“อภิวัฒน์-อนุภาพ” ฮึดสู้ผ่านด่านสนาม 3 “เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต” ประเดิมโซนยุโรป

คู่หูนักบิด “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 และทีมเมทอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล #51 ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ ก่อนสร้างผลงานน่าประทับใจในด่านแรกในโซนยุโรปของศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ สนาม 3 ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ทีมแข่งไทยแท้ทีมแรกในประวัติศาสตร์ ที่เข้าร่วมแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2023 ออกสตาร์ทการทำงานสนามแรกในโซนยุโรปด้วยงานสุดท้าทาย“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เจ้าของหมายเลข 24 มีโอกาสลุ้นท็อปเท็นในเรซแรกอย่างมาก หลังทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 11 ในช่วงต้นเรซ ทว่ากลับโชคร้ายโดนคู่แข่งชนจนรถแข่งเสียหายและต้องออกจากการแข่งขัน แถมยังได้รับบาดเจ็บที่แขน จนส่งผลต่อผลงานในเรซที่ 2
โดยเกมเรซที่ 2 ซึ่งมีขึ้นในวันอาทิตย์ อภิวัฒน์ ได้ออกตัวจากกริดที่ 14 ก่อนบิดคว้าอันดับ 16 ส่วนทีมเมทอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของหมายเลข 51 จบเรซในอันดับ 18 ด้วยเวลาที่ตามหลังกลุ่มท็อปเท็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากเวลาต่อรอบที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึง “เรซเพซ” ที่คงที่ขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ 2 นักบิด “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” มีความมั่นใจขึ้นอย่างมากกับตัวรถแข่ง YZF-R6 ซึ่ง “ทีมไทย” มีคิวดวลความเร็วสนามต่อไประหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคมนี้ ที่ เซอร์กิต เด บาร์เซโลน่า คาตาลุนญ่า ประเทศสเปน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team

Malaguti DRAKON125

จากแบบร่างที่ถูกสเก็ตซ์ขึ้นมา จนถูกส่งออกมาจากไลน์การผลิต ในชื่อรุ่น Drakon125 ที่เป็นหัวหอกในการทำตลาดรุ่นใหม่ล่าสุดของ Malaguti ที่พวกเขาระบุว่านี่คือการปรับเปลี่ยนสู่ทิศทางหรือแนวทางใหม่อย่างเต็มตัวที่พวกเขาปรับแนวทางการที่จะส่งไลน์อัพรถรุ่นใหม่แบบฉีกแนวคิดเดิมๆของตนออกมา ที่สำคัญนี่คือรุ่นรถใหม่ล่าสุดภายใต้ชายคาMalaguti ที่พวกเขาดำเนินทุกกระบวนการด้วยตนเองทั้งหมด นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ในการที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางเดิมๆของตน

ซึ่งพวกเขากล่าวในเอกสารประชาสัมพันธ์ว่า  it inhales new fire into the Spirit of Bolongna แปลง่ายๆมันก็คือการเติมเต็มพลังให้กับจิตวิญญาณของพวกเขา ซึ่งก็อาจจะตีความได้ว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลง นี่คือความกระหายของพวกเขาที่จะผลิตรถดีๆรถใหม่ๆออกจากไลน์การผลิต และนี่คือรถรุ่นที่จะบ่งบอกดุถึงทิศทางในอนาคตของแบรนด์ Malaguti ว่า พวกเขาจะเดินหน้าพัฒนาสู่สิ่งใหม่ๆ

มันคือสตรีทไบค์จากแบรนด์ Malaguti ซึ่งโดยทั่วไปแล้วค่ายอื่นๆก็มีรถในสไตล์นี้ในตลาดเป็นปกติไม่น่าแปลกอะไรสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่สำหรับโรงงานโบโลญญ่าแล้ว นี่อาจจะเป้นการฉีกจากไลน์อัพเดิมๆที่เป็นสกู๊ตเตอร์และรถขนาดเล็กอื่นๆนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นี่คือรถที่มีเครื่องยนต์พื้นฐานขนาด 125 ซี.ซี. สูบเดียว ที่ยังคงเน้นกลุ่มผู้ใช้วันยรุ่นและผู้ใช้ในระดับเริ่มต้นขับขี่เป็นเป้าหมายหลักไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม เพียงแต่นี่อาจจะเป้นการเพิ่มสไตล์หรือรูปแบบของรถในสไตลืสตรีทไบค์อย่าง Drakon125

 

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์” เจองานหิน “แอสเซ่น” มั่นใจยกระดับเรซเดย์ เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต สนาม 3

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ออกสตาร์ทวันแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ด้วยการทำงานอย่างหนักเพื่อหาข้อมูลการเซ็ตติ้งที่ลงตัว โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 รั้งอันดับ 15 จากการซ้อมวันแรก ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล #51 เจอสถานการณ์สุดหินที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2023 สนาม 3 ผ่านโปรแกรมการซ้อม 2 ช่วงแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยผลการซ้อมในวันแรกหลังผ่าน 2 ช่วง (FP1 และ FP2) ปรากฏว่า “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยเจ้าของรถแข่ง Yamaha YZF-R6 หมายเลข 24 รั้งอันดับ 15 ของตารางเวลารวม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 39.610 วินาที ปรับปรุงเวลาขึ้นได้ถึง 0.8 วินาทีจากการซ้อมในช่วงแรก
ขณะที่ทีมเมทอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของหมายเลข 51 ต้องเจอปัญหาอย่างหนักในรอบ FP2 ทำให้เวลารวมร่วงลงไปรั้งอันดับ 24 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.401 วินาที
อย่างไรก็ดี ยามาฮ่า ไทยแลนด์​ เรซซิ่งทีม เก็บข้อมูลจำนวนมากจากการซ้อมในวันแรก เพื่อยกระดับการเซ็ตติ้งขณะที่นักบิดทั้งสองคนอย่าง อภิวัฒน์ และ อนุภาพ เผยว่ากำลังอยู่ในทิศทางที่ดีสำหรับการปรับปรุงเวลาต่อรอบ เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันทั้งเรซที่ 1 และ เรซ 2 ในสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีจับเวลารอบคัดเลือกในวันเสาร์ที่ 22 เมษายน และแข่งขันเรซแรกในคืนวันเดียวกัน เวลา 20.15 น. จากนั้นจะดวลความเร็วเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายนนี้ เวลา 17.30 น.

Honda CB750 Hornet และ Honda XL750 Transalp ดีไซน์โดดเด่นเกินต้าน คว้ารางวัล Product Design Award 2023 จาก Reddot

เปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ กับรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นจากฮอนด้าอย่าง Honda CB750 Hornet และ Honda XL750 Transalp ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและใส่ใจในทุกรายละเอียด สามารถคว้ารางวัล Product Design Award 2023 จาก Reddot ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “รางวัลอันทรงเกียรติในด้านการออกแบบ” มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

โดย Honda XL750 Transalp เป็นรถบิ๊กไบค์สไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งยุคใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ในทุกสไตล์ ทั้งการขับขี่ในเมืองบนทางเรียบไปจนถึงการผจญภัยบนทางวิบาก และมุ่งหวังให้ผู้ขับขี่มีความอิสระในการผจญภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยตัวรถมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยแผงบังลมขนาดใหญ่ รองรับการออกทริปทางไกล เพลิดเพลินกับการขับขี่ได้อย่างอิสระมากกว่าที่เคย พร้อมกับความทนทานของตัวรถที่สามารถขับขี่ไปได้ทุกเส้นทาง
ในส่วนของ Honda CB750 Hornet เป็นรถบิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ตเน็กเก็ต ภายใต้คอนเซปต์ที่ออกแบบมาให้คล่องตัวทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ทางตรง ทางเลี้ยว ตามตรอกซอกซอยในเมือง หรือแม้แต่การออกทริปช่วงสุดสัปดาห์ก็ตาม โดย Honda CB750 Hornet มีเอกลักษณ์โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตเน็กเก็ต ด้วยน้ำหนักที่เบาแต่ปราดเปรียวช่วยให้การขับขี่สนุก ตอบสนองได้ทุกเส้นทาง
สำหรับผู้ที่สนใจ 2 รุ่นรถจักรยานยนต์ที่ได้รางวัลการันตี สามารถติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นพิเศษได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH

ไทยยามาฮ่า จัดการแข่งขันทักษะฝีมือช่างชิงแชมป์ระดับประเทศ ยกระดับฝีมือช่างยนต์ไทย รายการ YAMAHA Thailand Technician Grand Prix 2023

มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดการแข่งขัน YAMAHA Thailand Technician Grand Prix 2023 การแข่งขันทักษะฝีมือช่างยนต์ไทยชิงแชมป์ระดับประเทศรอบสุดท้าย

สำหรับการแข่งขัน YAMAHA Thailand Technician Grand Prix จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เพื่อเป็นการยกระดับ และมาตรฐาน ในการตรวจเช็ก วิเคราะห์ อาการต่างๆ ของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้อย่างตรงจุด และการซ่อมบำรุงที่ได้มาตรฐานจากยามาฮ่า โดยมีการจัดการแข่งขันในระดับภูมิภาคทั่วประเทศ จนสามารถหาผู้ผ่านการแข่งขันจากรอบภูมิภาคจำนวน 100 คน ก่อนทำการแข่งขันจนเหลือ 20 คนสุดท้าย เพื่อชิงแชมป์ในการแข่งขัน YAMAHA Thailand Technician Grand Prix 2023 โดยผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท และร้านผู้จำหน่ายจะได้รับเงินสนับสนุนซื้อเครื่องมือศูนย์บริการจำนวน 100,000 บาท และเดินทางไปรับรางวัล ณ ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับผู้ชนะการแข่งขันจากยามาฮ่าทั่วโลก

โดยการจัดการแข่งขัน YAMAHA Thailand Technician Grand Prix 2023 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย จัดขึ้น ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เมื่อเร็วๆ นี้

BMW CE04 custom e-scooter

กลายเป็นว่า BMW Motorrad จะกลายเป้นค่ายรถที่หันมาจริงจังกับการทำรถคัสตอมหรือทำการตกแต่งรถในสายพานการผลิตของตนเองมากขึ้นทุกขณะ โดยล่าสุด แม้แต่ CE04 ซึ่งเป้นผลงานจากพันธมิตรจากออสเตรียอย่าง Vagabund Moto GmbH ที่จับมือกับ BMW Motorrad Austria. ได้ร่วมกันสร้างสรรชิ้นงานที่พวกเขากล่าวว่านี่คือ excellent craftmanship หรืองานฝีมือชั้นยอดจากออสเตรีย ด้วยการนำรถที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานในเมืองอย่าง BMW CE04 ให้เป้นรถที่มีเอกลักษณ์และมีอ็อพชั่นสารพัดประโยชน์

บนพื้นฐานของความเป็น e-scooter หรือสกูตเตอร์ไฟฟ้า ได้ถูกยกระดับให้มีความเป็น multifunctional e-scooter ที่มีพื้นฐานมาจาก CE04 ซึ่ง Paul Brauchart ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการการจัดการของ Vagabund Moto GmbH ได้กล่าวว่า“ ทุกคนต่างก้มีแนวความคิดเกี่ยวกับรถในรูปแบบเฉพาะของแต่ละคน ดังนั้นคอนเซ้พท์ในการทำรถของเราในครั้งนี้ ก็คือแนวทางตามความคิดของเรา ซึ่งมันก้มาจากคำจำกัดความก็คือ a stylish and multifunctional urban e-scooter ที่จะต้องมีสไตลืมีเอกลักษณ์และมีความสามารถครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายเพื่อที่จะสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างกว้างขวางขึ้นในฐานะของรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้งานในเมือง อีกทั้งต้องเป็นรถที่ทุกคนสามารถเข้าถึงนำมันไปใช้งานได้เป็นอย่างดี”

 

ไม่เพียงแต่การออกแบบรูปโฉม การตกแต่งการเลือกโทนสีล้วนดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ ขณะเดียวกันพวกเขาก้วางสเปคทางด้านเทคนิคที่จะช่วยเสริมสมรรถนะของ CE04 ให้มีสมรรถนะที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในเบื้องต้น CE04 จะมีกำลังขับเคลื่อนในระดับ 31kW หรือเทียบเท่า 42แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-50 ก.ม./ช.ม. .ในเวลา 2.6 วินาที ขณะที่มีระยะทำการไกล 130 ก.ม ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยในการชาร์จให้ได้พลัง 0-80 %  นั้นจะใช้เวลา 65นาที และนี่ก็คือโฉมหน้าของรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า ในเวอร์ชั่นคัสตอมไบค์จากค่ายรถเยอรมันที่เรานำมาฝากกัน

“ก้อง-สมเกียรติ” เก็บแต้มต่อเนื่อง 3 สนามติด บิดเข้าป้ายที่ 11 โมโตทู “ฮอนด้า” คัมแบ็ก! “รินส์” คว้าชัย โมโตจีพี สนาม 3 อเมริกา

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สตาร์ตกริด 15 ไล่แซงคู่แข่งจนโค้งสุดท้ายบิดเข้าป้ายอันดับ 11 เก็บ 5 แต้ม ในศึก โมโตทู สนาม 3 อเมริกาส์ กรังด์ปรีซ์ ขณะ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พา “ฮอนด้า” คัมแบ็กคว้าชัยชนะครั้งแรกใน โมโตจีพี 2023 หลังจบเรซสุดมันส์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 สนาม 3 รายการ อเมริกาส์ กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ณ สนาม เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเกมในรุ่น โมโตทู ดวลกันทั้งสิ้น 16 รอบสนาม ซึ่งนักบิดขวัญใจชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จากสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้ออกสตาร์ตจากกริดที่ 15
โดย สมเกียรติ เริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยมขยับขึ้นมารั้งอันดับ 13 ได้ตั้งแต่รอบแรก จากนั้นไล่บดชิงตำแหน่งกับนักบิดแถวหน้าของโลกอย่างสุดมันส์ ก่อนมาไล่แซง อัลเบิร์ต อารีนาส อดีตแชมป์โลกโมโตทรีได้ในโค้งสุดท้าย บิดเข้าป้ายในอันดับ 11 ด้วยเวลา 34 นาที 56.486 วินาที จากผลงานอันยอดเยี่ยมในสนามนี้ ส่งผลให้นักบิดไทยเก็บเพิ่ม 5 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 บนตารางแชมเปี้ยนชิพของ โมโตทู 2023 เก็บไปทั้งสิ้น 20 คะแนน หลังผ่าน 3 สนามแรกของฤดูกาล
ส่วนการแข่งขันในรุ่น โมโตจีพี นับเป็นผลงานที่ร้อนแรงของ ฮอนด้า เมื่อ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 41 นาที 14.649 วินาที ผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับทีมและฮอนด้าได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ ส่วนนักบิดฮอนด้าคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โจอัน เมียร์, ทาคาอากิ นาคากามิ และ สเตฟาน แบรเดิล ไม่จบการแข่งขัน
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2023 สนาม 4 จะโยกกลับไปแข่งขันในทวีปยุโรป ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน ในรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายนนี้ ร่วมลุ้นและให้กำลังใจ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และทัพนักบิดฮอนด้า พร้อมติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

“ยามาฮ่า” คัมแบ็ก! “กวาร์ตาราโร” ปลดล็อกคว้าโพเดียม โมโตจีพี ออสติน

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี คัมแบ็กกลับมาสู่เส้นทางที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งในฤดูกาล 2023 หลัง “เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร #20 นักบิดเฟรนช์คืนฟอร์มเก่งไล่บี้กลุ่มหน้าฉลองโพเดียมแรกของปี ขณะ ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี #21 ทีมเมทชาวอิตาเลียนยกระดับหนีกลุ่มกลาง จากเรซสุดเข้มข้นของ โมโตจีพี สนาม 3 อเมริกาส์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาศึกโมโตจีพีชิงแชมป์โลก 2023 สนาม 3 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์ ดวลความเร็วเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังผลงานในรอบ สปรินต์ ที่น่าผิดหวัง “มอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี ทีม” ก็กลับไปทำการบ้านอย่างหนักจากข้อมูลที่ได้จากรถแข่งของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร #20 และ ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี #21 โดย กวาร์ตาราโร เริ่มต้นเรซได้อย่างดุดัน ทะยานจากกริดที่ 7 ขึ้นมารั้งอันดับ 4 ตั้งแต่รอบแรก จากนั้นนักบิดเฟรนช์จัดการเรซได้อย่างชาญฉลาด ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 3 ด้วยเวลา 41 นาที 19.585 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 4.936 วินาทีเท่านั้น และผลงานดังกล่าวก็ช่วยให้เขากลับมายืนบนโพเดียมได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล
ขณะที่ มอร์บิเดลลี ซึ่งออกตัวจากกริดที่ 14 สามารถกอบกู้อันดับได้ดีตั้งแต่เริ่มเกม นั่นทำให้นักบิดอิตาเลียนสามารถรักษาอันดับในกลุ่มกลาง แต่จบเรซในอันดับ 8 ตามหลังผู้ชนะ 20.399 วินาที ซึ่งถือเป็นการยกระดับเรซอย่างยอดเยี่ยม หลังมีปัญหาอย่างหนักในการควอลิฟายและสปรินต์ มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้จัดการทีมกล่าวว่า “เราคว้าโพเดียมแรกของฤดูกาลมาได้แล้วในวันนี้ ฟาบิโอ ยังใส่เต็มร้อยเสมอ แต่วันนี้เขาบวกมันเข้าไปอีก 10% เขาขี่อย่างชาญฉลาด ดุดันในช่วงเริ่มเกมและฉลาดในตอนท้าย เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเขากลับมายืนบนโพเดียม มันเป็นรางวัลที่คู่ควรสำหรับเขาและทีม หลังจากทุกคนทำงานกันอย่างหนัก”
“แฟรงกี้ ก็มีพัฒนาการที่ดีหากเทียบกับเมื่อวาน (วันเสาร์) แม้ว่าจะยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง แต่เขาก็สามารถกอบกู้อันดับได้ในรอบแรก และจบการแข่งขันด้วยการคว้าแต้มมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยรวมแล้วเราจะเดินทางออกจาก ออสติน ด้วยแรงจูงใจที่ดี และตอนนี้ก็กำลังรอคอยที่จะเริ่มต้นสนามในโซนยุโรปของฤดูกาลในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”
กวาร์ตาราโร เผยหลังจบเรซด้วยอันดับ 3 ว่า “มันยากจริงๆ ผมเจองานหนักมาก แต่ต้องต่อสู้อย่างหนักในรอบแรกๆ เพราะผมจะไม่สามารถขึ้นโพเดียมได้เลย หากเสียอันดับในช่วงแรกของการแข่งขัน ผมทำดีที่สุดแล้ว และก็แฮปปี้จริงๆ เพราะผมกลับมาได้หลังจากเจอการแข่งขันที่โหดมากๆ” “คุณรู้ไหม? ทีมของเราทำงานหนักมาก และพวกเขาก็พยายามทำให้ผมใจเย็น ซึ่งมันไม่ใช่งานง่ายเลย มันเป็นความรู้สึกดีมากที่ได้กลับมายืนใน พาร์ค เฟอร์เม่ และหวังว่าผลงานดีๆ เหล่านี้จะมาถึง” มอร์บิเดลลี กล่าวว่า “เป็นการแข่งขันที่ดีขึ้นและผลงานของเราดีกว่าเมื่อวันอย่างชัดเจน ตำแหน่งออกสตาร์ทของเราไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเราเสียโอกาสไปตั้งแต่วันศุกร์ เนื่องจากเข้าสู่ Q2 ไม่ได้ นั่นทำให้เราต้องออกตัวจากข้างหลัง”
“เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อไต่ขึ้น เป็นเรื่องดีที่เราสามารถสร้างผลงานที่ดีได้ในการแข่งขัน ดังนั้นเราต้องยกระดับการทำงานอย่างต่อเนื่อง และเก็บข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เราจะเดินทางมุ่งหน้าสู่ เรซอย่างสวยงามและพร้อมต่อสู้อีกครั้ง” หลังผ่าน 3 สนามแรกของฤดูกาล กวาร์ตาราโร ยกระดับผลงานขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขยับรั้งอันดับ 7 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 34 คะแนน ส่วนทีมเมทอย่าง มอร์บิเดลลี รั้งอันดับ 10 มีทั้งสิ้น 29 คะแนนทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2023 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 เมษายนนี้ ที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ ประเทศสเปน ซึ่งเป็นสนามแรกในโซนยุโรปของปีนี้ ในรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์

ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 : ???? ??? ???? ????? แรงไปอีกขั้น Performance จัดเต็ม

> เครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA เกียร์สปอร์ต 6 สปีด
> Assist & Slipper คลัตซ์ มั่นใจทุกการขับขี่
> เฟรมรูปตัว Y น้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว
ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ สีสันใหม่ โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ให้คุณได้ไล่ล่าความตื่นเต้นที่ใจอยาก แล้วพุ่งทะยานไปให้ถึงขีดสุด อะดรีนาลีน
ทุกเส้นทางสร้างวิถีของตัวเองให้ excite ไปอีกขั้น
เช็กสเปคเพิ่มเติม
สอบถามโปรโมชันได้ที่ร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าใกล้บ้านที่นี่: https://bit.ly/Dealer_Yamaha_Thailand_
*เช็กรายละเอียดการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. ได้ที่นี่: https://bit.ly/Yamaha_5Years-Warranty

Honda เผยโฉม New Honda Wave110i ลวดลายใหม่

Honda เผยโฉม New Honda Wave110i ลวดลายใหม่ ลุคสปอร์ตพรีเมียมมาพร้อมเครื่องยนต์ Honda Smart Engine ประหยัด แรง ทนทาน ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ของ Wave110i โมเดลที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในทุกภาคทั่วประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งยังครองใจคนไทยมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ด้วยการเปิดตัว New Honda Wave110i ซึ่งมาพร้อมคอนเซปต์ “ทุกทิศทั่วไทย เชื่อใจที่ 1”
New Honda Wave110i ดีไซน์ใหม่ สะดุดตาด้วยลายเส้นกราฟิกใหม่รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นลายด้านข้าง หรือด้านหน้า ให้ความรู้สึกสปอร์ต เพิ่มความโดดเด่นด้วยเบาะสีแดง (เฉพาะรุ่นล้อแม็กสีขาว) สะท้อนรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว New Honda Wave110i ยังมาพร้อมความประหยัด แรง ทนทาน กับขุมพลัง Honda Smart Engine เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของรถครอบครัว ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 110 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM – FI ให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 76.9 กม./ลิตร วิ่งได้ไกลอย่างต่อเนื่องด้วย Fuel Tank ความจุ 5 ลิตร ให้ทุกการเดินทางไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็เป็นเรื่องง่าย สบายใจเสมอ ทั้งยังใช้งานสะดวกด้วยหน้าปัดเรือนไมล์แบบ Digital และกล่อง U-box ขนาดใหญ่ 10 ลิตรเก็บของได้อย่างจุใจ
New Honda Wave110i พร้อมให้คนไทยเลือกเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น คือ
– รุ่นล้อแม็ก สตาร์ตมือ ดิสก์เบรก มี 4 สี ได้แก่ สีขาว-แดง สีดำ-แดง สีน้ำเงิน-เทา และสีแดง ราคาแนะนำที่ 46,400 บาท
– รุ่นล้อซี่ลวด สตาร์ตมือ ดิสก์เบรก มี 3 สี ได้แก่ สีดำ-แดง สีน้ำเงิน-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำที่ 44,400 บาท
– รุ่นล้อซี่ลวด สตาร์ตเท้า ดิสก์เบรก มี 3 สี ได้แก่ สีดำ-แดง สีน้ำเงิน-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำที่ 41,500 บาท
– รุ่นล้อซี่ลวด สตาร์ตเท้า ดรัมเบรก มี 2 สี ได้แก่ สีดำและสีแดง ราคาแนะนำที่ 37,100 บาท
พบกับ New Honda Wave110i ที่ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

ไทยยามาฮ่า ระเบิดความฟินน์!! เทศกาลลานฟินน์ “FINN FEST 2023”

รวมพลคนฟินน์ ฟินน์ ฟรี!! เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อาหารครบเครื่อง พร้อมคอนเสิร์ตจาก กระแต อาร์สยาม

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมกันเปิดเทศกาลลานฟินน์ ในกิจกรรม “ฟินน์เฟส 2023” รวมพลคนฟินน์ ฟินน์ ณ ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ โดยภายในงานอัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดฟินน์ขับขี่ฟินน์ ไปให้สุดไม่มีจอด บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี!! และเต็มอิ่มกับร้านค้าและร้านอาหารฟู้ดทรัค ทีเด็ดกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ รับของแถมฟรีทันที 3 รายการ พร้อม Gift Voucher 1,000 บาท และบัตรน้ำมันมูลค่า 500 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0.99% ผ่อนเริ่มต้น 1,XXX บาท / เดือน

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมกันเปิดเทศกาลลานฟินน์ ในกิจกรรม “ฟินน์เฟส 2023” รวมพลคนฟินน์ ฟินน์ ณ ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ โดยภายในงานอัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดฟินน์ขับขี่ฟินน์ ไปให้สุดไม่มีจอด บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี!! และเต็มอิ่มกับร้านค้าและร้านอาหารฟู้ดทรัค ทีเด็ดกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ รับของแถมฟรีทันที 3 รายการ พร้อม Gift Voucher 1,000 บาท และบัตรน้ำมันมูลค่า 500 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0.99% ผ่อนเริ่มต้น 1,XXX บาท / เดือน

2023 YZR-M1

เปิดตัวทีมอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับแฟคทอรี่ทีม Yamaha ในรายการ 2023 MotoGP ซึ่งรถแข่ง YZR-M1 จะเป็นเพียงรถยี่ห้อเดียวที่ใช้เครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงหรืออินไลน์4 ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์แบบอินไลน์โฟร์นี้ เป็นรูปแบบเครื่องยนต์ของรถแข่งที่มีความเป็นมาต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของการแข่งขันเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ที่มีบทบาทมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของการแข่งขันชิงแชมป์โลก ที่เครื่องยนต์อินไลน์โฟร์ประเดิมชัยชนะครั้งแรกในปี 1950 ด้วยรถแข่ง Gilera และมีพัฒนามาถึงปัจจุบัน ด้วยชัยชนะครั้งหลังสุดที่ทำได้ด้วยรถแข่ง Yamahaในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ความสำเร็จสูงสุดก็คือการที่ Fabio Quartararo นำ M1 คว้าตำแหน่ง 2021 MotoGP World Champion อย่างไรก็ตามในปี 2022ที่ผ่าน แม้เครื่องยนต์อินไลน์โฟร์จะสามารถคว้าชัยชนะได้ แต่เป้าหมายในการป้องกันแชมป์นั้นล้มเหลว ขณะเดียวกัน ชัยชนะในการคว้ามาแต่ละครั้งเริ่มทวีความยากลำบากมากขึ้น เมื่อเทียบกับความโดดเด่นของเครื่องยนต์ V4 ที่ดีวันดีคืนกันถ้วนหน้า จนก่อให้เกิดข่าวลือต่างๆนานาว่า ในอนาคตจะไม่เหลือเครื่องยนต์แบบอินไลน์โฟร์บนสนามแข่งจีพีอีกแล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าทางโรงงานได้เตรียมวางตัว หัวหน้าโครงการพัฒนารถแข่ง MotoGP ของ บริษัทไว้เรียบร้อยแล้ง ซึ่งแห่ลข่าวได้บอกว่าชื่อของ Kazutoshi Seki คือผู้ที่จะเดินหน้าเปลี่ยนไปพัฒนารถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V4 แทน

ของเครื่องยนต์แบบ อินไลน์โฟร์ นั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะเพลาข้อเหวี่ยงที่ยาวกว่า ทําให้รถแข่งมีเสถียรภาพหรือมีความนิ่งเนียนคอนโทรลได้ง่ายกว่า ขณะที่เครื่องยนต์ V4 นั้น ขึ้นเชื่อเรื่องกำลังเครื่องยนต์หรือแรงม้าที่สูงกว่ามีผลเนื่องจากเพลาข้อเหวี่ยงที่สั้นกว่าและแข็งกว่าซึ่งมันช่วยให้มีประสิทธิภาพโดยตรงถึงรอบการทำงานที่ให้ จำนวนรอบต่อนาทีสูงมากขึ้น และยังมีผลถึงแรงม้ามีมากกว่า อย่างไรก็ตามในอดีตนี่คือเพียงจุดเดียวที่เครื่องยนต์ V4 โดดเด่นมากที่สุด คือความทรงพลังนั่นเอง ซึ่งผิดกับอินไลน์โฟร์ ที่มีความเป้นมิตรควบคุมง่ายแถมมีความเร็วที่ดี ดังนั้นในหลายๆสนามที่มีโค้งหลากหลาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโค้งแคบ มันจะเอื้อต่อรถแข่งอินไลน์โฟร์ ขณะที่เครื่องยนต์ V4 นั้น มีเพียงการทำความเร็วทางตรงที่เหนือกว่ากับโค้งกว้างๆความเร็วสูงเท่านั้นที่พวกเขาเหนือกว่า ถ้าลากเส้นบนกระดานก็จะบอกได้ชัดเจนว่า สไตล์ของเครื่องยนต์อินไลน์โฟร์นั่นก็คือการไหลไปบนไลน์ขี่ในโค้งที่เป็นรูปตัว U นั่นก็หมายความว่าโดยธรรมชาติมันจะเลี้ยวได้ดีได้เร็ว ส่วนทางฝั่งเครื่องยนต์ V4 นั้น ไลน์การขี่ขณะเข้าโค้งนั้น มันจะเป็นรูปตัว V นั่นคือ ทะยานมาด้วยความเร็วแล้วเบรกหนักช่วยหยุดความความเร็วก่อนจะเลี้ยวแล้วชาร์จทะยานออกไป แต่ด้วยความรุดหน้าในการพัฒนาด้านต่างๆเกี่ยวกับรถแข่ง รวมทั้งการพัฒนาทักษะและเทคนิคการขี่ของนักแข่ง ส่งผลให้ ข้อได้เปรียบดั้งเดิมของอินไลน์โฟร์นั้นค่อยๆลดน้อยลง ถ้าบนแทร็คมีรถพัวพันมาก ก็ยากที่อินไลน์โฟร์จะไหลไปด้วยความเร็วสูงสุดในโค้งได้ยิ่งพื้นฐานเครื่องยนต์ที่มีกำลังต่ำกว่าด้วยแล้ว ทำให้ไม่สามารถเร่งความเร็วทะยานออกจากโค้งไปได้ทัน V4 ที่โดยพื้นฐานแล้วเหนือกว่าทั้งกำลังและความเร็ว เมื่อองค์ประกอบอื่นๆถูกพัฒนามาช่วยกลับกลายเป็นว่าอินไลน์โฟร์กำลังเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งขึ้นเมื่อต้องต่อกรกับเครื่องยนต์ V4 ในปัจจุบัน “คนส่วนใหญ่ในวงการแทบทุกคนคิดว่ายามาฮ่าเป็นรถแข่งที่ควบคุมง่าย แต่มันไม่มีเช่นนั้นอีกแล้ว” Cal Crutchlow นักทดสอบจากโรงงานกล่าวเพิ่มเติมว่า

“คุณอาจจะเคยขี่มันได้ด้วยมือเดียวและแม้ว่าคุณจะมีรุกกี้ หรือเป็นนักแข่งทีมอิสระ ก็ยังสามารถทำผลงานขึ้นโพเดียมได้ด้วย M1 แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปแล้ว ปัจจุบันมี Fabio เป็นคนเดียวที่สามารถขี่มันได้ เพราะมันมีความดุดันก้าวร้าวมากขึ้น เครื่องยนต์และระบบต่างของตัวรถแข่งมันมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถได้รับประโยชน์สูงสุดจากรถแข่ง M1 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันนักแข่งที่มีประสบการณ์คนอื่น ๆ ของ Yamaha ได้แก่ ทั้ง Valentino Rossi , Franco Morbidelli Andrea Dovizioso ต่างพบว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะควบคุมรถแข่ง M1 ที่มันไม่มีความเป็นมิตรกับผู้ขี่เช่นอดีต” หากในปีที่ผ่านมารถแข่งของ Fabio Quatararo มีแรงม้าอีก สิบแรงม้า แล้วล่ะก็เขาอาจจะป้องกันแชมป์ได้สําเร็จ ซึ่งเหล่าวิศวกรของ Yamaha คํานวณว่ารถแข่งของเขาแพ้ระหว่าง 0.2-0.4 วินาทีต่อรอบเนื่องจากอัตราเร่งที่ไม่ดีและความเร็วสูงสุดที่เป็นรอง ดังนั้นเป้าหมายหลักของพวกเขาในปี 2023 คือการเยียวยาช่องว่างดังกล่าว ทางฝั่งของหัวหน้าช่างประจำยูนิตของ Fabio Quartararo ซึ่งก็คือ Diego Gubellini ที่ว่ากันว่าพวกเขาได้พบหนทางที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพการเข้าโค้งที่ดีขึ้น ซึ่งคีย์เวิร์ดนั้นก็คือคำว่า downforce aero ก็เป็นไปตามเทรนของทีมอื่นๆด้วยเช่นกันที่เกือบทุกทีมหันมาพัฒนาบอดี้พาร์ทที่เกี่ยวข้องกับค่าอากาศพลศาสตร์กันมากขึ้นนั่นเอง เช่นกันทาง M1 ก็มีการเปลี่ยนรูปทรงชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทหรือแฟริ่งของรถแข่งที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถเอื้อต่อการเร่งความเร็วที่ดีขึ้น แล้วเขาและที่น่าสนใจก็คือ ทิศทางในการพัฒนาสำหรับ M1 เวอร์ชั่น 2023 ที่เปิดตัวออกมานี้ให้มีความสมบูรณ์กับการแข่งขันมากที่สุด “การขี่ในเกมการแข่งขันกับนักแข่งคนอื่น ๆเมื่อพิจารณาสถานการณ์ของ Fabio นั้นชัดเจนว่าเขานั้นอยู่ในขีดจํากัดหลายๆอย่างที่ทำให้เป็นรองคู่แข่ง ซึ่งคู่แข่งแต่ละคนส่วนมากล้วนมีเพดานขีดจำกัดที่สูงกว่าเรา ดังนั้นจังเป็นเรื่องปกติที่แทบทุกครั้ง Fabio จะต้องบวก จนแทบจะเกินลิมิต และเป็นธรรมดาในการแข่งขันถ้าคุณเกินขีดจํากัด ในทุกโค้งในทุกรอบแล้วมันง่ายที่จะทําให้เกิดข้อผิดพลาด ใช่ความผิดพลาดของเขาที่ออสเตรเลียที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นผลเพราะเขาขี่เกินขีดจํากัดที่เรามี ในฤดูกาลที่ผ่านมานี้เราได้เรียนรู้ว่าในหลาย ๆ สนาม จากที่ในอดีตเราแข็งแกร่งมากว่า มันเคยเป็นของตายของเรา ทว่าเวลานี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปเพราะ Aprilia และ Ducati ได้ปิดช่องว่างในด้านความสามารถของการเลี้ยว ที่รถแข่งของพวกเขาเคยเป็นรองเรา ดังนั้นตอนนี้เรากําลังต่อสู้ด้วยประสิทธิภาพการเลี้ยวที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว เราไม่มีความได้เปรียบอีกแล้วในจุดนี้ แต่ในเวลาดียวกันเรากลับมีกําลังเครื่องยนต์น้อยกว่าพวกเขา ที่ชัดเจนที่สุดที่เพิ่งผ่านไปล่าสุดก็คือที่บาเลนเซีย สภาพเลย์เอ้าท์สนามที่มีโค้งแคบมากมายซึ่งเคยเป็นข้อได้เปรียบสําหรับเราในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักแข่งของเรา รถแข่งของเรา” คงปฏิเสธไม่ได้ที่ว่า เครื่องยนต์อินไลน์โฟร์ที่เคยยอดเยี่ยม ในเอกลัษณ์ของความนุ่มนวลควบบคุมง่าย เด่นในการทำความเร็วในโค้งนั้น ไม่มีอีกต่อไปแล้ว และคงอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมนักแข่งหลายคนที่ขี่ M1 ต่างก็เรียกร้อง กำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น ต้องกาความเร็วสูงสุดที่มากขึ้น และนั่นทำให้ทีมต้อง
ลองผิดลองถูกมากมายเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งหัวหน้าช่างผู้ดูแลยูนิต M1 ของ Fabio ได้กล่าวว่า

“เราพบข้อมูลที่จะนำมาการปรับปรุงบางอย่างของรถแข่ง เพื่อพัฒนาในด้านความเร็วและการเร่งความเร็ว เรากําลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าในการเปลี่ยนแปลงจะสามารถทำสำเร็จได้ในวันเดียว แต่ต้องใช้เวลา นั่นเป็นเหตุผลที่ในการทดสอบทุกครั้งเราได้พยายามนําบางส่วนมาปรับปรุงเพื่อให้ได้กำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ผมเองก็ไม่สามารถพูดตัวเลขที่แน่นอนได้ว่าเราต้องการแรงม้าอีกกี่ตัว แต่เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้ในปี 2022 เรารู้ว่าต้องการมากกว่านี้ เราต้องการก้าวที่ยิ่งใหญ่ ก้าวยาวๆที่จะไปได้ไกลจากจุดที่อยู่นี้ เราลองประมาณการว่าเราช้ากว่าระหว่าง 0.2-0.4 วินาทีต่อรอบ เมื่อเปรียบเทียบด้วยเครื่องยนต์ปี 2022 และนี่คือสิ่งที่ Fabio ต้องชดเชยจุดอ่อนนี้ ด้วยการพัฒนาค้นหาวิธีและเทคนิคในการขี่ของเขา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขา ดังนั้นเราจึงต้องมีกระบวนการและขั้นตอนสำคัญที่จะต้องเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่” “ผมคิดว่ามันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์หรือเป็นเรื่องของแรงม้า แต่มันซับซ้อนกว่านั้น เพราะสไตล์การขี่ของนักแข่งเอง ก็จำเป็นต้องเอื้อกับแคแรกเตอร์ของรถแข่ง ดังนั้นจุดอ่อนที่มีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์เท่านั้น ทุกองค์ประกอบทั้งเทคนิคการขี่ของตัวนักแข่งเอง ธรรมชาติของรถแข่งเอง ทั้งสองส่วนต่างก็ต้องผสานกัน นักแข่งทำหน้าที่ในส่วนของตัวเอง เราเองก็ต้องพยายามปรุงแต่งรถแข่งให้มีความเหมาะสมลงตัวกับนักแข่ง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแชสซีเรื่องของอากาศพลศาสตร์และอื่น ๆ ดังนั้นจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพที่แท้จริงของรถแข่งให้ออกมาดีที่สุด”
“ตามความเข้าใจส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสไตล์การขี่และวิธีการจัดการในโมโตจีพีมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ซึ่งเราได้ให้ความสนใจในเรื่องของค่าดาวน์ฟอร์ซเป็นอย่างมาก เพราะแรงกดที่มีผลมาจากค่าอากาศพลศาสตร์นี้ เป็นสิ่งที่ช่วยให้รถแข่งเลี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโหลดหรือมีแรงกดที่ด้านหน้ามากขึ้น มันก็จะเพิ่มการยึดเกาะด้านหน้าของรถแข่งได้ดี นอกจากนี้เนื่องจากเรามีแรงกดที่ด้านหน้ามากขึ้นเราจึงสามารถใช้การกระจายน้ําหนักคงที่ที่แตกต่างกันเพื่อช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการยึดเกาะด้านหลังของรถแข่งได้ดีอีกด้วย อย่างที่ผมบอกไปมีหลายสิ่งที่สามารถปรับปรุงความเร็วของเรา ไม่ว่าส่วนของกําลังเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอื่นๆ อีกมากมาย แต่ตอนนี้เราต้องทำการทดสอบก่อนว่าเราสามารถพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหนสำหรับฤดูกาลแข่งในปี 2023 และการตรวจสอบขั้นตอนต่อไปคือการดูว่าคู่แข่งของเราดีขึ้นมากแค่ไหนเพราะถ้าเราปรับปรุง แต่พวกเขายังคงรักษาช่องว่างด้านประสิทธิภาพไว้เหมือนเดิม เราก็จะยังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับปีที่ผ่านมา ตอนนี้เรากําลังพยายามที่จะสรุปเวอร์ชันสุดท้ายสําหรับผลิตรถแข่งเวอร์ชั่นปี 2023 โดยพยายามรวมสิ่งดีๆทั้งหมดเข้าด้วยกัน แต่ไม่มีแผนการที่จะทำสเปกเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันหลายเวอร์ชั่น กล่าวคือเราจะสรุปเพื่อทำสเปคพื้นฐานที่ดีที่สุดออกมานั่นเอง”
ทั้งหมดทั้งมวลที่ร่ายมาถึงบรรทัดนี้ก็เป็นการประมวลรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางของรถแข่ง M1 โมเดลล่าสุดที่เรานำมาเล้าสู่กันฟัง ดังนั้นก็เลยือโอกาสรวบรวมมาบอกกล่าวกันเกี่ยวกับรถแข่งเวอร์ชั่นล่าสุดที่แฟคทอรี่ทีมเพิ่งขะเปิดโฉมในวาระที่พวกเขาเปิดตัวทีมอย่างเป็นทางการในครั้งนี้