“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ถึงสนาม “ฟิลลิป ไอส์แลนด์” เตรียมเทสต์ใหญ่ก่อนลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต สุดสัปดาห์หน้า

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ยอดทีมแข่งไทยชุดลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ขนทีมชุดใหญ่เดินทางถึงสนามฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แล้ว โดยมีคิวลงทดสอบรถแข่งยามาฮ่า YZF-R6 เพื่อหาเซ็ตติ้งที่ดีที่สุด และการปรับตัวของ 2 นักบิดไทยอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล ก่อนจะดวลสนามแรกของศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ สุดสัปดาห์หน้า

การทดสอบ พรี-ซีซัน เทสต์ (Pre Season Test) ของศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ 2023 จะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์นี้ ที่ สนามฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดยยอดทีมแข่งไทยอย่าง “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ได้เดินทางถึงสนามแข่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการเข้าเซ็ตอัปพิตอย่างเป็นทางการ รวมถึงเตรียมรถแข่งยามาฮ่า YZF-R6 จำนวน 2 คัน เพื่อให้นักบิดของทีมอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เจ้าของหมายเลข 24 และ “ตี” อนุภาพ ซามูล หมายเลข 51 ลงทดสอบ
นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้อำนวยการทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นปีแรกของเราดังนั้นจึงมีงานหนักให้ทำเยอะมากครับ การทดสอบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในแง่ของการปรับตัวของทีมช่าง ที่จะต้องเริ่มต้นกับรถแข่งคันใหม่เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขันสนามแรก ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะสำคัญต่อทุกส่วนของทีม”
“นอกจากนี้ก็จะมีความสำคัญต่อนักบิดทั้ง 2 คนอย่างมากด้วยครับ ทั้ง อภิวัฒน์ และ อนุภาพ ในแง่ของการปรับตัวให้เข้ากับคาแร็กเตอร์ของ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ด้วย นี่คือการแข่งขันโปรดักชั่นระดับสูงสุดของโลก ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำงานกันอย่างหนัก เป้าหมายคือหาจุดลงตัวของทีมให้ได้เร็วที่สุด” นายวีรพงษ์ เผย
ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีคิวดวลความเร็วสนามแรกของศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามแรกระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ ที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย สามารถติดตามชมและเชียร์การแข่งขัน WSSP ได้ผ่านทางช่อง SpoTV พร้อมติดตามการเคลื่อนไหวได้ทาง Facebook: Yamaha Thailand Racing Team

ม่วนถึงแก่น! ฮอนด้าเยือนอีสานกับงาน “เวฟออนทัวร์ อีสานม่วนซื่น” ยกทัพศิลปินเสิร์ฟความคึกคักถึงขอนแก่น

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดฉากความม่วนคักคักของงาน “เวฟออนทัวร์ อีสานม่วนซื่น” ครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย ด้วยทัพศิลปินมาแรงอย่าง New Country เบลล์ นิภาดา และลำเพลิน วงศกร พร้อมกิจกรรมเพื่อคนรักเวฟ และสิทธิพิเศษอีกมากมาย ณ บิ๊กซี บ้านแอนด์บียอนด์ จ.ขอนแก่น

บรรยากาศ “เวฟออนทัวร์ อีสานม่วนซื่น” เต็มไปด้วยความสนุกจากความพิเศษที่คัดมาสำหรับชาว Honda Wave เท่านั้น

เริ่มจากไฮไลต์เด็ด กิจกรรม “ใช้เวฟแล้ว …” ที่เปิดโอกาสให้ผู้โชคดีได้นั่งซ้อนท้ายศิลปินดัง เบล นิภาดา และลำเพลิน วงศกร ร่วมคาราวานรถเวฟกว่า 50 คัน ชมวิวรอบเมือง

ตามด้วยกิจกรรมแจกของรางวัลสุดพรีเมียมจาก Honda Wave อิ่มอร่อยไปกับ “โซนเวฟม่วนแซ่บ” อาหารเด็ดประจำจังหวัดที่ยกร้านมาอยู่บนรถจักรยานยนต์ Honda Wave ให้ได้ลองกัน

ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีโอกาสนำรถคันโปรดเข้ารับบริการฟรีเซอร์วิส เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาเพียง 25 บาท รวมตรวจเช็กสภาพรถฟรี 10 รายการอีกด้วย
ตามด้วยไฮไลต์สำคัญสุดที่ทุกคนรอคอย นั่นคือคอนเสิร์ตจาก New Country เจ้าของเพลง Stand by หล่อ รวมถึง เบลล์ นิภาดา และลำเพลิน วงศกร สร้างความสุขให้กับแฟนๆ แบบเต็มอิ่ม
“เวฟออนทัวร์ อีสานม่วนซื่น” เตรียมไปส่งมอบความม่วนในอีก 4 จังหวัดทั่วอีสาน ตามกำหนดการดังนี้
5 มีนาคม ตลาดเซฟวัน จ.นครราชสีมา
12 มีนาคม UD Town จ.อุดรธานี
26 มีนาคม ตลาดสุนีย์แกรนด์ จ.อุบลราชธานี
1 เมษายน บิ๊กซี จ.บุรีรัมย์
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th

ไทยฮอนด้าร่วมกับสพฐ. เดินหน้าสู่ สังคมหัวแข็งปี 7 ผนึกพลังครู สร้างเด็กไทย ปลอดภัยทั่วประเทศ

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ผนึกกำลังร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) และภาคีต่างๆ ร่วมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้คนไทยหันมาสวมใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัย เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนให้กลายเป็นศูนย์กับโครงการสังคมหัวแข็งปีที่ 7 โรงเรียนหัวแข็ง “ครู สร้าง ได้”

โรงเรียนหัวแข็ง “ครู สร้าง ได้” มุ่งเน้นการปลูกจิตสำนึกในการสวมใส่หมวกกันน็อกให้เป็นนิสัย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อก้าวไปสู่การมีพฤติกรรมขับขี่ที่ดีและปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนให้เหลือน้อยที่สุด โดยเล็งเห็นว่าครูและโรงเรียนนั้นคือกลไกสำคัญที่จะช่วยนำแนวคิด พร้อมขับเคลื่อนความรู้ความเข้าใจเหล่านี้ไปสู่เด็ก เยาวชน รวมถึงคนในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแนวคิดและหลักปฏิบัติ “พร้อม 3 ทำ 10” หมายถึง โรงเรียนมีความพร้อมใน 3 ด้าน และลงมือทำใน 10 สิ่ง โดยในปีการศึกษา 2564 กว่า 80% ของโรงเรียนที่ร่วมโครงการ สามารถเพิ่มจำนวนบุคลากร ผู้ปกครอง และ นักเรียนสวมหมวกกันน็อกได้ 100% ภายหลังจากเข้าร่วมโครงการ

โครงการสังคมหัวแข็ง ปีที่ 7 จึงมุ่งมั่นขยายฐานความรู้ให้คุณครูทั่วประเทศได้ครอบคลุมขึ้น ผ่านกิจกรรมการอบรมครูควบคู่ไปพร้อมกัน ทั้ง On Ground และ Online ได้รับความสนใจจากสถานศึกษาต่างๆ มากถึง 260 โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงผลสำเร็จ และเป็นแรงผลักดันให้ไทยฮอนด้ามุ่งมั่นขับเคลื่อนให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีและปลอดภัยต่อไปในสังคมไทย
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/thaihondahelmetproject

ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่ สปอร์ต…ไม่ทิ้งลาย SPORT AUTOMATIC LEADER สปอร์ต…อัจฉริยะ ที่สุดแห่งสปอร์ตออโตเมติก จัดจ้านทุกสีสัน บิดมันส์เร้าใจ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมกระตุ้นตลาดรถจักรยานยนต์ด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” สปอร์ต…ไม่ทิ้งลาย Spice up your challenge! สีใหม่! จัดจ้านทุกสีสัน บิดมันส์เร้าใจ ดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ดุดันตามแบบฉบับรถ Racing Sport ตระกูล R-Series สมรรถนะทรงพลังด้วยความแรงจากเครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี ผสานวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA พร้อมเทคโนโลยีใหม่ Y-CONNECT เชื่อมต่อข้อมูลรถเพื่อตอบสนองในการใช้งานและมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

“ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” …SPORT AUTOMATIC LEADER สปอร์ต…อัจฉริยะ ที่สุดแห่งสปอร์ตออโตเมติก ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเร้าใจด้วยสมรรถนะแรงเหนือใคร ด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ตอบสนองดีเยี่ยมทุกอัตราเร่ง สไตล์รถสปอร์ต ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ พร้อมลูกสูบแบบ Forged แข็งแกร่ง ทนทานและให้ความมั่นใจในการหยุดรถด้วยระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน ช่วยไม่ให้เสียการควบคุม ปลอดภัยอีกขั้นแบบรถสปอร์ตชั้นนำ เสริมด้วยยางหลังใหญ่ 140 มม. ล้อแม็ก 14 นิ้ว ใหญ่สุดในคลาสสปอร์ตออโตเมติก เฉียบคมทุกการเข้าโค้ง มั่นใจทุกการคอนโทรลแบบรถสปอร์ต และระบบกันสะเทือนหลังแบบซับแทงค์ ดูดซับแรงกระแทกดีเยี่ยม ลดแรงสะท้านในการขับขี่ ให้อารมณ์รถสปอร์ตตัวจริง

“ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” มีดีไซน์สปอร์ตเหนือระดับ ด้วยไฟหน้าใหม่! แบบ Full LED พร้อม Daytime running light สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ดีไซน์ใหม่ สว่างชัดเจนกว่าเดิมเพื่อทัศนวิสัยที่ดีขึ้น…ไฟท้ายใหม่! แบบ LED สว่างจัด ชัดเจน ช่วงท้ายดีไซน์แบบท้ายสั้นให้อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ตพร้อมที่จับกันตกแบบ Build in อีกทั้งยังล้ำสมัยด้วยเรือนไมล์ดิจิทัลแบบ LCD สปอร์ตจัดเร้าใจด้วยกราฟิกแสดงผลวัดรอบ บอกครบทุกฟังก์ชัน แสดงผลการเชื่อมต่อกับ Y-CONNECT พร้อมสวิตช์เปลี่ยนโหมดง่ายขึ้นที่แฮนด์ซ้าย

นอกจากนี้ “ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันใช้งานเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็น SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สะดวกสบายในการเปิดหรือปิด สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกแฮนด์ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาถังน้ำมัน พร้อมสัญญาณ ANSWER BACK, ช่องเสียบต่อชาร์จแบตเตอรี่มือถือ A/C CHARGING SOCKET ป้องกันแบตฯ มือถือหมด ช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ และช่องเก็บของด้านหน้าพร้อมฝาปิด และยังมี MEGA BOX ที่เก็บของใหญ่ ขนาด 25 ลิตร เก็บของได้จุใจ ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้ และถังน้ำมันใหญ่ 5.5 ลิตร เติมน้ำมันได้มากขึ้น ไปได้ไกลกว่า!

“ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” มาพร้อมกับความล้ำสมัย ไฮเทคเหนือชั้น ด้วยระบบ Y-CONNECT Application เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ ของรถ และการขับขี่ได้บนมือถืออย่างง่ายดาย ด้วยโหมดฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งานอย่างครบครัน มากถึง 9 ฟังก์ชัน เพื่อความสะดวกสบาย ได้แก่…
1. METER INDICATOR – แจ้งเตือนการติดต่อเข้ามือถือ บนหน้าจอเรือนไมล์
2. MAINTENANCE RECOMMEND – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา
3. MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเครื่องยนต์เกิดปัญหา
4. FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่
6. PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด
7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่
8. RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่
9. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า
“ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” สปอร์ต…ไม่ทิ้งลาย Spice up your challenge! มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกันถึง 2 เวอร์ชัน คือ STANDARD Version มีด้วยกัน 2 สี คือ สีเทา-ดำ (Neon Grey) และ สีขาว-แดง (Sporty White) ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 72,500 บาท และ ABS Version มีให้เลือก 2 สี คือ สีม่วง-ดำ (Deep Purple) และสีเทา-น้ำเงิน (Dark Blue) ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 83,500 บาท
พบกับรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่” สปอร์ต…ไม่ทิ้งลาย Spice up your challenge! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้! ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @YamahaSocietyThailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @yamahasociety

Yamaha Thailand Racing Team ยกทัพลุย ฟิลลิป ไอส์แลนด์ เปิดหัวศึกเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต

นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า ถ่ายภาพร่วมกับทัพนักแข่ง Yamaha Thailand Racing Team ยอดทีมแข่งสัญชาติไทย ในการออกเดินทางสู่ประเทศออสเตรเลีย ในวันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยคณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด เดินทางร่วมมาให้กำลังใจทีมงานและนักแข่งก่อนการเดินทางเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศึกเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต 2023 อย่างเป็นทางการ

โดย #24 แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ควงคู่ #51 ตี อนุภาพ ซามูล พร้อมด้วยทีมงาน Yamaha Thailand Racing Team ที่จะไปเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในนามทีมแข่งไทย
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล หรือ พรี-ซีซัน เทสต์ ในวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ ก่อนจะเข้าโปรแกรมการแข่งขันสนามแรก ระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ นี้ ณ ฟิลลิปไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

ครั้งแรกของ Monkey กับการคอลแลปครั้งใหญ่ร่วมกับสตรีทแบรนด์ดัง Carnival เปิดตัว Monkey Carnival Limited Edition ผลิตจำกัดแค่ 99 คันในโลกเท่านั้น

CUB House by Honda เปิดตัวความสนุกครั้งใหม่กับโปรเจกท์ Monkey X Carnival การคอลแลปครั้งสำคัญของ Monkey และ Carnival แบรนด์แฟชั่นสายสตรีทระดับไอคอนนิกแห่งยุค เปิดตัว Monkey Carnival Limited Edition ดีไซน์พิเศษในแบบฉบับของมอเตอร์ไซค์สายวิบาก ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน มาพร้อม Exclusive Box Set ที่นักสะสมจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

Monkey Carnival Limited Edition ได้รับการออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจาก Baja Motocross ที่โด่งดังในอดีต ถ่ายทอดกลิ่นอายของรถสายลุยสู่ Monkey ได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยลายกราฟิกแนวสตรีทบนถังน้ำมัน Carnival Fuel Tank มาพร้อมเบาะ Carnival Red Seat สีแดง เติมสีสันให้สตรีทไปอีกขั้น เสริมลุคความเป็น Motocross ด้วย Carnival Hand Guard และ Carnival Wind Shield ให้สายลุยได้สนุกอย่างเต็มที่ ตอกย้ำความ Limited ด้วยการรัน Serial Number เลข 01-99 ที่ตัวถังและครอบกรองอากาศด้านข้างรถ

Monkey Carnival Limited Edition ยังผสาน DNA ของ Carnival เข้าไปในแต่ละจุดของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ Monkey Carnival บน Side Cover ที่เพิ่มความเท่ด้วย Chrome Coating และโลโก้ Carnival บนสวิงอาร์มของรถ Monkey Carnival Limited Edition พร้อมซนไปทุกที่ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี 5 เกียร์ ให้คุณขี่สนุกทุกเส้นทาง พร้อมไฟหน้าทรงกลมในแบบฉบับของ Monkey และหน้าปัด LED แบบ Negative Meter กับลูกเล่นGraphic หน้าลิงแสบซน ตามสไตล์ Honda Monkey Monkey Carnival Limited Edition ราคาแนะนำอยู่ที่ 134,900 บาท มาพร้อม Exclusive Box Set ประกอบด้วย หมวกกันน็อก ผ้าคลุมรถ ป้ายทะเบียน พวงกุญแจ และสติ๊กเกอร์ ลาย Monkey Carnival สุดพรีเมียม
พร้อมกันนี้ แบรนด์ Carnival ยังได้เปิดตัว Collection สุด Exclusive ที่เรียกว่า Monkey Carnival Collection เสริมลุคนักบิดสายแฟชั่นให้ทุกการขับขี่สนุกกว่าที่เคย พร้อมวางจำหน่ายที่หน้าร้าน Carnival 2 สาขา ที่ Warehouse 30 และสาขาสยามสแควร์ พร้อมทั้งวางจำหน่ายออนไลน์ และที่ CUB House Flagship สาขาเอกมัย ตั้งแต่ 23 กุมภาพันธ์ นี้
ผู้ที่สนใจสามารถร่วมลุ้นเป็นเจ้าของ Monkey Carnival Limited Edition 5 คันแรก ผ่านกิจกรรมบนหน้าเพจ Facebook CUB House เพียงร่วมกิจกรรม Ticket Photo ถ่ายรูปคู่กับรถ Monkey Carnival Limited Edition คันจริงที่ร้าน Carnival สาขา Warehouse 30 และสาขาสยามสแควร์ และโพสต์ร่วมกิจกรรมใน Facebook ของ CUB House โดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในวันศุกร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ และจับรางวัลในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่หน้าร้าน Carnival at Siam square
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
หรือสอบถามได้ที่ CUB House Flagship Store ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

“กวาร์ตาราโร” ปลื้มวันแรกเทสต์ เซปังฯ แฮปปี้ท็อปสปีดเพิ่มขึ้น

ในวันแรกของการทดสอบที่ เซปังฯ ยามาฮ่า ก็เริ่มทำงานกันอย่างหนัก โดยเพิ่งเริ่มวันทั้ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และทีมเมทอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี ก็ลงทดสอบรถแข่ง M1 ตัวต้นแบบของปี 2023 ภายใต้ “แอโรไดนามิค” ที่ คาล ครัทช์โลว ลงเทสต์จาก “เช็กดาวน์ เทสต์” ทันที โดยทั้ง กวาร์ตาราโร และ มอร์บิเดลลี มีรถแข่งในการาจคนละ 3 คัน ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์แตกต่างกันไปสำหรับทดสอบเพื่อเก็บข้อมูลอันล้ำค่า โดยเฉพาะการทำงานกับเครื่องยนต์ใหม่ของ ยามาฮ่า
นักบิดทั้ง 2 คนของ ยามาฮ่า ขยับขึ้นมาอยู่ในหัวตารางของการทำ “ท็อปสปีด” จากวันแรก ซึ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีพัฒนาการอย่างมั่นคงจนถูกจับตามองเป็นพิเศษ นอกจากนี้ กวาร์ตาราโร ยังมีการทดสอบ “แชสซีส์” ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่น 2022 ด้วย ขณะที่ ยามาฮ่า ได้ติดตั้งช่องดักอากาศลงสู่พื้น (downwash) บนรถแข่ง M1 ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เทสต์ชิ้นส่วนดังกล่าว
แชมป์โลก โมโตจีพี 2021 แสดงความรู้สึกที่ดีกับ “การเพิ่มท็อปสปีด” อย่างชัดเจน แต่ก็ยอมรับว่ายังต้องปรับปรุง โดยตัวเขาเองเข้าใจได้ว่ามันเป็นเพียงวันแรกของการทดสอบ ดังนั้น จะต้องเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ โดยเฉพาะการทำงานของเครื่องยนต์กับ “การใช้คันเร่ง”ขณะเดียวกัน กวาร์ตาราโร เผยว่า “ยังยากที่จะตัดสินอะไรเกี่ยวกับ แชสซีส์ ใหม่ ที่ ตนเองได้ทดลอง เหมือนว่ามันจะยังไม่ใช่การอัปเกรดขั้นตอนสุดท้ายที่จะใช้ในปี 2023”
ทั้งนี้ ในวันแรกของ ออฟฟิเชียล เทสต์ ไม่ปรากฏตัวของ คาล ครัทช์โลว ลงทดสอบหลังจากทำงานอย่างหนักใน “เช็กดาวน์ เทสต์” คาดว่าเขาจะรักษาพลังงานไว้ทำงานในวันที่ 2-3 แต่เพื่อนนักบิดคนอื่นอย่าง ทัตซูยูกิ นากาซูกะ ก็ได้ร่วมกับ กวาร์ตาราโร และ มอร์บิเดลลี ลงเทสต์ด้วย โดย มอร์บิเดลลี ลงทดสอบไปทั้งสิ้น 59 รอบสนาม รั้งอันดับ 10 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 59.118 วินาที ส่วน กวาร์ตาราโร รั้งอันดับ 11 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 59.424 วินาที หลังลงบิด 58 รอบสนาม การทดสอบ ออฟฟิเชียล เทสต์ ของ โมโตจีพี จะยังคงมีขึ้นอีก 2 วันที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์นี้

ไทยยามาฮ่าผลักดันการสร้างปั้นนักบิดดาวรุ่ง เปิดโครงการ “Yamaha R3 bLU Cru Thailand Cup” บันไดขั้นแรกสู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ประกาศเดินหน้าพลิกโฉมโครงสร้างปั้นนักบิดดาวรุ่งชาวไทย ด้วยการเปิดโปรเจกต์ใหญ่ “YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup” เฟ้นหาเด็กไทยอายุ 12 – 16 ปี บ่มเพาะทุกด้าน พร้อมลงแข่งแบบเท่าเทียมด้วยรถแข่ง YZF-R3 สเปคเดียวกันทั้งหมด ปูเส้นทางจากบันไดขึ้นแรกสู่การเป็นนักบิดระดับโลกทั้ง “โมโตจีพี” และ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” สานต่อความสำเร็จหลังส่งนักบิดลุยยุโรป สอดคล้องโครงการมอเตอร์สปอร์ตของ “ยามาฮ่า” ทั่วโลก วางเป้าเสริมความแข็งแกร่งทั้งระดับเยาวชน, เอเชีย และระดับโลก มั่นใจส่งต่อนักกีฬาความเร็วชาวไทย “รุ่นสู่รุ่น” ในการแข่งขันระดับโลกรูปแบบกีฬาอาชีพ

 

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดโปรเจกต์ “YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup” เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการแถลงนโยบายด้านมอเตอร์สปอร์ตประจำฤดูกาล 2023 โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการปรับโครงสร้างพัฒนานักบิดระดับเยาวชน สู่การเป็นนักกีฬาอาชีพอย่างแข็งแกร่งทุกขั้นตอน นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ยามาฮ่า มุ่งมั่นในการสร้างโครงการพัฒนานักบิดระดับเยาวชนที่แข็งแกร่ง ในปีนี้เรามีโครงการใหม่ 2 โครงการ โดยเฉพาะการเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ในเมืองไทยด้วยการส่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในฐานะทีมไทยเข้าร่วมการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ รุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งในทีมนี้จะมีบุคลากรชาวไทยไม่ว่าจะเป็น ทีมช่าง, วิศวกร, นักบิด และทีมบริหารคนไทยเป็นแกนหลักทำการแข่งขัน มันคือการการันตีว่าหากมีนักบิดดาวรุ่งชาวไทยที่ฉายแววโดดเด่น เราก็จะมีพื้นที่รองรับพวกเขาในระดับโลก ซึ่งเป็นโควต้าของไทยเราเอง ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างการพัฒนานักบิดระดับเยาวชนครั้งใหญ่ โดยในปีนี้ ยามาฮ่า ได้เปิดโครงการ YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup ขึ้นมา หลังจากที่ส่ง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ นักบิดดาวรุ่งคนไทยเข้าร่วมแข่งขันในศึก YAMAHA R3 bLU Cru European Cup ในปีที่ผ่านมา ด้วยพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมเราจึงส่ง “เอิร์ท” ธุรกิจ บัวผา ดาวรุ่งไทยอีกคนเข้าไปเพิ่มในรายการนี้สำหรับปี 2023 เพื่อสานต่อความสำเร็จจากปีแรกที่มีนักบิดไทยคนเดียว” “ซึ่งยามาฮ่ากำลังทำให้เห็นว่านี่เป็นโรดแม็ปที่จับต้องได้จริง เพราะนักบิดจาก YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup จะถูกผลักดันขึ้นสู่ YAMAHA R3 bLU Cru European Cup และหากนักบิดเหล่านี้มีความโดดเด่นเราพร้อมจะมอบโอกาสให้ขึ้นสู่การแข่งขันระดับโลก ทั้งในฝั่งเวิลด์กรังด์ปรีซ์ (โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี) และฝั่ง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เช่นกัน”
สำหรับ YAMAHA bLU Cru เป็นโครงการเฟ้นหานักแข่งดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์และสร้างนักแข่งอาชีพ ภายใต้ประสบการณ์การแข่งขันและคำแนะนำของ “ยามาฮ่า เรซซิ่ง” ซึ่งเริ่มต้นจากทวีปอเมริกา ไปยังออสเตรเลีย และยุโรป ด้วยรูปแบบการสนับสนุนนักแข่งระดับเยาวชนที่มีพรสวรรค์ ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์วิบาก และรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ด้วยรูปแบบและแนวทางที่เน้นการสร้างนักแข่งในอนาคตเพื่อก้าวสู่การเป็นนักแข่งอาชีพและสามารถที่จะพัฒนาตนเองในเส้นทางอาชีพ โดยเริ่มต้นจากการแข่งรถจักรยานยนต์จากยุโรปของ YAMAHA R3 bLU Cru European Cup ที่ถูกส่งต่อมายัง YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup ซึ่งเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชียสำหรับการจัดตั้งโครงการดังกล่าวขึ้นมา ภายใต้ความร่วมมือของทาง ไทยยามาฮ่ามอเตอร์, ยามาฮ่า มอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) และ ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป ด้วยแนวทางการสร้างนักแข่งในอุดมคติเพื่อที่จะฉายแววสู่การเป็นนักแข่งระดับอาชีพที่จะต้องมีทั้ง ความสามารถ, ระเบียบวินัย, ทัศนคติที่ดี รวมถึงการสนับสนุนจากครอบครัว
ทั้งนี้การแข่งขัน YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup จะมีการแข่งขันขึ้นทั้งสิ้น 5 สนาม 10 เรซการแข่งขัน คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องมีอายุระหว่าง 12-16 ปี โดยใช้รถแข่ง YZF-R3 สเปคเดียวกันทั้งหมด ไม่เพียงแต่การแข่งขันเท่านั้น ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยังมีโปรแกรมฝึกซ้อมในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิตซ้อมร่างกาย การฝึกซ้อมเทคนิคทั้งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ทางฝุ่น แฟลตแทร็ค รวมไปถึงเรื่องของโภชนาการ และการเสริมทัศนคติอย่างนักกีฬาอาชีพ เพื่อก้าวสู่การเป็นนักแข่งอาชีพในอนาคต
YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup เริ่มเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2566 และจะทำการคัดเลือกรอบออดิชั่น (Audition) ในวันที่ 23 มีนาคม 2566
โดยตารางการแข่งขันมีดังนี้ :
สนามที่ 1
26 – 28 พฤษภาคม 2566 ณ สนาม พีระ เซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี
สนามที่ 2
7 – 9 กรกฎาคม 2566 ณ สนาม ไทยแลนด์เซอร์กิต นครชัยศรี จ.นครปฐม
สนามที่ 3
28 – 30 กรกฎาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
สนามที่ 4
1 – 3 กันยายน 2566 ณ สนาม ไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี จ.นครปฐม
สนามที่ 5
22 – 24 กันยายน 2566 ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารรวมถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของโครงการได้ทางแฟนเพจ Facebook : YAMAHA THAILAND RACING TEAM

ไทยฮอนด้าดัน “ก๊องส์” ธัชกร ท้าทายบททดสอบใหม่ 4 สนาม ไวด์การ์ด โมโตทรี

ไทยฮอนด้าดัน “ก๊องส์” ธัชกร ท้าทายบททดสอบใหม่ 4 สนาม ไวด์การ์ด โมโตทรี แฟนเตรียมเชียร์ โฮมเรซ “ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” พร้อมล่าแชมป์ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี”
ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย มีความมุ่งมั่นในการยกระดับศักยภาพทีมแข่งและนักบิดไทยไปสู่เวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Don’t Limit Your Challenges, Let’s Challenge Your Limit” เพิ่มความท้าทายใหม่ในทุกระดับการแข่งขัน สู่เป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตจีพี ในปี 2025 โดยในปี 2023 ถือเป็นอีกฤดูกาลท้าทายสำหรับนักแข่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ที่จะได้ลงแข่งขันในรายการระดับโลก
โดย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดดาวรุ่งนักบิดจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานแจ้งเกิดโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง ในเวทีระดับยุโรป ด้วยการคว้าชัยและขึ้นโพเดียมเอาชนะนักแข่งดาวรุ่งจากทั่วโลกเมื่อฤดูกาล 2022 ที่ผ่านมา สำหรับฤดูกานี้ ฮอนด้าได้ประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ตประจำปี 2023 โดยส่ง “ก๊องส์ ธัชกร” ลุยความท้าทายใหม่ในเวทีระดับโลกด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดการลงชิงชัยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม ปูทางสู่ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ แบบเต็มฤดูกาลในอนาคตพร้อมล่าแชมป์เต็มฤดูกาลในรายการ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023” ภายใต้สังกัด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” หมายเลข 5
กองเชียร์ชาวไทยเตรียมส่งกำลังใจให้นักแข่งไทยท้าทายลิมิตตัวเองในสนามบ้านเกิด โดย 1 ใน 4 สนามเวทีระดับโลก เตรียมลงชิงชัยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ในสิทธิ์ไวด์การ์ด โดย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จะลงทำหน้าที่ด้วยตัวแข่ง Honda NSF250RW ส่งผลให้รายการ “OR Thailand Grand Prix 2023” ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 27 – 29 ตุลาคมนี้ กองเชียร์ชาวไทยจะได้ร่วมเป็นกำลังใจและเชียร์นักแข่งไทยในโฮมเรซถึง 2 คน นั่นก็คือ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู โดยทั้งสองเป็นผลผลิตจากการพัฒนาและสนับสนุนนักแข่งจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สู่เป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตจีพี ในปี 2025
สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

“ยามาฮ่า” เปิดโปรเจกต์ระดับโลก ส่ง “ทีมไทย” ลุยศึก “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” ครั้งแรก พร้อมประกาศล่า “แชมป์เอเชีย” สมัยที่ 7

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ตอกย้ำบทบาทผู้นำมอเตอร์สปอร์ต เปิดโปรเจกต์ประวัติศาสตร์ส่งทีมแข่งไทย “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ลุยศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ในรุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สมาชิกทีมที่เป็นคนไทย พร้อมด้วยนักบิดไทยอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล หวังปูทางนักบิดไทยสู่ระดับโลกอย่างมั่นคง พร้อมเปิดโครงสร้างปั้นดาวรุ่งอย่างแข็งแกร่งทุกระดับ ชี้สานต่อแนวทางสู่สังเวียนเวิลด์จีพีเช่นเคย ขณะเดียวกันยังส่ง “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ล่าแชมป์ในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สมัยที่ 7

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดงานแถลงข่าวนโยบายด้านมอเตอร์สปอร์ตประจำปี 2023 ภายใต้โครงการระดับโลกที่จะส่งทีมแข่งไทยอย่าง “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” (YAMAHA THAILAND RACING TEAM) เข้าร่วมแข่งขันในรายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 รุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ พร้อมด้วยแนวทางด้านการพัฒนานักแข่งระดับเยาวชนที่แข็งแกร่ง สำหรับปูทางสู่ระดับเวิลด์แชมเปี้ยนชิพในอนาคต นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขันระดับเอเชีย ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม พยายามพัฒนาโครงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้มีทีมแข่งจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันในระดับโลก ซึ่งต้องเป็นทีมที่ประกอบด้วยบุคลากรคนไทยทุกส่วน ทั้งนักแข่ง, ทีมช่าง, วิศวกร และทีมบริหาร ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ ไทยยามาฮ่า ที่ต้องการให้มีบุคลากรไทยในวงการมอเตอร์สปอร์ตโลก เราใช้เวลา 2 – 3 ปี สำหรับโครงการนี้ และตัดสินใจส่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ในรุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาทีมในเอเชีย เป็นการต่อยอดไปสู่ระดับเวิลด์คลาส ซึ่งทีมที่เราส่งไปแข่งขันในปีนี้คือทีมระดับซีเนียร์ และจะยังคงมีบุคลากรรุ่นใหม่ดูแลทีมในการแข่งขันระดับเอเชียด้วย นั่นหมายความว่าเรากำลังพัฒนาทุกระดับอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดการทดแทนในอนาคต ทั้งการส่งต่อองค์ความรู้จากระดับโลกมาสู่ทีมในเอเชีย และการปั้นบุคลากรรุ่นใหม่จากในประเทศ สู่ระดับทวีป และส่งขึ้นสู่ทีมในระดับโลกต่อไป
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ชุดลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ 2023 ประกอบด้วยทีมช่างชาวไทย เรซ เอ็นจิเนียร์ ทีมบริหารชาวไทย โดยจะมีบุคลากรชาวต่างชาติเข้ามาเสริมเพียง 3 คนเป็นผู้ช่วยเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับทีมและผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษาให้กับทีม ในขณะที่นักแข่งทั้ง 2 คน ประกอบด้วยนักแข่งดีกรีแชมป์ชาวไทย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จับคู่กับ “ตี” อนุภาพ ซามูล ที่ทำงานร่วมกับทีมมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองจะใช้รถ YAMAHA YZF-R6 ลงทำการแข่งขัน สำหรับเป้าหมายของเราในปีแรกคือการอยู่ในอันดับ TOP 5 ควบคู่กับการสร้างฐานของทีมแข่งไทยในยุโรปให้ได้ โดยเราจำเป็นต้องศึกษาขั้นตอนการทำงานต่างๆ จากบุคลากรที่มีประสบการณ์ให้ทีมได้เรียนรู้ เพื่อไม่ให้เราหลงทาง นั่นจึงเป็นแนวทางของเราในปี 2023 การส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในระดับโลกในฐานะทีมไทยนั่นหมายถึงความมุ่งมั่นของ ไทยยามาฮ่า ที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนในการพัฒนาบุคลากรในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตเข้าสู่การแข่งขันระดับโลก โดยมีทีมของเราเองรองรับอยู่” ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา “ยามาฮ่า” สามารถคว้าชัยชนะจากการแข่งขันได้ถึง 25 แชมป์ในทุก รายการแข่งขันความเร็วระดับประเทศและภูมิภาค ด้วยประสบการณ์การทำงานของทีมงาน YAMAHA THAILAND RACING CONSULT ในการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ให้กับทีมแข่งภายใต้รถแข่ง YAMAHA R-Series และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่ผงาดครองบัลลังก์ประเภททีมในรุ่นใหญ่สุดของรายการชิงแชมป์เอเชีย สร้างสถิติเป็นทีมแรกในเอเชียที่สามารถคว้าแชมป์ประเภททีมครบทั้ง 3 รุ่นในคลาสรถสปอร์ต
โดยในปี 2023 ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม พร้อมสานต่อความสำเร็จและเดินหน้าผลักดันนักแข่งและทีมแข่งยามาฮ่า เข้าร่วมชิงชัยในระดับประเทศผ่านการแบ่งปันข้อมูลความรู้ จากประสบการณ์แข่งขันของทีมงาน YAMAHA THAILAND RACING CONSULT ที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีของยามาฮ่า เพื่อไล่ล่าความสำเร็จในประเทศทุกรุ่นใน 3 รายการ ประกอบด้วย OR BRIC SUPERBIKE, R2M All Thailand Superbike และ FMSCT All Thailand Road Racing Championship ส่วนแนวทางการพัฒนานักบิดระดับเยาวชน ยามาฮ่ายังคงสนับสนุนดาวรุ่งชาวไทยอย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ และ “เอิร์ท” ธุรกิจ บัวผา 2 นักแข่งเข้าร่วมแข่งขันในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์ยุโรป รายการ YAMAHA R3 bLU cRU European Cup 2023 เวทีที่สร้างนักแข่งดาวรุ่งของ ยามาฮ่าจากทั่วโลก สร้างโอกาสสู่การเป็นนักแข่งระดับอาชีพ เพื่อเรียนรู้ข้อมูลวิเคราะห์การแข่งขัน (Data Telemetry), ทักษะในการขับขี่ (Riding Skill) และการปรับทัศนคติ (Mind Set) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเป็นอย่างยิ่ง โดยจะแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนามในทวีปยุโรปภายใต้ซัพพอร์ตเรซของ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ นอกจากนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จะยังคงเดินหน้าสร้างความสำเร็จในการแข่งขันรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อล่าแชมป์เอเชียสมัยที่ 7 ด้วยการส่ง “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ แชมป์เก่าในรุ่นนี้ลงแข่งขันภายใต้รถแข่ง YAMAHA YZF-R6 พร้อมด้วยทีมงานชาวไทย รวมถึงการผลักดันทีมช่างอิสระในสังกัดของ ยามาฮ่า ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาบุคลากรป้อนสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกด้วย โดยในปีนี้จะมีการแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนาม 5 ประเทศทั่วทวีปเอเชีย
นี่คือก้าวสำคัญของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในฐานะตัวแทนจากประเทศไทย กับความท้าทายบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ภายใต้การผลักดันของ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ที่เดินหน้าสนับสนุนอย่างเต็มร้อยให้ ‘คนไทย’ ได้ปักหมุดในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ และโครงการนี้ได้รับการผลักดันจาก ยามาฮ่า มอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) รวมถึง ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป และ ดอร์น่า สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันด้วย” “นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของเราที่จะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในฐานะทีมแข่งไทยที่ก้าวสู่เวทีระดับโลกกันทั้งทีม พร้อม 2 คู่หูนักบิดมากประสบการณ์ อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ และ “ตี” อนุภาพ ผลผลิตจากการผลักดันนักบิดไทยไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนเวทีความเร็วในระดับอินเตอร์อย่างแท้จริง”
สำหรับศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 จะดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 12 สนาม ใน 10 ประเทศ ใน 4 ทวีปทั่วโลก โดยสนามแรกจะแข่งขันในวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ที่สนาม ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารรวมถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ YAMAHA THAILAND RACING TEAM ผ่านทางแฟนเพจ Facebook : YAMAHA THAILAND RACING TEAM

“ยามาฮ่า” รุกต่อเนื่องตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ปลื้มยอดจำหน่ายในปี 2565 เดินหน้า ROAD TO SUCCESS ตอกย้ำสินค้าคุณภาพ พร้อมชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 16.5% ในปี 2566 เพิ่มความเชื่อมั่นรุกขยายโชว์รูมรูปแบบใหม่เพิ่มเป็น 170 แห่งใน

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ประกาศความสำเร็จสินค้าครองใจชาวไทยในปี 2565 โตขึ้น 6.9% สร้างยอดจำหน่าย 284,000 คัน เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยต่อเนื่องในปี 2566 คาดการณ์ ตลาดรวมเท่ากับปี 2565 ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดรวมเป็น 16.5% มั่นใจสินค้าครองใจชาวไทยครบทุกเซกเมนต์ เสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายผู้จำหน่าย ขยายโชว์รูปแบบใหม่ New YAMAHA SQUARE เพิ่มเป็น 170 แห่งภายในปีนี้ พร้อมสร้างความเป็น Premium Brand เพื่อสร้าง Lifetime Customer โดยการยกระดับประสบการณ์มัดใจลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมายการตลาดปี 2566

มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมาว่า “ก่อนอื่นผมต้องของขอบคุณท่านสื่อมวลชน พันธมิตรทางการค้า ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกท่าน สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งในปีที่ผ่านมา ด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ และทุกหน่วยงานมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับยามาฮ่าประเทศญี่ปุ่นวางแผนและพัฒนาสินค้าออกมาอย่างดีที่สุด แม้จะมีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นนอนของสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้า ซึ่งเราก็สามารถแก้ไขและสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้น จนสามารถที่จะบรรลุผลประกอบการ และยอดขายประจำปีได้ตามเป้าหมายเรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย และยังคงเน้นย้ำในความสำคัญของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งกับความเป็นสินค้าพรีเมี่ยมของเรา และสร้างลูกค้าให้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต ผมเชื่อว่า ด้วยสินค้าที่เราเตรียมไว้สำหรับปีนี้ และแผนงานที่ได้วางไว้ เราจะสามารถบรรลุเป้าการขาย และส่วนแบ่งการตลาดที่เรามุ่งหวัง และเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เหนือกว่าความคาดหวัง ให้กับลูกค้าของเราทุกๆ คนครับ”

 

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงนโยบายของยามาฮ่าในปี 2566 ว่า “สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจยานยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอสมควร รวมทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต ทำให้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตขึ้นถึง 11.8% ทำให้มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,800,583 คัน โดยยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งด้วยสินค้าและการบริการหลังการขาย จนสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น 6.9% มียอดจดทะเบียน 283,903 คัน สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อยู่ที่ 15.8% และกลุ่มรถออโตเมติก โดยเฉพาะ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ยังคงแข็งแกร่งและสามารถเติบโตจากปีที่แล้วถึง 35% โดยมียอดจดทะเบียนมากถึง 97,446 คัน และกลุ่มรถครอบครัว ยามาฮ่า ฟินน์ ยังคงได้รับความนิยมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้ถึง 31% เมื่อเทียบกับปี 2564 จนทำให้มียอดจดทะเบียนสูงถึง 84,871 คัน และ ยามาฮ่า R15 ยังคงรักษาความเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมอันดับ 1 ในรุ่น 150 ซีซี ได้อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ศูนย์บริการของยามาฮ่ามีอัตราลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่ยามาฮ่ามีความภูมิใจในปีที่ผ่านมา

สำหรับในปี 2566 นี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ระดับ 1.80 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2566 นี้ ของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น พร้อมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความเบาบางลงจนเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศมีการฟื้นตัว ซี่งเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ส่วนในด้านปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบไม่เพียงพอในบางรุ่น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่มีผลต่อผู้บริโภค โดยในปี 2566 นี้ มีการคาดการของตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะเป็น 1.8 ล้านคัน เท่ากับปี 2565 โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% หรือประมาณ 295,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 4% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา พร้อมเร่งกำลังการผลิต และมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับกลยุทธ์ Branding Direction สู่ความเป็น Premium Brand” เพื่อสร้าง Best Customer Experience” ส่งต่อความประทับใจในสินค้าและบริการจนสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าจนก่อเกิดเป็น Lifetime Customer ที่สร้างความผูกพันและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า”

นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึง Road To Success ว่า “ในปี 2566 นี้ ยามาฮ่าพร้อมเสริมความแกร่ง ด้วยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จและสามารถสร้าง Lifetime Customer ซึ่งจะขอเสริมในส่วนของแนวทางการขายและการตลาดในปี 2566 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์ดังนี้

1.เดินหน้าพัฒนา New YAMAHA SQUARE ตั้งเป้าในการปรับเปลี่ยนโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ด้วยดีไซน์ใหม่ และทันสมัยจาก 89 โชว์รูมทั่วประเทศในปี 2565 และในปีนี้เราพร้อมเดินหน้าพัฒนาโชว์รูม New YAMAHA SQUARE เพิ่มขึ้นเป็น 170 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อยกระดับการขาย และการบริการ เพิ่มความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

2.เสริมความแกร่งพัฒนาบริการหลังการขายในระดับ Pro Care สร้างความแตกต่างของการบริการ และเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วยการวิเคราะห์ปัญหาด้วยเครื่องมือ Yamaha Diagnostic (YDT) ได้ถูกต้องและชัดเจน สามารถเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ ID Card Reader พร้อมกับการแจ้งเตือนเข้ารับบริการผ่านช่องทาง LINE OA

3.พัฒนากิจกรรม Lifestyle กลุ่ม YAMAHA Club เพิ่มกิจกรรมที่ตอบโจทย์และโดนใจของกลุ่มลูกค้ายามาฮ่าที่หลากหลาย พร้อมสนับสนุน Customer Club ในทุกพื้นที่ และสร้าง Community ที่แข็งแรง เพื่อสร้างความประทับใจ และความผูกพัน ตลอดจนสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ผ่านทาง Application YAMAHA SMART REWARD

4.ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการตลาดด้วยรูปแบบ Digital Marketing พัฒนาและสร้าง Online Touchpoint เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า ที่ตรงกลุ่มลูกค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการในด้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบ LINE OA พร้อมสามารถลิงก์กับ SMART REWARD และ Y-CONNECT ได้อย่างง่ายดาย

5.เดินหน้าเสริมความมั่นใจสินค้า และกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กม. เดินหน้าสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในการรับประกันสินค้ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ด้วยระยะเวลาการรับประกัน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และสำหรับในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินในซื้อสินค้าเพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม

6.เดินหน้าการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นการใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์ตรงตามความต้องการ เพื่อเข้าถึงและโดนใจลูกค้า โดยยามาฮ่าเสริมความแข็งแกร่งในกิจกรรมทั้งก่อน และหลังการขายให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเซ็กเมนต์ ได้แก่

  • กลุ่มลูกค้ารถสปอร์ต เน้นไปที่การเจาะกลุ่มในแต่ละพื้นที่ พร้อมเสริมเรื่องสินค้าอะไหล่ตกแต่ง รวมทั้งกิจกรรมที่ส่งเสริม และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า
  • กลุ่มลูกค้ารถออโตเมติก เน้นการขยายตลาดแนวกว้าง ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยเน้นการขยายจากตัวเมืองใหญ่ เสริมด้วยกิจกรรมไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง และสร้างความเป็น Community ให้ใหญ่ขึ้น
  • กลุ่มลูกค้ารถครอบครัว ขยายตลาด mass ให้มากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ มีรถจัดแสดงในทุกจุด และเติมเต็มกิจกรรมทั้งหน้าร้านและนอกร้าน โดยร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ

 

ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดี และสร้างความมั่นใจสู่ความเป็น “Premium Brand” รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรม ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

 

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th

 

Facebook      :         Yamaha Society Thailand

Instagram      :         @YamahaSocietyThailand

YouTube       :         Yamaha Society Thailand

Line OA         :         @yamahasociety

 

 

Keeway Shiny150 คงความเป็นสกู๊ตเตอร์ในแบบอิตาลีสไตล์ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ เปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นยอด ที่มีการผสมผสานระหว่างสไตล์และเทคโนโลยีของสกู๊ตเตอร์ในปัจจุบัน

Keeway Shiny150ให้อารมณ์ความคลาสสิกด้วยไฟหน้าทรงกลม และตัวรถที่มองด้านข้างจะเห็น ส่วนเว้า ส่วนโค้ง ในลักษณะรูปวงรี สื่อถึงอิสระในการเดินทาง ควบคู่ไปกับการเน้นด้วยเส้นโครเมียมในหลายมุมของตัวรถ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังที่มีลวดลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนในแบบย้อนยุค

พร้อมราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 62,500 บ.

✨พิเศษสุด! จองออนไลน์  ในวันที่ 25 ก.พ. 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ

รับราคาเซอร์ไพรส์ พิเศษ ในราคา 58,500 บาท เพียง 500 คันแรก เท่านั้น!!!

พร้อมการรับประกัน 3 ปี 30,000 กิโลเมตรพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน

– LED Headight : ไฟหน้า LED และไฟ DAYLIGHT ทรงกลม พร้อมขอบโครเมี่ยมให้ความคลาสสิค

– Full LED Digital Speedometer : ไฟ Back Light ประมวลผลแบบดิจิตอล หน้าปัดเรือนไมล์ใหม่ ปรับเปลี่ยนสีได้ตามใจถึง 7 สี

– Curve line Design and LED Line : การออกแบบทรงรถให้มีความโค้งมนทรงหยดน้ำ เพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยไฟ LED ส่องสว่างข้างตัวรถมาถึง 18 ดวง

– SOHC Engine : ระบบเครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ ระบบสายพาน CVT

– LED Turn Signal : ไฟเลี้ยวคู่หน้า LED BUILD-IN

– Tail Bars ไฟท้าย LED : บาร์ท้ายอะลูมิเนียม เพิ่มความสะดวกสบาย ในการติดตั้งกระเป๋าสัมภาระ

– Mini Storage Box + USB Socket : ที่เก็บสัมภาระด้านหน้าแบ่งช่องเก็บของ พร้อมช่องเสียบ USB

– Pan Wheel Inspire : แรงบันดาลใจในการออกแบบจากลายล้อกระทะรถยนต์ มาพร้อมวงล้อ 12 นิ้ว

สำหรับ Keeway Shiny มีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี 4 อารมณ์ ได้แก่

?Cherry Red (แดง)

?Sky Blue (ฟ้า)

⬜️Daisy White  (ขาว)

⬛️Raven Black (ดำ)

.ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

คลิกเลย!! https://bit.ly/3eqrUBK

หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

สอบถามเพิ่มเติม Line: @Keeway