Miller ฟอร์มฮอต กดเวลา 1:20.481 FP1 Sachsenring

Jack Miller #43 จาก Pramac Yamaha MotoGP กดเวลา 1:20.481 นาที รั้งรองจ่าฝูงในรอบ FP1 ของ GermanGP ที่ Sachsenring โดยห่างจากผู้นำเพียง 0.109 นาที ด้าน Fabio Quartararo #20 จาก Monster Energy Yamaha MotoGP เวลา 1:21.016 นาที อยู่ในอันดับ 8 ส่วน Miguel Oliveira #88 เวลา 1:21.090 นาที อันดับ 10 และ Alex Rins #42 เวลา 1:21.478 นาที อันดับ 18
.

Zarco 1:20.880 ซ้อมแรก Sachsenring

การแข่งขัน MotoGP สนาม 10 รายการ Liquid Moly Grand Prix of Germany ณ Sachsenring ประเทศเยอรมัน ในรอบ FP1 นั้น Johan Zarco #5 จาก Castrol LCR Honda ทำเวลา 1:20.880 นาที อยู่ในอันดับที่ 4 ด้านคู่หูนักบิดจาก HRC MotoGP นั้น Joan Mir #36 ทำเวลา 1:21.014 นาที อันดับที่ 7 และ Luca Marini #10 เวลา 1:21.441 นาที เป็นอันดับที่ 17
.

“ตี” อนุภาพ 1:55.700 Practice2 Motegi

การแข่งขันรายการ Asia Road Racing Championship 2025 สนาม 3 ที่ Mobility Resort Motegi ประเทศญี่ปุ่น ในรอบ Practi1 ของรุ่น SS 600 “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 จาก Yamaha Thailand Racing Team ทำเวลา 1:56.143นาที อยู่ในอันดับที่ 9 ใน Practice2 นั้น เวลาของ “ตี” 1:55:700 นาที อยู่ในอันดับที่ 8
และ Pracice3 เวลา 1:55.103 นาทีเป็นอันดับที่ 7

.
#YamahaThailandRacingTeam #YamahaRacing
#AsiaRoadRacingChampionship2025

#AsiaRoadRacingChampionship2025

“ตี-ไอเดีย” พร้อมเต็มร้อย ! บู๊ศึกชิงแชมป์เอเชียสนาม 3 โมเตกิ

“ตี” อนุภาพ ซามูล และ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ สองนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เผยความพร้อมล่าสุดก่อนดวลศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 3 ชี้เป็นครั้งแรกกับ โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทำงานหนักร่วมกับทีมเพื่อลุ้นล่าผลงานสุดสัปดาห์นี้

ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 เตรียมดวลความเร็วสนาม 3 ระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคมนี้ ที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ต โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งใช้รองรับศึก โมโตจีพี ด้วย

ล่าสุด 2 นักบิดชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม อย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี และ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี พร้อมด้วยทีมงานได้เดินทางถึงสนามเพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว และเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่จะได้ลงแข่งในสนามแห่งนี้ จึงถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมากของทั้งคู่

“ตี-อนุภาพ” ที่คว้าโพเดียม 3 เรซล่าสุดติดต่อกัน รั้งรองจ่าฝูงในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี โดยมีคะแนนตามหลังหัวแถวเพียง 4 แต้ม กล่าวก่อนเข้าสู่การแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ว่า

“เป็นครั้งแรกของผมกับการแข่งขันที่ โมเตกิ ครับ แทร็กนี้เป็นสนามที่ต้องใช้เบรกหนัก เน้นเปิดคันเร่งออกจากโค้ง ผมไม่เคยขี่ที่นี่มาก่อน แต่ทีมงานของเรามีความเป็นมืออาชีพสูงมาก สามารถหาข้อมูลดาต้าต่าง ๆ ช่วยให้มีแนวทางในการขับขี่ และเราจะมาหาเซ็ตติ้งที่ลงตัวที่สุดกันอีกทีระหว่างการซ้อมทั้ง 3 ช่วง”

“ส่วนสภาพร่างกายตอนนี้สมบูรณ์เต็มร้อย อาการบาดเจ็บข้อมือไม่น่าเป็นห่วงครับ อาจจะต้องเน้นเรื่องของการดื่มน้ำและเพิ่มพลังงานก่อนซ้อม หรือก่อนลงสนาม เพราะอากาศร้อนมาก อาจจะทำให้เสียเหงื่อเยอะและเพลีย แต่เป้าหมายเราเหมือนเดิม ทำงานทีละขั้นเพื่อผลงานที่ดีที่สุดครับ”

ด้าน “ไอเดีย-กฤตภัทร” กล่าวว่า “จากสนามแรกที่ บุรีรัมย์ มาถึงสนามล่าสุดที่ เซปังฯ ผมรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการจัดการกับแรงกดดันและการควบคุมไลน์ในการชิงจังหวะต่อสู้กับคู่แข่ง ผมเริ่มเข้าใจการวางแผนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขี่เร็วอย่างเดียว แต่ต้องขี่ให้ฉลาดด้วย นั่นคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และยกระดับให้ได้อย่างต่อเนื่อง”

“สำหรับ โมเตกิ ที่กำลังจะแข่งในสุดสัปดาห์นี้ ผมตั้งใจจะนำประสบการณ์จากสองสนามก่อนหน้ามาใช้ให้เต็มที่ ทั้งเรื่องการอ่านไลน์ การรักษาความสม่ำเสมอ และการตั้งเป้าเก็บแต้มให้ได้ต่อเนื่องครับ เพราะเป้าหมายของผมคือพัฒนาให้เร็วขึ้นทุกสนาม ไม่ใช่แค่แข่งให้จบครับ เกมในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 มีความดุเดือดของการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นจึงต้องโฟกัสกับการขับขี่และแผนของตัวเองให้ดีที่สุด”

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 3 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมในวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายและดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคมนี้ ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ ถ่ายทอดสดทาง เฟซบุ๊ก Asia Road Racing Championship

—————————-
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2025 #TheBlueShif #YamahaR6 #AS51 #YamahR3 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

BIG MOTOR SALE 2025 วันมหกรรมขายรถยนต์ &มอเตอร์ไซค์ 22-31 สิงหาคม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศพร้อมจัดงานใหญ่ BIG MOTOR SALE 2025 วันมหกรรมขายรถยนต์ &มอเตอร์ไซค์ ภายใต้คอนเซ็พท์ “เราจะยกโชว์รูม มาขายที่นี่!” โดยร่วมกับผู้ประกอบการรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จัดทัพผลิตภัณฑ์ล่าสุดร่วมงานเนืองแน่น จัดใหญ่.. ฉลองปีที่ 12 ของการจัดแสดงงาน พร้อมอัดโปรโมชั่นหลากหลาย ความบันเทิงครบครัน เพื่อร่วมผลักดันตลาดยานยนต์ประเทศไทยในช่วงกลางปี

นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป และ ประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2025  หรือ BIG MOTOR SALE 2025   เผยว่า ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ถือเป็นสื่อกลางในการช่วยสนับสนุนแบรนด์สินค้าและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เพิ่มโอกาสขายในช่วงกลางปีให้มีมากขึ้น นับตั้งแต่ปีแรก 2014 มาจนถึงปีที่ 12 นี้ ยังคงยืนยันว่าการขายรถยนต์ได้ 1 คัน สามารถสร้างมูลค่าต่อเนื่องให้ธุรกิจอื่นอีกมากมาย การจัดงานในแต่ละปีเราจึงมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศงานให้คึกคัก เป็นมหกรรมขายรถยนต์ &มอเตอร์ไซค์ สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์หลากหลายทั้งที่เปิดตัวใหม่และรุ่นยอดนิยม มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวน ทุกช่องทางอย่างเต็มที่ อาทิ

  • โฆษณาผ่านป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ 35 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมเนื้อที่โฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดทั้งหมดในการนี้ถึง 6,963 ตารางเมตร
  • โฆษณาผ่านจอ LED ขนาดใหญ่อีก 10 จอ ในตัวกรุงเทพฯ ชั้นใน
  • โฆษณาผ่านท้ายรถประจำทาง ทั้งหมด 550 คัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
  • โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ของยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ทั้งหมด (bigmotorsale/ยานยนต์กรุ๊ป/นักเลงรถกระบะ/นักเลงมอเตอร์ไซค์) โดยซื้อบูสท์โพสต์เต็มอัตราทั้งก่อนงานและระหว่างงาน
  • จัดพิมพ์บัตรอภินันทนาการ บัตรฟรี โดยสั่งพิมพ์ที่ สยามสปอร์ต ซินดิเคท (มหาชน) ด้วยจำนวนถึง 4,000,000 ฉบับเพื่อมอบแก่ผู้สนใจเข้าชมงานอย่างทั่วถึง ผ่านพันธมิตรภาคธุรกิจ หน่วยงาน และ ผู้ประกอบการต่างๆ
  • จัดให้มีการถ่ายทอดบรรยากาศในงานผ่านสถานีโทรทัศน์ 9MCOT HD ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 00 – 15.00 น.
  • เปิดให้สื่อมวลชนสายยานยนต์ สายเศรษฐกิจ และสายสังคมธุรกิจได้ลงทะเบียนเข้าร่วมชมและนำเสนอข่าวสารต่างๆ ในงาน โดยเริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติเมื่อปี 2567 มีผู้สื่อข่าวสนใจลงทะเบียนและเข้าทำข่าวในงานเป็นจำนวน 597 คนจาก 294 สำนักข่าวสารเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ”

“ยิ่งไปกว่านั้นในปีที่ 12 นี้ ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท คอร์โนแอนด์ แนช จำกัด ในเครือ สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด ผู้จัดงาน BANGKOK AUTO SALON และ บริษัท ทีเอ็มเอฟ จำกัด มอบความคุ้มค่าให้แก่คนไทย โดยจัดงานต่อเนื่องกันถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการยานยนต์ที่จะรวมทั้ง รถบ้าน รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ตกแต่งรถโมดิฟายด์ระดับเวิลด์คลาสมาอยู่ร่วมกันใต้ชายคาเดียว”

โดยทั้ง 2 งานมีข้อแตกต่างและสร้างจุดสนใจให้กับผู้เข้าชมงานในแต่ละรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน เพื่อประโยชน์ของผู้เข้าชมจะได้เลือกสรรสิ่งที่ถูกใจที่สุด นั่นคือ

  • BIG MOTOR SALE 2025 เป็นมหกรรมขายรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในแบบ “ยกโชว์รูมมาไว้ที่นี่”   เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าพร้อมแค็มเปญน่าสนใจ มีทั้งรถใหม่และรถยูสด์คาร์พรีเมี่ยมตลอดจนมอเตอร์ไซค์หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานอย่างจุใจ วันแสดงงาน : 22 – 31 สิงหาคม 2568 
  • BANGKOK AUTO SALON 2025 เป็นงานแสดงและจำหน่ายเฉพาะรถที่ผ่านการตกแต่งโมดิฟายด์เพื่อเพิ่มความสวยงามเตะตาหรือเพิ่มพลังรวมทั้งจำหน่ายอุปกรณ์การตกแต่งและอุปกรณ์ที่ใช้กับ   ยานยนต์แบบเหนือมาตรฐานจากโรงงาน วันแสดงงาน : 27 – 31 สิงหาคม 2568

BIG  MOTOR  SALE 2025 เปิดให้เข้าชมงานตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 – วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2568 (วันธรรมดา 12.00 น. – 21.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 11.00 น. – 21.00 น.) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้พิการ ผู้อาวุโส อายุ 60 ปีขึ้นไป นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ เด็กๆ ความสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าชมฟรี…และยินดีต้อนรับน้องหมาน้องแมวในรถเข็น

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/bigmotorsale.yanyont

“ชิพ-นครินทร์” กับ 3 สนามประสบการณ์ล้ำค่า และความท้าทายของ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

“ชิพ-นครินทร์” ยอดนักบิดไทย หมายเลข 41 ที่ได้รับโอกาสครั้งสำคัญเข้าร่วมการแข่งขันศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นจำนวน 3 สนามติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน, ออโตโดรโม อินเตอร์นาซินาเล เดล มูเจลโล ประเทศอิตาลี และล่าสุดคือ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่เคยได้รับโอกาสลงแข่งขันในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ในรุ่น “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” แบบเต็มฤดูกาล 2 ปี (2017-2018) ติดต่อกันมาแล้ว

ด้วยผลงานยอดเยี่ยมใน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง ชนะการแข่งขันจาก 2 เรซแรก นอกจากนี้ยังสร้างผลงานคว้าแชมป์มากมายในระดับเอเชีย และระดับประเทศ อาทิ มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์, บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ รวมถึงมีชื่อเข้าร่วมแข่งขันในศึก ซูซูกะ 8 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ 2025 ร่วมกับ “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสติโม” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันระดับโลกที่รวมนักแข่งแถวหน้าของโลกไว้มากมาย

ในการแข่งขัน “ชิพ-นครินทร์” แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่ยอดเยี่ยมกับรถแข่ง โมโตทู โดยสามารถยกระดับเข้าไปหากลุ่มได้อย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ลงสนาม สร้างความประทับใจให้กับต้นสังกัดอย่าง “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” จากเดิมที่แม้จะตามคู่แข่งร่วม 3 วินาทีต่อรอบในสนามแรก แต่ล่าสุดสามารถลดช่องว่างเหลือต่ำกว่า 2 วินาที และทำเวลาต่อรอบใกล้เคียงทีมเมทชาวญี่ปุ่นอย่าง ยูกิ คูนิ อย่างมาก

“ชิพ-นครินทร์” ยอดนักบิดไทย กล่าวว่า “ผมดีใจมากครับกับโอกาสครั้งนี้ ที่ได้กลับไปแข่งขันใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อีกครั้ง การลงบิดในรุ่น โมโตทู เป็นอีกหนึ่งความฝันและถือว่าทำมันได้สำเร็จแล้ว นี่คือ 3 สนามที่ล้ำค่ามากๆ ในอาชีพนักแข่ง ผมได้เรียนรู้และใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับตัวเองทีละขั้น ขอบคุณ ไทยฮอนด้า และ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กับโอกาสครั้งนี้ครับ ผมพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองและเตรียมร่างกายให้พร้อมเสมอหากได้รับโอกาสครั้งต่อไป เพื่อมอบผลงานให้แก่แฟนๆ ชาวไทย และเป็นต้นแบบให้กับน้องนักแข่งรุ่นต่อๆ ไป ครับ” นักบิดไทยเผย

“ไทยฮอนด้า” มุ่งมั่นพร้อมผลักดันนักแข่งไทยและสานต่อการพัฒนานักแข่งรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทยสู่เวทีโลก ร่วมส่งแรงใจเชียร์นักบิดไทยให้สร้างผลงานในระดับโลกไปด้วยกัน เพราะแรงใจจากชาวไทยถือว่าสำคัญต่อนักกีฬาไทย

แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #AragonGP #ItalianGP #DutchG

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” คว้าอันดับ 17 เรซสุดหินครั้งแรกในชีวิต “จูเนียร์จีพี” สนาม 3 ที่ ฝรั่งเศส

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 85 จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ต่อสู้สุดความสามารถใน ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนาม 3 ดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิต แม็กนีย์-คูร์ส ประเทศฝรั่งเศส

ดาวรุ่งชาวไทยได้ออกตัวจากกริดที่ 22 กับการลงแข่งขันในสนามนี้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นกับนักบิดดาวรุ่งแถวหน้าของโลก ก่อนนักบิดไทยจะเข้าเส้นชัยในอันดับ 17 ด้วยเวลารวม 14 นาที 57.186 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 31.470 วินาที เก็บประสบการณ์ล้ำค่าจากสนามสุดหินแห่งนี้ซึ่งมีอนาคตเส้นทางสู่ โมโตจีพี เป็นเป้าหมายสำคัญ

ทั้งนี้ ศึก เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคมนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศ สเปน

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #JuniorGP #Maikiw #Maikiw85 #KS85

ย้อนรอย 70 ปี จากจุดเริ่มต้นของด์ยามาฮ่า แบรนด์เครื่องดนตรีที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จนเป็นผู้นำของแบรนด์มอเตอร์ไซค์ชั้นนำของโลก

บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ได้กำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2498 ในปีนี้จึงเป็นปีครบรอบที่ 70 ปี ของการก่อตั้งบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ กับจุดเริ่มเรื่องราวของ “ยามาฮ่า” โดย มร.เกนอิจิ คาวาคามิ ประธานบริษัท นิปปอน กักกิ รุ่นที่ 4 บริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรีเบอร์ 1 ของประเทศญี่ปุ่นที่มีประวัติมาอย่างยาวนานจากการก่อนตั้งของ มร.โทรากุสึ ยามาฮ่า ในการผลิตออแกน และเปียนโน ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และได้ก่อตั้งบริษัท นิปปอน กักกิ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2430 จนผลัดสู่การบริหารงานของ มร.เกนอิจิ คาวาคามิ ที่มีความสนใจในการมองหาโอกาสทางธุรกิจในอนาคต และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานอยู่เสมอ ด้วยความชื่อชอบ และหลงไหลในรถมอเตอร์ไซค์ชนิดที่ว่าเข้าเส้น จากความเชื่อนั้น เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์ ในฐานะกิจการใหม่ ควบคู่ไปกับธุรกิจการผลิตเครื่องดนตรี

เมื่อโลกเข้าสู่สภาวะสงคราม จนก่อตัวเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัท ห้างร้านต่างๆ ภายในประเทศญี่ปุ่นได้ถูกรัฐบาลบังคับให้เปลี่ยแปลงการผลิตทุกอุตสหกรรมให้เป็นการผลิตยุธภัณฑ์ทางการทหาร ซึ่งในเวลานั้น บริษัท นิปปอน กักกิ ได้เป็นผู้เป็นผู้ผลิตใบพัดไม้ และโลหะสำหรับเครื่องบิน การเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์จึงเป็นส่วนหนึ่งในการประยุกต์ใช้อุปกรณ์เครื่องจักรกลของ บริษัทให้เกิดประโยชน์ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองปกติสุขหลังจากสภาวะสงครามโลกได้สิ้นสุดลง

ในช่วงเวลานั้น มร.เกนอิจิ คาวาคามิ จึงได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างเต็มตัวจากที่ได้ค้นคว้า และประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่ ด้วยการสร้างประโยชน์อันสูงสุดจากเครื่องจักรผลิตใบพัดเครื่องบินที่มีอยู่ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลระบบการออกใบอนุญาตขับขี่ครั้งใหญ่ โดยมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางกันมากขึ้น ซึ่งในขณะนั้นได้มีบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ภายในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 180 ราย ที่เปิดตัวธุรกิตมาก่อน แต่ นิปปอน กักกิ ได้เดินเกมด้วยวิศัยทัศน์ และการประเมินความสามารถทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ของบริษัท จึงไม่ได้เพียงแต่วางเป้ามหายไว้เป็นเพียงแบรนด์ชั้นนำภายในประเทศ หากแต่บริษัทนั้นตั้งเป้าหมายไปเป็นแบรนด์ระดับโลกให้ได้ พร้อมกับคำประกาศไว้ว่า “สิ่งใดที่ไม่ได้มีคุณภาพระดับโลก สิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นสินค้า” และ “ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเป็นที่สุด” นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทายของธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งเป็นความทะเยอทะยานอย่างยิ่งใหญ่ และน่าจับตามองในเวทีโลก

การเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์นั้น บริษัท นิปปอน กักกิ ได้ดำเนินงานเป็นโปรเจคลับ โดยมีการดำเนินการ และพัฒนาด้วยบุคคลากรทีมีจำนวนจำกัด โดยมี มร.เกนอิจิ คาวาคามิ และคณะวิศวกรผู้บุกเบิก ได้ร่วมกันผลิตรถจักรยานยนต์คันแรกออกมาจากการถอดแบบของรถจักรยานยนต์จากเยอรมันตะวันตก ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกอย่าง DKW RT125 จนเป็นต้นกำเนิดของจักรยานยนต์รุ่นแรกของยามาฮ่าในรุ่น YA-1 และทีมพัฒนายังคงมุ่งมั่นทดสอบ เจ้า YA-1 คันนี้อย่างต่อเนื่อง และได้ทำการเปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ ขนาด 125 ซีซี และพัฒนาเป็นเกียร์แบบ 4 สปีท เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาของญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ระบบสตาร์ทด้วยเท้า (คิกสตาร์ท) เป็นพื้นฐานเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร คือคันเกียร์ และคันสตาร์ทเท้าถูกออกแบบให้อยู่บนแกนเดียวกัน ในรูปแบบการจัดวางอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อกับสีสันที่ล้ำสมัย และโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศกับการออกแบบสีของรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า YA-1 ด้วยสีแดงเลือดหมู ตัดกับสีขาวของงาช้าง เป็นทูโทนที่โดดเด่นจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก (ซึ่งในสมัยนั้นรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะเน้นการใช้งานในลักษณะทั่วไป และใช้ขนส่งสินค้า จึงนิยมออกแบบตัวรถเป็นสีดำ หรือสีเข้ม ที่ช่วยซ่อนคราบสกปรก) และด้วยเหตุนี้ ตัวรถที่เพรียวบาง สีสันสดใสของ YA-1 จึงโดดเด่นตัดกับบรรยากาศของเมืองที่ดูไร้สีสัน และยังคงทิ้งร่องรอยจากสงคราม จนผู้คนพากันเรียกกันว่า ” Akatombo ” หรือ “แมลงปอแดง”

โดยยามาฮ่า YA-1 ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2498 ทว่าหลังจากนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในปีเดียวกันนั้นเอง โดยเป็นการแยกธุรกิจรถจักรยานยนต์ออกจาก บริษัท นิปปอน กักกิ และก่อตั้งกิจการเป็นอิสระ โดยในปีแรกของการก่อตั้ง ยามาฮ่า มอเตอร์ ได้ครองตำแหน่งสูงสุดในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และแม้จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใหม่ที่สุด ชื่อเสียงของบริษัท ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ฐานเงินเดือนของบัณฑิตจบใหม่ในประเทศญี่ปุ่น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน แต่ราคาของ YA-1 ซึ่งสูงถึง 138,000 เยน ถือเป็นยานยนต์ที่มีราคาสูงเกินกว่าที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้ แต่อย่างไรก็ตาม YA-1 กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และสามารถทำยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นถึง 11,000 คัน ตลอดระยะเวลาสามปีของการผลิต

และนี่คือต้นกำเนินอันยิ่งใหญ่ของ “ยามาฮ่า” แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีต้นกำเนินมาถึง 70 ปี กับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของคุณภาพของสิงค้า เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งต่อมายังปัจจุบัน

#YamahaDay2025 #Yamaha #ยามาฮ่า #70ปียามาฮ่า

ไทยฮอนด้า โชว์สปิริตขนทัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมขบวน ‘LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ไทยฮอนด้า ขนทัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: โชว์สปิริตร่วมขบวน ‘LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025’ ท่ามกลางสายฝน รวมทั้งหมดกว่า 50 คัน เป็นอีกปีที่เข้าร่วมขบวนเพื่อสร้างพลังไพรด์อันยิ่งใหญ่ในการสนับสนุนความเสมอภาค เฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมพร้อมประกาศใช้ในประเทศไทย นำทีมโดย ‘คุณนคร วิมลจิตรสอาด’ ผู้จัดการทั่วไปสายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด พร้อมกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เหล่า Biker และ Lady Biker ตัวแทนสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทยมาร่วมแสดงพลังในขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้

สำหรับในปีนี้ ทางไทยฮอนด้าได้นำเสนอสีสันสร้างพลังแห่งความหลากหลายผ่านคอนเซปต์ ‘Honda Pride Ride’ โดยนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: ร่วมขบวน LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025 ที่ยาวที่สุดในเอเชีย สนับสนุนความเสมอภาค เฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมพร้อมประกาศใช้ในประเทศไทย เป็นการสะท้อนจุดยืนของไทยฮอนด้า ในการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและการเป็นตัวตนของทุกคนในสังคม

โดยขบวน LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025 ครั้งนี้ เริ่มต้นจากสนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย ไปจนถึงศูนย์การค้าเอ็ม สเฟียร์ รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร แม้ในช่วงเวลาของขบวนจะมีสายฝนโปรยปรายลงมา แต่ผู้ร่วมขบวนทุกคน ยังคงแสดงพลังสปิริตอย่างเต็มที่เพื่อส่งต่อพลังแห่งไพรด์ ผ่านยานยนต์พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นและแรงบันดาลใจที่สะท้อนพลังของการยืนหยัดเพื่อความเท่าเทียมได้อย่างชัดเจน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
#HondaPrideRide #ThaiHonda
#LOVEPRIDEPARADEBKK2025 #PRIDEMONTH
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HowWeMoveYou

ดูคาติ แต่งตั้ง เอเอเอส กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ดูคาติ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดูคาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 การแต่งตั้งในครั้งนี้เป็นผลมาจากกระบวนการคัดเลือกอย่างรอบคอบ และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลยุทธ์การเติบโตของดูคาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เอเอเอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของปอร์เช่และเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้กลุ่มโฟล์คสวาเกนมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี และได้รับการยอมรับในด้านการมอบประสบการณ์ลูกค้าระดับพรีเมียมและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พร้อมทั้งมีแผนการตลาดและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

มาร์โค บิออนดิ รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทดูคาติ กล่าว:

“พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเอเอเอส กรุ๊ป เข้าสู่ครอบครัวดูคาติในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ในการดูแลแบรนด์ยานยนต์ระดับโลก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เรามั่นใจว่า เอเอเอส กรุ๊ป จะสามารถยกระดับแบรนด์ดูคาติในตลาดประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าลูกค้าดูคาติจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากความร่วมมือครั้งนี้”

บิออนดิ ยังได้กล่าวขอบคุณพันธมิตรเพิ่มเดิมด้วยว่า:
ในนามของดูคาติ ผมขอขอบคุณบริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด อย่างจริงใจ สำหรับความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และความเป็นเลิศตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา พวกเขามีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับดูคาติในประเทศไทย”

คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการณ์​ ส่วนจักรยานยนต์ เอเอเอส กรุ๊ป กล่าว:
เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากดูคาติในการแต่งตั้งให้เราเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ชัดเจนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าและการเติบโตของแบรนด์ ด้วยความพร้อมทั้งด้านการตลาด การขาย การบริการหลังการขาย และการพัฒนาบุคลากร เรามั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าดูคาติในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมร่วมมือกับทีมงานของดูคาติ เอเชียแปซิฟิก ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับชุมชนดูคาทีสต้า (Ducatisti)”  คุณอนุวัชร กล่าวเพิ่มเติมว่าเราจะประกาศการเปิดโชว์รูมแฟลกชิพแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับโชว์รูมและศูนย์บริการที่เปิดดำเนินงานอยู่แล้วทั่วประเทศไทย”

เอเอเอส กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์หรูระดับโลกในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2529 และสร้างมาตรฐานใหม่อย่างต่อเนื่องในด้านยอดขาย การบริการลูกค้า และการตลาด ด้วยความมุ่งมั่นในคุณภาพและความเป็นเลิศ การร่วมมือกับดูคาติในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของเอเอเอสฯ ในการขยายพอร์ตธุรกิจไปสู่กลุ่มรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูงระดับโลก

“ก้อง-สมเกียรติ” สวมหัวใจนักสู้! แซงท้ายเรซ คว้าแต้มประวัติศาสตร์

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้าแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ไม่ยอมแพ้! สู้สุดความสามารถไล่แซงคู่แข่งท้ายเรซ เข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 10 ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ปลดล็อคคว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับตนเองได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนผ่านมา ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

ศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ นับเป็นสนามที่พิสูจน์การทำงานอย่างหนักของ “ก้อง-สมเกียรติ” อย่างแท้จริง แม้จะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่นักบิดไทยก็ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยออกตัวจากกริดที่ 22 ไล่ขึ้นมาจบเรซในอันดับ 15 ด้วยเวลา 41 นาที 3.291 วินาที เพียงพอให้คว้าแต้มแรกของตัวเองในเวทีสูงสุดของโลกได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี

ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ จบเรซในอันดับที่ 12 ด้วยเวลา 40 นาที 38.947 วินาที และ“อเลช เอสปาร์กาโร” นักบิดทดสอบชาวสแปนิช หมายเลข 41 ที่ลงบิดแทน “ลูกา มารินี” ในสนามนี้ จบเรซอันดับที่ 16 ด้วยเวลา 41 นาที 3.432 วินาที ส่วน “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ไม่จบการแข่งขัน

ขณะที่รุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พยายามอย่างเต็มที่ แต่โชคร้ายพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคมนี้ ที่ ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ในรายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #AE41 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP

คาวาซากิบุกเชียงใหม่เปิดทัพรถใหม่เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ

คาวาซากิ ชวนแอ่วเหนืออีกครั้ง กับงาน Kawasaki Good Times Trail งานแข่งออฟโรดสุดมัน กับทางสุดโหด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พร้อมขนทัพรถใหม่สายทางฝุ่นไปเปิดกันที่ในงานถึง 4 รุ่น สำหรับสายลุยตัวจริง ได้แก่ KLX230 ABS, KLX230 SE ABS, KLR650 ABS และ KLR650 ADV ABS ตามด้วยกิจกรรมทดสอบขับขี่รุ่นใหม่ แถมด้วยการประกาศราคาใหม่สุดเร้าใจของ KLX230 Sherpa ตอกย้ำแคมเปญ Trail Time Begins ได้เวลาออกไปลุย!
KLX230 ABS & KLX230 SE ABS – โฉมใหม่ ขี่มันกว่าเดิม
สองรุ่นยอดนิยมจากตระกูล KLX ถูกอัปเกรดใหม่ให้ตอบโจทย์สายลุยยุคใหม่แบบจัดเต็ม!
KLX230 ABS (STD) สี Lime Green
KLX230 SE ABS   สี Ebony/ Neon Green
จุดเด่นหลัก:
ด้วยแรงบันดาลใจจากตระกูลสนามอย่าง KX ส่งผลให้ภาพลักษณ์มีความดุดันแต่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัว
ระบบเบรก ABS เปิด-ปิดได้ทั้งล้อหน้าและหลัง – ควบคุมความปลอดภัยได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งทางเรียบและออฟโรด
เฟรมและซับเฟรมดีไซน์ใหม่เพิ่มระยะยุบโช๊คอัพ – ซับแรงได้มากกว่า ลุยได้ลึกขึ้น ยังคงความนุ่มนวลให้ทุกการขับขี่
ระยะยุบ รุ่น STD หน้า 240 มม. หลัง 250 มม. ระยะยุบ รุ่น SE หน้า 220 มม. หลัง 250 มม.
โช๊คอัพหน้า Upside down ในรุ่น SE สำหรับการขับใช้งานที่ต้องการการดูแลที่มากกว่า
สวิงอาร์มอะลูมิเนียมในรุ่น STD ที่ให้น้ำหนักที่เบาขึ้นอีกถึง 1.2 กก.
ความสูงเบาะเตี้ยลง 880 มม. (รุ่น STD)  และ 875 มม. (รุ่น SE) พร้อมดีไซน์ใหม่แบบ KX – นั่งกระชับ ควบคุมง่าย เปลี่ยนท่านั่งขับขับขี่ได้อย่างง่ายดาย
เอกลักษณ์น้ำหนักเบาเพียง 133 กก. (รุ่น STD) และ 136 กก. (รุ่น SE) – ให้ผ่านทุกอุปสรรค์ได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
แม่ปั๊มเบรกหลังออกแบบใหม่ ให้บำรุงรักษาได้ง่ายยิ่งขึ้น และน้ำหนักเบาลง อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ต เช่นเดียวกับที่อยู่ใน KLX230R
เชื่อมต่อ Rideology The App ได้ – ติดตามข้อมูลรถแบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน
โดยทั้งสองรุ่นนี้ เปิดตัวราคาขายปลีกเท่ากันที่ 131,900 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 5,000 บาทฟรีประกันรถหาย (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
KLR650 ABS & KLR650 ADV ABS – พันธุ์แกร่ง ข้ามทุกพรมแดน!
สำหรับสายเดินทางไกลหรือแอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่ KLR650 ยังคงเอกลักษณ์ความแข็งแรงและความทนทาน พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์เพื่อการเดินทางอย่างไร้ขีดจำกัด
             
KLR650 (STD) สี Metallic spark black
KLR650 ADV สี Metallic matte dark green
จุดเด่นหลัก:
เครื่องยนต์สูบเดียว ทอร์คแน่น – ให้แรงบิดมหาศาลตั้งแต่รอบต่ำ
ความทนทานระดับตำนาน – พร้อมเผชิญทุกสภาพอากาศและภูมิประเทศ
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ – วิ่งได้ไกลกว่าโดยไม่ต้องจอดเติมบ่อย
เวอร์ชั่น ADV มาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุด – ทั้งกระเป๋าข้าง, การ์ดแฮนด์, และไฟเสริม
KLR650 เปิดตัวราคาขายปลีกที่ 237.900 บาท เปิดรับจอง พร้อมส่งมอบเดือนตุลาคม 2568
KLR650 ADV เปิดตัวราคาขายปลีกที่ 268,400 บาท พร้อมส่งมอบทันที
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 8,000 บาท  ฟรีประกันภัยชั้น 1 (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
KLX230 Sherpa คู่ใจนักเดินทาง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติ Super Sherpa นับได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้มาอย่างยาวนานด้วยเป็นรถที่มีประวัติยาวนานมากว่าทศวรรษ และในปีนี้ Kawasaki ได้กลับมาสืบทอดแนวคิดนี้จนออกมาเป็น KLX230 Sherpa ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
KLX230 Sherpa มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 233 ซีซี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 134 กก. เบาะนั่งต่ำ เพียง 845 มม. ให้ความมั่นใจแก่นักเดินทาง พร้อมระบบเบรก ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ทั้งหน้าและหลัง เพื่อความคล่องตัวในการขับขี่ที่หลากหลาย การเชื่อมต่อผ่าน Rideology the app เพื่อการเข้าถึงตัวรถที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น สีและลายสไตล์เอิร์ธโทนสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ พร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งติดรถให้คุณพร้อมออกไปลุยได้ทันที
และในวันนี้ คาวาซากิปรับลดราคาเอาใจสายเข้าป่า จากเดิม 159,000 บาท เหลือเพียง 136,900 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 5,000 บาท ฟรีประกันรถหาย (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
เข้าเยี่ยมชมและสัมผัสกับรถจริง พร้อมทดสอบขับขี่ได้ที่โชว์รูมคาวาซากิทั่วประเทศ
ติดตามเราได้ที่
Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7