เป็นเจ้าของธุรกิจสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ MOVE EV X รับสิทธิ์พิเศษในงาน SMART SME EXPO 2024

MOVE EV X (มูฟ-อี-วี-เอกซ์) ธุรกิจขายและให้บริการสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเปิดสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการได้เป็นเจ้าของสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ในงาน SMART SME EXPO 2024 โดยโมเดลธุรกิจของ MOVE EV X มีให้เลือกตั้งแต่รูปแบบ S วงเงินการลงทุนเริ่มต้น 679,000 บาท และรูปแบบ M ลงทุนเริ่มต้น 1,969,000 บาท พิเศษลูกค้าที่สั่งจองและมัดจำภายในงาน สามารถเลือกการการันตีรายได้ 13,500 บาทต่อเดือน (ระยะเวลา 12 เดือนในพื้นที่ Hot Zone) หรือเลือกรับทองคำแท่งน้ำหนัก 1 – 3 บาท (ขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจที่ลงทุน) พร้อมรับทันทีของแถมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พบกันที่งาน SMART SME EXPO 2024 บูธ J02 Hall 7-8 อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 7 กรกฎาคม 2567

ฮอนด้าชวนไบค์เกอร์สายลุย บุกเส้นทางฝุ่นสุดเร้าใจ จังหวัดเพชรบุรี ในกิจกรรม ‘Honda DIRT Xperience 2024’

เปิดประสบการณ์ขับขี่ทางฝุ่นสุดเร้าใจ

ฮอนด้า พาไบค์เกอร์สายลุยเปิดประสบการณ์ขับขี่ทางฝุ่นสุดเร้าใจในกิจกรรม ‘Honda DIRT Xperience 2024’ ณ มอนโทโร รีสอร์ต จังหวัดเพชรบุรี วันที่ 22-23 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้สายแอดเวนเจอร์ได้เสริมทักษะการขับขี่จากทีมครูฝึกมากประสบการณ์จาก Honda Safety รวมถึงครูฝึกดีกรีนักแข่ง Dakar Rally อย่าง Hideki Kashiwa และ ผู้ช่วยครูฝึก Wes Heiser ที่ครั้งนี้ได้มาถ่ายทอดประสบการณ์การขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทายอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ภายในกิจกรรม DIRT Experience รถจักรยานยนต์สาย Adventure และ Enduro ยกทัพเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยสาย Adventure บุกมาครบทั้ง Honda CRF1100L, CRF1000L, X-ADV, NC750X และ CB500X ในขณะที่สาย Enduro ตระกูล CRF Series ก็ครอบคลุมทั้ง Honda CRF450L, CRF300L, CRF250L, CRF300RALLY และ CRF250RALLY
อีกความน่าตื่นเต้นของกิจกรรมสายฝุ่นครั้งนี้คือการร่วมลุยของชาว CUB House ที่พา Honda CT125 เทรลไบค์สุดฮิตคู่ใจมาร่วมเปิดประสบการณ์สุดเดือด โดยภายในกิจกรรม DIRT Experience แบ่งไบค์เกอร์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Rookie นักบิดสายเริ่มต้น และ Experience นักบิดที่มีทักษะและประสบการณ์ ทั้งนี้ไบค์เกอร์ทุกคนจะได้เรียนรู้ทักษะจากครูฝึกในสนาม ก่อนออกลุยบนเส้นทางจริง
ไฮไลต์ของกิจกรรม Honda DIRT Xperience ครั้งนี้คือเส้นทางฝุ่นสุดเร้าใจ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งถือเป็นอีกเส้นทางที่ชาวรถวิบากยกให้เป็นความมันส์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยผู้ขับขี่จะได้เปิดประสบการณ์ในเส้นทางธรรมชาติ ทั้งการฝ่าทางฝุ่นและการขับขี่ลุยลำธาร รวมถึงกิจกรรมให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบขีดจำกัดและทักษะตัวเองผ่านด่านอุปสรรคที่เตรียมไว้ เพื่อชิงเหรียญรางวัล
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Honda DIRT Xperience ที่ครบทั้งการฝึกทักษะการขับขี่ ความเร้าใจ และความสนุก อย่าลืมติดตามกิจกรรมครั้งต่อไปโดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/
#DIRTXPERIENCE #HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

รถโบราณร่วมขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ Love Pride Parade 2024

สมาคมรถโบราณฯ ส่งรถโบราณร่วมสร้างสีสัน ในขบวนพาเหรดครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย 

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค ร่วมสร้างสีสันในงาน Love Pride Parade 2024 ในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เฉลิมฉลองวาระของการสื่อความหมายความภูมิใจ ความรัก ความเท่าเทียมทางสังคม (LGBTQIAN+) นำโดย MG TB รุ่นปี 1939, Mercedes-Benz 220S Cabriolet รุ่นปี 1958, Mercedes-Benz 190SL รุ่นปี 1956, Mercedes-Benz 300SL W107 รุ่นปี 1987 และ Morgan Plus รุ่นปี 1958 ด้วยระยะทาง 6 กม. นับเป็นขบวนพาเหรดการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride ที่มีความยาวมากที่สุดในเอเชีย

เส้นทางจากสนามกีฬาแห่งชาติ ไปตามถนนพระราม 1 มุ่งหน้าผ่านแยกปทุมวัน สยาม สี่แยกราชประสงค์ เข้าสู่ถนนสุขุมวิท ตรงไปยังเพลินจิต อโศก และไปสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ ระหว่างทางมีผู้คนคอยให้การต้อนรับอย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่น โดยขบวนรถโบราณ ได้สร้างรอยยิ้ม และดึงดูดความสนใจแก่ผู้พบเห็นตลอดเส้นทาง

การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายเดือนแห่งความเท่าเทียม กฎหมายสมรสเท่าเทียม การอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมอย่างเสมอภาค เคารพในบทบาทซึ่งกันและกัน กับขบวนพาเหรด Love Pride Parade 2024…The First Ever Longest Parade In Asia ที่จะบันทึกไว้เป็นงานพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การจัดงานพาเหรดของไทย

Pecco คว้าแชมป์ Sprint Race ASSEN

Francesco Bagnaia แชมป์ Sprint Race ASSEN

การแข่งขัน MotoGP ที่ TT Circuit ASSEN ประเทศเนเธอร์แลนด์ Francesco Bagnaia #1 จาก Ducati Lenovo Team ได้เริ่มเกมจากตำแหน่ง โพลโพซิชัน โดย Pecco ขึ้นนำพร้อมยืดระยะห่าง ก่อนนำยาวผ่านธงตาหมากรุกเป็นคันแรก ค้วาแชมป์ Sprint Race ไปครอง

HARLEY-DAVIDSON® อวดโฉมรถมอเตอร์ไซค์ HYDRA-GLIDE REVIVAL ปี 2024 ในงานฉายภาพยนตร์ “The Bikeriders”

“The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส รอบปฐมทัศน์ในประเทศไทย

Harley-Davidson เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Hydra-Glide Revival ปี 2024 จากคอลเลคชันลิมิเต็ดอิดิชันอย่าง Icons ภายในงานฉายภาพยนตร์เรื่อง “The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” รอบปฐมทัศน์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์  โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวมาพร้อมเทคโนโลยีการลงสีระดับพรีเมียมที่ล้ำสมัย ถูกผลิตออกมาในแบบคัสตอมจากโรงงาน และการออกแบบด้วยแถบกราฟิก พร้อมจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ในประเทศไทย สำหรับรถมอเตอร์ไซค์จากคอลเลกชัน Icons ได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในยุคของภาพยนตร์ “The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของสมาชิกกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ในแถบมิดเวสต์ ช่วงทศวรรษ 1960 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มฉายแล้วในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2567

งานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ในครั้งนี้จัดขึ้นโดย ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ร่วมกับ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยมีลูกค้าของ Harley-Davidson เหล่าสาวกคนรักรถมอเตอร์ไซค์ตัวจริง พันธมิตร ตัวแทนจำหน่าย พนักงานของ Harley-Davidson ในกรุงเทพฯ และเหล่าสมาชิก H.O.G.® เข้าร่วมงาน

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายของเรา ในการจัดงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์สุดพิเศษ เรื่อง “The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” ในประเทศไทย ซึ่งการก้าวเข้าสู่จอภาพยนตร์ของ Harley-Davidson ในครั้งนี้ จะทำให้แบรนด์ของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ขยายจากฐานชุมชนนักขับขี่ของเรา โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเผยให้เห็นถึงตำนานและวัฒนธรรมอันยาวนานของกลุ่มนักขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในอดีต และเราหวังว่าจะมีโอกาสร่วมมือกับพันธมิตรของเรามากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษจากแบรนด์ Harley-Davidson ให้กับสมาชิกนักขับขี่ในประเทศไทย” นายดีมีทริส แรปติส รองประธาน Harley-Davidson เอเชียแปซิฟิก กล่าว

การเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Icons Collection สี Hydra-Glide Revival ปี 2024 หรือรุ่นที่ 4 จาก Icons Collection ของ Harley-Davidson ถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการคิดค้นระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบก้าน Hydra-Glide สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น E และรุ่น F ในปี 1949 ซึ่งหลังจากเปิดตัวระบบกันสะเทือน Hydra-Glide ในรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่น FL นักขับขี่ชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มออกไปผจญภัยบนเส้นทางใหม่ ตามถนนทางหลวงอินเตอร์สเตต (Interstate highways) สำหรับรถมอเตอร์ไซค์สี Hydra-Glide Revival ปี 2024 มอบอิสรภาพและการผจญภัยของนักขับขี่ บนรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการดีไซน์แบบย้อนยุค พร้อมขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายและสัมผัสกับฟีเจอร์หลากหลายที่เร้าใจ

รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษจากคอลเลกชัน Icons มาพร้อมสีพิเศษประจำปีในรถรุ่นใหม่ที่มีจำนวนจำกัด บ่งบอกถึงสไตล์การออกแบบที่ทันสมัย อันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson สำหรับคอลเลกชันลิมิเต็ด จะระบุหมายเลขประจำของแต่ละคันแยกออกไป และผลิตออกมาจำหน่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะเปิดตัวสี Hydra-Glide โฉมใหม่ ในจำนวนไม่เกิน 1,750 คันทั่วโลก

ฟีเจอร์การออกแบบพิเศษ

สี Hydra-Glide Revival สะกดทุกสายตาด้วยสี Redline Red แบบคัสตอม และแถบกราฟิกสี Birch White ด้านข้างถังน้ำมัน ถอดแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 1956 และมาพร้อมกับการออกแบบที่โดดเด่นมากมาย อาทิ ตราสัญลักษณ์ “Harley-Davidson V” แบบโครเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตราสัญลักษณ์ที่ตัวถังน้ำมันของรุ่นปี 1955-1956 บนถังน้ำมัน ตราสัญลักษณ์ “Hydra-Glide” บริเวณที่บังโคลนหน้า ป้าย “Hydra-Glide Revival” ที่ระบุหมายเลขลำดับของตัวรถครอบอยู่บนบาร์ที่จับ และกราฟิกสำหรับรถมอเตอร์ไซค์คอลเลกชัน Icons บนบังโคลนหลังแสดงถึงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน

ฟีเจอร์การออกแบบที่เพิ่มเข้ามา ประกอบด้วย กราฟิกแผงหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมาตรวัดความเร็วปี 1954 – 1955 กระบังลมสูงสีทูโทนแบบถอดได้ขนาด 21 นิ้ว (53.3 ซม.) ที่มีส่วนล่างเป็นสีแดงแมชกับตัวรถสี Redline Red ฝาครอบเครื่องกรองอากาศทรงกลมแบบโครเมียมและล้อเหล็กโครเมียมแบบซี่ ช่วยให้ตัวรถมีกลิ่นอายความคลาสสิก การตกแต่งแผ่นปิดบังโคลนหน้าและหลัง การ์ดเครื่องยนต์ ฝาครอบโชคอัพ ระบบส่งกำลัง และท่อไอเสียด้วยสีโครเมียมที่ชวนเหลียวมอง

กระเป๋าสัมภาระด้านข้างแบบเดี่ยวถูกออกแบบด้วยผ้าม่านหนัง กุ๊นขอบด้วยหนังสีขาว เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดงที่ตัดกัน และโครงโครเมียมแสดงถึงการดีไซน์แบบย้อนยุค สายสะพายหนังสีดำตกแต่งด้วยหมุดและเครื่องประดับคอนโช วัสดุที่ใช้กับกระเป๋าสัมภาระด้านข้างแบบคู่ทำมาจากหนังและไวนิล ตกแต่งรายละเอียดด้วยเครื่องประดับคอนโชโครเมียม พร้อมอะครีลิคสีแดงตรงกลาง หมุดแบบโครเมียม พร้อมกุ๊นของหนังตะเข็บสีขาว และเย็บตะเข็บด้วยด้านสีแดงเช่นเดียวกัน กระเป๋าสัมภาระด้านข้างมีคุณสมบัติกันน้ำ มาพร้อมกุญแจล็อคเพื่อความปลอดภัย และมีซับในที่แข็งแรงเพื่อให้คงรูปทรงได้ทุกฤดูกาล

สไตล์ย้อนยุค กับสมรรถนะที่ล้ำสมัย

รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษจาก Icons Collection ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 114 V-Twin แบบถ่วงดุลน้ำหนัก มาพร้อมเครื่องกรองอากาศ Screamin’ Eagle® High-Flow ช่วยส่งสมรรถนะของการขับขี่ให้แรงมากขึ้น และได้รับการอัพเกรดเป็น Harley-Davidson® Screamin’ Eagle® Stage เหมาะสำหรับนักขับขี่ที่มองหาสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง

แชสซี Softail® ซ่อนระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบโชคเดี่ยวที่ปรับได้อย่างอิสระไว้ใต้เบาะที่นั่ง เพื่อให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการเลี้ยวเข้าโค้งแบบไดนามิก และยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ของช่วงล่างแบบดั้งเดิม ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยรักษาความเร็วให้คงที่เพื่อความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่ระยะทางไกล ไฟหน้าแบบ LED และไฟเสริมที่สว่างช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการเบรกได้อย่างมั่นใจในสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นที่มีอยู่ ตัวเลือกสี ข้อมูลจำเพาะ และระยะเวลาการจัดส่ง

สำหรับภาพบรรยากาศงานฉายภาพยนตร์ เรื่อง The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส รอบปฐมทัศน์ สามารถดูได้ที่นี่ 

#HarleyDavidsonAsia #UnitedWeRide #TheBikeridersTH #เดอะไบค์ไรเดอร์ส # TheBikeriders

ติดตามข่าวสารอัพเดทของ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ได้ที่

www.harley-davidson.com

Facebook: @HarleyDavidsonAsia

Instagram: @HarleyDavidson_Asia

YouTube: Harley-Davidson Asia

TikTok: @HarleyDavidson_Asia

LINE Official Account: @HarleyDavidsonTH

 

“ยามาฮ่า” เก็บข้อมูลสำคัญหลัง “เทสต์บาเลนเซีย” ก่อนลุยศึก โมโตจีพี สนาม 8 แอสเซ่น สุดสัปดาห์นี้

“กวาร์ตาราโร-รินส์” หวังยกระดับในสนามโปรด

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี เดินหน้าพัฒนารถแข่ง YZR-M1 อย่างหนัก ในภารกิจคัมแบ็กแถวหน้าของโลก ล่าสุดเก็บข้อมูลสำคัญในการทดสอบแบบส่วนตัวที่ บาเลนเซีย ก่อนดวลสนาม 8 ดัตช์ ทีที สุดสัปดาห์นี้ ขณะคู่หูนักบิดของทีมอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเล็กซ์ รินส์ หวังยกระดับผลงานในสนามโปรดอย่าง ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

การแข่งขัน โมโตจีพี เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2024 เตรียมดวลความเร็วสนาม 8 รายการ ดัตช์ทีที ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนนี้ หลังเว้นวรรคนานถึง 3 สัปดาห์ ท่ามกลางการเฝ้ารอของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

ขณะที่ “เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร อดีตแชมป์โลกชาวฝรั่งเศส และทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ ก็ใช้เวลาช่วงพัก 3 สัปดาห์ กับการทำงานอย่างหนักร่วมกับ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี รวมถึงทีมทดสอบของ ยามาฮ่า ซึ่งผ่านโปรแกรมการเทสต์แบบส่วนตัวที่ บาเลนเซีย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่การแข่งขันสุดสัปดาห์นี้

มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีมกล่าวว่า “สภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้การทดสอบของเราไม่เป็นไปตามแผนในปีนี้ แต่ท้ายที่สุดเราก็สามารถจัดการงานที่ต้องทำได้ หลังผ่านแทร็กเดย์ของ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ แทร็กเดย์ ออฟ เลเจนด์ พวกเราใช้ บาเลนเซีย เพื่อทดสอบเพิ่มเติม สำหรับเก็บข้อมูลที่สดใหม่เพื่อ 2 สนามต่อไป ก่อนจะพักครึ่งฤดูกาลช่วงซัมเมอร์ จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าพยากรณ์อากาศที่ แอสเซ่น จะออกมาค่อนข้างดีในการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรา เพราะจะทำให้ทุกช่วงเวลาที่อยู่ในสนามเกิดประโยชน์ที่สุด”

ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “แอสเซ่น คือหนึ่งในสนามโปรดของผม หวังว่าเราจะผ่านเข้าสู่ Q2 ได้แบบโดยตรงจากการซ้อมในวันศุกร์ การทดสอบแบบส่วนตัวระหว่างการแข่งขัน ดัตช์ จีพี และ อิตาเลียน จีพี เป็นไปในทิศทางบวก ดังนั้น เราหวังว่าจะสามารถต่อสู้เพื่อตำแหน่งที่ดีกว่า”

ด้าน อเล็กซ์ รินส์ ทีมเมทเผยว่า “ผมมีโอกาสได้ไปเยือนฐานของ ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป เรารู้สึกดีกับการที่พนักงานทุกคนให้ความสนใจและทุ่มเท เป็นการปลุกเร้าที่ดีก่อนเข้าสู่การแข่งขัน 2 รายการนี้ (ดัตช์ทีที และ เยอรมัน จีพี) หลังผ่าน 3 สัปดาห์ที่รัดตัว (การทดสอบ) ผมตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้เริ่มต้นสุดสัปดาห์ที่ แอสเซ่น ซึ่งเป็นสนามที่ดีจริงๆ สำหรับผมที่ตั้งตารอให้ถึงการแข่งขันที่นี่ และเพลิดเพลินไปกับสนามแข่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแห่งหนึ่ง”

ทั้งนี้ ศึก ดัตช์ ทีที จะเข้าสู่การซ้อมวันแรกในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ก่อนจะควอลิฟายและดวลความเร็วรอบ “สปรินต์” ในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายนนี้ ส่วนการแข่งขันรอบ “เมน กรังด์ปรีซ์” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42

ไทยฮอนด้า ร่วมกับ มโนยนต์ชัย เดินหน้าสร้างระบบ EV Ecosystem ใช้ BENLY e: ขนส่งใจกลางกรุง

 เตรียมรองรับการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมมือกับ บริษัท มโนยนต์ชัย จำกัด กลุ่มธุรกิจการค้าของกลุ่มมโนยนต์ที่ดำเนินธุรกิจด้านชิ้นส่วนอะไหล่ ร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในประเทศไทย ด้วยการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda BENLY e: มาใช้ในการดำเนินงานขนส่งชิ้นส่วนอะไหล่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน
มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ไทยฮอนด้า มีความตั้งใจที่จะขยายระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า EV Ecosystem ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยการขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่อย่างกลุ่มบริษัทมโนยนต์ชัย ที่ได้นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาใช้ดำเนินงานขนส่งชิ้นส่วนอะไหล่ในย่านวรจักร พื้นที่ธุรกิจเก่าแก่ใจกลางกรุงเทพ ฯ เป็นการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในเขตการค้า อีกทั้ง ยังมีแผนที่จะขยายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ Honda e:Swap ตรงบริเวณบริษัทมโนยนต์ชัยให้เป็นสถานีหลักในการสับเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ เพื่อรองรับการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ กลุ่มบริษัทมโนยนต์ชัย ได้ทำการเช่ารถจักรยานยนต์ Honda BENLY e: เป็นจำนวน 10 คัน เพื่อมาใช้ในการดำเนินงานแทนรถสันดาป โดยเริ่มนำร่องทดลองใช้งานควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม และเตรียมรองรับการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda รุ่น BENLY e: รองรับเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (SWAP) ทำความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 78 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda BENLY e: ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
#EVisHonda #BENLYe #HondaEV #HondaMotorcycleEV
#HondaBENLYe #HondaeSwap
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

“ฮอนด้า ชวนเชียร์นักบิดไทย คว้าชัย ThaiGP 2024” ร่วมสัมผัสประสบการณ์เชียร์

“สมเกียรติ สแตนด์” เคียงคู่ “ฮอนด้า สแตนด์” พร้อมรับคอลเลกชั่นเชียร์ทุกที่นั่ง
“ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ไม่เคยหยุดเดินหน้า สานฝัน “คนไทย” สู่เวทีระดับโลก” ความนิยมของ “กีฬามอเตอร์สปอร์ต” ในประเทศไทย พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ปัจจัยสำคัญคือ การมี “ฮีโร่นักแข่งไทย” ผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่ทำได้กับการแข่งขันระดับโลก ที่ทำให้เราได้เฮและลุ้นกันติดจอไปกับ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ใน โมโตทู เวิลด์ แชมปี้ยนชิพ
ความสำเร็จเหล่านี้ ล้วนมีเบื้องหลังที่เข้มข้นมากมาย การสร้างนักกีฬาหนึ่งคนเพื่อก้าวสู่ระดับสูงสุดของโลกไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะใน “กีฬาความเร็ว” ที่ต้องสร้างพื้นฐานกันตั้งแต่ยังเด็ก พร้อมกับศูนย์ฝึกที่ได้มาตรฐาน บรรดาแชมป์โลกในระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ที่แฟนทั่วโลกรู้จักกัน ล้วนผ่านการเป็น “เด็กฝึก” ในอะคาเดมีมาแล้วทั้งนั้น และโครงสร้างเหล่านี้ ก็ทำให้ “อุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ต” ในยุโรปมีความแข็งแกร่งอย่างมาก
“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย สร้างโร้ดแม็ป “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” อย่างชัดเจนจากโครงสร้างที่ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนทุกระดับ รวมทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา นับตั้งแต่ “ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์” สำหรับนักแข่งอายุ 9-14 ปี เพื่อเรียนรู้พัฒนาทักษะการขับขี่ และความแข็งแกร่งของร่างกาย ถ่ายทอดประสบการณ์จากทีมโค้ชนักแข่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ที่มากประสบการณ์จากการแข่งขันระดับแนวหน้า ก่อนก้าวสู่ความท้าทายในการแข่งขันรายการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ” เมื่อเติบโตขึ้นมีอายุระหว่าง 15-20 ปี และเด็กที่มีฝีมือจะถูกคัดเลือกไปแข่งขันที่รายการ “เอเชีย ทาเลนท์ คัพ” ก่อนจะผลักดันสู่ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งมีปลายทางที่การแข่งขันระดับโลกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่นโมโตทรี (Moto3), โมโตทู (Moto2) และจุดสูงสุดคือ โมโตจีพี (MotoGP)
ผลผลิตปัจจุบัน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา คือ “ฮีโร่นักแข่งไทย” ผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยคนแรกของไทยที่คว้าชัยชนะและโพเดียมที่ทำได้กับการแข่งขันระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งดวลความเร็วอยู่ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ระหว่างเส้นทาง 6 ปี “ก้อง-สมเกียรติ” ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้พร้อมทั้งด้านร่างกาย, จิตใจ และทักษะทุกด้าน เพราะไม่ง่ายเลยที่นักบิดจากเอเชีย จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับสนามแข่งในยุโรป ซึ่งแตกต่างจากสนามในไทยและเอเชียอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับ “นักบิดสเปน-อิตาลี” ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ทั้งสภาพอากาศ และแข่งในสนามเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็ก จึงเห็นได้ชัดว่า “นักบิดจากเอเชีย” มีความเสียเปรียบในจุดนี้พอสมควร
อย่างไรก็ดี ในปี 2022 “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้ตอกย้ำความสำเร็จ “ก้อง-สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์ภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลกด้วยคว้าชัยชนะครั้งแรกใน โมโตทู ที่ อินโดนีเซีย ซึ่งในปีนั้นเองเขาคว้ามาได้ทั้งสิ้น 4 โพเดียม ก่อนจะยกระดับตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โมโตทู 2023
แต่ทุกอย่างไม่ใช่งานง่าย… ฤดูกาล 2024 นักบิดแถวหน้าหลายคนเจอปัญหาในการปรับตัว เมื่อเปลี่ยนยางผู้สนับสนุน แน่นอนว่า “ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่ รวมถึงการทำงานของทีมช่างที่ต้องหาข้อมูลเซ็ตติ้งร่วมกันอย่างหนัก เพื่อส่งสัญญาณที่ดีในการสู้ศึกทำผลงานที่ดีที่สุดตอบแทนกำลังใจของแฟนๆ ที่เชื่อมั่นส่งแรงใจเชียร์ตลอดมา และรวมทั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในโฮมเรซ ThaiGP2024 ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกันในฤดูกาล 2024 นี้ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยังคงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่มีนักบิดไทยลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาล 2 คลาสใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ โดยมี “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยอีกคน ที่ถูกผลักดันขึ้นสู่การแข่งขันระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นปีแรก ในรุ่น “โมโตทรี” ด้วยรถแข่งหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย หลังสั่งสมประสบการณ์จากรายการ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ซึ่งขณะนี้ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเรียนรู้การเดินทางในศึกระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
“ไทยฮอนด้า” ยังคงมุ่งทำตามโร้ดแม็ป ไม่ปล่อยให้ไลน์อัพในระดับ “จูเนียร์” ว่างลง หลังจากที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร เด็กฝึกชาวไทยวัย 17 ปี ได้รับคัดเลือกเข้าสู่ “จูเนียร์ ทาเลนต์ ทีม” ของ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในปี 2024 โดย “ข้าวกล้อง” กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานแข่งขันระดับจูเนียร์ ทั้งในรายการ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” เพื่อเดินตามรอยของนักบิดรุ่นพี่ ในการก้าวขึ้นสู่ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ต่อไป
พร้อมกันนี้ “ไทยฮอนด้า” ยกระดับนักบิดสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง สร้าง “The Next Successor To Become The World Class Riders” ส่ง 3 นักบิดดาวรุ่งไทยอย่าง “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง หมายเลข 5 พร้อมด้วย “จิมมี่” บูรพา วันมูล หมายเลข 10 และ “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ หมายเลข 20 เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปูทางสู่ระดับโลกตามรอยรุ่นพี่ ที่กำลังลงประชันฝีมือในการแข่งขันรายการ “อิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” ซึ่งจัดโดยดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ และผู้จัดการแข่งขัน รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี เพื่อเปิดโอกาสให้นักบิดเยาวชนที่มีความสามารถมากที่สุดในเอเชียและโอเชียเนียได้ลงแข่ง และเรียนรู้บนเส้นทางสู่ MotoGP™ ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R Moto3 ซึ่งสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นในสนามโฮมเรซฤดูกาล 2024 นี้เช่นกัน
ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างนักบิดระดับเยาวชนฝีมือดีและมีวินัยมากมาย ป้อนเข้าสู่ไลน์อัพในแต่ละระดับของการแข่งขัน…และนี่คือโมเดลสำคัญ ที่จะสานฝันคนไทยให้เป็นจริง กับการมี “ฮีโร่นักแข่งไทย” ในกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสอย่างแท้จริง!
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้… ทุกความทุ่มเท… “ฮอนด้า ชวนเชียร์นักบิดไทย คว้าชัย ThaiGP 2024” ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2567 “PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 นี้ สามารถจับจองที่นั่ง “จันทรา สแตนด์” พร้อมรับ คอลเลกชั่นพิเศษ ก้อง สมเกียรติ หรือ “ฮอนด้า สแตนด์” เพื่อรวมส่งกำลังใจให้นักบิดไทยทำผลงานดีที่สุดไปด้วยกัน พร้อมรับ Cheering Kit พิเศษมูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท“ ประกอบด้วย เสื้อยืด Collection ก้อง สมเกียรติ, หมวก, กระเป๋า, กระบองลม และพัด ทุกที่นั่ง
แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เดินหน้าเก็บประสบการณ์

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เตรียมลุยศึก “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” สนาม 4 แอสเซ่น

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร นักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 17 จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พร้อมเต็มร้อย เดินหน้าเก็บประสบการณ์ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2024” สนาม 4 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนนี้ ในสังเวียน โมโตจีพี อย่าง ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ลงแข่งขันรายการนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ปูทางสู่เรซระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ในอนาคต โดยหลังผ่าน 3 สนามแรกที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ ประเทศสเปน, เลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส และล่าสุดที่ มูเจลโล ในประเทศอิตาลี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเก็บมาได้ 5 คะแนน จากการคว้าอันดับ 11 เรซแรกที่ เฆเรซ ถือเป็นการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับการแข่งขันระดับโลก

โดยสุดสัปดาห์นี้จะมีขึ้นภายใต้การเป็นซัพพอร์ตเรซของ โมโตจีพี ทำให้มีนักแข่งไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ลงแข่งขันพร้อมกันถึง 3 คน ได้แก่ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ในศึก เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ รวมถึงรุ่นพี่อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ใน โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ใน โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

ทั้งนี้ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” มีคิวลงซ้อมอย่างเป็นทางการและควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ก่อนจะดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายนนี้ 21.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ 20.20 น. ถ่ายทอดสดทาง https://www.facebook.com/redbullrookiescup

#ThaiHonda #JP20 #JuniorGP #RookiesCup #Motorsport #HondaMotorSport #RoadToMotoGP #RaceToTheDream #HondaRacingThailand

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ผ่านสนามสุดหิน “จูเนียร์จีพี” สนาม 4 ที่ โปรตุเกส

 “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ยกระดับผลงานต่อเนื่อง

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยกระดับผลงานต่อเนื่อง ไล่บี้กลุ่มกลางเก็บประสบการณ์ลับฝีมือในศึก “ดาวรุ่งชิงแชมป์โลก” รายการ จูเนียร์จีพี 2024 สนาม 4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดวลความเร็วในสนามสุดหินที่ได้สมญานนามว่า รถไฟเหาะตีลังกา อย่าง อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองปอร์ติเมา ประเทศโปรตุเกส ชิงชัยทั้งสิ้น 2 เรซ

เกมเรซแรกนักบิดดาวรุ่งชาวไทย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร เจ้าของรถแข่งหมายเลข 20 จากสังกัด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 29 และไล่บี้อย่างหนักกับนักบิดทั้งหมด 7 คน ในกลุ่มกลาง ก่อนจะเข้าป้ายในอันดับ 22 ด้วยเวลารวม 27 นาที 41.593 วินาที

ส่วนเรซที่ 2 “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 28 ซึ่งยังถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก โดยดาวรุ่งชาวไทยทำผลงานได้ดีขึ้น ขยับขึ้นมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 20 ด้วยเวลา 27 นาที 59.579 วินาที

ผ่านการแข่งขัน 4 สนามแรก “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” นักบิดชาวไทยยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสนามถัดไปของศึก เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กันยายนนี้ ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ-อังเคล นิเอ็ตโต ประเทศสเปน

แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

#ThaiHonda #JuniorGP #JP20 #RookiesCup #Motorsport #RaceToTheDream #HondaMotorSport #HondaRacingThailand

ไทยฮอนด้า ร่วมส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ในงานนิทรรศการครบรอบ 20 ปี กับ กปถ. กรมการขนส่งทางบก

ไทยฮอนด้า ผู้นำด้านการขับขี่ปลอดภัยของเมืองไทย

ไทยฮอนด้า ผู้นำด้านการขับขี่ปลอดภัยของเมืองไทย นำโดย ดร. อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เข้าร่วมพิธีเปิดงาน “โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนากรอบการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเผยแพร่ความรู้ผ่านนิทรรศการ 20 ปี กับกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนกรมการขนส่งทางบก” ชวนประชาชนเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนน พลังขับเคลื่อนสู่ถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน Driven sustainable road safety across Thailand ณ ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ชั้น 1 เมื่อเร็วๆ นี้
โดยภายในงาน ได้มีการจัดบูธนิทรรศการ กิจกรรมต่างๆ รวมถึงงานสัมมนาเชิงวิชาการ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยทางไทยฮอนด้าได้นำเครื่อง Honda APT : Accident Prediction Training โปรแกรมสำหรับฝึกทักษะในการคาดการณ์ล่วงหน้าและอุบัติเหตุ และเครื่อง Riding Trainer เครื่องจำลองการขับขี่จริงบนท้องถนน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยบนท้องถนน และความมุ่งมั่นในการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในประเทศไทยให้น้อยลงมากที่สุด ผ่านการให้ความรู้ทักษะการขับขี่ที่ถูกต้อง เป็นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนแก่ประชาชน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายหลักของประเทศไทยที่ให้มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนต่ำกว่า 12 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในปี พ.ศ. 2570 ตามแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศต่อไป
ติดตามกิจกรรมต่างๆ ของฮอนด้าขับขี่ปลอดภัย ได้ที่
เฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand
เว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th
และฝึกคาดการณ์อุบัติเหตุ ช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนนได้ที่ : hondasafetyAPT.com
#HondaSafetyThailand #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #Honda #HondaMotorcycle

ยกระดับความมันส์! ศึก Plan-B Media BRIC Superbike สนาม 3 กระหึ่มสังเวียน โมโตจีพี 5-7 ก.ค.นี้

ศึก Plan-B Media BRIC Superbike สนาม 3 5-7 ก.ค.นี้

สุดยอดมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อ อันดับ 1 ของไทย “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ 2024” เตรียมกระหึ่มคันเร่ง สนามที่ 3 ของฤดูกาล ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ กองทัพนักบิดไทยพร้อมชิงชัย บนเซอร์กิตระดับเวิลด์คลาสที่รองรับศึก “โมโตจีพี” อย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับความยากและท้าทายของแทร็ก เพิ่มความสูง “ขอบเคิร์บ” โค้ง 1, 4 และโค้ง 8 สไตล์ “มิซาโน เคิร์บ” ขณะที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ลุ้นคว้าชัย 3 สนามติด สร้างโอกาสคว้าแชมป์ประเทศไทย ด้านคู่แข่งคนสำคัญท้าชนหวังยื้อถึง “ชิงดำ”

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นการก้าวเข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลังในการลุ้นแชมป์ประจำปีอย่างเป็นทางการ

ศึก แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนถูกยกให้เป็นศึกมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อเบอร์หนึ่งของไทย และเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อยกระดับเป็น “ศูนย์กลางของอาเซียน” ซึ่งในปีนี้ยังมีการลุ้นแชมป์ประจำปีที่เข้มข้นในทุกคลาส จากนักบิดแถวหน้าและทีมแข่งระดับคุณภาพของเมืองไทย ที่ร่วมไล่ล่าความสำเร็จ

สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในรุ่นใหญ่สุดของเมืองไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ยังคงเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต ยังคงรั้งจ่าฝูงหลังคว้าชัยชนะ 2 สนามแรก แต่ก็ยังมีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง “บอล” จักกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม และ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล นักบิดแถวหน้าของไทยอีกคนจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ เป็นตัวพลิกเกมที่ประมาทไม่ได้

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฝ่ายจัดการแข่งขันกล่าวว่า “ในปี 2024 เปิดฤดูกาลอย่างสนุก เรามีโอกาสที่จะเห็นการคว้าแชมป์ประจำปีในแต่ละรุ่นจากทั้งนักแข่งมากฝีมือ ดีกรีระดับอินเตอร์ และนักแข่งดาวรุ่งหน้าใหม่ที่ขึ้นมายืนโพเดียมได้สำเร็จ และด้วยตารางแข่งขันที่ต้องลุ้นแชมป์ประจำปีอีก 3 เรซ โดยแบ่งเป็น สนามที่ 3 จำนวน 1 เรซและสนามที่ 4 ดวลกัน 2 เรซ ก็ยังคงทำให้อาจมีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปีนี้ก็ได้”

“นอกจากนี้ ความสำคัญของสนามนี้คือเป็นหนึ่งในการซ้อมใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขัน โมโตจีพี 2024 รายการ PT Grand Prix of Thailand ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของสนามคือ การเพิ่มความสูงของขอบเคิร์บในโค้ง 1, โค้ง 4 และ โค้ง 8 ที่มีความสูงมากขึ้นมาจากเดิม 5 เซนติเมตร (มิซาโน เคิร์บ) นั่นจะทำให้นักแข่งต้องระมัดระวังมากขึ้นในจุดดังกล่าว ซึ่งการปีนขอบเคิร์บจะไม่ได้ช่วยสร้างความเร็วอีกต่อไป”

“ความท้าทายนี้ จะทำให้นักแข่งต้องหาวิธีสร้างความเร็วในรูปแบบที่แตกต่าง และผู้ชมจะได้ดูการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น นั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนของการลุ้นแชมป์ก็ได้ ส่วนการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เป็นช่วงเวลาที่แฟนชาวไทยต้องคอยจับตาเกมชิงไหวชิงพริบในครั้งนี้ให้ดี เพราะมีอาจมีจุดเปลี่ยนสำคัญของการลุ้นแชมป์ประจำปี ซึ่งเราถ่ายทอดสดการแข่งขันให้รับชมอย่างเต็มอิ่มเช่นเคย” นายตนัยศิริ ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ การลุ้นแชมป์ประจำปีในรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี และ สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ก็ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ซึ่งสนามที่ 3 ในวันที่ 5-7 กรกฎาคมนี้ จะเป็นจุดชี้วัดสถานการณ์ในโค้งสุดท้ายได้เป็นอย่างดี

สำหรับการแข่งขัน แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม และดวลความเร็วรอบชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567

ร่วมเชียร์และลุ้นแชมป์ประเทศไทย โดยซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น Grandstand สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่นั่งแกรนด์แสตนด์ ราคา 100 บาท / 1 วัน (จำหน่ายบัตรวันเสาร์-อาทิตย์ 6-7 กรกฎาคม 2567)

พิเศษ ! เพียงซื้อบัตรชมการแข่งขัน Plan-B Media BRIC Superbike มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2024 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ Chang Circuit Buriram, BRIC Superbike และยูทูบ Chang International Circuit