HONDA CBR300R BREAKTHROUGH THE LIMITS ปลดปล่อยพลัง ไร้ขีดจำกัดในตัวคุณ

ตลาดบิ๊กไบค์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตเรซซิ่งที่ได้รับแบบอย่างมาจากการแข่งขันก็เป็นกลุ่มใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องขยายออกไปแทบจะไร้ขีดจำกัดทุกเพศทุกวัย ฮอนด้าได้ตอบสนองความต้องการของผู้นิยมภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตเรซซิ่งที่ตอบสนอง ทั้งความสะดวกสบายแต่ดูเท่ปราดเปรียว ด้วยซีบีอาร์ 300 อาร์ ที่เปิดตัวสู่สายตาในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา

IMG_7850

เก่าไปเมื่อใหม่มา
ตำแหน่งในไลน์ของสปอร์ตตระกูล CBR ของฮอนด้านั้นมีให้เลือกเล่นตั้งแต่ CBR150R, CBR250R ขยับขึ้นไปรุ่นกลางคือ CBR500R และ CBR650R การมาของ CBR300R จึงยังความสงสัยในสถานะของ CBR250R ว่าจะอยู่ตรงไหน แล้วก็ได้รับคำตอบในวันสัมมนาว่า CBR300R นั้น มาแทนที่ CBR250R โดยเป็นการนำเอาพื้นฐานจาก CBR250R มาพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ดังนั้นลำดับรุ่นปัจจุบันจึงไม่มีการจำหน่าย CBR250R อีกต่อไป

โฉมใหม่ทันสมัย
การปรับเปลี่ยนรูปโฉมภายนอกมองดูก็พอรู้ว่ามาจากต้นแบบตัว CBR1000RR แน่ๆ แฟริ่งใหม่ทั้งคัน ไฟหน้าแบบ 2 ดวง ช่วงท้ายดีไซน์ใหม่ทั้งท่อน ความสูงถึงเบาะน้อยลงเพื่อให้วางเท้าบนพื้นได้ง่ายขึ้น ก้านกระจกสั้นลง เพื่อการหลบหลีกที่คล่องตัวในช่วงการจราจรแออัด ยางหลังเพิ่มขนาดเพื่อความมั่นใจด้วยไซส์ 140 กันสะเทือนหลังพร้อมกระเดื่องโปรลิงค์ปรับได้ 5 ระดับความแข็งของสปริง ล้อแมก 5 ก้านกับระบบเบรก ABS 2 ลูกสูบที่ล้อหน้า ลูกสูบเดี่ยวที่ล้อหลัง แยกการทำงานอิสระหน้าหลังเป็นอุปกรณ์ มาตรฐานตามนโยบายความปลอดภัยของฮอนด้าที่จะนำ ABS มาใช้กับรถทุกรุ่น สีสันมีให้เลือกสองอารมณ์ด้วยสีพื้น ดำและแดง กับสีพิเศษไตรคัลเลอร์(ขาว-แดง)และลายแชมป์โลกเรพซอล

 

4

8

9

7

 

อัพเกรดความแรง
อ้างอิงจากข้อมูลเดิมของ CBR250R เพื่อให้ชัดเจนว่า CBR300R ได้มีการพัฒนาที่น่าสนใจโดยยังคงมิติเดิมของเครื่องยนต์ CBR250R เอาไว้ด้วยหัวฉีด PGM FI ระดับ 5 การเพิ่มปริมาตรกระบอกสูบจาก 249 ซีซี (CBR250R) เป็น 286 ซีซี (CBR300R) โดยที่ยังคงขนาดกระบอกสูบ 73 มม.ไว้ดังเดิม แถมก้านสูบยังสั้นจาก 112 มม. เหลือเพียง 108 มม. ปริมาตรเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยระยะชักที่เพิ่มขึ้นจากข้อเหวี่ยงใหม่ที่ถูกแก้ไขรัศมีข้อเหวี่ยงทำให้ได้ระยะชักเพิ่มขึ้น 8 มม. (55 เป็น 63 มม.) ลูกสูบใหม่ได้รับการเคลือบโมลิบดินั่ม ลดแรงเสียดทาน เพิ่มออปเซตในการเคลื่อนตัวของลูกสูบมากขึ้นเพื่อลดเสียงดังออกซิเจนเซ็นเซอร์ถูกย้ายจากฝาสูบไปไว้ที่ท่อไอเสีย แคร้งเครื่องยนต์เพิ่มความแข็งแรง รวมถึงบาลานเซอร์ ที่ใหญ่ขึ้น ล้อแม่เหล็กใหม่ ระบบส่งกำลังยกชุด ตั้งแต่การเสริมจัดเดอร์สปริงเข้าไปรองชุดแผ่นคลัทช์ และใช้สปริงคลัทช์ที่สั้นกว่า เกียร์ 6 สปีดเปลี่ยนอัตราทดและระยะพิทของฟันเฟือง สเตอร์ลดอัตราทดลงด้วยขนาด 14-36 ฟัน เซ็นเซอร์จับการเอียงของรถและยางกดโซ่ราวลิ้นเปลี่ยนใหม่ จากการพัฒนาทั้งหมดนี้ฮอนด้ายืนยันว่าทำให้ได้แรงบิดและแรงม้าที่ดีกว่า CBR250R ในทุกรอบเครื่องยนต์

มิติเพื่อการขับขี่ที่สะดวกขึ้น
การเปลี่ยนแปลงหน้าตาของ CBR300R มีผลต่อมิติของตัวรถโดยตั้งใจ ด้วยเหตุผลที่ว่ารถสปอร์ตนั้นกำลังเป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัย ฮอนด้าตั้งใจที่จะลดความสูงของที่นั่งผู้ขับขี่ให้ต่ำลง ทำให้ยันเท้าถึงพื้นได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีรูปร่างเล็ก รวมถึงการขับขี่ในเมืองที่มีสภาพจราจรแออัดก็จะช่วยให้ขับขี่ได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น สำหรับการใช้งานระยะยาวฮอนด้าให้ความมั่นใจด้วยการรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กม. รับประกันอุปกรณ์ระบบหัวฉีด 5 ปี หรือ 50,000 กม.รับรู้ข้อมูลการพัฒนาของ CBR300R กันแล้ว ทีมทดสอบของไรดิ้งแมกกาซีนก็ได้ทดลองขับขี่ 2 รูปแบบ คือในสนามขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า และซ้ำอีกครั้งกับรูปแบบสนามแข่ง ณ ไทยแลนด์เซอร์กิต เพื่อให้ได้มิติของการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากสองนักทดสอบขาประจำ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.aphonda.co.th

แฟริ่งใหม่ไฟหน้าสองดวงถ่ายทอดความดุดันจาก CBR1000RR
แฟริ่งใหม่ไฟหน้าสองดวงถ่ายทอดความดุดันจาก CBR1000RR
องศาแฮนด์กว้างสบาย ก้านกระจกสั้นมั่นใจกับการซิกแซกในเมือง
องศาแฮนด์กว้างสบาย ก้านกระจกสั้นมั่นใจกับการซิกแซกในเมือง
ชุดสเตอร์อัตราทดต่ำเน้นความนุ่มนวลรับเกียร์อัตราทดใหม่
ชุดสเตอร์อัตราทดต่ำเน้นความนุ่มนวลรับเกียร์อัตราทดใหม่
พักเท้าต่ำค่อนข้างหน้าเน้นขับขี่สบาย
พักเท้าต่ำค่อนข้างหน้าเน้นขับขี่สบาย
เสริมจัดเดอร์สปริงในชุดคลัทช์เพื่อรัมืือกับกำลังที่เพิ่มขึ้น
เสริมจัดเดอร์สปริงในชุดคลัทช์เพื่อรัมืือกับกำลังที่เพิ่มขึ้น
เพิ่มความแข็งแรงให้หูยึดเครื่องยนต์แน่นหนาบนไดมอนด์เฟรม
เพิ่มความแข็งแรงให้หูยึดเครื่องยนต์แน่นหนาบนไดมอนด์เฟรม
แรงม้าและแรงบิดดีกว่าทุกย่านความเร็ว
แรงม้าและแรงบิดดีกว่าทุกย่านความเร็ว

IMG_7983

ความเห็นนักทดสอบ
เขมรัฐ สุธรรมวาท
“โอกาสดีครับที่ผมได้สัมผัสทดลองขับขี่เจ้า CBR300R ในเส้นทางที่แตกต่างถึง 2 ลักษณะ คือขับขี่ในสนามขับขี่ปลอดภัยที่มีโค้งแคบและอุปสรรคจำลองคล้ายการใช้งานในชีวิตประจำวัน อีกครั้งก็ที่สนามแข่งรถไทยแลนด์เซอร์กิตแห่งนี้ครับ มิติของตัวรถคร่อมขี่แล้วรู้สึกต่างจาก CBR250R อย่างชัดเจน องศาของแฮนด์และความกว้างถังน้ำมันคือจุดที่สัมผัสได้ ยันพื้นได้เต็มเท้าจากการลดความสูงเบาะลง แต่ก็พบว่ามีข้อต้องระวังขณะจอดรถด้วยขาตั้งข้างแนะนำว่าเมื่อจอดแล้วควรหักแฮนด์เลี้ยวมาทางซ้ายและโยกรถให้โช้คยืดตัวขึ้นมา รถจะมีมุมเอียงให้น้ำหนักกดบนขาตั้งได้มั่นคง ถ้าไม่ดึงรถโช้คที่ยุบตัวอยู่บวกกับความสูงที่ไม่มากจะทำให้รถตั้งเกือบตรง อาจล้มไปฝั่งตรงข้ามได้ครับ การควบคุมผ่านมุมเลี้ยวแคบนั้นมั่นคงและง่ายดายมาก ท่านั่งแบบแฮนด์สูงเบาะต่ำคุมง่าย เทน้ำหนักเลี้ยวทีเหมือนท้ายมันไปก่อนทำให้เกาะโค้งได้ดี แต่พอเข้าสนามแข่งแล้วความสูงที่น้อยไปนิดทำให้ต้องระวังเรื่องพักเท้าที่ครูดโดนพื้นไวไปหน่อย ดีที่มียางใหญ่กับการทรงตัวไว้ใจได้ทำให้ไม่เสียอาการแม้พักเท้าจะครูดพื้นไปบ้างก็ตามเครื่องยนต์เน้นความนุ่มนวลมาก่อน กำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นแต่ก็ถูกปรับอัตราทดสเตอร์ให้น้อยลงเพื่อให้ง่ายต่อการขับขี่ เปิดคันเร่งไม่ต้องระวังครับ กระตุกข้อมือออกไปก็ไม่ดีดไม่โยน รอบขึ้นเนียนมาก แต่ละเกียร์ก็ยาวมาก สนามไทยแลนด์ได้ใช้แค่ 5 เกียร์ครับ สุดทางตรงยังเหลือรอบอยู่เลย คลัทช์เบาแรงร่วมกับการชิพเกียร์ที่นุ่มนวลเบาแรง เป็นเครื่องยนต์ที่แรงเยอะ แต่ควบคุมง่าย นุ่มนวลครับ
ระบบเบรก ABS ผมว่ามันเหมาะกับรถแนวนี้มากกว่าคอมบายที่ใช้ใน CBR250R เราคุมมันได้เน้นๆ เป็น ABS ประสิทธิภาพสูงจริงครับ ตอนพื้นแห้งทั้งเหยียบทั้งกำทำไงก็ไม่ล็อค พอฝนตกลงมาพื้นลื่นมีล็อคให้รู้สึกสั้นๆ จากนั้นก็หมุนต่อพร้อมกับชะลอลงเรื่อยๆหลังจากได้ทดลองขับขี่ทั้งสองรูปแบบแล้ว หากต้องการนำ CBR300R มาสนุกในสนามคงต้องปรับเรื่องความสูงท้ายและเซ็ตสเตอร์เพื่อช่วยให้ตอบสนองได้ไวขึ้นสักนิด แต่ถ้าคุณเป็นนักบิดในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะวิถีเมืองใหญ่แล้วล่ะก็ มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะเลยครับ”

IMG_7994

ความเห็นนักทดสอบ
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
“ CBR 300R กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ด้วยการพัฒนาจากเครื่องยนต์บล็อคเดิม แต่ปรับเติมเสริมแต่งให้มีความแข็งแรงและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่เน้นความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วย การออกแบบรูปทรงที่เน้นการใช้งานที่คล่องตัว ลดส่วนเกินของกระจกให้สั้นลงให้การซิกแซกง่ายขึ้น ช่วงท้ายต่ำกว่ารูปทรงสปอร์ตทั่วไป ท่านั่งจึงไม่ค่อยก้มตัวลงต่ำค่อนข้างที่จะสบาย ประกอบกับพักเท้าที่ยกสูงสไตล์สปอร์ต ทำให้หัวเข่าและหน้าขาหนีบเข้ารับกับถังน้ำมันกระชับกับตัวรถ ระบบเบรก ABS ทำงานตอบสนองได้เด่นชัดกับการกดย้ำแต่ละครั้ง การทำงานของดิสก์เบรกหลังค่อนข้างมีการตอบสนองที่รู้สึกได้มากกว่า เครื่องยนต์เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าเน้นการขับขี่ที่นิ่มนวล ออกตัวง่ายปล่อยคลัทช์เบาๆ ด้วยรอบเพียง 1,500 รอบ ก็สามารถที่จะเตะเปลี่ยนเกียร์ได้เลย พอได้เริ่มใช้ความเร็ว 6,000-7,000 รอบ/นาที การขับขี่เปิดคันเร่งออกจากโค้งท้ายจะมีอาการยุบหน้าเชิดขึ้นคุมยากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับเหินจนเสียอาการ แต่ได้ยางหลังหน้ากว้างช่วยให้การเกาะพื้นถนนในโค้งได้หนึบ สรุปโดยรวมอารมณ์ของการขับขี่มาแบบเรียบ ไม่ดุดันจี๊ดจ๊าด เน้นการใช้งานที่คล่องตัวและสะดวกในเมืองหรือการขับขี่เที่ยวในระยะทางไม่ไกลมาก แต่ถ้าจะมันในแทร็คต้องปรับเซ็ทช่วงล่างเพิ่มเติม ก็น่าจะตอบสนองความต้องการได้”

IMG_7850

ข้อมูลเทคนิค

เครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC 4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตร 286 ซีซี
กระบอกสูบxระยะชัก 76×63 มม.
อัตราส่วนการอัด 10.7 : 1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่น
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transsistorized
สตาร์ท ไฟฟ้า
กว้าง 720 มม.
ยาว 2,033 มม.
สูง 1,119 มม.
ระยะฐานล้อ 1,378 มม.
ห่างจากพื้น 146 มม.

สูงถึงเบาะ 780 มม.
มุมคาสเตอร์ 25 องศา
ระยะเทรล 95 มม.
เชื้อเพลิงจุ 13 ลิตร
เฟรม Diamond Twin-Spar Steel Frame
กันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิค 37 มม. ระยะยุบ 118 มม.
กันสะเทือนหลัง โมโนโช้คโปรลิงค์ 5 ระดับ ระยะยุบ 104 มม.
น้ำหนัก 163 กก.
ห้ามล้อหน้า ดิสก์เบรก ABS 2 ลูกสูบ
ห้ามล้อหลัง ดิสก์เบรก ABS 1 ลูกสูบ
ล้อ แมก
ยางหน้า 110/70-17 M/C 54S จุ๊บเลส
ยางหลัง 140/70-17 M/C 66S จุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว, แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทนที่มีส่วนผสมขอเอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%

 

 

 

คาวาซากิตอกย้ำความสปอร์ตตระกูลนินจา เปิดตัวลายกราฟฟิคใหม่ สายพันธุ์ Ninja พร้อมจำหน่ายครั้งแรกในงาน BIG Motor Sale 2016

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพสร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแสดงรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมี่ยมโดยมีซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์แชมป์ Ninja ZX-10R อวดโฉมให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดตัวลายกราฟฟิคใหม่ 2 รุ่น Ninja 250SL ABS (KRT Edition) และ Ninja 300 ABS กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ

IMG_5273

IMG_5275

IMG_5255

IMG_5440

ยามาฮ่าเปิดบูธ Yamaha Rev Avenue จัดเต็มโปรโมชั่น พร้อมเปิดราคา Yamaha MT-10 ครั้งแรก! ในงาน BIG Motor Sale 2016

ยามาฮ่าจัดโปรโมชั่นแรงกลางปี พร้อมเปิดราคา และรับจอง Yamaha MT-10 ครั้งแรก!ในงาน BIG Motor Sale 2016  

 ยามาฮ่าต่อยอดแบรนด์สโลแกน “Revs Your Heart เร่งชีวิตให้เร้าใจ” เปิดบูธภายใต้แนวความคิด “Yamaha Rev Avenue” พร้อมเปิดราคา “Yamaha MT-10 ราคา 619,000 บาท” ที่สุดแห่ง Street Bike สายพันธุ์ตระกูล MT-Series ครั้งแรกในเมืองไทย และเปิดจอง TMAX-LUX MAX อีกระดับของออโตเมติกสไตล์ Luxury Big Scooter เพียง 20 คันในประเทศไทย ให้ชาวไบค์เกอร์ได้จับจองเป็นเจ้าของก่อนใครในงาน “The Bangkok International Grand Motor Sale 2016” ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม 2559 ณ อาคาร EH-106 ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค

 นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ตลาดรถบิ๊กไบค์ของยามาฮ่าเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแนว Sport Racing แบบ R-Series หรือ Sport Naked แบบ MT-Series ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในงาน The Bangkok International Grand Motor Sale 2016 ซึ่งเป็นปีที่ 3 ที่เข้าร่วมงาน ยามาฮ่าจึงจัดเต็มด้วยโปรโมชั่นสุดแรง ให้ชาวไบค์เกอร์ได้เลือกเป็นเจ้าของ และสัมผัสอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวคิดบูธ “Yamaha Rev Avenue” ถนนแห่งการรวมตัวของสุดยอดรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูง ผสมผสานความเท่ และความทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว รวมถึงการเปิดราคา Yamaha MT-10 ราคา 619,000 บาท พร้อมรับจองครั้งแรกในประเทศไทย และเผยโฉม TMAX-LUX MAX แก่ผู้สนใจที่มีจำกัดเพียง 20 คันในประเทศไทย และยังมีโปรโมชั่นอื่นๆ ที่พิเศษจริงๆ ค่ะ

18 Yamaha Rev Avenue

19 Yamaha Rev Avenue

25 Yamaha Rev Avenue

02 Yamaha Rev Avenue

03 Yamaha Rev Avenue

04 Yamaha Rev Avenue

20 Yamaha Rev Avenue

21 Yamaha Rev Avenue

13 Yamaha Rev Avenue

10 Yamaha Rev Avenue

11 Yamaha Rev Avenue 12 Yamaha Rev Avenue

14 Yamaha Rev Avenue

08 Yamaha Rev Avenue

07 Yamaha Rev Avenue

06 Yamaha Rev Avenue

30 Yamaha Rev Avenue

22 Yamaha Rev Avenue

24 Yamaha Rev Avenue

23 Yamaha Rev Avenue

16 Yamaha Rev Avenue

15 Yamaha Rev Avenue

 สำหรับโปรโมชั่นพิเศษ ในช่วง “The Bangkok International Grand Motor Sale 2016” ประกอบด้วย

  • จอง Super Tenere, FJ-09, Bolt, MT-09 และ MT-07 ฟรี ประกันภัยชั้น 1, ทะเบียน, พ.ร.บ. และ Gift Voucher มูลค่า 5,000-50,000 บาท
  • จอง SR400 รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท
  • จอง YZF-R1M & YZF-R1 รับฟรี แว่นตา Oakley Jupiter VR46 มูลค่า 6,300 บาท
  • จอง MT-10 รับฟรี หมวกกันน็อค Shark Spartan Carbon มูลค่า 14,000 บาท
  • จอง YZF-R3 และ MT-03 รับฟรี ประกันภัยชั้น 1, ทะเบียน, พ.ร.บ., และ Gift Voucher มูลค่า 5,000 บาท รวมมูลค่า 21,000 บาท

 Apparel & Accessories โปรโมชั่นสุดพิเศษ

  • เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ตกแต่งแท้ยามาฮ่า ลด 20-50%
  • เคมีภัณฑ์ยามาฮ่า ภายใต้แบรนด์ YAMALUBE ลดสูงสุด 20%

สินค้าพิเศษ เฉพาะงาน Big Motor Sale 2016 นี้งานเดียวเท่านั้น

  • ถุงมือครึ่งนิ้ว Daytona ราคาพิเศษ เพียงคู่ละ 99 บาท จากราคาปกติ 490 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด)
  • กระจกมองหลัง Yamaha เลนส์สีฟ้า ราคาพิเศษ 99 บาทต่อชิ้น จากราคาปกติ 375 บาทต่อชิ้น

* ซื้อสินค้ายามาฮ่าในบูธ ครบ 1,000 บาท รับฟรี Yamaha Lamp LED  1 ชุดต่อ 1 ใบเสร็จ   มูลค่า 400 บาท ด่วน! จำนวนจำกัด

ภายใน Yamaha Rev Avenue” แบ่งออกเป็น 4 โซน ดังนี้

R-Series:สุดยอดรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต ที่ได้รับการยอมรับว่าสมรรถนะเป็นที่หนึ่ง

  • YZF-R1M และ YZF-R1 ซูเปอร์สปอร์ตตัวท็อปคลาส เทคโนโลยีสูงสุดจากสนามแข่งขันโมโตจีพี
  • YZF-R3 ดีเอ็นเอ เรซซิ่งสปอร์ตตระกูล R สายพันธุ์แห่งความเร้าใจระดับแชมป์โลก
  • YZF-R15 ปฐมบทแห่ง R-Series ที่จะปลุกเร้าสัญชาตญาณในตัวคุณ

MT-Series:ฉีกกฏทุกความเร้าใจไปกับรถสไตล์Sport Nakedตอบโจทย์ทุกความคล่องตัวของสภาพท้องถนน

  • MT-10 สุดยอดสายพันธุ์ MT-Series ที่มาเปิดราคาพร้อมรับจองเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
  • MT-09 อสูรกายแห่งรัตติกาล ขีดสุดของจิตวิญญาณแห่งรถสปอร์ต
  • MT-07 สู่ที่สุดความเร้าใจ กับสุดยอดสมรรถนะบิ๊กไบค์สไตล์ Naked และ MT-07 Custom by  K-Speed อันเลื่องชื่อ
  • MT-03 อสูรกายแห่งท้องถนน รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวแนว Street Naked พันธุ์ดุ
  • M-SLAZ องศาใหม่ของความเร้าใจ จากตระกูล MT-Series

 Super Bike Series: สุดยอดสมรรถนะรถจักรยานยนต์ในหลากหลายรูปแบบ

      Yamaha Adventure Touring:

  • Super Tenere สู่ความเหนือกว่าด้วยขุมกำลังพิกัด 1,200 ที่จะทำให้ผู้ขับขี่ตะลุยข้ามทวีปพร้อมกับการผจญภัยอย่างไม่หยุดยั้ง
  • FJ-09 กับคอนเซ็ปต์ “The two souls of the dark side” เป็นการผสมผสาน 2 บุคลิก เข้าด้วยกันอย่างลงตัวระหว่างการขับขี่แบบดุดันสไตล์ MT และการขับขี่สไตล์ทัวร์ริ่ง

      Yamaha Cruiser:

  • Bolt-R และ Bolt Café Racer ผสมผสานสมรรถนะอันทรงพลัง เครื่องยนต์ 942 cc. เข้ากับการควบคุมที่สง่างามลงตัว
  • SR400 รถสไตล์เรโทรจากยุค 70 ด้วยเครื่องยนต์ 400 cc. กำเนิดแห่งตำนานคลาสสิค ที่เรียบง่าย

      Yamaha Big Scooter:

  • TMAX-LUX MAX อีกระดับของออโตเมติกสไตล์ Luxury Big Scooter ด้วยเครื่องยนต์ 530 cc. เปิดจองทั่วประเทศเพียง 20 คัน เท่านั้น

     Lifestyle Series:

  • NMAX สปอร์ตออโตเมติก150  หนึ่งในตระกูล MAX อันเลื่องชื่อของโลก
  • Grand Filano ออโตเมติกหัวฉีดพรีเมี่ยม 125 cc. กับ 3 สไตล์ลิ่งล่าสุด ที่สร้างสรรค์จากความต่างของสไตล์ได้อย่างลงตัว
  • Fino125 อัพเกรดความลงตัวใหม่เครื่องยนต์ 125  ดีไซน์กราฟิกเทรนด์ใหม่… ใช่ทุกแนว
  • GT125 ออโตเมติกหัวฉีดล่าสุดของวัยรุ่น ออกตัวแรงด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี บิดมันส์ทันใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกตัว
  • Exciter150 ดุดัน เร้าใจถึงขีดสุดกับขุมพลังแรง 150 สุดยอดรถ Moped สไตล์สปอร์ต เกียร์ 5 สปีด
  • Jupiter RC ดีไซน์เร้าใจ…สายพันธุ์สปอร์ต Moped พรีเมี่ยม 115 สมรรถนะสปอร์ตเร้าใจ อัตราเร่งดีเยี่ยม ตอบโจทย์สัญชาตญาณสปอร์ตพันธุ์แท้
  • Spark LX ที่สุดของความประหยัด 115 แรงดี ขับขี่ง่าย ทนทานประหยัดน้ำมัน

พบกันได้ที่บูธ “Yamaha Rev Avenue” ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม 2559 ณ อาคาร EH106 ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค สามารถติดตามความเคลื่อนไหว และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center: 02-263-9999

cre_Pro_Big Bike 2016_Final

MT-03 & R3 - .

AW_Promotion1_CS3

AW_Promotion2_CS3

AW_Promotion3_Edit3

AW_Promotion4_SC3

Fino Automatic Dark Side สำหรับ คนที่ชอบ แต่ง

ถ้าเรื่องของรถจักรยานยนต์ที่เป็นต้นกำเนิดของแฟชั่นยุคแรกๆ ก็คงต้องยกให้กับค่ายยามาฮ่ากับ Fino ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก จนถึงปัจจุบันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด YMJET-FI ช่วยให้การเผาไหม้ส่งผ่านกำลังเครื่องยนต์ที่ราบรื่นและให้ความประหยัดรับกับกระแสของภาวะน้ำมันแพงจนไดรับความนิยมเป็นอย่างมาก

DSC_4550

จากความสวยงามโดดเด่นสไตล์แฟชั่นของ Fino ถูกปรับสภาพให้เป็นสไตล์ของรถสปอร์ตสายพันธุ์ดุ คมเข้ม ด้วยสีสันโทนดำเงาและดำด้าน ติดคาดลายเพิ่มความร้อนแรงด้วยกราฟฟิคลายไฟพร้อมกับใส่รายละเอียดของอุปกรณ์แต่งอัพเกรดใหม่ทั้งคันจัดมาด้วยชุดวงล้อแม็กหน้ากว้างขนาด 12 นิ้ว 6 ก้าน ฝังด้วยหัวเพชร และรัดด้วยยางเรเดียลจุ๊บเลสไร้ยางใน โช้คอัพหน้าสวยล้ำนำเทรนด์จาก Gazi แบบหัวกลับ Up Side Down ตัวกระบอกสีดำแต่แกนในชุบด้วยสีทองเพิ่มความโดดเด่น ระบบดิสก์เบรกหน้าเพิ่มขนาดของจานดิสก์ขึ้นเป็น 220 มม. และคาลิเปอร์แบบลูกสูบคู่ ไล่น้ำมันด้านข้างด้วยสายถักสแตนเลสย้ำด้วยหัวข้องอ 90 องศา ส่วนทางด้านหลังเบรกแบบดรัมเปลี่ยนขารั้งเป็นอลูมินัมต่อแบบ 3 ชิ้น โช้คอัพหลังแบบยูนิตสวิงขยับตำแหน่งเยื้องจุดเดิมให้ด้านท้ายต่ำลงมาอีก 1 นิ้ว เสริมความนิ่มนวลด้วยโช้คอัพแก๊ส Gazi ที่มีแท้งค์บิ้วท์อินด้านข้างไฟหน้าไดมอนเชฟเปลี่ยนโคมสีดูเข้มเข้ากับสีของตัวรถ สูงขึ้นไปชุดการควบคุม แฮนด์บาร์ ปีกนก เรือนไมล์แยกดีไซน์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Fino ก้านเบรก อลูมินัมแบบปรับระดับให้สัมผัสได้อย่างมั่นใจ กระจกมองข้างทรงเหลี่ยมเลนส์สีฟ้าตัดแสงสะท้อน เบาะนั่งปาดทรงแต่งใหม่พร้อมกับหุ้มด้วยหนังแก้วเย็บเล่นลาย ส่วนบาร์ท้ายสำหรับจับกันตกรองรับให้สาวได้นั่งซ้อนท้ายสบายๆ ฟุตบอร์ดยกระดับท่านั่งสูงขึ้นอีกด้วยพักเท้าแบบเอ็กซ์ตรีมเป็นกันล้มในตัวทางด้านของเครื่องยนต์ ขนาด 110 ซีซี 4 จังหวะ ระบบหัวฉีด YMJET-FI ให้ความประหยัด ขี่ง่ายสะดวกสบาย ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน นิ่มนวลไร้เสียงรบกวน ปรับเติมเสริมความเร้าใจด้วยชุดท่อไอเสียสไตล์มินิสกู๊ตเตอร์ปลายสแตนเลสขนาดใหญ่ และเก็บรายละเอียดตามจุดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยน็อตอลูมินัมรูปทรงที่สวยสไตล์แฟชั่นที่ผ่านการปรับแต่งให้ให้เข้มดุดันในแบบสปอร์ต ก็เข้ากันอย่างลงตัว กับไอเดียการแต่งที่ไม่จำกัดขอบเขต สวยแบบนี้ใครๆ ก็ชอบ

DSC_4592

DSC_4580

DSC_4577

DSC_4568

DSC_4591

DSC_4585

DSC_4561

DSC_4571

 

 

Riding Magazine #250 : CRF250M RidingMag Project

รถโชว์รูมที่ทุกคนซื้อได้ กับของแต่งที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก มาดูผลลัพธ์ของโมตาร์ดมีสไตล์ CRF250M RidingMag Project คิดง่าย ทำได้ทุกคน ถ้าหนทางมันใช่ งานตั้งใจจากนิตยสารไรดิ้งอีกชิ้นครับ

CB300F THE REAL NAKED SOUL เผยจิตวิญญาณที่แตกต่างอย่างตัวจริง

Honda CB300F รถสปอร์ตสายพันธุ์ใหม่ กับดีไซน์ที่มีความดุดันด้วยโครงสร้างแบบเปลือย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ The Naked Real Soul เผยจิตวิญญาณที่แตกต่าง…อย่างตัวจริงเรียกได้ว่าฮอนด้าสร้างความแตกต่างของการขับขี่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้นอีกระดับด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ที่ต่อยอดมาจากสายพันธุ์สปอร์ต เน้นการขับขี่ใช้งานได้อย่างคล่องตัว ซึ่งหลังจากเพิ่งจะเปิดตัว CBR300R ไปเพียงไม่นานและได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ฮอนด้าเดินหน้าตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงกับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดกับสไตล์ เน็คเก็ดไบค์ กับ CB300F

3

IMG_2067

IMG_1989

IMG_1960

IMG_1963

 

Honda CB300F ถือว่าเป็นรถสปอร์ตแบบเน็คเก็ดที่ได้รับการออกแบบให้มีโครงสร้างที่ดุดัน เผยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ที่โดดเด่นกับสรีระของด้านข้าง ปีกหม้อน้ำ ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นรถสไตล์เน็คเก็ด ด้วยการออกแบบตามหลักแอร์โรไดนามิกเพิ่มความโฉบเฉี่ยว กับมุมเหลี่ยมให้อากาศไหลผ่านได้อย่างรวดเร็ว ผสมผสานความลงตัวรับกับช่วงท้ายปราดเปรียวแบบสปอร์ต หน้าตาเข้มดุดันด้วยไฟหน้าแบบ V-SHAPE แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ส่องสว่างกระจายแสงได้กว้างไกล เรือนไมล์แบดิจิตอลแสดงผลบนจอ LCD แบบฟูลฟังก์ชั่น ครบครัน

IMG_5644

2

IMG_2419

IMG_2196

IMG_2459

ท่วงท่านั่งสง่างาม กับตำแหน่งการวางแฮนด์บาร์ยกระดับปรับองศาเข้าหาผู้ขับขี่ และรับกับชุดพักเท้าดีไซน์แบบสปอร์ตยกขึ้นสูงให้ขาสามารถหนีบเข้ากับถังน้ำมันได้อย่างกระชับ เบาะนั่งหนานุ่มและแต่งทรงเว้าเพื่อรับกับถังน้ำมัน การสวิตช์บนแฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ช่วงล่างที่เน้นความนิ่มนวลและการยึดเกาะพื้นผิวถนนง่ายต่อการควบคุม วงล้อแม็กอลูมินัมแบบสปอร์ต 5 ก้าน ระบบเบรก ABS เทคโนโลยีเดียวกับรถซูเปอร์ไบค์ แยกการทำงานอิสระ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ฮอนด้าจะนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์รุ่นต่อไปในอนาคต ใช้คาลิเปอร์หน้า 2 สูบ และหลังแบบสูบเดี่ยว โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค โช้คหลังโปรลิงค์เพื่อการรับแรงกระแทกที่นุ่มนวลในการเข้าโค้งและเพิ่มขนาดหน้ายางหลังที่ใหญ่กว่ารถสปอร์ตในพิกัดเดียวกัน เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 286 ซีซี DOHC 4 วาล์ว มาพร้อมกับระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ CBR300R ที่ถูกพัฒนาจากฐานเครื่องยนต์ของ CBR250R โดยที่ยังคงขนาดกระบอกสูบไว้ที่ 76 มม. แต่มีการปรับลดขนาดความยาวของก้านสูบให้สั้นลงจาก 112 มม. เหลือ 108 มม. ปริมาตรความจุที่เพิ่มขึ้นมาจากระยะชักของข้อเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น 8 มม. ลูกสูบเคลือบโมลิบดินัมลดแรงเสียดทานให้กำลังอัดถูกถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง ระบบส่งกำลังตั้งแต่การเสริมอันเดอร์สปริงเข้าไปรองชุดแผ่นคลัทช์ และใช้สปริงที่สั้นกว่าเดิมทำให้การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งกำลังจะยังคงส่งออกมาเต็มรอบเครื่องยนต์ สำหรับสีสันในสไตล์เน็คเก็ดไบค์ New CB300F มีให้เลือกเท่กับ 3 สี แดง ดำ และขาว เป็นแบบเรียบๆ ดูหรูหรา สปอร์ต โลดแล่นโดดเด่นได้บนท้องถนน

_MG_2372

ความคิดเห็นนักทดสอบ
เขมรัฐ สุธรรมวาท
” CB300F สไตล์เน็คเก็ด เป็นลุคที่เน้นความเท่บึกบึนให้เห็นเด่นชัด รายละเอียดของตัวรถเท่าที่ดูแล้วแตกต่างจากตัว R เพียงแค่มิติในส่วนความสูง, ความกว้างของแฮนด์ และระยะห่างจากพื้น ที่เหลือทั้งเครื่องยนต์และโครงสร้างเป็นสเปคเดียวกับ CBR300R ครับ แปลกแต่จริง ทั้งที่ CB300F น้ำหนักเบากว่า CBR300R อยู่ 2 กก. และเป็นแฮนด์บาร์แต่เวลาจับจูงกลับรู้สึกถึงน้ำหนักของตัวรถที่ยังหน่วงๆ หนักๆ พอสมควร พอคร่อมขี่ก็พอจะรู้คำตอบว่าน่าจะมาจากความกว้างของแฮนด์ที่ไม่มากเท่าไรนัก เป็นแฮนด์บาร์ที่สั้นและไม่ย้อนมาหาคนขี่เท่าไร เวลาขี่ทำให้รู้สึกเกือบแขนตึงเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะเฉพาะของแฮนด์บาร์ที่วางบนแผงคอ ความสูงของมันทำให้ไม่ต้องก้มหมอบมากนัก จัดว่าสบายๆ การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็เป็นไปในลักษณะของความต่อเนื่องที่นุ่มนวล ซึ่งผมว่ามันเหมาะกับรถสไตล์นี้นะ 300 ซีซี เอาสมรรถนะและความเร็วไว้ใช้ในรอบสูงบนทางยาวๆ ส่วนที่รอบต่ำก็มีแรงบิดให้เรียกใช้ไม่ขาด และไม่ทำให้เครียดในการควบคุมครับ ถึงรูปทรงจะเป็นเน็คเก็ดแต่ก็ยังเป็นรถที่ขับขี่ได้กระชับ บาร์ท้ายทรงเท่จับได้กระชับดี ระบบเบรก ABS มีประโยชน์มากสำหรับความปลอดภัยในท้องถนน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการขับขี่สบายๆ สไตล์เน็คเก็ดครับ”

_MG_2370

ความคิดเห็นนักทดสอบ
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
“ได้ทดสอบขับขี่ CB300F กับสไตล์เน็คเก็ดสปอร์ตไบค์ขนาด 300 ซีซี ที่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน CBR300R มันบ่งบอกได้ถึงความนิ่มนวลของรอบเครื่องยนต์ที่ควบคุมได้ง่าย ความต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์ในช่วงต้นให้การตอบสนองอัตราเร่งได้ดี สามารถบิดเติมได้ทุกรอบ ไม่ว่าจะแซง หรือต้องการเพิ่มความเร็ว ในส่วนของรอบปลายก็เดินได้ยาวด้วยการปรับอัตราทดชุดเกียร์ใหม่เอาไว้สำหรับการขับขี่ทางยาวๆ แบบมาได้เรื่อยๆ ตัวรถที่ถูกปรับมิติสรีระให้มีความเพรียวแต่ไม่ถึงกับแตกต่างกับ CBR300R มากนัก มีเพียงความสูงจากพื้น และกว้างของแฮนด์ที่เป็นบาร์ยกระดับและองศาที่ทำให้การควบคุมที่ง่ายด้วยท่วงท่านั่งหลังตรงแขนตึง แต่ไม่มีผลสำหรับการเลี้ยวแต่อย่างใดแถมยังลดอาการเมื่อยล้าถ้าต้องขับขี่เป็นเวลานาน ความปลอดภัยที่ให้มากับระบบเบรก ABS ถือว่า ทำงานได้อย่างมั่นใจกับความเร็วที่เกิน 100 กม./ชม. และอุปกรณ์เสริมที่จัดมาให้กับเรือนไมล์แบบดิจิตอล แสดงบนจอ LCD อ่านได้ง่ายและชัดเจน เรียกว่าครบครันพร้อมสำหรับการใช้งานจะในเมืองหรือเดินทางท่องเที่ยว”

 

9

สเปคข้อมูลเปรียบเทียบ

CBR300R
เครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC
4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 286 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76 มม.x 63 มม.
อัตราส่วนแรงอัด 10.7:1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transistorzed
ระบบการติดเครื่องยนต์ สตาร์มือ
ขนาด กว้างx ยาว x สูง 720 x 2,033 x 1,119 มม.
ระยะห่างจากพื้น 146 มม.
ความสูงของเบาะ 708 มม.
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล 25 00’ / 95 มม.
ความจุนำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร
เฟรม Dimond Twin-Spar Stell Frame
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิกขนาด 37 มม.
หลัง : โมโนโช้คแบบโปรลิงค์ปรับระดับได้ 5 ระดับ
น้ำหนักสุทธิ 163 กก.
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรก (ABS)
ล้อ ล้อแม็ก
ขนาดยาง หน้า : 110/70-17 M/C 54S แบบจุ๊บเลส
หลัง : 140/70-17 M/C 66S แบบจุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว
หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทน 91 ที่มีส่วนผสม
ของแอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%

8

 

CB300F

เครื่องยนต์  ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC
4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 286 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76 มม.x 63 มม.
อัตราส่วนแรงอัด 10.7:1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transistorzed
ระบบการติดเครื่องยนต์ สตาร์มือ
ขนาด กว้างx ยาว x สูง 756 x 2,033 x 1,047 มม.
ระยะห่างจากพื้น 156 มม.
ความสูงของเบาะ 708 มม.
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล 25 00’ / 95 มม.
ความจุนำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร
เฟรม Dimond Twin-Spar Stell Frame
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิกขนาด 37 มม.
หลัง : โมโนโช้คแบบโปรลิงค์ปรับระดับได้ 5 ระดับ
น้ำหนักสุทธิ  161 กก.
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรก (ABS)
ล้อ ล้อแม็ก
ขนาดยาง หน้า : 110/70-17 M/C 54S แบบจุ๊บเลส
หลัง : 140/70-17 M/C 66S แบบจุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว
หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทน 91 ที่มีส่วนผสม
ของแอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%

M SLAZ NEW SMART NAKED BIKE

ออกตัวได้แรงแซงทุกกระแสจริงสำหรับรถจักรยานยนต์สุดเท่จากค่ายยามาฮ่า หลังจากที่เปิดตัวในงาน Motor Expo ด้วยการดีไซน์รูปทรงใหม่สะดุดทุกสายตาในสไตล์เน็คเก็ดไบค์ รับกับกระแสของวัยรุ่นที่ต้องการความเท่บนท้องถนนจากวันแรกที่เผยโฉมสู่สายตาของคนไทยทั่วประเทศ จนถึงวันนี้ Yamaha M SLAZ คือความเท่ ความสมาร์ท ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยยอดขายถล่มทลายรูปทรงกะทัดรัดให้ความคล่องตัว ท่านั่งกระชับและทำให้ดูเท่หลังตรงสัดส่วนกำลังดีไม่ใหญ่เทอะทะ แน่นอนทำให้ร้านขายอุปกรณ์และสำนักแต่งกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง ได้อวดไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นไกด์ไลน์ในการเริ่มแต่งรถ
และสำหรับ M SLAZ สีสันลวดลายเรซซิ่งประจำทีมแข่ง Yamaha Movistar MotoGP แชมป์ระดับโลกคนนี้ก็คือไอเดียการแต่งแบบสบายๆ ไม่โหดขนาดรัสเซีย เบาๆ บางๆ แต่ออพชั่นของเล่นแต่ละอย่างมาเต็มเน้นๆ ด้วยคุณภาพ เอาที่แจ่มๆ กับการพลิกบทบาทที่โดนใจวัยโจ๋กับการจับเอาโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับมาให้ตั้งแต่ออกจากโรงงาน เรื่องประสิทธิภาพไม่ต้องพูดถึงผ่านโรงงานประกอบแน่นอน ไฟหน้าดุดันแบบสองชั้น ไฟท้าย LED แถมด้วยแผ่นไฟดิสโก้ทำงานด้วยระบบสั่นสะเทือน มีไฟวิ่งสลับสีเห็นเด่นยามค่ำคืน

IMG_0896

แฮนด์บาร์เดิมๆ ที่เพิ่มเติมคือชุดปั๊มเบรกแบรนด์ดังระดับไฮเอ็น brembo กระปุกลอย ก้านพับปรับสกรู เช่นเดียวกับก้านคลัทช์มาเป็นเซ็ทพับได้เช่นกัน ดิสก์เบรกหน้าคาลิเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ เดินสายไล่น้ำมันแรงดันด้วยสายถักหัวย้ำอลูมินัม ENERGUMEN ฝาถังน้ำมันแบบหมุนจาก M-TECH PART วงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว 10 ก้านเดินเส้นขอบสีขาวเพิ่มความโดดเด่น สวิงอาร์มแบบสปอร์ตทำงานร่วมกับโช้คอัพเดี่ยว Gazi ที่มีซับแทงค์แยกออกมา ดิสก์เบรกหลังจับห้อยล่างแบบเรซซิ่ง ใช้คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว brembo ท่อไอเสียรีดแรงม้าดันออกข้าง สำหรับเครื่องยนต์ 150 ซีซี ที่ให้ความจี๊ดจ๊าด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำอลูมินัม นอกจากนั้นสังเกตดีๆ น็อตสแตนเลสไดซ์สีรุ้งทั้งคัน

IMG_0872

IMG_0871

IMG_0796

IMG_0860

IMG_0814

IMG_0842

IMG_0864

IMG_0858

IMG_0855

IMG_0848

IMG_0805

IMG_0809

IMG_0810

 

ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัดและมีปีกข้างหม้อน้ำเพิ่มความดุดัน ออพชั่นเสริมที่มีประสิทธิภาพคงเป็นไกด์ให้กับนักแต่งได้ไม่น้อย และคงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน

Kawasaki Z250 Up Size

ช่วงนี้รถสปอร์ตกำลังมาแรง แต่ก็มาควบคู่กับรถสไตล์เน็คเก็ดที่เป็นคู่หูดูโอ้ แฝดคนละฝา เน้นการใช้งานที่คล่องตัวแต่มีความโดดเด่นที่ชุดหน้าและปีกข้างหม้อน้ำที่ดูบึกบึนและท้ายที่เป็นแบบสปอร์ตผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

IMG_2662

Kawasaki Z250 เน็คเก็ดไบค์ขนาดเล็กสเปคไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะไม่มีขายแล้วเพราะว่าอัพขึ้นมาเป็น 300 ซีซี แต่หน้าตาก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ฉะนั้นเพื่อความโดดเด่นที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ กับการปรับเติมเสริมแต่งด้วยออพชั่นจนกลายเป็นบิ๊กไบค์ขนาดกลาง ดูแล้วแข็งแรงเร้าใจและน่าสัมผัสกับความเท่ การเสริมออพชั่นของหนัก และสีสันที่คมเข้มมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าหลอดโปรเจ็คเตอร์ ชิ้นส่วนแฟริ่งหล่อขึ้นรูปด้วยงานเคฟล่าร์ที่เพิ่มให้ดูหล่อล่ำบึก ที่ถังน้ำมัน ตัวชิลด์หน้าเสริมยกสูงขึ้น แม้กระทั่งครอบปิดคาลิเปอร์เบรก ดูแตกต่างอย่างมีสไตล์ และเสริมอันเดอร์เคาริ่งล่างที่ดูเป็นสปอร์ตมากขึ้น ส่วนชุดหน้าจัดหนักกับ ระบบรับแรงกระแทกโช้คหน้า Up Side Down มาพร้อมชุดแผงคอใส่แบบเท่ตามรุ่นใหญ่ ดับเบิ้ลดิสก์เบรกหน้า คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ เรเดียลเม้าท์ ตัวปั๊มแรงดันกระปุกลอย ก้านเหรียญปรับระดับ แฮนด์บาร์ปลายติดกระจกมองหลัง ตัวเบาะนั่งที่แยกสองตอน ก็เล่นสีสันและลวดลายเย็บเน้นด้วยตะเข็บแดง พักเท้าเกียร์โยง ท้ายเปลือยโล่งย้ายไฟเลี้ยวลงมาติดอยู่ด้านใต้ ด้านหลังก็จัดเต็มกับชุดขับเคลื่อน กับชุดโปรอาร์มที่โดดเด่นฉีกแนวจากเดิม วงล้อแม็กตัว Y 10 ก้าน โช้คอัพหลังเดี่ยว ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว

IMG_2578

IMG_2637

IMG_2597

IMG_2639

IMG_2592

IMG_2635

IMG_2600

IMG_2623

IMG_2640

IMG_2643

IMG_2646

 

ทางด้านของเครื่องยนต์ 2 สูบ 250 ซีซี ก็จัดไปเบาๆ พอจี๊ดจ๊าดกับท่อสูตร ออก 2 รวม 1 สวมด้วยปลายสั้น ลั่นๆ กันไป เพื่อเสริมกำลังกับของหนักที่เอาเข้ามาเสริมทั้งหน้าและหลัง ก็จัดว่าเป็นรถเน็คเก็ดไบค์ที่มีออพชั่นเท่ๆ ที่หล่อเกินหน้าเกินตาเวอร์ชั่นเดิมๆ

CRF250L 2014 ENDUROCROSS THAILAND CHAMPION

การแข่งขันรถจักรยานยนต์วิบากในปัจจุบัน มีการประยุกต์ดัดแปลงให้แตกต่างหลากหลายออกไปมากมาย ตามการเปลี่ยนแปลงของความก้าวหน้า รูปแบบการแข่งขันเอ็นดูโร่ที่ต้องใช้การเดินทางต่อเนื่องเห็นจะเป็นเกมที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาถนนหนทางมากที่สุด

IMG_8282

เมื่อพื้นที่ไม่อำนวยกับการแข่งขันเส้นทางไกล ก็จำเป็นต้องสร้างอุปสรรคจำลองขึ้นมาในเส้นทางวนรอบเลียนแบบธรรมชาติ รูปแบบ “เอ็นดูโร่ครอส” จึงเกิดขึ้นมา และเพิ่งมีการจัดแข่งขันเก็บคะแนนอย่างจริงจังในประเทศไทยเมื่อปี 2013 เพื่อเปิดโอกาสให้นักแข่งรุ่นใหม่ได้มีโอกาสแสดงฝีมือในอีกรูปแบบของเกมทางฝุ่นที่ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่ต้องแม่นด้วยทักษะและอึดด้วยร่างกายอันทรหด แน่นอนรถแข่งก็ต้องแกร่งด้วยเช่นกัน ทีมงานไรดิ้งได้โอกาสอีกครั้งกับการทดลองทดสอบขับขี่รถแข่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย รุ่นเอ็นดูโร่ไทยแลนด์ไบค์ จากรายการนิ่ม บ้านลูกโป่ง เอ็นดูโร่ครอส 2014 โดยเป็นรถแข่งประจำตัวของนักบิดหนุ่ม จากเมืองสามหมอก จังหวัดแม่ฮ่องสอน เขมนันท์ คฤหาสน์ทอง ในสังกัดทีม PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D เป็นนักแข่งที่เริ่มต้นจากรถบังลม ติดตามแข่งขันด้วยความพยายามจนทีมงานเห็นถึงความตั้งใจจริงจึงได้ชักชวนเข้าร่วม จนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยมาครอบครองได้สำเร็จ ด้วยรถแข่งที่โมดิฟายขึ้นมาจากรถวิบากโชว์รูมที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ Honda CRF250L วิบากไทยคุณภาพส่งขายทั่วโลก อ้อ…รถคันนี้แข่งขันโดยใช้หมายเลข 119 เมื่อได้แชมป์จึงติดเบอร์ 1 พื้นหลังสีทอง

เขมนันท์ คฤหาสน์ทอง ในสังกัดทีม PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D แชมป์รุ่น E1 Enduro Thailand Bike รายการเอ็นดูโร่ครอสชิงแชมป์ประเทศไทย 2014
เขมนันท์ คฤหาสน์ทอง ในสังกัดทีม PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D แชมป์รุ่น E1 Enduro Thailand Bike รายการเอ็นดูโร่ครอสชิงแชมป์ประเทศไทย 2014

เครื่องเดิมเพิ่มไฟให้นิ่งโมซิ่งด้วยท่อ
แนวทางการทำเครื่องคันนี้คือ “เหนียว” เพราะการแข่งขันเอ็นดูโร่ครอสนั้นแต่ละสนามจะแข่งกันถึง 2 โมโต โมโตละ 30 นาที + 1 หรือ 2 รอบ รวมแล้ว ราว 80 นาที ถือว่าเป็นการแข่งที่กินเวลายาวนานที่สุดในสายฝุ่นบ้านเรา เป้าหมายคือต้องจบการแข่งขันให้ได้ ปกติเครื่องยนต์ของ CRF250L มีความโดดเด่นที่แรงบิดดีพร้อมกับมีย่านกำลังที่กว้างอยู่แล้ว ติดที่ว่าแรงม้ามันต้องรับภาระน้ำหนักตัวมากไปหน่อย กับกันสะเทือนที่ทิ้งขว้างแรงม้าก่อนลงพื้นมากไปนิด รวมทั้งกติกาที่คุมเอาไว้ไม่ให้ยุ่งกับเครื่องยนต์มากไป จึงหันไปเน้นเรื่องของระบบไฟที่นับว่าเป็นหัวใจในการทำงานของระบบหัวฉีด โดยมีการต่อสายกราวด์เพิ่มเติมเพื่อให้ไฟเดินนิ่ง ส่งผลดีโดยตรงต่อวงจรการทำงานของระบบสั่งงานหัวฉีด ต้นกำลังของเครื่องยนต์ยุคใหม่นั่นเอง สำหรับความแรงของเครื่องยนต์ก็จัดท่อไอเสียไปหนึ่งใบไล่ยาวมาตั้งแต่คอจนถึงปลาย พร้อมกับได้มีการไล่สเตอร์เพิ่มอัตราทดเพื่อช่วยแรงบิดในรอบต้นให้ดีขึ้น

IMG_8399

ช่วงล่างโมใหม่
ดูจะไม่สมดุลกันเท่าไรกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้อย่างกว้างขวางและดุดัน แต่กันสะเทือนกลับนุ่มนิ่มซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่ายหากขับขี่ด้วยความเร็วในระดับแข่งขัน ดังนั้นจึงมีการโมดิฟายในส่วนของโช้คหน้าและหลังให้มีการทำงานที่ช่วยนักแข่งให้สามารถเพิ่มความเร็วพร้อมควบคุมทิศทางได้ง่ายขึ้น ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากเอาการเนื่องจากน้ำหนักตัวที่ต้องรองรับนั้นไม่น้อย สำหรับโช้คเดิมๆ ก็โมดิฟายเพิ่มเติมขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ระบบเบรกเดิมสนิททั้งหมดไม่ต่างจากรถที่ขายให้ใช้งานกันทั่วไป

อุปกรณ์
มาดู “ของ” กันบ้างในรถแชมป์คันนี้ เริ่มจากหน้ารถที่มีการปรับเปลี่ยนส่วนบังคับควบคุมด้วยการรื้อชุดแฮนด์เดิมที่เล็กและปลายแคบออก จากนั้นก็ติดตั้งตุ๊กตาแฮนด์ขนาดใหญ่เข้าไปเพื่อรองรับกับแฮนด์ทวินวอลล์ ความแข็งแรงสำคัญสำหรับรถแข่ง ปลอกแฮนด์เลือกของ DRC ที่ใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน คันเกียร์เปลี่ยนใช้ของแต่ง ยางทั้งหน้าและหลังใช้ Quick ขนาด 80/100-21 ที่ด้านหน้า และ 100/100-18 ที่ด้านหลัง พลาสติกชิ้นป้ายข้างถูกปลดออกไป ลวดลายคาดใหม่ด้วยสติกเกอร์แต่งกับผ้าเบาะเดิม…เท่านี้เองสำหรับอุปกรณ์เสริมในรถแชมป์ที่แสนจะเรียบง่ายคันนี้

ชุดหน้าเดิมแต่ไส้ในโมใหม่โดยเก่งช่วงล่าง
ชุดหน้าเดิมแต่ไส้ในโมใหม่โดยเก่งช่วงล่าง
ส่วนควบคุมปรับชุดใหญ่ด้วยการยกสูงกับแฮนด์โต
ส่วนควบคุมปรับชุดใหญ่ด้วยการยกสูงกับแฮนด์โต
ขาเกียร์แต่งเพิ่มความแข็งแรง
ขาเกียร์แต่งเพิ่มความแข็งแรง
ท่อไอเสียเดินทั้งเส้นจากสำนักดังถิ่นล้านนา
ท่อไอเสียเดินทั้งเส้นจากสำนักดังถิ่นล้านนา
โช้คหลังปรับให้รับงานหนักกว่าเดิม
โช้คหลังปรับให้รับงานหนักกว่าเดิม
สายไฟเพิ่มความนิ่งให้กระแสเครื่องเดิมเน้นเหนียวอึด
สายไฟเพิ่มความนิ่งให้กระแสเครื่องเดิมเน้นเหนียวอึด
สเตอร์ทดใหญ่เพิ่มแรงบิดจากย่านกำลังที่ย้ายไปรอบสูง
สเตอร์ทดใหญ่เพิ่มแรงบิดจากย่านกำลังที่ย้ายไปรอบสูง
ระบบหล่อเย็นก็ยังเห็นเดิมๆ
ระบบหล่อเย็นก็ยังเห็นเดิมๆ
ท่อไอเสียบ่งบอกว่าต้องต่อสู้มาแค่ไหนกว่าจะถึงคำว่าแชมป์
ท่อไอเสียบ่งบอกว่าต้องต่อสู้มาแค่ไหนกว่าจะถึงคำว่าแชมป์

ขอบคุณทีมงาน PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D ทุกๆ ท่านที่สละเวลามาอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ ขอบคุณสถานที่เรือนแพเอ็นดูโร่ปาร์ค ชุดนักทดสอบสคอยโก้ และเมก้าเดิร์ท เครื่องดื่ม GSD ผู้สนับสนุนการทดสอบ

IMG_1321

ความเห็นนักทดสอบ
“เป็นอีกครั้งที่ทีมงานไรดิ้งได้รับความไว้วางใจจากทีมแข่ง ให้ได้สัมผัสกับการ ขับขี่ทดสอบรถแข่งดีกรีแชมป์ประเทศไทย ครั้งนี้เป็นรถแข่งของสายเหนือครับ
มิติท่าทางการขับขี่ เริ่มจากแฮนด์ที่ยกสูงและกางมากกว่าแฮนด์ติดรถ ผมว่ามันช่วยได้การช่วยพลิกเลี้ยวรถทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเลี้ยววงแคบยังเป็นจุดเด่นของ CRF250L ครับ กันสะเทือนเป็นเรื่องที่ต้องคิดถึงแรกๆ ถ้าจะเอา CRF250L ไปแข่ง คันนี้ปรับปรุงมาทั้งหน้าและหลังจนทำให้ความรู้สักที่สัมผัสได้นั้นแตกต่างจากของเดิมมาก การเบรกก่อนจะเข้าโค้งรถจะมีความนิ่ง ไม่โยนตัว ทำให้คุมรถเข้าโค้งได้ง่าย การรองรับน้ำหนักถือว่าในส่วนการรับแรงกดนั้นดีกว่าเดิมมาก แต่รีบาวด์หรือการคืนตัวยังไวอยู่ เวลาขี่ทำให้ต้องโยกตัวไปข้างหน้าหรือหลังมากกว่าปกติเพื่อต้านแรงดีดเวลาที่โช้คคืนตัว ถ้าแก้ไขเรื่องรีบาวด์ได้จะขี่ได้เร็วขึ้นกว่านี้อีกเครื่องยนต์ได้ถูกปรับย้ายย่านกำลังไปเรียบร้อย แรงม้าจะเริ่มสำแดงเดชเอาในรอบกลางถึงปลาย ถามถึงตีนต้นผมว่ารถเดิมดีกว่าเห็นๆ แต่นักแข่งเจ้าของรถค่อนข้างจะมือหนักและขี่รอบสูง ถามว่าแรงกว่าเดิมมากไหม…ต่างจากเดิมอย่างรู้สึกได้แต่ไม่ได้หนักหน่วงรุนแรงจนทำให้รู้สึกเบา จะเร่งจากโค้งให้ฉับไวยังคงต้องใช้บริการระบบคลัทช์อยู่ ยังคงมีอารมณ์ของรถตลาดเอาไว้ให้รู้สึก การชิพเกียร์ ง่ายดายนุ่มนวลมาก การปรับกันสะเทือนชุดนี้นับว่า เพียงพอที่จะรับกับกำลังเครื่องยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่เมื่อกันสะเทือนมันรับได้แล้ว เราก็จะสามารถใช้กำลังงานของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นครับ เป็นรถที่แรงขึ้น ให้กำลังได้ดีในรอบที่สูงขึ้น ขี่ได้เร็วขึ้น แฮนด์ที่สูงช่วยให้ควบคุมสะดวกมาก กันสะเทือนรองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนถ้าปรับเพิ่มความหนืดได้จะสนุกยิ่งกว่านี้ครับ” เขมรัฐ สุธรรมวาท

 

 

Naked Bike

ถือได้ว่า ER-6n เป็นรถจักรยานยนต์ที่จุดประกายของรถบิ๊กไบค์ให้กลับมาได้รับความนิยม ด้วยรูปร่างที่โดดเด่น ดุดัน เข้มแบบเต็มๆ ยิ่งการปรับปรุงในเวอร์ชั่นที่ 2 ทำให้มียอดขายถล่มทลาย จนค่ายคู่แข่งทนไม่ไหวต้องขอร่วมสร้างกระแสส่งรถเข้ามาประชันกันเพียบ

DSC_0008

ยุคทองของการกอบโกย ER-6n คือรถที่ตอบโจทย์ของการใช้งานในเมืองด้วยสรีระที่นั่งขี่สบาย เครื่องยนต์ตอบสนองเร่งติดมือ ถึงจะเป็นแบบ 2 สูบเรียง ขนาด 650 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ เน้นความจัดจ้านในช่วงต้นและกลาง ดีไซน์ได้เท่ แต่ถึงอย่างไรความแปลกตาหรือความสวยงามที่อยู่ในหัวของไบค์เกอร์แต่ละคนมีความแตกต่างกัน การแต่งจึงถูกถ่ายทอดอารมณ์ไม่เหมือนกันสำหรับ ER-6n สีดำดุเข้มคันนี้ ก็ถูกเพิ่มออพชั่นและลูกเล่นเพื่อให้ดูมีสีสันและจุดเด่นที่น่ามองมากยิ่งขึ้น อย่างลูกเล่นง่ายๆ ที่ขอบวงล้อคาดลายเส้นด้วยสติ๊กเกอร์สีแดงตัดกับดำ ดิสก์เบรกหน้าแบบทวิน คาลิเปอร์แบรนด์ดังใส่แล้วหล่อ brembo แบบ 4 ลูกสูบ วินชีลด์หน้าเสริมความหล่อยกสูงขึ้น ไฟเลี้ยว LED ขนาดเล็ก rizoma แฮนด์บาร์อลูมินัมสีแดง ปลอกแฮนด์แบบ LUCKGRIP กระจกติดตั้งที่ด้านปลายของแฮนด์ ปั๊มแรงดันดิสก์เบรกหน้า brembo กระปุกลอย ก้านพับปรับระดับด้วยสกรู ก้านคลัทช์ปรับระดับแบบเหรียญ โช้คหน้ายังคงเป็นเทเลสโคปิคที่ติดมากับตัวรถแต่ถูกปรับเซ็ทไส้ในใหม่ด้วยสปริงและน้ำมัน โช้คหลังที่เป็นเอกลักษณ์วางองศาเอียงไว้ด้านขวาของตัวรถปรับพรีโหลดได้ ยึดระหว่างเฟรมกับสวิงอาร์มหลังแบบท่อเหล็กคู่ และสำหรับบิ๊กไบค์ที่ขาดไม่ได้กับสไลด์เดอร์กันล้มด้านข้างลดอาการจากหนักให้เป็นเบา ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ด้านท้ายเปลือยใส่ชุดแต่งยึดป้ายทะเบียนสั้นเป็นอลูมินัมและไฟเลี้ยวแบบ LED ปิดท้ายด้วยความเด่นของปลายท่อ เคฟล่าร์ที่ยึดอยู่กับพักเท้านอกจากนั้นก็มีจุดเล็กจุดน้อยที่เสริมด้ายน็อตสี สติ๊กเกอร์ และเสริมแผงกันเศษหินดีด MOTO PLAY สแตนเลส ทำให้เน็คเก็ดไบค์ ER-6n เป็นรถที่น่าขับขี่มากยิ่งขึ้น

 

DSC_0071

DSC_0068

DSC_0065

DSC_0080

DSC_0060

DSC_0074

DSC_0084

DSC_0087

DSC_0058

DSC_0089

ยามาฮ่าคว้าชัยศึกชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 5 รุ่น 1000 cc. รายการ BRIC SUPERBIKE 2016

ทัพนักบิดสังกัด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM โชว์ฟอร์มสุดแกร่งครองเจ้าความเร็วบนแทร็คระดับโลก โดย อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ควงคู่ทีมเมท อนุชา นาคเจริญศรี #10  ควบยามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 3 รุ่น SuperBike 1000 cc. ส่วน อนุภาพ ซามูล #500 และ อานนท์ สังวาลย์ #3 ก็สามารถพายามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 2 รุ่น SuperStock 1000 cc. ได้สำเร็จ รวมถึง ประวัติ ญาณวุฒิ #95  ก็สามารถคว้าอันดับที่ 3 ได้ในรุ่น SuperSport 600 cc. ด้วยยามาฮ่า YZF-R6 จากผลงานครั้งนี้ส่งผลให้การแข่งขันคลาส 1000 cc. ทั้ง 2 รุ่น ทัพนักบิดสังกัดยามาฮ่ายังคงเป็นผู้นำคะแนนสะสมประจำปี 2016 โดยการแข่งขันรายการ BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2016 สนามที่ 2 นี้ จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้

yamaha bric_2338

yamaha bric_930

yamaha bric_8726

yamaha bric_2334

yamaha bric_2305

yamaha bric_1355

yamaha bric_4185

yamaha bric_9636

“ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม” กวาดแชมป์ประเทศไทย ในรายการ จีช็อค เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2016

นักแข่ง ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม ครองโพเดียมคว้าแชมป์ประเทศไทยในรุ่น Pro-Am Runabout 4 Stroke Stock อันดับ 1-3 ได้แก่ ธีระ เสร็จธุระ สุภัค เสร็จธุระ ฮาจิเมะ อิซาไฮ ตามลำดับ และในรุ่น Pro-Am Runabout Limited ธีระ เสร็จธุระ และสุภัค เสร็จธุระ สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยในอันดับ 1 และ 3 ตามลำดับ โดยใช้ ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ เป็นพาหนะคู่กายในการคว้าแชมป์ประเทศไทยรายการนี้ ส่วน เจ เจตริน วรรธนะสิน Yamaha Brand Ambassador ที่ลงแข่งขันในรุ่น Pro-Am Ski 2 Stroke Stock ขับขี่ YAMAHA SUPER JET จบการแข่งขันในโมโตแรก อันดับที่ 3 โดยการแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายพงษ์ศักดิ์ สรวงมณีเกตุ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสด้านการขาย พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับนักแข่ง และทีมแข่ง ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ทำการแข่งขัน ณ หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อเร็วๆ นี้

Yamaha wave runner_8555 Yamaha wave runner_1625 Yamaha wave runner_7751 Yamaha wave runner_9531 Yamaha wave runner_8848 Yamaha wave runner_9317 Yamaha wave runner_2150