



แรงกว่าเดิม! All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี eSP+ ดีไซน์ใหม่รอบคัน สปอร์ตเร้าใจแบบเต็มขั้น ขี่มัน เร้าใจหลังจากที่ ฮอนด้า ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. สปอร์ตเต็มขั้น มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน ผสานความแรงและความโฉบเฉี่ยวไว้ด้วยกัน โดยมี เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวไทยในเจลีกเป็นพรีเซนเตอร์ผู้ถ่ายทอด DNA ของความเป็นผู้นำจ่าฝูง จนเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
All New Click160 รถสปอร์ต เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด คอนเซ็ปต์ “นำหน้า…อย่างจ่าฝูง” The Alpha Of Speed โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน เส้นสายตัวรถให้อารมณ์ความสปอร์ตแบบเต็มขั้น ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ Dual LED Headlight เส้นสายเฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้ายดีไซน์เท่ไม่เหมือนใคร และระบบไฟ LED รอบคัน ขี่ไปไหนก็สว่างชัดเจนทุกเส้นทาง ในรุ่น ABS มาพร้อมโลโก้ Click160 สีทองใหม่ สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นที่สุดบนท้องถนนAll New Click160 มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในรถสปอร์ต เอ.ที. ให้ความคล่องตัวด้วยชุดเฟรมใหม่ eSAF มาพร้อมน้ำหนักที่เบาขึ้น แข็งแรงทนทาน โดยการอัดขึ้นรูป และเชื่อมด้วยระบบเลเซอร์ ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวทุกเส้นทาง แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ eSP+ สูบเดี่ยว 4 จังหวะ SOHC 4 วาล์ว ขนาด 156.93 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยระบบสายพาน V-Matic ส่งกำลังแรงต่อเนื่องเต็มสมรรถนะ สมูท ลื่นไหล ควบคู่ความประหยัดเต็มขั้น แรงม้า ดีไม่มีตก ด้วยระบบการฉีดพ่นละอองน้ำมันให้ลูกสูบ Piston Oil jet เพื่อระบายความร้อน และลดการเสียดทานของกระบอกสูบ
แผงหน้าปัดของ Honda Click160 เป็นแบบดิจิตอล ใช้งานง่าย แสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ครบถ้วนทุกฟังก์ชัน ที่ชาร์จไฟสำรอง USB Type A บริเวณที่เก็บของคอนโซลหน้า เบาะนั่งที่กว้างขึ้น พื้นเหยียบเพิ่มให้สามารถขยับเท้าได้สบาย ให้ทุกการขับขี่ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์ทุกการเดินทางAll New Click160 มีให้เลือก 2 รุ่น ในราคาแนะนำ เริ่มจากรุ่น Standard มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว-ดำ และ สีแดง-ดำ ราคา 63,500 บาท และรุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีขาว-ดำ ราคา 69,900 บาท
ความรู้สึกหลังการทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
กอล์ฟ ไรดิ้ง
ได้จัดเต็มๆ กับการใช้งานจริงๆ บนท้องถนน 3 วัน ความรู้สึกแรกที่ได้นั่ง คือ รถดูมีมิติที่ล่ำมากกว่าเดิม ที่วางเท้ากว้างขึ้น แต่ยังรู้สึกเล็ก และกระชับดี เบาะไม่สูงมากความสูงของผม 168 ยืดได้เกือบเต็มเท้าเหลืออีกนิดเดียวออพชั่นเหมาะใช้งาน Click 160 ให้ที่ชาร์จ USB-A มาที่ช่องเก็บของบนคอนโซลด้านซ้าย ตำแหน่งเหมาะที่จะเสียบชาร์จมือถือที่ติดตั้งบนแฮนด์ ช่องเก็บของใต้เบาะมีขนาด 18 ลิตร ใหญ่กว่าเดิม ฮอนด้าบอกว่าสามารถใส่หมวกครึ่งใบได้ 1 ใบ กุญแจรีโมท สมาร์ทคีย์ กดที่ปุ่ม(เตาแก๊ส) เพียงทีเดียวก็พร้อมสตาร์ท ง่าย และสะดวก
สำหรับ การขับขี่ ต้องอึ้ง และทึ่ง แบบไม่ได้อวยจริง กับอัตราเร่ง ดีงามพระรามแผงศร มันชัดเจนกว่ารุ่น 150 มากๆ พุ่งออกตัวได้เร็ว และยังสามารถบิดต่อแบบไม่ต้องรอ กระแทกคันเร่งส่งไปได้เลย ระดับความเร็วต้น และกลาง จากความเร็ว 30-60-90 กม./ชม. มีความต่อเนื่อง แต่พอขึ้นถึงร้อยมาแบบเรื่อยๆ ไม่ได้จี๊ด แต่แช่ได้ยาวๆ โดยที่เครื่องยนต์ไม่มีอาการสะท้าน แบบนี้ คงพร้อมสำหรับการโมฯ ชุดข้าง เพิ่มเติมน่าจะดันและไหลได้อีกนิดหน่อยตัวรถที่ไม่กว้าง และไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ทำให้มีความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบด้วย ซอกเล็กๆ ก็เข้าไปได้ เรื่องของรถติดไม่ต้องห่วง ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่รถไหลๆ ซิกแซกนี่พลิ้วเลย ท่านั่งก็สบายๆ ด้วยเบาะที่มันกว้างขยับได้สะดวกดี แม็กหน้ากว้างยางใหญ่อัพไซส์ ก็ลองสาดเข้าโค้งกว้างๆ ดู อืมมม..มั่นใจได้ แต่ก็ต้องระวังด้วยถ้าถนนมันลื่นก็ เบาๆ หน่อยแล้วกันระบบเบรก ดิสก์หน้า-หลัง ใช้งานแล้วรู้สึกมั่นใจ ข้างหน้า ABS ซะด้วย แต่ที่แปลกก็คือ รางวงแหวนเซ็นเซอร์จะเจาะที่จานดิสก์ ระยะที่ไม่ถี่เหมือนรางแยก และไม่สามารถเอาจานแต่งมาใส่ได้เพราะ ไม่มีรางเซ็นเซอร์นั่นเอง ระยะทำการของการเบรกสั้นกว่าเดิมเพราะขนาดจานที่ใหญ่กว่าเดิมด้วย ดิสก์เบรกหลัง กับรถออโตเมติกขนาดเล็กๆ ลองใช้หนักแล้วท้ายปัดเหมือนกันนะ แต่มีแล้วอุ่นใจ เพราะมันสามารถช่วยให้เราชะลอแล้วเสี้ยวเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น เหมือนเป็นเอนจิ้นช่วย ถ้ากดเบรกหน้าคงพับรับแรงปะทะกับพื้นแน่นอน
สรุปโดยรวมๆ ส่วนผมชอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ เร่งออกตัวหรือเร่งออกจากจุดเลี้ยวดีมากเลย ยางใหญ่ใส่โค้งได้ไม่กลัวเลย รูปลักษณ์ขนาดของรถดีไซน์สปอร์ตน้ำหนักเบา ทำให้คล่องตัว ใครที่อยากได้รถขี่สนุกใช้ในเมือง ก็นี่ไง Click160 มันขี่มันจริงๆ
คีเวย์ ประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาด ตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี ในประเทศไทย สร้างความมั่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และที่สำคัญในการก้าวสู่ปีที่ 11 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการ โดยได้ผนึกกำลังกับ Benelli Servizio ที่พร้อมจัดจำหน่าย และให้บริการกับรถจักรยานยนต์คีเวย์ทุกคัน เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญศูนย์บริการทุกแห่งจะได้รับการอบรมด้วยมาตรฐานเดียวกับทางเบเนลลี่
Versilia 150 มาพร้อมความสนุก ในสไตล์ของอิตาเลี่ยนสกู๊ตเตอร์ ในคลาส 150 ซีซี ออโตเมติกพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยการออกแบบ แฝงด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก และยังให้ความสำคัญกับสมรรถนะและการใช้งานของผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ 149.6 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ พร้อมจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ EFI ให้กำลังสูงสุด 7.2 กิโลวัตต์ ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 10.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที
Versilia 150 ตอบโจทย์การใช้งานด้วยกุญแจแบบ Keyless พร้อมเสียงสัญญาณป้องกันการโจรกรรม โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ดูหรูหราทันสมัย โดยไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง พร้อมแถบไฟ LED DRL daytime running light สุดล้ำพาดผ่านด้านหน้า ครอบคลุมสัญญาณไฟเลี้ยวที่เพรียวบาง เรือนไมล์ได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ มีพร้อมพอร์ตชาร์จไฟสำรองแบบ USB ที่อยู่ภายในกล่องหน้ารถ และที่เก็บของใต้เบาะ U Box ขนาด 23 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน๊อคเต็มใบได้ ถังน้ำมันขนาด 5.6 ลิตร นั่งสบายด้วยเบาะสไตล์วินเทจแบบ 2 ตอน ระบบกันสะเทือนหน้าและหลังแบบเทเลสโคปิก วงล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 12 นิ้ว ยางหน้า 120/70 และหลัง 120/70 เน้นความคล่องตัว ด้วยวงเลี้ยวที่แคบ เหมาะกับการใช้งานในเมือง เพิ่มความทันสมัยและความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 185 มม.
Versilia 150 มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ Versilia 150 Standard สี ROSSO CORSA RED (แดง) ราคาแนะนำ 61,200 บาท และ Versilia 150 Special Keyless สี SUPER WHITE (ขาว) และ สี LAVA GREY (เทา) ราคาแนะนำ 63,500 บาทพร้อมการรับประกัน 3 ปี 30,000 กิโลเมตร
ความคิดเห็นหลังการทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ (กอล์ฟ ไรดิ้ง)
ป๊าดดดด…ดีเกินคาด ถ้ากล้าเปิดใจรับจะได้สิ่งใหม่ๆ Keeway Versilia 150 รถจักรยานยนต์ สไตล์สกู๊ตเตอร์ ดีไซน์คลาสสิค ผสมผสานความโมเดิร์นให้เข้ากับยุคสมัย งานประกอบชิ้นส่วนไม่ก๊อกแก๊ก ขนาดกำลังดี และน้ำหนักตัวไม่เยอะมาก ทำให้การคอนโทรลเบาแรง มีหวิวๆ ในช่วงแรกๆ พอเริ่มคุ้นเคยก็ควบคุมง่ายขึ้น เบาะใหญ่นั่งสบาย ที่วางเท้ากว้าง ขยับขาได้สะดวก เบาะสูงไปหน่อยสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ ผมสูง 168ต้องเขย่งเล็กน้อยเครื่องยนต์แบบสูบเดี่ยว ที่ให้มา 150ซีซี เสียงนุ่มๆ มีอัตราเร่งดี ออกตัวพุ่งเร็วไม่น่าเชื่อและมีความต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์โดยที่ไม่มีจังหวะกระตุก คันเร่งเบาไม่หนักบิดได้ลื่นๆ การเร่งแซงก็ทำได้ดีแต่ต้องอยู่ในความเร็วระดับ 60-70 กม./ชม. จะพุ่งขึ้นได้เร็ว ถ้าเกิน 80 กม./ชม. จะขึ้นช้าไปหน่อย แต่สำหรับช่วงปลายๆ ความเร็วก็คงที่อยู่ประมาณ 100-115 กม./ชม.มาที่ช่วงล่าง มันยังมีความกระด้างอยู่ สำหรับโช้คอัพหลัง ทำให้การเข้าโค้งแล้วมันรู้สึกขืนๆ เล้กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งเกินไป ใช้งานได้ปกติแต่ถ้ามีการซ้อนหรือบรรทุกก็จะช่วยได้ โช้คอัพหน้าอันนี้ผ่านได้เลย เพราะตอนที่ขับขี่ไปตกหลุมเต็มๆ มันซับได้ดีเลย ส่วนดิสก์เบรกหน้าถึงจานขนาดเล็ก แต่ทำงานได้ดีนะ และชุดปั๊มบนไม่แข็งกำได้นิ่มๆ ดรัมเบรกหลังเอาอยู่สบายๆ
อิเคร์ เลกัวน่า ยอดนักบิดชาวสแปนิชจาก ทีม เอชอาร์ซี ผงาดคว้าอันดับ 10 ในเรซที่ 2 ของศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 5 เดินหน้าเก็บแต้มให้ทีมได้สำเร็จ ขยับรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพจากเรซสุดมันส์เมื่อวันอาทิตย์ ที่ สหราชอาณาจักร
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 สนาม 5 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ สนามโดนิงตัน พาร์ค สหราชอาณาจักร ชิงชัยทั้งสิ้น 23 รอบสนาม
เกมในเรซที่ 2 อิเคร์ เลกัวน่า ยอดนักบิดชาวสแปนิชเจ้าของรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 7 จาก ทีม เอชอาร์ซี ได้ออกสตาร์ตจากกริดที่ 7 ทว่าช่วงต้นเรซกลับเจอความชุลมุนในกลุ่มหน้า ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 10 ด้วยเวลา 34 นาที 11.919 วินาที ตามหลังผู้ชนะ 23.512 วินาที ขณะที่ทีมเมทอย่าง ซาวี วิเออร์เฮ เจ้าของหมายเลข 97 ฝืนอาการบดเจ็บบิดเข้าป้ายในอันดับ 13 ตามหลัง 24.896 วินาที
ฮอนด้า ยอดทีมแข่งระดับโลกในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโมโตจีพี ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการในการเซ็นต์สัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดชาวสเปนวัย 26 ปี เพื่อร่วมทีมกับ LCR Honda CASTROL Team ในระหว่างฤดูกาล 2023 – 2024 นี้ ซึ่งจะทำให้รินส์ที่แจ้งเกิดในรุ่นโมโต 3 เมื่อปี 2012 จะได้กลับทีมที่ผลักดันเค้าเข้าสู่การแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกอย่างฮอนด้าอีกครั้ง
จัดกิจกรรมใหญ่สุดอลังการกลางสยามสแควร์ เปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO อย่างเป็นทางการ พร้อม 2 พรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS”
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกด้วย โอกาสพิเศษ ครบรอบ 20 ปี แห่งความสำเร็จของยามาฮ่าออโตเมติกในประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์ “ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! อย่างเป็นทางการ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากพรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS” ใจกลางสยามสแควร์
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโอกาสพิเศษแห่งการฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งความสำเร็จของยามาฮ่าในการเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกในประเทศไทย เราได้จัดกิจกรรมใหญ่สุด Fazz ใจกลางกรุงเทพมหานคร ในกิจกรรม ALL NEW FAZZIO F-SCAPE ให้ชาว Gen Z ได้มาค้นหาสไตล์ที่ใช่ไปกับ ALL NEW YAMAHA FAZZIO ที่สยามสแควร์ จุดศูนย์รวมของ New Generation และ New Style
โดยภายในงาน ALL NEW FAZZIO F-SCAPE พบกับแฟชั่นใหม่ที่รวมเข้ากับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยแบ่งออกเป็นโซนแฟชั่นและรถจักรยานยนต์ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED ที่ถูกตกแต่งตาม 4 สาย Fazz Style ทั้ง Fabulous สายสุดแนว, Frisky สายแอคทีฟ, Friendly สายเฮฮาปาร์ตี้, Fashionista สายแฟชั่น รวมทั้งกิจกรรมทดสอบขับขี่ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED พร้อมการเปิดตัว ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED อย่างเป็นทางการ และมินิคอนเสิร์ต จาก 2 พรีเซนเตอร์สุดต๊าซ! “MILLI” และ “TILLY BIRDS” ปิดท้ายความมันส์ในกิจกรรมกับ DJ ชื่อดัง เพื่อเอาใจสาวก New Generation ให้เป็น MY GEN ไปพร้อมกับ ALL NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กระตุ้นความเร้าใจในการขับขี่ครั้งใหม่! พร้อมส่ง “NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST” สปอร์ตเนคเก็ตที่สุดในคลาส 300 สีใหม่! กับสีสันสุดเร้าใจ 2 สี 2 สไตล์ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ MT-Series ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำสมัย และเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่พร้อมตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์ตามแบบฉบับ THE DARK SIDE OF JAPAN
สำหรับ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สีใหม่! ยังคงเท่ สะดุดตา ดุดัน ตามสไตล์ MT-Series ด้วยชุดไฟหน้า FULL LED ดีไซน์แบบ TWIN-EYES และเทคโนโลยี MONO FOCUS LED ที่ใช้ในรถ Big Bike สว่างชัดทุกระยะการขับขี่, ไฟเลี้ยวแบบ LED ดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว คมชัด, ถังน้ำมันรูปทรงใหม่ เท่ ดุดัน สไตล์ Big Bike สะท้อนเอกลักษณ์ MT-Series ให้ความกระชับในการขับขี่ยิ่งขึ้น, โช้คหน้า TELESCOPIC แบบ UPSIDE DOWN เพิ่มสมรรถนะการทรงตัว ซับแรงสั่นสะเทือนที่ดีขึ้นทั้งในช่วงทางตรงและทางโค้ง พร้อมหยุดรถได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรก ABS
นอกจากนี้ NEW YAMAHA MT-03 DARK BLAST สีใหม่! ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำสมัย ด้วยเรือนไมล์หน้าจอใหม่แบบ FULL LCD มัลติฟังก์ชั่น เท่ล้ำด้วยดีไซน์อัจฉริยะ พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างสนุกสุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ DOHC 2 สูบ 8 วาล์ว ขนาด 321 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ทุกจังหวะการบิดคันเร่งเต็มไปด้วยความเร้าใจในทุกเส้นทาง
Keeway Versilia 150 New Icon of Style : สนุกทุกความท้าทาย…เป็นใครก็มันส์ได้ เริ่มตันความสนุกกันอีกครั้ง…เมื่อคีเวย์ ประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาด ดอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี ในประเทศไทย สร้างความมั่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และที่สำคัญในการก้าวสูปีที่ 11 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการ
21 เมษายน 2565 เมืองอิวาตะ ประเทศญี่ปุ่น บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้จัดการแถลงข่าวรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า “E01” พร้อมกันทั่วโลกผ่านระบบ Zoom Application ถึงการเตรียมความพร้อม ในการส่งสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าเต็มระบบ ลงสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก โดยมีใจความในการแถลงข่าวในครั้งนี้ว่า ยามาฮ่าไม่หยุดในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองให้กับผู้บริโภค โดยทางบริษัท ได้มีการพัฒนารถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามานับตั้งแต่ปี 1991 เพื่อเป็นทางเลือกของพลังงานที่สะอาด ปลอดภัยแก่สิ่งแวดล้อม และประหยัดการใช้จ่ายในการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างสิ้นเปลือง
ยามาฮ่า “E01” ได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ภายในงาน โตเกียวมอเตอร์โชว์ ประเทศญี่ปุ่นในฐานะยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Plugged Yamaha to new era” พร้อมจุดเด่นของระบบชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ที่รวดเร็ว และเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ยามาฮ่าจึงได้พัฒนาทุกองค์ประกอบของยามาฮ่า E01 ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวิศวกรรม ทั้งในด้านสมรรถนะ แบตเตอรี่ ระบบการชาร์จไฟ ดีไซน์ภายนอก และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เพื่อให้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ยามาฮ่า “E01” ให้กำลังไฟฟ้าที่ 8.1 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับรถจักรยนต์สันดาปขนาด 125 ซีซี ส่งผลให้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการใช้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 104 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง (ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.) และสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 100 กม./ชม.
แบตเตอรี่และระบบการชาร์จไฟ ยามาฮ่า “E01” ถูกพัฒนาและเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุสูง 4.9 กิโลวัตต์/ชม. ที่ยามาฮ่าพัฒนาขึ้น สำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้ผ่านเครื่องชาร์จแบบเร็ว ที่ระดับแบตเตอรี่ 0% ถึง 90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยการออกแบบตัวเชื่อมต่อสายชาร์จไฟไว้ที่ตำแหน่งด้านหน้าของตัวรถ ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่จอดรถ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จไฟถึง 3 แบบให้เลือกใช้ เพื่อความสะดวกสบาย
ของผู้ใช้งาน และรองรับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ได้แก่
ยามาฮ่า “E01” สมรรถนะการขับขี่ด้วยมาตรฐานของยามาฮ่า เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์ตามแบบฉบับของยามาฮ่า จึงได้พัฒนาทุกองค์ประกอบขึ้นเองทั้งหมด ผสานกับความเชี่ยวชาญพิเศษทางด้านเทคโนโลยีการออกแบบและวิศวกรรมไร้ขีดจำกัดลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า ตั้งแต่มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาจากยามาฮ่าเอง มีน้ำหนักเบา กะทัดรัด รวมถึงการตั้งค่าแรงบิดเพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุด แรงบิดสูงสุดถูกตั้งไว้ที่รอบต่ำตั้งแต่ 0 – 2,000 รอบ/นาที ที่ 30.2 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์ที่ 5,000 รอบ/นาที ทำให้มีกำลังในรอบที่กว้าง ทำให้ง่ายต่อการใช้งานในสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองโดยเฉพาะที่ความเร็วต่ำฃ
ยามาฮ่า “E01” สามารถสตาร์ทและออกตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อทำการเปิดคันเร่ง และมาพร้อมกับโหมดถอยหลัง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าออกจากที่จอดรถและบังคับทิศทางของรถได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าของยามาฮ่า “E01” นั้นเงียบ ลื่นไหล ไร้เสียงรบกวน และการสั่นสะเทือนต่ำ จากกลไกของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สร้างแรงหมุนได้โดยตรง ประกอบกับการใช้ยางที่มีเสียงรบกวนต่ำ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด
ยามาฮ่า “E01” มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 ระดับ เพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขณะใช้งาน และไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ได้แก่
– PWR (โหมดเพาเวอร์): สำหรับการขับขี่ที่ดึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ออกมา เหมาะสำหรับการขี่ขึ้นเนิน และการเร่งแซง ฯลฯ
– STD (โหมดมาตรฐาน): สำหรับการขับขี่ทั่วไปในช่วงความเร็ว 30 – 80 กม./ชม.
– ECO (โหมดอีโค): สำหรับการขับขี่ระยะไกล เพื่อจำกัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และจำกัดความเร็วสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม.
การออกแบบและดีไซน์ยังคงความล้ำสมัย สะท้อนภาพลักษณ์จักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งโลกอนาคต
ยามาฮ่า “E01” ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ทั้งรถและคนต้องมีการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน งานออกแบบจึงเรียบง่าย ผสานกับความล้ำสมัยและทรงพลัง แตกต่างจากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั่วไป รูปลักษณ์ดีไซน์โดยรวมในการพัฒนา EV มาจากแนวคิด Jin-Ki Kanno ของยามาฮ่า ที่นำเอาแนวคิดจาก MOTOROiD*2 มาใส่ไว้ในรถคันนี้ โดยโครงสร้างเฟรมจะสะท้อนถึงเทคโนโลยีในการออกแบบรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต พื้นที่ด้านหน้าถูกออกแบบมาให้สะท้อนความเป็นยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดวางตำแหน่งไฟ จนถึงที่เสียบสายชาร์จ ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ดีไซน์มีความล้ำ โดยไฟทุกตำแหน่ง ทั้งไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย และไฟเบรก เป็นไฟ Full LED ทั้งหมด ผสานกับสีดำและสีขาวมุกพิเศษของตัวถัง ยิ่งเสริมให้ ยามาฮ่า “E01” ดูมีสไตล์ หรูหรา และทันสมัย
ในส่วนของมาตรวัดหน้าจอ ได้รับการออกแบบให้แสดงผลแบบดิจิตอล แบบมัลติฟังก์ชั่นที่แสดงทั้งอัตราความเร็ว ความจุแบตเตอรี่ สถานะการชาร์จไฟ นาฬิกา อุณหภูมิของอากาศ และอื่นๆ
ฟังก์ชันการใช้งานมาพร้อมความสะดวกสบาย เพื่อการใช้งานทุกรูปแบบ
นอกจากดีไซน์อันล้ำสมัย อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้พัฒนา ยามาฮ่า E01 ให้ความสำคัญคือ ฟังก์ชันการใช้งานที่มอบความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ โดยยามาฮ่า E01 จะถูกควบคุมด้วยระบบสมาร์ทคีย์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดสวิตซ์ในการใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่หมุนปุ่มโดยไม่ต้องเสียบกุญแจ
นอกจากนี้รถรุ่นนี้ยังติดตั้งหน่วยควบคุมการสื่อสาร ด้วยระบบ 3G/LTE eSIM และ GPS โดยหน่วยควบคุมจะอัปโหลดข้อมูลรถ (ตำแหน่ง สภาพการทำงาน) ไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่ บันทึกการใช้งานรถ ประจุแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และตำแหน่งที่รถจอด และอื่นๆ ยามาฮ่า จะใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากทดสอบความเป็นไปได้และดูทิศทางของตลาดของ ยามาฮ่า “E01” ไว้เป็นจุดอ้างอิงในการตั้งสมมติฐานความต้องการในอนาคตของผู้ขับขี่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
ค่ายรถจากไต้หวัน ที่ก้าวไปสร้างชื่อในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะความโดดเด่นในเรื่องของรถประเภมสกู๊ตเตอร์ ซึ่งในไลน์อัพปี 2022 นี้ก็มีเปิดตัวสู่ตลาดยุโรปด้วยกันหลากหลายรุ่น และที่จะนำมาแนะนำกันก็คือรุ่น 4MICA ซึ่งชื่อรุ่นแปลง พ้องมาจากคำว่า Formica ในภาษาอิตาลีที่หมายถึง มด
ในการออกแบบของ 4MICA นั้น ทางSYM มีความต้องการที่จะผลิตรถที่ตอบสนองความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในการใช้เดินทาง ใช้ไปจ่ายตลาด ท่องเที่ยว รวมทั้งไปทำธุระ กล่าวง่ายๆก็คงต้องเปรียบเทียบกับรถยนต์แล้วก็จะเข้าใจว่า 4MICA นี้ก็จะเป็นรถยนต์ในประเภท SUV นั่นเอง
สำหรับการออกแบบตัวรถนั้นไฮไลท์หนึ่งนั่นก็คือส่วนของพื้นที่คนซ้อน ที่ออกแบบให้เบาะคนซ้อนสามารถปรับเป็นพื้นที่บรรทุกของได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ โดยพื้นที่ดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ไม่ต่ำกว่า 40 ก.ก. ขณะที่ส่วนประกอบอื่นๆนั้นก็เป็นไปตามาตรฐานของรถสกู๊ตเตอร์หรือรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กควรจะมี ไม่ว่าเรือนไมล์แบบจอแอลซีดี ไฟหน้าหน้าแบบ LED
หรือแม้แต่ชาร์จโทรศัพท์แบบ Quick Charge3.0 เป็นต้น โดยรถรุ่นนี้จะมี ให่เลือกขนาดความจุเครื่องยนต์ 125 และ 150 ซี.ซี. โดยทั้งสองขนาดก็จะมีแบ่งสองเวอร์ชั่น คือแบบมาตรฐานกับแบบที่ติดตั้งระบบ ABS