2022 CRF Family

นอกจาก CRF250R ที่เป็นพระเอกนำร่องออกมาแล้ว ทาง Honda ยังส่งสมารชิกตระกูล CRF ตามมาอีกจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าสายออฟโรดน่าจะแฮปปี้กันในระดับหนึ่ง นอกจากรถสูตรหรือโมโตครอสอย่าง CRF250R ก็จะมี CRF250RX และรถในพิกัดเล็กลงมาอย่าง CRF150R CRF125F , CRF110F และ CRF50F ตามออกมาสู่ตลาดสำหรับ2022โมเดล อีกด้วย

เริ่มด้วยออฟโรดในพิกัด 250F อย่าง CRF250RX ก็คงไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดมากนัก เพราะพื้นฐานโดยรวมนั้น ก็แตกไลน์มาจากรถสูตรอย่าง CRF250R ด้วยการปรับเสริมบางจุดเพื่อการใช้งานในแบบออฟโรดไบค์ ซึ่งจะเน้นกำลังในช่วงรอบการทำงานเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า ดังนั้น จึงมีการปรับในส่วนของ ECU ด้วยการเซ็ทให้ค่าแมปปิ้ง รวมทั้ง อัตราส่วนผสมของ อากาศกับเชื้อเพลิง และจังหวะการจุดระเบิดนั้น มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างไปจากสเปคเดิมในรถสูตรหรือรถโมโตครอส ซึ่งสเปคตัวรถมีดังนี้
Engine
Type : Liquidcooled 4stroke single DOHC
Displacement : 249.4cc
Bore x Stroke : 79mm x 50.9mm
Compression Ratio : 13.9:1
Oil Capacity : 1.35L
FUEL SYSTEM
Carburation : Fuel injection
Fuel Tank Capacity : 8 litres
ELECTRICAL SYSTEM
Starter : Electric
DRIVETRAIN
Clutch Type : Wet multiplate
Transmission Type : Constant mesh
Final Drive : Chain
FRAME
Type : Aluminium twin tube
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 2,176 x 839 x 1,281mm
Wheelbase : 1,477mm
Caster Angle : 27.15°
Trail : 114mm
Seat Height : 964mm
Ground Clearance : 335mm
Kerb Weight : 108kg
SUSPENSION
Type Front : 49mm Showa (Hitachi Astemo, Ltd)
coilspring USD fork
Type Rear : Showa (Hitachi Astemo, Ltd.) Mono
shock with Honda ProLink
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 90/9021 Dunlop AT81
Tyres Rear : 110/10018 Dunlop AT81
BRAKES
Front : 260mm hydraulic wave disc
Rear : 240mm hydraulic wave disc
INSTRUMENTS
Additional Features : HRC Launch Control

โมเดลถัดมาก็คือ CRF150R นี่เป็นรถที่จัดอยู่ในกลุ่ม รถที่ใช้สำหรับแข่งขัน เช่นเดียวกับ CRF250R และ CRF450R นี่คือรถโมโตครอสที่เล็กที่สุดในซีรี่ส์รถสูตรหรือรถแข่งของ Honda ที่ใช้เครื่องยนต์ 4-stroke UnicamEngine ที่มีทั้งกำลังและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับสนามแข่งขันโดยรวมแล้วมีการเปลี่ยนแปลงจากโมเดลก่อนหน้านี้น้อยมาก นอกจากชุดสีแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงตามแนวทางเดียวกับ CRF250R นั่นคือองค์ประกอบของระบบกันสะเทือน Showa suspension ที่เป็น Showa inverted fork ขนาด 7 มม. และ Showa Shock ที่ทำงานร่วมกับ Pro-Link rear-swing arm ซึ่งทำงานร่วมกับ เฟรม high-tensile steel frame ที่มีน้ำหนักเบา ด้วยโครงสร้างแชสซีส์นี้ ได้ติดตั้งวงล้อหน้าขนาด 19นิ้ว กับวงล้อหลังขนาด 16นิ้ว ซึ่งข้อมูลตัวรถมี่รายละเอียดดังนี้
ENGINE
Type : Water cooled, four valve,
four stroke Unicam single
Displacement : 149.7cc
Bore x Stroke : 66.0 x 43.7mm
Compression Ratio : 11.7:1
FUEL SYSTEM
Carburation : Keihin 32mm flatslide carburetor
Fuel Tank Capacity : 4.2L (inc. reserve)
ELECTRICAL SYSTEM
Starter : Kick
DRIVETRAIN
Clutch Type : Wet multiplate
Transmission Type : Close ratio Manual 5speed
Final Drive : Chain
FRAME
Type : Steel
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 1899 x 769 x 1170mm
Wheelbase : 1285mm
Caster Angle : 27°48’
Trail : 96mm
Seat Height : 866mm
Ground Clearance : 335mm
Kerb Weight : 84.8 kg
SUSPENSION
Type Front : 37mm fullyadjustable leadingaxle
inverted conventional Showa cartridge fork. 27.4cm
of travel
Type Rear : Prolink fully adjustable Showa single
shock. 27.1cm of travel
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 70/10019
Tyres Rear : 90/10016
BRAKES
Front : Single 220mm disc
Rear : Single 190mm disc

และถัดมาเป็นรถในกลุ่มออฟโรด ขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงจัดอยู่ในตระกูล CRF เป็นรถที่เน้นสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถแข่งในรหัส CRF ที่นำมาด้วย CRF125F เป็นรถสำหรับวัยรุ่นที่เติบโตขึ้นมาจากการขี่ CRF50F และ CRF110F ที่ต่างก็ จัดอยู่ในกลุ่มรถ fun performance โดยรวมแล้วต่างก็ได้รับการปรับในเรื่องของชุดสี โดยเฉพาะลวดลาย
กราฟฟิค ขณะที่ดีเทลอื่นๆนั้น มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมน้อยมาก
โดยในส่วนของ 125F จะแบ่งย่อยลงไปเป็นสองเวอร์ชั่น คือ CRF125F กับ CRF125F Big Wheels ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Technical Specifications :
CRF125F / CRF125F ‘BIG WHEEL’
ENGINE
Type : Air cooled, two valve, four stroke SOHC 25º
single cylinder
Displacement : 124.9cc
Bore x Stroke : 52.4.0 x 57.9mm
Compression Ratio : 9.0:1
FUEL SYSTEM
Carburation : Fuel injection
Fuel Tank Capacity : 4.5L (inc. reserve)
ELECTRICAL SYSTEM : Starter Electric and
kickstarter
DRIVETRAIN
Clutch Type : Wet multiplate
Transmission Type : Manual 4speed
Final Drive : Chain 13T/46T / Chain 13T/49T
FRAME
Type : Steel
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 1770 x 739 x 1000mm /
1857 x 769 x 1069mm
Wheelbase : 1219mm / 1255mm
Caster Angle : 27°30’
Trail : 81mm / 94mm
Seat Height : 739mm / 785mm
Ground Clearance : 211mm / 267mm
Kerb Weight : 87.99kg / 90.27kg
SUSPENSION
Type Front : Inverted telescopic fork.13.2cm of travel
/ Inverted telescopic fork.16.8cm of travel
Type Rear : Single shock.13.97cm of travel /
Single shock.16.8cm of travel
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 70/100-17 w/tube / 10/100-19 w/tube
Tyres Rear : 90/100-14 w/tube / 90/100-16 w/tube
BRAKES
Front : Hydraulic, single 220mm disc
Rear : Drum

เล็กลงไปอีกหน่อยกับ CRF110F ที่ออกแบบมาเพื่อความสนุกสนานและใช้สำหรับฝึกทักษะ ด้วยเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 109 ซีซี ขับขี่ง่ายสำหรับเด็กๆ ซึ่ง CRF110F นี้ก็ผลิตออกมาแทนที่ รถในอดีตอย่าง XR75 นั่นเอง โดยตัวรถมีข้อมูลพื้นฐานดังนี้
ENGINE
Type : Air cooled, two valve, four stroke
SOHC 80º single cylinder
Displacement : 109.2cc
Bore x Stroke : 50.0 x 55.6mm
Compression Ratio : 9.0:1
FUEL SYSTEM
Carburation : Fuel injection
Fuel Tank Capacity : 4.5L (inc. reserve)
ELECTRICAL SYSTEM : Starter Electric and
kickstarter
DRIVETRAIN
Clutch Type : Automatic
Transmission Type : Manual 4speed
Final Drive : Chain
FRAME
Type : Steel
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 1541 x 678 x 922mm
Wheelbase : 1064mm
Caster Angle : 25°10’
Trail : 53mm
Seat Height : 657mm
Ground Clearance : 170mm
Kerb Weight : 76.66 kg
SUSPENSION
Type Front : Inverted telescopic fork. 9.9cm of travel
Type Rear : Single shock. 9.65cm of travel
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 70/10014 w/tube
Tyres Rear : 80/10012 w/tube
BRAKES
Front : Drum
Rear : Drum
และมาปิดท้ายกับ CRF50F ที่เป็นน้องเล็กสุดในตระกูล CRF ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับก้าวแรกของยุวชนตัวน้อยๆที่จะเริ่มต้นฝึกขับขี่รถจักรยานยนต์ ด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะขนาด 49 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่มาพร้อมกับคลัทซ์ออโต Automatic clutch และด้วยตัวรถที่ใช้วงล้อขนาด 10 นิ้ว จึงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่เป็นยุวชนไม่ต้องกังวลกับความสูงของตำแหน่งขับขี่ อีกทั้งยังสามารถปรับเซ็ทคันเร่ง Adjustable throttle limiter ให้มีขีดจำกัดที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดสเปคของตัวรถมีดังนี้
ENGINE
Type : Air cooled, two valve,
four stroke SOHC single cylinder
Displacement : 49cc
Bore x Stroke : 39.0 x 41.4mm
Compression Ratio : 10.0:1
FUEL SYSTEM
Carburation : 11 piston valve carburettor
Fuel Tank Capacity : 4.1L (inc. reserve)
ELECTRICAL SYSTEM
Starter : Kickstarter
DRIVETRAIN
Clutch Type : Automatic
Transmission Type : Manual 3speed
Final Drive : Chain
FRAME
Type : Steel
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 1298 x 581 x 775mm
Wheelbase : 912mm
Caster Angle : 25°
Trail : 32mm
Seat Height : 548mm
Ground Clearance : 152mm
Kerb Weight : 50.34 kg
SUSPENSION
Type Front : Inverted telescopic fork. 9.4cm of travel
Type Rear : Single shock. 6.9cm of travel
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 2.5 x 10
Tyres Rear : 2.5 x 10
BRAKES
Front : Drum
Rear : Drum

“โฟลท – รัฐพงษ์” ควบ R6 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่!

“โฟลท – รัฐพงษ์” ควบ R6 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่!ครอง 2 บัลลังก์แชมป์ รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต “บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” และ “แชมป์ประเทศไทย”“อนุภาพ” ควบ R1 คว้าชัยส่งท้ายปีให้ “ยามาฮ่า”
“โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ยอดนักบิดดีกรีแชมป์เอเชียจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ผงาดครอง “แชมป์ประจำปี” ในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 พร้อมควบ “แชมป์ประเทศไทย” ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี หลังจบฤดูกาลสุดเข้มข้น ขณะที่ “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 เข้าวินส่งท้ายปีในรุ่นใหญ่ ควงทีมเมท “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์
ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 ที่ทำการชิงชัยเรซสุดท้ายของปีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยที่ทางทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” อยู่ในสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมด้วยการลุ้นแชมป์ประจำปีของสองรุ่นไฮไลต์อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี
โดยนับเป็นปีแห่งความสำเร็จของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เมื่อ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ควบรถแข่ง YZF-R6 คว้าอันดับที่ 2 ในเรซสุดท้าย ซึ่งส่งผลให้ก้าวผงาดขึ้นคว้า “แชมป์ประจำปี” ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับควบตำแหน่ง “แชมป์ประเทศไทย” ประจำฤดูกาลนี้ไปครองด้วย ส่วนทีมเมทอย่าง “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี #10 ที่ออกสตาร์ทในอันดับสุดท้ายบิด R6 ทะยานคว้าอันดับ 3 ส่งท้ายปีนี้
ด้านเกมในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี คู่หูจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม อย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ก็สร้างผลงานสุดร้อนแรง โดยสามารถออกนำได้ตั้งแต่ช่วงต้นเรซ จบการแข่งขัน 12 รอบสนาม อนุภาพ บิดนำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์เรซสุดท้ายไปครองอย่างสุดมันส์ ส่วน อภิวัฒน์ มีปัญหาด้านเทคนิคของรถแข่งช่วงกลางเรซ แต่ยังสามารถเข้าป้ายในอันดับ 3 ได้สำเร็จ ภายหลังผ่านฤดูกาลสุดเข้มข้น อนุภาพ ที่คว้าชัยชนะ 2 ครั้งในฤดูกาลนี้ ครองตำแหน่งรองแชมป์ประจำปีในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ส่วนทีมเมทอย่าง อภิวัฒน์ จบปีนี้ด้วยอันดับ 3 บนตารางคะแนนสะสม ร่วมติดตามและให้กำลังใจนักแข่งและทีมงานในสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Society Thailand

ยามาฮ่าปิดจ๊อบปลายปีสุดปังในงานมหกรรมยานยนต์ด้วยยอดจอง 1,119 คัน

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ที่ปรึกษาคณะบริหาร และนายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ในโอกาสฉลองปิดบูธYAMAHA SENSE OF CONNECTION อย่างเป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ในระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564

โดยในการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ยามาฮ่าจัดรูปแบบการจองรถใหม่ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อตอบสนองมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัดท่ามกลางลูกค้ามากมายที่ให้ความสนใจลงชื่อจองรถจักรยานยนต์ยามาฮ่ากันอย่างคึกคักรวมทั้งสิ้น 1,119 คัน โดยแบ่งเป็นรถ Big Bike จำนวน 109 คัน และรถ Standard Bike จำนวน 1,010 คัน ปิดท้ายปลายปีอย่างสุดปัง โดยการฉลองปิดบูธ YAMAHA SENSE OF CONNECTION ในครั้งนี้มีขึ้น ณ บูธยามาฮ่า G03 อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

Honda CB150R Neo Sport Scrambler

ความโดดเด่นของรถแนวคลาสสิคเรโทรกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งรถเล็กรถใหญ่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ฮอนด้า ก็คือหนึ่งในผู้ออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์แนวคลาสสิคจากยุคอดีตจนมาถึงยุคดิจิตอลนี้ แต่เพิ่มความน่าสนใจและรายละเอียดเทคโนโลยีเข้าไปเพื่อความสะดวกสบาย

CB150R คันนี้มาพร้อมกับนิยามของคำว่า Neo Sport Scrambler เป็นอีกรูปลักษณ์ที่โดดเด่นการผสมผสานของชิ้นส่วน และดีไซน์ที่ดูคลาสสิค ไฟหน้าทรงกลม ครอบปิดด้วยตระแกรงของ H2C สีสันเข้มดุดัน โดดเด่น เพราะว่าเป็นชิ้นงานเคฟล่าร์ทั้งคัน ครอบถังน้ำมัน ปีกข้างหม้อน้ำ บังโคลนหน้า แฮนด์บาร์ค้ำอลูมินัม ปลายแฮนด์ติดกระจกมองหลัง ก้านเบรกปรับระดับ เบาะนั่งทรงกระดานปรับให้สั้นด้วยการตัดแต่งซับเฟรมท้ายใหม่ พักเท้าอลูมินัมขยับวางตำแหน่งกึ่งสปอร์ต

วงล้อซี่ลวด 17 ขนาดนิ้ว กับยางที่มีดอกยางใหญ่สามารถขับขี่ได้ทั้งทางเรียบและทางดิน ขับขี่ได้ทุกพื้นผิวมันได้เต็มอารมณ์ โช้คอัพหน้าหัวกลับ Upside Down ที่เห็นเป็นออพชั่นจากรุ่นพี่ X-ADV 750 ของรถบิ๊กไบค์ มีแกนขนาด 41 มม. ให้มาเกินตัวประสิทธิภาพเยี่ยม ดิสก์เบรกหน้าจานเดี่ยวแต่ไม่ธรรมดาเพราะว่า คาลิเปอร์ ดีกรีระดับรุ่นใหญ่เรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท หน้าตาคุ้น เพราะว่าเป็นตัวเดียวกับ CBR1000RR ซูเปอร์ไบค์ระดับท็อปของฮอนด้านั่นเอง สวิงอาร์มหลังใหม่เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเป็นอลูมินัมงาน CNC และทำงานควบคู่กับโช้คอัพแก๊สระดับชั้นนำของรถแต่ง Gazi สีสันโดดเด่นและการทำงานที่นิ่มนวล สามารถที่จะปรับพรีโหลดได้

เครื่องยนต์ถูกอัพเกรดเล็กน้อยด้านนอกกันสไลด์ฝาครอบแคร้ง และเพิ่มสมรรถนะด้วยการเสริมท่อไอเสียเพื่อช่วยในการรีดแรงม้าออกมาได้อย่างราบรื่น สวมด้วยปลายแบบซูปอร์แทป แต่ปรับการเดินออกด้านข้างของตัวรถเสริมกันความร้อนเพื่อความปลอดภัย และใช้หม้อน้ำอลูมินัมเพื่อช่วยระบายความร้อน การ์ดกันแคร้งด้านล่าง KITACO สำหรับสายลุยทางวิบาก

2022 Limited Production KTM RC 8C

จัดหนักสำหรับสาวก Orange Bull กับโมเดลใหม่ล่าสุด KTM RC 8C ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดติ่งจากสนามแข่ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าของเค้าแรงจริงๆ สำหรับเจ้ากระทิงส้ม ด้วยผลงานที่คว้าทั้งวินเนอร์ และขึ้นยืนบนโพเดี้ยมได้อย่างยอดเยี่ยมบนสังเวียน Moto GP สำหรับ ค่าย KTM สัญชาติออสเตรีย

โมเดลล่าสุด กับรหัส RC 8C ที่ใช้เทคโนโลยีในสนามแข่งสู่รถโปรดักชั่นลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อให้ได้สัมผัสถึงอารมณ์ความเร็ว ความแรง และความเร้าใจ ระดับเวิลด์คลาส โดย RC 8C จะใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จาก Duke 890 R ความจุ 889 ซีซี พาเรลเลียล สองสูบเรียง ชุดเกียร์ 6 สปีด มาพัฒนาใหม่ทั้งหมด ทำให้มันสามารถปลดปล่อยแรงม้าได้ถึง 128 ตัว
ตัวรถดีไซน์ทรงสปอร์ตครอบด้วยแฟริ่งรอบคัน พร้อมกับจัดวิงเล็ตคู่หน้าคาร์บอนเคฟล่าร์มาให้ด้วย แชสซีแบบ Bespoke Tubular ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในตัวแข่ง RC16 ใน Moto GP มีน้ำหนักเพียง 140 กก. เท่านั้น ไม่รู้ว่าอยู่ในโค้งด้วยความเร็วเกิน 120 กม./ชม. จะหวิวขนาดไหน เพราะฉะนั้นช่วงล่างการเกาะพื้นถนนหรือแทร็คก็ต้องอยู่ในพื้นฐานระดับเดียวกัน KTM ยังคงใช้บริการของแบรนด์ออฟฟิเชียล WP APEX PRO – Full Adjust ที่สามารถปรับได้อย่างละเอียด กันสะบัดก็เช่นกัน พักเท้าอลูมินั่มรองรับสีสระและปรับได้ 3 ตำแหน่ง

แฮนด์ปรับระยะระหว่าง 26-28 องศา ดิสก์เบรกหน้า คาลิเปอร์ Brembo Stylema จับคู่กับจานขนาด 290 มม. ส่วนดิสก์เบรกหลัง 230 มม. และคาลิเปอร์ Brembo สองลูกสูบ การควบคุมเบรกหน้าคือ Brembo 19RCS Corsa Corta radial master-cylinder โดยมันมีความพิเศษที่สามารถเซ็ทติ้งได้ 3 โหมด คือ ธรรมดา สปอร์ต และเรซ วงล้อแม็กอลูมินั่มฟอร์จหล่อขึ้นรูป Dymag UP7X ล้อหน้า 3.50 x 17 และด้านหลัง 6.00 x 17 หุ้มด้วยยาง Pirelli Superbike Racing ยางหน้า 120/70 – 17 และยางหลัง 180/60 – 17 หรือจะอัพเพิ่มเป็น 200/55-17 ก็ได้ ขับเคลื่อนสุดท้ายด้วยโซ่ D.I.D ขนาด 520 แต่ข้อมูลได้บอกอัตราทดสเตอร์มาให้

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการออกแบบให้ถังน้ำมันขนาด 16 ลิตร ไปอยู่ใต้เบาะนั่งที่ซับเฟรมด้านหลัง ท่อจาก Akapovic Titanium ที่จะมีตัวเก็บเสียงเป็นออพชั่นเสริมสำหรับกฎหมายเรื่องของเสียงเกินกำหนด จอแสงดผล TFT โดยใช้แดชบอร์ด AIM Mxs 1.2 ขนาด 5 นิ้ว บันทึกข้อมูลและตั้งโปรแกรมในแต่ละโหมด รวมไปถึงการตั้งค่า ECU ได้อีกด้วย พร้อมยังมีระบบ Engine Brake ที่ปรับได้ถึง 2 ระดับ สำหรับใครที่อยากได้เป็นเจ้าของก็คงต้องลุ้นว่า VROOM THAILAND จะนำเข้ามาได้หรือไม่ เพราะมันไม่ใช่รถโปรดัก
ชั่นทั่วไป Track Only เท่านั้น

ฮอนด้ารุกตลาดบิ๊กไบค์เต็มสูบ เปิดตัวอีก 2 โมเดลระดับแฟลกชิพในมอเตอร์เอ็กซ์โป 2021 All New NC750X แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งสุดล้ำ และ All New CB1000R Black Edition เน็กเก็ตสปอร์ตมาดเข้มดุดัน

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เดินหน้ารุกตลาดบิ๊กไบค์ช่วงปลายปีด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 2 รุ่นในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2021 นำโดย All New NC750X แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งดีไซน์ใหม่ทั้งคัน มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และ All New CB1000R Black Edition เน็คเก็ตสปอร์ตสายเข้ม สไตล์นีโอสปอร์ตคาเฟ่ ที่ให้ทั้งความดุดัน และสมรรถนะสุดเร้าใจ

มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการพัฒนารถฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่น คือ การส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าของเรา ไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะเป็นแบบไหน ฮอนด้าบิ๊กไบค์ก็พร้อมจะพาไปพบกับความน่าตื่นตาตื่นใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด เช่นเดียวกับในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ เราได้นำเสนอบิ๊กไบค์อีก 2 รุ่น ซึ่งต่างก็เป็นรถระดับแฟลกชิพของเรา เริ่มจาก All New NC750X แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งรุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน ออกแบบมาเพื่อรองรับการเดินทางไกลทุกรูปแบบ และ All New CB1000R Black Edition ดีไซน์ใหม่ที่ให้ความเข้มดุดันเป็นพิเศษ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมสมรรถนะขั้นสูง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ยุคใหม่อย่างลงตัว อยากให้คนไทยได้มาลองสัมผัสด้วยตัวเองที่บูธฮอนด้า”

All New NC750X แอดเวนเจอร์ไบค์รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมคอนเซปต์ “Endless Route Await” ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน สะดุดตาไปกับเส้นสายและรูปทรงที่มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม โดดเด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่ และไฟ LED ทั้งคัน ให้ความเฉียบคมทุกมุมมอง หน้าจอ LCD Speedometer ดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง แบบ Parallel Twin SOHC 8 วาล์ว ขนาด 745 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์แบบ DCT (Dual Clutch Transmission) เทคโนโลยีอัจฉริยะของฮอนด้า เลือกเปลี่ยนได้ทั้ง MT/AT ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire มาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ Sport, Standard, Rain และ User ปลอดภัยทุกการเดินทางด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะขับขี่

All New NC750X เติมเต็มความสะดวกสบายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 23 ลิตร สามารถใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้ การขับขี่ให้ความคล่องตัวยิ่งขึ้น จากการออกแบบตัวรถมีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมถึง 6 กิโลกรัม ขับขี่ได้ง่ายและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ท่านั่งการควบคุมให้ความกระชับ มั่นใจ นั่งสบายด้วยความสูงเบาะเพียง 800 มิลมิเมตร
อีกหนึ่งรุ่นใหม่ล่าสุด All New CB1000R Black Edition เน็กเก็ตสปอร์ตไบค์ระดับท็อปคลาส ในสไตล์นีโอสปอร์ตคาเฟ่ มาพร้อมคอนเซปต์ “Engineering with a Soul” ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน ไฟหน้าใหม่ ยกระดับความดุดันรอบคันด้วยสีดำ เร้าใจด้วยสุดยอดสมรรถนะจากขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 998 ซีซี หัวฉีด PGM-DSFI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire สามารถปรับการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Sport, Standard, Rain และ User พร้อมเสริมสมรรถนะการควบคุมให้การขับขี่สนุกยิ่งขึ้นด้วย Quick Shifter ที่ปรับได้ถึง 3 ระดับ และมาพร้อมระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ควบคุมแรงบิดป้องกันล้อหมุนฟรีขณะขับขี่
All New CB1000R Black Edition เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยระบบ HSVCs (Honda Smartphone Voice Control System) ระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถผ่าน Honda RoadSync ใช้งานง่ายสะดวกสบายกับ 4 ฟังก์ชัน ได้แก่ รับสายเข้า-โทรออก ระบบนำทาง แอปพลิเคชันเพลง และการรับ-ส่งข้อความ ควบคุมผ่านสวิตซ์แฮนด์แบบมัลติฟังก์ชัน แสดงผลผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จสมาร์ทโฟน USB Type-C Socket ฮอนด้าบิ๊กไบค์ พร้อมเปิดรับจองรถทั้งสองรุ่นเป็นครั้งแรกใน Motor Expo 2021 และที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ โดย All New NC750X เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 365,000 บาท และ All New CB1000R Black Edition ราคาแนะนำที่ 599,00 บาท
นอกจากบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ล่าสุดที่นำมาเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทยแล้ว ฮอนด้ายังได้ยกทัพบิ๊กไบค์ทุกรุ่นมาให้ทุกคนได้ลองสัมผัส พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดกับแคมเปญ “Honda BigBike BUY NOW! RIDE NOW!” ออกรถด้วยเงินต่ำสุดเพียง 800 บาทเท่านั้น ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,036 บาท รับ Gift Voucher มูลค่าสูงสุดถึง 100,000 บาท ฟรีทะเบียน และ พรบ. ทุกคัน
พบกับฮอนด้าบิ๊กไบค์ในงาน Motor Expo 2021 ได้ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า G01 อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคมนี้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.hondabigbike.com
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/hondabigbiketh

ซูซูกิ พร้อมเปิดตัว 2 โมเดล ใหม่!!! มาพร้อมดีลพิเศษทุกรุ่น ทุกสไตล์ สุดเร้าใจส่งท้ายปี ในงาน

บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ อย่างเป็นทางการ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ และสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 หรือ Thailand International Motor Expo 2021 ที่นับได้ว่าเป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับประเทศกับแนวคิด “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์ – TIME to ENJOY! ที่รวบรวมยานยนต์ทุกประเภทมาจัดแสดง เพื่อให้ชม สัมผัส ลองขับ และเลือกซื้อ จึงเป็นงานที่เหล่าคนรักยานยนต์รอคอย ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2564

ในปีนี้ ซูซูกิ จะพาคุณท่องไปสัมผัสในโลกแห่งมหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์ เร้าใจไปกับเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค เติมเต็มความสุขทุกการขับขี่ในทุก ๆ การเดินทาง แนวคิดในการออกแบบบูธ “ซูซูกิ” ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Suzuki Modern Japanese DNA โดยคุมโทนด้วยสีดำเป็น Base ตัดด้วยสีน้ำเงิน Highlight แสดงออกถึงการผสมผสาน ความพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัด และพร้อมแสดงตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของ ซูซูกิ โดยเน้นในเรื่องของความทันสมัย ซึ่งทาง ซูซูกิ ได้ตกแต่งบูธ อย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทุกขั้นตอนในการสรรค์สร้างเพื่อทำให้ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมภายในบูธ ซูซูกิ ของเรานั้นได้พบกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ ความสนุกสนาน ความเร้าใจ ซึ่งนอกจากนี้ทาง ซูซูกิ ยังยกขบวนรถจักรยานยนต์ และกิจกรรมการแสดง มานำเสนออย่างจัดหนักจัดเต็มกันอย่างจุใจ
ทั้งนี้ภายในบูธของ ซูซูกิ ได้แบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Suzuki Sport Area กับการยลโฉมตัวจริงครั้งแรกของ “The Legend is Back” All New Suzuki Hayabusa พญาเหยี่ยวเจ้าแห่งความเร็ว และครั้งแรกกับตัวจริงของ New Suzuki Burgman 400 ที่ Suzuki Street Area และที่พลาดไม่ได้กับ Highlight สำหรับบูธ ซูซูกิ ในงานนี้คือ การผจญภัยสุดมันไปกับ Suzuki Adventure Area ที่ ซูซูกิ ยังคงสร้างความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 2 รุ่น เริ่มที่รุ่นใหญ่อย่าง New Suzuki V-Strom 650XT รถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ กับสีใหม่ถึง 4 สี ได้แก่ Pearl Vigor Blue / Metallic Mat Sword Silver สีน้ำเงินตัดสีเงินด้าน Pearl Brilliant White สีขาวประกายมุข Glass Sparkle Black สีดำเข้ม และกับสีเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์ของ V-Strom อย่าง Champion Yellow No.2 ที่จะพาคุณพร้อมลุยไปทุกที่ ได้รับการการันตีถึงสมรรถนะและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมาแล้วจากผู้ใช้ทั่วโลก และกับโมเดลใหม่ล่าสุดที่ขี่ง่าย ลุยได้ทุกทางกับ All New Suzuki Nex Crossover รถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์สไตล์ ครอสโอเวอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด เปิดตัวครั้งแรกภายในงาน ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย สนุกทุกการขับขี่ พร้อมจะพาลุยไปได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง พร้อมแล้วลุยกันเลย!!!
สุดเซอร์ไพรส์สำหรับงานนี้ บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำรถจักรยานยนต์ พรีเมียมสกู๊ตเตอร์อย่าง Suzuki Saluto 125 มาโชว์ในงาน Motor Expo 2021 นับว่าเป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่ทุกท่านจะได้เห็นพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ Suzuki Saluto 125 กันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์รุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองการใช้งาน และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเงื่อนไขสุดพิเศษทุกรุ่น ที่จะทำให้คุณสามารถเลือกรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ที่ใช่ได้อย่างง่ายดาย เปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ พิเศษสุดกับการ Collaboration ที่ลงตัว… “Suzuki X Racewear”
Suzuki แบรนด์รถจักรยานยนต์ชั้นแนวหน้า ที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกมาหลาย Generation เปิดตัวเสื้อ Limited Edition 2022 ที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด โดยจับมือกับแบรนด์เสื้อแนว Street ชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมในวงการแต่งรถ ที่มีความเข้าใจในเรื่องของรูปทรง สรีระ และไลฟ์สไตล์การแต่งตัว โปรเจ็คเสื้อสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Suzuki X Racewear” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นภายในงาน Motor Expo 2021 ในครั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่จองรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ในงานนี้เท่านั้น ยังไม่หมดเพียงเท่านี้สำหรับบูธ ซูซูกิ กับดีลพิเศษ โปรโมชั่นร้อนแรงส่งท้ายปี ครบทุกรุ่นทุกสไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการ และสามารถเลือกสรรให้ตรงกับความต้องการให้ตัวคุณ แล้วพบกันที่บูธ ซูซูกิ รหัส G11 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี

“ยามาฮ่า” จัดทัพใหญ่เข้าร่วมมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมอัดโปรโมชั่นมัดใจสายสปอร์ต

นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน Motor Expo และนางวราทิพย์ เชยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซค์เคิล เอ็กซ์โป จำกัด ในพิธีเปิดบูธ YAMAHA SENSE OF CONNECTION อย่างเป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 หรืองาน MOTOR EXPO 2021

โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยกทัพรถจักรยานยนต์ เข้าร่วมจัดแสดงภายในบูธ YAMAHA SENSE OF CONNECTION G03 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ครบครันทั้งไลน์อัพ ตอบสนองความต้องการทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ของผู้บริโภค มาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ที่ซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในงาน

เชิญสัมผัสและจับจองรถจักรยานยนต์คุณภาพ ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่า ทุกรุ่นทุกสไตล์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ด ได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 ภายในบูธ YAMAHA SENSE OF CONNECTION G03 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม นี้

คาวาซากิเอาใจกลุ่มคลาสสิคไบค์เปิดตัว Z650RS อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วย Ninja ZX-10R ใหม่ และ Z900 SE ACC รุ่นพิเศษภายในงาน Motor Expo 2021

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว 3 โมเดลใหม่ล่าสุด Z650RS พร้อมด้วย Ninja ZX-10R ใหม่ และ Z900 SE ACC รุ่นพิเศษที่มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสุดไฮเกรดติดรถ ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 Thailand International Motor Expo 2021” ระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2564 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ภายในบูธคาวาซากิ ท่านจะได้พบกับรถจักรยานยนต์คาวาซากิหลากหลายสายพันธุ์ อาทิเช่น สายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตจากตระกูล Ninja / สายพันธุ์ซูเปอร์เน็คเก็ตจากตระกูล Z / สายพันธุ์แอดเวนเจอร์จากตระกูล Versys / สายพันธ์ออฟโรดจากตระกูล KLX รวมไปถึงสายพันธ์คลาสสิคจากตระกูล W และ Vulcan
ไฮไลท์ของงาน Z650RS เรโทรสปอร์ตเน็คเก็ตพิกัดกลางขนานแท้ สำหรับผู้ใช้ในทุกระดับทักษะ รูปลักษณ์อันสวยงามเหนือกาลเวลาสืบทอดจาก Z900RS เข้ากับรูปทรงอันกะทัดรัด ควบคุมง่าย ที่จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกติดอกติดใจอยากนำออกไปขับขี่ในทุกวัน โดดเด่นด้วยความสวยงามเป็นอมตะของรถจักรยานยนต์สไตล์ดั้งเดิม โดยมาพร้อมรายละเอียดที่แตกต่างจากพี่ใหญ่ อย่างถังน้ำมันที่คอดกระชับและท้ายสั้น กะทัดรัด ให้ความรู้สึกง่ายต่อการควบคุม ไม่ต้องออกแรงมาก สามารถสัมผัสได้ถึงความเบาของตัวรถ และคาแรคเตอร์ด้านการตอบสนองที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ เพื่อเสริมตัวตนความเป็นรถจักรยานยนต์เรโทรสปอร์ตขนานแท้ ความร่วมสมัยและความเรียบง่ายที่จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกติดอกติดใจอยากนำออกไปขับขี่ในทุกวัน ราคาเปิดตัว 319,400.-
สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Ninja ZX-10R บทพิสูจน์ของสมรรถนะอันเหนือชั้นกับการครองบัลลังค์แชมป์เวิลด์ซูเปอร์ไบค์ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง สร้างปรากฎการณ์ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกได้ประจักษ์กับความเป็นแชมป์เปี้ยนตัวจริง พร้อมให้คุณได้สัมผัสถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์อันทรงพลัง และโครงสร้างแชสซีที่ผ่านการพัฒนาจากสนามแข่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการลดแรงต้านอากาศด้วยการออกแบบรูปทรงใหม่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น สะดวกสบายกับการขับขี่ระยะทางไกลด้วยระบบ Electronic Cruise Control และสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อความเพลิดเพลินในการขับขี่บนท้องถนนได้อย่างครบครัน ราคาเปิดตัว 859,000.-
สุดท้ายกับ Z900 SE ACC อีกหนึ่งรูปแบบของ Z900 ที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติขั้นสูง ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ & สวยสะกดทุกสายตามากยิ่งขึ้น Z900 SE ACC ใช้พื้นฐานเดียวกับ Z900 ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คืออีกหนึ่งทางเลือกที่โดดเด่นและแตกต่างในปี 2022 ด้วยคอนเซ็ปต์ “เร้าใจและควบคุมง่าย” เช่นเดียวกับ Z900 รุ่นสแตนดาร์ด Z900 SE ACC ยังคงรักษาสไตล์ Sugomi สุดดุดันและการควบคุมฉับไว คล่องตัว อันเลื่องชื่อของรถจักรยานยนต์ในตระกูล Z ไว้อย่างครบถ้วน ขณะที่มาพร้อมชุดแต่งระบบเบรก Brembo ใหม่, องค์ประกอบภายในระบบกันสะเทือนหน้าเกรดสูงขึ้น รวมถึงโช้คหลัง Öhlins ซึ่งไม่เพียงยกระดับคาแรคเตอร์การควบคุมและความตื่นเต้นในการขับขี่ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น แต่ยังเสริมให้สไตล์ของตัวรถดูโดดเด่นสะกดทุกสายตายิ่งขึ้นด้วย ราคาเปิดตัว 512,000.-
นายกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย กล่าวว่า “คาวาซากิเปิดตัวโมเดลใหม่ทั้งหมด 3 รุ่น มีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์คันใหม่ อีกทั้งภายในงาน Motor Expo ครั้งนี้ คาวาซากิจัดโปรโมชั่นพิเศษต่างๆมากมายไว้รอคอยทุกท่าน แล้วพบกันให้ได้นะครับ ”
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของคาวาซากิ และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์คาวาซากิใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่านทาง Kawasaki Motors Thailand Fanpage / www.kawasaki.co.th

Honda ADV350 จะเข้ามาสร้างกระแสสายพานสายลุยในไทยไหม ลุ้นกันให้ดี

การออกแบบดีไซน์ในรูปแบบของสายลุย Adventure Scooter โดยให้มีสรีระความสูงของตัวรถที่ 145 มม. ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น มุมมองใหม่บึกบึน มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED และ ไฟ เดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ โฉบเฉี่ยว ถ่ายทอด DNA จาก ADV Series ของ Honda และเพื่อการบุกลุยที่ปลอดภัยพร้อมเสริมการติดตั้งการ์ดแฮนด์มาให้จากโรงงาน

จอแสดงผลเรือนไมล์ ใช้หน้าจอLCD ดิจิตอลเต็มระบบ บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทริป, นาฬิกา ฯลฯ ระบบกุญแจสมาร์ทคีย์ ช่องชาร์จ USB Type C และยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Smartphone อีกด้วย ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่

เบาะนั่งขนาดใหญ่แบ่ง 2 ตอน แยกตอนระหว่างคนขับและคนซ้อนออกจากกัน โดยเบาะคนขับมีความสูงจากพื้นอยู่ที่ 795 มม. พื้นที่เก็บของใต้เบาะใส่หมวกกันน็อคเต็มใบได้ถึง 2 ใบ ตำแหน่งวางเท้าวางได้ 2 แบบ คือแบบวางตรงกลาง และแบบยืดไปด้านหน้า เหมือนกับ Forza350

ช่วงล่างด้านหน้าเสริมความหล่อใช้โช้คอัพแบบหัวกลับขนาด 37 มม. ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 256 มม. พร้อมระบบ ABS Duo Channel ดิสก์เบรกหลังจานเดี่ยวขนาด 240 มม. คาลิเปอน์ลูกสูบเดี่ยว โช้คอัพด้านหลังเป็นโช้คอัพคู่ พร้อมซับแท้งค์ วงล้อหน้าใช้เป็นล้ออลูมินัมขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 120/70 R15 ด้านหลังใช้ล้ออลูมินัมขนาด 14 นิ้ว รัดด้วยยาง 140/70 R14 โดยยางที่ใส่มาให้เป็นแบบกึ่งทางเรียบและสามารถลุยทางขรุขระได้

สำหรับเครื่องยนต์ของ ADV350 จะใช้เครื่องยนต์ eSP+ 1 สูบ ขนาดความจุ 330 ซีซี SOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 28.83 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 31.5 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT ขับเคลื่อนด้วยสายพาน พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี HSTC Honda Selectable Toque Control เลือกปรับได้ 2 ระดับ ซึ่งถ้าว่าไปแล้วก็เป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ใน Honda Forza350 ทุกประการ ไม่ว่าจะเอาสเป็คตรงไหนมาเทียบ ล้วนแล้วเหมือนกันทั้งหมด ส่วนนำหนักโดยรวมอยู่ที่ 186 กก.

Honda ADV350 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีเงิน, สีเทา และสีแดง

2022 Honda CRF250R

โมเดลล่าสุดของรถสูตรในพิกัด 250F จากค่าย Honda มาพร้อมกับการอัพเดท ที่ในเอกสารระบุว่าเป็น model updates นั้น สรุปง่ายๆเบื้องต้นคือ เจ้า new CRF250R คันนี้ เป็นโมเดลที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ผ่านมา โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในส่วนของแชสซีส์มาจาก 2022 CRF450R ที่ใช้แข่งใน MXGP ผสานกับฝาสูบที่พัฒนาให้ได้แรงบิดที่มากขึ้นในช่วงรอบต่ำ รวมทั้งหม้อน้ำใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งคลัทซ์ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบ 9 แผ่น และได้มีการปรับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุดเกียร์บ๊อกซ์ที่มีการปรับเสริมใหม่ในส่วนของอัตราทดที่เหมาะสมลงตัวมากกว่าเดิม

นั่นคือข้อความจั่วหัวในพรารากราฟแรกที่ถอดมาจากเอกสารเกี่ยวกับ 2022 CRF250R ที่กล่าวได้ว่าแม้จะเป็นรุ่นรองจากเรือธงอย่าง 450R แต่ทางค่ายก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อย้อนไปปี 2018 ที่ได้ริเริ่มการออกแบบเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้กับ CRF250R มากขึ้นด้วยแนวทางการพัฒนาที่เรียกว่า Absolute Holeshot อันสืบเนื่องมาจากผลพวงการพัฒนาที่ต่อยอดจาก 2017 โมเดล ที่ได้พัฒนาเฟรม ซึ่งนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 7 ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรก ก่อนจะมีการปรับมิติและเสริมในส่วนของระบบกันสะเทือน จนทำให้ 2018 โมเดล มีความลงตัวมากขึ้น ทว่าด้วยแนวคิดที่มากไปกว่านั้น ทางวิศวกรจึงได้พยายามที่จะโฟกัสไปที่ระบบอิเล็คทรอนิคส์ โดยเฉพาะการปรับค่าแมปปิ้งของเครื่องยนต์ ให้สามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ที่สำคัญต้องเอื้อประโยชน์ในส่วนของการออกตัว และนั่นจึงเป็นนิยามของการพัฒนาสู่คำว่า Absolute Holeshot จากนั้นในปีถัดมากับ 2019 โมเดล ก็ได้มีการพัฒนาต่อมาในแบบไมเนอร์เช็นจ์ ปรับในส่วนของช่องทางของพอร์ทไอดีและไอเสีย เพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดที่ดีในรอบต่ำ รวมทั้งปรับเสริมตำแหน่งท่าทางการขับขี่และ เพิ่มประสิทธิภาพของ HRC launch control รวมถึงการปรับในส่วนของระบบเบรก จากนั้นใน 2020 โมเดล ก็ยังคงพัฒนาต่อเนื่องด้วยการตัดสินใจเปลี่ยนสวิงอาร์มใหม่ รวมทั้งปรับในส่วนของเฟรมด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีในส่วนนี้ มาจากเรือธงอย่าง 2019 CRF450R มาใช้กับ 2020 CRF250R ควบคู่กับแนวทางในการพัฒนาที่โฟกัสเครื่องยนต์ให้มีการตอบสนองที่ดีขึ้นในช่วงรอบกลาง ขณะที่ในปีที่ผ่านมากับ 2020 โมเดลนั้น ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในแบบไมเนอร์เช็นจ์ โดยโฟกัสไปที่เรื่องของ “ช่วง” เล็กน้อย ก่อนจะมาสู่โมเดลล่าสุด ตามที่กล่าวถึงตั้งแต่ช่วงพารากราฟแรกนั่นเอง

แม้ว่า 2022 CRF250R จะใช้พื้นฐานแชสซีส์เดียวกับ 2021 CRF450R แต่ก็มีการ”ปรับ” จนสามารถเซฟน้ำหนักเมื่อรวมกับเครื่องยนต์ลงได้รวม 3 กก. มีการเปลี่ยนแปลงมิติตัวรถบางจุดให้มีความเหมาะสม รวมทั้งอัพเกรดในส่วนของระบบกันสะเทือน ด้วยการออกแบบและปรับเปลี่ยน ทำให้เฉพาะในส่วนของเฟรมสามารถลดน้ำหนักลงได้ 700 กรัม เมื่อเทียบกับเฟรมก่อนหน้านี้ ขณะที่ในส่วนของซับเฟรมนั้นสามารถลดน้ำหนักลงได้ 320 กรัม เนื่องจากการ”ปรับ”รายละเอียดโดยรวมของแชสซีส์ มีส่วนช่วยให้แรงบิดแรงเค้นที่เกิดขึ้นขณะขับขี่เมื่อเทียบกับโมเดลก่อนหน้านี้ กล่าวได้ว่า ลดลง 20% นั่นหมายความว่า การปรับในส่วนของแชสซีส์ นี้จะช่วยให้”ช่วงของรถ”ดีขึ้น มีผลให้สามารถทำความเร็วในโค้งได้ดียิ่งขึ้น และจากการปรับในส่วนของแชสซีส์นี้ช่วยให้รถมีการให้ตัวที่ดีในแต่ละจุด ดังนั้นความคล่องตัว ความเฉียบคม และ สมดุล ของตัวรถมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบกันสะเทือน fully adjustable จาก Showa แบบอัพไซด์ดาวน์ Showa USD coil spring fork ซึ่งเป็นเวอร์ชั่น Showa Factory ที่ซัพพอร์ททีมแข่งในรายการออลเจแปน ที่ได้นำมาทำการปรับแต่งวาล์ว เพื่อเน้นความนุ่มนวลในโค้ง ขณะที่กันสะเทือนหลัง Showa rear shock มีการปรับ main piston valving เพื่อให้มีการตอบสนองที่ดี และเพิ่มการซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้สปริงน้ำหนักเบาแบบ lightweight steel ซึ่งช่วยเซฟน้ำหนักไปได้ 120 กรัม

.มาที่ส่วนของเครื่องยนต์นั้นมีการปรับในส่วนของช่องทางเข้าของไอดี และฝาสูบ ที่พยายามออกแบบให้อากาศไหลเวียนผ่านเข้าไปได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาท่อไอเสียแบบปลายเดี่ยวที่ช่วยให้ได้กำลังเพิ่มขึ้น 10% เช่นเดียวกับแรงบิดที่มากขึ้น 15% สำหรับเครื่องยนต์ ขนาด 249.4 ซีซี DOHC เป็นการต่อยอดมาจากเครื่องยนต์ที่พัฒนาให้มีกำลังเครื่องยนต์ที่จัดจ้านจาก 2020 โมเดล ที่เน้นกำลังสูงสุดและเพิ่นแรงบิดในช่วงรอบกลาง จนมาสู่ new CRF250R นี้ ทำให้ภาพรวมของกำลังเครื่องยนต์และแรงบิดนั้นเพิ่มขึ้นจากเดิม กล่าวคือ ในเกียร์เดียวกันการขับขี่แบบโค้งต่อโค้งนั้นจะได้อัตราเร่งที่เหนือกว่าจากโมเดลที่ผ่านมา และที่ขาดไม่ได้ก็คือระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับรถจักรยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่ง HRC Launch Control ได้มาพร้อมกับการออกสตาร์ทมาให้สามแบบ คือ Level 3 – 8,250rpm, muddy conditions/novice ; Level 2 – 8,500rpm, dry conditions/standard ; Level 1 – 9,500rpm, dry conditions/expert และเช่นเดียวกับ EMSB-Engine ModesSelect Button จะมีการติดตั้งค่าแมปปิ้งมาให้สามแมปด้วยกัน

ENGINE
Type : Liquid­cooled 4­stroke single DOHC
Displacement : 249.4cc
Bore & Stroke : 79mm x 50.9mm
Compression Ratio : 13.9:1
Oil Capacity : 1.35L
FUEL SYSTEM
Carburation : Fuel injection
Fuel Tank Capacity : 6.3 litres
ELECTRICAL SYSTEM
Starter : Electric
DRIVETRAIN
Clutch Type : Wet multiplate
Transmission Type : Constant mesh
Final Drive : Chain
FRAME
Type : Aluminium twin tube
CHASSIS
Dimensions (L´W´H) : 2,177 x 827 x 1,265mm
Wheelbase : 1,477mm
Caster Angle : 27.32 degrees
Trail : 115mm
Seat Height : 961mm
Ground Clearance : 333mm
Kerb Weight : 104kg
SUSPENSION
Type Front : 49mm Showa (Hitachi Astemo, Ltd) coil­spring USD fork
Type Rear : Showa (Hitachi Astemo, Ltd.) Mono shock with Honda ProLink
WHEELS
Type Front : Aluminium spoke
Type Rear : Aluminium spoke
Tyres Front : 80/100­21 PIRELLI MX32 MIDSOFT
Tyres Rear : 100/90­19 PIRELLI MX32 MIDSOFT
BRAKES
Front : 260mm hydraulic wave disc
Rear : 240mm hydraulic wave disc

Yamaha QBIX125 AUTOMATIC Fashion idol

ถูกปรับเปลี่ยนลุคใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นในการนำเสนอไอเดียให้กับรถสไตล์สกู๊ตเตอร์ออโตเมติก แต่ด้วยรูปลักษณ์ของ QBIX ก็มีการดีไซน์ได้โดนใจวัยรุ่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากที่จะเสริมเติมแต่งออพชั่นต่างๆ และ สีสันใหม่ให้น่ามองมากยิ่งขึ้น

QBIX รถจักรยานยนต์ในกระแสวัยรุ่นด้วยรูปทรงเทรนด์ใหม่ดูน่ารักกุ๊กกิ๊ก ขนาดที่ไม่ใหญ่ เบาะใหญ่นั่งสบาย เครื่องยนต์ให้กำลังแรงบิดสนุก ขนาด 125 ซีซี และมาพร้อมกับเทคโนโลยี BLUE CORE ให้ประหยัดน้ำมัน ฟิกเจอร์สุดล้ำสมัย จอแสดงผลแบบฟูลดิจิตอล ไฟหน้า LED ส่องสว่าง ไฟเลี้ยวบิ้วท์อิน กล่องเก็บของใต้เบาะเอนกประสงค์ มีช่องเล็กช่องน้อยใช้งานได้สะดวก แต่เมื่อถูกปรับเปลี่ยนแต่งเติมให้น่ามองมากขึ้นจึงทำให้ QBIX คันนี้เป็นรถที่สะดุดตามากขึ้น

สีสันลวดลายถูกเปลี่ยนลุคใหม่ มีการเสริมกันโครงรอบนอกและด้านในด้วยเหล็กดัดสีส้ม แฮนด์บาร์ทรงต่ำลง ปลอกแฮนด์อลูมินัมหุ้มยาง ก้านเบรกอลูมินัมปรับระดับ กระจกมองหลังจอรูปไข่ วงล้อแม็กหน้ายางแบบกึ่งพร้อมลุยทางฝุ่นแบบซอฟๆ โช้คอัพหน้าอินเทรนด์ แบรนด์ของ Gazi แบบ Upside Down ที่โดดเด่นด้วยกระบอกสีขาว ดิสก์เบรกหน้าจานโฟลท์ติ้ง 5 ตัว คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ RCB และสายถักสแตนเลส ย้ำด้วยหัววงแหวน ช่วงท้ายแน่นๆ วงล้อแม็ก 12 นิ้ว ฝาปิดทึบ โช้คอัพหลังแบบยูนิตสวิง เน้นความนุ่มนวลและความหนึบใส่ของ Gazi สปริงแบบโปรเกรสซีฟ ที่มาพร้อมแท้งค์ซับแก๊สบิ้วอินท์ ประจำการอยู่ด้านหลัง

เครื่องยนต์เพิ่มอัตราการบิดเร่งรอบที่เร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยการเสริมไอเสียสแตนเลสเดินลอดออกข้างและสวมด้วยปลายกระบอกคอสปริงยึดเข้ากับแคร้งเครื่องด้านขวาเป็นการแต่งที่เน้นการใช้งานแต่ก็อยากที่ให้ดูโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร แบบนี้ก็สะดุดตาบนท้องถนนได้แล้ว จะไปต่อหรือพอแค่นี้…ก็จัดไป