ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต มอบทุนการศึกษากว่า 1.3 ล้านบาท

ไทยฮอนด้า ส่งเสริมการศึกษาเยาวชนไทยสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย สนับสนุนการศึกษาและพัฒนาเยาวชนไทย ด้วยการมอบทุนการศึกษามูลค่ารวม 1.3 ล้านบาท ภายใต้โครงการ ‘ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต’ ให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีและขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยได้มอบให้แก่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 150 ทุน ในระดับมัธยมศึกษา มูลค่า 600,000 บาท และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาที่เรียนดี ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในระดับอุดมศึกษา จำนวน 23 ทุน มูลค่า 730,000 บาท เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ไทยฮอนด้า ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในการพัฒนาอนาคตของชาติ การมอบทุนการศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของบริษัทฯ ในการสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาตนเองและนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศต่อไป ทั้งนี้ ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนทางการศึกษานี้จะเป็นแรงผลักดันให้เยาวชนไทยสามารถก้าวสู่อนาคตที่สดใสและประสบความสำเร็จในชีวิต”
สำหรับโครงการ ‘ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต’ ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการฯ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะพร้อมทั้งตัวแทนนักเรียนผู้ได้รับทุนเข้ารับมอบจำนวน 150 ทุน และในระดับอุดมศึกษาได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จำนวน 23 ทุน เป็นการมอบทุนการศึกษาแบบต่อเนื่องจนจบการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่มีศักยภาพ แต่ขาดโอกาสทางการศึกษาให้ได้นำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศต่อไป
ติดตามโครงการต่างๆ ของไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : https://facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : https://facebook.com/HondaBigBikeTH
เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

สมาคมรถโบราณ จัดขบวนพาเหรด ร่วมงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38

ขบวนพาเหรดรถโบราณ และ รถคลาสสิค

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค ทรงคุณค่า 12 คัน ร่วมพิธีเปิด งานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38 ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568

เชิญชมภาพรถโบราณในงาน พระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38 เพิ่มเติมได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub

ROYAL ENFIELD GUERRILLA 450 “กองโจร” ชนเผ่าจากแอฟริกา

ROYAL ENFIELD GUERRILLA 450

ROADSTER STYLE ออกแบบในแนวคิด กับกลุ่ม เกอร์ริล่า “กองโจร” ชนเผ่าจากแอฟริกา Royal Enfield Guerrilla 450 (รอยัล เอ็นฟิลด์ เกอร์ริล่า 450) รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกที่ถูกสร้างสรรค์มาให้สามารถขับขี่ได้อย่างสนุกสนานในทุกๆ วัน ตามแนวคิด Pure Motorcycling อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Royal Enfield

SHERRRPA
เครื่องยนต์ของ Royal Enfield Guerrilla 450 ใช้เครื่องยนต์ Sherpa 450 แบบ 1 สูบ DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 452cc มอบพละกำลังสูงสุด 40.02 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แมนนวล คลัตช์มือ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ โดยเครื่องยนต์มีพื้นฐานเดียวกับ Himalayan 450 แต่มีการปรับจูนรายละเอียดใหม่ ให้มีแรงบิดช่วงต้นที่มากขึ้น บิดติดมือมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับระบบสลิปเปอร์คลัทช์

Guerrilla 450 ได้ถูกปรับให้เข้ากับผู้ขับขี่ ถูกสร้างมาเพื่อนักขับขี่ทุกคนในทุกระดับของประสบการณ์การขี่ โดยให้ความคล่องตัวสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในรอบความเร็วใดก็ตาม ท่าทางการขี่ที่ตั้งตรง ความสูงของเบาะนั่งที่ไสตล์เอเชีย และแชสซีที่ตอบสนองเป็นพิเศษ ทำให้รถคันนี้เป็นรถที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกวัน กับการใช้งานในเมือง หรือเดินทางไกล ถังน้ำมันดีไซน์เรียวกระชับ ความจุอยู่ที่ 11 ลิตร

Guerrilla 450 เน้นการออกแบบให้เรียบง่ายแต่โดดเด่น มีกลิ่นอายความเป็นเน็กเก็ดไบค์ ร่างเปลือยโชว์สัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรงพร้อมเหลี่ยมและมุมที่สมบูรณ์แบบ ให้ภาพลักษณ์ความเป็นรถจักรยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ไฟหน้าทรงกลม ไฟท้ายดีไซน์เป็นชิ้นเดียวกับไฟเลี้ยว ใช้เป็น LED รอบคัน หน้าจอเรือนไมล์แบบจอสี TFT ทรงกลมขนาด 4 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 2 แบบ พร้อมให้โหมดการขับขี่ ECO / PERFORMANCE แอนด์เดิ้ลบาร์ปีกนก สวิตช์สตาร์ท และ เปิดไฟหน้า สูง/ต่ำ ดีไซน์ย้อนยุคแบบโลเลอร์

ช่วงล่างโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโกปิกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มม. มาพร้อมกับยางหุ้มโช้ค ระยะยุบ 140 มม. ล้อหน้าใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ชนิดไม่มียางใน รัดด้วยยางบล็อคแพทเทิ้ลขนาด 120/70 R17 มาพร้อมกับระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 310 มม. คาลิเปอร์เบรก 2 พอร์ท พร้อมระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ล้อหลังอัลลอย 17 นิ้ว ยางขนาด 160/60-17 ดิสก์เดี่ยว 270 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว

ฟิลลิ่ง การขับขี่
มาถึงการขับขี่ลองของจริงกันหน่อยสิว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง กันรถกองโจร ว่าจะปราดเปรียวเฟี้ยวขนาดไหน ก่อนอื่นมาเรื่องของไรดิ้งโพลสิชั่นกันก่อน ท่านั่ง ให้ความสบายดีนะ นั่งได้หลังตรงไม่ก้ม ระยะแฮนด์ปรับเข้าหาตัวแขนไม่ตึง เบาะกว้าง พักเท้าใหญ่ว่างได้มั่นคงดี ขาเกียร์ ขาเบรก วางตำแหน่งให้ใช้งานได้สะดวก ทั้งหมดนั้นทำให้การควบคุมง่าย ถึงแม้ว่าความกว้างของแฮนด์จะยาวไปสักนิด และวงเลี้ยวก็กว้างไปหน่อย หักแฮนด์ได้น้อย การซิกแซกในช่องทางแคบต้องคำนวณ และตั้งลำดีๆ ผ่านได้ไม่ยาก

เครื่องยนต์ Sherpa 450 แบบสูบเดี่ยว 4 วาล์ว 40 แรงม้า สำหรับเครื่องตัวนี้ให้ แรงบิด แรงทอร์ค ที่ดีในช่วงต้น และกลาง ออกตัวได้เร็ว กระแทกคันเร่งแรงๆ มีหน้าลอย อัตราทดเกียร์ ไม่สั้น ไม่ยาว จนเกินไปถือว่ากำลังดีเลยนะ แต่ละเกียร์รับกันต่อเนื่องไม่มีติดขัด มีระบบสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยให้การลดเกียร์แบบรวบได้ง่าย ช่วงความเร็วปลายๆ อาจจะต้องลากกันยาวหน่อย ไหลไปเรื่อยๆ 160+ กม./ชม. การสั่นสะท้านมันเรื่องปกติสำหรับรถสูบเดี่ยวในความเร็วที่เกิน 120 กม/.ชม. แต่ต้องบอกว่าการพัฒนาเฟรม และเครื่องยนต์แบบแขวน ของโรยัล เอนฟิลด์ ทำได้ดี การให้บูทยางรองที่จุดยึดต่าง ลดการสั่นสะเทือนไม่เยอะ

ช่วงล่าง เกทับ ในคลาสเดียวกันมาพร้อมกับแบนรด์ SHOWA แกนโช้คหน้าใหญ่ ให้ความนุ่มหนึบ อันนี้ถือว่าดีอย่างเห็นได้ชัดลดการสะเทือนขึ้นถึงมือน้อยลง ระยะยุบให้มาถึง 140 มม. แต่โช้คอัพหลังถึงจะเป็นการซับแรงสองชั้นแบบกระเดื่อง มันยังรู้สึกกระด้างอยู่บ้าง ยางหน้า 120/70-17 ยางหลังใหญ่ 160/60-17 หน้าว้างให้การสัมผัสถนนได้เยอะ ถึงหน้ายางจะเป็นแบบ บล็อกแพทเทิ้ล ถึงออฟโรด ก็ถือว่ายังเกาะถนนได้ดี

ดิสก์เบรก นี่ก็จัดหนักแบบ คู่แข่งอายไปเลยในคลาส 400-500 ซีซี ดิสก์หน้า 310 มม. สายเป็นถักสแตนเลสด้วยมันช่วยลดการบวมของยางแบบยาง กดสั่งได้หนึบจริง มี ABS ให้ด้วย ใช้งานหนักๆ หรือกะทันหัน มีการตอดขึ้นที่นิ้วเหมือนกัน ดิสก์เบรกหลัง 270 มม. นี่ก็ให้มาใหญ่กว่าชาวบ้าน ไม่ต้องเหยียบลงหนักมาก คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวขนาดใหญ่เอาอยู่

สนใจก็ไปดูตัวจริง หรือ บางดีลเลอร์อาจมีรถให้ลองขับขี่ ลองเปิดใจสักครั้ง…เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี มันก้าวทันกันแล้ว
ราคาเริ่มต้น 179,900 บาท สำหรับสี Mirage Silver

183,900 บาท สำหรับสี Playa Back และ 185,900 บาท สำหรับสี Brava Blue / Yellow Ribbon

ไทยฮอนด้า สานต่อกิจกรรม “สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 20

เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเยาวชนที่สามารถรวมพลังแห่งความสามัคคี

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สานต่อกิจกรรม “สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 20 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเยาวชนที่สามารถรวมพลังแห่งความสามัคคีและฝึกฝนจนสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ด้วยความเร็วสูงสุด โดยรอบชิงแชมป์ประเทศไทยประจำปีการศึกษา 2567 จัดขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์)
ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงการแข่งขันในครั้งนี้ว่า “กีฬาวิ่ง 31 ขา ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเยาวชนให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังปลูกฝังทักษะการทำงานเป็นทีม ความเสียสละ ความมุ่งมั่น และการมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ ไทยฮอนด้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในด้านพลังกาย พลังใจ และความสามัคคี”

“การแข่งขันครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาเยาวชนผ่านกิจกรรมกีฬา โดยเสริมสร้างทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิด และทักษะการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวไปเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าของประเทศ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน ไทยฮอนด้าได้จัดกิจกรรม สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 20 มีเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันแล้วกว่า 490,000 คน และยังคงได้รับความสนใจจากโรงเรียนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี โดยรอบชิงแชมป์ประเทศไทยในวันนี้ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันจะเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจของเยาวชนสืบไป”

สำหรับการแข่งขันวิ่ง 31 ขา สามัคคี ในปีนี้ มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 200 ทีม โดยคณะกรรมการได้คัดเลือกนักกีฬาเป็นรายจังหวัด ที่ทำเวลาดีที่สุดจำนวน 20 ทีม จาก 4 ภาค ทั่วประเทศ

โดยกติกาการแข่งขันเบื้องต้น ดังนี้ แต่ละทีมต้องประกอบด้วยนักกีฬาตัวจริง 30 คน โดยมีหัวหน้าทีม 1 คน พร้อมนักกีฬาสำรอง 4 คน และครูผู้ฝึกซ้อม 1-3 คน นักกีฬาทั้ง 30 คนต้องผูกขาติดกันและร่วมกันวิ่งเข้าเส้นชัยในระยะทาง 50 เมตร โดยอาศัยพลังของความสามัคคี การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ที่มีผลมาจากการฝึกฝนที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง

สรุปผลการแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทยในปีนี้
อันดับ 1: โรงเรียนบ้านริมใต้ จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนโดย บริษัท นัติมอเตอร์ จำกัด ทำเวลา 8.64 วินาที
อันดับ 2: โรงเรียนบ้านละหานทราย (คุรุราษฎร์บำรุงวิทยา) จังหวัดบุรีรัมย์ สนับสนุนโดย บริษัท บุรีรัมย์ยนตรการ จำกัด ทำเวลา 8.83 วินาที
อันดับ 3: โรงเรียนอามานะศักดิ์ (A) จังหวัดปัตตานี สนับสนุนโดย บริษัท อริยะมอเตอร์ จำกัด ทำเวลา 8.91 วินาที

ทั้งนี้ กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี ถือกำเนิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2538 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและฝึกฝนทักษะการทำงานเป็นทีมให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษา จนกลายเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย ซึ่งกีฬานี้ได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 2548 โดยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน และต่อมา บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขยายการแข่งขันสู่โรงเรียนทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม ฝึกฝนความอดทน ความมุ่งมั่น การมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเติบโตเป็นบุคคาลกรและผู้นำที่มีคุณภาพในอนาคต

ติดตามความเคลื่อนไหว และผลการแข่งขัน “สพฐ.-ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ได้ที่ www.facebook.com/honda31legs

#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ไทยฮอนด้า รับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก สอศ.

ไทยฮอนด้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาทักษะเยาวชนไทย

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย นำโดย ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เข้ารับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณภาคีเครือข่ายภาคเอกชน จาก นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ครั้งที่ 33 ซึ่งจัดขึ้น ณ เวทีโดมอเนกประสงค์ วิทยาลัยเทคนิคตรัง จังหวัดตรัง เมื่อเร็วๆ นี้

รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีทักษะที่พร้อมต่อยอดสู่อนาคต โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะด้านเครื่องยนต์เล็กแก๊สโซลีน ทักษะด้านเครื่องยนต์อเนกประสงค์ และทักษะการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับนักเรียนอาชีวศึกษา และเตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงานต่อไป นอกจากนี้ ไทยฮอนด้ายังคงเดินหน้าสนับสนุนองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อันเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ แก่นักเรียนอาชีวศึกษา และคุณครูผู้ชนะจากการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับชาติ ครั้งที่ 5 ที่ไทยฮอนด้าได้ร่วมกับ สอศ. เพื่อสานต่อภารกิจลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย ได้ที่
เว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th
แฟนเพจเฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand
และฝึกคาดการณ์อุบัติเหตุ ช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนนได้ที่ : HondasafetyAPT.com

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

IRC ยางรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ โชว์เทคโนโลยียางรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ ยางอุตสาหกรรม ในงาน FTI EXPO 2025

ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก 

บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC บริษัทร่วมทุน ไทย-ญี่ปุ่น กว่า 55 ปีในการนำความปลอดภัยสู่ผู้ขับขี่ในประเทศไทยและนานาชาติ ด้วยเทคโนโลยีทุกมิติ ของการขับขี่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางนอก ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงมาตรฐานระดับโลก ผ่านการจัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนในงาน ‘FTI EXPO 2025 : Empowering Thai Industry, Elevating Thailand’s Future เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน’ โดยบูธของ IRC จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “IRC 55 ปี แห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน”

นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “IRC มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมประเทศไทย ผ่านการพัฒนานวัตกรรมยางและผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงที่สอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยและนานาชาติ การที่ภาคการผลิตในประเทศขยายตัว ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม IRC พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตไปสู่เวทีโลก ผ่านการนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG”

ภายในบูธของ IRC ได้จัดแสดงนวัตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IRC Green Tube ยางในแห่งอนาคต ที่ผลิตจากยางธรรมชาติและวัสดุที่ยั่งยืน ยาง IZ Series ยางรถจักรยานยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย ยางที่ใช้ในการแข่งขันประเภทต่างๆ ยาง on-off road, ยางวิบาก (Motocross) ยางวีลแชร์สำหรับแข่งขัน ยางสำหรับแข่งขันจักรยานระดับโลก ไปจนถึงยางสำหรับพื้นถนนที่มีหิมะ ที่เป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกันในกลุ่มบริษัทที่ขยายกิจการไปมากกว่า 40 ประเทศ
นอกจากนี้ IRC ยังได้แสดงผลิตภัณฑ์จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่าง พื้นยางนวัตกรรม Vi-Pafe ยางรองรางรถไฟฟ้า และเสาจราจรล้มลุกจากยางธรรมชาติ พร้อมจัดแสดงรถประหยัดพลังงานที่ชนะการแข่งขันกิจกรรม Honda Eco Mileage Challenge 2025 และเครื่อง Riding Trainer ที่ได้รับความร่วมมือจากไทยฮอนด้า เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้เข้าชมงานอีกด้วย
“IRC เป็นยางรถจักรยานยนต์มีชื่อเสียงมากจากประเทศญี่ปุ่นที่นำความปลอดภัยบนท้องถนนสู่ผู้ขับขี่ในไทยมายาวนานกว่า 55 ปี เราให้ความสำคัญกับการวิจั และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานเสมอมา และยังคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) จากการได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) การรับรองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีคุณค่าต่อสังคม จากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Award และได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงผ่านการประเมิน CGR (Corporate Governance Report) ระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ)  นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ IRC ให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง” นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้าย

Kawasaki เซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์
กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมมีตติ้งสำหรับชาวคาวาซากิ กับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 1 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ จ.นนทบุรี ครั้งนี้คาวาซากิจึงขนขบวนยกทัพมาเอาใจแฟนสายเขียวแถบภาคเหนือ พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน
จบไปแล้วกับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งล่าสุด ที่พาไปจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ภายในงานมีกิจกรรมบนเวทีมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความสนุกสนาน แถมของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน พร้อมดนตรีฟังสบายท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน
นอกจากนี้ในงานคาวาซากิยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLX230 Sherpa รถจักรยานยนต์ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่ Kawasaki ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007  คำว่า Sherpa คือ คำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัย และชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน “จากเมืองสู่ธรรมชาติ” ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA
พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 134 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Rideology the App ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย
และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งานได้อีกด้วย สำหรับสีที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยคือ Medium Smoky Green สีเขียวเอิร์ธโทน สุดเท่
KLX230 Sherpa มาพร้อมกับราคาขายปลีกแนะนำที่159,000 บาท และพิเศษโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวกับคูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี
พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.kawasaki.co.th/th/motorcycle/klx230-sherpa
ติดตามเราได้ที่
Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7

โรยัล เอ็นฟีลด์ ย้ำความเชื่อมั่น แก่ผู้ขับขี่ด้วยบริการหลังการขาย

โรยัล เอ็นฟีลด์ เผยโครงการส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อ

โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc-750cc) เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านการบริการหลังการขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมทั้งริเริ่มโครงการใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ราบรื่นและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

ล่าสุด Royal Enfield ได้เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ศูนย์ฝึกอบรม “POWERTRAIN” นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกอบรมเชิงเทคนิคในห้องเรียน โดยเน้นไปที่ทีมช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ รวมถึงที่ปรึกษาการบริการ ผู้จัดการฝ่ายบริการ ผู้จัดการรับประกันและอะไหล่ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่ครบครันด้วยรถจักรยานยนต์รุ่นปัจจุบันและเครื่องยนต์เฉพาะรุ่นสำหรับการฝึกใช้งานจริ

นอกจากการฝึกอบรมเชิงเทคนิคแล้ว ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ยังมีระบบการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยในการฝึกอบรมออนไลน์และการสนับสนุนการประเมินรถตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันทั้งปี  มากไปกว่านั้นศูนย์แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการฝึกอบรมด้านการขายและการตลาดให้กับดีลเลอร์และพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย

ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติงานที่เป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์ และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ โดยโรยัล เอ็นฟีลด์ได้จัดโครงการ Supersquad สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นการแข่งขันทักษะประจำปีในหมู่ช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ทั่วภูมิภาค เพื่อทดสอบความสามารถด้านเทคนิค การแก้ไขปัญหา และการประเมินสภาพรถ โดยมีช่างเทคนิคจำนวน 314 คนจาก 11 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน และผู้ชนะในแต่ละประเทศจะเข้าร่วมแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ณ ประเทศไทย

โครงการ Supersquad ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการยกระดับความสามารถทางเทคนิคและมาตรฐานการดำเนินงาน โดยการให้โอกาสแก่เหล่าช่างเทคนิคในการแสดงความเชี่ยวชาญของตน งานนี้ได้เสริมสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น และความภักดีในกลุ่มลูกค้าทั่วโลกของโรยัล เอ็นฟีลด์ นอกจากนี้ ผู้ชนะและรองชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลและของที่ระลึก เพื่อเฉลิมฉลองการมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์

การแข่งขัน Supersquad 2025 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของโรยัล เอ็นฟีลด์ที่มุ่งมั่นในการเสริมพลังให้กับทีมงานบริการ และการกำหนดมาตรฐานใหม่ในความเป็นเลิศทางเทคนิค โดยการรวมผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภูมิภาคและส่งเสริมการเติบโตในวิชาชีพ กิจกรรมนี้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการมอบมาตรฐานการบริการที่ไม่มีใครเทียบได้

โรยัล เอ็นฟีลด์ ขอแสดงความยินดีแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน รวมถึงผู้ชนะและรองชนะเลิศสำหรับความสำเร็จอันยอดเยี่ยมใน Supersquad 2025 ความมุ่งมั่นและทักษะของพวกเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจและยกระดับตำนานความเป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์

Supersquad 2025 เป็นเวทีกำหนดมาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของโรยัล เอ็นฟีลด์ โดยส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด ช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้กับดีลเลอร์และผู้จัดจำหน่าย ส่งต่อความไว้วางใจและความพึงพอใจของลูกค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้เข้าร่วมยังได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริการขั้นสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพการบริการที่มีประสิทธิภาพ ยืนยันความเป็นผู้นำของโรยัล เอ็นฟีลด์ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม

โดยล่าสุด ช่างเทคนิคจากเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ช่างเทคนิคจากประเทศไทยได้รับรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ทั้งสองท่านจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการแข่งขัน Supersquad 2025 ระดับโลกที่ประเทศอินเดียในอนาคต โครงการนี้มุ่งเน้นในการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ “First Time Right” และ “Reasonable Service Time” ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของโรยัล เอ็นฟีลด์ในการมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งในตลาดหลักทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้ดียิ่งขึ้น

ปิดฉากประทับใจ! “โมโตจีพี” เทสต์สนั่นโลก

 “มาร์เกซ” เร็วที่สุด ThaiGP Pre-Season Test

 ซูเปอร์สตาร์นักบิดโมโตจีพี” ดวลความเร็ว “ThaiGP Pre-Season Test” เข้มข้น ผลปรากฏว่า มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกจาก ดูคาติ ผงาดรั้งจ่าฝูงเหนือน้องชายอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยจาก ฮอนด้า ทำงานอย่างหนักหลังบิดทั้งสิ้น 131 รอบสนาม ยกระดับได้ยอดเยี่ยม ก่อนเปิดฤดูกาล โมโตจีพี 2025 ที่ประเทศไทย ในศึก “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์” 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคมนี้

การทดสอบพรีซีซั่นอย่างเป็นทางการของศึก โมโตจีพี 2025  ThaiGP Pre-Season Test” จบลงอย่างเป็นทางการ หลังผ่านการทำงานอย่างหนักของทีมแข่ง วิศวกร และนักบิดทุกคน ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ผลการทดสอบปรากฏว่า “มาร์ค มาร์เกซ” แชมป์โลกชาวสแปนิชจาก ดูคาติ เลอโนโว ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 28.855 วินาที หลังวิ่งไปทั้งสิ้น 156 รอบสนาม ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยยังไม่สามารถทำลายสถิติเดิม 1 นาที 28.700 วินาที ของทีมเมทอย่าง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ลงได้ ส่วนอันดับ 2 เป็นของ “อเล็กซ์ มาร์เกซ” นักบิดสแปนิชจาก เกรซินี เรซซิ่ง ตามหลัง 0.179 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ “มาร์โก เบซเซ็คคี” นักบิดอิตาเลียนจาก อพริเลีย เรซซิ่ง ตามหลัง 0.205 วินาที

ส่วน “เปโดร อคอสต้า” นักบิดดาวโรจน์ชาวสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง จบการทดสอบครั้งนี้ในอันดับ 4 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.133 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.278 วินาที ด้าน “ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า” แชมป์โลก 2 สมัย ยังไม่ลงตัวมากนัก รั้งอันดับ 5 ด้วยเวลาสต่อรอบ 1 นาที 29.378 วินาที ตามหลังทีมเมทอย่าง มาร์ค มาร์เกซ 0.523 วินาที

ขณะที่ “โจอัน เมียร์” ชาวสแปนิชจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี คาสตรอล ส่งสัญญาณยอดเยี่ยม ขยับขึ้นมารั้งท็อป 6 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.399 วินาที บีบระยะเข้าไปหาหัวแถวเหลือ 0.544 วินาที ตามด้วย “ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี” นักบิดอิตาเลียนจาก เปอร์ตามิน่า เอ็นดูโร วีอาร์46 เรซซิ่ง ในอันดับ 7 ตามหลัง 0.599 วินาที

ส่วน “ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร” แชมป์โลก 1 สมัยชาวฝรั่งเศสจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี จบการทดสอบครั้งนี้ในอันดับ 8 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.586 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.731 วินาที ตามด้วย “มาเวริค บีญาเลส” นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม เทคทรี ตามหลัง 0.751 วินาที และอันดับ 10 เป็นของ “แจ็ค มิลเลอร์” นักบิดออสเตรเลียนจาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี ตามหลังหัวแถว 0.762 วินาที

สำหรับนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ทำงานกับทีมและวิศวกรของ ฮอนด้า อย่างหนัก จบการทดสอบครั้งนี้ด้วยอันดับ 20 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.465 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 1.610 วินาที หลังจากที่ลงบิดไปทั้งสิ้น 131 รอบสนาม

ด้านรุกกี้ที่ผลงานดีที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ได้แก่ “ไอ โอกูระ” นักบิดชาวญี่ปุ่นจาก แทร็คเฮาส์ เรซซิ่ง ภายใต้รถแข่งอพริเลีย รั้งอันดับ 11 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.636 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.781 วินาที ตามด้วย “เฟร์มิน อัลเดเกร์” นักบิดดาวรุ่งชาวสแปนิชจาก เกรซินี เรซซิ่ง ในอันดับ 18 ตามหลัง 1.230 วินาที

ทั้งนี้ หลังจบภารกิจการทดสอบ ThaiGP Pre-Season Test”อย่างเป็นทางการของ โมโตจีพี 2025 บรรดานักบิดพรีเมียร์คลาสทุกคน จะมีเวลาพักราว 2 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่การแข่งขันสนามแรกของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคมนี้ ในศึก “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยรองรับการแข่งขันสนามแรกของศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก

ยามาฮ่าเชิญสาวกชาวยามาฮ่าไรเดอร์สคลับ และชาวยามาฮ่าคลับกระทบไหล่ 4 นักบิดระดับโลกอย่างใกล้ชิด

ยามาฮ่า Exclusive Meet & Greet

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร มร.ฮิเดฮิโกะ ทาคากิ รองประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ และถ่ายรูปร่วม ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร #FQ20 อเล็กซ์ รินส์ #AR42 นักแข่งจากสังกัด มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพีทีม และ แจ็ค มิลเลอร์ #JM43 มิเกล โอลิเวียรา #MO88 นักแข่งจาก พรีมาพรามัค ยามาฮ่า ในงานเอ็กซ์คลูซีฟ มีทแอนด์กรี๊ด 4 นักแข่งระดับโลก

โดยในกิจกรรมนี้ยามาฮ่าเปิดให้ลูกค้ายามาฮ่าไรเดอร์สคลับ และลูกค้ายามาฮ่าคลับ ได้ลงทะเบียนลุ้นเข้าร่วมกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ มีทแอนด์กรี๊ด จำกัดสิทธิ์ 200 ท่าน เข้ากระทบไหล่อย่างใกล้ชิด พร้อมลุ้นรางวัล Lucky draw และล่าลายเซ็น กับ 4 นักแข่งระดับโลกที่เดินทางมาร่วมการทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขันประจำปี 2025 ณ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์

สำหรับกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ มีทแอนด์กรี๊ด กระทบไหล่ 4 นักแข่งชั้นนำระดับโลกในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และอบอุ่นที่ โชว์รูมจำหน่ายรถบิ๊กไบค์ YAMAHA RIDERS’ CLUB ถ.ประเสริฐมนูกิจ เมื่อเร็วๆ นี้

—————————–
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP25
#YamahaFactoryRacingTeam
#MonsterEnergyYamahaMotoGP #FQ20 #AR42
#PrimaPramacYamaha
#JM43 #MO88

พีที สเตชั่น จัดแคมเปญมอบของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “พวงกุญแจ ThaiGP 2025” เอาใจสมาชิกบัตร PT Max Card

“พวงกุญแจ ThaiGP 2025” ให้กับสมาชิกบัตร PT Max Card ได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก

นายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที ในกลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) พร้อมผู้บริหาร ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก หรือ โมโตจีพี 2025 ซึ่งประเทศไทยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในการเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 ในการเปิดฤดูกาลการแข่งขันประจำปีนี้ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆชาวไทยและทั่วโลก

ทั้งนี้ พีที สเตชั่น ได้จัดแคมเปญมอบของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “พวงกุญแจ ThaiGP 2025” ให้กับสมาชิกบัตร PT Max Card ได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก เพียงเติมน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิด ครบ 1,000 บาท หรือ เมื่อเติมน้ำมันดีเซล ครบ 1,200 บาท รับทันทีพวงกุญแจ ThaiGP 2025 จำนวน 1 ชิ้น (มูลค่า 159 บาท) ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 – วันที่ 9 มีนาคม 2568 หรือจนกว่าของจะหมด

เฮต่อเนื่อง! ทัพใหญ่ นักแข่ง-รถแข่ง “โมโตจีพี” ถึงบุรีรัมย์แล้ว

 พร้อมประเดิมศึก “ Pre-Season Test” 12-13 ก.พ.นี้

หลังจากจบกิจกรรม Season Premiere ที่กรุงเทพแบบสุดตระการตา ประทับใจแฟนความเร็วทั่วโลกไปแล้ว ทัพนักบิด MotoGP ระดับบิ๊กเนมของโลกนำโดย ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า จากอิตาลี เจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย , มาร์ค มาร์เกซ ดีกรีแชมป์โลก 8 สมัย และขบวนตู้คอนเทนเนอร์ทีมแข่งชุดสำคัญเดินทางถึงจังหวัดบุรีรัมย์เรียบร้อยแล้ว ด้านจังหวัดบุรีรัมย์ ซักช้อมความเข้าใจโค้งสุดท้ายกับหน่วยราชการ-เอกชน-ภาคประชาชนในพื้นที่ เปิดประตูเมืองต้อนรับ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สนามแรก ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” โดยในช่วงวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นการประเดิมทดสอบสนามก่อนเปิดฤดูกาลหรือ Pre-Season Test ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมสำคัญที่แฟนความเร็วทั่วโลกต่างให้ความสนใจ

ความเคลื่อนไหวการจัดการแข่งขัน “โมโตจีพี” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพสนามแรกของฤดูกาล ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” ตามกำหนดการในสัปดาห์นี้ จะเข้าสู่โปรแกรมทดสอบสนามก่อนเปิดฤดูกาลหรือ “พรี-ซีซั่น เทสต์” ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ และ สนามที่ 1 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ล่าสุด ทัพใหญ่นักบิด MotoGP ระดับบิ๊กเนมของโลกเดินทางถึงจังหวัดบุรีรัมย์ เรียบร้อยแล้ว โดยลงเครื่องในช่วงบ่ายวันนี้ ที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อำเภอสตึก นำโดย ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ชาวอิตาลี เจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย , มาร์ค มาร์เกซ ดีกรีแชมป์โลก 8 สมัย จากดูคาติ, โจอัน เมียร์ และลูก้า มารินี จากฮอนด้า , ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเล็กซ์ รินส์ คู่หูจาก ยามาฮ่า, แจ็ค มิลเลอร์ และ มิเกล โอลิเวียร่า คู่หูจาก พรามัค ยามาฮ่า, มาร์โก เบซเซคคี จาก อพริเลีย, มาเวริค บีญาเลส จาก เคทีเอ็ม ฯลฯ  รวมทั้งคณะนักแข่ง-ทีมแข่งและทีมงานดอร์น่าสปอร์ต ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแฟนคลับ และชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่จัดชุดการแสดงที่งดงาม เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก

พร้อมกันนี้ยังมีการนำตู้คอนเทนเนอร์ชุดสำคัญ ประกอบด้วย รถแข่งโมโตจีพี ของนักบิดดาวดัง รวมทั้งรถของ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” หมายเลข 35 จากฮอนด้า พร้อมอุปกรณ์จัดการแข่งขัน ได้เดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มาถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยทุกฝ่ายเร่งระดมกำลังจัดการอย่างเต็มที่ เพื่อก้าวสู่สัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์ มอเตอร์สปอร์ตโลกที่จะระเบิดศึกบนผืนแผ่นดินไทยอย่างดีที่สุด

ด้านจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ประชุมซักช้อมความเข้าใจโค้งสุดท้าย ที่ห้องประชุม สนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ โดยมีหน่วยราชการ-เอกชน-ภาคประชาชนในพื้นที่ นำโดย นายปิยะ  ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ตลอดจนคณะกรรมการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน เพื่อเปิดประตูเมืองต้อนรับอีเว้นต์ใหญ่ของโลกอีกครั้ง

สำหรับปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเป็นปีที่ 6 คณะทำงานในจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการประสานความร่วมมือและเตรียมการอย่างเข้มข้นในด้านต่างๆ อาทิ การตรวจสอบราคาโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว จุดให้บริการสถานพยาบาล , การแพทย์ฉุกเฉิน,  คมนาคมขนส่ง จุดรับส่ง นักท่องเที่ยว,แสดงต้อนรับและจัดแสดงสินค้า OTOP,  การรักษาความสงบเรียบร้อย, จัดระเบียบจราจร

การเตรียมพร้อมด้านอาสาสมัคร Ask me , รถประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยว , รถสุขาเคลื่อนที่,  การจัดพาวิลเลียนด้านการท่องเที่ยว, ระบบสาธารณูปโภค สื่อสารและโทรคมนาคม สัญญาณโทรศัพท์ -อินเตอร์เน็ต ที่รองรับผู้มาเยือนหลายแสนคน ด้วยการต้อนรับที่อบอุ่น ปลอดภัย และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มกำลัง ทุกฝ่ายมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงจนถึงวินาทีสุดท้ายที่เดินทางกลับ

สำหรับแฟนความเร็วในปีนี้สุดพิเศษ ซื้อบัตร Main Race แถมเข้าชม Pre-season Test ฟรี โดยบัตรทุกสแตนด์เปิดให้นั่งชมได้ในที่นั่งแกรนด์สแตนด์  ส่วนใครที่ไม่สะดวกมาชมการแข่งขัน Main Race สามารถแยกซื้อบัตรชม Pre-Season Test ได้โดยราคาบัตรที่นั่ง Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท ส่วนใครอยากชมแบบ Exclusive สามารถซื้อบัตร VIP ราคา 5,000 บาท ต่อวัน

แฟนความเร็วที่ยังไม่มีบัตรชมการแข่งขัน ยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์ allticket นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษ เรียก Grab เดินทางไป-กลับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต  ระหว่าง วันที่ 28 ก.พ. – 2 มี.ค.68 ใส่รหัส “THAIGP” รับส่วนลด 15% สูงสุด 100 บาท สามารถใช้ได้กับทุกบริการ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit