เชื่อมั่น All New Wave125i ทำได้ พิชิต 10 ดอยใน 3 วัน เส้นทางเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน

เชื่อมั่น All New Wave125i ทำได้ พิชิต 10 ดอยใน 3 วัน เส้นทางเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอนกองทัพสื่อมวลชนตะลุยดอยปุย ดอยสุเทพ ดอยม่อนแจ่มในวันแรก พิสูจน์ขุมพลังเครื่องยนต์ Honda Smart Engine
ไทยฮอนด้า ยกทัพสื่อมวลชน ร่วมพิสูจน์ All New Wave125i กับขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ Honda Smart Engine แรง ทนทาน ประหยัด พิชิต 10 ดอยสูง ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ข้าม 2 จังหวัด เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน
เริ่มต้นวันแรก จากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า จ.เชียงใหม่ ออกเดินทางตะลุยยอดเขา สู่ดอยปุย ด้วยระยะทาง 36 กม. ก่อนเดินทางย้อนกลับลงมาที่ดอยสุเทพ ระยะทาง 8 กม. และออกเดินทางสู่ดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม ระยะทาง 34 กม. ผ่านทางลาดชันและเส้นทางคดเคี้ยวมากมายเพื่อทดสอบแรงบิดทรงพลังของเครื่องยนต์ Honda Smart Engine และสิ้นสุดวันแรกรวมระยะทาง 87 กิโลเมตร บนยอดดอยม่อนวิวงาม พร้อมเตรียมพิชิตเส้นทางโหดในวันที่สอง ที่ดอยกิ่วลม(ห้วยน้ำดัง) ดอยหยุนไหล ดอยกิ่วลม(ปางมะผ้า) และดอยกองมู
ติดตามความเคลื่อนไหวทัพสื่อมวลชนร่วมภารกิจพิชิต 10 ดอยวันที่ 2 ได้ในวันพรุ่งนี้
All New wave125i พร้อมให้ความเชื่อมั่นแล้วที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

HONDA MX ครบรอบ 50 ปี 1973-2023 จาก CR สู่ CRF

เดิมทีตั้งใจจะนำเสนอ MXer โมเดลใหม่ล่าสุด ที่เป็นไลน์อัพสำหรับทำตลาดในปี 2023 ทว่าเราพบว่า ในโมเดลปีดังกล่าวที่ส่งออกมาสู่ตลาดนั้น เป็นวาระครบรอบ 50 ปี ของรถโมโตครอส  หรือ MXer ของ Honda ที่มีวิวัฒนาการ จากรหัส CR มาสู่รหัส CRF  ในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นระยะเวลาต่อเนื่องถึงห้าทศวรรษ ของการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเรือธงรุ่นล่าสุดจากกลุ่มรถวิบากอย่าง 2023 CRF450R ที่เป็นโมเดลแรกที่ทางค่ายหยิบมาพัฒนาอัพเดทชิ้นส่วนต่างๆในวาระพิเศษนี้

ซึ่งแน่นอนว่าเราจะมาว่ากันที่เรื่องของตัวรถกันทีหลัง ทว่าในวาระพิเศษนี้ทางไรดิ้งเราก็เลยจะขอนำเสนอเรื่องราวของเรือธงในแต่ละช่วงเวลาตลอดระยะเวลาห้าสิบปีของรถ MXer รุ่นหลักๆที่กล่าวได้ว่าเป็นหลักไมล์หรือเป็นเรือธงในแต่ละช่วงเวลา ที่ทาง Honda เป็นฝ่ายหยิบยกออกมาเอง หาใช่ไรดิ้งเราเป็นฝ่ายจัดทำแต่อย่างใด ซึ่งในเอกสารพีอาร์วาระครบรอบดังกล่าวของ Honda ได้แนะนำโมเดลเด่นๆโดยเริ่มต้นจาก 1973 CR250M Elsinore นี่คือรถที่ถือกำเนิดมาจากการแข่งขันจริง ซึ่งมีคำกล่าวเล่นๆกันว่า “ชนะวันอาทิตย์ วางขายวันจันทร์” อย่างไรก็ตาม CR250M Elsinore โมเดลนี้แม้จะเป็นรถแข่งแบบโปรดักชั่น ทว่าก็ผลิตขายตามยอดการสั่งซื้อเท่านั้น ด้วยการที่เป็น MXer แบบสองจังหวะรุ่นแรกของ Honda ดังนั้นความพิถีพิถันและคุณภาพต่างๆจึงถูกใส่ใจมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการทำประชาสัมพันธ์ในช่วงเวลานั้นกล่าวได้ว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะหนังโฆษณาที่นำแสดงโดย steve McQueen ขณะที่ชื่อรุ่นนั้น ถูกนำมาจากการแข่งขัน Elsinore Grand Prix ซึ่งจัดว่าเป็นการแข่งขันในตำนานที่ lake elsinore  California กล่าวคือมันเป็นรถแข่งของ Honda ที่ใช้เครื่องยนต์สองจังหวะ ขนาด 247.8 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ  ตัวรถมีน้ำหนัก 104 ก.ก. โดยโครงสร้างตัวรถเป็นแบบ semi-double tubular steel frame พร้อม telescopic forks  steel swingarm  twin rear shocks และดรัมเบรกหน้า-หลัง ….นี่คือ เริ้มต้นของตำนาน 50 ปี ของ รถแข่งโมโตครอสของ Honda

1981 CR250R ย่างก้าวสำคัญของการพัฒนา MXer จากความสำเร็จของ CR250M ก็เปลี่ยนมาเป็น รหัส R ที่สื่อความหมายอย่างชัดเจนว่า มันคือรถแข่งที่รับถ่ายทอดพันธุกรรมมาจากทีมโรงงานแทบจะทุกอย่าง นี่คือรถแข่งที่ผลิตมาขายต่อคนทั่วไปอย่างเป็นทางการรุ่นแรกในฐานะรถแข่งโปรดักชั่น ที่มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบที่เรียกว่า long-stroke design cooled ที่มีหม้อน้ำขนาดเล็กสองชิ้นติดตั้งมาอย่างเท่หรือสุดล้ำในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้นได้รับการยกระดับโครงสร้างชิ้นส่วนบางอย่างเป็นวัสดุอลูมิเนียม คือ aluminium swingarm ที่มาพร้อมกับ single remote-reservoir Pro-link rear shock เรียกง่ายๆก็คือชุดกระเดื่องที่ทำหน้าที่ยึดกับช๊อคอัพหลังนั่นเอง ซึ่งเจ้าระบบที่ชื่อ Pro link นี่แหละ คือจุดกำเนิดของความสำเร็จอันลือชื่อมากมายของวิวัฒนาการระบบกันสะเทือนของรถแข่งจากค่ายญี่ปุ่นนี้ ขณะที่ในส่วนของชุดเฟรมนั้นยังคงเป็น steel frame และที่น่าสนใจในช่วงเวลาเพียงปีเดียวหลังจากส่ง MXer โมเดลนี้ออกมาสู่ตลาด ก็ได้มีความเคลื่อนไหวเล็กที่มีผลต่ออนาคตมากมายจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ การประกาศเปิดแผนก Racing Service Center ขึ้นมาในปี 1982 ก่อนที่แผนกนี้จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น HRC –Honda Racing Corporation ในภายหลัง

1985 CR500R นี่คือรุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนา 2023CRF450R 50th Anniversary ว่ากันว่า CR500R  คันนี้ คือการก้าวผ่านอีกครั้งสำคัญของMXerค่ายปีกนก จาก เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่เปี่ยมด้วยแรงบิดมหาศาลของ CR500R ที่เปิดตัวในปี1984 ก็ได้ถูกนำมาปรับเปลี่ยนเสริมแต่งกันเป็นโมเดลใหม่ล่าสุด จนกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานนั่นก็คือ การเปลี่ยนระบบระบายความร้อน จาก air cooled มาเป็น water cooled ถือว่าเป็นวิวัฒนาการสำคัญของรถMXerจากยุค80s

1997CR250R คำจำกัดความในช่วงเวลานี้นตอนที่เปิดตัวรถรุ่นนี้ออกสู่ตลาด ก็คือ The Revolution begins  หรือ การเริ่มต้นของการปฏิวัตินวัตรกรรมอะไรแบบนั้น โดยเจ้าMXerขนาดสองแรงครึ่งคันนี้ ได้รับการพัฒนาให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยค่อนข้างมาก ดังจะเห็นได้ชัดเจนที่ทั้งแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์นั้นมีสมรรถนะสูงเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้พอสมควร ที่สำคัญ มันเป็นMXerตัวแรก ที่ใช้เฟรมอลูมิเนียม”first aluminium” จาก  tubular steel ถูกแทนที่ด้วย twin spar ที่มีคุณสมบัติในการให้ตัวหรือยืดหยุ่นได้ดีกว่าเฟรมแบบเหล็กนั่นเอง นอกจากนั้นองค์ประกอบต่างๆล้วนถูกเสริมไปนั้นอยู่ในระดับ high tech แทบทั้งสิ้น ไม่ว่า fully adjustable Showa suspension และ disc brake ทั้งหน้าและหลัง จนมันได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดรถMXerแห่งยุค 90s อีกรุ่นหนึ่งที่Hondaผลิตออกมาสู่ตลาด

2022 CRF450R นี่คือเจนแรกของตระกูล “ first generation of 450” อีกทั้งมันยังเป็นต้นกำหนดของทิศทางการพัฒนา MXer ยุคใหม่ของค่ายปีกนก ที่ชัดเจนที่สุดว่า นับจากนี้รถวิบากและรถโมโตครอสของพวกเขาจะถูกกำหนดเส้นทางการพัฒนาไว้แล้วนั่นเอง มัน คือเครื่องยนต์สี่จังหวะตัวแรก สำหรับสายการผลิต MXer ที่มันจะเข้ามาแทนที่ CR250R ด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะขนาดกะทัดรัดและทรงพลังขนาด 449 ซีซี มีย่านการส่งกำลังที่กว้าง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลควบคุมง่าย แต่เปี่ยมด้วยพละกำลัง ทุกๆองค์ประกอบของการพัฒนาใน CRF450R ทำให้มันเป็นรถที่เร็วและควบคุมง่าย เมื่อเทียบกับ CR250R ที่ถูกแทนที่ไปนับจากนี้

2009 CRF450R หลังจากที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจน”เข้าที่เข้าทาง” ก็ถึงเวลาสำคัญต้องทำการปฏิวัตินวัตรกรรมใหม่อีกครั้ง นั่นก็คือ การเริ่มต้นเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีระบบหัวฉีด An injection of technology คือนิยามหรือทิศทางของการพัฒนา CRF450R ครั้งใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ที่มาพร้อมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดที่จะแทนที่ระบบคาบูเรเตอร์แบบเดิมๆ ดังนั้น CRF450R โมเดลนี้จึงมาพร้อมกับ fuel-injected engine ที่ติดตั้งชุดเรือนลิ้นเร่ง 50m.m. throttle body ที่มาพร้อมหัวฉีดแบบสิบสองรู หรือ 12 hole injector โดยสามารถทำการปรับ
จูนการจุดระเบิด หรือปรับตั้งค่าต่างๆเช่นที่เคยทำในการเซทคาร์บูเรเตอร์แบบเดิมๆด้วยการเซ็ทตั้งผ่านอุปกรณ์หรือเครื่องมือ HRC PGM-Fi setting tool นอกจากเครื่องยนต์ที่ออกแบบใหม่แล้ว ยังได้เปลี่ยนโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ ซึ่งการออกแบบ new chassis นี้ได้พัฒนาร่วมกับการพัฒนาเครื่องยนต์ โดยมีแนวคิดที่สำคัญนั่นก็คือ mass centralization หรือการคำนุงถึงเรื่องศูนย์ถ่วงน้ำหนักของรถที่ให้ความสำคัญกับคำว่า สมดุลหรือบาล้านซ์ของรถนั่นเอง นอกจากนี้ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ยังรวมถึงระบบกันสะเทือนใหม่ ที่เลือกใช้ Kayaba 48 m.m. Air-Oil-Separated{AOS} USD forks รวมทั้ง compact rear shock ที่พัฒนามาควบคู่กันเพื่อให้รถสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายๆจังหวะของการเคลื่อนที่นั่นเอง

2017 CRF450R นี่คือรถที่ได้รับการอัพเดทใหม่ ทุกๆชิ้นส่วนถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อทำการ re-design ภายใต้คอนเซ็ปท์ ของรุ่นนี้คือ ABSOLUTE HOLESHOT จนกลายเป็น MXer ในระดับพรีเมียร์คลาสที่ประสบความสำเร็จมากในยุโรป ด้วย new chassis, full Showa suspension และที่สำคัญเครื่องยนต์ใหม่ new engine ที่ทำการปรับเน้นในเรื่องพละกำลังในรอบการทำงานสูงสุด อีกทั้งยังติดตั้งระบบสตาร์ทไฟฟ้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของการพัฒนาของรถรุ่นนี้ เพราะในปีถัดๆไป CRF450R ได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง อย่างในปี 2019รถรุ่นนี้ได้รับการอัพเดทในเรื่องของแรงบิด ดังนั้นHRC จังอัพเดทในส่วนของ cylinder head ควบคู่กับการติดตั้ง HRC launch control และยังมีการอัพเดทต่อเนื่องอย่างไม่หยุดนิ่งอย่างในปี 2020 ที่โฟกัสมาที่ระบบอิเล็คทรอนิคส์เพื่อจัดการการหมุนฟรีของล้อหลังหรือการจัดการการส่งผ่านกำลังที่ล้อหลังด้วย 3-level Honda Selectable Torque Control – HSCT ออกมาใช้กับ MXer ระดับเรือธงโมเดลนี้

นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งหรือไฮไลท์คร่าวๆของวิวัฒนาการตลอดระยะเวลาห้าทศวรรษจาก CR สู่ CRF  นับจากปี 1973-2023 และแน่นอนว่า ในวาระครบรอบห้าทศวรรษดังกล่าว พวกเขาจึงส่ง CRF450R ในวาระพิเศษดังกล่าวออกมาด้วย

ROYAL ENFIED สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เปิดตัว Hunter 350 เอาใจผู้ใช้รถชาวไทยมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนใคร

รอยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc – 750cc) ประกาศเริ่มจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Hunter 350 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยหลังจากเปิดตัวระดับโลกอย่างการไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Hunter 350 ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าของแบรนด์ในประเทศไทยมาตลอด Hunter 350 ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของรอยัล เอ็นฟีลด์ ด้วยยอดจองมากกว่า 75,000 คัน ในประเทศอินเดีย จนกลายเป็นรถรุ่นที่มียอดขายสูงที่สุดของแบรนด์ในประเทศ ปัจจุบันมีผู้เป็นเจ้าของรถจักรยายนต์แล้วมากกว่า 40,000 ราย

คุณอนุจ ดัว, หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก, รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวถึง Hunter 350 ในด้านความสำเร็จหลังจากงานเปิดตัวระดับโลกอย่างการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกว่า “เป้าหมายที่รอยัล เอ็นฟีลด์ยึดถือมาอย่างต่อเนื่องคือการขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับโลก และเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ Hunter 350 คือรถจักรยานยนต์ที่ถูกออกแบบจากความคิดเห็นของกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ทั้งในด้านดีไซน์ และประสิทธิภาพในการขี่ที่ให้ความสนุก ปราดเปรียว และคล่องตัวตามแบบฉบับ 350 โรด์สเตอร์ ผสานกับจิตวิญญาณของการขี่ที่แท้จริง อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ การออกแบบตัวถัง และโครงรถมาในรูปทรงที่กะทัดรัด และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ J-series ที่ออกแบบอย่างประณีตขั้นสุดให้แรงบิดที่เต็มมือ ทำให้การขับขี่มีความสนุก เร้าใจ ให้ประสบการณ์การขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ในประเทศไทยเราพบว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับรถจักรยายนต์ที่สามารถเป็นพาหนะคู่ใจได้ในทุก ๆ วัน และมีราคาเข้าถึงได้ ซึ่ง Hunter 350 ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ให้แก่ลูกค้าชาวไทย เรามั่นใจว่าการจำหน่าย Hunter 350 ในประเทศไทยจะช่วยเปิดโอกาสให้เราได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ๆ เข้าสู่กลุ่มผู้มีใจรักในการขี่รถจักรยานยนต์แบบรอยัล เอ็นฟีลด์มากยิ่งขึ้น”

Hunter 350 มุ่งเป้าไปที่วัยรุ่นที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร และกลุ่มผู้ใช้รถจักรยายนต์ที่กำลังมองหารถคันใหม่ โดยHunter 350 รุ่นเริ่มต้นราคา 129,900 บาท นั้นเปิดให้จองแล้วที่ Royal Enfield Store ทุกสาขาทั่วประเทศไทย ซึ่งมีคอลเลกชันเครื่องแต่งกายไลฟ์สไตล์ และอุปกรณ์เสริมสำหรับแต่งรถจักรยานยนต์ของแท้วางจำหน่ายอีกด้วย ทั้งนี้ Hunter 350 จะเริ่มมีวางจำหน่ายในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

เกี่ยวกับรอยัล เอ็นฟีลด์

รอยัล เอ็นฟีลด์ เป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งยังดำเนินการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตมอเตอร์ไซค์คันแรกในปีพ.ศ. 2444 รอยัล เอ็นฟีลด์เป็นบริษัทลูกของบริษัท ไอเซอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บุกเบิกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในประเทศอินเดียด้วยความเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบโมเดิร์คลาสสิกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และด้วยฐานการผลิตแห่งใหม่ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย รอยัล เอ็นฟีลด์สามารถขยายการผลิตได้อย่างรวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตมากกว่า 50% ทุกปี ตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ส่งผลให้รอยัล เอ็นฟีลด์ กลายเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายสำคัญในตลารถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลกและกำลังดำเนินงานอย่างมุ่งมั่นในการทำตลาดกลุ่มนี้ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานน่าประทับใจ

รอยัล เอนฟิลด์ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559 และประกาศเริ่มดำเนินการผลิตที่โรงงานประกอบในประเทศไทยในปีพ.ศ. 2564 โดยโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ นอกเหนือจากการผลิตรถให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยแล้ว โรงงานดังกลว่าวยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดจำหน่ายรถไปที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เช่น อินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งทำให้รอยัล เอ็นฟิลด์ได้เปรียบในหลายด้าน รวมถึงด้านการเติบโต ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559 เป็นต้นมา รอยัล เอ็นฟีลด์เติบโตอย่างมากจากส่วนแบ่งการตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศน้อยกว่า 3% มาเป็นมากกว่า 7% ณ วันนี้ นอกจากนี้รอยัล เอ็นฟีลด์ก็มีรถจักรยายนต์คัสตอมมากกว่า 50 แบบ ในประเทศไทย และได้ทำงานร่วมกับสำนักแจ่งชื่อดังมากมาย อย่าง K-SPEED และ ZEUS ปัจจุบันรอยัล เอ็นฟีลด์อยู่อันดับ 4 ในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศไทย (เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2565)รอยัล เอ็นฟีลด์เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด ดำเนินธุรกิจโดยมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 921 ราย และ 638 สตูดิโอสโตร์ทั้งในประเทศอินเดียและเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงมีการส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปยังกว่า 60 ประเทศ ทั่วโลก ด้วยการเติบโตมากกว่า 17% ทุกปี ตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา และยอดขายในตลาดต่างชาติที่สูงถึง 96% ในปีพ.ศ.2562–2563 ทำให้รอยัล เอ็นฟีลด์กลายเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง

“อินทรีแซงค์” ผู้ไม่ยอมให้ใครแซง บู๊ระห่ำคว้าท็อป 10 สร้างประวัติศาสตร์นักแข่งไทยคนแรก

“อินทรีย์แซงค์” กฤษฎา จำรูญจารีต นักบิดทางฝุ่นจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” เจ้าของแชมป์ประเทศไทย 4 สมัยติดต่อกัน สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแข่งรถโมโตครอสของไทย โดยการสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งโมโตครอสไทยคนแรกที่ทำอับดับและคะแนนสูงที่สุดในการแข่งขันในรายการโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการควงเดิร์ตไบค์คู่ใจ Honda CRF250R หมายเลข 62 โชว์ฟอร์มเยี่ยม ดวลศึกในรายการ โมโตครอสชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น D.I.D. All Japan Motocross 2022 สนามที่ 7 ในรุ่น IA2 (250 ซีซี) ซึ่งเป็นสนามปิดฤดูกาล ณ สนามสปอร์ตแลนด์ซูโก้ เมืองมิยางิ

เรซแรก “อินทรีแซงค์” เจ้าของรถแข่ง Honda CRF250R หมายเลข 62 ต้องออกสตาร์ตในกลุ่มหลัง ฝ่าฟันรถแข่งระดับท็อปจำนวนมาก ไล่ขึ้นมาถึงอันดับ 16 และผ่านครึ่งทางของการแข่งขันก็สามารถไต่อันดับขึ้นมาถึงอันดับ 13 โดยในช่วง 2 รอบสุดท้าย “อินทรีแซงค์” ยังคงสามารถเร่งแซงขึ้นมาได้อีก โดยสามารถจบการแข่งขันด้วยการคว้าอันดับที่ 10 สร้างประวัติศาสตร์นักแข่งไทยคนแรกที่สามารถจบในอันดับที่สูงที่สุดในรายการนี้ และคว้า 9 คะแนนมาครอง
เรซที่ 2 “อินทรีแซงค์” ออกสตาร์ตได้ไม่ดีนักจากแถวหลัง แต่อาศัยจังหวะค่อยๆ ขยับอันดับขึ้นมาในช่วงครึ่งทางของการแข่งขันจนมาถึงอันดับ 15 และแซงขึ้นมาได้อีกในช่วงรอบที่ 10 จนสามารถขึ้นมาถึงอันดับ 12 ได้ และจบการแข่งขันไปในอันดับนี้ คว้าคะแนนมาได้เพิ่มอีก 7 คะแนน
โดยการลงบิดในศึกระเบิดโคลนครั้งนี้ เป็นการลงแข่งสนามที่ 2 ในรายการ โมโตครอสชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น D.I.D. All Japan Motocross 2022 สนามที่ 7 ในรุ่น IA2 (250 ซีซี) ของเจ้าตัว ซึ่ง “อินทรีย์แซงค์” กฤษฎา จำรูญจารีต” เจ้าของรถแข่ง Honda CRF250R หมายเลข 62 ไม่ทำให้แฟนโมโตครอสชาวไทยผิดหวัง ด้วยการไล่ไต่อันดับโดยไม่เพลี่ยงพล้ำให้กับนักแข่งคนไหนแซงได้เลยตลอดการแข่งขันจบอันดับ 10 ในเรซแรก ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่คว้า ท็อป 10 ในรายการระดับสูงอย่างเจแปน โมโตครอส ที่เต็มไปด้วยนักแข่งระดับพระกาฬ ถึง 39 คน และคว้าอันดับ 12 ในเรซที่ 2 รวมจบในอันดับที่ 11 พร้อมเก็บมาได้ 16 คะแนน สร้างประวัติศาสตร์นักแข่งโมโตครอสไทยคนแรกที่ทำอับดับและคะแนนได้สูงที่สุดในการแข่งขันรายการโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแข่งรถโมโตครอสของไทย
สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

NEW YAMAHA WR155R Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า สีใหม่! พร้อม Accessories แต่งสุดเท่! พร้อมการรับประกัน 5 ปี!

บริษัท ไทยยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กระตุ้นตลาดพร้อมปลุกกระแส เอ็นดูโร่ ไบค์ ครั้งใหม่! พร้อมส่ง NEW YAMAHA WR155R “Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า” ออกสู่ตลาดเมืองไทยด้วยสีใหม่ พร้อม Accessories แต่งพร้อมลุยสุดเท่! และการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.

สำหรับ NEW YAMAHA WR155R รถสายพันธุ์ Enduro ระดับโลกอย่าง WR Series ยังคงตอบสนองความเร้าใจในการขับขี่ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ 155 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA (Variable Value Actuation) และพร้อมลุยทุกเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรดด้วยระบบกันสะเทือนหน้า KYB ขนาด 41 มม. และระบบกันสะเทือนหลัง Linked-Type Monocross ที่สามารถปรับค่าความแข็งได้ 5 ระดับตามน้ำหนักผู้ขับขี่ ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยมทำให้สนุกในทุกเส้นทางการขับขี่ พร้อมถังน้ำมันความจุขนาด 8.1 ลิตร ให้คุณไปได้ไกลกว่าเดิม

NEW YAMAHA WR155R “Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า” ให้ความล้ำสมัยด้วยหน้าปัด Full LCD Digital Meter ที่แสดงข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน มาพร้อมตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ เพื่อรองรับการขับขี่ทั้งทางเรียบและทางลุย และมาพร้อมเบาะนั่ง Flat Seat ที่สามารถรองรับการขับขี่ทุกท่วงท่า พร้อมเฟรมที่ออกแบบเพื่อความสนุกสนานในการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด NEW YAMAHA WR155R “Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า” มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกัน 2 เฉดสี คือ YAMAHA BLUE สีน้ำเงินที่ให้ความเร้าใจแบบเดียวกับทีมแข่งยามาฮ่าเรซซิ่งทีม และ YAMAHA BLACK สีดำดุดัน ที่ตัดกับเฟรมสีเขียวพาสเทลพร้อมโลโก้ WR สีขาว-เหลือง ซึ่งให้ความเท่สะดุดตาทุกมุมมอง
นอกจากนี้ NEW YAMAHA WR155R “Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า” สีใหม่! ยังมาพร้อมกับ Accessories แต่งสุดเท่! ที่มีให้เลือกช้อปกันเต็มพิกัด คือ ชุดเบาะปรับระดับ, ตัวกันกระแทกแฮนด์, ชุดครอบด้านล่างอะลูมิเนียม, ชุดการ์ดแฮนด์ ซ้าย-ขวา, ชุดรองปลอกแฮนด์ และชุดปลอกครอบโช้ค ซึ่งนอกจากจะเท่อย่างมีสไตล์แล้วยังพร้อมลุยได้อย่างเต็มพิกัดในทุกเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรดอีกด้วย
สำหรับ NEW YAMAHA WR155R “Journey of The Brave เปิดเส้นทางใหม่ไปกับใจที่กล้า” พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 119,000 บาท พร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. โดยสามารถเลือกเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @Yamaha Society Thailand
Youtube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @ Yamahasociety

ได้เวลาแล้ว! MOTOR EXPO 2022 รวมรถยนต์ 35 แบรนด์ จักรยานยนต์ 17 แบรนด์

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” พร้อมจัดแสดงรถยนต์ จักรยานยนต์ รุ่นใหม่ สินค้าเกี่ยวเนื่อง คับคั่ง 1-12 ธันวาคม 2565 คนรักรถพลาดไม่ได้ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “ได้เวลา…สัมผัสอนาคต – It’s TIME…Come Touch the FUTURE” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 35 แบรนด์ จาก 10 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 17 แบรนด์ จาก 8 ประเทศ โดยทุกค่ายพร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และมอบโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้ซื้อภายในงาน”
รถยนต์ 35 แบรนด์ ได้แก่ AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, FORD, GREAT WALL MOTOR, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JEEP, KIA, LAMBORGHINI, LEXUS, MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINE, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SUBARU, SUZUKI, TOYOTA, VOLT, VOLVO รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW M PERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT
รถจักรยานยนต์ 17 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW MOTORRAD, DUCATI, EM, FELO, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, HUSQVARNA, KAWASAKI, KTM, LAMBRETTA, ROYAL ENFIELD, SCOMADI, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH และ YAMAHA
นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 6 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, CARSOME, JUST CAR, MERCEDES-BENZ CERTIFIED PRE-OWNED VEHICLES, MOTORIST และ VOLVO SELEKT
ส่วนกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ…ชิงรถ / ซื้อบัตร…ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์ / ชม MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้
1. “ซื้อรถ…ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG ZS EV รุ่น X มูลค่า 1,269,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
2. “ซื้อบัตร…ชิงรถ” ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ VOLT CITY EV รุ่น FOR-FOUR มูลค่า 425,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
3. “ซื้อสินค้า…ชิงรถ” เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการรับโชค 2 ชั้น ชั้นที่ 1 รับสิทธิ์จับสลาก เพื่อลุ้นรับของรางวัลทั้งหมด 2,122 รางวัล ชั้นที่ 2 ลุ้นชิงรถยนต์ MITSUBISHI MIRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T มูลค่า 509,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
4. “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรางวัล รถจักรยานยนต์ YAMAHA รุ่น MT-09 มูลค่า 439,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
5. “ชม MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM ชิงรางวัล” ผู้ชมงาน MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM ผ่านลิงค์จาก https://op.motorexpo.co.th ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 – 31 ธันวาคม 2565 มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อชิงรางวัล NEW APPLE WATCH SERIES 8 รุ่น GPS (ตัวเรือน 41 มม.) รางวัลละ 15,900 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 79,500 บาท
ส่วน “MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR” เป็นแพคเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 500 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และบริการพิเศษจากผู้จัดงานอีกมากมาย
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2022 ได้ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำ จัดแสดงเรือกว่า 20 แบรนด์ อาทิ BENETEAU, COBALT, CRANCHI, FERRETTI, IGUANA, JEANNEAU, LINDER, MALIBU, PRINCESS, RIVA, REGAL, SAXDOR เป็นต้น คาดว่าจะมียอดจองเรือในงานกว่า 50 ลำ เงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” จัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 มีการถ่ายทอดสดงานทาง ททบ. 5 วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565 เวลา 14.35-15.35 น. ไทยรัฐ TV วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00-15.00 น. และชมรีวิวรถที่แสดงในงาน และรับสิทธิพิเศษมากมายผ่าน “MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM” งานคู่ขนานในสื่อดิจิทอลครบวงจร ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.motorexpo.co.th

ไทยฮอนด้าเปิดตัว New Honda GROM เอาใจคนรักสปอร์ตมินิไบค์ กับ 2 สีสันใหม่ เร้าใจกว่าเดิม

ไทยฮอนด้าเปิดตัว New Honda GROM ตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นสายสปอร์ต ด้วย 2 สีสันใหม่ รุ่น ABS สีเทา-ดำใหม่ โดดเด่นด้วยลวดลายพิเศษบนตัวรถ เพิ่มความเท่ สปอร์ต ดุดัน ให้ผู้ใช้งาน และรุ่น STD สีน้ำเงิน-ดำใหม่ เพิ่มสีสันให้การขับขี่ สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ “Hype up your ride รออะไร…ถ้าใจมันเร้า” พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

New Honda GROM โดดเด่นด้วยสีสันที่โดนใจ ลงตัวกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบมินิไบค์สายสปอร์ต ไฟหน้า Full LED Headlight ดีไซน์โฉบเฉี่ยว แผงหน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัลแบบ Full LCD Panel แสดงผลครบถ้วนรวมถึงตำแหน่งเกียร์ ล้อแม็กพร้อมยางหน้ากว้างแบบ Tubeless ขนาด 12 นิ้ว สไตล์บิ๊กไบค์ พร้อมเสริมความมั่นใจด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง และระบบเบรก ABS with G-Sensor เทคโนโลยีจากสนามแข่งรถซูเปอร์สปอร์ตระดับท็อป

New Honda GROM ออกแบบมาเพื่อกลุ่มคนที่ชื่นชอบการขับขี่สนุกในเมืองแต่ใจรักความสปอร์ต ด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 125 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI พร้อมทั้งส่งกำลังด้วยคลัตช์มือ และชุดเกียร์ 5 สปีด ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ บิดสนุกแบบรถสปอร์ต
ไทยฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย New Honda GROM แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ABS สีเทา-ดำใหม่ ราคาแนะนำ 77,900 บาท และรุ่น Standard มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน-ดำใหม่ สีแดง และสีดำ ราคาแนะนำที่ 69,900 บาท
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New Honda GROM ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊ก : www.fb.com/hondamotorcyclethailand

2022 CRF250R

ยืนยันว่า ยังคงเป็นรถที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ และมีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับการชิงชัยเพื่อลุ้นตำแหน่งแชมป์โลกในระดับ MX2 อีกด้วย นั่นคือสิ่งที่ Honda กล่าวถึง ยืนยันว่า ยังคงเป็นรถที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ และมีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับการชิงชัยเพื่อลุ้นตำแหน่งแชมป์โลกในระดับ MX2 อีกด้วย นั่นคือสิ่งที่ Honda กล่าวถึง CRF250R โมเดลปีล่าสุดที่พัฒนาออกมาสู่ตลาดสำหรับปี 2023 แถมยังเปิดตัวมาก่อนถึงช่วงครึ่งปีของปี 2022 อีกต่างหาก

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในส่วนของกลไกชิ้นส่วนเครื่องยนต์ Mechanically unchanged for 2023 the CRF250R หากย้อนหลังไปห้าปีที่แล้วพวกเขาได้ทำการอัพเดทครั้งใหญ่กับการยกเครื่องขนานใหญ่ให้กับ 2018 CRF250R ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามแพลนจากการพัฒนาที่ทำไปก่อนหน้านี้กับเรือธงอย่าง 2017CRF450R ดังนั้นแนวคิดและคอนเซ็ปท์ต่างๆที่ทำไปเหล่านั้นจึงถูกนำมาปรับใช้กับการพัฒนา 2018 CRF250R ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาตามคำจำกัดความ คือ Absolute Holeshot เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์ใหม่ a brand new DOHC engine และยังรวมถึงระบบกันสะเทือน Showa suspension ของ CRF250R จึงถูกพัฒนาไปในแนวทางเดียวกันนั่นเอง และเช่นเดียวกันในโมเดลถัดจากนั้นนับถัดจาก 2018 CRF250R ก็พัฒนาตามหลังในแบบเดียวกับที่ทำกับในรุ่นใหญ่อย่าง CRF450R

อย่างไรก็ตามด้วยแพลนการพัฒนารถดังกล่าว ได้มาถึงโมเดลปี 2022 การตกผลึกของ CRF250R ได้ผลรับออกมา คือ เป็น MXer ขนาดสองแรงครั้ง หรือ 250F ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาผลิตออกมา ซึ่งระบุชัดเจนว่า มันคือ The Strongest Ever ดังนั้นจึงมีการอัพเดทน้อยมากกับ 2023 CRF250R ที่เห็นชัดเจนก็มีกราฟฟิคและลวดลายโลโก้เป็นส่วนหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงจากโมเดลเดิมขณะที่ในส่วนระบบอิเล็คทรอนิคส์นั้นก็มีการติดตั้งมาไม่น้อยหน้ารุ่นใหญ่เช่นกัน โดย HRC Launch Control ก็จะมีอ๊อพชั่นสำหรับใช้ในการออกตัวอยู่สามตัวเลือก คือ

Level 3 – 10,000rpm, muddy conditions/novice.

Level 2 – 11,750rpm, dry conditions/standard.

Level 1 – 13,000rpm, dry conditions/expert.

เช่นเดียว EMSB-Engine Mode Select Button นั้นก็จะมีออกแบบมาให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่และเลเวลของผู้ขับขี่เอง คือ Mode 1 (Standard), Mode 2 (Smooth) และ Mode 3 (Aggressive)  ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากคู่มือติดรถ

BRAKE ;   Rear 240mm hydraulic wave disc  โมเดลปีล่าสุดที่พัฒนาออกมาสู่ตลาดสำหรับปี 2023 แถมยังเปิดตัวมาก่อนถึงช่วงครึ่งปีของปี 2022 อีกต่างหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในส่วนของกลไกชิ้นส่วนเครื่องยนต์ Mechanically unchanged for 2023 the CRF250R หากย้อนหลังไปห้าปีที่แล้วพวกเขาได้ทำการอัพเดทครั้งใหญ่กับการยกเครื่องขนานใหญ่ให้กับ 2018 CRF250R ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามแพลนจากการพัฒนาที่ทำไปก่อนหน้านี้กับเรือธงอย่าง 2017CRF450R ดังนั้นแนวคิดและคอนเซ็ปท์ต่างๆที่ทำไปเหล่านั้นจึงถูกนำมาปรับใช้กับการพัฒนา 2018 CRF250R ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาตามคำจำกัดความ คือ Absolute Holeshot เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์ใหม่ a brand new DOHC engine และยังรวมถึงระบบกันสะเทือน Showa suspension ของ CRF250R จึงถูกพัฒนาไปในแนวทางเดียวกันนั่นเองและเช่นเดียวกันในโมเดลถัดจากนั้นนับถัดจาก 2018 CRF250R ก็พัฒนาตามหลังในแบบเดียวกับที่ทำกับในรุ่นใหญ่อย่าง CRF450Rอย่างไรก็ตามด้วยแพลนการพัฒนารถดังกล่าว ได้มาถึงโมเดลปี 2022 การตกผลึกของ CRF250R ได้ผลรับออกมา คือ เป็น MXer ขนาดสองแรงครั้ง หรือ 250F ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาผลิตออกมา ซึ่งระบุชัดเจนว่า มันคือ The Strongest Ever ดังนั้นจึงมีการอัพเดทน้อยมากกับ 2023 CRF250R ที่เห็นชัดเจนก็มีกราฟฟิคและลวดลายโลโก้เป็นส่วนหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงจากโมเดลเดิมขณะที่ในส่วนระบบอิเล็คทรอนิคส์นั้นก็มีการติดตั้งมาไม่น้อยหน้ารุ่นใหญ่เช่นกัน โดย HRC Launch Control ก็จะมีอ๊อพชั่นสำหรับใช้ในการออกตัวอยู่สามตัวเลือก คือ

Level 3 – 10,000rpm, muddy conditions/novice.

Level 2 – 11,750rpm, dry conditions/standard.

Level 1 – 13,000rpm, dry conditions/expert.

เช่นเดียว EMSB-Engine Mode Select Button นั้นก็จะมีออกแบบมาให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่และเลเวลของผู้ขับขี่เอง คือ Mode 1 (Standard), Mode 2 (Smooth) และ Mode 3 (Aggressive)  ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากคู่มือติดรถ

“ยามาฮ่า”ฉลอง 20 ปีแห่งความสำเร็จ เปิดตัว NEW GRAND FILANO HYBRID CONNECTED

“ยามาฮ่า”ฉลอง 20 ปีแห่งความสำเร็จเปิดตัว NEW GRAND FILANO HYBRID CONNECTED สานต่อบทบาทผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย ชูความพรีเมียมใหม่…คอนเน็คให้ชีวิตมีคลาส เขย่าตลาดไตรมาส 4 บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของโลก ตอกย้ำความสำเร็จภายใต้บทบาท “ผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติก” ของเมืองไทย ฉลองครบรอบ 20 ปีความสำเร็จ “YAMAHA…IT’S AUTOMATIC 20 YEARS SUCCESS” ด้วยการเปิดตัว NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED ออโตเมติกพรีเมียมแฟชั่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล F Series
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่ามีความภูมิใจในการเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกในไทย เริ่มจากในปี 2002 ด้วยการเปิดตัว YAMAHA NOUVO “ออโตเมติกรุ่นแรก” ของไทย ในปี 2004 ได้เปิดแคมเปญ SWITCH…Make Your Life Difference ยามาฮ่า…ชีวิตที่แตกต่าง ในปี 2006 ยามาฮ่ารุกหนักเปิดตัว YAMAHA FINO “ออโตเมติกแฟชั่น” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของ segment FASHION AUTOMATIC ของยามาฮ่า พร้อมจัดกิจกรรม FINO Makes the World Record ด้วยการบันทึกสถิติ Guinness World Records ปี 2015 จุดเริ่มต้นกับสายพันธุ์ “MAX Series” ด้วย YAMAHA NMAX 155 ปี 2018 สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ด้วยการเปิดตัว YAMAHA GRAND FILANO HYBRID “ออโตเมติกไฮบริดรุ่นแรก” ของไทย และปี 2021 กับ Y-Connect Application ครั้งแรกที่ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลรถบนมือถือได้อย่างง่ายดาย ปี 2022 ยามาฮ่าส่ง All New YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED ออโตเมติก Trendy Fashion for New Generation
ความสำเร็จของ YAMAHA GRAND FILANO เริ่มต้นในปี 2012 ที่เปิดตัว YAMAHA FILANO ด้วยดีไซน์สไตล์ยูโรเปี้ยน คลาสสิก ปี 2014 ต่อยอดความนิยมด้วยการส่ง YAMAHA GRAND FILANO ดีไซน์ทันสมัย เรียบแต่หรู ปี 2018 ได้ยกระดับและพัฒนาเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัว YAMAHA GRAND FILANO HYBRID “ออโตเมติกไฮบริดรุ่นแรก” ของไทย ด้วยสมรรถนะที่ดีขึ้น ดีไซน์โดดเด่น สีสันสวยงาม ทำให้ YAMAHA GRAND FILANO HYBRID ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ด้วยกระแส YAMAHA GRAND FILANO HYBRID ทำให้เกิดกิจกรรมตอบสนองความต้องการ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เช่น Automatic is NOW! และ Automatic Check in ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับจากลูกค้าทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
และนี่คือสิ่งที่ยามาฮ่ามีความภาคภูมิตลอดระยะเวลา 20 ปีแห่งความเป็น “ผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติก” ตลอดจนการเป็น Trendsetter โดยยามาฮ่ายังคงคิดค้นและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้ายามาฮ่าให้ตอบโจทย์ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยามาฮ่าขอแนะนำ “ออโตเมติกพรีเมียมแฟชั่น” รุ่นใหม่ล่าสุด NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED มาร่วมส่งต่อความสำเร็จไปอีกครั้งกับการเป็น YAMAHA AUTOMATIC LEADER ต่อไป”
นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขาย และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ว่า “นับเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งกับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่รวมอยู่ใน F Series ได้แก่ รถจักรยานยนต์ออโตเมติกซีรีส์แฟชั่น FINO, FAZZIO และ GRAND FILANO ซึ่งความสำเร็จของ GRAND FILANO เกิดขึ้นจาก 4 องค์ประกอบหลัก ที่ผู้ใช้ชื่นชอบด้วยกัน 1. การมีดีไซน์ สีสัน สวยงาม 2. การขับขี่ที่ง่าย เหมาะกับทุกคน 3. ประหยัดน้ำมัน ด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 4. สะดวกสบาย ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและในวันนี้ขอแนะนำ NEW CHAPTER OF GRAND ด้วยรถจักรยานยนต์ออโตเมติกพรีเมียมแฟชั่นใหม่ล่าสุด NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED ความพรีเมียมใหม่…คอนเน็คให้ชีวิตมีคลาส LIVE HIGH IN SMART PREMIUM STYLE กับการออกแบบในคอนเซ็ปต์ Classic Beyond Time สวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลาด้วยความ High… High Class Design ยกระดับการออกแบบให้ดูพรีเมียมมากยิ่งขี้น ด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน ไฟ Full LED ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดดเด่นด้วย F-Icon สัญลักษณ์ใหม่หรูหรา
High Modern Features ด้วยการออกแบบหน้าจอเรือนไมล์ใหม่แบบ Digital Meter LCD ที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบ TFT เชื่อมต่อชีวิตสุดล้ำด้วย Y-Connect Application พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบ UBS (Unified Brake System) ในรุ่น Standard Version
High End Functions ตอบใจทย์การใช้งานที่ผู้ใช้ชื่นชอบ แรงจัดประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ Hybrid ขนาด 125 ซีซี พร้อมด้วยระบบ SSS (Stop and Start System) ช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 27 ลิตร เติมน้ำมันได้สะดวกสบายที่ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า และช่องต่อไฟสำรองสามารถชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ทุกที่ทุกเวลา เสริมความปลอดภัยด้วยระบบเบรกแบบ ABS พร้อมกับกุญแจรีโมทอัจฉริยะทในรุ่น ABS Version”
NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED มาพร้อม 2 รุ่นทางเลือก ประกอบด้วย
รุ่น ABS Version มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่
• สีน้ำตาล Champagne Gold
• สีเขียว Royal Green
• สีดำ Million Black
รุ่น STD Version มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ได้แก่
• สีฟ้า Classy Blue
• สีเทา Luxury Gray
• สีแดง Richy Red
• สีน้ำเงิน Highest Blue
NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED มาพร้อมราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 64,700 บาท ในรุ่น STD Version และราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 69,200 บาท ในรุ่น ABS Version
นายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และสนับสนุนการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า“NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED ออโตเมติกออโตเมติกพรีเมียมแฟชั่น 125 ซีซี ดีไซน์ใหม่ หรูหราสง่างาม พร้อมกับความโมเดิร์นขึ้นอีกระดับจากฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยออกแบบให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงถูกสื่อสารภายใต้คอนเซ็ปท์ “LIVE HIGH IN SMART PREMIUM STYLE” เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบดีไซน์แฟชั่น มีไลฟ์สไตล์บ่งบอกถึงความเป็นตัวตน ใช้ชีวิตแบบสมาร์ท ต้องการความสะดวกสบาย มีความคิดสร้างสรรค์ อินเทรนด์ และเป็นตัวของตัวเอง
สำหรับ NEW YAMAHA GRAND FILANO HYBRID CONNECTED สามารถเพิ่มความสวยงามในแบบ HIGH STYLE CUSTOMIZED ด้วยชุดแต่งของแท้จากยามาฮ่าในแบบ GRAND TOURING STYLE และ GRAND SPORT STYLE เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เข้ากับไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับการใช้งานจริง และที่ขาดไม่ได้กับ HIGH FASHION COLLECTIONS ชุดเครื่องแต่งกายในแบบ Smart Exclusive และ Casual Modern classic”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ด้วยการรับประกันคุณภาพทั้งคันตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @Yamaha Society Thailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @Yamahasociety

ALPHA VOLANTIS เปิดตัวรถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON 300 ดีไซน์ Futuristic Premium

บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายล่าสุดของประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานต์พรีเมียมแบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “INVENTING THE FUTURE” สะท้อนความตั้งใจในการสร้างสรรค์และผลิตยนตรกรรมสองล้อดีไซน์ล้ำสมัยระดับพรีเมียมสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่แห่งอนาคตด้วยรถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON300 (ฮอไรซอน300) บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด เริ่มต้นจดทะเบียนพร้อมก่อตั้งโรงงาน เพื่อเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีกระบวนการผลิต และการจัดการระดับมาตรฐานสากล ด้วยงบประมาณลงทุน 600 ล้านบาท โดยโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ครอบคลุมพื้นที่ 200 ไร่ ด้วยความต้องการที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สองล้อให้ตอบสนองความต้องการด้านดีไซน์ที่สวยงามและตอบโจทย์การขับขี่ไปพร้อมๆกัน
นายธีระ ธีรติ ประธานบริหาร บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในนามของแครี่บอย ผู้นำอุตสาหกรรมหลังคาไฟเบอร์กลาส ชุดแต่งประดับยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถกระบะมากว่า 40 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และการออกแบบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เราเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ จนถึงทุกวันนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานี้เอง ที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสในตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพด้านการผลิต การออกแบบ และมาตรฐานคุณภาพ ทำให้เรามีความมั่นใจและมีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ภายใต้ชื่อ อัลฟ่า โวแลนทิส เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างสูงสุด ในโอกาสนี้ ผมขอแนะนำ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อัลฟ่า โวแลนทิส อย่างเป็นทางการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกท่าน”
Alpha Volantis ยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียมแบรนด์ Alpha Volantis ได้รับแรงใจจากดวงดาว โดยดาวอัลฟ่าได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นดวงแรกและเป็นดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวโวแลนทิส เปรียบเสมือนรถจักรยานยนต์แบรนด์อัลฟ่า โวแลนทิส ที่ได้เริ่มต้นจุดประกายสรรค์สร้างยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียมรุ่นแรก พร้อมพุ่งทะยานด้วยความสง่างาม สะท้อนตัวตนทุกการขับขี่ โดดเด่นทุกความเป็นคุณในทุกเส้นทาง นายธีรวิทย์ ธีรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์สวยตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ และพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มากกว่าการเดินทางให้กับผู้ใช้ รวมถึงการขยายการบริการที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับผู้ขับขี่ในอนาคต อีกทั้ง จัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกิจกรรมเพื่อผู้ใช้รถ เราเชื่อมั่นว่า รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON 300 และ HORIZON 150 จะตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่และสร้างความโดดเด่นทุกความเป็นคุณอย่างแน่นอน”
HORIZON 300 รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก
• HORIZON 300 เติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัยด้วยดีไซน์ Futuristic Premium ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมิติตัวรถขนาดคล่องตัว กับขุมพลังเครื่องยนต์ 276 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้แรงบิดสูงสุดที่ 21.8 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที มอบพละกำลังขนาด 13.6 กิโลวัตต์ ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงได้ต่อเนื่องเต็มสมรรถนะ ไร้กังวลในทุกเส้นทางขับขี่แม้ในระยะทางไกล ด้วยถังน้ำมันขนาด 9 ลิตร
• HORIZON 300 shine your elegance โดดเด่นทุกความเป็นคุณ ยกระดับที่สุดแห่งความหรูหรากับพื้นผิวรถที่ถูกออกแบบด้วยความพิถีพิถัน ดีไซน์ระดับพรีเมียมกับชุดตกแต่งโครเมียมรอบคันด้วยเทคนิค satin chrome (ซาตินโครม) นับเป็นการออกแบบระดับเดียวกับรถยนต์แบรนด์ยุโรป สอดรับกับท้ายรถรูปทรงเพรียวลมพร้อม air intake เพื่อระบายความร้อนภายใต้เบาะออกทางด้านข้างด้วย side vent สะท้อนความโดดเด่นยิ่งขึ้นกับระบบไฟส่องสว่าง full LED รอบคัน พร้อมไฟหน้า Day time running light และชุดไฟเลี้ยวรวมกันในชิ้นเดียว ส่วนมาตรวัดความเร็วเป็นแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ ปรับความสว่างโดยอัตโนมัติ ง่ายต่อการใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืน
• HORIZON300 ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะรูปทรงพรีเมี่ยมล้ำสมัย สามารถคัสตอมได้ มาพร้อมช่องเก็บของใต้เบาะที่ใส่หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้าได้ รองรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลด้วยที่ชาร์จไฟสำรองอเนกประสงค์ USB สองช่อง มีช่องเก็บของด้านหน้าล็อกกุญแจได้ รวมถึงช่องเก็บถุงมือและช่องเก็บของที่ง่ายต่อการใช้งาน
• HORIZON300 มีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Alpha Bule, สีเทา Hazy Sky Gray และ สีดำ Deep Space Black เปิดราคาอย่างเป็นทางการที่ 129,900 บาท สุดเอ็กคลูซีฟ!!!! ราคาพิเศษ 119,900 บาท เพียง 600 คันแรกเท่านั้น เริ่มเปิดให้จองในงาน Thailand International Motor Expo 2022 Horizon150 รถจักรยานยนต์ออโตเมติกขนาดเล็ก ตอบรับทุกความคล่องตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
HORIZON150 ได้รับการออกแบบในสไตล์ modern classic ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 150 ซีซี ให้แรงบิดสูงสุดที่ 8.5 นิวตัน-เมตร ที่ 5000 รอบต่อนาที มอบพละกำลังขนาด 7.4 กิโลวัตต์ ที่ 6500 รอบต่อนาที ตอบรับทุกความคล่องตัวในเมืองด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 118 กิโลกรัม ขับขี่มั่นใจวิ่งได้ต่อเนื่องด้วยถังน้ำมันใหญ่ 6.8 ลิตร พร้อมเสริมความมั่นใจด้วยระบบดิสก์เบรคหน้า-หลัง เพิ่มเติมความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบ Share Brake System หรือ SBS ระบบช่วยกระจายแรงเบรคระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง ช่วยปรับเสถียรภาพให้ผู้ขับขี่ไม่เสียการทรงตัว แม้บนผิวทางที่ขรุขระ
• HORIZON150 สะท้อนตัวตนทุกการผู้ขับขี่ให้โดดเด่นทุกความเป็นคุณ ด้วยดีไซน์ที่หรูหราในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ชุดตะแกรงระบายความร้อนด้านข้างพร้อมโลโก้ ALPHA VOLANTIS สามมิติ ดีไซน์ด้านท้ายทรง tear drop shape สไตล์คลาสสิคสปอร์ต สอดรับกับชุดแต่งโครเมียมรอบคัน มาพร้อมด้วยชุดไฟส่องสว่าง full LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย รวมถึงมาตรวัด 2 สไตล์ ครบทุกฟังก์ชั่น
HORIZON150 ตอบโจทย์ความอเนกประสงค์ทุกรูปแบบด้วยเบาะตอนเดียว มาพร้อมช่องเก็บของใต้เบาะที่ใส่หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้าได้ มีช่องเก็บของด้านหน้าล็อกกุญแจได้ รวมถึงมีช่องเก็บถุงมือ ช่องเก็บของ และตะขอแขวนเกี่ยวอเนกประสงค์ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลายหลาย อีกทั้งรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลด้วยที่ชาร์จไฟสำรองอเนกประสงค์ USB ถึงสองช่อง
• HORIZON150 มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีฟ้า Vivid Blue , สีแดง Deeply red , สีขาว Crystal White และ สีดำ Deep Space Black เปิดราคาอย่างเป็นทางการที่ 72,500 บาท สุดเอ็กซ์คลูซีฟ!!!! ราคาพิเศษ 69,500 บาท เพียง 500 คันแรกเท่านั้น พร้อมเปิดให้จองในงาน Thailand International Motor Expo 2022

YZ125&YZ85 bLUcRU FIM Europe Super Finale

แม้กระแสรถโมโตครอสปัจจุบันส่วนมากจะเป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะ ทว่าบางค่ายผู้ผลิตต่างก็ยังคงเดินหน้าเปิดไลน์การผลิตอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ผลิต Yamaha ก็คือหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ให้กับรถโมโตครอสเครื่องยนต์สองจังหวะอย่าง YZ125 และ YZ85 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสามสี่ปีล่าสุดมานี้ ทาง Yamaha Europe ได้จัดการแข่งขัน สำหรับนักแข่งระดับเยาวชนและดาวรุ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าไปจับมือกับ FIM Europe หรือสมาพันธ์รถจักรยานยนต์แห่งยุโรป ด้วยการเข้าไปเป็นหนึ่งในซํพพอร์ทเรซของการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์ยุโรป และในบางครั้งก็อาจจะเข้าไปแจมกับบางสนามของรายการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกอย่าง MXGP ด้วยเช่นกัน

YZ bLUcRU Cup ที่เป็นการชิงชัยของเหล่านักแข่งเยาวชน ผู้ที่ใช้รถแข่ง YZ125 และ YZ85 ที่จะมีโอกาสได้ไต่เต้าเส้นทางการเป็นนักแข่งอาชีพ โดยในปี 2022 นี้ มีนักแข่งมาร่วมสมัครมากกว่า 100คน จนกระทั่งผ่านการคัดเลือกมาถึงรอบสุดท้าย หรือ Super Finale ที่จะตัดสินหาผู้ชนะประจำปี โดยมาชิงชัยกันที่ประเทศฝรั่งเศส ที่สนามระดับตำนานอย่าง Saint Jean D’Angely ซึ่งผู้คว้าชัยชนะใน YZ bLU cRU FIM Europe Cup SuperFinale เป็นนักแข่งเยาวชนอิตาเลี่ยน อย่าง Nicola Salvini กับ เยาวชนจากบัลกาเรียนอย่าง Dani Tsankov ที่คว้าชัยในรุ่น YZ125 และ YZ85 ตามลำดับ ซึ่งไรดิ้งได้นำภาพบรรยากาศการแข่งขันของนักแข่งเยาวชนยุโรปในรายการนี้มาได้ชมกัน

75 ปี Lambretta เปิดตัวใหม่สองโมเดล

สำหรับปีนี้เป็นวาระครบรอบ 75 ปี ของ Lambretta ที่มีความเป็นมาในแวดวงรถจักรยานยนต์ในช่วง 1947-2022 ก็รวมเบ็ดเสร็จเป็นตัวเลขดังกล่าว ดังนั้นทาง Lambretta จึงทยอยจัดกิจกรรมในวาระพิเรศษรวมทั้งเปิดตัวสองโมเดลใหม่ อย่าง G350 SPECIAL กับ X300 ซึ่งในรุ่น GT350 นั้นจะเป็นเรือธงของค่าย

ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาได้ส่ง G-SPECIAL ออกมาจัดแสดงในงาน 2019 EICMA โดยในตอนนั้นได้ใช้ชื่อว่า G325Special ก่อนจะพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด G350 ในปัจจุบัน และเนื่องจากช่วงเวลานี้เป้นวาระครบรอบ 75 ปี ของค่าย พวกเขาจึงส่ง G350 Special นี้ออมาเผยโฉม พร้อมจัดวางตำแหน่งให้เป็นเรือธงของค่ายอีกด้วย ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นที่ 7,200 ยูโร สำหรับตัวรถนั้นยังคงความคลาสสิคแบบดั้งเดิม ด้วย steel full monocoque frame โดยเน้นความเป็น High quality หรือชิ้นส่วนคุณภาพสูงรวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต ให้สมกับความเป็นรถระดับเรือธงของค่าย

ขณะที่ X300 นั้นจะเป็น high-end innovative design คือออกแบบให้มีความทันสมัยว่ากันว่า นี่คือการเปิดตัวที่ค่อนข้างสร้างความเซอร์ไพรส์ เพราะนี่คือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไลน์อัพใหม่ของ Lambretta กับ X-series โดยกระบวนการออกแบบและขั้นตอนการผลิตอยู่ภายใต้ความสนใจอย่างใกลชิดของประธานอย่าง Walter Scheffrahn ที่เป็น Presdent of Lambretta
สำหรับ X300 กล่าวได้ว่าเป็น new generation ของ Lambretta ที่ต้องารรถในซีรี่ส์ใหม่ออมาสู่ตลาด ด้วยความทันสมัย ความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็น Lambretta ควบคู่กันไป