รถโชว์รูมที่ทุกคนซื้อได้ กับของแต่งที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก มาดูผลลัพธ์ของโมตาร์ดมีสไตล์ CRF250M RidingMag Project คิดง่าย ทำได้ทุกคน ถ้าหนทางมันใช่ งานตั้งใจจากนิตยสารไรดิ้งอีกชิ้นครับ
CB300F THE REAL NAKED SOUL เผยจิตวิญญาณที่แตกต่างอย่างตัวจริง
Honda CB300F รถสปอร์ตสายพันธุ์ใหม่ กับดีไซน์ที่มีความดุดันด้วยโครงสร้างแบบเปลือย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ The Naked Real Soul เผยจิตวิญญาณที่แตกต่าง…อย่างตัวจริงเรียกได้ว่าฮอนด้าสร้างความแตกต่างของการขับขี่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้นอีกระดับด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ที่ต่อยอดมาจากสายพันธุ์สปอร์ต เน้นการขับขี่ใช้งานได้อย่างคล่องตัว ซึ่งหลังจากเพิ่งจะเปิดตัว CBR300R ไปเพียงไม่นานและได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ฮอนด้าเดินหน้าตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงกับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดกับสไตล์ เน็คเก็ดไบค์ กับ CB300F
Honda CB300F ถือว่าเป็นรถสปอร์ตแบบเน็คเก็ดที่ได้รับการออกแบบให้มีโครงสร้างที่ดุดัน เผยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ที่โดดเด่นกับสรีระของด้านข้าง ปีกหม้อน้ำ ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นรถสไตล์เน็คเก็ด ด้วยการออกแบบตามหลักแอร์โรไดนามิกเพิ่มความโฉบเฉี่ยว กับมุมเหลี่ยมให้อากาศไหลผ่านได้อย่างรวดเร็ว ผสมผสานความลงตัวรับกับช่วงท้ายปราดเปรียวแบบสปอร์ต หน้าตาเข้มดุดันด้วยไฟหน้าแบบ V-SHAPE แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ส่องสว่างกระจายแสงได้กว้างไกล เรือนไมล์แบดิจิตอลแสดงผลบนจอ LCD แบบฟูลฟังก์ชั่น ครบครัน
ท่วงท่านั่งสง่างาม กับตำแหน่งการวางแฮนด์บาร์ยกระดับปรับองศาเข้าหาผู้ขับขี่ และรับกับชุดพักเท้าดีไซน์แบบสปอร์ตยกขึ้นสูงให้ขาสามารถหนีบเข้ากับถังน้ำมันได้อย่างกระชับ เบาะนั่งหนานุ่มและแต่งทรงเว้าเพื่อรับกับถังน้ำมัน การสวิตช์บนแฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ช่วงล่างที่เน้นความนิ่มนวลและการยึดเกาะพื้นผิวถนนง่ายต่อการควบคุม วงล้อแม็กอลูมินัมแบบสปอร์ต 5 ก้าน ระบบเบรก ABS เทคโนโลยีเดียวกับรถซูเปอร์ไบค์ แยกการทำงานอิสระ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ฮอนด้าจะนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์รุ่นต่อไปในอนาคต ใช้คาลิเปอร์หน้า 2 สูบ และหลังแบบสูบเดี่ยว โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค โช้คหลังโปรลิงค์เพื่อการรับแรงกระแทกที่นุ่มนวลในการเข้าโค้งและเพิ่มขนาดหน้ายางหลังที่ใหญ่กว่ารถสปอร์ตในพิกัดเดียวกัน เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 286 ซีซี DOHC 4 วาล์ว มาพร้อมกับระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ CBR300R ที่ถูกพัฒนาจากฐานเครื่องยนต์ของ CBR250R โดยที่ยังคงขนาดกระบอกสูบไว้ที่ 76 มม. แต่มีการปรับลดขนาดความยาวของก้านสูบให้สั้นลงจาก 112 มม. เหลือ 108 มม. ปริมาตรความจุที่เพิ่มขึ้นมาจากระยะชักของข้อเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น 8 มม. ลูกสูบเคลือบโมลิบดินัมลดแรงเสียดทานให้กำลังอัดถูกถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง ระบบส่งกำลังตั้งแต่การเสริมอันเดอร์สปริงเข้าไปรองชุดแผ่นคลัทช์ และใช้สปริงที่สั้นกว่าเดิมทำให้การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งกำลังจะยังคงส่งออกมาเต็มรอบเครื่องยนต์ สำหรับสีสันในสไตล์เน็คเก็ดไบค์ New CB300F มีให้เลือกเท่กับ 3 สี แดง ดำ และขาว เป็นแบบเรียบๆ ดูหรูหรา สปอร์ต โลดแล่นโดดเด่นได้บนท้องถนน
ความคิดเห็นนักทดสอบ
เขมรัฐ สุธรรมวาท
” CB300F สไตล์เน็คเก็ด เป็นลุคที่เน้นความเท่บึกบึนให้เห็นเด่นชัด รายละเอียดของตัวรถเท่าที่ดูแล้วแตกต่างจากตัว R เพียงแค่มิติในส่วนความสูง, ความกว้างของแฮนด์ และระยะห่างจากพื้น ที่เหลือทั้งเครื่องยนต์และโครงสร้างเป็นสเปคเดียวกับ CBR300R ครับ แปลกแต่จริง ทั้งที่ CB300F น้ำหนักเบากว่า CBR300R อยู่ 2 กก. และเป็นแฮนด์บาร์แต่เวลาจับจูงกลับรู้สึกถึงน้ำหนักของตัวรถที่ยังหน่วงๆ หนักๆ พอสมควร พอคร่อมขี่ก็พอจะรู้คำตอบว่าน่าจะมาจากความกว้างของแฮนด์ที่ไม่มากเท่าไรนัก เป็นแฮนด์บาร์ที่สั้นและไม่ย้อนมาหาคนขี่เท่าไร เวลาขี่ทำให้รู้สึกเกือบแขนตึงเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะเฉพาะของแฮนด์บาร์ที่วางบนแผงคอ ความสูงของมันทำให้ไม่ต้องก้มหมอบมากนัก จัดว่าสบายๆ การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็เป็นไปในลักษณะของความต่อเนื่องที่นุ่มนวล ซึ่งผมว่ามันเหมาะกับรถสไตล์นี้นะ 300 ซีซี เอาสมรรถนะและความเร็วไว้ใช้ในรอบสูงบนทางยาวๆ ส่วนที่รอบต่ำก็มีแรงบิดให้เรียกใช้ไม่ขาด และไม่ทำให้เครียดในการควบคุมครับ ถึงรูปทรงจะเป็นเน็คเก็ดแต่ก็ยังเป็นรถที่ขับขี่ได้กระชับ บาร์ท้ายทรงเท่จับได้กระชับดี ระบบเบรก ABS มีประโยชน์มากสำหรับความปลอดภัยในท้องถนน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการขับขี่สบายๆ สไตล์เน็คเก็ดครับ”
ความคิดเห็นนักทดสอบ
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
“ได้ทดสอบขับขี่ CB300F กับสไตล์เน็คเก็ดสปอร์ตไบค์ขนาด 300 ซีซี ที่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน CBR300R มันบ่งบอกได้ถึงความนิ่มนวลของรอบเครื่องยนต์ที่ควบคุมได้ง่าย ความต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์ในช่วงต้นให้การตอบสนองอัตราเร่งได้ดี สามารถบิดเติมได้ทุกรอบ ไม่ว่าจะแซง หรือต้องการเพิ่มความเร็ว ในส่วนของรอบปลายก็เดินได้ยาวด้วยการปรับอัตราทดชุดเกียร์ใหม่เอาไว้สำหรับการขับขี่ทางยาวๆ แบบมาได้เรื่อยๆ ตัวรถที่ถูกปรับมิติสรีระให้มีความเพรียวแต่ไม่ถึงกับแตกต่างกับ CBR300R มากนัก มีเพียงความสูงจากพื้น และกว้างของแฮนด์ที่เป็นบาร์ยกระดับและองศาที่ทำให้การควบคุมที่ง่ายด้วยท่วงท่านั่งหลังตรงแขนตึง แต่ไม่มีผลสำหรับการเลี้ยวแต่อย่างใดแถมยังลดอาการเมื่อยล้าถ้าต้องขับขี่เป็นเวลานาน ความปลอดภัยที่ให้มากับระบบเบรก ABS ถือว่า ทำงานได้อย่างมั่นใจกับความเร็วที่เกิน 100 กม./ชม. และอุปกรณ์เสริมที่จัดมาให้กับเรือนไมล์แบบดิจิตอล แสดงบนจอ LCD อ่านได้ง่ายและชัดเจน เรียกว่าครบครันพร้อมสำหรับการใช้งานจะในเมืองหรือเดินทางท่องเที่ยว”
สเปคข้อมูลเปรียบเทียบ
CBR300R
เครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC
4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 286 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76 มม.x 63 มม.
อัตราส่วนแรงอัด 10.7:1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transistorzed
ระบบการติดเครื่องยนต์ สตาร์มือ
ขนาด กว้างx ยาว x สูง 720 x 2,033 x 1,119 มม.
ระยะห่างจากพื้น 146 มม.
ความสูงของเบาะ 708 มม.
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล 25 00’ / 95 มม.
ความจุนำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร
เฟรม Dimond Twin-Spar Stell Frame
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิกขนาด 37 มม.
หลัง : โมโนโช้คแบบโปรลิงค์ปรับระดับได้ 5 ระดับ
น้ำหนักสุทธิ 163 กก.
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรก (ABS)
ล้อ ล้อแม็ก
ขนาดยาง หน้า : 110/70-17 M/C 54S แบบจุ๊บเลส
หลัง : 140/70-17 M/C 66S แบบจุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว
หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทน 91 ที่มีส่วนผสม
ของแอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%
CB300F
เครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC
4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 286 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76 มม.x 63 มม.
อัตราส่วนแรงอัด 10.7:1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transistorzed
ระบบการติดเครื่องยนต์ สตาร์มือ
ขนาด กว้างx ยาว x สูง 756 x 2,033 x 1,047 มม.
ระยะห่างจากพื้น 156 มม.
ความสูงของเบาะ 708 มม.
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล 25 00’ / 95 มม.
ความจุนำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร
เฟรม Dimond Twin-Spar Stell Frame
ระบบกันสะเทือน หน้า : เทเลสโคปิกขนาด 37 มม.
หลัง : โมโนโช้คแบบโปรลิงค์ปรับระดับได้ 5 ระดับ
น้ำหนักสุทธิ 161 กก.
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรก (ABS)
ล้อ ล้อแม็ก
ขนาดยาง หน้า : 110/70-17 M/C 54S แบบจุ๊บเลส
หลัง : 140/70-17 M/C 66S แบบจุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว
หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทน 91 ที่มีส่วนผสม
ของแอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%
M SLAZ NEW SMART NAKED BIKE
ออกตัวได้แรงแซงทุกกระแสจริงสำหรับรถจักรยานยนต์สุดเท่จากค่ายยามาฮ่า หลังจากที่เปิดตัวในงาน Motor Expo ด้วยการดีไซน์รูปทรงใหม่สะดุดทุกสายตาในสไตล์เน็คเก็ดไบค์ รับกับกระแสของวัยรุ่นที่ต้องการความเท่บนท้องถนนจากวันแรกที่เผยโฉมสู่สายตาของคนไทยทั่วประเทศ จนถึงวันนี้ Yamaha M SLAZ คือความเท่ ความสมาร์ท ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยยอดขายถล่มทลายรูปทรงกะทัดรัดให้ความคล่องตัว ท่านั่งกระชับและทำให้ดูเท่หลังตรงสัดส่วนกำลังดีไม่ใหญ่เทอะทะ แน่นอนทำให้ร้านขายอุปกรณ์และสำนักแต่งกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง ได้อวดไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นไกด์ไลน์ในการเริ่มแต่งรถ
และสำหรับ M SLAZ สีสันลวดลายเรซซิ่งประจำทีมแข่ง Yamaha Movistar MotoGP แชมป์ระดับโลกคนนี้ก็คือไอเดียการแต่งแบบสบายๆ ไม่โหดขนาดรัสเซีย เบาๆ บางๆ แต่ออพชั่นของเล่นแต่ละอย่างมาเต็มเน้นๆ ด้วยคุณภาพ เอาที่แจ่มๆ กับการพลิกบทบาทที่โดนใจวัยโจ๋กับการจับเอาโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับมาให้ตั้งแต่ออกจากโรงงาน เรื่องประสิทธิภาพไม่ต้องพูดถึงผ่านโรงงานประกอบแน่นอน ไฟหน้าดุดันแบบสองชั้น ไฟท้าย LED แถมด้วยแผ่นไฟดิสโก้ทำงานด้วยระบบสั่นสะเทือน มีไฟวิ่งสลับสีเห็นเด่นยามค่ำคืน
แฮนด์บาร์เดิมๆ ที่เพิ่มเติมคือชุดปั๊มเบรกแบรนด์ดังระดับไฮเอ็น brembo กระปุกลอย ก้านพับปรับสกรู เช่นเดียวกับก้านคลัทช์มาเป็นเซ็ทพับได้เช่นกัน ดิสก์เบรกหน้าคาลิเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ เดินสายไล่น้ำมันแรงดันด้วยสายถักหัวย้ำอลูมินัม ENERGUMEN ฝาถังน้ำมันแบบหมุนจาก M-TECH PART วงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว 10 ก้านเดินเส้นขอบสีขาวเพิ่มความโดดเด่น สวิงอาร์มแบบสปอร์ตทำงานร่วมกับโช้คอัพเดี่ยว Gazi ที่มีซับแทงค์แยกออกมา ดิสก์เบรกหลังจับห้อยล่างแบบเรซซิ่ง ใช้คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว brembo ท่อไอเสียรีดแรงม้าดันออกข้าง สำหรับเครื่องยนต์ 150 ซีซี ที่ให้ความจี๊ดจ๊าด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำอลูมินัม นอกจากนั้นสังเกตดีๆ น็อตสแตนเลสไดซ์สีรุ้งทั้งคัน
ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัดและมีปีกข้างหม้อน้ำเพิ่มความดุดัน ออพชั่นเสริมที่มีประสิทธิภาพคงเป็นไกด์ให้กับนักแต่งได้ไม่น้อย และคงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน
Kawasaki Z250 Up Size
ช่วงนี้รถสปอร์ตกำลังมาแรง แต่ก็มาควบคู่กับรถสไตล์เน็คเก็ดที่เป็นคู่หูดูโอ้ แฝดคนละฝา เน้นการใช้งานที่คล่องตัวแต่มีความโดดเด่นที่ชุดหน้าและปีกข้างหม้อน้ำที่ดูบึกบึนและท้ายที่เป็นแบบสปอร์ตผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
Kawasaki Z250 เน็คเก็ดไบค์ขนาดเล็กสเปคไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะไม่มีขายแล้วเพราะว่าอัพขึ้นมาเป็น 300 ซีซี แต่หน้าตาก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ฉะนั้นเพื่อความโดดเด่นที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ กับการปรับเติมเสริมแต่งด้วยออพชั่นจนกลายเป็นบิ๊กไบค์ขนาดกลาง ดูแล้วแข็งแรงเร้าใจและน่าสัมผัสกับความเท่ การเสริมออพชั่นของหนัก และสีสันที่คมเข้มมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าหลอดโปรเจ็คเตอร์ ชิ้นส่วนแฟริ่งหล่อขึ้นรูปด้วยงานเคฟล่าร์ที่เพิ่มให้ดูหล่อล่ำบึก ที่ถังน้ำมัน ตัวชิลด์หน้าเสริมยกสูงขึ้น แม้กระทั่งครอบปิดคาลิเปอร์เบรก ดูแตกต่างอย่างมีสไตล์ และเสริมอันเดอร์เคาริ่งล่างที่ดูเป็นสปอร์ตมากขึ้น ส่วนชุดหน้าจัดหนักกับ ระบบรับแรงกระแทกโช้คหน้า Up Side Down มาพร้อมชุดแผงคอใส่แบบเท่ตามรุ่นใหญ่ ดับเบิ้ลดิสก์เบรกหน้า คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ เรเดียลเม้าท์ ตัวปั๊มแรงดันกระปุกลอย ก้านเหรียญปรับระดับ แฮนด์บาร์ปลายติดกระจกมองหลัง ตัวเบาะนั่งที่แยกสองตอน ก็เล่นสีสันและลวดลายเย็บเน้นด้วยตะเข็บแดง พักเท้าเกียร์โยง ท้ายเปลือยโล่งย้ายไฟเลี้ยวลงมาติดอยู่ด้านใต้ ด้านหลังก็จัดเต็มกับชุดขับเคลื่อน กับชุดโปรอาร์มที่โดดเด่นฉีกแนวจากเดิม วงล้อแม็กตัว Y 10 ก้าน โช้คอัพหลังเดี่ยว ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว
ทางด้านของเครื่องยนต์ 2 สูบ 250 ซีซี ก็จัดไปเบาๆ พอจี๊ดจ๊าดกับท่อสูตร ออก 2 รวม 1 สวมด้วยปลายสั้น ลั่นๆ กันไป เพื่อเสริมกำลังกับของหนักที่เอาเข้ามาเสริมทั้งหน้าและหลัง ก็จัดว่าเป็นรถเน็คเก็ดไบค์ที่มีออพชั่นเท่ๆ ที่หล่อเกินหน้าเกินตาเวอร์ชั่นเดิมๆ
CRF250L 2014 ENDUROCROSS THAILAND CHAMPION
การแข่งขันรถจักรยานยนต์วิบากในปัจจุบัน มีการประยุกต์ดัดแปลงให้แตกต่างหลากหลายออกไปมากมาย ตามการเปลี่ยนแปลงของความก้าวหน้า รูปแบบการแข่งขันเอ็นดูโร่ที่ต้องใช้การเดินทางต่อเนื่องเห็นจะเป็นเกมที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาถนนหนทางมากที่สุด
เมื่อพื้นที่ไม่อำนวยกับการแข่งขันเส้นทางไกล ก็จำเป็นต้องสร้างอุปสรรคจำลองขึ้นมาในเส้นทางวนรอบเลียนแบบธรรมชาติ รูปแบบ “เอ็นดูโร่ครอส” จึงเกิดขึ้นมา และเพิ่งมีการจัดแข่งขันเก็บคะแนนอย่างจริงจังในประเทศไทยเมื่อปี 2013 เพื่อเปิดโอกาสให้นักแข่งรุ่นใหม่ได้มีโอกาสแสดงฝีมือในอีกรูปแบบของเกมทางฝุ่นที่ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่ต้องแม่นด้วยทักษะและอึดด้วยร่างกายอันทรหด แน่นอนรถแข่งก็ต้องแกร่งด้วยเช่นกัน ทีมงานไรดิ้งได้โอกาสอีกครั้งกับการทดลองทดสอบขับขี่รถแข่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย รุ่นเอ็นดูโร่ไทยแลนด์ไบค์ จากรายการนิ่ม บ้านลูกโป่ง เอ็นดูโร่ครอส 2014 โดยเป็นรถแข่งประจำตัวของนักบิดหนุ่ม จากเมืองสามหมอก จังหวัดแม่ฮ่องสอน เขมนันท์ คฤหาสน์ทอง ในสังกัดทีม PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D เป็นนักแข่งที่เริ่มต้นจากรถบังลม ติดตามแข่งขันด้วยความพยายามจนทีมงานเห็นถึงความตั้งใจจริงจึงได้ชักชวนเข้าร่วม จนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยมาครอบครองได้สำเร็จ ด้วยรถแข่งที่โมดิฟายขึ้นมาจากรถวิบากโชว์รูมที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ Honda CRF250L วิบากไทยคุณภาพส่งขายทั่วโลก อ้อ…รถคันนี้แข่งขันโดยใช้หมายเลข 119 เมื่อได้แชมป์จึงติดเบอร์ 1 พื้นหลังสีทอง

เครื่องเดิมเพิ่มไฟให้นิ่งโมซิ่งด้วยท่อ
แนวทางการทำเครื่องคันนี้คือ “เหนียว” เพราะการแข่งขันเอ็นดูโร่ครอสนั้นแต่ละสนามจะแข่งกันถึง 2 โมโต โมโตละ 30 นาที + 1 หรือ 2 รอบ รวมแล้ว ราว 80 นาที ถือว่าเป็นการแข่งที่กินเวลายาวนานที่สุดในสายฝุ่นบ้านเรา เป้าหมายคือต้องจบการแข่งขันให้ได้ ปกติเครื่องยนต์ของ CRF250L มีความโดดเด่นที่แรงบิดดีพร้อมกับมีย่านกำลังที่กว้างอยู่แล้ว ติดที่ว่าแรงม้ามันต้องรับภาระน้ำหนักตัวมากไปหน่อย กับกันสะเทือนที่ทิ้งขว้างแรงม้าก่อนลงพื้นมากไปนิด รวมทั้งกติกาที่คุมเอาไว้ไม่ให้ยุ่งกับเครื่องยนต์มากไป จึงหันไปเน้นเรื่องของระบบไฟที่นับว่าเป็นหัวใจในการทำงานของระบบหัวฉีด โดยมีการต่อสายกราวด์เพิ่มเติมเพื่อให้ไฟเดินนิ่ง ส่งผลดีโดยตรงต่อวงจรการทำงานของระบบสั่งงานหัวฉีด ต้นกำลังของเครื่องยนต์ยุคใหม่นั่นเอง สำหรับความแรงของเครื่องยนต์ก็จัดท่อไอเสียไปหนึ่งใบไล่ยาวมาตั้งแต่คอจนถึงปลาย พร้อมกับได้มีการไล่สเตอร์เพิ่มอัตราทดเพื่อช่วยแรงบิดในรอบต้นให้ดีขึ้น
ช่วงล่างโมใหม่
ดูจะไม่สมดุลกันเท่าไรกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้อย่างกว้างขวางและดุดัน แต่กันสะเทือนกลับนุ่มนิ่มซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่ายหากขับขี่ด้วยความเร็วในระดับแข่งขัน ดังนั้นจึงมีการโมดิฟายในส่วนของโช้คหน้าและหลังให้มีการทำงานที่ช่วยนักแข่งให้สามารถเพิ่มความเร็วพร้อมควบคุมทิศทางได้ง่ายขึ้น ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากเอาการเนื่องจากน้ำหนักตัวที่ต้องรองรับนั้นไม่น้อย สำหรับโช้คเดิมๆ ก็โมดิฟายเพิ่มเติมขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ระบบเบรกเดิมสนิททั้งหมดไม่ต่างจากรถที่ขายให้ใช้งานกันทั่วไป
อุปกรณ์
มาดู “ของ” กันบ้างในรถแชมป์คันนี้ เริ่มจากหน้ารถที่มีการปรับเปลี่ยนส่วนบังคับควบคุมด้วยการรื้อชุดแฮนด์เดิมที่เล็กและปลายแคบออก จากนั้นก็ติดตั้งตุ๊กตาแฮนด์ขนาดใหญ่เข้าไปเพื่อรองรับกับแฮนด์ทวินวอลล์ ความแข็งแรงสำคัญสำหรับรถแข่ง ปลอกแฮนด์เลือกของ DRC ที่ใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน คันเกียร์เปลี่ยนใช้ของแต่ง ยางทั้งหน้าและหลังใช้ Quick ขนาด 80/100-21 ที่ด้านหน้า และ 100/100-18 ที่ด้านหลัง พลาสติกชิ้นป้ายข้างถูกปลดออกไป ลวดลายคาดใหม่ด้วยสติกเกอร์แต่งกับผ้าเบาะเดิม…เท่านี้เองสำหรับอุปกรณ์เสริมในรถแชมป์ที่แสนจะเรียบง่ายคันนี้









ขอบคุณทีมงาน PTT Challenger Quick Gazi Scoyco CME Club Banlookpong D.I.D ทุกๆ ท่านที่สละเวลามาอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ ขอบคุณสถานที่เรือนแพเอ็นดูโร่ปาร์ค ชุดนักทดสอบสคอยโก้ และเมก้าเดิร์ท เครื่องดื่ม GSD ผู้สนับสนุนการทดสอบ
ความเห็นนักทดสอบ
“เป็นอีกครั้งที่ทีมงานไรดิ้งได้รับความไว้วางใจจากทีมแข่ง ให้ได้สัมผัสกับการ ขับขี่ทดสอบรถแข่งดีกรีแชมป์ประเทศไทย ครั้งนี้เป็นรถแข่งของสายเหนือครับ
มิติท่าทางการขับขี่ เริ่มจากแฮนด์ที่ยกสูงและกางมากกว่าแฮนด์ติดรถ ผมว่ามันช่วยได้การช่วยพลิกเลี้ยวรถทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเลี้ยววงแคบยังเป็นจุดเด่นของ CRF250L ครับ กันสะเทือนเป็นเรื่องที่ต้องคิดถึงแรกๆ ถ้าจะเอา CRF250L ไปแข่ง คันนี้ปรับปรุงมาทั้งหน้าและหลังจนทำให้ความรู้สักที่สัมผัสได้นั้นแตกต่างจากของเดิมมาก การเบรกก่อนจะเข้าโค้งรถจะมีความนิ่ง ไม่โยนตัว ทำให้คุมรถเข้าโค้งได้ง่าย การรองรับน้ำหนักถือว่าในส่วนการรับแรงกดนั้นดีกว่าเดิมมาก แต่รีบาวด์หรือการคืนตัวยังไวอยู่ เวลาขี่ทำให้ต้องโยกตัวไปข้างหน้าหรือหลังมากกว่าปกติเพื่อต้านแรงดีดเวลาที่โช้คคืนตัว ถ้าแก้ไขเรื่องรีบาวด์ได้จะขี่ได้เร็วขึ้นกว่านี้อีกเครื่องยนต์ได้ถูกปรับย้ายย่านกำลังไปเรียบร้อย แรงม้าจะเริ่มสำแดงเดชเอาในรอบกลางถึงปลาย ถามถึงตีนต้นผมว่ารถเดิมดีกว่าเห็นๆ แต่นักแข่งเจ้าของรถค่อนข้างจะมือหนักและขี่รอบสูง ถามว่าแรงกว่าเดิมมากไหม…ต่างจากเดิมอย่างรู้สึกได้แต่ไม่ได้หนักหน่วงรุนแรงจนทำให้รู้สึกเบา จะเร่งจากโค้งให้ฉับไวยังคงต้องใช้บริการระบบคลัทช์อยู่ ยังคงมีอารมณ์ของรถตลาดเอาไว้ให้รู้สึก การชิพเกียร์ ง่ายดายนุ่มนวลมาก การปรับกันสะเทือนชุดนี้นับว่า เพียงพอที่จะรับกับกำลังเครื่องยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่เมื่อกันสะเทือนมันรับได้แล้ว เราก็จะสามารถใช้กำลังงานของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นครับ เป็นรถที่แรงขึ้น ให้กำลังได้ดีในรอบที่สูงขึ้น ขี่ได้เร็วขึ้น แฮนด์ที่สูงช่วยให้ควบคุมสะดวกมาก กันสะเทือนรองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนถ้าปรับเพิ่มความหนืดได้จะสนุกยิ่งกว่านี้ครับ” เขมรัฐ สุธรรมวาท
Naked Bike
ถือได้ว่า ER-6n เป็นรถจักรยานยนต์ที่จุดประกายของรถบิ๊กไบค์ให้กลับมาได้รับความนิยม ด้วยรูปร่างที่โดดเด่น ดุดัน เข้มแบบเต็มๆ ยิ่งการปรับปรุงในเวอร์ชั่นที่ 2 ทำให้มียอดขายถล่มทลาย จนค่ายคู่แข่งทนไม่ไหวต้องขอร่วมสร้างกระแสส่งรถเข้ามาประชันกันเพียบ
ยุคทองของการกอบโกย ER-6n คือรถที่ตอบโจทย์ของการใช้งานในเมืองด้วยสรีระที่นั่งขี่สบาย เครื่องยนต์ตอบสนองเร่งติดมือ ถึงจะเป็นแบบ 2 สูบเรียง ขนาด 650 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ เน้นความจัดจ้านในช่วงต้นและกลาง ดีไซน์ได้เท่ แต่ถึงอย่างไรความแปลกตาหรือความสวยงามที่อยู่ในหัวของไบค์เกอร์แต่ละคนมีความแตกต่างกัน การแต่งจึงถูกถ่ายทอดอารมณ์ไม่เหมือนกันสำหรับ ER-6n สีดำดุเข้มคันนี้ ก็ถูกเพิ่มออพชั่นและลูกเล่นเพื่อให้ดูมีสีสันและจุดเด่นที่น่ามองมากยิ่งขึ้น อย่างลูกเล่นง่ายๆ ที่ขอบวงล้อคาดลายเส้นด้วยสติ๊กเกอร์สีแดงตัดกับดำ ดิสก์เบรกหน้าแบบทวิน คาลิเปอร์แบรนด์ดังใส่แล้วหล่อ brembo แบบ 4 ลูกสูบ วินชีลด์หน้าเสริมความหล่อยกสูงขึ้น ไฟเลี้ยว LED ขนาดเล็ก rizoma แฮนด์บาร์อลูมินัมสีแดง ปลอกแฮนด์แบบ LUCKGRIP กระจกติดตั้งที่ด้านปลายของแฮนด์ ปั๊มแรงดันดิสก์เบรกหน้า brembo กระปุกลอย ก้านพับปรับระดับด้วยสกรู ก้านคลัทช์ปรับระดับแบบเหรียญ โช้คหน้ายังคงเป็นเทเลสโคปิคที่ติดมากับตัวรถแต่ถูกปรับเซ็ทไส้ในใหม่ด้วยสปริงและน้ำมัน โช้คหลังที่เป็นเอกลักษณ์วางองศาเอียงไว้ด้านขวาของตัวรถปรับพรีโหลดได้ ยึดระหว่างเฟรมกับสวิงอาร์มหลังแบบท่อเหล็กคู่ และสำหรับบิ๊กไบค์ที่ขาดไม่ได้กับสไลด์เดอร์กันล้มด้านข้างลดอาการจากหนักให้เป็นเบา ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ด้านท้ายเปลือยใส่ชุดแต่งยึดป้ายทะเบียนสั้นเป็นอลูมินัมและไฟเลี้ยวแบบ LED ปิดท้ายด้วยความเด่นของปลายท่อ เคฟล่าร์ที่ยึดอยู่กับพักเท้านอกจากนั้นก็มีจุดเล็กจุดน้อยที่เสริมด้ายน็อตสี สติ๊กเกอร์ และเสริมแผงกันเศษหินดีด MOTO PLAY สแตนเลส ทำให้เน็คเก็ดไบค์ ER-6n เป็นรถที่น่าขับขี่มากยิ่งขึ้น
ยามาฮ่าคว้าชัยศึกชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 5 รุ่น 1000 cc. รายการ BRIC SUPERBIKE 2016
ทัพนักบิดสังกัด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM โชว์ฟอร์มสุดแกร่งครองเจ้าความเร็วบนแทร็คระดับโลก โดย อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ควงคู่ทีมเมท อนุชา นาคเจริญศรี #10 ควบยามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 3 รุ่น SuperBike 1000 cc. ส่วน อนุภาพ ซามูล #500 และ อานนท์ สังวาลย์ #3 ก็สามารถพายามาฮ่า YZF-R1 คว้าอันดับ 1 และ 2 รุ่น SuperStock 1000 cc. ได้สำเร็จ รวมถึง ประวัติ ญาณวุฒิ #95 ก็สามารถคว้าอันดับที่ 3 ได้ในรุ่น SuperSport 600 cc. ด้วยยามาฮ่า YZF-R6 จากผลงานครั้งนี้ส่งผลให้การแข่งขันคลาส 1000 cc. ทั้ง 2 รุ่น ทัพนักบิดสังกัดยามาฮ่ายังคงเป็นผู้นำคะแนนสะสมประจำปี 2016 โดยการแข่งขันรายการ BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2016 สนามที่ 2 นี้ จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้
“ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม” กวาดแชมป์ประเทศไทย ในรายการ จีช็อค เจ็ตสกีโปรทัวร์ 2016
นักแข่ง ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม ครองโพเดียมคว้าแชมป์ประเทศไทยในรุ่น Pro-Am Runabout 4 Stroke Stock อันดับ 1-3 ได้แก่ ธีระ เสร็จธุระ สุภัค เสร็จธุระ ฮาจิเมะ อิซาไฮ ตามลำดับ และในรุ่น Pro-Am Runabout Limited ธีระ เสร็จธุระ และสุภัค เสร็จธุระ สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยในอันดับ 1 และ 3 ตามลำดับ โดยใช้ ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ เป็นพาหนะคู่กายในการคว้าแชมป์ประเทศไทยรายการนี้ ส่วน เจ เจตริน วรรธนะสิน Yamaha Brand Ambassador ที่ลงแข่งขันในรุ่น Pro-Am Ski 2 Stroke Stock ขับขี่ YAMAHA SUPER JET จบการแข่งขันในโมโตแรก อันดับที่ 3 โดยการแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายพงษ์ศักดิ์ สรวงมณีเกตุ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสด้านการขาย พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับนักแข่ง และทีมแข่ง ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์ สิงห์ ไทยแลนด์ ทีม ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ทำการแข่งขัน ณ หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
HONDA CBR250RR อวดโฉมในสนามแข่งที่ดินโดนีเซีย เอ.พี.ฮอนด้ายันไม่มีแผนนำเข้าไทยในปีนี้
เป็นประแสร้อนแรงมากสำหรับภาพโฉมใหม่ของ Honda CBR250RR พร้อมคำวิจารณ์ต่างๆ จากกูรูทั้งหลาย ล่าสุดในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชียสนามที่ 4 เซนตูลเซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการนำมาจอดโชว์ตัวอยู่อย่างเงียบๆ ภายในพิททีมแข่งที่จงใจจัดให้เป็นดิสก์เพลย์สำหรับโชว์ตัว New CBR250RR ที่จอดคู่กับ CBR600RR ตัวแข่งซะมากกว่า นักข่าวไรดิ้งเลยเก็บภาพรายละเอียดตัวรถมาฝากกัน พร้อมข้อมูลบางส่วนจากตัวแทนจำหน่ายที่มาออกบูธจำหน่ายที่หน้าสนามแข่งด้วย New CBR250RR ใหม่หมดจรดด้วยการใช้เฟรมเหล็กท่อทรงที่เรียกว่า Truss Frame แฟริ่งออกแบบใหม่หมดไม่เหลือเค้าเดิมแต่ว่าจัดเต็มมาก…. โช้คหน้าหัวกลับ เน้นความสปอร์ตด้วยแฮนด์กดต่ำกว่าแผงคอ สวิงอาร์มอลูมินัมพร้อมกระเดื่อง เครื่องยนต์จากสูบเดียวเป็น 2 สูบเรียง มี Riding Mode ให้เลือก 3 แบบ (อันนี้น่าลองสุดๆ) พร้อมคันเร่งไฟฟ้า (ว้าวววว) ที่อินโดนีเซียมีจำหน่าย 3 สี แดง ดำ ขาว เลือกได้ 2 รุ่น 2 ราคา คือแบบมี ABS Brake ราคา 64 ล้านรูเปียห์ ถ้าไม่เอา ABS ราคา 63 ล้านรูปเปียห์ คิดเป็นเงินไทยก็ราว 2 แสนต้นๆ พนักงานบอกว่าสีดำขายดีสุด ทั้งรูปร่างและราคายั่วใจขนาดนี้ สอบถามทาง เอ.พี.ฮอนด้า ได้รับคำตอบว่ายังไม่มีอยู่ในแผนการนำเข้ามาจำหน่ายของปีนี้ ส่วนปีหน้าสาวกปีกนกจะได้คร่อมขี่กันหรือเปล่าก็ยังต้องรอการเจรจาของฮอนด้าทั้งสองประเทศ ระหว่างหยอดกระปุกรอก็เอารูปไปมโนกันก่อนนะสายหมอบทั้งหลาย
ยามาฮ่าต้อนรับทัพนักแข่งไทยเต็งแชมป์เอเชีย
นายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายสนับสนุนการขาย และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นำทัพนักกีฬาไทย สังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กลับสู่มาตุภูมิ หลังจากที่ แสตมป์-อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ผงาดคว้าแชมป์ ในรุ่น Asia Production 250 cc. ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ FIM ASIA ROAD RACING CHAMPIONSHIP 2016 สนามที่ 4 เรซ 2 ณ สนามเซนตูล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทีม พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง #14 และ อนุภาพ ซามูล #500 ส่วนในรุ่น SuperSport 600 cc. นำโดย เดชา ไกรศาสตร์ #24 และ อนุชา นาคเจริญศรี #14 โดยมีนางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล (คนที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นำทัพสื่อมวลชน และแฟนๆชาวไทย ร่วมให้การต้อนรับ และมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมบรรยากาศผลแข่งได้ในไรดิ้งฉบับ 251 สิงหาคม 2559
บริษัท คาวาซากิให้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรการขับขี่รถจักรยานยนต์วิบากเพื่อใช้ประกอบทางยุทธวิธีทางทหาร ให้กับกำลังพล
ยามาฮ่า ส่งท้ายความมันส์ ยามาฮ่า คัพเรซ 2016 ศึกค้นหานักบิดดาวรุ่งยามาฮ่า สนามสุดท้าย
นายธนะชัย เลขวณิชกุล (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายภาคอีสาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และผู้บริหารจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ซี.เจ.เค มาร์เก็ตติ้ง, ร้านรุ่งเจริญ มอเตอร์ และร้านแสงชัย ร้อยเอ็ด ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม ยามาฮ่า คัพเรซ 2016 สนามที่ 4 โดยมีนายอนุสรณ์ แก้วกังวาล (คนที่ 5 จากซ้าย) ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ณ ลานหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเร็วๆ นี้