ไทยฮอนด้าจัดเต็ม! เปิดตัวไลน์อัปจักรยานยนต์ครบทุกสไตล์ถึง 9 รุ่น นำโดยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “New Honda CUV e:”

บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ทุกคนรอคอย “New Honda Forza750” ใน Motor Show 2025

 ฮอนด้า โดย บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกกำลังต่อเนื่อง จัดเต็มไลน์อัปผลิตภัณฑ์ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ (Power Products) ในงาน Motor Show 2025 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทย ที่พร้อมสร้างความสุขและขับเคลื่อนการใช้ชีวิตอย่างอิสระในหลากหลายรูปแบบผ่านผลิตภัณฑ์และบริการ

ภายในบูทมีการแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 3 โซนหลัก เพื่อความสะดวกในการเข้าชม แบ่งเป็น

  • Product Zone ในส่วนของผลิตภัณฑ์รถยนต์ นำโดย “Honda City Hatchback DRIVAL” รุ่นพิเศษ ที่ได้รับการอัปเกรดดีไซน์ เพิ่มเติมความสปอร์ตสุดเท่ ดุดัน เร้าใจ พร้อมสะกดทุกสายตา ในส่วนของผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ นำโดย “New Honda Forza750” บิ๊กสกู๊ตเตอร์เรือธงที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยี และสมรรถนะที่เหนือคลาส และ “New Honda CB1000 Hornet SP” ซูเปอร์ Naked ไบค์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ พร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครัน ตามด้วยโมเดลพิเศษ “New Honda Monkey Chrome Legacy” รุ่น Limited Edition ที่ได้รับการออกแบบพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า รวมถึง “All New Honda Scoopy x Kuromi” ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก พร้อมให้แฟน ๆ ได้จับจอง 2,000 คันเท่านั้น
  • Innovative Zone จัดแสดงผลิตภัณฑ์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% โดยไฮไลต์ของโซนนี้ นำโดย “Honda e:N1” รถ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้า พร้อมเปิดให้จองและจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ลูกค้าทั่วไปได้เป็นเจ้าของ และ สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับไปกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “New Honda CUV e:” ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ของความทันสมัยทั้งด้านดีไซน์และประสิทธิภาพ
  • Lifestyle Zone โซนโชว์เคสผลิตภัณฑ์ฮอนด้า ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในหลายมิติ ทั้งรถ SUV รถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์สายลุยอย่างสไตล์แอดเวนเจอร์ และสไตล์เทรล

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ในโอกาสที่ปีนี้ ไทยฮอนด้าครบรอบ 60 ปี เพื่อเป็นการขอบคุณและสร้างความพิเศษให้กับทุกท่าน รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าใหม่ ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ผสานกับนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ในทุกการเดินทางด้วยกันถึง 9 รุ่น ด้วยกัน”

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ไลน์อัป Honda Technology นำโดย “New Honda CUV e:” รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Smart Ride, Future Ready’ โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัยรอบคัน มาพร้อมกับไฟหน้าและไฟท้ายแบบไฟ LED เสริมประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี Honda RoadSync duo (เฉพาะรุ่น Connectivity) และระบบช่วยถอยหลัง ที่จะช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ตามด้วยหน้าจอแสดงผล TFT ที่มีขนาดใหญ่ถึง 7 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Connectivity, รุ่น Standard ขนาด 5 นิ้ว) รองรับทุกการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) และโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) อีกทั้งยังมอบความเร็วสูงสุด 83 กม./ชม. สามารถวิ่งได้ในระยะทางมากกว่า 70 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “New Honda CUV e:” พร้อมเปิดให้เช่าใช้บริการ ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard และรุ่น Connectivity มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Mat Gunpowder Black Metallic) และ สีขาว (Pearl Jubilee White) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์เป็นผู้เช่าในราคาพิเศษเฉพาะในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 จำกัดจำนวนเพียง 100 สิทธิ์เท่านั้น

ตามด้วยเทคโนโลยี Honda E-Clutch ที่ได้ถ่ายทอดลงสู่คลาส 300 ซีซี ถึง 2 รุ่นอย่าง “New Honda CL300” รถจักรยานยนต์ Scrambler สไตล์สายลุยแบบคลาสสิก และ “New Honda Rebel300” รถจักรยานยนต์คัสตอมบ็อบเบอร์ ที่ได้เพิ่มเทคโนโลยีควบคุมระบบคลัตช์ด้วยไฟฟ้า เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องกำคลัตช์ ทำให้การขับขี่รถสปอร์ตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้น

“New Honda CL300” พร้อมวางจำหน่ายสีดำ (Mat Gunpowder Black) เปิดตัวในราคาแนะนำที่ 159,900 บาท และ “New Honda Rebel300” พร้อมวางจำหน่าย สีดำ (Pearl Shining Black) ราคาแนะนำที่ 159,900 บาท

รวมถึง “New Honda ADV350” รถจักรยานยนต์ SUV Bike ที่พัฒนานำเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อที่ทันสมัยอย่าง Honda RoadSync รองรับทุกความต้องการของผู้ขับขี่ และปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ แบบมัลติฟังก์ชันสั่งการได้หลายระดับ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รุ่น Standard Type พร้อมวางจำหน่าย 3 สี ได้แก่ สีแดง-ดำ CANYON RED, สีน้ำเงิน OCEAN BLUE และสีดำ CHARCOAL BLACK  ราคาแนะนำที่ 189,900 บาท

นอกจากรุ่น Standard แล้ว ฮอนด้ายังได้นำเสนอ Special Edition จากสำนักแต่ง H2C by Honda ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สายแอดเวนเจอร์ตัวจริง เสริมความเท่อีกระดับด้วยชุดอุปกรณ์แต่งรอบคันถึง 11 ชิ้น รุ่น “New Honda ADV350 Unstoppable Touring Edition” พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 204,400 บาท

และขอแนะนำ อีกหนึ่งโมเดลเรือธงที่ทุกคนรอคอยในคลาส 750 Series กับ “New Honda Forza750” บิ๊กสกู๊ตเตอร์เรือธงที่มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือคลาสด้วยเครื่องยนต์ 750 ซีซี OHC 4 วาล์ว 2 สูบเรียง ผสานเทคโนโลยี Dual Clutch Transmission (DCT) เปลี่ยนเกียร์สมูทไม่ต้องกำคลัตช์ ส่งตรงดีเอ็นเอความแรงจากรถบิ๊กไบค์สู่ท้องถนน มาพร้อมหน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้ว ปรับดีไซน์ใหม่ให้ตอบโจทย์การมองเห็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ Honda RoadSync พร้อมปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด (Standard, Rain, User, Sport) ให้การควบคุมรถมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น อีกทั้งตอบโจทย์สายทัวร์ริ่งด้วยระบบ Cruise Control ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติเหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกลและในเมืองได้อย่างดีเยี่ยม

New Honda Forza750 มาในดีไซน์โฉมใหม่ สปอร์ต ดุดัน แต่ยังคงความพรีเมียมไว้ได้อย่างลงตัว โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า LED โคมคู่ พร้อม Daytime Running Lights (DRL) ให้ความสปอร์ตเต็มขั้นด้วยไฟเลี้ยวแบบ Built-in ให้การขับขี่มั่นใจด้วยล้อหน้าขนาด 17 นิ้ว และล้อหลังขนาด 15 นิ้ว พร้อมโช้กหน้าหัวกลับขนาด 41 มม. ที่ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและมอบการทรงตัวที่มั่นคง รวมถึงกระจกบังลมไฟฟ้าอัตโนมัติขนาดกว้างขึ้นถึง 25% ปรับความสูงได้ถึง 120 มม. New Honda Forza750 พร้อมวางจำหน่าย 3 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำตาล (Mat Warm Ash Metallic) สีดำ (Mat Ballistic Black Metallic) และสีเทา (Iridium Gray Metallic) ราคาแนะนำที่ 419,000 บาท

ตามด้วย “New Honda CB1000 Hornet SP” ซูเปอร์ Naked ไบค์ระดับท็อปคลาส ผสานความแรงจากสนามแข่งเข้ากับการออกแบบที่ดุดันในแบบสปอร์ต Naked ให้ความแรงที่สุดในคลาสด้วยเครื่องยนต์ 1000 ซีซี 4 สูบเรียง พร้อมไปทุกเส้นทางด้วยโช้ก Öhlins ปรับได้เต็มรูปแบบควบคุมรถได้ดั่งใจ พร้อมปั๊มเบรก Brembo ให้ความแม่นยำทุกครั้งที่หยุดรถ ควบคุมง่ายดั่งใจด้วย Quick Shifter ที่ปรับได้ 3 ระดับ ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire), Riding Mode ที่ปรับได้ถึง 5 โหมด และ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ที่ช่วยควบคุมการหมุนล้อหน้าและล้อหลังให้สัมพันธ์กัน แสดงผลด้วยเทคโนโลยีหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Honda RoadSync พร้อมไฟแบ็กไลท์ที่แฮนด์บาร์ใช้งานสะดวก เชื่อมต่อได้ทุกเส้นทาง New Honda CB1000 Hornet SP พร้อมวางจำหน่าย ‘สีดำ MAT BALLISTIC BLACK METALLIC’ ในราคาแนะนำที่ 489,000 บาท

 

สำหรับสาย Fashion A.T. เปิดตัวด้วยโมเดลสุดเอกซ์คลูซีฟ “All New Honda Scoopy x Kuromi Limited Edition” เป็นการ Collab ครั้งแรกของรุ่น All New Honda Scoopy ในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปี ของ Kuromi ตัวร้ายสุดแสบจาก Sanrio มาพร้อมคอนเซปต์สุดซ่าอย่าง “The ICONIC Sassiness เพื่อนตัวป่วน ชวนไปสุดเทรนด์” นำเสนอความแสบซนด้วยสีดำ-ม่วง สีเอกลักษณ์ของ Kuromi พร้อมลวดลายตัวป่วนทั่วทุกมุมรถ โดดเด่นด้วยสติกเกอร์ 3D Emblem ครบรอบ 20 ปี และเสริมความลิมิเต็ดขั้นสุดกับสติกเกอร์ Serial Number รันเลขที่ตั้งแต่ 0001 – 2000 คัน มาพร้อม Box set สุดป่วน ได้แก่ Honda Smart Key พร้อมเคสลาย Kuromi ครบรอบ 20 ปี อีกทั้งหมวกกันน็อก และเสื้อยืดแขนยาวลาย Kuromi แมตช์กับสีรถได้อย่างลงตัว สำหรับ All New Honda Scoopy x Kuromi Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด 2,000 คันเท่านั้น ราคาแนะนำที่ 60,800 บาท พร้อมเปิดรับจองที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 เป็นที่แรก และ Honda Wing Center ทุกสาขา

ตามมาด้วย “New Honda Lead125” เปิดตัวสีเทาใหม่ ‘Matte Gray’ เติมความมินิมอลให้ลงตัว กับ Special Edition สีเทาแมทท์ มาพร้อมคอนเซปต์ “Minimal Matters ชีวิตลงตัวแน่ แค่มินิมอล” ที่มาพร้อม Emblem สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยหน้ากากด้านหน้า เสริมลุคสปอร์ตด้วยโช้ก และคาลิปเปอร์เบรกสีแดง รวมถึงล้อสีดำด้านเสริมลุคสปอร์ตให้ชัดเจนขึ้น ไฟท้าย LED ฟังก์ชันครบครันตอบโจทย์คนเมือง New Honda Lead125 รุ่น Special Edition พร้อมวางจำหน่ายสีเทาใหม่ (Matte Gray) พร้อมกับ สีดำ (Black) ในราคาแนะนำ 62,500 บาท

พร้อมกันนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ไทยฮอนด้า ขอนำเสนอโมเดลพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองไปกับ “New Honda Monkey Chrome Legacy” รุ่น Limited Edition ที่คัสตอมขึ้นมาพิเศษ โดดเด่นด้วยสีโครเมียมทั้งคัน ตั้งแต่ตัวถังน้ำมันโครเมียมสวยสะดุดตาสไตล์กคลาสสิก และฝาครอบข้างที่เป็นโครเมียม ตัดกับเบาะหนังสีดำที่โชว์หมุดสแตนแลสให้ความหรูหราคลาสสิก พร้อมแสดงเอกลักษณ์ความซนในตำนานกับ 3D Soft Emblem โลโก้เจ้าลิงซนครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า เสริมความลิมิเต็ดด้วย Chrome Edition Serial Number รันเลขตามจำนวนคันที่ผลิต พิเศษ! มาพร้อมกับหมวกกันน็อกสีเงินเมทัลลิค ที่เข้าเซ็ตกับตัวรถได้อย่างลงตัว เปิดตัวในราคาแนะนำที่ 117,000 บาท โดยเปิดพรีออเดอร์ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 และสามารถจองได้ที่ CUB House Flagship Store ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 เท่านั้น

นอกจากนี้ ไทยฮอนด้ายังแสดงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต พร้อมกับเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ตลาดเครื่องยนต์เรือ ด้วยการนำเครื่องยนต์เรือ Outboard Engine รุ่น “All New Honda BF250 V6” ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ นำมาจัดแสดงภายในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 ครั้งนี้อีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์ได้ที่บูทฮอนด้า (A26 และ M1) งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 (The 46th Bangkok International Motor Show) อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 พร้อมด้วยหลากหลายข้อเสนอพิเศษในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ฮอนด้า ทั้งภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

 

#CUVe #SmartRideFutureReady

#HondaADV350 #REALSUVBIKE

#NewHondaFORZA750 #FORZA750

#NewCB1000HornetSP #HORNET1000

#NewREBEL300 #REBEL300EClutch #HondaEClutch

#NewCL300 #CL300EClutch #HondaEClutch

#SCOOPYxKUROMI #AllNewHondaSCOOPY

#NewHondaLEAD125

#MonkeyChrome #MonkeyLimitedEdition

#BangkokMotorShow2025 #MotorShow2025 #มอเตอร์โชว์2025

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

 

Harley-Davidson® ปลุกจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ ภายใต้นิยาม ‘OUR ROAD. OUR RULES. LET’S RIDE.’ ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

พร้อมเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ 6 รุ่นสำหรับปี 2025

Harley-Davidson สร้างปรากฎการณ์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ด้วยการเผยโฉมไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับปี 2025 โดยมี มาร์ค โอ ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย พร้อมด้วยเหล่าสมาชิก Harley-Davidson Freedom Crew ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวในงานนี้เข้าร่วม โดยไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่สุดทรงพลัง ประกอบด้วย รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Road Glide® ST, CVO™ Road Glide®, CVO™ Street Glide®, Street Glide® Ultra, Sportster® S และ Nightster® Special พร้อมกันนี้ ภายในบูธยังได้นำรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America® 1250 ST มาจัดแสดงให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถพบกับไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่นปี 2025 ภายใต้นิยาม ‘Our Road. Our Rules. Let’s Ride.’ ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณอิสระและนวัตกรรมได้แล้ว ณ บูธ M5อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568

นอกจากไลน์อัพใหม่ปี 2025 แล้ว Harley-Davidson ยังได้นำรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Collector’s Edition ประกอบด้วย รถมอเตอร์ไซค์ Softail® Standard รุ่นปี 2024, Sport Glide รุ่นปี 2024 และ Fat Bob™ รุ่นปี 2024 มาจัดแสดงที่บูธอีกด้วย พร้อมเพิ่มความตื่นตาด้วยการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ Low Rider® ST รุ่นปี 2024 เจ้าของรางวัล Thailand Bike of the Year 2025 ในหมวด Best Cruiser Heavyweight พร้อมกันนี้ ภายในบูธยังได้นำคอลเลกชันเครื่องแต่งกาย สินค้าไลฟ์สไตล์ อุปกรณ์ขับขี่ อะไหล่ และอุปกรณ์เสริมมาให้เหล่าแฟน ๆ ได้เลือกซื้อกัน

 

ก้าวข้ามขีดจำกัดไปกับรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Custom Vehicle Operation รุ่นปี 2025

นับเป็นปีที่ 26 ของการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® CVO™ ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 3 รุ่น และถือเป็นสุดยอดแห่งสไตล์และดีไซน์ของ Harley-Davidson ซึ่งทุกรุ่นล้วนสะท้อนถึงพลังและความโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ โดยไลน์อัพปี 2025 มาพร้อมกับตัวเลือกสีและการตกแต่งใหม่ ได้แก่ สี Poison Berry, สี Raven Fade และ สี Blue Streak ที่ช่วยยกระดับความหรูหราและเพิ่มความพิเศษไปอีกขั้น

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Street Glide และ CVO Road Glide มาพร้อมกับการยกระดับดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะ ทั้งนี้รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Street Glide และ CVO Road Glide ต่างถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แบกเกอร์ที่คาดหวังมาตรฐานสูงสุด ทั้งในด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะ โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Street Glide มีราคาเริ่มต้นที่ 3,191,000 บาท และรถมอเตอร์ไซค์ CVO Road Glide มีราคาเริ่มต้นที่ 3,246,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO Road Glide ST ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Screamin’ Eagle® Factory Team Road Glide® ซึ่งใช้แข่งขันในรายการ MotoAmerica® Mission Foods King of the Baggers ด้วยการผสานเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 121 H.O. เข้ากับชุดอุปกรณ์สมรรถนะสูง พร้อมดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้ได้รถมอเตอร์ไซค์แบ็กเกอร์ที่ทั้งเร็ว แรง และมีระดับ โดยรถมอเตอร์ไซค์ CVO Road Glide ST เป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์แบ็กเกอร์ที่ทรงพลังและล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ Harley-Davidson เคยผลิตมา ด้วยความโดดเด่นของชุดอุปกรณ์สมรรถนะสูงที่ออกแบบมาเพื่อเหล่านักขับขี่ที่ต้องการความเร้าใจโดยเฉพาะ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 121 H.O. และอัตราทดเกียร์ที่ต่ำ ช่วยเพิ่มแรงบิดช่วงกลางที่ดุดัน พร้อมอัตราเร่งที่ทรงพลังแบบกระชากใจ โดย CVO Road Glide ST มีราคาเริ่มต้นที่ 3,193,000 บาท

ออกทะยานไปสู่ขอบฟ้ากับ Street Glide Ultra รุ่นปี 2025

รถมอเตอร์ไซค์ Street Glide Ultra รุ่นใหม่ พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ทางไกลไปอีกขั้น ด้วยความสะดวกสบาย เทคโนโลยี ผสานกับสมรรถนะและดีไซน์จากรถมอเตอร์ไซค์ Street Glide รุ่นปี 2024 โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเดินทางระยะไกลแบบสองที่นั่ง สำหรับนักขับขี่ที่แสวงหาอิสระและการผจญภัย นี่คือรถมอเตอร์ไซค์ Grand American Touring ที่มีสมรรถนะมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Harley-Davidson โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Glide Ultra รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,715,000 บาท

ก้าวข้ามจากข้อจำกัดเดิมด้วยรถมอเตอร์สปอร์ตใหม่รุ่นปี 2025 และรุ่น Collector’s Editionรถมอเตอร์ไซค์ Sportster S รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ยิ่งขึ้น ด้วยแรงบิดที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วช่วยให้การเร่งทะยานเต็มไปด้วยพลัง มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่ได้รับการพัฒนา พร้อมเพิ่มระยะยุบตัวของโช้คอัพล้อหลังขึ้น 60% โดยไม่กระทบต่อความสูงของเบาะ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในขณะขับขี่บนสภาพถนนที่มีความหลากหลาย ทั้งนี้ ระบบกันสะเทือนหน้าและหลังสามารถปรับได้เต็มรูปแบบ ทั้งแรงกดอัด (compression) และแรงดีดตัว (rebound damping) รวมถึงการตั้งค่าพรีโหลด โดย Sportster S รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 638,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ Nightster Special รุ่นใหม่ ที่ผสานดีไซน์สปอร์ตสเตอร์สุดคลาสสิกเข้ากับสมรรถนะเครื่องยนต์รอบสูงอันทรบพลังพร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลว มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางไปบนท้องถนนได้อย่างมั่นใจ

รถมอเตอร์ไซค์ Nightster โดดเด่นด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Revolution® Max 975T V-twin ระบายความร้อนด้วยของเหลว เสริมสมรรถนะด้วย ล้อแบบ cast wheel และไฟ LED ที่ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและสไตล์ โดดเด่นด้วยถังน้ำมันสีดำด้านสไตล์วินเทจซึ่งช่วยเสริมความดุดันให้กับโลโก้ และรูปลักษณ์ Sportster ที่สะท้อนกลิ่นอายความคลาสสิก โดยรถมอเตอร์ไซค์ Nightster รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 527,000 บาท

Softail Standard Collector’s Edition รุ่นปี 2024 ถือเป็นแบบฉบับของรถ Cruiser อย่างแท้จริงจาก Harley-Davidson ด้วยรูปลักษณ์ Bobber ที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ผสานกับโครงสร้าง Softail ที่ให้ความคล่องตัว และขุมพลังดุดันจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® V-Twin โดดเด่นด้วยสี Vivid Black แบบคลาสสิก ตัดกับโครเมียมและงานขัดเงาที่สวยสะดุดตา ทำให้ Softail Standard เป็นตัวตนที่แท้จริงของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson โดยรถมอเตอร์ไซค์ Softail Standard Collectors Edition รุ่นปี 2024 มีราคาเริ่มต้นที่ 874,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์ Collector’s Edition ซึ่งรวมถึง Sport Glide 107 รุ่นปี 2024 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 107 มาพร้อมกับโครงสร้าง Softail Frame ที่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิกของ Softail แต่ได้รับการออกแบบให้แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมกันนี้ ใน Collector’s Edition ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ Fat Bob 114 รุ่นปี 2024 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 ที่มอบแรงบิดทรงพลังพร้อมอัตราเร่งที่ดุดัน โดดเด่นด้วยเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson และระบบเบรกคู่สมรรถนะสูงที่ช่วยควบคุมพลังอันมหาศาลของรถได้อย่างมั่นใจ โดยราคาเริ่มต้นของ Collector’s Edition Sport Glide 107 รุ่นปี 2024 อยู่ที่ 1,037,000 บาท และ Fat Bob 114 รุ่นปี 2024 อยู่ที่ 1,105,000 บาท

ทะลุทุกขีดจำกัดกับ Pan America 1250 ST รุ่นปี 2025

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในงานโมโตจีพี ไทยแลนด์ คือรถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ตที่ผสานความคล่องตัวกับสมรรถนะอันทรงพลัง สามารถใช้เป็นเพื่อนร่วมทางในชีวิตประจำวัน หรือลัดเลี้ยวไปตามโค้งบนถนนทางรอง ไปจนถึงออกทริปสุดมันส์ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักขับขี่ที่ต้องการเปลี่ยนสไตล์การขับขี่จากแนวสปอร์ตไบค์หรือสตรีทไฟเตอร์มาสู่รถมอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวกว่า พร้อมมอบความสบายได้มากกว่าเดิม และสามารถใช้เดินทางไกลได้ดียิ่งขึ้น โดยรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST มาพร้อมกับท่านั่งแบบตรงที่ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 ระบายความร้อนด้วยของเหลว ล้อหน้า ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งชุดช่วงล่างและระบบเบรกระดับพรีเมียม โดยรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 874,000 บาท

พบกับ Dickies x Harley-Davidson คอลเลกชันเสื้อผ้ารุ่นลิมิเต็ดที่งานมอเตอร์โชว์

นอกจากนี้ ภายในบูธ Harley-Davidson ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ยังจัดแสดงคอลเลกชันเสื้อผ้ารุ่นลิมิเต็ด Dickies x Harley-Davidson โดยคอลเลกชันนี้โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิกสไตล์อเมริกันและดีไซน์ชุดสไตล์เวิร์กแวร์คลาสสิก ผสานคุณภาพระดับตำนานเข้ากับความดุดันที่ได้แรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณแห่งความเป็นอิสระ โดยชุดคอลเลกชันนี้จะวางจำหน่ายในร้านค้าทั่วภูมิภาคเอเชียตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป

เปิดตัว Harley-Davidson Freedom Crew

Harley-Davidson เปิดตัว Harley-Davidson Freedom Crew โครงการระดับภูมิภาคที่เริ่มต้นในประเทศไทยเป็นที่แรก โดยโครงการพิเศษนี้ได้รวบรวมเหล่านักขับขี่และนักสร้างคอนเทนต์ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งอิสระและการผจญภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไลฟ์สไตล์ Harley-Davidson ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือกับ Harley-Davidson เหล่าสมาชิก Freedom Crew จะเป็นเสมือนแกนกลางในการเชื่อมโยงชุมชนนักขับขี่ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ที่แท้จริง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนออกเดินทางในแบบฉบับของตนเอง

โดย Harley-Davidson ได้แนะนำ 5 สมาชิก Freedom Crew ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ซึ่งสมาชิกแต่ละคนได้นำเอกลักษณ์และตัวตนมาสู่ไลฟ์สไตล์การขับขี่ นำโดย กาย รัชชานนท์ นักแสดงชื่อดังและนักขับขี่ Harley-Davidson ตัวจริง ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการเดินทางบนท้องถนน

สมาชิก Freedom Crew แต่ละคนพร้อมด้วย มาร์ค โอ ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย ได้ร่วมกันเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ที่สะท้อนตัวตนของแต่ละคน ภายใต้นิยาม Beyond Limits, Beyond the Horizon และ Beyond the Ordinary

Freedom Crew มีเป้าหมายในการต่อยอดวัฒนธรรมการขับขี่ที่เปิดกว้าง เข้าถึงได้ และขับเคลื่อนด้วยความชื่นชอบในการเดินทางบนท้องถนน นอกจากนี้ พวกเขายังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงชุมชนนักขับขี่ พร้อมสะท้อนจิตวิญญาณของ Harley-Davidson และถ่ายทอดความหมายของการขับขี่ในแบบที่เป็นตัวเอง ตามนิยาม Our Road. Our Rules. Let’s Ride.

 

โปรโมชั่นพิเศษจาก Harley-Davidson ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

พบกับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย! ที่บูธ Harley-Davidson ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปีนี้ เมื่อซื้อรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider ST รุ่นปี 2024, Street Glide หรือ Road Glide ภายในงาน รับฟรีชุดระบบเสียง Rockford Fosgate ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #HDSoundofFreedom สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser Model รุ่นปี 2024 ได้แก่ Street Bob, Breakout 117, Fat Boy และ Heritage Classic รับฟรีอุปกรณ์เสริมมูลค่า 140,000 บาท

พร้อมพบกับรถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ระดับตำนาน ได้แก่ Fat Bob รุ่นปี 2024, Softail Standard และ Sport Glide ในรุ่น Collector’s Edition ที่มาพร้อมกับสติ๊กเกอร์แบบลิมิเต็ด, ใบรับรองพิเศษ, ชุดอะไหล่ และอุปกรณ์เสริมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 เท่านั้น!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Flexi Finance ได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 โดย Harley-Davidson จะอยู่ที่บูธหมายเลข M5

โรยัล เอ็นฟีลด์ ยกทัพรุ่นเก๋า Classic 350 ไว้ในงาน Bangkok International Motor Show 2025

สีสันใหม่เจิดจรัส ฟีเจอร์ที่ได้รับการอัปเดต และสไตล์ที่เหนือกาลเวลา

โรยัล เอ็นฟีลด์ (Royal Enfield) ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก ยกขบวนสีใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์อันมีเสน่ห์เหนือกาลเวลารุ่นที่ขายดีที่สุด และเป็นไอคอนของแบรนด์ นั่นคือ Classic 350 ฉบับปรับโฉมและฟีเจอร์ใหม่มาไว้ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568 ด้วยความสำเร็จอันโดดเด่นจากการคว้ารางวัลล่าสุดถึง 3 รางวัลอันทรงเกียรติจาก Bike of The Year 2025 และ 2 รางวัลอันทรงคุณค่าจาก Asia’s Prestigious Brand Honor โรยัล เอ็นฟีลด์ พร้อมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านการออกแบบเหนือกาลเวลา การขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่เข้าถึงได้ และนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมด้วยการจับมือกับแบรนด์อุปกรณ์สื่อสารอย่าง SENA 50S Mesh Communicator เป็นครั้งแรกในประเทศไทย!

โรยัล เอ็นฟีลด์ Classic 350 โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เหนือกาลเวลา ที่มาพร้อมกับสัดส่วนที่ลงตัว ทำให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์โรยัล เอ็นฟีลด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ลูกค้าชาวไทย ด้วยการออกแบบที่ไร้เทียมทาน สไตล์ที่โดดเด่น งานฝีมือที่เหนือชั้น และเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก อีกทั้งการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมสมัยใหม่และงานฝีมือแบบดั้งเดิม Classic 350 จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงทริปสั้น ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์

ภายในงานจะได้สัมผัสกับการเปิดตัวสีสันใหม่สุดตื่นตาตื่นใจสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไอคอนิกอย่าง Classic 350 ด้วยการสานต่อตำนานแห่งความสง่างามและเสน่ห์ Classic 350 จะมาพร้อมกับ 5 เฉดสีใหม่ ได้แก่ Medallion Bronze, Commando Sand, Gun Grey, Stealth Black และ Emerald โดยผสานรวมการอัปเกรดคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพอย่างลงตัว เช่น ไฟ LED รอบคัน ไฟบอกตำแหน่งเกียร์บนแผงหน้าปัด ก้านคลัตช์และเบรกที่ปรับได้เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้นและช่องชาร์จ USB Type C ในขณะที่ยังคงรักษาความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ รุ่นท็อปอย่างสี Emerald, Gun Grey และ Stealth Black จะมาพร้อมระบบนำทางTripper เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และไฟ LED รอบคัน

นอกจากนี้จะมีการเปิดตัวสีใหม่ของ Super Meteor 650 ที่ทุกคนรอคอย รถมอเตอร์ไซค์ครูซเซอร์เรือธงที่ทรงพลังและมีสไตล์ เปิดตัวสีใหม่อีก 2 สีและพร้อมที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโรยัล เอ็นฟีลด์ในเซกเมนต์ 650cc

พบกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ ที่บูธ M8 ในงาน Bangkok International Motor Show 2025 เพื่อสัมผัสเฉดสีใหม่ของ Classic 350 อย่างใกล้ชิด พร้อมพบกับความร่วมมือสุดพิเศษ Royal Enfield x SENA และเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่จะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณให้เหนือชั้น

วางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาดังนี้:

สี

ราคา (บาท)

Medallion Bronze 

147,500.-

Commando Sand 

152,500.-

Gun Grey, Stealth Black 

160,500.-

Emerald

161,500.-

“ทิม ไกเซอร์” บิด Honda CRF450R ตะลุยเกมสุดหินกดดับเบิ้ลวินเนอร์ MXGP สนาม 2 ที่โคซาร์

“ทิม ไกเซอร์”  เหมาชัยชนะ 2 เรซ ที่โคซาร์

“ทิม ไกเซอร์” ยอดนักบิดชาวสโลวเนียจาก Team HRC โชว์ศักยภาพที่เหนือชั้นของยอดรถแข่ง Honda CRF450R เหมาชัยชนะทั้ง 2 เรซ เก็บคะแนนสะสมพร้อมคว้าอันดับที่ 1 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ ในศึก MXGP 2025 สนาม 2 ที่โคซาร์ ประเทศสเปน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันเรซที่ 1 สภาพสนามสุดโหดเต็มไปด้วยโคลนลึก “ทิม ไกเซอร์” หมายเลข 243 คว้า Honda CRF450R แสดงสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่งควบคุมเรซนี้เอาไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเกม ขึ้นรั้งอันดับที่ 1 ตามมาด้วยทีมเมทอย่าง “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 ขึ้นรั้งในอันดับที่ 2

การแข่งขันเรซที่ 2 ออกสตาร์ตได้ไม่ดีนัก เพิ่มความท้าทายอย่างมากในเรซนี้ “ทิม ไกเซอร์” หมายเลข 243 ต้องออกแรงไล่ล่าและเก็บตำแหน่งจากคู่แข่ง ไล่ทำอันดับท่างกลางสภาพสนามที่สุดหิน ตอกย้ำความเหนือชั้นคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง ทางด้าน “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 ตามเข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 12

การเหมาชัยชนะในสนามนี้ทั้ง 2 เรซของ “ทิม ไกเซอร์” เก็บคะแนนสะสมขึ้นนำเป็นอันดับที่ 1 ในตารางแชมเปี้ยนชิพด้วยคะแนนสะสม 108 คะแนน ขณะที่ทีมเมท “รูเบน เฟอร์นานเดซ” เก็บคะแนนสะสม 53 คะแนน รั้งอยู่ในอันดับที่ 8 ของแชมเปี้ยนชิพ

ทั้งนี้ ศึก MXGP2025 สนามที่ 3 จะดวลกันต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม นี้ ในรายการ  MXGP of Europe ที่เซนต์ ฌอง ดานเจลี ประเทศฝรั่งเศส

#ThaiHonda #MotorSport #MXGP #HRC #Honda #HondaMotorcycle #CRF450R #HondaCRF

ไทยฮอนด้า ร่วมสนับสนุนงานแข่งบาสเกตบอล FIBA 3×3 Sponsor Red Bull Champions Cup 2025

การแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ชิงแชมป์โลก FIBA 3×3 Sponsor | Red Bull Champions Cup 2025

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ชิงแชมป์โลก FIBA 3×3 Sponsor | Red Bull Champions Cup 2025 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศไทย ซึ่งเป็นสนามเปิดฤดูกาล 2025 โดยมีคุณนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นตัวแทนเข้าร่วมพิธีเปิด ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือโชว์ SLAMDUNK สุดอลังการจากสองแชมป์โลก Joel Henry และ Piotr Grabowski (Garbo) ที่มาสร้างความมันส์ให้แฟนๆ แบบเต็มตา พร้อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเสริมสีสันให้โชว์สนุกยิ่งขึ้น นอกจากบาสสุดเร้าใจ ไทยฮอนด้ายังจัดบูธกิจกรรมพิเศษสำหรับชาว CUB House นำเสนอรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหลากรุ่น พร้อมเกมสนุกๆ และของรางวัลมากมาย เติมสีสันให้กับงานตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การสนับสนุนการแข่งขันระดับโลกครั้งนี้ ตอกย้ำพันธกิจของไทยฮอนด้าในการส่งเสริมวิถีชีวิตแอคทีฟและพลังของคนรุ่นใหม่ พร้อมเดินหน้าสร้างกิจกรรมที่เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์กับกีฬาอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารของไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : https://facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : https://facebook.com/HondaBigBikeTH
เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

SKILL DRIVING EXPERIENCE อบรมขับขี่ปลอดภัยให้สมาชิก สมาคมผู้สื่อข่าวฯ ปี 2568

“ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล”

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” สนับสนุนการอบรมขับขี่ปลอดภัย ให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ปี 2568 เพื่อเรียนรู้วิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่มทักษะการขับขี่ ให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ และอันตรายบนท้องถนน โดยครูฝึกมืออาชีพระดับแนวหน้าของเมืองไทย ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2568

นอกจากนี้ ยังเปิดอบรมขับขี่ปลอดภัย หลักสูตรพื้นฐาน สำหรับบุคคลทั่วไปอีก ครั้ง ในปี 2568 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ skilldriving.imc.co.th หรือ facebook.com/SkillDriving

Kid D Project ค่ายลมหายใจไร้มลทิน ประจำปี 2568

โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Kid D Project 

มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน ร่วมมือกับ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จัดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Kid D Project ภายใต้กิจกรรมค่ายลมหายใจไร้มลทิน ประจำปี 2568 ด้วยแนวคิด “ซื่อสัตย์ สร้างรับผิดชอบ รักษาสิ่งแวดล้อม” เพื่อขยายเครือข่ายเด็ก และเยาวชน โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมรวมกว่า 60 คน ณ M2 de Bangkok Hotel เมื่อวันที่ 14-15 มีนาคม 2568

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ได้ที่ lomhaijai.org dcy.go.th และ facebook.com/LomhaijaiFoundation

“ก้อง-สมเกียรติ” ฮึดคว้าอันดับ 18 โมโตจีพี สนาม 2 อาร์เจนตินา

“ซาร์โก” คว้าอันดับ 6 โมโตจีพี สนาม 2 อาร์เจนตินา

เรซนี้ “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ บิดรถแข่ง Honda RC213V ออกตัวจากกริดที่ 18 ไล่บดกับนักบิดแถวหน้าของโลกอย่างสุดมันส์ โดยพยายามหาจังหวะเร่งแซงหลายครั้งจนสามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 16 ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 18 มาครอง ด้วยเวลา 41 นาที 52.793 วินาที

ส่วนทีมเมท โยฮันน์ ซาร์โก เจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ เข้าป้ายอันดับ 6 ตามหลังผู้ชนะ 7.487 วินาที ด้าน โจอัน เมียร์ หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี คว้าอันดับ 9 ตามหลัง 15.787 วินาที และทีมเมท ลูก้า มารินี หมายเลข 10 คว้าอันดับ 10 ตามหลัง 16.025 วินาที โดยทัพนักบิดฮอนด้าเดินหน้าคว้าแต้มสำคัญอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างผลงานน่าประทับใจ ออกสตาร์ตกริด 26 ทะยานขึ้นมาถึงอันดับ 18 มีลุ้นแต้มเต็มตัว ก่อนโดนโทษ “ลองแล็ป” แต่ยังฮึดสู้บิดเข้าป้ายในอันดับ 21 ด้วยเวลารวม 32 นาที 54.214 วินาที

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคมนี้ ที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ รัฐเท็กซัส, สหรัฐอเมริกา ในรายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #HondaHRCCastrol #JM36 #LM10 #LCRHondaTeam #LCRHonda #JZ5 #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP #HondaTeamAsia #TB5 #Gonz #ArgentinaGP

ไทยยามาฮ่า เดินหน้าโรดแมป YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific 2025

ไทยยามาฮ่า พัฒนาดาวบิดเอเชียสู่เวทีระดับโลก 

หลังจาก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งขัน YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific ในปี 2024 ที่ผ่านมา ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันครบทุกสนาม ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานในการจัดการแข่งขันได้อย่างมืออาชีพ โดยมีคุณภาพเทียบเท่าระดับโลกของทีมไทย

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่าถึงรายละเอียดในครั้งนี้ว่า “ในปีที่ผ่านมา เราได้รับความไว้วางใจจาก ยามาฮ่ามอเตอร์ ให้จัดการแข่งขัน YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific ในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้นักบิดดาวรุ่งจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้พัฒนาทักษะภายใต้มาตรฐานการแข่งขันระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับโรดแมปของยามาฮ่าในการสร้างนักบิดหน้าใหม่สู่เวทีระดับสากล ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยามาฮ่าที่จะพัฒนานักบิดจากภูมิภาคนี้ให้ไปไกลในเวทีโลก

และด้วยศักยภาพ รวมถึงมาตรฐานการแข่งขันของเรา ส่งผลให้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินการในการจัดแข่งขันรายการนี้อีกครั้ง โดยไทยยามาฮ่า จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันทั้งหมด 6 สนาม ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, ประเทศญี่ปุ่น และประเทศออสเตรเลีย โดยประเดิมสนามแรกที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของทีมงานไทยที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขันระดับโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงมาตรฐานระดับโลกในการจัดการแข่งขัน และความสามารถของทีมงานไทยในการจัดการทุกรายละเอียดอย่างมืออาชีพ“

สำหรับ YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific 2025 ได้รับการตอบรับจากนักบิดดาวรุ่งจำนวน 22 คน จาก 7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศนิวซีแลนด์, ประเทศฟิลิปปินส์, ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศจีน, และประเทศเวียดนาม โดยฤดูกาลนี้จะมีการแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนาม บนสังเวียนความเร็วระดับโลก ประเดิมดวลคันเร่งสนามแรกที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 21 – 23 มีนาคม 2025 นี้

ปฏิทินการแข่งขัน YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific 2025
Round 1 : 21 – 23 มีนาคม 2025 | Chang International Circuit, Thailand
Round 2 : 27 – 28 มิถุนายน 2025 | Sports land Sugo, Japan
Round 3 : 5 – 6 กรกฎาคม 2025 | Mobility Resort Motegi, Japan
Round 4 : 6 – 7 กันยายน 2025 | Phillip Island Grand Prix Circuit, Australia
Round 5 : 3 – 5 ตุลาคม 2025 | One Raceway, Australia
Round 6 : 21 – 23 พฤศจิกายน 2025 | Chang International Circuit, Thailand

สนามแรก!!! เตรียมระเบิดศึกความเร็วที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย วันที่ 21-23 มีนาคม 2025 แฟนมอเตอร์สปอร์ตห้ามพลาด!

#Yamaha #RevYourHeart
#R3BLUCRU
#AsiaPacificChampionship2025

“ฮอนด้า” ฟอร์มเฉียบ! “ก้อง-สมเกียรติ” อัพผลงานคว้าอันดับ 17 สปรินต์ เรซ ที่ อาร์เจนตินา

 “ซาร์โก” ทะยานท็อป 4 โมโตจีพี สปรินต์ เรซ ที่ อาร์เจนตินา

ศึก อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบ “สปรินต์ เรซ” เมื่อกลางดึกวันเสาร์ที่ผ่านมา ชิงชัยทั้งสิ้น 12 รอบสนาม โดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ หมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ บิด Honda RC213V เริ่มเกมจากกริดที่ 19 ก่อนจะออกตัวไล่บดกับนักบิดแถวหน้าของโลกอย่างสุดมันส์ ขยับขึ้นคว้าอันดับ 17 ได้สำเร็จ ด้วยเวลารวม 19 นาที 58.256 วินาที

ด้านนักบิดฮอนด้าทำผลงานเยี่ยม โยฮันน์ ซาร์โก หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ คว้าอันดับ 4 ตามด้วย โจอัน เมียร์ หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ในอันดับ 8 เก็บแต้มจาก “สปรินต์ เรซ” ไปครองได้ทั้งคู่ ด้านทีมเมทอย่าง ลูก้า มารินี หมายเลข 10 จบเรซนี้ในอันดับ 13

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย ในรุ่นโมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ต้องเจอศึกหนักจากแทร็กชื้นหลังจากที่มีฝนปรอยลงมา คว้ากริดที่ 26 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 50.936 วินาที

ทั้งนี้ ศึก อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์ จะแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี เวลา 22.00 น. ต่อด้วย โมโตทู เวลา 23.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี เวลา 01.00 น. (ข้ามวันเข้าสู่วันจันทร์) ถ่ายทอดสดทาง True4U Truevision Now และ True SPOTV

แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์

“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งนักบิดไทย รุ่นโมโตทรี และนักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #HondaHRCCastrol #JM36 #LM10 #LCRHondaTeam #LCRHonda #JZ5 #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP #HondaTeamAsia #TB5 #Gonz #ArgentinaGP

ไทยคว้าเจ้าภาพต่อเนื่อง! ศึกสองล้อระดับตำนานของเอเชีย Asia Road Racing

Asia Road Racing กับ 3 อีเว้นต์สำคัญของฤดูกาล 2025

สนามช้างฯ ร่วมกับ ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง ประเทศมาเลเซีย เสิร์ฟความมันส์ระดับโลกต่อเนื่องกับการเป็นเจ้าภาพศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดได้รับความนิยมที่สุดในเอเชีย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดยสนามช้างฯ เป็นเจ้าภาพ 3 อีเว้นต์สำคัญทั้งออฟฟิเชียล เทสต์, สนามที่ 1 และสนามสุดท้าย ฉลองแชมป์ เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมกีฬา สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ

งานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 จัดขึ้นวันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่ ซี อาเซียน รัชดา ชั้น 10 อาคาร CW Tower กรุงเทพ นำโดย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต, มร.รอน ฮ็อก ประธาน ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน, พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาคเอกชน ได้แก่ นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, รวมถึง นายณัฐชัย ศรีโสวรรณา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานวางแผนองค์กร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และนายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด รวมทั้งนักบิดชื่อดังของไทยที่ลงแข่งขันและทัพสื่อมวลชนเข้าร่วมงานมากมาย

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เปิดเผยว่า หลังจากจบการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้นในประเทศไทยอย่างประสบความสำเร็จสูงสุด สนามช้างฯ ร่วมกับพันธมิตรเดินหน้าเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกต่อเนื่อง ด้วยรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดของเอเชีย รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 พร้อมจับมือพันธมิตรถ่ายทอดสดผ่านสื่อดังหลากหลายแพลตฟอร์มสู่ผู้ชมทั่วโลก

“การเป็นเจ้าภาพกีฬาสำคัญๆ นั้นมีมูลค่าแฝงในภารกิจมากมาย ทั้งการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมกีฬาไทย ในแง่การแสดงศักยภาพการบริหารจัดการอีเว้นต์กีฬาระดับโลก การสร้างชื่อเสียง-เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และที่ผ่านมาสนามเจ้าภาพจะได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ด ต่อยอดนักบิดระดับแชมป์ประเทศไทยในรายการ BRIC Superbike มาลงแข่งขันในระดับเอเชีย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่เป็นบันไดต่อยอดความสำเร็จของนักกีฬาไทย อันเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างนักกีฬาระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม”

มร.รอน ฮ็อก ประธาน ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน จากประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง เป็นรายการแข่งขันที่เข้มข้นและมีผู้ติดตามมากที่สุดในเอเชีย รวมดาวบิดชั้นนำของทวีป จากมหาอำนาจของวงการกีฬาแข่งขันรถจักรยานยนต์จากชาติต่างๆ ถึง 17 ประเทศ ฤดูกาล 2025 จัดขึ้นทั้งสิ้น 6 สนาม 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, และ จีน (รอยืนยัน) โดยคณะทำงานได้เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ 3 อีเว้นต์สำคัญประจำฤดูกาลอีกครั้ง ได้แก่ ออฟฟิเชียล เทสต์ หรือรอบทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 23 เมษายน 2568 ต่อด้วยสนามที่ 1 เปิดฤดูกาล วันที่ 25 – 27 เมษายน และสนามสุดท้ายปิดฤดูกาลและฉลองแชมป์กันในประเทศไทย วันที่ 5 – 7 ธันวาคม 2568 แน่นอนว่า 2 สนามที่จัดในประเทศไทย จะถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันของปี นั่นทำให้ประเด็นเรื่องสภาพอากาศจะช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการแข่งขัน

“จากความสำเร็จของฤดูกาลที่ผ่านมา มีเบื้องหลังความสำเร็จจากการทำงานอย่างหนักของทุกฝ่าย โดย สนามช้างฯ ประเทศไทยมีระบบนิเวศทางมอเตอร์สปอร์ตที่สมบูรณ์พร้อมสนามหนึ่งของโลก ทั้งระบบการจัดการแข่งขันทุกส่วนใช้มาตรฐานสากล เรซ ไดเรกเตอร์, มาร์แชล, กรรมการ ฯลฯ และยังใช้ประสบการณ์จากการจัดโมโตจีพีมาพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกๆ ปี ดังนั้น การปักหมุด สนามช้างฯ ประเทศไทยสู่ปฏิทินการแข่งขันของศึกชิงบัลลังก์ความเร็วเอเชีย เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของการจัดการแข่งขันในช่วงตลอด 11 ปีที่ ผ่านมาก็ว่าได้ สุดท้ายแล้วความตั้งใจของเราในปีนี้คือการขยายฐานแฟนคลับของรายการให้ได้กระจายสู่วงกว้างมากที่สุด”

นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หลังจากจบการแข่งขันระดับโลกอย่าง โมโตจีพี สนามแรกของฤดูกาล 2025 ก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ใหม่ ในระดับเอเชีย โดย “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ได้เตรียมกิจกรรมพิเศษไว้ให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ ในแคมเปญ “Chang’s Friend Pass” สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชม รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 ถ่ายรูปคู่กับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้างและบัตรเข้าชมการแข่งขัน โพสต์ลงเฟซบุ๊คของตัวเอง เขียนบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #Chang’sFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram โดยเปิดเป็นสาธารณะ พร้อมทั้ง Capture ภาพที่โพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวส่งมาที่ Inbox เพจ Chang Circuit Buriram มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรเข้าชมการแข่งขันโมโตจีพี แบบ VIP ในปี 2026 โดยจัดให้ชมในโซนพิเศษ (VIP Lounge) บริเวณ โค้ง 12 ที่เป็นไฮไลท์ก่อนเข้าเส้นชัย พร้อมเพิ่มความพิเศษในปีนี้กับบัตรทัวร์กิจกรรมพิเศษ Paddock Raffle การทัวร์ Paddock โดย Official Guide เปิดโอกาสให้ผู้โชคดีได้เยี่ยมชมพื้นที่บริเวณต่างๆ, บริเวณ TV Compound, และโซนอื่นๆ ในบริเวณ Paddock อีกมากมาย และบัตรร่วมกิจกรรม PIT Lane Walk มูลค่ารางวัลรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท

CHIIN PHOTOGRAPHY

การแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ จะดวลความเร็วทั้งสิ้น 4 รุ่นได้แก่ เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี และ อันเดอร์โบน 150 ซีซี โดยมีนักแข่งไทยเข้าร่วมแข่งขันมาร่วมในงานแถลงข่าว ได้แก่ รุ่นเอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์, รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี นำโดย “ตี” อนุภาพ ซามูล จากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง- ทีม ที่หวนคืนสังเวียน เอเชียอีกครั้ง รวมทั้งนักบิดจากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว, “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร, “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ และรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม

แฟนความเร็ว ซื้อบัตรเข้าชมได้แล้ววันนี้ ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา ติดตามรายละเอียดส่วนลดจากผู้สนับสนุนอื่นๆได้ในเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับชมผ่านระบบออนไลน์ ไลฟ์สตรีมมิ่งของเพจ Chang Circuit Buriram, เพจ Asia Road Racing Championship รวมถึงเพจและยูทูบ PPTV SPORTS ชมการถ่ายทอดสดทั้งในประเทศและเอเชีย โดยประเทศไทยรับชมผ่านช่อง PPTV HD 36, ต่างประเทศรับชมผ่านช่อง SPOTV, ช่อง Astro Arena, ช่อง Star Sports และช่อง Fox Sport

SNNP จับมือ PTG จัดแคมเปญพิเศษ เติมสุขทุกเส้นทาง แจกขนม “โลตัสขาไก่” ที่ปั๊ม PT ทั่วประเทศ

PTG แจกขนม “โลตัสขาไก่” ที่ปั๊ม PT ทั่วประเทศ

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) และ นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี (PTG) ร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษแจก “โลตัสขาไก่” สำหรับสมาชิก Max Card เพียงเติมน้ำมัน PT ชนิดใดก็ได้ครบ 500 บาท รับน้ำดื่มขวดใหญ่ ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 1 ขวด และถ้าเติมน้ำมันครบ 1,000 บาท จะได้รับขนมขาไก่โลตัส ขนาด 50 กรัม มูลค่า 12 บาท ฟรีอีก 1 ซอง และทุกการเติมน้ำมัน 900 บาท ถัดไป จะได้รับน้ำดื่มเพิ่มอีก 1 ขวด เพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสุข ความสดชื่น และความอร่อย ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2568 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด