ยามาฮ่าจัดทัพใหญ่ลุยมอเตอร์สปอร์ตปี 2017 พร้อมไล่ล่าแชมป์ครองเบอร์ 1 เอเชียและส่งนักแข่งสู่ทีมระดับโลกของวาเลนติโน่ รอสซี่

มร.ชิเงะโอะ อายาคาวะ (คนที่ 6 จากซ้าย) ประธาน กรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง และนักแข่งในสังกัด YAMAHA THAILAND RACING TEAM และนักแข่งในสังกัด YAMAHA WAVERUNNER SINGHA THAILAND TEAM ถ่ายภาพร่วมกันภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวขุนพลเจ้าความเร็วประจำปี 2017 โดยในปีนี้ยามาฮ่าตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ผู้นำกีฬาความเร็วทั้งบนแทร็คความเร็ว และเจ้าความเร็วบนผืนน้ำของประเทศไทย ด้วยเป้าหมายการเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย และระดับนานาชาติ ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชียประจำปี 2017 และการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์โลกประจำปี 2017 พร้อมกันนี้ยามาฮ่าได้ส่งนักแข่งในสังกัดฯ เข้าร่วมทีมระดับโลกของแชมป์โลก 9 สมัย วาเลนติโน่ รอสซี่ และลงแข่งแบบเต็มฤดูการในรายการระดับโลก โดยงานแถลงข่าวจัดขึ้น ณ Yamaha Riders’ club (YRC) โชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ เกษตร-นวมินทร์ เมื่อเร็วๆ นี้

 

2017 All New GSX-S750

ไม่รอช้าค่ายใหญ่อย่างบิ๊กเอส Suzuki เริ่มขยับบ้างแล้วกับช่องว่างที่หายไป สำหรับรถบิ๊กไบค์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับช่วงปลายปีนี้ ได้ส่งโมเดลใหม่ All New GSX-S750 สำหรับที่จะว่างขายกันในปี 2017 โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซีรี่ส์นี้เลยก็ว่าได้ และทางค่ายเองก็หมายมั่นปั้นมือว่ามันจะตีตลาดสำหรับกลุ่มคนที่รักในการขี่บิ๊กไบค์ในชีวิตประจำวันเป็นหลักได้

 

GSX-S750 ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง GSX-S1000อย่างชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปต์หลักที่ต้องการให้ตัวรถนั้นมีความก้าวร้าว ดุดัน สมกับเป็นรถสตรีทไบค์อย่างแท้จริง ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 749 ซีซี DOHC แบบ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งแรงม้าที่ให้มากับ All New GSX-S750 คันนี้นั้นมากกว่ารุ่นเดิมถึง 8 ตัวด้วยกัน ซึ่งวัดออกมาแล้วได้ม้าถึง 115 แรงม้า ตรงนี้จะส่งผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเร็วปลายอย่างแน่นอน รวมไปถึงอัตราเร่งในแต่ละย่านความเร็วด้วย และตัวรถเองนั้นก็ได้ผ่านมาตรฐาน ยูโร 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

Suzuki GSX-S750 ด้วยการอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีให้กำลังที่มากกว่าเดิม และการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ ก็ทำให้น้ำหนักตัวโดยรวมนั้นเบาลงด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นอีกจุดขายที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับโมเดลนี้ ต่อมามาดูในเรื่องของออพชั่นต่างๆ กันบ้าง ตัวรถนั้นให้โหมดสำหรับการควบคุม Traction Control (ป้องกันล้อหมุนฟรี) ที่แตกต่างกันถึง 3 ระดับ โดยสามารถปรับได้จากแฮนด์รถเลย ให้เราเลือกใช้ให้เหมาะสมตามแต่ละสถานการณ์ สำหรับเบรกหน้านั้นใช้เบรกตัวใหม่ล่าสุดของ Nissin แบบ โฟลท์ติ้งดิสก์คู่ ทำให้การเบรกนั้นมีระยะที่สั้นและหนึบมั่นใจได้ ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ที่เป็นมาตรฐานมาจากโรงงานเลย สวิงอาร์มหลังนั้นก็ออกแบบมาใหม่ในสไตล์ของ tapered ที่โดดเด่น และปกติแล้วรถที่มีเครื่องยนต์แบบ 4 สูบมักจะออกตัวในรอบต่ำๆ ได้ไม่แรงทันใจเท่าไหร่ แต่ทาง Suzuki เองนั้นก็ได้ติดตั้งระบบช่วยตรงนี้มาด้วยที่เรียกกันว่า New Low RPM Assist ซึ่งจะบิดได้สนุกตั้งแต่รอบต่ำๆ กันเลย ขยับมาดูกันที่ล้อและยางกันบ้าง ตัวล้อนั้นเป็นแม็ก 10 ก้านแบบใหม่ล่าสุด ในขณะที่บางนั้นเป็นของ Bridgestone Battlax Hypersport S21

Suzuki GSX-S750 คาดว่าในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าน่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ที่จะมาพร้อมกับสเปคชัดๆ และราคาที่น่าสนใจ ด้วยขนาดที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการหารถบิ๊กไบค์ที่ประสิทธิภาพสูง มาใช้งานกันในชีวิตประจำวันเป็นหลัก และมันก็สามารถนำไปวิ่งออกทริปกันในช่วงวันหยุดได้อย่างสบายๆ

2017 Ducati Supersport S

ค่ายดังจากยุโรปที่ไบค์เกอร์หลายคนชื่นชอบกับความแรงของรถสปอร์ตฟูลแฟริ่งจากทาง Ducati โดยปกติเราจะคุ้น Panigale แต่คราวนี้มาในชื่อของ Ducati Supersport S ด้วยคอนเซ็ปต์รถทรงสปอร์ตที่มีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ และเน้นถึงการใช้งานที่คล่องตัวควบคุมง่าย สามารถขับขี่ใช้งานในท้องถนนและชีวิตประจำวัน มากกว่าจะต้องนำไปลงในสนามแข่งอย่างเดียว

สำหรับตัวรถจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 937 ซีซี 2 สูบ ที่ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 115 แรงม้า และแรงบิด 96.7 Nm ที่ 6,500 รอบ/นาที และมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 12.6 : 1 ถือว่าเป็นรถที่เน้นแรงบิดในช่วงต้นถึงกลางมากเป็นพิเศษ มาพร้อมกับน้ำหนักตัวขนาด 210 กก. ระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้โช้คหัวกลับ Ohlins ขนาด 48 มม. อีกทั้งยังมีระบบ  Ducati’s quick shift up/down ที่ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์ช่วยให้รอบเครื่องยนต์นั้นต่อเนื่อง สวิงอาร์มหลังแบบโปรอาร์มเน้นความเป็นสปอร์ต และท่อคู่แบบออกข้าง

 

ระบบคันเร่งไฟฟ้า ride-by-wire ระบบเบรก ABS ของ Bosch 9MP และมีระบบ Ducati’s traction control ทำงานร่วมกับสมองกลติดรถมาให้ด้วย มาพร้อมกับโหมดในการขับขี่ที่มีให้เลือกอยู่ 3 โหมดSport (สปอร์ต) – แรงม้า 115bhp, เปิด quickshifter, ตั้งการทำงาน traction control ไว้ที่ระดับ 3, Touring (ออกทริป) – แรงม้า 115 แรงม้า ปรับ throttle action (ลิ้นปีกผีเสื้อ) ให้นุ่มนวลขึ้น ตั้งการทำงาน traction control ไว้ที่ระดับ 4 และเปิด quickshifter และ Urban (ใช้งานในเมือง) แรงม้าลดลงมาเหลือ 75 แรงม้า ปรับ throttle action (ลิ้นปีกผีเสื้อ) ให้ทำงานอย่างนุ่มนวลต่อเนื่องกันมากที่สุด ตั้งการทำงาน traction control ไว้ที่ระดับ 6 และปิดระบบ quickshifter ความสูงเบาะนั้นเซ็ทมาที่ 810 มม. แต่สามารถปรับเบาะให้ลดลงอีกได้ถึง 2 มม. เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละคน หน้าจอแสดงผลเอกลักษณ์เฉพาะที่มีฟังก์ชั่นมากมายเป็นแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ TFT display ทำงานร่วมกับระบบ Ducati Multimedia System (DMS) อันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย Ducati Supersport S และเปิดตัวด้วยราคา 10,995 ปอนด์ หรือแปลงเป็นเงินไทยประมาณ 476,000 บาท สำหรับตัวนี้มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าทาง Ducati Thailand จะนำเข้ามาประกอบตัวนี้ขาย เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดของรถแนวนี้

 

 

ยามาฮ่าขนทัพบิ๊กไบค์ลุยงาน Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษแบบจัดเต็มกว่า 57,000 บาท

นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการส่วนพัฒนาธุรกิจยามาฮ่าบิ๊กไบค์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อม “ตั้น เดชา ไกรศาสตร์” แชมป์นักบิดขวัญใจชาวไทย เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดงาน Bangkok Motorbike Festival 2017 โดยมีนายณัฐพล ไตรณัฐี และนายณัฐบูร ไตรณัฐี 2 ผู้จัดงาน Bangkok Motorbike Festival 2017 ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกัน โดยในปีนี้ยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ ขนรถบิ๊กไบค์กว่า 10 รุ่น มาร่วมออกงานพร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ รวมมูลค่าสูงสุดถึง 57,000 บาท เอาใจสาวกยามาฮ่าอย่างเต็มพิกัด โดยงานแถลงข่าวมีขึ้น ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซนอีเดน เมื่อเร็วๆ นี้

 

Yamaha M-SLAZ 150 VANZZZ…SPEED

กระแสความนิยมของรถเน็กเก็ดไบค์ขนาด 150 ซีซี จากค่ายส้อมเสียง ที่ทำให้วัยรุ่นหันกลับมาขับขี่รถเกียร์อีกครั้ง และแน่นอนว่าด้วยรูปทรงสรีระที่ออกแบบได้โดนใจ และยังมีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่บิดสนุกเร้าใจ จนครองใจนักบิดรุ่นใหม่ทำให้ค่ายรถอื่นๆ อิจฉาเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่เป็นรถเน็กเก็ดไบค์ขนาด 150 ซีซี ตัวแรกที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างถูกอกถูกใจแล้ว ในเรื่องของการปรับแต่งเสริมความหล่อ ความเท่ ที่ยังคงฮอตฮิตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จึงไม่แปลกที่จะเห็นการปรับแต่งในสไตล์ต่างๆ แต่สำหรับสไตล์แว๊นซ์ ไม่ค่อยได้เห็น นี่ก็เพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ สำนักแข่งรถระดับประเทศ K-Sport ทำขึ้นมาเพื่อไปขับขี่โชว์ในงานที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ก็เลยขอเก็บภาพสวยๆ มาให้ชมกัน สิ่งที่ทำให้สไตล์เน็กเก็ดไบค์หายไปก็คือ การเปลี่ยนลุคด้วยการใส่วงล้ออลูมินัมแบบซี่ลวดเข้ามาประจำที่จนกลายเป็นรถสายแว๊นซ์ไปแทน จานดิสก์เบรกสปอร์ตแบบให้ตัวด้วยโฟลท์ติ้ง คาลิเปอร์ลูกสูบคู่ สายถักสแตนเลส โช้คอัพหน้าหัวกลับ UP Sidedown ที่เป็นออพชั่นติดรถแต่ปรับเซ็ทใหม่ แฮนด์เดิ้ลบาร์ทรงต่ำเน้นหมอบ ก้านคลัทช์และก้านเบรกอลูมินัมพับได้ นอกจากท่านั่งที่ถูกบังคับด้วยแฮนด์แล้ว พักเท้าแบบเรซซิ่งขยับเยื้องหลังโดยไม่ต้องโยงเกียร์ เบาะนั่งยังอยู่ครบทั้งคนซ้อนท้ายแต่คงนั่งลำบากเพราะว่าพักเท้าหลังไม่มี..555 ชุดหลังระบบซับเพนชั่นแบบกระเดื่องเพิ่มความนิ่มนวลพร้อมกับการเสริมโช้คอัพแก๊สเข้ามาใหม่ ชุดดุมล้อหลังอลูมินัมถูกสร้างขึ้นมาใหม่สำหรับวงล้ออลูมินัมซี่ลวด สวิงอาร์มทรงสปอร์ตกิลอาร์มทีี่ถอดแบบมาจากบิ๊กไบค์รุ่นพี่ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวและคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ใช้สายถักสแตนเลสย้ำด้วยหัววงแหวนอลูมินัม

 

 

สำหรับเครื่องยนต์สายแว๊นซ์ก็มีการปรับเซ็ทเพิ่มแรงม้าแรงบิดเพื่อให้ขับขี่สนุกสนานเร้าใจมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการเสริมการรีดแรงม้าด้วยท่อไอเสีย และการคำนวณอัตราการทดสเตอร์หน้า/หลัง และโซ่ข้อบาง 415 พร้อมสำหรับการกดคันเร่งในสนามแข่งทางตรง

Yamaha NMAX…New Color สปอร์ตเมติก 155cc สีใหม่…สายพันธุ์แม็กซ์

ยามาฮ่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกอีกครั้ง ด้วยการส่งออโตเมติกสายพันธุ์สปอร์ตตระกูล MAX Series ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง อย่าง “Yamaha NMAX…New Color” ในสไตลิ่งที่หรูหรา พร้อมสีใหม่ไฮ-คลาส สู่ตลาด เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบ “สปอร์ตสกู๊ตเตอร์” ได้สัมผัสกับความเร้าใจครั้งใหม่!!! สำหรับ Yamaha NMAX…New Color ใหม่นี้ มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกันถึง 4 สี คือ สีเทา, สีแดง, สีขาว และสีดำ และยังคงมาพร้อมกับความแรง หรู เร้าใจ สไตล์ “MAX” กับขุมพลังเครื่องยนต์หัวฉีด 155 ซีซี. 4 วาล์ว น้ำหนักเบา ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล และระบบเกียร์ CVT ทน แกร่ง ประหยัดกว่า บิดอัดได้เต็มอัตรา อีกทั้งยังเพิ่มความแรงเร้าใจให้มากขึ้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA (Variable Valve Actuation) ระบบอัจฉริยะ 4 วาล์ว แรงเต็มพิกัดในทุกอัตราเร่ง ทั้งรอบต่ำ กลาง และสูง ให้การขับขี่ราบรื่นทุกแรงบิด ผสมเข้ากับเทคโนโลยีแห่งความแรง และความประหยัด ที่เหนือชั้นกว่า ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระบายความร้อนได้ดีกว่า และลดการสูญเสียกำลัง ช่วยให้ความแรงมาพร้อมความประหยัดน้ำมัน เผาไหม้ได้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมYamaha NMAX…New Color ใหม่ ยังคงโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์หรูหรา พร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ เพื่อตอบสนองทุกความเร้าใจไปกับชีวิตเต็มแม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็น หน้าปัด FULL LCD ดีไซน์สปอร์ตพร้อมมาตรวัด Eco Indicator แสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบเรียลไทม์ และไฟแบ็คไลท์ LED สีขาว หรูหราเห็นชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน, ไฟหน้า FULL LED และไฟหรี่พร้อมไฟเบรก LED ที่ให้ความโดดเด่นทุกมุมมอง ดีไซน์หรูหราสไตล์สปอร์ต ให้ความสว่างชัดเจนทุกระยะ, Max Box 25 ลิตร ขนาดใหญ่ เก็บหมวกกันน็อคเต็มใบไซส์ XL ได้ เบาะเปิดค้างอัตโนมัติแบบนุ่มนวลด้วย Coil Spring พร้อมมือจับดีไซน์ใหม่แบบเมทัลลิก Yamaha NMAX…New Color ใหม่ ยังให้ความมั่นใจกว่า ด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS เพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ตามแบบฉบับซูเปอร์สปอร์ต พร้อมล้อแม็กอลูมิเนียมขนาด 13 นิ้ว และยางที่มีขนาดหน้ายางใหญ่ (หน้า 110/70-13: หลัง 130/70-13) ที่ให้การยึดเกาะที่มั่นคง และให้ความมั่นใจทุกการขับขี่ในทุกเส้นทางโดยทางยามาฮ่ายังได้เตรียมอุปกรณ์ตกแต่ง MAX Styling Accessories กับชุดแต่งสุดเอ็กคลูซีฟสไตล์ MAX Series อาทิ ชุดบังลมหน้าทรงสูง, ชุดการ์ดแฮนด์, ชุดรองพักเท้าหน้า, ตะแกรงหลัง, กล่องหลัง Givi ความจุ 30 ลิตร และโช้คอัพหลัง OHLINS เพื่อให้ได้เท่กันเต็มแม็กซ์  โดยสามารถเป็นเจ้าของ “Yamaha NMAX…New Color” สปอร์ตเมติก 155 ซีซี. สายพันธุ์แม็กซ์…ที่เหนือระดับ ด้วยราคา 80,000 บาท

 

 

ล้ำกว่ากับ หน้าปัด FULL LCD ดีไซน์สปอร์ตพร้อมมาตรวัด Eco Indicatorแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบเรียลไทม์ และไฟแบ็คไลท์ LED สีขาว หรูหราเห็นชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน

 

เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ระบายความร้อนได้ดีกว่าและลดการสูญเสียกำลัง ช่วยให้ความแรงมาพร้อมความประหยัดน้ำมันเผาไหม้ได้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แรงกว่าด้วย ขุมพลัง 155cc เครื่องยนต์หัวฉีด 155 ซีซี 4 วาล์ว น้ำหนักเบา ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล และระบบเกียร์ CVT ทน แกร่ง ประหยัดกว่า บิดอัดได้เต็มอัตรา

 

มั่นใจกว่าด้วย ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อม ระบบเบรก ABS ติดตั้งโช้คแบบซับแทงค์ช่วยดูดซับแรงกระแทกเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ตามแบบฉบับซูเปอร์สปอร์ต

 

หรูกว่า… กับ ไฟหน้า FULL LED พร้อมไฟเบรก LEDโดดเด่นทุกมุมมองด้วยไฟหน้า FULL LED และไฟหรี่พร้อมไฟเบรก LED ดีไซน์หรูหราสไตล์สปอร์ต ให้ความสว่างชัดเจนทุกระยะ

ใหญ่กว่า…กับ Max box 25 ลิตรขนาดใหญ่ เก็บหมวกกันน็อคเต็มใบไซส์ XL ได้ เบาะเปิดค้างอัตโนมัติแบบนุ่มนวลด้วย Coil Spring พร้อมมือจับดีไซน์ใหม่แบบเมทัลลิก

 

เร็วกว่าด้วย ระบบวาล์วแปรผัน VVA (Variable Valve Actuation)ระบบอัจฉริยะ 4 วาล์ว แรงเต็มพิกัดในทุกอัตราเร่ง ทั้งรอบต่ำ กลาง และสูง ให้การขับขี่ราบรื่นทุกแรงบิด

 

 

  • เครื่องยนต์

แบบ                                                        4 จังหวะ SOHC  สูบเดี่ยว 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ

พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน ( VVA )

ปริมาตรกระบอกสูบ                            155  ซีซี

อัตราส่วนกำลังอัด                                                10.5 : 1

กระบอกสูบ x ระยะชัก                         58.0 x 58.7 มม.

ชนิดหัวเทียน                                          NGK / CPR8EA-9

ระบบจ่ายน้ำมัน                                    แบบหัวฉีด

ระบบจุดระเบิด                                     T.C.I.

ระบบคลัตช์                                           คลัตช์แห้ง ชนิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางอัตโนมัติ

ระบบสตาร์ท                                         สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า

น้ำมันเชื้อเพลิง                                      น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือ E20

ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง                          6.6 ลิตร

ความจุน้ำมันเครื่อง                               0.90 ลิตร

ระบบส่งกำลังขับ                                  ออโตเมติก แบบสายพานตัววี (V-Belt)

อัตราทดอัตโนมัติ(หน้า/หลัง)               2.248-0.708 : 1

อัตราทดเฟืองท้าย                                  10.208 (56/16×35/12)

กรองอากาศ                                          แบบกระดาษเคลือบน้ำมัน

 

  • โครงรถ

ชนิดของเฟรม                                        อันเดอร์โบน

มุมคาสเตอร์/ระยะเทล                         26 ◦  / 92 มม.

กว้าง x ยาว x สูง                                      740 x 1,955 x 1,115 มม.

ความสูงจากพื้นถึงเบาะ                       765 มม.

ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง                                   135 มม.

ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ                     1,350 มม.

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด                              2,000 มม.

น้ำหนักรวมน้ำมันเครื่อง                      127 กก.

และน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง

 

  • ระบบไฟฟ้า

ไฟหน้า                                                    LED

แบตเตอรี่                                                               12 V, 6.0 Ah /YTZ7V (แบบ MF)

 

  • ระบบกันสะเทือน

หน้า                                                        เทเลสโคปิค

หลัง                                                         ยูนิตสวิง

 

  • ระบบเบรก

ดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบ ABS

 

  • ล้อ

NMAX (2DP9)                                       ล้อแม็ก

 

  • ยาง

ล้อหน้า                                                   110/70-13M/C 48P

ล้อหลัง                                                   130/70-13M/C 63P

 

พบกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th และร่วมอัพเดทความเคลื่อนไหวของยามาฮ่าได้ทาง

Facebook      : www.facebook.com/yamahasocietythailand Instagram     : @yamahasocietythailand Youtube        : Yamaha society thailand

 

 

 

AEROX 155 RCB RACING SPIRIT

วงการสองล้อประเทศไทยเติบโตได้เพราะรถประเภทกึ่งๆ ลูกครึ่ง หรือกระเทยที่เรียกกันยุคหนึ่ง แม้ทิศทางความนิยมจะชัดว่าบูมไปทางบิ๊กไบค์ แต่กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปก็ยังคงเลือกที่จะใช้รถจักรยานยนต์ขนาดย่อมที่สะดวกต่อการใช้งาน และยังไม่ยากในการดัดแปลงตกแต่งให้เป็นรถในฝันได้อย่างง่ายดาย

ทำให้มีรถประเภทเกียร์ออโตเมติกที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีสไตล์ของตัวเองอย่างชัดเจน ล่าสุดกับโมเดลระดับอาเซียนที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ยามาฮ่า แอร็อกซ์ 155 ออโตเมติกสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นที่มองเผินๆ ตอนเดินผ่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นสกู๊ตเตอร์บิ๊กไซส์ด้วยซ้ำ และยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อได้รับการตกแต่งด้วยชิ้นงานคุณภาพทั้งสวยงามและเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ให้เท่และดูเร้าใจยิ่งขึ้น เริ่มจากแผ่นบังลมได้ยกมาแทนกรอบบังไมล์ของเดิมดูสปอร์ตและดุดันมากยิ่งขึ้น กรอบเดิมยกออกไปเพราะชุดแฮนด์ได้รับการอัพเกรดเช่นเดียวกันด้วย แฮนเดิ้ลได้ปรับเปลี่ยนเป็นของ RCB ที่เข้ากันได้อย่างพอดีและลงตัวกับแฮนด์การ์ดและชุดปั๊มบนพร้อมมือเบรกแบบใสสไตล์ “ตู้ปลา” จัดวางอย่างสมดุล ดุดันและลงตัว เสริมความมั่นคงในการขับขี่เข้าไปอีกด้วยกันสะบัดสีแดงโดดเด่นวางขวางใต้แผงคอ ให้ผู้ขับขี่เสพความเท่แบบสปอร์ตได้ตลอดเวลาที่ขับขี่ ด้านท้ายโดดเด่นด้วยโช้คอัพหลังคู่พร้อมกระปุกวางเฉียง โชว์ให้เห็นตัวปรับการทำงานได้อย่างชัดเจนและใช้งานได้จริง ชุดเบรกทั้งหน้าและหลังจัดการเปลี่ยนสายถักและปั๊มเบรก ด้านหน้านั้นงานแทนที่ แต่ด้านหลังนี่ยกเปลี่ยนจากดรัมเบรกมา เป็นดิสก์เบรกอย่างลงตัว ด้วยคาลิเปอร์ RCB สีทองพร้อมสายถักยี่ห้อเดียวกัน ปลายแกนล้อหน้าและหลังยังจัดสไลเดอร์ของ KOSO ไว้เสร็จ เท่านี้ก็เฟี้ยวรับกับกราฟฟิกยามาฮ่าเรซซิ่งทีมโทนสีน้ำเงินขาวอย่างไม่ขัดตา

ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีแอบจัดชุดเล็กๆ แต่ดูใหญ่โดยเฉพาะท่อไอเสียแบรนด์ดัง Leo Vince SBK ปลายคาร์บอนบิ๊กเบิ้มแต่ไม่ดูเกินตัวเพราะยางหน้าหลังขนาดใหญ่ก็ทำให้ดูแน่นเข้าไปอีก ใกล้กันเป็นแผงกันหม้อน้ำ ฝั่งตรงข้ามยกกรองติดรถหม้อใหญ่ออกไปแล้วใส่กรองแต่งหน้าตาดีของ UMA Racing เรียกว่าจัดกันพอหอมปากหอมคอ ซึ่งของแต่งทั้งหมดสามารถจัดหามาจัดวางอย่างลงตัวได้จากเรซซิ่งบอยไทยแลนด์ โทร 0-2889- 6697 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.racingboythailand.com แฟนเพจเฟซบุค www.facebook.com/Racingboy.th

Benelli TRK 502

เมื่อปีที่ผ่านมาค่าย Benelli ได้เปิดตัวรถต้นแบบ prototype Benelli TRK 502 รถในแนวทัวร์ริ่ง-แอดเวนเจอร์ จากค่ายอิตาลี่ ให้ได้ยลโฉมกันแล้ว ปีนี้ดีเดย์คลอดออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว กับเวอร์ชั่น ออนโรดและออฟโรด โดยมีกำหนดการจองครั้งแรกในโลกที่งาน Eicma Show เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

TRK 502 เป็นรถทัวร์ริ่ง-แอดเวนเจอร์ ถูกออกแบบเน้นความแข็งแรง และให้สมรรถนะแรงบิดในช่วงความเร็วต้นถึงกลางมากเป็นพิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 500cc แบบ 2 สูบเรียง DOHC 4 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่/สเตอร์ แน่นอนว่าเครื่องยนต์นั้นผ่านมาตรฐานยูโร 4 เป็นที่เรียบร้อย ทางด้านขุมกำลังให้แรงม้ามาสูงสุด 47 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจมากๆ เพราะเราจะมีขุมกำลังที่เหลือเฟือในการแบกน้ำหนักของรถทรงนี้ และเวอร์ชั่นออนโรดวงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว แต่ในเวอร์ชั่นออฟโรด วงล้อซี่ลวดหน้า 19 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว ความจุของถังน้ำมัน 20 ลิตร โดยที่มีถังสำรอง 3 ลิตร เหลือเฟือสำหรับการออกทริปเดินทางไกลเป็นอย่างมาก ในส่วนของแฟร์ริ่งด้านหน้านั้นมีขนาดค่อนข้างกว้าง เน้นการกันลมที่จะมาประทะกับตัวผู้ขับขี่ ความสูงเบาะนั้นมีขนาด 800 มม. กำลังพอดีไม่สูงมากจนเกินไป แต่พื้นที่ระหว่างใต้ท้องรถและพื้นถนนก็มีความสูงมากพอที่ทำให้เราวิ่งข้ามพวกสิ่งกีดขวางอย่างพวกหลุมบ่อได้สบาย ตัวเฟรมรถนั้นเป็นแบบเฟรมถักสีดำ มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ upside-down สามารถปรับระดับได้ด้วย ส่วนโช้คอัพหลังเป็นแบบเดี่ยวสามารถปรับระยะได้เช่นเดียวกัน ระบบเบรกหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มม. ใช้คาลิเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบ  ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดียวขนาด 260 มม. และใช้คาลิเปอร์แบบสูบเดียว แน่นอนว่าทั้งหน้าและหลัง และให้ระบบ ABS มาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงานเลยด้วย

     

ซึ่งตัวรถ Benelli TRK 502 นั้นคาดหวังว่าจะเริ่มส่งมอบรถกันได้ในช่วงต้นปี 2017 นี้ และราคายังไม่เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ คาดว่าในช่วงสัปดาห์หน้านี้ในงาน EICMA Show โดยปกติทางค่าย Benelli ในยุคนี้จะใช้จุดแข็งทางด้านราคาเข้ามาต่อสู้กับคู่แข่งเป็นหลักอยู่แล้ว พ่วงกับออพชั่นต่างๆ แบบจัดเต็ม งานนี้ก็มารอลุ้นราคากันว่าจะเปิดที่เท่าไหร่

New Honda CBR650F & CB650F 2017

ต้องบอกว่าช่วงปลายปีจะเป็นช่วงของการเปิดตัวรถใหม่อย่างที่ไบค์เกอร์หลายๆ ท่าน ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้งานมหกรรมรถจักยานยนต์ระดับโลก EICMA 2016 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพิ่งจะเปิดงานไปได้ไม่กี่วันนี้เอง แน่นอนว่าค่ายรถจักรยานยนต์เกือบทั่วโลกจะเข้าร่วมในงานนี้เพื่อเปิดตัวและโชว์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย

 

สำหรับรถที่จะรีวิวในวันนี้ก็คือ New Honda CBR650F & CB650F 2017 ได้เวลาสำหรับการปรับเปลี่ยนของค่ายปีกนกบ้างแล้ว ในโมเดลยอดนิยมเดอะมิดเดิ้ลไบค์ขนาดกลาง ซึ่งต้องบอกว่าเพิ่งจะปรับเปลี่ยนสีใหม่ไปได้ไม่นานนี้เอง ล่าสุดจัดการอัพเกรดใหม่อีกครั้งแต่ครั้งนี้ล้วงลึกเข้าถึงระบบเครื่องยนต์เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น รวมไปถึงแรงม้าที่เพิ่มขึ้น โดยเผยโฉมให้ได้ชมกันในงาน EICMA พร้อมเดินหน้าลุยตลาดในปี 2017 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก แต่การอัพเกรดครั้งนี้ได้ไม่เน้นที่รูปร่างหรือโครงสร้างใหม่ โดยจะเน้นพื้นเดิมเป็นหลักแต่จะเพิ่มในเรื่องของสมรรถนะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจ ไฟหน้านั้นได้เปลี่ยนมาเป็นแบบ LED เบาะนั่งตอนเดียว โช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค Showa แบบ Dual Bending Valve ขนาด 41 มม. ช่วยในการซับแรงกระแทกหรือสั่นได้ดีกว่าเดิม โช้คอัพลังเดี่ยว ดิสก์เบรกหน้าคู่ ใช้คาลิเปอร์ NISSIN ก็ปรับอัพเกรดใหม่เช่นกัน มาพร้อมกับระบบเบรก ABS วงล้อแม็กอลูมินัม 17 นิ้ว รัดด้วยยางเรเดียลจุ๊บเลส ทั้งสองโมเดลนั้นใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ตัวเดียวกัน ความจุ 649cc แบบ 4 สูบเรียง 4 จังหวะ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ อันนี้ก็คงจะรู้ๆ กันดีอยู่แล้ว แต่เมื่ออัพเกรดใหม่แล้วจะแสดงผลให้เห็นแรงม้าที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 4 ตัว เป็น 90  แรงม้า ที่ 11,000 รอบ/นาที ซึ่งทางค่ายฮอนด้าเคลมมาว่าแรงม้าจะส่งผลตั้งแต่ 5,000 รอบ แรงบิดก็เพิ่มขึ้นให้มีความจัดจ้านไม่เบา ซึ่งจะสัมพันธ์กับท่อไอเสียของใหม่ที่เซ็ทระบบการระบายใหม่ให้โล่งขึ้น อัตราการทดเกียร์ปรับให้มีระยะชิดมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ออกตัวในช่วงต้นในรอบเดินเบานั้นดีขึ้น ซึ่งมันจะทำให้เสียงของเครื่องยนต์มีความทุ้มดุดันมากว่าเดิม

ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจของฮอนด้าที่อัพเกรดให้กับ CBR650F & CB650F มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีและทุกอย่างถูกพัฒนาไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม และแน่นอนว่าเครื่องยนต์ที่อัพเกรดขึ้นนั้นผ่านมาตรฐาน euro4 เป็นที่เรียบร้อย “นั่นก็คือจุดที่ทำให้ต้องอัพเกรดใหม่” โดยรวมๆ แล้วเครื่องยนต์ทีให้แรงม้าและกำลังบิดที่เพิ่มขึ้น ระบบช่วงล่างได้ถูกปรับปรุงใหม่ น่าจะตอบสนองการขับขี่ที่สนุกขึ้นไม่น้อย แต่สำหรับราคาคิดว่าน่าเพิ่มจากเดิมเล็กน้อยไม่น่าเกิน 15,000 บาท คงได้เห็นในปลายปีนี้แน่นอน

Benelli Riding Spirit อุดรธานี

เพื่อเป็นการรณรงค์ การขับขี่ปลอดภัยให้และเป็นการฝึกฝนทักษะเพิ่มความชำนาญให้กับตัวผู้ขับขี่และการใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น  ทางบริษัท เบเนลลี่ คีเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้จัดหลักสูตรอบรมขับขี่ปลอดภัย  Benelli  Riding  Spirit  ในวันที่ 22 ตุลาคม 2559 ที่ลาน อเนกประสงค์เทศบาลตำบลหนองบัว  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี เพื่อให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพื่อเป็นพื้นฐานในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างถูกวิธี และมุ่งเน้นด้านความปลอดภัย โดยครั้งนี้ได้ร่วมกับ  ห้างหุ้นส่วนจำกัด  ทีเอ็นเอ็น  มอเตอร์  (Benelli  อุดรธานี ) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงอย่างมากมาย ช่วงแรกได้สอนเทคนิคขั้นพื้นฐานเพื่อปรับร่างกายความสมดุลของคนกับรถ จากนั้นจึงปรับสนามให้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้นและสถานีสุดท้ายเป็นการใช้เบรคอย่างถูกวิธ  และทาง Benelli จะมีกิจกรรมดีๆแบบนี้ที่ไหนเมื่อไรติดตามได้ที่

www.instagram.com/benellithailand www.facebook.com/BenelliTHและ www.benelli-thailand.co.th

2016 CRF250R ปรับขุมกำลังและยังเพิ่มสเป็คช่วงล่าง

สำหรับกระแสตอบรับของ CRF250R ปี 2016 ไม่ค่อยฉูดฉาดนัก เหตุผลหลักๆ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของรูปร่างหน้าตาภายนอกที่ดูไม่แตกต่างจากปี 2015 ที่แม้แต่สติกเกอร์ก็ยังเป็นลายเดียวกัน ซึ่งมันเป็นปราการด่านแรกที่ดูจะไม่ได้รับการเหลียวแลสักเท่าไร เพราะสิ่งที่ฮอนด้าจัดหนักคือในส่วนของเครื่องยนต์และกันสะเทือน ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้การสัมผัสด้วยการขับขี่แล้วจะรู้ว่าฟิลลิ่งมันแตกต่างออกไป

เครื่องยนต์
หน้าตาภายนอกดูเหมือนเดิมมาตั้งแต่ยุคแรกๆ กับฝาสูบเล็กๆ ของระบบยูนิแคม ปลายท่อคู่ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ปี 2014 ส่วนคอท่อมีระบบเพาเวอร์บอมบ์เพื่อรองรับกับการจัดกระบวนกำลังใหม่ ด้วยการใช้ลูกสูบที่ลดน้ำหนักลงได้อีก แคมชาฟท์ใหม่ วาล์วไอเสียได้เวลาเปลี่ยนจากเหล็กเป็นไททาเนียมเสียที (วาล์วไอดีเป็นไททาเนียมมานานหลายปีแล้ว) พร้อมกับได้จัดสปริงวาล์วใหม่ อัตราส่วนการอัดเพิ่มขึ้นจาก 13.5 ในปี 2015 เป็น 13.8 ในปี 2016 ข้อเหวี่ยงและก้านสูบใหม่ลดน้ำหนักให้เบา ปรับปรุงทางเดินอากาศสู่เครื่องยนต์ให้สะดวกยิ่งขึ้น ขาดไม่ได้คือเรื่องของการพัฒนาระบบไฟจุดระเบิดควบคู่กันไปด้วย ทั้งหมดเพื่อหวังประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่เน้นให้แรงม้าดันไหลไปได้ถึงรอบปลายที่ดีขึ้น

โหมดเครื่องยนต์

เพิ่มทางเลือกพื้นฐานให้กับการใช้งานที่แตกต่างในเรื่องของพื้นผิวแทร็คด้วยปุ่มเลือกโหมดเครื่องยนต์ Engine Select Mode Botton ซึ่งยังคงเหมือนเดิมจากเมื่อปี 2015 ด้วยปุ่มกดสีฟ้าที่ด้านขวาของแฮนด์ กดปุ่มค้างไว้เพื่อเลือกโหมดที่มีให้เลือก 3 ตัวเลือก คือ ไฟกระพริบ 1 ครั้งห่างๆ คือโหมดมาตรฐาน กระพริบ 2 ครั้งคือโหมด Smooth สำหรับสนามลื่นหรือยึดเกาะไม่ค่อยดีมีการหน่วงรอบช่วยไว้ ส่วนกระพริบ 3 ครั้งคือโหมด Aggressive เอาไว้จัดหนักในวันที่มั่นใจกับสภาพแทร็คสุดๆ ด้วยความดุดันที่มากกว่า

กันสะเทือน
ปี 2015 ถือว่าให้มาใหม่กับระบบ Air Fork แต่ปี 2016 ฮอนด้ายังไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อเนื่องด้วย Showa SFF-Air TAC เส้นผ่าศูนย์กลางยังเท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 49 มม. แต่ได้รับการเพิ่มความยาวโช้คขึ้น 5 มม. นอกจากจะเบากว่าโช้คแบบคอยล์สปริงแล้วยังลดความฝืดของผิวแกนโช้คได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโช้คหลังก็เป็นการปรับวาล์วภายในและกระเดื่อง รวมถึงลูกกลิ้งรองโซ่ใหม่ใหญ่กว่าเดิม

                                                                     ท่อไอเสียมีเพาเวอร์บอมบ์ช่วยขยายย่านกำลัง
                                                       โหมดเครื่องยนต์มี 3 ระดับปรับที่ปุ่มบนแฮนด์ด้านขวาเหมือนเดิม
                                                                            เพิ่มการป้องกันแผงหม้อน้ำเอาไว้ก่อน (อุปกรณ์ตกแต่ง)
                                                                       เนมแพลทที่คอรถแจ้งที่มาแต่ไม่ระบุปีมาให้
                                                                     ดิสก์การ์ดให้มาพร้อมจานหน้า 260 มม.
                                                             ระบบยูนิแคมเหมือนเดิมที่ต่างไปคือใช้วาล์วไททาเนียมล้วน
                                                                                 คอสูงอานต่ำทำมิติเล็ก
                                                                            อุปกรณ์มาตรฐานใน CRF ตระกูล R ทุกคัน
                                                                 โช้คลมโชว่ารุ่นใหม่แนะนำสเป็คลมโช้คหน้ามาให้คร่าวๆ

 

                                                                                  เครื่องยนต์ปรับใหม่ให้ตืนปลายดีขึ้น

ขอบคุณทีมงานสุรชัยยนต์ จังหวัดพิษณุโลก สำหรับการอดใจรอเพื่อการทดสอบครั้งนี้ น้องไอซ์ กมลภพ ไข่ขำ นายแบบและเจ้าของรถจากสุโขทัย ยางควิกและวงล้อโยโกผู้สนับสนุนคอลัมน์ด้วยดีเสมอมา การประสานงานจากเพลง เกษตร สุคนธ-รัตน์ ชุดนักทดสอบจากเดิร์ทช็อพ และเครื่องดื่ม GSD สำหรับการปิดซีรีส์ MX SAMPLE 2016 อย่างสมบูรณ์ ปีหน้าว่ากันใหม่อย่าลืมติดตามกันนะครับ

                                            กำลังใจเพียบเลยครับงานนี้ ขอบคุณทีมงานสุรชัยยนต์ บ้านกร่าง พิษณุโลก

ความเห็นนักทดสอบ “เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“ถ้าไม่ได้เช็คข้อมูลก่อนก็คงดูไม่น่าค้นหาไปอีกรุ่นเพราะเหมือนกันกับ CRF250R ปี 2015 เหมือนเดิมแม้แต่ลายสติกเกอร์ ที่ไหนได้ภายในเขาปรับมาให้เยอะมาก เน้นทั้งเครื่องทั้งกันสะเทือนแทบจะทั้งหมดเลยสัดส่วนตัวรถยังคงเท่าเดิมกับปี 2015 ที่ผ่านมาครับ สั้น สูง บาง และยังคงความเบาไปซะหมดในการควบคุมทั้งบนพื้นและบนอากาศ ขี่ง่ายยังเป็นเหตุผลต้นๆ ในการเลือกใช้มาเป็นรถประจำกาย มันช่วยให้ขี่ได้นานโดยไม่ต้องเปลืองแรง ชอบตรงนี้นะ แต่รถเบาๆ ต้องเซ็ทกันสะเทือนดีๆ ไม่งั้นมันแกว่งไปหมดแม้แต่บนพื้นที่ควรจะนิ่ง ยิ่ง CRF250R ปี 2016 นี่เป็นโช้คหน้าแบบแอร์ฟอร์คตัวใหม่ ยาวกว่าปี 2015 อยู่ 5 มม.เขาว่ามันช่วยเรื่องการทรงตัว ทางทีมงานได้ปรับสำหรับนักแข่งประจำรถที่หนักมากกว่าผมแค่ 3 กก. แต่ขี่ด้วยความดุดันกว่า ผมจึงยังรู้สึกว่ามันยังแข็งไปนิดสำหรับวีไอพีอยู่ดี มิติรถช่วยได้มากสำหรับการขับขี่ในสนามกึ่งทราย ความรู้สึกคือขี่รถคันเล็กๆ สั้นๆ เบาๆ พักเท้าใหญ่ยืนได้เต็มที่ดี ชอบครับ การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ยากเย็นเช่นเคย ไฟกระพริบด้านซ้ายสีแดงส้มเป็นปุ่มแจ้งสถานการณ์ทำงานของหัวฉีดและใช้กดดับเครื่องในตัว ส่วนด้านขวาเป็นสีฟ้าไว้เลือกโหมดเครื่องยนต์ เจ้าของรถเลือกใช้โหมด 2 ที่เน้นสมูธไม่ดุเดือดคุมคันเร่งง่าย ถึงจะเป็นโหมดไม่จี๊ดจ๊าดแต่ผมว่าความต่อเนื่องของกำลังมันไม่ได้แย่จนรู้สึกหนืดเลยนะ ในโค้งที่เป็นทรายฟุ้งๆ คันเร่งไม่ต้องหนักสักเท่าไรก็พุ่งออกมาได้ง่ายๆ แรงบิดจากรอบต่ำกำลังดีเลี้ยววงในได้ไม่ต้องเค้นมากก็พุ่งแล้ว รวมๆ แล้วผมว่ามันยังคงความเป็นรถที่เน้นความง่ายในการขับขี่ทั้งตัวรถและเครื่องยนต์เหมือนเดิม ที่ต้องเรียนรู้เพิ่มก็คงเป็นเรื่องกันสะเทือนนั่นเอง ถ้านับตามรอบแล้วปี 2017 น่าจะยังคงเป็นบอดี้เดิมอีกปี ไม่รู้ว่าจะมีจุดขายอะไรมาเรียกกระแสไหม ต้องติดตามดูกันครับ”

ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์ 4 จังหวะสูบเดี่ยว ระบายความร้อน ด้วยน้ำ 249 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก 76.8×53.8 มม.
อัตราส่วนการอัด 13.8 : 1
ระบบขับวาล์ว ยูนิแคม 4 วาล์ว ไอดี 30.5 มม.
(ไททาเนียม) ไอเสีย 25 มม. (ไททาเนียม)
ระบบเชื้อเพลิง PGM-FI เรือนลิ้นเร่ง 46 มม.
จุดระเบิด อิเล็คทริค
เกียร์ 5 สปีด
ขับเคลื่อน โซ่ 520 สเตอร์ 13-49
โช้คหน้า Showa SFF-Air TAC fork
หัวกลับ 49 มม. ปรับแข็ง, หนืด ช่วงยุบ 12.2 นิ้ว
โช้คหลัง โช้คเดี่ยวโชว่า ประเดื่องโปรลิงค์
ปรับสปริงพรีโหลด ช่วงยุบ 12.3 นิ้ว
เบรกหน้า จานเดี่ยว 260 มม. คาลิเปอร์สูบคู่
เบรกหลัง จานเดี่ยว 240 มม. คาลิเปอร์สูบเดี่ยว
ยางหน้า 80/100-21
ยางหลัง 100/90-19
ฐานล้อ 58.6 นิ้ว
สูงถึงเบาะ 37.4 นิ้ว
สูงจากพื้น 12.7 นิ้ว
ถังน้ำมันจุ 7.5 ลิตร
น้ำหนัก 231 ปอนด์ / 103 กก.
(น้ำหนักพร้อมขับขี่)

 

2017 Suzuki RMZ450 พัฒนาต่อยอดหลังปรับเปลี่ยน ครั้งใหญ่

Suzuki ส่ง MXer โมเดล 2017 ที่นำขบวนออกจากไลน์การผลิตด้วยเรือธงอย่าง RM-Z450 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ว่าพัฒนาโดย Factory Motocross Team คือ Suzuki Holeshot Assist Control (S-HAC) ระบบที่พัฒนาเพื่อความโดดเด่นในการออกตัว พร้อมทะยานออกจากเกทสตาร์ทในทุกสภาพพื้นผิวแทร็ค และ Air Fork ที่พัฒนาให้เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

rm-z450-my2017-3

โดย Air Fork หรือระบบกันสะเทือนหน้า Showa SFF-Air fork ที่มาพร้อมกับลูกเล่นสุดล้ำ “ง่ายแบบไม่เคยมีมาก่อน”ในการปรับเซ็ท เพียงการดาวน์โหลดแอพ SFF-Air Support app จาก Showa ทั้งแบบ Android หรือ Apple ที่จะจำลองผลการปรับเซ็ทค่าต่างๆที่หลากหลายแบบเพื่อช่วยให้สามารถเลือกการเซ็ทระบบกันสะเทือนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ RM-Z ของคุณ โดย SFF-Air Fork ที่ได้รับการพัฒนามาจากทีมแข่งโรงงานนี้ จะแบ่งห้องแชมเบอร์เป็นสามห้อง คือ Inner Air Chamber ที่จะเป็นห้องหลักในการรับแรงกดกระแทก (ค่าสปริงเรท) , ถัดมาเป็นห้องที่ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลในจังหวะระบบกันสะเทือนคลายตัว คือ Balnce Air Chamber opposing และ ห้องที่สามจะทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของห้องหลักทั้งสอง คือ Outer Air Chamber ขณะที่ในส่วนของระบบ S-HAC นั้น ระบบที่ออกแบบมาเพื่อเลือกโหมดการออกตัวจากเกทสตาร์ท ที่ได้รับการปรับจากเวอร์ชั่นแรกที่ออกมาในปี 2015 ซึ่งจะมีสามโหมดการใช้งานให้ผู้ขี่เลือกออพชั่นการขี่ตามทักษะและสภาพการแข่งขัน คือ A Mode : สำหรับพื้นผิวที่แข็ง หรือ สภาพสนามบริเวณเกทสตาร์ทที่ลื่น โดย S-HAC จะช่วยลดอาการลื่นของล้อช่วยให้ออกตัวได้นุ่มนวล แล้วเมื่อผ่านไป 1.2 วินาทีหรือเตะเกียร์สาม ระบบจะตัดกลับมาใช้ค่าการจุดระเบิดแบบเดิม B Mode : เมื่อสภาพพื้นผิวที่เกทสตาร์ทมีสภาพที่หนึบพอสำหรับการออกตัว โดยที่ต้องใช้การพุ่งออกจากเกทที่ดุดันรุนแรง โดยในโหมดนี้จะตัดกลับมาที่ค่าการจุดระเบิดแบบเดิม เมื่อมีสามสถานการณ์ คือ ผ่านไป 4.5 วินาทีนับจากจังหวะการเปิดคันเร่ง , เมื่อเปลี่ยนเข้าเกียร์สี่ และ เมื่อยกคันเร่ง Base Mode : จะเป็นการออกตัวด้วยค่ามาตรฐานของการเซ็ทค่าเชื้อเพลิงปกติ กล่าวคือ ไม่มีการใช้งานระบบ S-HAC ในการออกตัว

rm_z450_my2017_2

rm-z450-my2017-1

rm_z450_my2017_6

rm_z450_my2017_5

สำหรับเครื่องยนต์ยังคงเป็นขนาด 449 ซี.ซี. 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ที่ยังคงจุดเด่นเรื่องสมรรถนะความแข็งแกร่งของกำลังเครื่องยนต์อันทรงพลัง โดย piston และ piston pin พัฒนาโดยการใช้ระบบวิเคราะห์ Finiite Element Method(FEM) ซึ่งเป็นระบบคำนวณเพื่อหาขีดจำกัดของชิ้นส่วนดังกล่าว ดังนั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและลดแรงเสียดทาน ช่วยให้มีอายุการทำงานที่ยาวนานจึงมีการเคลือบพื้นผิว piston pin แบบ Daimond-Like Carbon (DLC) สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์นี้ได้ออกแบบให้ผู้ขี่สามารถปรับเซ็ทสมรรถนะเครื่องยนต์ได้เหมาะสมกับสภาพสนามอย่างง่ายดายการเพิ่มค่าการเซ็ทอัตราการจ่ายเชื้อเพลิงได้สองค่าผ่าน fuel-setting couplers โดยสามารถเสียบได้ง่ายที่ข้างสนาม เพียงเลือกที่จะต่อสายกับ Coupler ตามความต้องการ โดยตัวหนึ่งจะจ่ายเชื้อเพลิงมากกว่า ขณะที่อีกตัวหนึ่งจะจ่ายเชื้อเพลิงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ ค่าเดิมแชสซีที่ลงตัวด้วยการปรับในส่วนของเฟรมให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย twin spar aluminium frame ที่พัฒนาจนลงตัวระหว่างความแข็งแกร่งและการให้ตัวของชิ้นส่วน ที่มีส่วนให้ RM-Z คือหนึ่งในรถโมโตครอสที่มีประสิทธิภาพในโค้งดีที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยเฟรมในโมเดลนี้จะมีน้ำหนักเบาและเพรียวกว่าเฟรมที่ใช้ในโมเดลก่อนหน้านี้

rm-z450-e-250-my2017

rm-z450-my2017-2

 

ข้อมูลพื้นฐานของตัวรถ 
เครื่องยนต์ 449 ซี.ซี., 4-จังหวะ,
ระบายความร้อนด้วยน้ำ, สูบเดียว, DOHC
กระบอกสูบxช่วงชัก 96.0 x 62.1 ม.ม.
อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Fuel Injection
สตาร์ทเครื่องยนต์ kick start
การส่งกำลัง 5 สปีด
คลัทซ์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อน
โซ่ DID520MXV4, 114 ข้อ
กันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับแบบ
telescopic, air spring, oil damped
กันสะเทือนหลัง แบบกระเดื่อง, coil spring,
oil damped
เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยว
เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว
ยางหน้า 80/100-21 51M, tube type
ยางหลัง 110/90-19 62M, tube type
ความจุถังเชื้อเพลิง 6.2 ล.
การจุดระเบิด Electronic Ignition (CDI)
ความยาว 2190 ม.ม.
ความกว้าง 830 ม.ม.
ความสูง 1270 ม.ม.
ระยะฐานล้อ 1495 ม.ม.
ความสูงจากพื้น 325 ม.ม.
ความสูงเบาะนั่ง 955 ม.ม.
น้ำหนัก 112 ก.ก.