“ก้อง-สมเกียรติ” ฮึดคว้ากริด 12 โมโตทู สนาม 11 คาตาลัน จีพี

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ฮึดคว้ากริดที่ 12 ในศึก โมโตทู ชิงแชมป์โลก สนาม 11 รายการ คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ลุ้นล่าอันดับวันอาทิตย์นี้ที่ บาร์เซโลน่า ขณะนักบิดรุ่นน้องอย่าง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยกระดับผลงานอย่างต่อเนื่องได้เริ่มเกมจากแถว 9 ในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

สนามแห่งนี้นับเป็นความท้าทายของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ต้องลุ้นในรอบ Q1

อย่างไรก็ดี ยอดนักบิดไทยสามารถกอบกู้สถานการณ์คว้าอันดับ 1 ในรอบ Q1 และผ่านเข้าสู่ Q2 ได้สำเร็จ ก่อนจะคว้า กริดที่ 12 มาครองด้วยเวลา 1 นาที 44.470 วินาที ขณะที่ทีมเมทชาวญี่ปุ่นอย่าง ไอ โอกูระ หมายเลข 79 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 3 ด้วยเวลา 1 นาที 44.214 วินาที ส่วนผลการควอลิฟายในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยอย่าง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี หมายเลข 33 ที่ลงแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดเป็นสนามที่ 3 ในชีวิต มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ได้ออกตัวจากกริดที่ 27 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 50.404 วินาที
ทั้งนี้ ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน เริ่มต้นในรุ่น โมโตทรี 16.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วยรุ่น โมโตจีพี 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ True Visions SPOTV
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

“ยามาฮ่า” ทำงานหนัก เฟ้นความเร็ว M1 “กวาร์ตาราโร” หวังกู้สถานการณ์ คาตาลัน กรังด์ปรีซ์

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี เจอสถานการณ์สุดท้าทายในการแข่งขันสนาม 11 คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ลั่นทำทุกทางเพื่อยกระดับความเร็ว ขณะ “เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลก 1 สมัยชาวฝรั่งเศสหวังแก้ปัญหา “การยึดเกาะ” กู้สถานการณ์ในสุดสัปดาห์นี้ที่ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ศึกโมโตจีพี 2023 สนาม 11 รายการ คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ผ่านการซ้อมอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิต เด บาร์เซโลนา-คาตาลุนญา ประเทศสเปน โดยนับเป็นสนามที่มีความหมายอย่างมากต่อ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพีผลการซ้อมปรากฏว่า ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์เจ้าของหมายเลข 20 เจอธงเหลืองในรอบสุดท้ายส่งผลให้เวลาต่อรอบไม่เป็นไปตามเป้า รั้งอันดับ 17 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.106 วินาที ส่วนทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี หมายเลข 21 ตามมาในอันดับ 18 ด้วยเวลา 1 นาที 40.155 วินาที
มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี เปิดเผยว่า “เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีสำหรับเราใน คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ เราไม่สามารถหาเวลาต่อรอบที่ดีได้แบบที่ต้องการ นั่นทำให้วันเสาร์เป็นงานยากมาก แต่เราจะทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือนักบิดทั้งคู่”
ด้าน กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “มันเป็นวันที่ยาก แต่ปีที่แล้วในวันศุกร์ก็เป็นแบบนี้ (ชนะในปีที่ผ่านมา) เราพยายามทดลองยางทุกแบบ ทั้ง มีเดียม, ซอฟต์ และ ฮาร์ด-มีเดียม เราลองทำทุกอย่าง แต่ก็เจอปัญหากับการยึดเกาะที่ล้อหลัง ทำให้ผมต้องเบรกหนักกว่าปกติ นั่นทำให้เรามีปัญหาที่ล้อหน้าด้วย เราต้องทำความเข้าใจมันให้ได้ เพื่อปรับปรุงความเร็วของเรา”
สำหรับ ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ จะควอลิฟายและแข่งขันรอบ “สปรินต์” ในวันเสาร์ที่ 2 กันยายนนี้ และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายนนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36

“กวาร์ตาราโร่” พร้อมลุยสนามโปรด! ตั้งเป้าพา “ยามาฮ่า” เฮอีกครั้งที่ บาร์เซโลน่า

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ แชมป์โลกโมโตจีพี 1 สมัยจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ลั่นพาต้นสังกัดคัมแบ็กกลุ่มหน้าอีกครั้งในศึก โมโตจีพี สนาม 11 รายการ คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ในสนามโปรดที่ เซอร์กิต เด บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า ประเทศสเปนในสุดสัปดาห์นี้ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ เตรียมระเบิดความมันส์ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายนนี้ นับเป็นสนามที่ ยามาฮ่า มักจะสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในปีที่ผ่านมา ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ นักบิดเฟรนช์เจ้าของหมายเลข 20 จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี คว้าชัยชนะมาครองได้อย่างเฉียบขาด
มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ทีม เปิดเผยว่า “ถือเป็น 2 สุดสัปดาห์ที่พวกเราต้องทำงานกันอย่างหนัก เพราะแข่งต่อเนื่องกันจากที่ บาร์เซโลน่า ไปที่ มิซาโน ซึ่งถือเป็นทั้งสองสนามที่สำคัญต่อเราอย่างมาก ลำดับแรกคือเราเน้นสร้างผลงานที่ดีในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งโดยปกติเราจะแข็งแกร่งมากที่นี่ (บาร์เซโลน่า) เพราะเป็นสนามที่เข้าทางเรามากกว่าสนามอื่นๆ”
กวาร์ตาราโร่ กล่าวว่า “นี่คือเรซที่ดีที่สุดสนามหนึ่งของผมในปีที่ผ่านมา บาร์เซโลน่าคือหนึ่งในสนามโปรด มันเป็นแทร็กที่โดยปกติแล้วจะเข้าทางผม และผมสนุกมากๆ เมื่อลงแข่งที่นี่ มาดูกันครับว่าเราจะสร้างผลงานที่ดีได้หรือไม่ ผมหวังที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับทีมและครอบครัวของเราอีกครั้ง”
ขณะที่ มอร์บิเดลลี่ เปิดเผยว่า “ผมสนุกกับการแข่งขันสนามที่ผ่านมา เพราะดูเหมือนว่าเราจะสามารถสู้กับคู่แข่งได้ เราจะสานต่อแนวโน้มที่ดีนี้ โดยสุดสัปดาห์นี้เราหวังว่าจะปรับปรุงผลงานให้ได้ตั้งแต่วันศุกร์ และในวันเสาร์ เพื่อให้สามารถออกตัวจากด้านหน้าให้มากกว่าเดิม” สำหรับ ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วในสุดสัปดาห์นี้ เริ่มต้าการซ้อมในวันศุกร์ที่ 1 กันยายนนี้ ก่อนจะควอลิฟายและแข่งขันรอบ “สปรินต์” ในวันเสาร์ที่ 2 กันยายนนี้ และแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายนนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36

“ก้อง-สมเกียรติ” รั้งท็อป 12 วันแรก โมโตทู บาร์เซโลน่า “ก๊องส์-ธัชกร” ยกระดับต่อเนื่อง โมโตทรี

ผลการซ้อมวันแรกของรุ่น โมโตทู ปรากฏว่า “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ต้องเจอปัญหาการยึดเกาะที่ล้อหลัง ก่อนจะรั้งอันดับ 12 หลังผ่านการซ้อม 2 ครั้ง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 45.472 วินาที ตามหลังจ่าฝูงชาวญี่ปุ่นทีมเมทอย่าง ไอ โอกูระ หมายเลข 79 เพียง 0.668 วินาที โดยนับเป็นการออกสตาร์ตการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทีมที่ บาร์เซโลน่า

ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหมายเลข 33 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ลงบิดไวลด์การ์ดในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นสนามที่ 3 ในปีนี้ ผ่านการซ้อม 2 ครั้งแรก รั้งอันดับ 28 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 50.389 วินาที ทำเวลาได้ดีขึ้นจากการซ้อมครั้งแรก

ทั้งนี้ ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ จะควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน เริ่มต้นในรุ่น โมโตทรี 16.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วยรุ่น โมโตจีพี 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ True Visions SPOTV

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

BMW CE02

เป็นระยะเวลาสองปีนับจากส่ง CE04 นำร่องออกมา เปิดช่องทางสู่ตลาดและผู้ใช้ยานยนต์พลังไฟฟ้าจาก BMW Motorrad กับวิวัฒนาการล่าสุดเวยยานยนต์ที่พวกเขาบอกว่ามันเป็นมากกว่าeScooter และ eMotorcycle ด้วยรหัสชื่อรุ่นว่า CE02 ที่ทางBMW Motorrad บอกว่ามันคือยานยนต์ไฟฟ้าแนวใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ และนวัตกรรม eParkourerที่เป็นการรวบรวมจุดเด่นข้อดีสำหรับยานยนต์ไหฟ้าสมัยใหม่มีส่วนสนับสนุนให้มีความคล่องตัวและให้ความสนุกในการขี่ที่ยอดเยี่ยมในสภาพแวดล้อมในเมืองและชานเมือง โดย BMW CE 02 ใหม่นี้แสดงจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ดึงดูดใจคนหนุ่มสาวโดยเฉพาถซึ่งคำจำกัดความของมันจะไม่ใช่เพียงแค่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มันคือสิ่งที่พวกเขาบอกว่ามันคือ eParkourerที่สร้างขึ้นสำหรับเมืองและสภาพแวดล้อมในเมือง ว่องไวใช้งานได้จริง

แข็งแกร่งและลดความซับซ้อนของการออกแบบใช้ล้อขนาดใหญ่ที่ตอบสนองความต้องการด้านความทนทานและในขณะเดียวกันก็สามารถรับรองประสิทธิภาพว่าขี่สนุกได้ในหลายสภาพเส้นทางด้วยสีดำเป็นสีพื้นฐานสำหรับเฟรม ล้อ บังโคลนหน้า และแฟริ่ง ขณะที่สีเทาเมทัลลิคแบบด้านสำหรับฝาครอบเครื่องยนต์ให้ความแตกต่างที่ดูโดดเด่นระหว่างโทนสีด้านกัวโทนสีที่เป็นเงาสูงพื้นผิวด้านและเงาสูงช่วยให้ CE 02 ใหม่นี้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น สะดุดตาและมีสีสันด้วยชิ้นส่วนฟอร์คหน้าที่ชุบอโนไดซ์สีทอง จากเฉดสีที่ตัดกันทำให้ CE 02 ดูมีพลังและทันสมัย

ผู้ขับขี่อายุ 16 ปีขึ้นไปจะสามารถขี่ CE 02 ใหม่ได้ ด้วยสเปคที่มีกำลังสูงสุดกำลังขับ 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) ในขณะเดียวกันก็จะมีสเปคของเวอร์ชั่นที่จำกัดกำลังไว้ที่ 4 กิโลวัตต์ (5 แรงม้า) (กำลังไฟ 3.2 กิโลวัตต์ (4hp)) ที่ออกแบบให้เป็นรุ่นที่จำกัดความเร็วไว้ในระดับ45 กม./ชม. ที่เหมาะกับผู้ขี่ระดับเริ่มต้น ซึ่งCE 02 ใหม่ยังเป็นไปตามข้อกำหนดของประเภทใบขับขี่มือใหม่ ตัวอย่างเช่นในเยอรมนีที่กำหนดให้ผู้ขับขี่ตั้งแต่อายุ 15 ปีและโดยผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่รถยนต์ อย่างไรก็ตามสเปคที่ทรงพลังหรือมีสมรรถนะสูงสุดของCE 02 ใหม่อยู่ในรุ่น 11 กิโลวัตต์ เพื่อเร่งความเร็วอย่างรวดเร็วเมื่อถึงสัญญาณไฟจราจรและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่รวดเร็วว่องไว ด้วยความเร็วสูงสุด 95 กม./ชม. พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่รวดเร็วบนทางด่วนและให้ระยะทางมากกว่า 90 กม.

ในเรื่องของการขับขี่CE 02ใหม่นี้จะมาพร้อมกับโหมดการขี่ “Flow” และ “Surf”ที่ติดตั้งมาเป็นระบบขับขี่มาตรฐาน โดย  “Flow ” นำเสนอการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรในเมือง ในขณะที่ “Surf” มอบประสบการณ์การขับขี่แบบดุดันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีอ๊อพชั่นเพิ่มขึ้นเป็นโหมดการขับขี่ “Flash”ที่ว่ากันว่าจะให้ความเป็นสปอร์ตและสัมผัสถึงสมรรถนะที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นอ๊อพชั่นที่มีจำหน่ายในรูปแบบสปอร์ตและไดนามิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HIGHLINEที่จัดเป็นอุปกรณ์เสริมและเป็นอุปกรณ์เสริมของแท้จาก BMW Motorrad นั่นเองจากนั้นก็มาส่วนของการชาร์จไฟ โดยมีที่ชาร์จภายนอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและที่ชาร์จด่วนเป็นอุปกรณ์เสริม โดยเจ้าCE 02 ใหม่มาพร้อมกับที่ชาร์จภายนอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยกำลังการชาร์จ 0.9 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จได้ดำเนินการให้รวดเร็วและสะดวกได้มาตรฐานกับซ็อกเก็ตที่ใช้ในครัวเรือน แต่ถ้าคิดว่ายังชาร์จไม่ทันใจ จะสามารถเพิ่มความเร็วในการชาร์จยิ่งขึ้นด้วยเครื่องชาร์จแบบเร็วรุ่น 1.5กิโลวัตต์ซึ่งมีอยู่ในตัวเลือก HIGHLINEด้วยเช่นกัน

สำหรับโครงสร้างแชสซีส์ของตัวรถ มาครบคงความหนึบด้วย  Chassis with double-loop tube frame พร้อมกันสะเทือนหน้าtelescopic forks และกันสะเทือนหลัง single sided swingarm ซึ่งโครงสร้างเฟรมดังกล่าวของ BMW CE 02ทำมาจาก tubular steel ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงบิดและเวยการออกแบบเฟรมเป็น double-loop frame นี้จึงจับคู่กับHydraulically damped telescopic forks ที่รับหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบในส่วนของกันสะเทือนด้านหน้า โดยที่ด้านหลังนั้นทาง BMW Motorrad ได้ออกแบบให้เป็น single-sided swingarm and a directly pivoted shock absorberที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้ถึงความหนึบและประสิทธิภาพของช่วงล่างที่มีมานี้  ก็มาถึงส่วนขององค์ประกอบจำเป็นต้องมีสำหรับรถสมัยใหม่ที่ต้องการแสดงข้อมูลจำเป็นเกี่ยวกับการขับขี่ที่สามารถมองง่ายดูสะดวก ซึ่งในCE02เป็นจอบแบบ easy-to-read TFT display ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับriding speed, battery charge status และอื่นๆที่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีช่องUSB-C charging socket สำหรับชาร์จสมาร์ตโฟน รวมทั้งต่อเชื่อมเพื่อใช้งานBMW Motorrad Connected appกับโทรศัพท์ได้ควบคู่กับการเชื่อมต่อผ่านเน็ตเวิร์คด้วยBluetoothตามรูปแบบที่มีมาก่อนในBMW CE 04และได้พัฒนาส่งต่อมายัง CE02ใหม่นี้

 

Giorno+ รถโมเดิร์นคลาสสิกรุ่นใหม่ คอนเซ็ปต์ The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า

รถออโตเมติกสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่โดดเด่นเกินใคร จากการออกแบบให้สะท้อนความเป็น High Fashion ผสานความงามไร้กาลเวลา และความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเพื่อไลฟ์สไตล์การขับขี่ยุคใหม่ สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ลงตัวเข้ากับเส้นสายที่ให้ความคลาสสิกรอบคัน

มาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้การขับขี่ที่สนุก ให้อัตราเร่งดี บิดติดมือ ตอบสนอง การใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda Smart Key เช่นเดียวกับ U-Box ขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร พร้อมติดตั้ง USB Socket & Console Box สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา รวมถึงจุดเติมน้ำมันด้านหน้า สามารถเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องเปิดเบาะ

ปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า และระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS) และระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง Combi Brake System เพิ่มประสบการณ์ขับขี่ในรูปแบบใหม่ ที่ High ขึ้นทุกระดับ
พร้อมเปิดตัว 3 พรีเซนเตอร์ระดับท็อป เริ่มจาก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงและนายแบบผู้หลงใหลในเสน่ห์ของรถจักรยานยนต์ “วี-วิโอเลต วอเทียร์” ศิลปินสาวที่มีสไตล์โดดเด่นในแบบของตัวเอง และ“เจฟ-วรกมล ซาเตอร์” ศิลปินระดับอินเตอร์ที่มีความเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นตัวจริง โดยทั้ง 3 คนถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่สะท้อนความเป็น The New High ของรถจักรยานยนต์ New Honda Giorno+ ในแบบฉบับของตัวเอง
รุ่น ABS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเทา-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำที่ 66,900 บาท รุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเหลือง-ดำ สีเขียว-ดำ และสีน้ำเงิน-ดำ ราคาแนะนำที่ 61,900 บาท
พร้อมกันนี้ ไทยฮอนด้ายังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษให้กับ 10,000 คันแรก ที่เป็นเจ้าของ New Honda Giorno+ ด้วยแพคเกจ HSP (Honda Service Premium Package) ตรวจเช็คระยะฟรีตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือระยะทาง 18,000 กิโลเมตร กดรับสิทธิ์ผ่าน Application “My Honda Moto” ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น : https://myhonda.page.link/invite

NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID วัย FAZZ…ฟาดทุกสไตล์ NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! นี่แหล่ะ…คู่หูสุดเฟี้ยวของคนรุ่นใหม่!

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกด้วย “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID” วัย FAZZ…ฟาดทุกสไตล์ NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! ออโตเมติกแฟชั่นดีไซน์เทรนดี้ ฟาดทุกสี พร้อมลูกเล่นครบรอบคัน แต่งได้หลายแนว ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ขับขี่ง่าย คล่องตัวสุดๆ ประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 125 ซีซี และมั่นใจในการรับประกันถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร…นี่แหล่ะ…คู่หูสุดเฟี้ยวของคนรุ่นใหม่!

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสนุกด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี ผสานระบบส่งกำลังแบบไฮบริด ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม ช่วยลดมลภาวะ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยส่งกำลังขณะออกตัวและให้ความมั่นใจด้วยระบบเบรก UBS กระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง ให้ความปลอดภัยยิ่งขึ้น

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ยังคงมาพร้อมการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ทันสมัย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย DESIGN NEW STYLE ไฟหน้า-ไฟท้าย…ดีไซน์แคปซูล รูปทรงเก๋ ทันสมัย สว่างชัดเจน ทุกมุมมอง ที่สอดรับกับ LCD DIGITAL METER มิเตอร์แบบดิจิทัล ดีไซน์แคปซูล บอกครบทุกฟังก์ชัน ความเร็ว / นาฬิกา / อัตราการประหยัดน้ำมัน

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ครบครันด้วยฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางด้วย SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ…ทั้งสะดวก และสมาร์ท เปิด-ปิด สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกคอ / ปลดล็อกเบาะได้ง่าย พร้อมสัญญาณ ANSWER BACK (เฉพาะรุ่น Smart key Ver.), MOBILE CHARGING SOCKET ช่องต่อไฟชาร์จแบตเตอรี่มือถือ…สะดวกทุกที่ พร้อมฝาปิดและช่องใส่ของด้านหน้า, F-BOX 17.8 L กล่องเก็บของใต้เบาะใหญ่…เก็บของได้สบาย, DOUBLE HOOK CARABINER ฮุคสำหรับแขวนของ 2 จุด…เพิ่มความสะดวก พร้อมพื้นที่วางเท้าด้านหน้ากว้างพิเศษ, ACCESSORIES PORT พอร์ตติดตั้งอุปกรณ์เสริม…เท่ได้สไตล์ตัวเอง ตกแต่งกราฟิกเพิ่มเติม หรือเสริมตะแกรงข้างเพื่อการใช้งาน ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์

สำหรับ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…มีให้วัย FAZZ เลือกตามการใช้งานด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น คือ รุ่น Smart key Ver. ที่มาพร้อมกัน 3 สี คือ สีเทา–แดง (Lava Gray), สีน้ำตาล–เหลือง (Sugar Brown) และ สีดำ–ฟ้า ( Iced Black) โดยจำหน่ายในราคาแนะนำ 55,000 บาท และรุ่น STD Ver. มีให้เลือกใช้ 3 สี ได้แก่ สีฟ้า (Candy Blue), สีชมพู (Milky Pink) และ สีเทา (Gummy Gray) ในราคาแนะนำ 53,800 บาท และให้ความมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

โดยสามารถเป็นเจ้าของ “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID” วัย FAZZ…ฟาดทุกสไตล์ NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! นี่แหล่ะ…คู่หูสุดเฟี้ยวของคนรุ่นใหม่! ได้แล้ววันนี้ที่ร้านยามาฮ่าสแควร์ และร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสุดล้ำ YAMAHA SMART REWARD เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมัครสมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th

Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @YamahaSocietyThailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @yamahasociety

BMW M 1000 XR:Prototype

คงไม่มีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายใดในช่วงเวลานี้ที่ขยันส่งข่าวแพลนการส่งโมเดลใหม่ๆออกสู่ตลาด และนี่คือรถแม่แบบหรือจะเรียกต้นแบบก็ตามสะดวก เพราะทางBMW Motorradได้ส่งข่าวมาว่านี่คือ เวอร์ชั่นโปรโตไทพ์ของM1000XRที่ถูกระบุว่าจะเป็นรถในกลุ่มThe long distance sports bikeหรือรถสปอร์ตที่เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกลขณะเดียวกันก็ยังมีคุณสมบัติที่พร้อมสนุกในการขับขี่บนแทร็ค โดยเป็นที่รู้กันดีสำหรับผู้ใช้รถจากค่ายBMWว่า รหัสรุ่น M นั้นสื่อถึงความสำเร็จในกิจกรรมการแข่งขัน และเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงคำว่า สมรรถนะหรือPerformanceแน่นอนว่าทั่วโลกจะเข้าใจตรงกันว่ารถรหัสMทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ของค่ายนี้ก็หมายถึงรุ่นรถในระดับบนที่เปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนในแบบhigh-performance BMW modelsซึ่งDominik Blass:Product Manager ได้กล่าวถึงแผนการส่งรถโปรโตไทพ์นี้ว่า

“ นี่คือรถในรหัสMลำดับที่สามของเราจากซีรีส์M Model ที่ออกมาในวาระครบรอบของเราในปีนี้กับชื่อรุ่น M1000XR ซึ่งจะเรียกสั้นว่าM XR ซึ่งมีพื้นฐานการพัฒนามาจากรุ่นปัจจุบันที่เราผลิตออกมาอย่าง S1000XR ,S1000RR ,M1000RR จากพื้นฐานของรถสมรรถนะสูงในแบบฉบับรถสปอร์ตเราได้พัฒนาออกมาให้เป็นรถสปอร์ตที่สามารถขับขี่ทางไกลได้ดีแต่ก็คงองค์ประกอบในการขับขี่บนสนามปิดได้เป็นอย่างดี”

หากย้อนไปก่อนหน้านี้ทางBMW Motorradได้เริ่มต้นทิศทางการนำแนวคิดการเปิดไลน์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆตามแนวทางที่ทำในตลาดรถยนต์ที่ใช้รหัสM ดังนั้นในปี2019จะเห็นผลิตสำหรับรถจักรยานยนต์ในกลุ่มM special equipment และ M Performance Parts และก็มีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่าง M RR และ M R ที่เป็นสองรุ่นแรกในซีรีส์Mที่ตามออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ และในปีนี้เป็นวาระครบรอบ100ปีของBMW Motorradซึ่งนับว่าเป็นวาระพิเศษจึงมีการเปิดไลน์อัพใหม่ๆรวมถึง M1000XR Prototype นี้ด้วยโดยมันถูกกำหนดไว้ให้ถูกผลิตออกมาให้เป็นรถในแบบsupersportที่มาพร้อมกับการตอบสนองการขับขี่แบบcountry road, long-distance riding และ racetrack เรียกว่าเป็นรถที่มีการใช้งานแบบครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์In-line four-cylinder engine with BMW ShiftCam technology แบบเดียวกันกับรถสมรรถนะสูงสายสปอร์ตแน่นอนว่ามันย่อมเป็นเครื่องยนต์แบบสี่สูบจากS1000RRที่เป็นsuper sport bike ที่มีกำลังมากกว่า200แรงม้าที่ตัวรถมีน้ำหนักรวมเชื้อเพลิงเต็มถังอยู่ที่223ก.ก.พร้อมกับโครงสร้างตัวถังที่พัฒนามาด้วยchassis technology, aerodynamics และ control electronics designed ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนถูกนำมาใช้กับ M XRจนผสมผสานความลงตัวจากพื้นฐานสมรรถนะรถแบบสปอร์ตกลายเป็นรถในแบบที่พวกเขาบอกว่านี่คือcrossover bike นอกจากนี้ด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ชุดแต่งจาก M Competition Package จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักตัวรถและเพิ่มความดุดันในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ได้อีกด้วย ในเบื้องต้นนี้ทาง BMW motorrad ได้ระบุความเร็วท้อปสปีดของ M XR ไว้ที่ 280ก.ม./ช.ม.

ในการพัฒนาM XR prototypeนี้แน่นอนว่าก็เพื่อจะเปิดไลน์การผลิตอย่างเป็นทางการของ The new M XR ให้เป็นรถรุ่นใหม่ในวาระพิเศษที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดนอกจากระบบกันสะเทือนที่จะใช้แบบเดียวกับเวอร์ชั่นที่ใช้ในรุ่นระดับเรือธงแล้ว พวกเขาจะยังนำชิ้นส่วนที่พัฒนามาจากทีมแข่งอย่างwinglets มาติดตั้งในรถรุ่นนี้ด้วยเพื่อเพิ่มความหนึบในช่วงหน้าของรถซึ่งมันจะมีผลต่อการให้การขับขี่ในจังหวะการเปิดคันเร่ง การควบคุมจังหวะการขับขี่ หรือแม้แต่ผลกับการทำงานในส่วนของระบบแทร็คชั่นคอนโทรลให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เช่นเดียวกันกับความปลอดภัยในรุ่น M RR และ M R พวกเขาบอกว่าจะติดตั้งชุดเบรกM brakeที่พัฒนาโดยตรงจากประสบการณ์ในการแข่งขันจริงของทีมแข่ง BMW Motorrad Factory Racing ในสนามแข่งขัน World Superbike เอาเป็นว่านี่คือภาพรถต้นแบบที่พัฒนาในขั้นตอนสุดท้ายพร้อมส่งขายจริง เพียงแต่ว่าอาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อทำหน่ายจริง ดังนั้นสเปคตัวรถอย่างเป็นทางคงต้องรอเวอร์ชั่นขายจริง ซึ่งพวกเขาระบุว่าจะวางขายในช่วงครึ่งหลังของปี2023นี้ เงเชื่อว่าหลังจากไรดิ้งฉบับนี้วางแผงไม่นานเราก็อาจจะเห็น New M1000XR ส่งสู่ตัวแทนจำหน่ายแล้วก็เป็นได้

“ก้อง สมเกียรติ – ไอ โอกูระ” แท็กทีมเดินหน้าพาต้นสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ขยับรั้งท็อปไฟว์ โมโตทู

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง แท็กทีม ไอ โอกูระ ทีมเมทชาวญี่ปุ่นพาต้นสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” กอบกู้สถานการณ์ทะยานขึ้นสู่ท็อปไฟว์บนตารางคะแนนสะสมประเภททีมในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ หลังผ่าน 10 สนามแรกของฤดูกาล
ในฤดูกาล 2023 นับเป็นปีที่ยอดนักแข่งรถชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 สร้างผลงานได้ “คงเส้นคงวา” ที่สุด จนถูกยกย่องอย่างมากในพัฒนาการด้านการบริหารเรซ จากผลงานที่ยอดเยี่ยมของนักบิดไทย มีส่วนสำคัญในการพาต้นสังกัดอย่าง “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ไต่ขึ้นมารั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสมประเภททีม มีทั้งสิ้น 132 คะแนน โดยมาจากคะแนนสะสมของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ที่ล่าสุดมีคะแนนรวมทั้งสิ้น 77 คะแนน รั้งอันดับ 9 บนตารางคะแนนสะสม และ ทีมเมทชาวญี่ปุ่นอย่าง ไอ โอกูระ ทีมเมทเก็บมาได้ 55 คะแนน
“ก้อง-สมเกียรติ” เปิดเผยหลังผ่านการแข่งขันสนามล่าสุดที่ ออสเตรีย ด้วยอันดับ 5 ว่า “ผมออกสตาร์ตได้ดีจากกริดที่ 5 แต่มาพลาดในชิเคนแรก ส่งผลให้สูญเสียไลน์ที่ดีมันทำให้กลุ่มหน้านั้นห่างออกไป ผมพยายามไล่บี้เพื่อร่นระยะห่าง แต่ยางก็เริ่มส่งสัญญาณดร็อปลงไปหลังผ่าน 10 รอบแรก หลังจากนั้นจึงต้องพยายามบริหารยางเพื่อให้จบเรซในอันดับที่ดีที่สุด ซึ่งเราทำได้ดีในการเข้าเส้นชัยอันดับ 5”
ทั้งนี้ สนามถัดไปของศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายนนี้ ที่ เซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญา ประเทศสเปน ในรายการ คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

HONDA EM1E

ในตลาดยุโรปฮอนด้าได้เปิดไลน์รถจักรยานยนต์พลังไฟฟ้าที่ถือว่าเป็น New Model ที่ระบุว่ามันเป็นรถEVรุ่นแรกของทางค่ายที่ตั้งใจพัฒนามาเพื่อวัยรุ่นยุโรปโดยเฉพาะซึ่งเขาระบุข้อความอย่างชัดเจนว่าHonda’s first EV for young European riders

New โดยเจ้า EM1 e จะติดตั้ง Honda Mobile Power Pack e หรือชุดแบตเตอรี่ที่สามารถถอดและเคลื่อนย้ายได้ซึ่งจะช่วยเอื้อต่อความสะดวกในการชาร์จไฟ โดยเจ้ารถ EV คันนี้ถือว่าเป็น emission-free urban transport หรือรถปลอดมลพิษอย่างแท้จริง ด้วยพลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อแบบ in-wheel electric motor ที่มีทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แล้วสามารถให้ระยะทำการ 41.3 ก.ม.ขณะที่ทำความเร็วสูงสุด 45 ก.ม./ช.ม. พร้อมกันนี้ยังมีเรือนไมล์แสดงผลแบบดิจิตอล มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะนั่ง มีช่องเสียบusb มีพื้นที่ติดตั้งกล่องด้านท้าย แบบเดียวกันกับองค์ประกอบในรถจักรยานยนต์ไป

ทางฮอนด้าตอกย้ำว่า EM1 e เป็น two-wheeled electric vehicle หรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตเพื่อลูกค้าในยุโรปที่มีการเปิดแพลนกันมาตั้งแต่กันยายน 2022 ว่าจะมีรถในกลุ่ม EV สองล้อไม่น้อยกว่า 10 รุ่นที่จะส่งจำหน่ายทั่วโลกภายในปี 2025 ดังนั้นรถรุ่นนี้คือก้าวแรกของแพลนดังกล่าว โดยรถในรหัส ‘EM’ นี้ก็คือ Electric Moped ที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ผู้ใช้วัยรุ่นที่กำลังมองหารถรุ่นที่ตอบโจทย์ในเงื่อนไขคือ easy, fun, emission-free urban transport หรือใช้งานง่าย ขับขี่สนุก ปลอดมลพิษสำหรับใช้งานในเมืองด้วยระยะทางสั้นๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการใช้งานในระยะทำการประมาณ 30 ก.ม. อย่างนักเรียนนักศึกษาที่จะเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้ดังนั้นการออกแบบ EM1 e จึงคำนึงถึงความเรียบง่ายใช้งานสะดวกขับขี่สบายควบคุมได้ดีและเงียบเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นตัวรถจึงมีขนาดที่กะทัดรัดด้วยโครงสร้าง steel underbone frame ประกอบด้วยระบบกันสะเทือนหน้า telescopic forks กับระบบกันสะเทือนหลังtwin shock

absorbers โดยระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกหน้าร่วมกับดรัมเบรกหลัง ซึ่งเป็นองค์ประกอบในสไตล์ classic moped ที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเรา
สำหรับการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งถ้าขี่ใน ECON Mode ก็จะได้ระยะทาง 41.3-48.0ก.ม./ช.ม. ด้วยแบตเตอรี่ติดรถซึ่งจะเป็นแบบHonda Mobile Power Pack e ที่สามารถถอดหรือย้ายจากตัวรถเพื่อนำไปชาร์จกับที่ชาร์จในบ้านด้วยการเสียบปลั๊กกับไฟบ้านแบบเฟสเดียวขนาด 110-240V ซึ่งตัวชาร์จมีน้ำหนักเพียง 5.3 ก.ก. ขณะที่แบตเตอรี่มีน้ำหนัก 10 ก.ก. โดยจะมีระยะเวลาในการชาร์จจาก 0 จนเต็มความจุสูงสุดใช้เวลา 6 ช.ม. และชาร์จจาก 25%-75% จะใช้เวลา 2.7 ช.ม.

สำหรับสเปคพื้นฐานของตัวรถมีดังนี้
Technical specifications
Electric motor type: In-wheel 3 phase brushless motor
Top Speed: 45km/h
Maximum Power: 1.7kW
Maximum Torque: 90.0Nm
Range (per Mode): WMTC Mode (Class 1) – 30.0km ; Usable range (internal testing conditions) – 41.3km;
Usable range in ECON mode (internal testing conditions) – 48.0km
Energy Consumption (WMTC Class 1): 47 Wh/km
Battery type: Lithium ion
Battery voltage: 50.3V
Battery capacity: 29.4Ah
Total number of battery packs: 1
Battery fixing type: Removable
Battery Technology: Honda Mobile Power Pack e:
Battery weight: 10.3kg
Battery dimension: 298mm (L) x 177mm (D) x 156mm (H)
Charger type: Off-board type. Single-phase AC100-240V 50/60Hz.
Charging time (0-100%): 6.0 hours
Charging time (25-75%): 2.7 hours (160 minutes)
Rated Power: 270 Watts
Battery Lifecycle: Over 2,500 charging cycles (internal testing conditions)
Frame Type: Underbone type
Dimensions (L´W´H): 1860mm x 680mm x 1080mm
Wheelbase: 1300mm
Caster Angle: 27 degrees
Trail: 77mm
Seat Height: 740mm
Ground Clearance: 135mm
Vehicle weight (with battery): 95kg
Suspension Front: Telescopic forks
Suspension Rear: Twin shock
Wheels Front: Cast type
Wheels Rear: Composite
Tyres Front: 90/90 – 12
Tyres Rear: 100/90 – 10
BRAKES Type: CBS
Brakes Front: Disk
Brakes Rear: Drum
Instruments: LCD
Headlight: LED
Taillight: LED
USB: Yes – Type A
Key type: Standard
Load capacity: 180kg
Seat length: 590mm
Seating Capacity: 2
Climbing Angle: 10°@ 75kg

 

 

“กวาร์ตาราโร่” ทะลุ Q2 โมโตจีพี สนาม 10 มั่นใจเร็วขึ้นได้อีกใน ออสเตรีย

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า คัมแบ็กสู่ฟอร์มยอดเยี่ยมกดวลาตีตั๋วสู่รอบ Q2 ในศึก โมโตจีพี สนาม 10 รายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ เจ้าตัวมั่นใจยกระดับความเร็วขึ้นได้อีก เพื่อลุ้นไล่ล่าอันดับในกลุ่มหน้าที่ เรดบูล ริง สุดสัปดาห์นี้ศึก โมโตจีพี 2023 สนาม 10 รายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ มีคิวดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมนี้ ที่ สนาม เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย โดยล่าสุดผ่านการซ้อมวันแรกด้วยสถานการ์สุดเข้มข้น
ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ อดีตแชมป์โลก 1 สมัยจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี่ ได้รับการติดตั้ง “แอโรแฟริ่ง” ชุดใหม่ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีอย่างมากจากสนามที่ผ่านมากผลการซ้อมปรากฏว่า กวาร์ตาราโร่ ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างมาก คว้าอันดับ 9 ในการซ้อม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.155 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.622 วินาที ผ่านเข้าสู่ Q2 ได้สำเร็จ ขณะที่ มอร์บิเดลลี่ จบวันแรกในอันดับ 17 ยังต้องเจองานหนักในการลุ้นกริดสตาร์ทในวันเสาร์
กวาร์ตาราโร่ เปิดเผยว่า “ผมแฮปปี้กับวันแรกเพราะคิดว่าเราทำได้ดีจนผ่านเข้าสู่ Q2 ได้สำเร็จ และมีความเร็วที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นถือว่าทำได้ตามเป้า หวังว่าวันเสาร์เราจะยกระดับขึ้นได้อีก เพราะจังหวะของเราดีขึ้นทั้งเช้าและบ่าย เรารู้ได้ทันทีที่เปลี่ยนไปใช้ยางใหม่ นั่นทำให้เราต้องดิ้นรนมากขึ้นนิดหน่อย”
“พอเข้าสู่ช่วงบ่ายคู่แข่งเพิ่มความเร็วของพวกเขา แต่แทนที่จะโฟกัสกับอันดับ ผมหันมาให้ความสำคัญกับการขับขี่ นั่นทำให้การบิดของผมเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เรายังมีพื้นให้เค้นไล่ล่าเวลาต่อรอบ ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกเรื่องที่ดีสำหรับเรา ผมยังต้องเช็กดาต้ากับชุดแอโรไดนามิกใหม่ต่อไป เพราะวันนี้เราค่อนข้างเร่งรีบในการทำงาน ซึ่งผมเองต้องการจะโฟกัสกับการขับขี่ของตัวเอง ฟีลลิ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ได้รับการปรับปรุง ผมพอใจกับความคืบหน้านี้”
การแข่งขัน ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมรอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม และดวลความเร็วรอบ “สปรินต์” ในคืนวันเดียวกัน ขณะที่เกมในรอบชิงชนะเลิศจะดวลความเร็วในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36

“ก้อง-สมเกียรติ” ฟอร์มเยี่ยม! รั้งรองจ่าฝูงซ้อมรวมวันแรก ลุ้นคว้าโพเดียม โมโตทู ออสเตรีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทูเดอะ ดรีม” ลุ้นโพเดียมเต็มตัวในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ สนามที่ 10 รายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ หลังฟอร์มเยี่ยมกดเวลารั้งรองจ่าฝูงวันแรกที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ขณะนักบิดรุ่นน้อง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี พัฒนาการก้าวกระโดดในครั้งที่ 2 กับไวลด์การ์ด โมโตทรี ก่อนลุ้นมีแต้มสุดสัปดาห์นี้
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 สนามที่ 10 รายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ผ่านการซ้อมวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ เรดบูล ริง กรุงสปีลเบิร์ก ประเทศออสเตรีย
สุดสัปดาห์นี้นับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่มีนักบิดไทยลงแข่งขันในเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกันถึง 2 คน นำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เจ้าของหมายเลข 33 ที่ลงบิดไวลด์การ์ดรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นสนามที่ 2 ในชีวิต
ในรุ่น โมโตทู นับเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมของ “ก้อง” สมเกียรติ หลังจากทะยานขึ้นไปคว้าอันดับ 1 ในการซ้อมครั้งแรก โดยผลการซ้อมดังกล่าวเพียงพอให้นักบิดไทยรั้งรองจ่าฝูงจากการซ้อมรวม 2 ครั้งด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 34.610 วินาที ตามหลังจ่าฝูง เพียง 0.110 วินาทีเท่านั้น ถือเป็นสัญญาณยอดเยี่ยมในการไล่ล่าโพเดียมสนามนี้ให้กับตนเอง
ส่วนผลการซ้อมในรุ่น โมโตทรี ปรากฏว่า “ก๊องส์-ธัชกร” ภายใต้รถแข่งหมายเลข 33 ต้องทำงานกับทีมอย่างหนัก แต่ก็มีความคืบหน้าอย่างมากจากการซ้อมทั้ง 2 ครั้ง โดยรั้งอันดับ 26 จากวันแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 43.499 วินาที
ด้านผลการซ้อมในรุ่น โมโตจีพี ผลปรากฏว่า มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยเจ้าของหมายเลข 93 จาก เรปโซล ฮอนด้า ค่อยๆ ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง รั้งอันดับ 13 ด้วยเวลา 1 นาที 29.356 วินาที ตามด้วย ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นหมายเลข 30 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ในอันดับ 18 เวลา 1 นาที 29.730 วินาที และ อิเคร์ เลกัวน่า นักบิดสแปนิชหมายเลข 27 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ในอันดับ 22 เวลา 1 นาที 30.223 ปิดท้ายด้วย โจอัน เมียร์ นักบิดสแปนิชหมายเลข 36 จาก เรปโซล ฮอนด้า ในอันดับ 23 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.352 วินาที
ทั้งนี้ ศึก ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ จะจับเวลารอบคัดเลือกเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมนี้ ก่อนจะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นด้วยรุ่น โมโตทรี 16.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายความมันส์ในรุ่นใหญ่อย่าง โมโตจีพี 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ True Visions SPOTV
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream