คือรถในสายแอดเวนเจอร์อีกรุ่นหนึ่งที่ออกสู่ตลาด

อย่างไรก็ตามทางค่ายระบุชัดเจนว่านี่คือรถที่พวกเขาภูมิใจนำเสนอด้วยความเป็นรถในแบบ made in italy ที่จะคงความเป็นรถสายอิตาลี ด้วยการออกแบบที่น่าจับตามอง ด้วยการออกแบบที่สวยงาม สมรรถนะที่ลงตัว พร้อมให้ความสนุก และสะดวกสบายในขณะขับขี่ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ ที่ออกแบบเฟรมแบบ robust steel trellis พร้อมฟอร์คหน้าแบบอลูมิเนียม ที่ติดตั้งมากับวงล้อหน้า 19 นิ้ว และ วงล้อหลัง 17 นิ้ว โดยในส่วนของฟอร์คหน้านั้น มีขนาด 50 มม. สามารถปรับเซ็ทได้ตามความเหมาะสมกับการขับขี่ทั้งขึ้นทางลาดชัน เข้าเส้นทางออฟโร ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นทาง MotoMorini ได้จับมือกับผู้ผลิตระบบกันสะเทือนอย่าง Marzocchi โดยเฉพาะฟอร์คหน้านั้นเป็นแบบปรับตั้งค่าได้อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่เบาะนั่งนั้นมีขนาดใหญ่ นุ่มนวล มีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ขับขี่และผู้ซ้อน โดยตำแหน่งนั่งของผู้ซ้อนนั้นสูงจากพื้นเพียง 845 มม. ขณะที่ตำแหน่งผู้ขับนั้นเบาะนั่งมีความสูงจากพื้นเพียง 820 มม.

คำแหน่งแฮนเดิ้ลบาร์ ออกแบบมาให้มีความพอดี ไม่กว้างเกินไปและไม่อยู่ชิดกับผู้ขับขี่มากเกินไป ขณะเดียวกันได้ออกแบบให้มีการจัดวางตำแหน่งแฮนเดิ้ลบาร์ไว้ทั้งสิ้น 6 ตำแหน่งที่แตกต่างกันไป ทั้งความสูงและระยะจากตัวผู้ขับขี่ เพื่อให้ได้รับความรู้สึกสะดวกสบายกับตำแหน่งท่าทางการขี่ที่เหมาะสมที่สุดหน้าจอแสดงผลหรือเรือนไมล์ ที่ติดตั้งมามีขนาด 7 นิ้ว เป็นจอสีแบบ TFT ซึ่งถือว่าเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกันที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด นั่นหมายความว่า ด้วยขนาดจอที่กว้างนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นข้อมูลต่างๆ บนจอแสดงผลได้สะดวกง่ายดายมากกว่า

สำหรับระบบเบรกของรถนั้น แม้ว่าโดยพื้นฐานจะติดตั้ง ABS มาให้ แต่ก็สามารถที่จะยกเลิกการใช้งานได้ ขณะที่จะขับขี่บนเส้นทางวิบาก เพียงแค่การกดสวิทซ์ที่ติดตั้งอยู่บนแฮนเดิ้ลบาร์ เมื่อคำสั่งบล็อกการทำงานของ ABS ทำงาน ก็จะมีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นบนจอแสดงผล สำหรับในส่วนของระบบเบรกนั้นทาง MotoMorini ได้เลือกใช้เบรกจากค่าย Brembo เข้ามาเป็นผู้ดูแลชิ้นส่วนต่างๆในเรื่องของความปลอดภัยของระบบเบรกให้กับ X-CAPE

นอกจากนี้ทางฝั่งซ้ายของแฮนเดิ้ลบาร์ก็จะมีสวิทซ์หรือปุ่ม สำหรับใช้สั่งการทำงานบนเมนูต่างๆของจอแสดงผล นอกจากการทำงานพื้นฐานทั่วไปแล้ว ทาง Motomorini ยังได้ติดตั้งระบบ wireless system มาให้ X-CAPE เพื่อช่วยในการแสดงขอมูลเกี่ยวกับแรงดันปัจจุบันของยางอีกด้วย ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นสามารถปรับเลือกแคกราวด์ได้สี่แบบ พร้อมกันนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมารทโฟนผ่านบลูทูธ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการสื่อสารต่างๆได้โดยสะดวกอีกด้ว

Yamaha TRACER9GT ROAD OF LIFE ได้เวลาออกลุยแล้ว กับทัวร์ริ่งสายซิ่ง

เปิดตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในงาน มอเตอร์โชว์ฯ กระแสตอบรับดีมาก สำหรับรถบิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่ง ที่มาแบบไม่ธรรมดา ด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียว กระชับ ตอบรับทุกการขับขี่ที่ดุดัน และเร้าใจ
TRACER9GT อยู่ในเซ็กเม้นท์ของทัวร์ริ่ง แต่แฝงไปด้วยพาวเวอร์ทอร์คพละกำลังมหาศาล และสรีระที่ไม่เทอะทะสามารถขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ ว่าจะใช้งานในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ด้วยความเพรียวของตัวรถ ทำให้ง่ายในการพลิกเลี้ยวและซิกแซกในของแคบๆ ได้สะดวก หรือการเดินทางออกทริปไปท่องเที่ยว

ความสปอร์ตเห็นได้ชัดตั้งแต่ด้านหน้า กับโคมไฟคู่ที่ดูมีความเฉี่ยบคมดุจตาเหยี่ยว และมาพร้อมกับระบบ คอนเนอริ่งไลท์ ที่เมื่อเลี้ยวเข้าโค้งรถเอียงมากกว่า 7 องศา จะมีแสงไฟส่องออกทางด้านข้างเพื่อให้มองเส้นทางได้เคลียมากยิ่งขึ้นในเวลากลางคืน ไฟสูงแบบทรงกลม แฟริ่งไม่เยอะและไม่ใหญ่ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เบาะสองตอน เครื่องยนต์ เพลตฟอร์มระดับมาสเตอร์ทอร์ค 3 สูบ เรียง คอสเพลน ที่สามารถสร้างแรงบิดได้สูง เมื่อต้องการที่จะเร่งแซง หรือทำควาเร็ว พร้อมทะยานทุกย่านของรอบเครื่องยนต์ เพียงกระแทกคันเร่งที่เป็นระบบไฟฟ้าเบามือไม่ต้องแรงเยอะ ถึงแม้จะมีน้ำหนักเยอะแต่เมื่อมันถูก กำคลัทช์ ใส่เกียร์ และบิดคันเร่งออกตัว ไร้ซึ่งแรงกดอยู่กับที่ทำให้มันรู้สึกเบาขึ้นมาทันที และเพิ่มความสนุกเร้าใจด้วยฟังก์ชั่นการขับขี่ที่แสดงขึ้นบนจอแสงผลแบบดิจิตอลแยก 2 จอ โหมดการขับขี่ 4 โหมด การปรับระบบช่วงล่างไฟฟ้า 2 ระดับ และ แทร็คชั่นคอนโทรล 2 ระดับ + ปรับตั้งเองอีก 1 โหมดการขับขี่สุดเร้าใจ รองรับสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ขี่ไปปรับไปได้ง่ายแบบเรียลไทม์ โหมด 3 น่าจะที่เหมาะสำหรับสายทัวร์ริ่งมากที่สุด

พราะด้วยการสั่งงานของกล่องควบคุมจะกำหนดให้เครื่องยนต์มีความราบเรียบ รอบไม่ตึง แต่ยังให้อัราตาเร่งที่ดี ส่วน 1-2 จะเหมาะสำหรับการใช้งานแบบใช้งานทั่วไป เพราะทั้งรอบ และแรงม้าถูกปล่อยออกม้าเต็มระบบ และมีเอนจิ้นเบรกหนัก เมื่อยกคันเร่ง มันจะสนุกเมื่อขับขี่ในรถติดๆ การซิกแซก เข้าซอกเข้าซอย โหมด 2 มีความใกล้เคียง แต่รอบจะถูกลดลงนิดหน่อย ทั้ง 3 ฟังก์ชั่น ควบคุมด้วยสวิตช์ที่ด้านซ้ายใช้งานง่าย ความดุดันของเครื่องยนต์ 3 สูบ คอสเพลน เพิ่มออพชั่นเพื่อให้การขับขี่มีความต่อเนื่อง ด้วย ระบบควิกชิพเตอร์ ที่สามารถใช้งานทั้ง ชิพอัพ และชิพดาวน์

ในส่วนของชิพอัพก็เข้าได้ปกติกถึงจะต้องออกแรงนิดนึ่ง แต่สำหรับชิพดาวน์ ยังสามารถรวบเกียร์ได้เร็ว ใช้คลัทช์ช่วยซับก็ยังสนุกกว่า เพราะว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ก็มีระบบ สลิปเปอร์คลัทช์มาให้ด้วย ระบบกันล้อหลังหมุนสไลด์ แทร็คชั่นคอนโทรล มีให้เล่น 2 ระดับมาตรฐาน และ โหมด M แมนนวน ที่สามารถตั้งค่าเองได้ สำหรับคนที่มีสกิลสูงๆ ท่านั่งสไตล์ทัวร์ริ่ง ให้ความสบายไม่ต้องก้มให้เมื่อย ระยะความห่างของเบาะนั่งกันแฮนด์ที่ถูดปรับเยื่องเข้าหาผู้ขับขี่มันค่อนข้างผ่อนคลาย แขนไม่ตึง การบังคับแฮนด์ก็เลยง่าย และเบาแรง ตัวเบาะเองก็มีขนาดกว้าง แต่ความสูงจากพื้นถึงเบาะผู้ขับขี่ค่อนข้างจะสูงไปนิด

แต่นั่นก็เพราะสไตล์ของตัวรถที่เน้นการขับขี่ที่ต้องมองไกลเพื่อวิสัยทัศน์ที่ดี วินชิลด์ ปรับได้สองระดับด้วยมือ การ์ดแฮนด์มีมาให้ครบ และเพื่อสะดวกในการเดินทางที่ต้องใช้ จีพีเอส หรือ เส้นทางผ่านสมาร์ทโฟน ข้างเอนไมล์ทางซ้ายก็มีช่องเสียบชาร์จไว้ด้วยช่วงล่างหนึบ โช้คอับหน้า Upside Down และ โช้คหลังเดี่ยว ที่สามารถปรับได้ด้วยแมนนวน ดีเหมือนกัน หลังจากขับขี่บนถนนหลักจนรู้สึกชินกับน้ำหนัก และสรีระของตัวรถแล้ว

พอได้ขึ้นเขาใหญ่ที่มีโค้งให้ได้ลองพลิกเลี้ยวดูก็รู้ว่ามันใช้ได้เลย และที่สำคัญ ระบบโช้คอัพที่เป็นไฟฟ้านั้นสามารถปรับได้ถึง 2 ระดับ เพื่อรองรับน้ำหนักผู้และขับขี่ผู้ซ้อนท้าย หรือสไตล์การขับขี่ของไบค์เกอร์แต่ละคน เรื่องของเบรกก็จัดเต็มมาให้อยู่แล้ว ดิสก์เบรกหน้าจานคู่ ข้างหลังดิสก์เบรกจานเดี่ยว พร้อม ABS เอาอยู่ทุกความเร็ว แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะ

สรุปรวมๆ TRACER9GT เป็นรถทัวร์ริ่ง ที่มีความกระชับ และคล่องตัว อัตราเร่งดี ท่านั่งสบายตอบโจทย์การขับขี่ทางไกล แต่น้ำหนักจะเยอะไปนิด และเบาะสูงไปหน่อย ขนาดความสูง 170 ซม. ยังเขย่ง แก้ไขได้ด้วยการปาดเบาะลงอีกสัก 2 นิ้ว น่าจะให้ความมั่นใจเวลาจอด ส่วนราคาค่าตัว ก็พอสมน้ำสมเนื้อ 569,000 บาท

2023 Triumph Speed Twin 900

สำหรับรถในเครื่องยนต์พิกัด 900 ซีซี จากค่ายผู้ดีอังกฤษ ที่ส่งออกมาสำหรับทำตลาดเป็นโมเดลปี 2023 แม้จะระบุมาว่าเป็นโมเดลใหม่ก็ตาม ทว่าเมื่อดูรายละเอียดในเอกสารพีอาร์แล้ว กล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อจากเดิม street twin เป็น Speed Twin 900 ไม่ว่าจะใช้ชื่อไหนด้วยรูปโฉมของรถโมเดลนี้ รวมกับองค์ประกอบต่างๆที่รังสรรค์แต่งแต้มลงไป ส่งผลให้นี่คือรถในแบบ modern classic ที่ว่ากันว่าขายดีที่สุดซีรี่ส์หนึ่งของ Triumph ด้วยความสวยงาม ความคลาสสิค และเทคโนโลยีที่พัฒนาเสริมแต่งเข้าไปล้วนส่งให้รถรุ่นนี้มีความเป็นพรีเมี่ยม มีความหลากหลายที่เอื้อให้ผู้ขับขี่ตกแต่งเพิ่มเติมได้หลากหลาย

 

ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่านี่คือรถรุ่นหนึ่งที่ทางค่ายรถอังกฤษมีความตั้งใจออกแบบมาให้พร้อมสำหรับการขับขี่ใ้ชงาน มีความรู้สึกสนุกสนานของผู้ครอบครองในการที่จะนำไปตกแต่งในแบบคัสตอมสไตล์ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญ ยังคงสมรรถนะในด้านต่างๆรวมทั้งประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่ นี่คือหนึ่งในรุ่นรถขนาด 900 ซีซี ที่ใช้เครื่องยนต์สองสูบ parallel twin ที่กำหนดองศาการจุดระเบิดอยู่ที่ 270 องศา


ซึ่งมาพร้อมกับแรงบิดที่ค่อนข้างสูง แม้จะเป็นเครื่องยนต์เดียวกับ scrambler 900 พร้อมกับใช้คลัทซ์แบบ torque assist clutch อีกทั้งยังมี ride-by-wire with switchable traction control เหมือนกัน ทว่าในรุ่นนี้กลับมีการติดตั้งโหมดการขี่ หรือ riding mode เพียงสองแบบ คือ road กับ rain ขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้น ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นฟอร์คอัพขนาด 41 มม. แบบ cartridge forks และระบบกันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพคู่ twin rear suspension โดยได้ติดตั้งระบบเบรกมาตรฐานจากโรงงานมาเป็น brembo 4 piston front caliper และ nissin rear caliper with ABS
แม้ว่าจะพัฒนาปรับปรุงเสริมแต่งสิ่งใหม่ๆเข้าไป ทว่าสิ่งหนึ่งที่ค่ายรถจากอังกฤษเจ้านี้พยายามคงไว้ก็คือ ความพยายามรักษาเอกลักษณ์ความคลาสสิคของรถรุ่นนี้หลายๆอย่างที่พยายามถอดแบบมาจาก 1959 bonneville ให้คงอยู่ในร่างของ speed Twin 900 นี้ต่อไป

TM Pink Limited Edition

ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่คือค่ายรถอีกค่ายจากฝั่งอิตาลีและสเปน ที่ใจร้ายพอสมควร นอกจากไฟล์ภาพแล้ว เอกสารประกอบล้วนเป็นภาษาท้องถิ่นทั้งหมด ราวกับว่าจะขายเฉพาะในประเทศหรือเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ดังนั้นรถ TM Pink Limited Edition คันนี้จึงมีข้อมูลน้อยมาก โดยได้มาจากการเสิร์จสุ่มหาตามเว็บไซต์ต่างๆที่พอจะมีเป็นภาษาอังกฤษให้เห็นบ้าง

Limited Edition บ้าง Special Edition บ้าง ตามแต่ละเว็บไซต์จะลง เอาเป็นว่ามันก็คือรถรุ่นพิเศษ จากค่ายรถ TM หรือบางเจ้าอาจจะเรียกว่า TM Racing ก็ว่ากันตามสะดวกก็แล้วกัน
สำหรับรถคันนี้เพิ่งเปิดตัวกันไปหมาดๆระหว่างสัปดาห์ของการแข่งขัน Italian EnduroGP หรือการแข่งขันเอ็นดูโร่ชิงแชมป์โลก สนามที่จัดในอิตาลีนั่นเอง โดยทาง TM Racing ได้บอกว่านี่น่าจะเป็นรถที่โมดิฟายขึ้นมา เพื่อจำหน่ายจำนวนจำกัด 200 คัน

นี่คือโทนสีกราฟฟิคที่โย่งไปถึงความสำเร็จในอดีตของรถแข่ง TM ซึ่งเริ่มก้าวเข้าสู่การแข่งขันในระดับชิงแชมป์โลก และก็สามารถสร้างความสำเร็จได้ในระดับที่น่าพอใจ ดังนั้นรถคันนี้ไม่ใช่แค่สีชมพู หรือ Pink ตามที่คนทั่วไปคิดหรือเห็น แต่นี่คือ ความพิเศษของ TM Racing ที่เรียกสิ่งนี้ว่า Fuchsia ซึ่งก็ระบุชัดเจนเป็นข้อความว่า It ‘s fuchsia,not pink เอาเป็นว่า มันพิเศษสำหรับ TM Racing ก็แล้วกัน เท่าที่หาดูความสำเร็จดังกล่าวนั้นก็ย้อนไปในช่วงยุค ‘90 ที่พวกเขาก้าวสู่วงการแข่งขันอย่างเต็มตัว ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวนั้น ก็ได้แก่การคว้าชัยใน 1993 Enduro World Championship รุ่น 80 ซีซี หรือการคว้าชัยชนะสนามแรกของการแข่งขันโมโตครอส 125 ซีซี ระดับชิงแชมป์โลก รวมทั้งการครองแชมป์อิตาลีประเภทโมโตครอส รุ่น 250 ซีซี สรุปก็คือ พวกเขาเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ ด้วยโทนสี retro pinkie special edition ซึ่งเป็นหนึ่งไลน์อัพรถกลุ่มเอ็นดูโร่ของตัวเอง

สำหรับรายละเอียดอื่นๆของตัวรถไม่มีอะไรนอกจากไฟล์ภาพที่แจกมาให้ ก็เอาเป็นว่ารับชมภาพสวยๆกับของแต่งของเจ้าลิมิเต็ดคันนี้ไปเป็นแนวทางเผื่อจะสร้างสรรค์รถวิบากคู่ใจของคุณในอนาคต ปิดท้ายก็เป็นดีเทลที่พอหาได้ถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์แต่ที่ทาง TM Racing ได้ทำการแต่งให้กับ รถเฮ็นดูโร่คันนี้
Pair of gold coloured CNC brake and clutch master cylinder covers
Pair of gold coloured Ergal CNc footrests
Gold CNC rear caliper support bracket
Gold CNC wheel pin extraction expansion plugs
New design grip saddles
Retro ‘93 graphics
Pink plastic kit
Circuit black grips
Excell grey rims
New mappings (2T)
Circuit Carbon Pink handguards

“ยามาฮ่า” นัดดวลแข้งกระชับมิตร สานความสัมพันธ์สื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์

นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับนายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมด้วยกลุ่มสื่อมวลชนชั้นนำสายยานยนต์ นิตยสารรถจักรยานยนต์ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของประเทศ ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร YAMAHA Revs Soccer Super League 2023 ครั้งที่ 1 ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความสัมพันธ์อันดีระหว่างยามาฮ่า รวมถึงสื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์สายกีฬา พร้อมกันนี้ ยามาฮ่ายังได้เชิญชวนร่วมชมการแข่งขันฟุตบอล Revo Cup 2023 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ณ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม

โดยการแข่งขันฟุตบอล 4 เส้ากระชับมิตร YAMAHA Revs Soccer Super League 2023 ครั้งที่ 1 ในครั้งนี้มีขึ้น ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมื่อเร็วๆ นี้

เสียงตอบรับล้นหลาม! คลื่นมหาชนชาว Honda Premium A.T. รวมพลบุก “Honda Mega Fest” แน่นขนัด

ระเบิดความมันส์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Honda Mega Fest” จากไทยฮอนด้า กับการรวมพลครั้งสำคัญของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Honda Premium A.T. ทุกรุ่นหลายพันคน ไม่ว่าจะเป็น Forza350 ADV350 ADV160 และ PCX160 ที่ต่างพารถคันเก่งมาประชันกันที่ Crystal Arena CDC เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ท่ามกลางกิจกรรมความมันส์ระดับ Mega ที่จัดขึ้นสำหรับชาว Honda Premium A.T. โดยเฉพาะ Honda Mega Fest เปิดฉากตั้งแต่ช่วงบ่ายให้แฟนๆ ได้เข้ามาชมร้านแต่งชั้นนำของประเทศถึง 60 ร้าน ที่พร้อมใจมาโชว์ของแต่ง พร้อมโปรโมชันพิเศษภายในงาน ให้บรรดานักขี่สาย Custom ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ และสนุกไปกับการประกวดรถแต่ง หรือ Popular Vote ที่นำเอา Honda Premium A.T. ทุกรุ่นรวม 80 คันมาประชันความเท่ขั้นสุดชนิดกินกันไม่ลง
ตามด้วยมีทแอนด์กรี๊ดกับเซเลบริตี้สาย 2 ล้อ อย่าง แทค-ภรัณยู จอห์น ไรเดอร์ Pit start ที่เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้พูดคุยอย่างใกล้ชิด ตามด้วย Percussion Show จากทีม BKK Boy Brand และไฮไลต์สำคัญนั่นคือการแสดงโชว์สตันท์จาก บอล สุหทัย แช่มทรัพย์ นักแข่งรถมืออาชีพและนักขับขี่สตันท์โชว์ระดับชั้นนำของไทย ที่เรียกเสียงปรบมือจากผู้เข้าชมได้อย่างท่วมท้น
Honda Mega Fest ยังส่งมอบอีกหลายความมันส์ให้ผู้ร่วมงานได้สนุกกันแบบไม่รู้จบกับ Arcade Zone ทั้งเกมส์ปีนหน้าผาจำลอง เกมส์ชู้ตบาสเก็ตบอล เกมส์พาวเวอร์อัพ สนุกไปกับดนตรีแนว EDM จาก DJ Roxy June ดีเจสาวสวยที่มามิกซ์เพลงโดนๆ ให้แฟนๆ ได้ฟังกันสดๆ
ปิดท้ายด้วยไฮไลต์สำคัญของงาน กับคอนเสิร์ตจากวง Paradox ที่จัดเต็มความมันส์ด้วยเพลงฮิตแบบนอนสต็อปสำหรับสาวก Honda Premium A.T. โดยเฉพาะ ให้ทุกคนได้โยก ได้ร้องตามกันแบบสุดเสียง เก็บความประทับใจกลับไปอย่างเต็มเปี่ยม!