YAMALUBE YART YAMAHA EWC Official Team ลุยศีกเวิลด์เอ็นดูรานซ์ ตั้งเป้าครองโพเดียม Suzuka 8 Hrs

YAMALUBE สุดยอดน้ำมันเครื่องสนับสนุนแฟคทอรี่ทีมลงแข่งขัน

ยามาฮ่ามีความภูมิใจที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในฤดูกาลที่จะลงชิงชัยในการแข่งขัน Endurance World Championship (EWC) ที่เป็นศักดิ์ศรีของทุกค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ในสนามเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกในรายการ EWC อย่าง “Coca-Cola” Suzuka 8 Hours Endurance Road Race ซึ่งปีนี้นับเป็นการแข่งขันครั้งที่45 นับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมาของเกมเอ็นดูรานซ์บนสนาม Suzuka ของญี่ปุ่น และนอกจากการจัดตั้งทีมพิเศษในฐานะทีมแฟคทอรี่ ที่จะดึงตัวนักแข่งชั้นนำของ YAMAHA มารวมทีมเพื่อร่วมชิงชัยเป็นกรณีพิเศษแล้ว ในฐานะทีมหลักที่ชิงชัยในรายการ EWC ของ YART ก็จะต้องร่วมแข่งขันในสนามสุดพิเศษนี้

โดยวางเป้าหมายที่จะมีผลงานยืนบนโพเดียมในเกมนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ค่อนข้างยากสำหรับทีมแข่งใน EWC ทั้งหมด ที่จะต้านทานทีมแฟคทอรี่เฉพาะกิจของแต่ละค่ายรถญี่ปุ่น รวมถึงทีมชั้นนำของญี่ปุ่นที่รวมตัวมาร่วมแข่งขันในเกมนี้ เหตุผลหนึ่งนั้นเพราะแนวทางในการแข่งขันในที่นี้หมายถึง สไตล์การแข่งใน Suzuka 8 hrs. นี้ก็คือ การเซ็ตรถแข่งที่ต้องเน้นความเร็วสูงสุดแบบเดียวกับการแข่งขัน WorldSBK เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ต้องแข่งขันกันในความที่แปดชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากพื้นฐานของรถแข่งส่วนใหญ่ของฝั่ง EWC ที่จะเน้นความทนทาน ความอึดของรถแข่งเป็นสำคัญเพราะโดยมากจะชิงชัยกันในแบบ เอ็นดูรานซ์ 12 หรือ 24 ชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนี่คือความท้าทายของ YART ที่จะตั้งเป้าแทรกขึ้นไปมีตำแหน่งบนโพเดียมที่นี่

ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าเก็บแต้มสะสมให้มากที่สุดในกลุ่มทีมแข่งหลักของรายการ EWC ด้วยกันเพื่อลุ้นคว้าตำแหน่งแชมป์โลก ด้วยเหตุนี้รถแข่ง YZF-R1 ที่จะใช้ในเกมนี้ จึงได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคและเทคโนโลยีเพิ่มเติมจาก YAMAHA Motor เพื่อลุ้นความท้าทายที่จะทำผลงานที่ดีที่สุดใน Suzuka 8 Hrs. และในโอกาสนี้ทางทีมจึงได้ใช้รถแข่งที่มีสีสันแตกต่างไป โดยจะมีลวดลาย โลโก YAMALUBE ที่เป็นน้ำมันอย่างเป็นทางการของ YAMAHA นั่นเอง ขณะที่ในส่วนของนักแข่งที่จะควบ YZF-R1 ลงชิงชัย จะประกอบไปด้วย Niccolò Canepa จาก Italy, Marvin Fritz จาก Germany, และ Karel Hanika จาก Czech Republic โดยมี Mandy Kainz รับบทบาท team manager เช่นฤดูกาลปกติ

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ #69ปียามาฮ่ามอเตอร์
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaEWC2024
#YamahaFactoryRacingTeam
#YAMALUBE #YAMALUBEYART

โปรเจ็คพิเศษ Ducati Diavel for Bentley

Ducati Diavel for Bentley ผลิตอย่างปราณีตบรรจงประดุจงานศิลป์ด้วยจำนวนจำกัด

Ducati Diavel for Bentley Exclusivity , Performance, Craftsmanship สามคำจำกัดความ ที่ระบุถึงความพิเศษของรถรุ่นพิเศษที่เลิศด้วยพิเศษทั้งคุณค่าสมรรถนะและงานฝีมือในการสร้างสรรค์ ที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง500คัน ของสปอร์ตครุยเซอร์สมรรถนะสูงจากฝั่งโรงงานโบโลญญ่าอย่าง Ducati Diavel ที่จับมือกับค่ายรถยนต์แบรนด์สุดหรูจากฝั่งอังกฤษอย่างBentley ที่ปรับเสริมขึ้นมาจากพื้นฐานรถเดิมๆอย่างDiavel V4

อย่างไรก็ตามสำหรับโปรเจ็คพิเศษ Ducati Diavel for Bentley นี้จะมีสองแพลน คือ 500+50 จากเดิมที่บอกว่ามีจำกัด500คัน จะเป็นเวอร์ชั่นสำหรับลูกค้าDucatiทั่วไป กับรุ่นที่เรียกว่า Bentley Batur ที่เป็นชื่อของรถประเภทคูเป้ของค่ายรถอังกฤษที่จะนำ Diavel V4 ไปทำการปรับแต่งด้วยมือภายในโรงงานCreweของBentleyที่จะจำกัดจำนวน 500คันตามทีทกล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ และจะมีที่พิเศษแต่จะสงวนไว้เฉพาะกลุ่มลูกค้าของ Bentley กับโปรเจ็คย่อยที่เรียกว่า Bentley Mullinerที่จะผลิตอย่างปราณีตบรรจงประดุจงานศิลป์ด้วยจำนวนเพียง50คัน ที่จะทยอยผลิตออกมาตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าเท่านั้น

ดังนั้นในโปรเจ็ค Ducati Diavel for Bentley ที่จะนำเสนอนี้จึงเป็นภาพของการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถคูเป้อย่าง Bentley Batur ที่มีโทนสีเขียว ชิ้นงานปราณีตเนียนโดยสีเขียวที่ใช้นี้กล่าวได้ว่าเป็นโทนสีนิยมของรถแข่งชั้นนำจากประเทศอังกฤษดังนั้น Diavel เวอร์ชั่นนี้จึงมาด้วยโทนสีเขียวเป็นหลักนั่นเอง

โดยในส่วนของโครงสร้างแชสซีและชิ้นส่วนองค์ประกอบของรถจักรยานยนต์ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยพวกเขาบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบมาจากรถคูเป้อย่าง Bentley Batur ขณะที่ไฮไลท์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่น่าสนใจเป็นไฮไลท์ของรถที่พัฒนาอัพเกรดมรติดตั้งกับรถคันนี้ก็ได้แก่ Integrated Turn-by-Turn navigation ที่เป็นระบบนำทางturn by turn navigation system ที่ติดตั้งรวมอยู่ในชุดเรือนไมล์ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมาจากโรงงาน มีการเลือกใช้เบาะนั่งเดี่ยวแบบถอดได้พร้อมกับส่วนท้ายเป็นเบาะเดี่ยวแบบถอดได้ มีเบาะนั่งผู้โดยสารเป็นอุปกรณ์เสริม ติดตั้งไฟ LED เมทริกซ์โดยส่วนของไฟท้ายเมทริกซ์ LED แสดงภาพเคลื่อนไหวโดยเฉพาะเมื่อกดปุ่ม

ปุ่ม  ที่ด้านข้างของรถจักรยานยนต์ มีแผ่นป้ายบอกหมายเลขเฉพาะของคันที่ผลิต ปลายท่อไอเสียแบบ four-exit silencer ที่ไม่อาจละเลยรายละเอียดไปได้ด้วยท่อเก็บเสียงสี่ทางออกที่มาพร้อมฝาปิดปลายท่อและฝาครอบคาร์บอนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

ล้อฟอร์จูนForged wheels ด้วยสี Dark Titanium Satin โดยทาง Centro Stile Ducati ร่วมมือกับนักออกแบบของ Bentley สร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Batur ซึ่งใช้เส้นแนวนอนเป็นหลักในมุมมองด้านข้าง สี Scarab Green หรูหราและประณีต เต็มไปด้วยเฉดสีเมทัลลิก  มุมมองทรวดทรงเส้นสายที่เฉียบขาดและดุดันของ Diavel V4 ยังได้รับการแก้ไขอย่างลึกซึ้งผ่านองค์ประกอบทางเทคนิค คุณลักษณะเฉพาะหลายประการของ Batur ถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆ ของจักรยานยนต์ ขอบล้อฟอร์จที่ออกแบบและสร้างขึ้นสำหรับรถจักรยานยนต์คันนี้ ทำให้นึกถึงรูปทรงของรถ และทาสีด้วยซาตินไทเทเนียมสีเข้ม ทำให้มองเห็นพื้นผิวที่ผ่านการกลึงบางส่วนได้ ช่องรับอากาศด้านข้างสะท้อนถึงกระจังหน้าแบบทูโทน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของบาตูร์ เครื่องแยกด้านหลังแบบสามเหลี่ยมหมายถึงองค์ประกอบที่สอดคล้องกันของรถ บังโคลนหน้า แฟริ่ง และมุมมองด้านบนของตัวถังทำให้นึกถึงซี่โครงบนฝากระโปรงหน้า ส่วนประกอบตัวถังรถหลายชิ้นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง (บังโคลน ฝาครอบไฟหน้า เครื่องยนต์ ฝาครอบท่อไอเสียและหม้อน้ำ แผงบังหม้อน้ำ แผงด้านข้าง ชิ้นส่วนท้าย) เบาะนั่งของผู้ขี่หุ้มด้วยหนัง Alcantara สีดำได้รับแรงบันดาลใจจากการตกแต่งภายในของรถ โดยได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยเผยให้เห็นผ้าสีแดงที่อยู่ด้านล่างซึ่งมีพื้นผิวแบบเดียวกับเบาะนั่ง Batur และมีโลโก้ของ Bentley ปักอยู่บนเบาะด้านหลัง ท่อไอเสียคู่พร้อมฝาปิดได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับเส้นสายที่ประณีตของDiavel เวอร์ชั่นนี้ Diavel สำหรับ Bentley ก็เหมือนกับรถสะสมอื่นๆ ของ Ducati โดยจะมาพร้อมกับใบรับรองผลิตภัณฑ์ของแท้ เบาะนั่งผู้โดยสาร และผ้าคลุมรถมอเตอร์ไซค์ ชื่อของรุ่นและหมายเลขการผลิตของยูนิตถูกสลักไว้ การส่งมอบ Diavel ใหม่

สำหรับกำหนดการส่งมอบให้กับลูกค้าจะเริ่มจัดส่งได้ในฤดูร้อนปี 2567

โดยราคาในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 70,000 ดอลลาร์สำหรับ Diavel for Bentley และ 90,000 ดอลลาร์สำหรับ Diavel for Bentley Mulliner ซึ่งพื้นฐานรายละเอียดของตัวรถมีข้อมูลดังนี้

 

Engine Type

V4 Granturismo, V4 – 90°, 4 valves per cylinder, counter-rotating crankshaft, Twin Pulse firing order, liquid cooled

Displacement

1,158 cc (71 cu in)

Bore x Stroke

83 mm x 53.5 mm

Compression Ratio

14.0:1

Power

168 hp (124 kW) @ 10,750 rpm

Torque

12.8 kgm (126 Nm, 93 lb ft) @ 7,500 rpm

Fuel Injection

Electronic fuel injection system, Øeq 46 mm elliptical throttle bodies with Ride-by-Wire system

Exhaust

Stainless steel exhaust muffler with 4 exit pipes, 2 catalytic converters and 4 lambda probes

Gearbox

6 speed with Ducati Quick Shift up/down

Primary drive

Straight cut gears; Ratio 1.80:1

Ratio

1°=40/13, 2°=36/16, 3°=34/19, 4°=31/21, 5°=29/23, 6°=27/25

Final drive

Chain, front sprocket z16, rear sprocket z43

Clutch

Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

Frame

Aluminium monocoque frame

Front suspension

Ø 50 mm fully adjustable usd fork

Front Wheel

Light alloy forged and machined, 3,5″ x 17″

Front Tyre

Pirelli Diablo Rosso III, 120/70 ZR17

Rear suspension

Fully adjustable monoshock, aluminium single-sided swingarm

Rear Wheel

Light alloy forged and machined, 8,0″ x 17″

Rear Tyre

Pirelli Diablo Rosso III, 240/45 ZR17

Wheel Travel (Front/Rear)

120 mm / 145 mm (4.7 in / 5.7 in)

Front Brake

2 x Ø 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Stylema monobloc 4-piston calipers, radial master cylinder PR16/19, Cornering ABS

Rear Brake

Ø 265 mm disc, Brembo 2-piston floating caliper, Cornering ABS

Instrumentation

5″ TFT colour display

Seat Height

790 mm (31.1 in)

Wheelbase

1,593 mm (62.7 in)

Rake

26°

Trail

112 mm (4.4 in)

Fuel Tank Capacity

20 l (5.3 US gal)

Number of Seats

2

Safety Equipment

Riding Modes, Power Modes, Cornering ABS, Ducati Traction Control, Ducati Wheelie Control, Daytime Running Light, Ducati Brake Light

Standard Equipment

Ducati Quick Shift, Ducati Power Launch, Cruise control, Hands-Free, 5″ TFT colour display, Ducati Multimedia System, Turn-by-turn navigation system, Backlit handlebar switches, Full-LED lighting system, Dynamic turn indicators, Key-on animation for rear light, Forged wheels, Carbon fibre parts, Alcantara seat

Provided Equipment

Alcantara passenger seat, Motorcycle cover, Wooden delivery box, Certificate of authenticity

Warranty

24 months, unlimited mileage

Maintenance service intervals

15,000 km (9,000 miles) / 24 months

Valve Clearance Check

60,000 km (36,000 miles)

Standard

Euro 5

CO2 Emissions

154 g/km

Consumption

6.4 l/100km

 

BMW R1300 GS รุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์

อัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์

ถึงคราวอัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์และทัวรริ่งอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยการเปิดไลน์อัพใหม่ ใหญ่กว่าเดิม พร้อมนิยามที่ว่า Next Level GS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ และ ระบบกันสะเทื นใหม่ แถมยังได้รับการลดน้ำหนักในส่วนต่างพร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถรอบตัว  และจะขาดไม่ได้ก็คือ จิตวิญญาณของความเป็นGS หรือ Spirit OF GS

ถูกต้องแล้วนี่คือเรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์ที่ว่ากันว่าเป็นเวอร์ชั่นดีที่สุดเท่าที่มีมากับโมเดลล่าสุดที่เปิดตัวมาในชื่อ R1300GS จาก BMW Motorrad  ที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทาง ทุกโค้งทุกเส้นทางลาดเอียงขึ้นเนินไต่ที่ลาดชันแม้ ต่เส้นทางออฟโรดทุรกันดานสมบุกสมบันก็พร้อมฝ่าฟันด้วยพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพตามวิถีทางหรือตามแนวทางที่เป็นไปของรถในรหัสGSนี้

BMW R 1300 GS เวอร์ชั่นใหม่ The Next Level GS มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ใหม่และระบบกันสะเทือนใหม่ พร้อมน้ำหนักที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดและเพิ่มความสามารถของ GS ในทุกด้าน

ด้วยการปรับปรุงเสริมสร้างความเป็น Next Level GS ของBMW Motorrad ในครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่านี่คือการก่อตั้งเซ็กเมนต์ใหม่ของรถสไตล์ TouringEnduro ที่เข้ามาสร้างมิติใหม่ในการขับขี่เพิ่มเสริมประสบการณ์ใหม่ๆจากแบบทัวริ่ดั้งเดิมของรถตระกูลGSที่สืบสานมากว่าสี่ทศวรรษที่แล้ว ด้วยรุ่นริเริ่มอย่าง R 80 G/S BMW GS พร้อมเครื่องยนต์ Boxer เป็นผู้นำอย่างไม่มีข้อโต้แย้งในด้านการแข่งขันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนี้จะยังคงอยู่ในอนาคต BMW Motorrad ได้เลือกใช้การออกแบบใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับ R 1300 GS ใหม่ โดยลดน้ำหนักได้อย่างน่าประทับใจถึง 12 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่เคยผลิตออกมา

หัวใจสำคัญของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบระดับตำนาน ที่ได้รับการออกแบบใหม่มีขนาดกะทัดรัดกว่าที่เคยด้วยกระปุกเกียร์ที่อยู่ใต้เครื่องยนต์และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่ จากขนาด 1,300 ซีซีพอดี ให้กำลัง 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที นี่ทำให้เป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของ BMW ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์นี้

มาดูที่กึ่งกลางของระบบกันสะเทือนแบบใหม่คือโครงหลักที่เป็นแผ่นโลหะที่ทำจากเหล็ก ซึ่งนอกจากจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมากในแง่ของพื้นที่การติดตั้งแล้ว ยังให้ระดับความแข็งที่สูงกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย สำหรับเฟรมด้านหลัง โครงสร้างเหล็กท่อแบบเดิมได้ถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแล้ว ในส่วนของ new EVO Telelever front wheel guideใหม่พร้อมองค์ประกอบที่ยืดหยุ่นให้ตัวได้และ EVO Paralever rear wheel guide ที่ปรับปรุงใหม่ ยังให้ความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวและมีความเสถียรในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

New electric Dynamic Suspension Adjustment(DSA) เป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้ดี มาพร้อมการปรับอัตราหน่วงและสปริงแบบไดนามิก และยังมีการชดเชยน้ำหนักบรรทุกอีกด้วย โดยระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์ Dynamic ESA Next Generation รุ่นก่อนหน้านั้นมอบความปลอดภัยในการขับขี่ระดับสูงและความสนุกสนานในการขับขี่บนภูมิประเทศที่หลากหลาย ด้วยการปรับระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกdynamic adjustment of the damping  และที่พักสปริงแบบปรับได้ที่ด้านหลัง adjustable spring rest at the rear การปรับช่วงล่างแบบไดนามิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (DSA) ใหม่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยผสมผสานการปรับแบบไดนามิกของโช้คอัพหน้าและหลังเข้ากับการปรับอัตราสปริง (“ความแข็งของสปริง”) ที่สอดคล้องกัน – ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก สภาพการขับขี่ และ สถานการณ์การขับขี่ การปรับส่วนที่เหลือของสปริงโดยอัตโนมัติช่วยให้มั่นใจได้ถึงการชดเชยโหลด ทำให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นบนทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว เป็นคู่ หรือบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ DSA รับประกันความปลอดภัย สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก

การควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์เสริมในอดีต

เมื่อใช้งานร่วมกับ DSA ที่เป็นอุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกสองรายการให้เลือกใช้สำหรับระบบกันสะเทือนของ R 1300 GS ใหม่: ระบบควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้ใหม่และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต

ด้วยการควบคุมความสูงของตัวรถแบบปรับได้ R 1300 GS ใหม่ให้การปรับความสูงของยานพาหนะโดยอัตโนมัติโดยสมบูรณ์โดยขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ดังนั้นจึงรับประกันความสบายสูงสุดที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องกระทบต่อไดนามิกในการขับขี่และอิสระในการพลิกตัว

ด้วยระยะสปริงที่เพิ่มขึ้น 20 มม. ที่ด้านหน้าและด้านหลัง และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่แข็งแกร่งซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ GSที่ช่วยให้ ผู้ขับขี่แบบออฟโรดจึงได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี

โหมดการขี่สี่โหมดเป็นมาตรฐานแล้ว โหมดการขับขี่ “Enduroเพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น
แม้จะเป็นแบบมาตรฐาน แต่ R 1300 GS ใหม่ก็มีโหมดการขี่สี่โหมดมากกว่าสามโหมดเพื่อปรับให้เข้ากับความชอบของผู้ขับขี่แต่ละคน โหมดการขี่ “Rain” และ “Road” ช่วยให้สามารถปรับลักษณะการขี่ให้เข้ากับสภาพถนนส่วนใหญ่ได้ ด้วยโหมดการขี่ “Eco” คุณสามารถบรรลุระยะสูงสุดด้วยการใช้น้ำมันเพียงถังเดียว ในขณะที่โหมดการขี่เพิ่มเติม “Enduro” ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขี่บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยด้วยการตั้งค่าเฉพาะสำหรับการใช้งานออฟโรด

นอกจากโหมดการขี่แล้วยังมีระบบช่วยขับขี่พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) และคำเตือนการเปลี่ยนเลน (SWW) เพื่อการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

BMW R 1300 GS ใหม่ มาพร้อมตัวเลือก Riding Assistant ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบ Active Cruise Control (ACC), Front Collision Warning (FCW) และ Lane Change Warning (SWW) สามารถใช้ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC) พร้อมระบบควบคุมระยะห่างในตัวเพื่อตั้งค่าความเร็วในการขับขี่ที่ต้องการและระยะห่างจากรถคันหน้า ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) พร้อมระบบเบรกได้รับการออกแบบเพื่อป้องกันการชนและช่วยลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบเตือนการเปลี่ยนเลนจะตรวจสอบเลนซ้ายและขวา และสามารถช่วยรับประกันการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัยในขณะที่รองรับการใช้กระจกหลัง

R 1300 GS ใหม่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งมีพื้นฐานมาจาก GS flyline แบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความกะทัดรัดและการลดน้ำหนักลงอย่างมาก

ด้วยถังเชื้อเพลิงอะลูมิเนียมแบบใหม่ที่มีทางลาดเรียบกว่ารุ่นก่อนมาก ฟลายไลน์มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อรูปลักษณ์ที่ไดนามิก เบา และเข้าถึงได้ของ R 1300 GS ใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความสปอร์ตและไดนามิกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการใช้พื้นผิวที่ต่อเนื่องกันในฝาปิดตรงกลางถังน้ำมันเชื้อเพลิง

 

รุ่นพื้นฐานของ BMW R 1300 GS ใหม่รวบรวมสิ่งที่ทีมพัฒนาของ BMW Motorrad มอบให้ตำนาน GS ได้อย่างสมบูรณ์แบบ: การจัดเรียงส่วนประกอบที่กะทัดรัด ฟังก์ชั่นระดับสูงของอุปกรณ์ และทุกสิ่งที่เน้นไปที่สิ่งสำคัญ R 1300 GS ใหม่มีรูปลักษณ์ที่ดูล่ำสันและผสานเข้ากับธีม Boxer GS ในสไตล์ดั้งเดิมด้วยการใช้สีขาวสว่างร่วมกับเส้นที่วาดอย่างเฉียบคมและรูปลักษณ์ที่สะอาดตา กล่าวได้ว่านี่คือ เรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์จากBMW Motorrad ที่ถูกพัฒนามาเพื่อให้เป็นรถที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในแบบทัวริ่งและออฟโรดอย่างแท้จริง  โดยสเปคพื้นฐานของตัวรถมีข้อมูลสเปคดังนี้

Specifications/Technical Details

Engine

Rated output

145 hp at 7,750 rpm

Emission control

Closed-loop 3-way catalytic converter

Type

Air/liquid-cooled four-stroke flat twin engine with double overhead and chain driven camshafts (BMW ShiftCam) and balance gear wheels

Bore x stroke

106.5 mm x 73 mm

Capacity

1,300 cc

Max. torque

109 lbs-ft 6,500 rpm

Compression ratio

13.3 : 1

Mixture control

Electronic intake pipe injection

Exhaust emission standards

EU 5

Performance / fuel consumption

Maximum speed

over 200 km/h

Fuel consumption per 100 km based on WMTC

4.8 l

CO2 emission based on WMTC

110 g/km

Fuel type

Super unleaded, 95 ROZ/RON; adaptive fuel quality regulation, 91-98 ROZ/RON

Electrical system

Alternator

Three-phase alternator with 650 W (nominal power)

Battery

12 V / 10 Ah, maintenance-free Lithium-ion battery

Power transmission

Clutch

Wet clutch, anti-hopping clutch, hydraulically operated

Gearbox

Claw-shifted 6-speed gearbox

Drive

Cardan

Traction control

BMW Motorrad DTC

THE PACESETTER #SPIRITOFGS

Chassis / brakes

Frame

Two-part frame concept consisting of main frame and rear frame bolted to it, co-supporting engine

Front wheel location / suspension

BMW Motorrad EVO-Telelever, handlebar tilting decoupeled via flex element, central shock absorber

Rear wheel location / suspension

BMW Motorrad EVO-Paralever, cast aluminium single-sided swingarm, transversal connected swing arm bearings, central WAD spring strut, spring preload fully adjustable

Suspension travel, front / rear

190 mm / 200 mm

Wheelbase

1,518 mm

Castor

112 mm

Steering head angle

63.8 °

Wheels

Aluminium cast wheels

Rim, front

3.00 x 19“

Rim, rear

4.50 x 17“

Tire, front

120/70 R19

Tire, rear

170/60 R17

Brake, front

Twin disc brake, semi-floating brake discs, diameter 310 mm, 4-piston radial brake caliper

Brake, rear

Single disc brake, diameter 285 mm, 2-piston floating caliper

ABS

BMW Motorrad Full Integral ABS Pro (lean angle optimized)

Dimensions / weights

Seat height at unladen weight

33.5″

Inner leg curve at unladen weight

1,900 mm

Usable tank volume

19 l

Reserve

approx. 4 l

Length

2,212 mm (over splash guard)

Height

1,406 mm (above windshield)

Width

1,000 mm (over hand guard)

Unladen weight, road ready, fully fuelled

237 kg

1)

Permitted total weight

465 kg

Payload (with standard equipment)

228 kg

YAMAHA REV N RIDE ยามาฮ่าจัดกิจกรรมเอาใจสายฝุ่นกับ YAMAHA REV N RIDE บุกป่าฝ่าดงพิชิตผา UFO กับ WR155R สนุกกับเส้นทาง

 เปิดประสบการณ์การขับขี่กับรถสไตล์เอ็นดูโร่ให้กับชาวยามาฮ่า

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟเอาใจลูกค้า YAMAHA WR155R จัดกิจกรรม YAMAHA REV N RIDE # Journey เปิดประสบการณ์การขับขี่กับรถสไตล์เอ็นดูโร่ให้กับชาวยามาฮ่าได้ออกมาใช้ชีวิตให้สนุกกับทุกเส้นทาง โดยกิจกรรมในครั้งนี้ยามาฮ่าเปิดรับชาว WR155R จำนวน 30 ท่าน ลงทะเบียนผ่าน Facebook : Yamaha Society Thailand โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการร่วมกิจกรรม

กิจกรรมนี้นัดรวมตัวกันที่ครัวปากดี โดยเมื่อเหล่าสมาชิกมากันอย่างพร้อมเพรียงก็เตรียมตัวออกเดินทางกับเส้นทางที่ตื่นตาตื่นใจ กับการท่องเที่ยวด้วย WR155R พร้อมพาตะลุยผา UFO โดยตลอดเส้นทางมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก YRA คอยดูแล และคอยช่วยเหลือชาว WR155R ตลอดเส้นทาง พร้อมจัดกิจกรรมลับ ให้ได้ลุ้น ได้เสียว ได้สนุก เพื่อพิชิตภารกิจลุ้นรางวัลตลอดเส้นทาง

เสร็จจากความมันส์แบบไร้ขีดจำกัด ก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก ณ วิวเหนือแคมป์ เขายายเที่ยง พร้อมกิจกรรมแคมปิ้งปาร์ตี้ ดื่มด่ำกับอาหารค่ำ และบรรยากาศที่สวยงาม ขาดไม่ได้กับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้ได้ร่วมเล่นเกมส์ และสร้างมิตรภาพ

“ก้อง-สมเกียรติ” แซงระห่ำ 11 คัน คว้าท็อป 6 ซัคเซนริง

“ก้อง-สมเกียรติ” ขยับรั้งอันดับ 8 ของโลก โมโตทู 2024

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดขวัญใจชาวไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่สนามนี้ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 17 จากการแข่งขันทั้งสิ้น 25 รอบสนาม เริ่มต้นเรซได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว และต่อสู้กับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ เก็บ 11 คันรวด ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 6 เก็บเพิ่ม 10 คะแนน ขยับขึ้นรั้งอันดับ 8 บนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 56 คะแนน

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 ที่ลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลในปีแรก ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ จบด้วยการคว้าอันดับที่ 22 ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายที่จะปลดล็อกคว้าแต้มในสนามต่อไป

ทั้งนี้คิวดวลความเร็วสนามถัดไปในสนามที่ 10 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคมนี้ ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร ในรายการ บริติช กรังด์ปรีซ์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี แบบเต็มฤดูกาล พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #GermanGP

ศึกสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย ปิดฉากสนาม 3 ยิ่งใหญ่!

“บอล-จักรกฤษณ์” พลิกขึ้นจ่าฝูงคะแนนสะสม

ศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดในไทย “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” สนาม 3 เข้มข้นเร้าใจ โดยสถานการณ์ลุ้นแชมป์พลิกผัน “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงหลังบิดคว้าชัยชนะในรุ่นใหญ่ ขณะที่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส เข้าวิน ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ด้าน 2 นักบิดเซเลบคนดัง “ดีเจปอ” นันทชัย เตชะศรีวิเชียร และ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช ได้ฉลองโพเดียม สุดประทับใจ

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567

ไฮไลต์ของสุดสัปดาห์นี้อยู่ที่การลุ้นแชมป์ในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ซึ่งจ่าฝูงอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ไม่สามารถลงแข่งขันได้ หลังพลาดล้มจนได้รับบาดเจ็บในการซ้อม

โดยผลในเรซนี้ปรากฏว่า “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม บิดนำม้วนเดียวจบคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 19 นาที 40.424 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วริทธิ์ ทองนพคุณ ทีมเมทรุ่นน้องถึง 6.557 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี จาก ยามาฮ่า บริดจสโตน อนุชา เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 6.821 วินาที จากการที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ พลาดลงบิดสนามนี้ ส่งผลให้ “บอล” จักรกฤษณ์ ขยับขึ้นเป็นจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสม ขึ้นแท่นลุ้นแชมป์ประจำปี เรซส่งท้ายในกันยายนนี้

ด้านผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่า ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ ดิเรก ทีม คว้าชัยด้วยเวลา 20 นาที 8.605 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ออ ปิตะบุตร จอมเก๋าจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ เพียง 1.116 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ สิรภพ พูลศรี จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.341 วินาที

หนึ่งในประเด็นน่าสนใจของสนามนี้คือการเดินหน้าสร้างผลงานดีต่อเนื่องในการแข่งขันระดับชิงแชมป์ประเทศไทยของ “ดีเจปอ” นันทชัย เตชะศรีวิเชียร จาก จิคาระ ลิควิ โมลี เรซซิ่ง ทีม ในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี (ST3) ที่บิดคว้าอันดับ 2 มาครอง ได้ขึ้นโพเดียมอีกครั้ง ส่วน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช บิดคว้าอันดับ 3 ในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB2)

ขณะที่ผู้ชนะในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ได้แก่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ด้วยเวลา 20 นาที 21.038 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ถึง 0.687 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ ภาสกร แสนหลวง จาก สปีด800 ยัวซ่า ยามาฮ่า เรซซิ่ง ตามหลัง 14.240 วินาที

ทั้งนี้ ศึก แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ประจำปี จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

 

Plan-B Media BRIC Superbike ประชันคันเร่งสุดมันส์

“บอล-จักรกฤษณ์” เฉือนเสี้ยววินาทีคว้าโพลรุ่นใหญ่

ศึกซูเปอร์ไบค์อันดับหนึ่งของไทย รายการ “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” สนาม 3 ควอลิฟายเดือด เฉือนกันเสี้ยววินาทีทุกรุ่น พิสูจน์มาตรฐานนักบิดไทย โดยผลรุ่นใหญ่ปรากฏว่า “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม คว้าโพลไปครอง ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยดีกรีระดับโลกจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส บาดเจ็บจากการซ้อม ด้าน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ครองหัวแถว ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ก่อนลุ้นแชมป์วันอาทิตย์นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 เตรียมดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 โดยล่าสุดผ่านการจับเวลารอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ต

จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ได้รับบาดเจ็บจากการซ้อม ทำให้ไม่สามารถลงแข่งในรอบควอลิฟายได้ ส่งผลให้ตำแหน่งโพลตกเป็นของ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 37.339 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ เพียง 0.317 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี จาก ยามาฮ่า บริดสโตน อนุชา เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.520 วินาที ด้านนักบิดดาวรุ่งอย่าง วริทธิ์ ทองนพคุณ จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ได้ออกตัวจากกริดที่ 4 ตามหลัง 1.004 วินาที

ขยับมาดูผลควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่า นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส คว้าโพลไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.071 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ ดิเรก ทีม เพียง 0.004 วินาทีเท่านั้น ด้านกริดที่ 3 เป็นของ สิรภพ พูลศรี จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.543 วินาที

ส่วนผลในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เข้มข้นตั้งแต่การซ้อม โดยโพลโพซิชั่นในรุ่นนี้เป็นของ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.721 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ถึง 1.008 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ สุทธิภัทร พัชรีธร จาก สปีด800 ยัวซ่า ยามาฮ่า ตาตั้ม เรซซิ่ง ทีม ช้ากว่าหัวแถว 1.129 วินาที

ด้านผลควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ปรากฏว่า กันตภัทร แยบการไถ นักบิดดาวรุ่งจาก ไฮสปีด เรซซิ่ง คว้าโพลไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 46.666 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง คณาทัต ใจมั่น จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม เพียง 0.035 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง จาก สปีด800 ยัวซ่า ปอเรซซิ่ง เชียงใหม่ ตามหลังหัวแถว 0.0.614 วินาที

ขณะที่ผลควอลิฟายในรุ่นเล็กที่สุดอย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ตำแหน่งโพลตกเป็นของ พงศ์สถิต แสนหลวง ดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า บลู ครู ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 51.985 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง สวพล นิลพงษ์ จาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม เพียง 0.095 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ดรัณภพ ทองย้อย จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังหัวแถว 0.415 วินาที

ทั้งนี้ ศึก “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” สนาม 3 จะดวลความเร็วในรอบชิงชนะเลิศวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ รับชมถ่ายทอดสด ทาง True Sport 7 ช่อง 686 เวลา 14.30-17.15 น. หรือเพจ Chang Circuit Buriram / BRIC Superbike และ Youtube : Chang International Circuit ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป

ยิงสดทั่วอาเซียน สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL, เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM, กัมพูชา รับชมทางช่อง TV3 ส่วนช่องทางออนไลน์ รับชมผ่านทาง YouTube : TVB Thailand และ Application MVTV เวลา 14.30 – 17.15 น.

ร่วมเชียร์และลุ้นแชมป์ประเทศไทย โดยซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันที่นั่งแกรนด์แสตนด์ ราคา 100 บาท / 1 วัน ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น แกรนด์แสตนด์ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

พิเศษ ! เพียงซื้อบัตรชมการแข่งขัน Plan-B Media BRIC Superbike มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2024

 

โหมโรง! ศึกล่าแชมป์สองล้อประเทศไทย กระหึ่มสนาม 3 “แสตมป์-อภิวัฒน์” แรงต่อเนื่อง

แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 3 “แสตมป์-อภิวัฒน์” แรงต่อเนื่อง

ศึกสองล้อรายการใหญ่ที่สุดของไทย “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” ประเดิมสนามที่ 3 ด้วยสถานการณ์ร้อนระอุ โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยดีกรีระดับโลกจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ทะยานรั้งจ่าฝูงวันแรกในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ขณะ “ออ ปิตะบุตร” นักบิดจอมเก๋าจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ครองหัวแถว ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ด้าน “ต่อศักดิ์ นวลสาย” จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส เร็วสุดในคลาส ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ก่อนลุ้นเดือดสุดสัปดาห์นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 มีคิวดวลความเร็ว ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2567 โดยล่าสุดเข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยผ่านการซ้อมครั้งแรก ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่สุดเข้มข้นของนักบิดไทยและต่างชาติ และทีมแข่งชั้นนำมากมาย

ไฮไลต์ของสนามนี้ยังคงอยู่ที่เกมการลุ้นแชมป์ประจำปีของทุกรุ่น ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างมากที่นักบิดทุกคนพลาดไม่ได้ โดยผลการซ้อมในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ปรากฏว่าจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 36.308 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ถึง 1.298 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ตามหลัง 1.841 วินาที

ด้านผลการซ้อมวันแรกในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่า ออ ปิตะบุตร นักบิดจอมเก๋าจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.571 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ ดิเรก ทีม เพียง 0.088 วินาทีเท่านั้น อันดับ 3 เป็นของ นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ตามหลัง 0.174 วินาทีเท่านั้น

ส่วนผลซ้อมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ที่รวมดาวดังไว้หลายคน ปรากฏว่า ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.933 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ถึง 1.192 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ สุทธิภัทร พัชรีธร จาก สปีด800 ยัวซ่า ยามาฮ่า ตาตั้ม เรซซิ่ง ทีม

โดยสถานการณ์ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ปรากฏว่า “เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง จาก สปีด800 ยัวซ่า ปอเรซซิ่ง เชียงใหม่ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 47.200 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม เพียง 0.032 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นนักบิดดาวรุ่งอย่าง กันตภัทร แยบการไถ จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง อีกคัน ตามหลังหัวแถว 0.535 วินาที

ขณะที่ผลการซ้อมในรุ่นเล็กที่สุดอย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี หัวแถวในวันแรกเป็นของ สวพล นิลพงษ์ จาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 52.508 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง สุทธิพจน์ พัชรีธร จาก ยามาฮ่า ไออาร์ซี ดีไอดี เฮง เอสสตรอง เอ็มเอ็มซี เน็กซ์เตอร์ สปีด800 ตาตั้ม เรซซิ่ง เพียง 0.456 วินาที อันดับ 3 เป็นของ พงศ์สถิต แสนหลวง ดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า บลู ครู ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.645 วินาที

ทั้งนี้ ศึก “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” สนาม 3 จะเข้าสู่โปรแกรมการควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ ก่อนดวลความเร็วในรอบชิงชนะเลิศวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมนี้

ร่วมเชียร์และลุ้นแชมป์ประเทศไทย โดยซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันที่นั่งแกรนด์แสตนด์ ราคา 100 บาท / 1 วัน ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น แกรนด์แสตนด์ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

พิเศษ ! เพียงซื้อบัตรชมการแข่งขัน Plan-B Media BRIC Superbike มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2024

รับชมถ่ายทอดสดการแข่งขัน “Plan-B Media BRIC Superbike 2024” สนามที่ 3 ได้ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. ทาง True Sport 7 ช่อง 686 เวลา 14.30-17.15 น. หรือเพจ Chang Circuit Buriram / BRIC Superbike และ Youtube : Chang International Circuit ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป

ยิงสดทั่วอาเซียน สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL, เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM, กัมพูชา รับชมทางช่อง TV3 ส่วนช่องทางออนไลน์ รับชมผ่านทาง YouTube : TVB Thailand และ Application MVTV เวลา 14.30 – 17.15 น.

“ก้อง-สมเกียรติ” ผงาดจ่าฝูงโมโตทู ทุบสถิติต่อเนื่อง ซ้อมวันแรก ที่ ซัคเชนริง

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” ยกระดับผลงานต่อเนื่องในการซ้อมวันแรก ผงาดขึ้นนำจ่าฝูง ทุบสถิติใหม่เวลาต่อรอบของสนาม ซัคเชนริง ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 9 รายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา

“ก้อง-สมเกียรติ” ควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ทำผลงานร้อนแรงในการซ้อมวันแรก ด้วยการสร้างสถิติใหม่ของสนามทะยานขึ้นรั้งจ่าฝูง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 22.698 วินาที

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย รุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ รั้งอันดับ 25 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 27.620 วินาที

ทั้งนี้ 2 นักบิดไทยมีคิวลงซ้อมเพื่อจัดกลุ่มการควอลิฟายอีกครั้งช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ และแข่งขันรอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ก่อนจะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 16.00 น. โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #GermanGP

“ก้อง-สมเกียรติ” ทะยานท็อป 3 ซ้อมแรก โมโตทู สนาม 9 ซัคเซนริง

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ผลงานร้อนแรงต่อเนื่อง รั้งท็อป 3 การซ้อมครั้งแรกของศึก โมโตทู 2024 สนาม 9 รายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ด้วยการควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 กดเวลาต่อรอบ 1 นาที 23.423 วินาที ตามหลังจ่าฝูงอย่าง เพียง 0.076 วินาทีเท่านั้น ส่งสัญญาณที่ดีในการไล่ล่าโพเดียมแรกของปีนี้ที่ ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เริ่มต้นการซ้อมครั้งแรกในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ได้ดี รั้งอันดับ 23 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 28.110 วินาที ตามหลังหัวแถว 2.172 วินาที

ทั้งนี้ 2 นักบิดไทยมีคิวลงซ้อมเพื่อจัดกลุ่มการควอลิฟายในวันศุกร์นี้ ก่อนจะจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 16.00 น. โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #GermanGP

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมสุดมันส์เอาใจ สาวกชาว Tenere 700 ที่หลงใหลกิจกรรม Adventure

เพิ่มดีกรี ความมันในการขับขี่ด้วยรูปแบบการแข่งขัน

YAMAHA OFFROAD CHAMPIONSHIP 2024

สาวกชาว YAMAHA Riders club ที่เป็นสาย Dirt รวมตัวจากพนัธมติรจากทุกสารทิศมุ่งสู่สนามแข่งทางฝุ่นร่วมดวลคันเร่ง ทั้งสายแข็ง มือใหม่ และ สายฮามากันครบ นอกจากนี้ยังมีผู้สนับ สนุนที่มาออกบูธกิจกรรมให้กับเหล่าสมาชิกเล่นเกมส์ชิงรางวัลกัน อย่างสนุกสนาน ช่วงเช้ารวมตัวกันที่ Sam’s Canyon Enduro & Motocross Pranburi จ.ประจวบคีรีขันธ์ที่เป็นสถานสถานที่รองรับสาวกยามาฮ่า Tenere 700 ที่มารวมตัวกัน โดยจะทำการแข่งขัน 2 แบบที่มีการแข่งขันรุ่น
Mountain Track และรุ่น MX Track ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี จากชาว YAMAHA Riders club ที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง

ซึ่งบรรยากาศในการแข่งขันนั้นเหล่าสมาชิก YAMAHA Riders club ต่างสนุกสนานไปกับกิจกรรมที่ทางยามาฮ่าได้จัดให้ มีครบทุกรูปแบบให้กับสาวกทางฝุ่น ได้ลุยกัน ซึ่งงานไม่ใช่แค่ความ มันส์ของการแข่งขันเท่านั้น ยังเป็นการมิตติ้งของชาวเดิร์ท ที่ชื่น ชอบการขับขี่รถสไตล์ เอ็นดูโร่ออฟโรด เพื่อแลกเปลี่ย นประสบการณ์ สร้างคอมมูนิตี้ให้กว้างขึ้น เพราะรถสไตล์แอดเสนเจอร์เอ็นดูโร่ได้ รับความนิยมมากขึ้น YAMAHA Riders club จึงสร้างพื้นที่สำหรับ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันที่มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ทั้งนักแข่ง และ กองเชียร์ทาง YAMAHA Riders club ยัง ได้จักปาร์ตี้พร้อมมอบของ รางวัลให้กับเหล่าสมาชิก Tenere 700 ที่มาร่วมงานในกิจกรรมครั้งนี้

สามารถติดตามรายละเอียดความเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ
รวมถึงโปรโมชันสุดพิเศษของรถยามาฮ่า บิ๊กไบค์ได้ที่ Facebook : Yamaha Riders club Thailand

“ทิม ไกเซอร์” บิดยอดเดิร์ทไบค์ Honda CRF450R ยึดผู้นำตารางทิ้งแต้มห่าง MXGP สนามที่ 11 ที่อินโดนีเซีย

“ทิม ไกเซอร์” สังกัด Team HRC บิดสุดยอดเดิร์ทไบค์ Honda CRF450R หมายเลข 243 เริ่มเกมในเรซที่ 1 บิดขึ้นมารั้งในกลุ่มนำทันที และอยู่ในกลุ่มท็อปตลอดทั้งการแข่งขันก่อนที่จะเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3

สำหรับ เรซที่ 2 “ทิม ไกเซอร์” บิดทะยาน Honda CRF450 คว้าโฮลด์ช็อตได้ทันที ต่อสู้อย่างเข้มข้น และถูกปะทะจนล้มลงอย่างน่าเสียดาย บิดจบการแข่งขันในท็อป 5 ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในตารางแชมป์เปี้ยนชิพ 2024 อย่างต่อเนื่องด้วยคะแนนสะสม 555 แต้ม

โปรแกรมการแข่งขันศึก MXGP 2024 สนามที่ 12 ยังปักหลักแข่งขันกันต่อในลอมบอค ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะดวลกันในรายการ MXGP of Lombok ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม นี้