ไทยฮอนด้า เดินหน้าสานต่อความร่วมมือ (MOU) มอบรถจักรยานยนต์ PCX Electric และสถานีสลับแบตเตอรี่ สนับสนุนโครงการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่ปลอดภัย มช.

ไทยฮอนด้า มอบรถจักรยานยนต์ PCX Electric และสถานีสลับแบตเตอรี่

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยด้านความปลอดภัยทางถนน ล่าสุดได้มอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda PCX Electric จำนวน 10 คัน พร้อมสถานีสลับแบตเตอรี่ให้แก่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อใช้ในโครงการ “เครือข่ายการเข้าถึงทางวิทยุและแสงแบบไร้รอยต่อสำหรับการสัญจรอัจฉริยะและการสื่อสารระดับภูมิภาคด้วยการประดิษฐ์ต้นทุนต่ำ” ซึ่งมุ่งเน้นการทดสอบความปลอดภัยระหว่างยานพาหนะและคนข้ามถนน เพื่อตอบโจทย์อนาคตของการขับขี่อัจฉริยะที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนน

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ไทยฮอนด้า มีนโยบายหลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจรให้ลดลง เสริมสร้างสนับสนุนความรู้และทักษะขับขี่ปลอดภัยให้กับสังคมไทย โดยให้การร่วมมือสนับสนุนกับภาครัฐ ในการรณรงค์ป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนน ทางบริษัทฯ ได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “ร่วมสร้างชุมชนปลอดภัยให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ (Zero Accident Society)” พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ มีเป้าหมายขับเคลื่อนองค์กรสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ภายใต้การดำเนินงาน Triple Action to ZERO ใน 3 ประการ ได้แก่ ความเป็นกลางของคาร์บอน พลังงานสะอาด และการหมุนเวียนทรัพยากร”

“ไทยฮอนด้า เชื่อว่าความร่วมมือและการส่งมอบ Honda PCX Electric พร้อมสถานีสลับแบตเตอรี่ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ถนน และสามารถนำไปปรับใช้ในบริบทที่ครอบคลุมขึ้นในอนาคต ทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรอบ พร้อมช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม”
การส่งมอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างไทยฮอนด้าและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างองค์ความรู้ด้านการขับขี่ปลอดภัย และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน โดย Honda PCX Electric ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดมลภาวะ ลดปริมาณคาร์บอน และส่งเสริมการสัญจรที่ยั่งยืนภายในมหาวิทยาลัยอีกด้วย

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #SafetyforEveryone

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ยามาฮ่าส่งมอบ R15 พร้อมหมวกลิมิเต็ด ให้กับผู้โชคดีซื้อบัตร YAMAHA Stand เข้าชม MotoGP 2025

 R15 พร้อมหมวกลิมิเต็ดพร้อมลายเซ็น กวาร์ตาราโร รวมมูลค่า 1.53 แสนบาท

นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด นายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปส่วนสื่อสารการตลาด และส่งเสริมการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมกันส่งมอบ และ ถ่ายภาพร่วมกับ นายอภินันท์ ภูประเสริฐ ผู้โชคดีจากการเข้าร่วมแคมเปญซื้อบัตร YAMAHA Stand ชมโมโตจีพี 2025 โดยในครั้งนี้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักแข่งแชมป์โลก 1 สมัย จากสังกัดมอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพีทีม เป็นผู้จับรายชื่อมอบโชคในวันที่ 1 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาในกิจกรรมมีทแอนด์กรี๊ด 4 นักแข่งระดับโลก ณ ยามาฮ่าจีพี พาวิลเลี่ยน โดมยักษ์ติดแอร์ จ.บุรีรัมย์

โดยรางวัลจากแคมเปญนี้ยามาฮ่าจัดหนักมอบ YAMAHA R15 Connected มูลค่า 118,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก HJC รุ่น RAPHA1 ลายลิมิเต็ดอิดิชั่น Quartararo Le Mans Special 2024 พร้อมลายเซ็นจากฟาบิโอ กวาร์ตาราโร มูลค่า 35,900 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้น 153,900 บาท

สำหรับการส่งมอบรถยามาฮ่า R15 พร้อมหมวกกันน็อกลิมิเต็ดพร้อมลายเซ็นจากกวาร์ตาราโรในครั้งนี้มีขึ้น ณ อาคารสำนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้

แบตเตอรี่ SCiB™ ของโตชิบา: นวัตกรรมยกระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

แบตเตอรี่ SCiB™ ของโตชิบา ชูจุดเด่นชาร์จซ้ำได้ ลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ 

โตชิบา คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบชาร์จซ้ำได้ “SCiB™” โดยเน้นจุดเด่นด้านอายุการใช้งานที่ยาวนานและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไฟฟ้า สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แบตเตอรี่ SCiB™ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีศักยภาพช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งในเมืองที่ยั่งยืนในประเทศไทย ด้วยแบตเตอรี่ SCiB™ โตชิบามุ่งสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และส่งเสริมการใช้    รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานขั้นสูงอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือในภาคอุตสาหกรรมขนส่ง

ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608*ซึ่งพลังงานไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว การคาดการณ์ชี้ให้เห็นว่าความต้องการแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจเพิ่มสูงถึง 600 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี พ.ศ. 2578 อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน แต่สัดส่วนความต้องการแบตเตอรี่สำหรับ  รถมอเตอร์ไซค์และรถสามล้อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบขนส่งสาธารณะ*กลับมีเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น

ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังคงเผชิญความท้าทายในการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะประเด็นด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบดั้งเดิม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้เมื่อได้รับแรงกระแทกทางกายภาพ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดด้านอายุการใช้งานที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา ปัญหาเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นภายใต้สภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ ส่งผลให้การนำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของแบตเตอรี่จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตจำเป็นต้องพัฒนาโซลูชันที่ล้ำสมัยเพื่อลดข้อจำกัดของแบตเตอรี่ ก้าวข้ามอุปสรรคด้านสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย พร้อมรองรับการใช้งานจริงภายใต้สภาพแวดล้อมของภูมิภาคนี้

แบตเตอรี่ SCiB™ ของโตชิบาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ความท้าทายในอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้เทคโนโลยีแอโนดลิเทียมไททาเนียมออกไซด์ (LTO) ซึ่งช่วยยกระดับความปลอดภัย ยืดอายุการใช้งาน และรักษาประสิทธิภาพได้เหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบดั้งเดิมที่ใช้วัสดุคาร์บอน แบตเตอรี่ SCiB™ มีความทนทานสูง ลดความเสี่ยงจากการลัดวงจรภายใน และอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รองรับการชาร์จและคายประจุได้มากกว่า 20,000 รอบ พร้อมอัตราการเสื่อมสภาพที่ต่ำ อีกทั้งสามารถชาร์จไฟจาก 0% เป็น 80% ได้ภายใน 6 นาที จึงช่วยลดเวลาหยุดทำงานของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยแก้ไขข้อจำกัดด้านความปลอดภัย อายุการใช้งาน และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ส่งเสริมระบบขนส่งในเมืองที่เชื่อถือได้และยั่งยืน

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 โตชิบาได้ร่วมมือกับ บริษัทเนเจอร์นิกซ์ (naturenix inc.)  สตาร์ตอัปเทคโนโลยีแบตเตอรี่จากมหาวิทยาลัยชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น และวินดี อินเตอร์เนชั่นแนล (Windee International) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านการบริการจัดการที่จอดรถในประเทศไทย เพื่อดำเนินโครงการทดสอบบริการเช่าแบตเตอรี่ในรูปแบบสมัครสมาชิกสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไฟฟ้าในกรุงเทพฯ (ประกาศในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567*3) บริการนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัยที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องโดยมีต้นทุนที่เหมาะสม ทั้งนี้ การทดสอบที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ สะท้อนถึงศักยภาพของแบตเตอรี่ SCiB™ ในการเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง

โตชิบาและพันธมิตรได้พัฒนาโซลูชันที่ปลอดภัยและคุ้มค่าสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไฟฟ้าในกรุงเทพฯ โดยให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ และผลักดันการใช้งานแบตเตอรี่ SCiB™ ผ่านบริการเช่าแบบสมัครสมาชิก ซึ่งไม่เพียงช่วยเร่งการยอมรับยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อและสามล้อในประเทศไทย แต่ยังมีศักยภาพในการขยายไปสู่ตลาดยานยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น รถโดยสารประจำทางและยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

โรยัล เอ็นฟีลด์คว้าเกียรติยศสูงสุด ทั้งในไทยและเอเชีย

รางวัล Bike of The Year 2025 และ Asia’s Prestigious Brand Honor

โรยัล เอ็นฟีลด์ (Royal Enfield) แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานและผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก ตอกย้ำความสำเร็จในประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมาย แสดงถึงความเป็นผู้นำและอิทธิพลที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้

ในงานประกาศรางวัล “Thailand Bike of The Year 2025” อันทรงเกียรติ โรยัล เอ็นฟีลด์ คว้า 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่:

  • Shotgun 650 – รางวัลรถโมเดิร์นคลาสสิกขนาดกลางยอดเยี่ยม (Best Modern Classic Middle Weight)

  • Super Meteor 650 – รางวัลรถครุยเซอร์ที่คุ้มค่าที่สุด (Best Value Cruiser)

  • Himalayan 450 – รางวัลรถโมเดิร์นแอดเวนเจอร์ทัวริ่ง (Modern Adventure Touring)

รางวัล “Thailand Bike of The Year” จัดโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อยกย่องรถมอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยมในหลากหลายประเภท โดยพิจารณาจากนวัตกรรม สมรรถนะ ความปลอดภัย เทคโนโลยี และการออกแบบ ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและนักทดสอบรถมอเตอร์ไซค์จากทั่วประเทศไทย รางวัลนี้จึงสะท้อนถึงความนิยมของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในหมู่ผู้ขับขี่ชาวไทย

นอกจากนี้ โรยัล เอ็นฟีลด์ ยังสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องในงาน “Global Business Symposium 2025” ที่กรุงเทพฯ โดยได้รับ 2 รางวัลอันทรงเกียรติ ได้แก่ “Pride of Asia” และการยกย่องในฐานะ “Prestigious Brands of Asia 2024-25” อีกทั้ง โมหิต ดาร์ จายาล (Mohit Dhar Jayal) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ยังได้รับรางวัล “Marketing Meister” อีกด้วย

รางวัลเหล่านี้จัดโดย Herald Global และ BARC Asia เพื่อเชิดชูแบรนด์ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมของตน และเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดเอเชีย

โรยัล เอ็นฟีลด์ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถมอเตอร์ไซค์

  • โรยัล เอ็นฟีลด์ Shotgun 650: รถมอเตอร์ไซค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมการคัสตอมรถ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ปรับแต่งได้ตามสไตล์ผู้ขับขี่ และดีไซน์ที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับเอกลักษณ์คลาสสิกของโรยัล เอ็นฟีลด์

  • Super Meteor 650: สืบทอดตำนานของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในฐานะผู้นำรถครุยเซอร์ระดับพรีเมียม พัฒนาบนแพลตฟอร์มเครื่องยนต์ 648cc Twin ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

  • Royal Enfield Himalayan 450: รถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์ที่แท้จริง ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือออฟโรด ด้วยสมรรถนะที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทำให้ Himalayan 450 เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของโรยัล เอ็นฟีลด์

ก้าวสำคัญของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

คุณอนุจ ดัว (Anuj Dua) หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโรยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้งในประเทศไทยและทั่วเอเชีย การคว้าหลายรางวัลจาก “Thailand Bike of The Year” รวมถึงรางวัล “Pride of Asia” และ “Prestigious Brands of Asia” แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ดั้งเดิม นวัตกรรม และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม โรยัล เอ็นฟีลด์ ทุ่มเทในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลกที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ วิศวกรรม หรือเทคโนโลยี รถมอเตอร์ไซค์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี รางวัลเหล่านี้ยืนยันถึงความพยายามของเรา และเรายังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะยาว นั่นคือการทำให้รถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเป็นที่เข้าถึงได้ทั่วโลก พร้อมตอบสนองความต้องการของนักขี่ที่หลากหลายทั่วทั้งภูมิภาค”

โรยัล เอ็นฟีลด์ มีชุมชนผู้ขับขี่ที่แข็งแกร่งและเหนียวแน่นในประเทศไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแบรนด์ยังคงขยายเครือข่ายและช่องทางการเข้าถึงในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเอกลักษณ์และสร้างแรงบันดาลใจ ให้เหมาะกับผู้ขับขี่ในทุกสไตล์

สำหรับชาวไทยที่หลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์ สามารถสัมผัส Shotgun 650, Super Meteor 650, Himalayan 450 และรุ่นอื่นๆ ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ได้ที่โชว์รูมโรยัล เอ็นฟีลด์ ทั่วประเทศแล้ววันนี้

“ก้อง-สมเกียรติ” ออกเดินทางลัดฟ้า ลุ้นคว้าแต้ม ศึก โมโตจีพี 2025 สนามที่ 2 ประเทศอาร์เจนตินา

“ก้อง-สมเกียรติ” เตรียมลุยศึกสนาม “โมโตจีพี เวิลด์กรังด์ปรีซ์” สนามที่ 2 

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของตำแหน่งนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ออกเดินทางสู่ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อเตรียมลุยศึกสนาม “โมโตจีพี เวิลด์กรังด์ปรีซ์” สนามที่ 2 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ อาร์เจนตินา ที่ เทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศอาร์เจนตินา วันที่ 14-16 มีนาคม นี้

โดยก่อนหน้านี้ “ก้อง-สมเกียรติ” ได้สร้างผลงานพารถแข่งคู่ใจ Honda RC213V หมายเลข 35 จาก “อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์“ เปิดฤดูกาลที่สนามบ้านเกิด ในศึก “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2025” ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา

และช่วงเช้าเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมานี้ ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนแข่งขันสนาม 2 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ อาร์เจนตินา ที่ เทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้, อาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม ท่ามกลางผู้บริหารฯ แฟนคลับชาวไทย ที่มาร่วมให้กำลังใจส่งนักบิดไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

โดยเจ้าตัวเผยว่า “หลังจากแข่งขันจบที่ไทยจีพี ผมมีการบ้านค่อนข้างเยอะ ผมพยายามที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์นำข้อมูลที่ได้เรียนรู้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นส่วนควอลิฟาย สปรินต์เรซ และเมนเรซ ที่ต้องศึกษาและแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงการที่ยังคงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับ โมโตจีพี สนามที่ 2 ที่อาร์เจนตินา ซึ่งผมก็จะพยายามสู้ทำให้ดีที่สุดอย่างเต็มที่ ฝากแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตเป็นกำลังใจเชียร์ ในสุดสัปดาห์นี้ นะครับ”

#ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #Motorsport #HondaRaceToTheDream #TheFirstThaiRiderInMotoGP #MotoGP #LCRHonda #SC35 #Kong #ArgentinaGP

ไทยฮอนด้า เปิดตัว ‘New Honda X-ADV’ โฉมใหม่ SUV พรีเมียมที่แรงที่สุดในคลาส พร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่คาดไม่ถึง!

‘THE UNEXPECTED LIFE EVENT’

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดงาน ‘THE UNEXPECTED LIFE EVENT’ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ‘New Honda X-ADV’ พร้อมด้วย 4 เฉดสีใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘LIVE THE UNEXPECTED LIFE’ เท่ ตอบโจทย์สไตล์แอดเวนเจอร์ตัวจริงยิ่งกว่าเดิม แรงที่สุดในคลาสด้วยเครื่องยนต์ 750 ซีซี อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อประสบการณ์ขับขี่ที่คาดไม่ถึง ซึ่งงานครั้งนี้จัดขึ้น ณ ศูนย์ Honda BigWing รามอินทรา โดยมี The Unexpected Guest อินฟลูเอนเซอร์นักเดินทางสายลุยชื่อดัง ‘ภูริ หิรัญพฤกษ์’ และ ‘เบนซ์ ไกจิน’ มาร่วมแชร์ประสบการณ์การออกไปใช้ชีวิตที่คาดไม่ถึงในแบบของตัวเอง พร้อมเปิดรับจองได้แล้ววันนี้

สำหรับ New Honda X-ADV มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 750 ซีซี แรงที่สุดในคลาส ควบคู่กับ Honda DCT เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำลื่นไหลโดยไม่ต้องกำคลัตช์ ตอบโจทย์ทุกเส้นทางด้วย 5 Riding Modes ได้แก่ Standard, Sport, Rain, Gravel และโหมด User ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับการตั้งค่าเองได้ มาพร้อม Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายและมอบประสบการณ์ที่พาผู้ขับขี่ไปได้ไกลกว่าเดิม
นอกจากนี้ New Honda X-ADV ยังโดดเด่นด้วย NEW FAIRING DESIGN แฟริ่งหน้าดีไซน์ใหม่ เสริมความพรีเมียมในแบบฉบับ SUV Bike แต่ยังคงความดุดันแบบนักผจญภัย บังลมหน้าออกแบบใหม่ด้วยวัสดุรีไซเคิล Durabio ปรับได้สูงถึง 139 มม. อีกทั้งเบาะนั่งออกแบบรูปทรงใหม่สไตล์แอดเวนเจอร์ให้วางเท้ากับพื้นได้ราบขึ้น เพิ่มความมั่นใจในการทรงตัว พร้อมปรับวัสดุเพิ่มยูริเทนโฟมอีก 10% นั่งสบายขึ้น เหมาะกับการขับขี่บนเส้นทางไกล รวมถึงดีไซน์ชุดไฟหน้าใหม่ NEW LED HEADLIGHT & DRL WITH WINKER ที่รวมไฟเลี้ยวเข้ากับ Daytime Running Light (DRL) เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาในช่วงกลางวัน และไฟหน้า LED แบบโปรเจกต์เตอร์คู่ ส่องสว่างมองเห็นชัดเจนในช่วงกลางคืน พร้อมไปค้นพบเส้นทางใหม่อย่างไม่รู้จบ

New Honda X-ADV มาพร้อมกับ NEW 5-INCH TFT WITH Honda RoadSync หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อกับระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Honda RoadSync ให้ผู้ขับขี่ควบคุมการโทรและเพลงได้ผ่านบลูทูธในหมวกกันน็อก และมาพร้อมพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 22 ลิตร ช่วยเติมเต็มความสะดวกสบายทุกการเดินทาง สามารถเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้
New Honda X-ADV พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ ด้วย 4 สีใหม่ ตอบโจทย์ทุกการผจญภัยที่คาดไม่ถึง รุ่น Standard ราคาแนะนำ 433,000 บาท ได้แก่
สีดำ GRAPHITE BLACK
สีเทา-ดำ MATTE DEEP MUD GRAY
สีขาว-ดำ PEARL GLARE WHITE
และ Special Edition สีเหลือง-ดำ MATTE GOLD FINCH YELLOW ที่มาพร้อมลายกราฟิกแสดงถึงตัวตนเอกลักษณ์ความเป็น Adventure ตัวจริง ราคาแนะนำที่ 438,000 บาท

พิเศษ! สำหรับผู้ที่จอง 100 ท่านแรกรับเสื้อ Honda X-ADV The Unexpected Jersey พร้อมฟรี! ค่าจดทะเบียน และ พ.ร.บ

สัมผัสประสบการณ์ขับขี่แบบ ‘LIVE THE UNEXPECTED LIFE’ ไปกับ New Honda X-ADV ได้แล้วที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ!
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์: www.facebook.com/HondaBigBikeTH
เว็บไซต์: https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

#750Series #BestInClass #LiveTheUnexpectedLife
#HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ไทยฮอนด้า ครองแชมป์ยอดขายสูงสุด พร้อมคว้า 13 รางวัล จากเวที Thailand Bike of The Year 2025

ไทยฮอนด้า ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการคว้ารางวัลจากเวที Thailand Bike of The Year 2025 ครอบคลุมทุกคลาสของรถจักรยานยนต์ในไทย รวมทั้งสิ้น 13 รางวัล พร้อมตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยการครองแชมป์รางวัลรถจักรยานยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 36

สำหรับรางวัล Thailand Bike of The Year 2025 จัดขึ้นโดยนิตยสารกรังด์ปรีซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมี คุณพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ไทยฮอนด้านำทีมโดย คุณนคร วิมลจิตรสะอาด ผู้จัดการทั่วไปสายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัลจาก คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน Bike of The Year 205 และ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล

ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ทางไทยฮอนด้าสามารถคว้ารางวัลได้ครอบคลุมทุกหมวดหมู่การใช้งาน ทั้งรถจักรยานยนต์ใช้งานทั่วไปและรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) สะท้อนถึงคุณภาพและความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมีต่อไทยฮอนด้า โดยมีรายชื่อรางวัลที่ได้รับจากเวที Bike of The Year 2025 ทั้ง 13 รางวัล ดังนี้

  1. รางวัล Best Automatic Fashion ได้แก่ Honda Giorno+
  2. รางวัล Best Sport Under 250 cc. ได้แก่ Honda CBR250RR SP
  3. รางวัล Best Modern Classic Over 250 cc. ได้แก่ Honda CL300
  4. รางวัล Best Dual Purpose ได้แก่ Honda CRF300L
  5. รางวัล Best Naked Light Weight ได้แก่ Honda CB500 Hornet
  6. รางวัล Best Naked Middle Weight ได้แก่ Honda CB750 Hornet
  7. รางวัล Best Sport Light Weight ได้แก่ Honda CBR500R
  8. รางวัล Best Sport Middle Weight ได้แก่ Honda CBR600RR
  9. รางวัล Best Touring Light Weight ได้แก่ Honda CRF300 Rally
  10. รางวัล Best Touring Heavy Weight ได้แก่ Honda Goldwing
  11. รางวัล Best Adventure Light Weight ได้แก่ Honda NX500
  12. รางวัล Best Scooter Light Weight ได้แก่ Honda Forza350 RoadSync
  13. รางวัล Years Continuously Motorcycle Best Seller ได้แก่ Honda ต่อเนื่องเป็นปีที่ 36

 

ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอรถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมยานยนต์ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตของการเดินทางในประเทศไทย

 

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ยามาฮ่ากวาด 11 รางวัลคุณภาพการันตีครบทุกเซ็กเมนต์ใน Thailand Bike of the Year 2025

 ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ รับรางวัล Thailand Bike of the Year 2025

นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด และนายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปส่วนสื่อสารการตลาดและส่งเสริมการตลาด นายพนา แดนแก้วมูล ผู้จัดการกลุ่มงานขาย และการตลาดรถบิ๊กไบค์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขึ้นรับรางวัล และถ่ายภาพร่วมกับ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธี ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานมอเตอร์โชว์ นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานมอเตอร์โชว์ / ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา กรรมการบริหาร ประธานการจัดงาน Car & Bike of the Year นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานการจัดงาน Car & Bike of the Year 2025 โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในการประกาศรางวัล Thailand Car & Bike of The Year 2025

โดยในปีนี้ยามาฮ่าคว้า 11 รางวัล การันตีครบทุกเซ็กเมนต์ของผลิตภัณฑ์ได้แก่

1.รางวัล Best Family Sport จาก YAMAHA EXCITER

2.รางวัล Best Automatic Sport จาก YAMAHA XMAX TECH MAX

3.Best Automatic Middle Class จาก YAMAHA NMAX

4.รางวัล Best Sport Over 250 cc จาก YAMAHA R3

5.รางวัล Best Naked Under 250 cc จาก YAMAHA MT-15

6.รางวัล Best Naked Over 250 cc จาก YAMAHA MT-03

7.รางวัล Mini Bike Best Performance จาก YAMAHA GRANG FILANO HYBRID

8.รางวัล Mini Bike Best Design จาก YAMAHA FAZZIO HYBRID

9.รางวัล Best Naked Heavy Weight จาก YAMAHA MT-09SP

10.รางวัล Best Scooter Middle Weight จาก YAMAHA TMAX TECH MAX

11.รางวัล THE INNOVATOR OF FASHION AUTOMATIC
ยามาฮ่าผู้นำแฟชั่นรถจักรยานยนต์ ออโตเมติก

โดยทั้ง 11 รางวัลคุณภาพในครั้งนึ้ได้รับจากความไวัวางใจจากผู้ใช้งาน และนักทดสอบรถจักรยานยนต์ชั้นนำจากทั่วประเทศ

สำหรับการประกาศผลรางวัล Thailand Bike of The Year 2025
ในครั้งนี้มีขึ้น ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

“บางกอกมอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46  กรังด์ปรีซ์ฯ ผนึกพันธมิตร 54 แบรนด์ดัง

“บางกอกมอเตอร์โชว์”ปลุกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รวมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 54 แบรนด์ดัง จัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ภายใต้ธีม “The Talk of Sensuous  Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” ชูไฮไลต์พื้นที่โซนใหม่จัดแสดงอะไหล่รถอีวีและสันดาป หลังปิดดีลเครือข่ายผู้ผลิตและจำหน่ายจากประเทศจีน โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน พ.ศ.2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 กล่าวว่า “สำหรับงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม “The Talk of Sensuous  Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” สื่อถึงปรัชญาแนวทางการออกแบบในโลกยานยนต์ที่สื่อสารเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ความปรารถนา แรงบันดาลใจ สื่อสารเป็นภาษาของยานยนต์ เพื่อสะท้อนแนวคิด การสร้างสรรค์พัฒนา และประสบการณ์สุนทรียภาพทางอารมณ์อย่างที่คุณค่า”
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 “โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการยานยนต์จากยุโรปและเอเชียตอบรับเข้าร่วมออกบูธภายในงานฯ แล้ว 54 ราย แยกเป็นรถยนต์ 41 บริษัท และจักรยานยนต์ 13  สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกงานอย่างเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับการเข้าร่วมออกงานฯของกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่เป็นแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย อาทิ ZEEKR, OMODA&JAECOO, CHERY, KINGGEN, JUNEYAO , RIDDARA และ GEELY รวมถึงเทคโนโลยีระบบนำทางภายในรถยนต์ HUAWEI นอกจากนี้ยังมีแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YADEA ที่มาเปิดตัวครั้งแรกภายในงานฯ โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 14 ราย”
“ส่วนในไฮไลต์ของการจัดงานฯ ปีนี้ นอกจากมีการเปิดตัวรถยนต์และรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้งรถสันดาปและรถอีวีของผู้ประกอบการยานยนต์แล้ว บริษัทฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการออกบูธอุปกรณ์ตกแต่งรถโดยเฉพาะ โดยในปีนี้ได้ขยายฐานผู้ออกบูธแสดงสินค้าสู่กลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถอีวีและสันดาปที่ต้องการขยายตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่เป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับสากล”
“จึงได้รับความร่วมมือจาก บริษัท หนานจิง ฉ่วงฉี เอ็กซิบิชั่น จากประเทศจีน ได้นำสินค้าอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากประเทศจีน มาจัดแสดงเพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยที่สนใจเป็นร่วมตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย นับได้ว่า เป็นครั้งแรกของการจัดงานแสดงรถยนต์เพื่อผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์โดยตรง เป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ บนพื้นที่กว่า 3,800 ตารางเมตรภายในฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 24 – 30 มีนาคม 2568 มั่นใจได้ว่า จะได้สินค้าที่ตรงตามคุณภาพ ราคาจากผู้ประกอบการโดยตรง”
นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธจัดแสดง USED CAR หรือรถมือสองระดับลักชัวรี่ รวมถึง สินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สินค้ามูเตลู การแข่งขันชิงรางวัล พร้อมกิจกรรมสนุกๆอีกมากมาย ภายในฮอลล์
และอีก 1 งานที่แต่งเติมสีสันให้ล้อกันไปกับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ คือ MU-NIVERSE “เปิดจักรวาลมูเตลูไทย สู่คนรุ่นใหม่” เป็นอีเวนต์ที่รวบรวม เรื่องราวมูเตลูของเมืองไทยในแบบที่เข้าถึงง่าย เชื่อมโยง ความเชื่อม ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน ระหว่าง วันที่ 2-6 เมษายน 2568 ที่บริเวณฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พบปะกับอ.ลักษณ์ โหราธิบดี และแขกรับเชิญสายมูชื่อดังมากมาย พร้อมกิจกรรมดูดวง ปรึกษาฤกษ์ออกรถ ป้ายทะเบียนมงคล สินค้าเครื่องรางวัตถุมงคล กิจกรรมแลกเปลี่ยนข้อมูลของดีของสะสมสายมู พร้อมรับสติ๊กเกอร์เสริมดวงรุ่นพิเศษเฉพาะงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เท่านั้น
นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายการผลิต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับกิจกรรมในปีนี้ นอกจากกิจกรรม E-Racing ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์เสมือนจริงผ่านเครื่องเล่น Simulator แล้ว ทางผู้จัดยังได้รับความร่วมมือจาก R.C.S. (Runbike Championship Series) ประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมการแข่งขันจักรยานทรงตัวรายการ “Grandprix Runbike Championship With R.C.S.” ขึ้นภายในงาน โดยเป็นการจัด Pre-Event จำนวน 2 สนาม ซึ่งการจัดการแข่งขันดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันวงการกีฬาสำหรับเยาวชนในประเทศไทย รวมถึงบูธแสดงสินค้าเกี่ยวกับเด็ก กีฬา และไลฟ์สไตล์ ตลอดจนโซนกิจกรรมสำหรับครอบครัวอีกด้วย”
นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาบริษัทฯ ในฐานะผู้จัดงาน ได้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้เข้าร่วมงาน และผู้เข้าชมงานได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี digital transformation เข้ามาอำนวยความสะดวกในการเข้าชมงาน”
“เราได้พัฒนาบัญชี LINE Official Account หรือ Line OA ขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกใช้ในการลงทะเบียน และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทฯ กับผู้บริโภคในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่ม Auto และ กลุ่ม Lifestyle ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นมา เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ”
“นอกจากนี้ เรายังได้จัดทำโปรแกรม Fullloop ที่สามารถเก็บข้อมูลฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมได้ในรูปแบบที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ผู้เข้าชมสามารถกรอกแบบสอบถามสั้นๆ เพื่อประเมินการจัดงาน ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถรวบรวมข้อมูลได้ทันทีและวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเก็บฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมในงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้จัดงานสามารถปรับปรุงการจัดงานในหลายๆ ด้าน และตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าชมได้ดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดงานฯ ปีนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา  ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเนื่องจากภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อรถใหม่และรถมือสอง
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ผู้จัดงานฯ มีการปรับเพิ่มวันสำหรับสื่อมวลชน หรือ Press day เป็น วันที่ 24 มีนาคม 2568 สือมวลชนสามารถเข้าภายในบริเวณงานได้ตั้งแต่เวลา 7:30 น. โดยรอบนำเสนอของบริษัทแรกจะเริ่มในเวลา 8:00 – 21:00 น. ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมจากแบรนด์ที่ร่วมออกงานฯ โดยสื่อมวลชนที่ไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า สามารถลงทะเบียนได้ที่กองอำนวยการ ได้ตั้งแต่เวลา 7:00 น.
ในวันที่ 25 มีนาคม 2568 พิธีเปิดการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 อย่างเป็นทางการ จะเริ่มในเวลา 9:00 – 10:00 น. และ เปิดรอบสำหรับ VIP ตั้งแต่เวลา 10:00 น.- 18:00 น.
การจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ มั่นใจว่า การจองรถยนต์ ภายในงานครั้งนี้ จะได้รับข้อเสนอที่คุ้มค่า เข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด และสิทธิพิเศษมากมาย ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตัดสินใจ!  และ สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้การจัดงานในอดีตที่ผ่านมา
 
แคมเปญแจกรถรางวัล สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เรามี 4 แคมเปญด้วยกัน ดังนี้
1.     ซื้อบัตรเข้าชมงาน ตอบแบบสอบถาม ลุ้นรับรางวัลรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้า  JAECOO 6 EV (2WD) และ รถจักรยานยนต์ 2 รางวัล จากแบรนด์ YAMAHA และ HONDA
2.   จองรถยนต์ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ลุ้นรับรถยนต์ไฟฟ้า NETA V-II smart  หรือ จองรถจักรยานยนต์ภายในงานฯ ลุ้นรางวัล รถจักรยานยนต์ KAWASAKI W230
3.         ร่วมกิจกรรมลงทะเบียนบัตรอภินันทนาการ ลุ้นรับรางวัลรถจักรยานยนต์ SUZUKI BURGMAN  ได้ที่ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4
4.         กิจกรรม Shopping  มูลค่า 1,000 บาทขึ้นไปภายใน ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ร่วมลุ้นรางวัล E-Scooter YADEA MODERN
สำหรับบัตรเข้าชมงานฯ มีจำหน่ายบริเวณด้านหน้างาน และ ทางออนไลน์ ผ่านไลน์แอปพลิเคชั่น ทั้งนี้นอกจากสิทธิประโยชน์จากการร่วมลุ้นรางวัลรถยนต์และรถจักรยานยนต์แล้ว สามารถนำบัตรเข้าชมงานแบบซื้อที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว มาร่วมกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลต่างๆมากมายได้ที่ บูธกิจกรรมพิเศษ ภายในอาคารฟอรั่ม ฮอลล์4 และ สำหรับการจัดงานฯ ครั้งนี้ ผู้จัดงานฯ ได้จัดเตรียมรถshuttle ไว้อำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีชมพู สามารถลงที่สถานีศรีรัช แล้วต่อรถ shuttle ที่ผู้จัดงานฯได้เตรียมไว้ เพื่อเข้าสู่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 เส้นทางศรีรัช  – ACTIVE HALL 4 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด
มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมแห่งยานยนต์ AI ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตใหม่ของทุกคนได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้  วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี งานแสดงเทคโนโลยียานยนต์ อันดับ 1 ของเมืองไทย
 

Harley-Davidson สร้างปรากฎการณ์ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025

Harley-Davidson เปิดตัว Pan America® 1250 ST ใหม่ ในราคา 874,000 บาท

Harley-Davidson กลับมาอีกครั้งที่งานโมโตจีพี ไทยแลนด์ 2025 โดยการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อตำนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตของ Harley-Davidson เพื่อมอบประสบการณ์สุดมันส์ให้กับลูกค้า เหล่านักขับขี่ และแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต พร้อมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ต Pan America® 1250 ST รุ่นใหม่ ปี 2025 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

บูธ Harley-Davidson ใน MotoGP Fan Village ดึงดูดเหล่าผู้ร่วมงาน โดยการนำคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์สุดพรีเมียมที่เหล่านักขับขี่ต่างเฝ้ารอมาจัดแสดง พร้อมกันนี้ ภายในบูธยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ให้เหล่าแฟน ๆ ได้ดื่มด่ำไปกับ Harley-Davidson กันอย่างเต็มที่ตลอดงานระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 2568

สานต่อตำนานเจ้าแห่งความเร็วของ Harley-Davidson ในงานโมโตจีพี ไทยแลนด์ 2025

Harley-Davidson ต่อยอดความเป็นผู้นำในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยการประกาศเปิดตัวทีมแข่ง Harley-Davidson® x Dynojet Factory Race Team ซึ่งจะลงแข่งขันในศึก MotoAmerica™ Mission Foods King of the Baggers 2025 โดยฤดูกาลนี้จะมี Bradley Smith สุดยอดนักแข่งจากรายการโมโตจีพีมาเสริมทัพร่วมกับ Kyle Wyman และ James Rispoli พร้อมพารถมอเตอร์ไซค์ Road Glide® ลงแข่ง

ทีมแข่ง Harley-Davidson® x Dynojet Factory Race เตรียมลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์ 14 สนาม โดยจะเปิดฤดูกาลระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม ณ สนาม Daytona International Speedway เมือง Daytona Beach รัฐฟลอริดา สำหรับฤดูกาล 2025 ทีมจะส่งนักแข่งทั้งสามคนลงชิงชัย โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® Road Glide® ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อการแข่งขันครั้งนี้โดยเฉพาะ

รถมอเตอร์ไซค์แข่ง Road Glide® ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Screamin’ Eagle® Milwaukee-Eight® 131 Performance Crate Engines ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุด โดยตัวรถมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนอัปเกรดใหม่ รวมถึง โช้คหลัง Screamin’ Eagle/Öhlins Remote Reservoir Rear Shocks, ท่อไอเสียสำหรับการแข่งขัน, ยางแข่ง และตัวถังน้ำหนักเบาที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วและความคล่องตัวสูงสุด

สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ บูธ Harley-Davidson ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025

ที่บูธ Harley-Davidson ในงาน MotoGP Thailand 2025 ยังจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์รุ่น  CVO™ Road Glide™ ST ซึ่งถอดแบบมาจากรถแข่งของจริง ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ Screamin’ Eagle™ Stage IV Kit เพื่อสมรรถนะสูงสุด และมอเตอร์ไซค์รุ่น Road Glide™ ที่ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟิกสไตล์เรซซิ่งจากรายการแข่ง King of the Baggers มาจัดแสดง พร้อมกันนี้ ภายในงานยังมีไฮไลท์สำคัญอย่างรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทรงพลังรุ่น Low Rider™ ST และรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับแรงบิดสุดเร้าใจอย่างรุ่น Sportster™ S ซึ่งมาช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สัมผัสกับรถมอเตอร์ไซค์คัสตอมจากฝีมือคนไทยที่มาพร้อมกับดีไซน์ Bagger และ Drag Racing สุดดุดัน

นอกเหนือจากไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์สุดเร้าใจแล้ว ผู้เข้าชมบูธ Harley-Davidson ยังได้สัมผัสกับคอลเลกชันเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมจาก Harley-Davidson® มากมาย ที่พร้อมให้เหล่าแฟน ๆ เลือกสะสมเป็นที่ระลึกกลับบ้านไปด้วย พร้อมกันนี้ Harley-Davidson Asia ยังได้ต้อนรับเหล่านักขับขี่และแฟนๆ สู่ Harley-Davidson VIP Lounge พร้อมมอบประสบการณ์รับชมการแข่งขันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ Pan America 1250 ST ปี 2025

การเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ปี 2025 ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากสื่อมวลชน ลูกค้า และแฟน ๆ และถือเป็นอีกขั้นของการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ตจาก Harley-Davidson เพื่อเสริมทัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Adventure Touring

นอกจากนี้ การเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าว นับเป็นการเจาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัวครั้งแรกของ Harley-Davidson โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมจะเป็นเพื่อนเดินทางในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเพิ่มความเร้าใจบนทางโค้ง ตลอดจนใช้ขับขี่เพื่อท่องเที่ยวในวันหยุด รถมอเตอร์ไซค์ รุ่น Pan America 1250 ST เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์การขับขี่บนท้องถนน และออกแบบขึ้นเพื่อนักขับขี่ที่ต้องการเปลี่ยนสไตล์จากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตหรือสตรีทไฟท์เตอร์ มาสู่รถมอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวกว่าแต่ยังคงให้ความสะดวกสบายและความสามารถในการขับขี่ทางไกลที่เหนือระดับ

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ออกแบบเบาะที่นั่งให้ผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบาย มาพร้อมกับสมรรถนะรอบด้านจากเครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ล้อหน้า 17 นิ้วพร้อมยางสตรีทแบรนด์ชั้นนำ ส่วนประกอบช่วงล่างและระบบเบรกระดับพรีเมียม ปรับช่วงล่างและตำแหน่งเบาะนั่งใหม่ต่ำลง พร้อมด้วยระบบท่อไอเสียน้ำหนักเบาและระบบควิกชิฟเตอร์ (Quickshifter)

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST รุ่นใหม่ อยู่ในคอลเลกชันเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ Pan America® 1250 Special โดยเป็นการขยายรุ่นและเสริมทัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Adventure Touring ของ Harley-Davidson

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ปี 2025 เปิดตัวในราคา 874,000 บาท พร้อมเปิดให้จองแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และจะวางจำหน่ายในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและภูมิภาคอื่น เร็ว ๆ นี้

#HarleyDavidson #UnitedWeRide #HarleyDavidsonAsia #MotoGP #ThaiGP

จากรันเวย์สู่แทร็ก! “Grid Girl ผ้าไหมไทย” กระหึ่มศึก MotoGP2025

 “ผ้าไหมไทย”  สู่สายตาแฟนความเร็ว 800 ล้านคน 220 ประเทศทั่วโลก

ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง กับการนำหัตถศิลป์พื้นถิ่นเผยแพร่สู่การแข่งขันระดับตำนาน MotoGP 2025 ศึกชิงเจ้าความเร็วอันดับหนึ่งของโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพสนามแรก กับการนำสุดยอดผ้าไหมไทย ภายใต้โครงการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา นำชุดผ้าไหมที่ไปเฉิดฉายในรันเวย์โลก มาสู่สุดยอดอีเว้นต์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บูรณาการองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยที่มีความเป็นสากล เพิ่มรายได้และสร้างโอกาสส่งออกสินค้าไปยังตลาดนานาชาติ ให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสน่ห์ของวิถีชุมชนสู่โลกมอเตอร์สปอร์ต

นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ” ศึก MotoGP นับเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเข้าสู่ปีที่ 76 ฤดูกาลนี้จะมีการแข่งขันทั้งหมด 22 สนาม โดยประเทศไทยรับบทเป็นเจ้าภาพสนามเปิดฤดูกาล ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025”  ถ่ายทอดสู่สายตาแฟนๆ โมโตจีพีที่มีมากกว่า 800 ล้านคน จาก 220 ประเทศทั่วโลก ด้วยเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั่วโลก

การจัดงานภายใต้แนวคิด Thailand to The World ในโอกาสนี้ฝ่ายจัดการแข่งขัน ร่วมกับดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพี ชูความงามของ Grid Girl “สาวงามสนามแข่ง” หรูหรา สง่างาม สวมใส่ชุดผ้าไหมไทย นำเสนอความสวยงามของผ้าไทยในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน MotoGP ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดของรายการ

ชุดที่สวมใส่เป็นผ้าไหมมัดหมี่ทอมือจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ แนวคิดการออกแบบอ้างอิงจาก EXPRESSIVE EXOTIC “ตัวตนข้ามวัฒนธรรม” หนึ่งในแนวคิดจากหนังสือ Thai Textiles Trend Book หนังสือจากพระดำริใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี  นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร นำเสนอข้อมูลตั้งแต่ประเภทเนื้อผ้า การเลือกสี การออกแบบลวดลาย รวมไปถึง ‘เทรนด์’ ของอุตสาหกรรมแฟชั่น

ทั้งนี้ เทรนด์ EXPRESSIVE EXOTIC เล่าถึงเฉดสีของป่าไม้ และความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติ พัฒนาผ้าไทยในรูปแบบร่วมสมัย เชื่อมโยงตั้งแต่รากฐานความดั้งเดิมในการรังสรรค์เป็นงานฝีมือสุดประณีต สีสันเน้นความสีสดเป็นชุดสีเหลืองและเขียว ภายใต้รูปแบบที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ผลงานการออกแบบของ อู๋-วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์ชาวบุรีรัมย์ที่นำผ้าไทยไปเฉิดฉายบนรันเวย์โลกมากมาย จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล

สร้างความตื่นตาตื่นใจและมิติใหม่ให้กับการแข่งขันในครั้งนี้อย่างมากและยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่เสน่ห์ความสวยงามของผ้าพื้นเมืองของไทยสู่สายตาชาวโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย”

“นับเป็นโอกาสอันดีในช่วงหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันชิงเจ้าความเร็วอันดับหนึ่งของโลกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ต่อเนื่องไว้รองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความร่วมมือของจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกับภาคเอกชน จัดงาน Colors of Buriram งานผ้าไทยครั้งใหญ่แห่งปีของจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดีของขึ้นชื่อมากมาย ภายในโดมติดแอร์ขนาดมหึมา  ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม -16 เมษายน 2568 เวลา 10.00-18.00 น. บริเวณสนามฟุตบอลช้าง อารีนา เปิดให้เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมงานกันมากๆครับ”

ทั้งนี้ การจัดงาน Color of Buriram จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเรื่องการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย จัดแสดงผลการขับเคลื่อนงานผ้าและงานหัตถกรรม ที่ดำเนินการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชุมชนของจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ช่างทอผ้า ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงท่องเที่ยวได้สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านผลิตภัณฑ์ผ้านานาชนิด

PTG ร่วมกับกรมการค้าภายใน ให้ความมั่นใจ เติมน้ำมันเต็มลิตร ที่สถานีบริการน้ำมันพีที

โครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้บริโภค

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ พีที (PT) ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประกาศเสริมสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนผู้บริโภค ในการเข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้บริโภคในการใช้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เผยว่า “การสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประชาชนผู้บริโภคได้รับเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำมันที่เติมเงินที่จ่ายไปนั้นถูกต้อง และครบถ้วน ดังนั้นพีทีจี จึงได้เข้าร่วม “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์พีทีทุกแห่งทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ โดยจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายเป็นประจำทุก 15 วัน ต่อเนื่องกัน 6 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นการตรวจสอบเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เราตั้งเป้าในการผลักดันให้สถานีบริการน้ำมันพีทีทุกแห่งในประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันพีทีที่ผ่านการรับรองหัวจ่ายมาตรฐานแล้ว 1,680 สถานี เพราะเราตระหนักถึงความสำคัญของความโปร่งใส และการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้บริโภคที่จะได้รับน้ำมันมาตรฐานเต็มลิตร และเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพ รวมถึงมาตรฐานการให้บริการ เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับบริการที่ดีที่สุด ทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันพีที”

 

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า “ตามที่ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมฯ กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการสนับสนุน ส่งเสริม และกำกับดูแลมาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมัน ให้มีความเที่ยงตรง ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกหัวจ่าย สำหรับสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์พีทีนั้น ให้ความร่วมมือในการผลักดัน และปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดอย่างเข้มงวด โดยสถานีบริการน้ำมันพีทีนั้นสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ได้อย่างถูกต้องต่อเนื่องกัน 6 เดือน จึงได้รับการยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีเงิน (Silver) ดังนั้นผู้บริโภคจึงสามารถมั่นใจได้ว่า ในการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันที่ได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์ “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” จะได้รับปริมาณน้ำมันที่ครบถ้วน ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด”

ทั้งนี้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) มุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้หลักการเที่ยงธรรม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นเยี่ยมสู่ลูกค้าผู้ไว้วางใจ ทั่วประเทศ ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันพีทีมีมากถึง 2,062 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ  ครบครันด้วยบริการหลากรูปแบบ อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อ “Max Mart” “ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย” รวมทั้ง “Autobacs” ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร มาตรฐานจากญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของ PTG ในการพัฒนาสังคมให้ “อยู่ดีมีสุข” ต่อไป