CBR1000RR

 

 เครื่องยนต์
 แบบ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 189 แรงม้า 13,000 รอบ/นาที
 ปริมาตรกระบอกสูบ  999 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  12.3:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 76 x 55.1 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด PGM-DSFI
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 เกียร์
 ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
 น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน 95
 ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  16 ลิตร
 ความจุน้ำมันเครื่อง   –
 กว้าง*ยาว*สูง  715 x 2065 x 1125 มิลลิเมตร
 น้ำหนักรวม  195 กิโลกรัม
 ระบบกันสะเทือน

 หน้า : โช้คหน้า TELESCOPIC แบบหัวกลับ

หลัง : UNIT PRO – LINK WITH GAS – CHARGEDม

ระบบเบรก

 หน้า : ดิสก์

หลัง : ดิสก์

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70 ZR-17 58W

หลัง : 180/55 ZR-17 73W

F4 RR

 

เครื่องยนต์
 แบบ 4 สูบ 4 จังหวะ 16 วาล์ว DOHC
 ปริมาตรกระบอกสูบ  998 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  13.4:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 79.0 x 50.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด Integrated ignition
 ระบบคลัตช์  ครัชเปียก
 ระบบเกียร์  6 เกียร์ constant mesh
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  17 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง  750 x 2,115 x 830 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  190 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิค USD

หลัง : โมโนช๊อค preload Damping

ระบบเบรค

หน้า : ดิสก์เบรก 4 ลูกสูบ Beembo

หลัง : ดิสก์เบรค 2 ลูกสูบ Nissin

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70-ZR17 M/C 58W

หลัง : 190/55-ZR17 M/C 73W

bobber

 

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 2 สูบเรียง 8 วาล์ว
 ปริมาตรกระบอกสูบ  1200 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  10.0:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  –
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
 ระบบเกียร์  5 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  9.1 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 800 x 2,200 x 1,025 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  228 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : Kayaba 41 มม. ระยะยุบตัว 90 มม.

หลัง : Kayaba กระบอกเดี่ยวพร้อมเหล็กโยง ระยะยุบตัว 76.9 มม.

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 310 มม. แม่ปั้มเบรก Nissin 2 ลูกสูบ + ABS)

หลัง : ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 255 มม. แม่ปั้มเบรก Nissin 2 ลูกสูบเดี่ยว + ABS)

ยาง/ล้อ

หน้า : 100/90-19

หลัง : 150/80 R 16

scrambler

เครื่องยนต์
 แบบ  4 จังหวะ 2 สูบ  Parallel-Twin
 ปริมาตรกระบอกสูบ  865 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  9.2:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 90 x 68 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
 ระบบเกียร์  5 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  16 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 860 x 2,213 x 1,202มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  230 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : Kayaba 41 mm

หลัง : Kayaba 106 mm

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดิสก์

ยาง/ล้อ

หน้า : 100/90 R19

หลัง : 130/80 R17

himalayan

 

เครื่องยนต์
 แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ long stroke SOHC
 ปริมาตรกระบอกสูบ  411 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  9.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 78.0 x 86.0 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน คาบูเรเตอร์ (with throttle position sensor พร้อมเซ็นเซอร์ลิ้นเร่ง)
 ระบบจุดระเบิด TCI, multi-curve
 ระบบคลัตช์  ครัชเปียก
 ระบบเกียร์  5 เกียร์
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  15 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง  840 * 2,190 * 1360 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  185 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช๊คหน้าแบบเทเลสโคปิก

หลัง : โมโนช๊อค

ระบบเบรค

หน้า :  ดิสก์เบรก 2 ลูกสูบ ABS

หลัง :  ดิสก์เบรค ABS

ยาง/ล้อ

หน้า : 90/90 – 21″

หลัง : 120/90 – 17″

REBEL 300 BOBBER BY NOI WATDAN24

หลากหลายสไตล์ของรถจักรยานยนต์ที่ผลิตเพื่อออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้รถที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบายนั้นได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เพื่อความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป

Honda Rebel300 สปอร์ตครุยเซอร์ ที่มีสรีระไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และแน่นอนว่าชื่อนี้มีเรื่องราวเป็นที่รู้จักกันดีของสมรรถนะและดีไซน์ใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ถึงแม้จะอยู่ในยุคใหม่แต่ดีไซน์ก็ยังดูเป็นรถคลาสสิคที่ออกแบบได้อย่างลงตัวเฟรมเหล็ก ตำแหน่งที่วางเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว ถังน้ำมันเพ้นท์ลงสีตารางและฟันฉลามให้ดูดุดัน เบาะนั่งเดี่ยวที่เสริมไฟท้าย LED ส่องสว่าง บังโคลนท้ายก็เพ้นท์ลายสาวน้อยโพธิ์ดำ บังโคลนหน้าตัดสั้น พักเท้าเปลี่ยนเป็นแบบพื้นใหญ่วางเท้าได้เต็มๆ ของแต่งจาก H2C ไฟหน้าทรงกลมครอบใหม่ แฮนด์บาร์ H2C ทรงต่ำติดกระจกปลายแฮนด์ขนาดเล็ก เรือนไมล์ดิจิตอลคร่อมตุ๊กตา โช้คอัพหน้าเทเลสโคปิคเสริมตัวครอบปิดแกนโช้คด้านบน วงล้อซี่ลวดและรัดด้วยยางสไตล์ BOBBER ลายฟันเลื่อย ระบบดิสก์เบรกหน้า 300 มม. คาลิเปอร์ NISSIN ลูกสูบคู่ พร้อมเซ็นเซอร์ของระบบ ABS ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว โช้คอัพหลังคู่มีแท้งค์ซับแก๊สบิ้วท์อิน สามารถปรับค่าความแข็งของสปริงได้ วงล้อหลังซี่ลวดและใช้ยางสไตล์ BOBBER ลายฟันเลื่อย

ทางด้านของเครื่องยนต์ขนาด 300 ซีซี สูบเดี่ยว ที่ให้กำลังแรงบิดที่ติดมือ ขับขี่ง่ายสบายๆ แต่มีการเพิ่มอัตราการเร่งที่เร้าใจเพิ่มขึ้นมาด้วยท่อไอเสียปลายแยก หม้อน้ำเสริมด้วยการ์ดสแตนเลส แต่งแบบเน้นการใช้งานไม่ได้เน้นความแรง

1290 super adventure r

 

 

 

เครื่องยนต์
 แบบ   4 จังหวะ/  สูบ V2  4 วาล์ว DOHC
 ปริมาตรกระบอกสูบ  1301 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  13.1:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  108 x 71 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  แบบเปีกยหลายแผ่นซ้อนกัน
 ระบบเกียร์  6 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  23 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง
น้ำหนักรวม  217 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิคหัวกลับของสำนัก WP ขนาด 48 มม.

หลัง : โช้คอับเดี่ยวของสำนัก WP พ่วงด้วยกระบุกซับแท้งค์ ระยะการทำงาน 220 มม. ปรับแต่งได้

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดิสก์

ยาง/ล้อ

หน้า :110/80 R19

หลัง : 150/70 R17

STREET ROD

 

เครื่องยนต์
 แบบ แบบ        High output Revolution X™ V-Twin 2 สูบ SOHC 8 วาล์ว
 ปริมาตรกระบอกสูบ  749 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  12.0:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  85 x 66 mm.
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด Mikuni
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  แบบเปีกยหลายแผ่นซ้อนกัน
 ระบบเกียร์  6 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  13.1 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง
กว้าง*ยาว*สูง 2225 x 754 x ×609 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 206 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิค

หลัง : โช้คอัพคู่พร้อมซับแทงค์แยก

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์เบรก (ลูกสูบคู่)

หลัง : ดิสก์เบรก (ลูกสูบคู่)

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70 R17

หลัง : 160/60 R17

ยามาฮ่าเชิญสื่อมวลชนชั้นนำเข้าชมสุดยอดนวัตกรรมสุดล้ำสมัยที่บูธยามาฮ่าในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พาสื่อมวลชนชั้นนำของประเทศไทยเข้าชมสุดยอดนวัตกรรมรุ่นใหม่ที่บูธยามาฮ่า โดยครั้งนี้ยามาฮ่าเนรมิตบูธสุดล้ำสมัยภายใต้แนวคิด “Yamaha Future Garage : Resonate the Future ยามาฮ่าโรงรถแห่งอนาคต : เสียงกังวานแห่งอนาคต” ที่สุดแห่งยนตกรรมสองล้อ พร้อมเปิดตัวโมเดลใหม่ครั้งแรกในโลกพร้อมกันถึง 6 รุ่น และอีก 4 รุ่นที่ทำการเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังนำรถจักรยานยนต์มาจัดแสดงหลากหลายโมเดลอีกด้วย เพื่อให้สาวกยามาฮ่าได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 45 (The 45th Tokyo Motor Show 2017) โดยงานครั้งนี้จัด ณ The Tokyo Big Sight ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเร็วๆ นี้

 

“ครูฝึก เอ.พี. ฮอนด้า” ประกาศศักยภาพคว้าชัยชนะเหนือเจ้าถิ่น ผงาดคว้า 2 แชมป์การแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยของครูฝึกสอนประเทศญี่ปุ่น

“ครูฝึก เอ.พี. ฮอนด้า” ประกาศศักยภาพคว้าชัยชนะเหนือเจ้าถิ่น ผงาดคว้า 2 แชมป์การแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยของครูฝึกสอนประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 18 ตอกย้ำการสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้ผู้บริโภคภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้ายกระดับมาตรฐานการทำกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” (Safety Thailand) ส่ง 7 สุดยอดครูฝึกดีกรีแชมป์ประเทศไทย ที่เป็นตัวแทนผู้ผ่านการคัดเลือก (ได้คะแนนสูงสุดของแต่ละรุ่น) จากการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ครั้งที่ 14 ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยของครูฝึกสอนประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 18 (The 18th Safety Instructor Japan Competition) ที่สนามซุซุกะ เซอร์กิต ทราฟฟิค เอดูเคชั่น เซ็นเตอร์ ในเมืองซุซุกะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19-20 ต.ค. 2560 การแข่งขันปีนี้มีตัวผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 91 คน จาก 10 ประเทศ โดยเป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพเปิดให้นักแข่งต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันในประเภทเดียวกับนักแข่งญี่ปุ่น ซึ่งในวันแข่งได้มีฝนโปรยปรายลงมาเป็นอุปสรรค แต่ 7 ครูฝึกไทยจากบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ก็ไม่ย่อท้อจนสามารถคว้ารางวัลติดมือได้ทุกประเภทที่เข้าร่วมชิงชัย โดยผงาดคว้าแชมป์ด้วยการทำเวลาได้ดีที่สุดถึง 2 รางวัล และที่สำคัญยังเป็นครูฝึกต่างชาติเพียง 2 คนที่สามารถชนะนักแข่งจากประเทศญี่ปุ่นได้

 

 

 

 

 

โดยครูฝึกไทยที่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ คือ อรุณกรุง พินโปน ในประเภทจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (ใช้รถ NC750L) โดยมีผู้เข้าแข่งขันรวมทั้งสิ้น 29 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น 18 คน และ อัครพล พรมแตง ในประเภทรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (ใช้รถ GROM125 หรือ MSX125) โดยมีผู้เข้าแข่งขันรวมทั้งสิ้น 11 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น 6 คน ขณะที่ จารุวัตร ขันเงิน คว้าอันดับ 3 ในประเภทรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (ใช้รถ CB400SF) จากนักแข่งทั้งหมด 14 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น 6 คน และ นฤเบศร์ พรมศรี คว้าอันดับ 4 ในประเภทรถยนต์ (ใช้รถฮอนด้า ซีวิค เกียร์อัตโนมัติ) จากนักแข่งทั้งหมด 37 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น 30 คน ด้าน อรุณกรุง พินโปน แชมป์ประเภทจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ กล่าวว่า “ดีใจมากที่สามารถคว้าแชมป์กลับมาฝากคนไทยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะการแข่งขันปีนี้ต้องยอมรับว่ามีอุปสรรคไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องฝนที่ตกลงมาทำให้การบังคับรถค่อนข้างยากลำบาก อีกทั้งอากาศก็ยังหนาวกว่าที่คิดไว้ แต่ก่อนเดินทางมาเราก็ได้ฝึกซ้อมมาอย่างเต็มที่โดยเปลี่ยนสนามซ้อมถึง 3 สนาม คือ ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ซึ่งบางสนามก็ต้องซ้อมท่ามกลางสายฝนมาแล้ว ทำให้ทุกคนรับมือได้เป็นอย่างดีและสามารถทำผลงานได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ” อัครพล พรมแตง  แชมป์ประเภทจักรยานยนต์ขนาดเล็กกล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ที่จัดกิจกรรมการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าที่ประเทศไทย จนพวกเราได้เป็นตัวแทนมาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ถึงประเทศญี่ปุ่น”สำหรับ สุดยอดครูฝึกทั้ง 7  คน ที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยของครูฝึกสอนประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 18 ประกอบด้วย 1. อรุณกรุง พินโปน และ 2. พีระพล ทองคำ จาก เอ.พี. ฮอนด้า แข่งขันประเภทรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (ใช้รถ NC750L) 3. มนตรี เขื่อนเพชร จาก เอ.พี. ฮอนด้า และ 4. จารุวัตร ขันเงิน จากร้านผู้จำหน่าย บริษัท ฮอนด้าสมุทรปราการ จำกัด จ.สมุทรปราการ แข่งขันประเภทรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (ใช้รถ CB400SF), 5. อัครพล พรมแตง จากร้านผู้จำหน่าย บริษัท ที เค ซี มอเตอร์ไบค์ จำกัด จ. กำแพงเพชร แข่งขันประเภทรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (ใช้รถ GROM125 หรือ MSX125SF), 6. พิศาล วิฑูรย์พิศาลศิลป์ จาก เอ.พี. ฮอนด้า และ 7.นฤเบศร์ พรมศรี จาก เอ.พี. ฮอนด้า แข่งขันรุ่นประเภท รถยนต์ (ใช้รถฮอนด้า ซีวิค เกียร์อัตโนมัติ)

 

 

 

ทั้งนี้ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ได้จัดการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ระดับประเทศ ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” (Safety Thailand) มาต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 เพื่อยกระดับมาตรฐานของ HONDA SAFETY RIDING และพัฒนาทักษะของวิทยากรครูฝึกขับขี่ปลอดภัยทั่วประเทศ ด้วยการแข่งขันครูฝึกขับขี่ปลอดภัยที่มีมาตรฐานเทียบเท่าการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้กับผู้บริโภค โดยเชิญครูฝึกฯ ทั้งร้านผู้จำหน่ายและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ครูฝึกชายประจำร้านผู้จำหน่าย (ผ่านหลักสูตร Instructor), เจ้าหน้าที่ครูฝึกหญิงประจำร้าน (ผ่านหลักสูตร Sub Instructor, Instructor), เจ้าหน้าที่วิทยากรขับขี่ปลอดภัยจากภาครัฐ (ครู, ตำรวจ) และนักศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าร่วมแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัย รถจักรยานยนต์ 3 สถานี คือ 1.การเบรก (Braking), 2.ความคล่องตัว/จิมคาน่า (Course Slalom) และ 3.การขับขี่ทรงตัวบนกระดานแคบ (Plank Riding) เพื่อเฟ้นสุดยอดครูฝึกที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันต่อที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2544

 

Ducati Multistrada 1200 Enduro

หลังจากต้นปี 2017 ที่ Ducati ปล่อย Multistrada 1200 Enduro ออกสู่ตลาด ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของรถในแนวแอ๊ดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งในยุโรป และอเมริกา ทำให้กลางปีที่ผ่านมาจึงได้มีการ “อัพสเปค” มาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด คือ Multistrada 1200 Enduro Pro ออกมาปิดท้ายซีรี่ส์ ทั้งที่ยังเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งปีก็น่าจะเป็นช่วงเวลา “เปิดตัวรถโมเดลปี2018” ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า Enduro Pro จึงน่าจะเป็นเวอร์ชั่น”พิเศษ” สำหรับ นักบิดในระดับฮาร์ดคอจริงๆ

จากพื้นฐานเดิมของ Multistrada 1200 Enduro ที่มาด้วยขุมพลังขนาด 152 แรงม้า จากเครื่อง Ducati เวอร์ชั่น Testastretta DVT engine ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ คือ enduro , touring , sport และ urban ที่ว่ากันว่าเป็นรถที่ให้ความรู้สึกในการขับขี่แบบ 4in1 หรือเป็นรถที่พร้อมตอบสนองการขี่แบบครบทุกรูปแบบความต้องการในคันเดียวนั่นเอง จากพื้นฐานเครื่องยนต์ และเฟรมที่มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษจาก Multistrada 1200Enduro มาสู่การพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ต่อท้ายด้วย รหัส Pro นั้น จึงได้รับการติดตั้งระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่ทันสมัย “เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน” ไม่ว่า ABS Cornering , Cornering Lights(DCL) , Ducati Traction Control (DTC) ,Ducati Wheelie Control(DWC) , และ Ducati Skyhook Suspension(DSS) อีกทั้งยังมี Vehicle Hold Control(VHC) ที่ช่วยควบคุมให้สามารถสตาร์ทขึ้นเนินได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอ๊อพชั่นลูกเล่นเพิ่มเติมให้กับ Multistrada 1200 Enduro Pro ด้วยการเพิ่ม electronic speed control กับ Bluetooth module ที่จะให้ผู้ขี่สามารถเชื่อมต่อรถกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Ducati Multimedia System (DMS) โดยข้อมูลต่างๆ เช่น สายโทรเข้า, ข้อความ , เพลง จากโทรศัพท์ จะแสดงผลบนแผงเรือนไมล์ที่เป็นจอแสดงผลแบบ TFT dashboard

นอกจากนี้สีของตัวรถจะแตกต่างออกไปจากเวอร์ชั่นมาตรฐาน ด้วยโทนสี Sand-colourwd พร้อมมีโลโก้ Enduro ติดด้านข้างเช่นเดียวกับเบาะนั่งก็จะเป็นเบาะแบบ two tone รวมทั้งซับเฟรมสีดำ พร้อมด้วยลูกเล่นเพิ่มเติมพิเศษในบางชิ้นส่วนของตัวรถที่จะแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นเดิมที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนยางติดรถจากโรงงานมาเป็น Pirelli Scorpion Rally Tyre ขนาด ยางหน้า 120/70 R19 , ยางหลังขนาด 170/60 R17 ซึ่งเป็นยางประเภทแรลลี่ ที่สมบูรณ์แบบกับการใช้งานในเส้นทางวิบาก แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับรองรับการขับขี่บนพื้นถนนแอสฟัลท์

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแฮนด์เดิ้ลบาร์มาเป็นชุดคิทพิเศษ Ducati Performance bull bar ที่ผลิตโดย Touratech และที่พิเศษคือ ท่อไอเสีย ที่พัฒนาโดย Termignoni ซึ่งเป็นท่อพิเศษที่พัฒนาได้มาตรฐานการตรวจสองของ Ducati Performance