Yamaha SR Black Sheep Street Bobber

YAMAHA SR นับตั้งแต่ปี 1978 และยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงโมเดลในรุ่นปัจจุบันที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ซึ่งทำให้กระแสความนิยมของ SR แพร่หลายเพิ่มขึ้นเพราะใครก็สามารถที่จะจับจองเป็นเจ้าของ YAMAHA SR ได้แล้ว ที่สำคัญกับตัวรถของ SR ที่ถือได้ว่ามีเรื่องราวการปรับแต่งควบคู่มาพร้อมๆไลน์การผลิต ด้วยการนำเสนอไอเดียการปรับแต่ง

สำหรับเจ้าแกะดำกับ YAMAHA SR 400 ผ่านการปรับแต่งในสไตล์ Street Bobber ดีไซน์เท่ๆ แนวๆ ของไอเดียเทรนด์นี้ที่นำเสนอความดิบๆ เข้มๆ โดยมีการตัดเฟรมส่วนท้ายออกพร้อมปรับแต่งให้ตัวเฟรมมีความแข็งแรงก็จะทำสีเป็นสีดำเพื่อให้เข้ากับเทรนด์คอนเซ็ปต์ของตัวรถ ชุดถังน้ำมันแต่งพร้อมด้วยชุดเบาะแต่งแบบหนังหุ้มสีน้ำตาลที่มีการเดินลวดลายของเส้นด้ายแบบเพิ่มชุดกระเป๋าหนังทางด้านหน้าของตัวรถ ไฟหน้า SR ทำสีโครมไฟเป็นสีดำ ออกขายึดไฟหน้าขึ้นมาใหม่ ไฟเลี้ยวหน้า-หลังเปลี่ยนเอาไฟเลี้ยวสไตล์ CUSTOM มาติดตั้งใช้งาน ชุดไฟท้ายแต่ง บังโคลนหน้า-หลังปรับแต่งใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดเข้ากับตัวรถ ชุดแฮนด์บาร์ทรงต่ำทำสีดำ ติดตั้งเรือนไมล์ความเร็วขนาดเล็กพร้อมด้วยไฟสัญญาณที่ยึดจากตุ๊กตาแฮนด์ ชุดกระจกมองข้างมาไว้ที่ตัวแฮนด์ด้านในโดยตัวกระจกเป็นแบบโครเมี่ยมสามารถปรับเลื่อนระยะกระจกได้ ชุดสวิตช์สไตล์เรโทรมาติดตั้งพร้อมด้วยประกับคันเร่งโครเมี่ยมพร้อมชุดปลอกแฮนด์ที่มาเสริมความกระชับในการขับขี่ รวมถึงชุดพักเท้าที่คงรูปแบบคลาสสิคของ SR เอาไว้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว ขนาด 400 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปรับแต่งด้วยการทำสีเครื่องเป็นสีดำ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบคาร์บูเรเตอร์ เสริมสมรรถนะของอัตราเร่งด้วยชุดท่อของ SUPERTRAPP ระบบคลัทช์ควบคุมด้วยสายเคเบิ้ลโดยใช้มือคลัทช์แต่งสไตล์เรโทร ชุดเกียร์ 5 ระดับ ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่-สเตอร์ ระบบกันสะเทือนกับโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิก สวิงอาร์มโลหะรองรับการทำงานร่วมกับโช้คอัพหลังแบบคู่ซึ่งจัดเอาโช้คแต่งที่สามารถปรับพรีโหลดของสปริงมาได้มาติดตั้ง

ระบบเบรกหน้า-หลังเป็นแบบดรัมเบรกเปลี่ยนเอาชุดมือเบรกแต่งสไตล์เรโทรมาใช้งาน โดยชุดดุมที่เป็นของ SR พร้อมด้วยวงล้อโลหะขนาด 18 นิ้ว ที่ทำสีเป็นสีดำ ยางหน้า-หลัง จัดเอาชุดยาง FIRESTONE DELUXE CHAMPION เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์การปรับแต่งในสไตล์ STREET BOBBER

Honda MSX125SF กับงาน The Clutcher Night Ride Battle

ที่สุดของความฟินส์ กับปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของ Honda MSX125SF กับงาน The Clutcher Night Ride Battle

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำรถมินิสปอร์ตไบค์ตัวจริง ล่าสุดจัดงานสุดยิ่งใหญ่ที่รวมพลสาวก MSX ทั่วเมืองไทยมากกว่า 3,000 ชีวิต กับงาน “The Clutcher Night Ride Battle” ภายในงานจัดเต็มความมันส์ให้เหล่าเดอะครัชเชอร์ได้สัมผัสกันด้วยการเนรมิตสนามแข่ง Pinball ยักษ์ สนามแข่ง MSX125SF รูปแบบใหม่ที่ให้สาวกมินิสปอร์ตไบค์ได้มาประลองฝีมือการคอนโทรลขั้นสุดกับ 5 ด่านสุดท้าทาย รถจักรยานยนต์ฮอนด้าจับมือร่วมกับเพจ Modifin Thailand นำเหล่ากูรูและสำนักแต่งชื่อดังมาร่วมกันตกแต่งรถ MSX125SF ในแบบฉบับของแต่ละคนกันถึงในงาน พร้อมส่งท้ายความสนุกให้เหล่าเดอะครัชเชอร์ได้ฟินส์กันสุดกับวงดนตรีดมันส์ ได้แก่ AB Normal, Musketeers, Rap is now & กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ โดยงานจัดขึ้นวันที่ 17 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ณ เมกาบางนา ลานหน้าห้างอิเกีย

คุณมนสิชา สังข์สุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 5 ที่ผ่านมา MSX ถือเป็นโมเดลของฮอนด้าที่มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างดีมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวโฉมแรกในปี 2013 จนถึงโฉมปัจจุบันที่มีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ฟินส์ไม่มีสะดุด สนุกทุกการคอนโทรล” จนมียอดขายรวมมากกว่า 400,000 คัน”

“การจัดงาน The Clutcher Night Ride Battle ในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมที่มีต่อรถมินิสปอร์ตในเมืองไทย ต้องขอขอบพระคุณเหล่าเดอะครัชเชอร์จากทั่วเมืองไทยมากกว่า 3,000 ชีวิต ที่มาร่วมงานกันในวันนี้ แน่นอนเดอะครัชเชอร์ทุกท่านจะได้สัมผัสและฟินส์กับกิจกรรมที่ฮอนด้าได้จัดมาเพื่อทุกๆท่านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น สนามแข่ง Pinball ยักษ์, จุดสำหรับทดลองขับขี่ MSX125SF ABS, โซนจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถ พร้อมรับคำแนะนำการตกแต่งจากกูรูสำนักแต่งชื่อดัง รวมถึงอาหารและดนตรีที่จะทำให้เดอะครัชเชอร์ฟินส์ไปตลอดงานในคำคืนนี้”

งาน “The Clutcher Night Ride Battle” ถูกแบ่งโซนกิจกรรมออกเป็น 6 โซน ได้แก่ 1. Amateur Track สนามที่ทุกคนที่มาร่วมงานสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองสมรรถนะของ MSX125SF 2. Giant Pinball Track สนามแข่งขันpinball ยักษ์ที่ให้ผู้แข่งขันวางแผนการแข่งขันได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะแบ่งการแข่งขันทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม 3. Main Stage เวทีคอนเสิร์ตใหญ่ยักษ์ที่พร้อมให้ฟินส์ไปกับวงดนตรีสุดมันส์ 4. MSX125SF Idea Challenge มุมการประกวด MSX125SF ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 20 คัน จากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากทางฮอนด้า และจะถูกคัดเลือกผู้ชนะเพียง 5 คันเท่านั้น ซึ่งทุกคนที่มาร่วมงานจะได้รับสิทธิ์โหวตคนละ 1 สิทธิ์ให้กับรถคันที่เราชื่นชอบได้ด้วยการประกวด MSX125SF ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 20 คัน จากคณะกรรมการจากทางฮอนด้า และจะถูกคัดเลือกผู้ชนะเพียง 5 คัน 5. Modifin and Modify Zone มุมที่รวบรวม MSX125SF แต่งตัวจริงของเหล่าเซเลบจากเพจ Modifin และมุมสำหรับกูรูแต่งที่จะมาโมดิฟาย MSX125SF ของผู้โชคดีจากกิจกรรมที่ร่วมกันแชร์คลิปของทางเพจ ปิดท้ายกับโซน Outlets มุมร้านค้าของแต่ง MSX และของสะสมมากกว่า 20 ร้านค้าเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ยักษ์ พร้อมให้คุณฟินส์ไปกับ วงดนตรีสุดมันส์อย่าง AB Normal , Musketeers , Rap is Now & กอล์ฟ Fucking Heroเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ยักษ์ พร้อมให้คุณฟินส์ไปกับ วงดนตรีสุดมันส์อย่าง AB Normal , Musketeers , Rap is Now & กอล์ฟ Fucking Heroเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ยักษ์ พร้อมให้คุณฟินส์ไปกับ วงดนตรีสุดมันส์อย่าง AB Normal , Musketeers , Rap is Now & กอล์ฟ Fucking Hero

ภาพบรรยากาศกิจกรรมความมันส์ของงาน “The Clutcher Night Ride Battle” สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/ และสำหรับผู้ที่สนใจ New Honda MSX125SF ปี 2017 โฉมใหม่ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.aphonda.co.th

REBLE 300 #2 อัพเกรดเสริมออพชั่น Import

มาต่อกันอีกในสเต็ปที่สองกับการปรับแต่งเพิ่มความโดดเด่นของรถจักรยานยนต์ สปอร์ตครุยเซอร์ REBLE 300 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์อันทรงพลังแบบสูบเดี่ยว 4 จังหวะ ที่มีอัตราเร่งที่เร้าใจบิดได้สนุก และท่านั่งสบายๆ การควบคุมคล่องตัวทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่ากับการเปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ไม่นานก็ของแต่งออกมารองรับมากมายซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการคัสตอมตกแต่งเพิ่มเติมความสวยงาม และต้องบอกว่ารถสไตล์ครุยเซอร์ขนาดเล็กนั้นยังไม่มีในบ้านเรา จึงเป็นอีกหนึ่งในการสร้างไอเดียการตกแต่ง นั่นทำให้เราอยากแนะนำหรือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการตกแต่งรถ โดยเน้นที่เป็นอุปกรณ์หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป สวยแบบใช้งบที่ไม่มากและมีอุปกรณ์มารองรับที่หาได้ง่าย ไม่ใช่การสร้างชิ้นงานที่อลังการงานสร้างที่ประกวดชิงรางวัล

REBEL300 CUSTOM #2 ต่อจากฉบับที่แล้ว กับการอัพเกรดเสริมด้วยของแต่งที่ไฟหน้าเพิ่มความคลาสสิคครอบสวมด้วยตระแกรงอลูมินัมแบบกรงสีดำสไตล์อเมริกันคัสตอมไบค์ เป็นผลิตภัณฑ์จาก H2C ที่มีจำหน่ายในศูนย์บริการฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ แฮนด์ FAT BAR เสริมความแข็งแกร่งในการควบคุมก็เป็นของ H2C เช่นกัน ปลอกแฮนด์ยางนุ่มๆ บิดสบายมือ ต่อด้วยกระจกปลายแฮนด์ทรงกลมตัวนี้สั่งนำเข้าในราคาพิเศษ ครอบปิดเรือนไมล์อลูมินัม CNC รูปร่างหน้าตาเหมือนมงกุฎ พักเท้าแบบทัวร์ริ่งแผ่นใหญ่วางเท้าได้เต็มทำให้ท่านั่งสบาย และยางกันลื่นด้านข้างถังน้ำมันแบบสปอร์ต ปั๊มเบรกแท้งค์เหลี่ยมเปลี่ยนฝาครอบอลูมินัมลายคลาสสิคหน้าตาของเครื่องยนต์ด้านหน้าจะดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยการ์ดหม้อน้ำอลูมินัมโดดเด่นด้วยความมันวาว ช่วยป้องกันเศษหินต่างๆ และระบบซับเพนชั่นเปลี่ยนเสริมความนิ่มนวลเพิ่มสมรรถนะของการขับขี่ด้วยโช้คอัพหลังคู่ใหม่ระบบแก๊สจากแบรนด์แต่งชื่อดัง Gazi แบบมีซับแท้งค์บิ้วท์อิน ไฟท้ายสั่งนำเข้าจากต่างประเทศแบบตระแกรงเข้าชุดกับไฟหน้า ไฟเลี้ยวคู่หน้าขนาดเล็ก ครอบแกนโช้คช่วงบนอลูมินนัมให้ดูมีขนาดใหญ่บึกบึน และยางครอบกันฝุ่นแบบคลาสสิค ซึ่งโดยรวมๆ แล้วการตกแต่งคัสตอมรถจักรยานยนต์สไตล์นี้จะเน้นการใช้งานเป็นหลัก เสริมอุปกรณ์แต่งเพื่อความเท่ สวยงาม แต่สามารถที่จะใช้งานได้ตามปกติ ความสบายของท่านั่งที่วางเท้าได้เต็ม และการจับที่มั่นคงนิ่มนวล ความปลอดภัยมองเห็นด้านหลังด้วยกระจก ไฟหน้าไฟท้ายถึงจะมีตระแกรงครอบแต่ก็ส่องสว่างได้ชัดเจน

ชุดครอบไฟหน้าจาก H2C

หน้ากากเรือนไมล์จากพนมอะไหล่

กระจกปลายแฮนด์เข้ากันดีกับ Rebel 300

แฮนด์บาร์สีดำชุดแต่งจาก H2C

ฝาปิดกระปุกน้ำมันเบรกแต่ง

ยางกันลายข้างถังป้องกันรอยขีดข่วน

ประกับยึดขาไฟเลี้ยวหน้า

ครอบหม้อน้ำเพิ่มความหรูหรา

พักเท้าขนาดใหญ่เพิ่มความสะดวกสบาย

โช้คอัพหลังแก๊สซี่สำหรับ Rebel 300

ไฟท้ายเข้าชุดกับชุดครอบไฟหน้าสวยลงตัว

ชุดไฟเลี้ยวหน้า-หลังตรีมเดียวกันกับไฟหน้าและไฟท้าย

กระจกปลายแฮนด์ชุดอัพเกรด

ชุดไฟท้ายเลือกสรรอย่างลงตัว

นี่เป็นเพียงการนำเสนอแนะไอเดียการตกแต่งแบบกลางๆ โดยที่สามารถหาซื้อของแต่งเองได้ ราคาก็ไม่แพงมาก และใช้ไอเดียของตัวเองได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีงบประมาณที่มากพอในการสร้างชิ้นส่วนงานต่างๆ แบบมาสเตอร์พีซก็สั่งทำได้ตามความต้องการของแต่ละคนยังเหลืออีกหนึ่งสเต็ปในการคัสตอมตกแต่ง REBEL 300 กับออพชั่นต่างๆอีก ที่ได้รับการสนับสนุนจากร้านจำหน่ายอะไหล่แต่ง ต้องติดตามในฉบับหน้าว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรกับไอเดียการปรับแต่งรถสไตล์ครุยเซอร์ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่บิดสนุก ให้อัตราเร่งที่เร้าใจ พร้อมพาคุณโลดแล่นไปบนท้องถนนอย่างอิสระ

RACING BOY MT RIM

จัดของเด็ดจัดของโดนมาอีกแล้วสำหรับเรซซิ่งบอย แบรนด์ที่รู้จักกันดีสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งแทบจะครบทั้งคัน ซึ่งทุกชิ้นงานที่ประทับโลโก้เรซซิ่งบอยลงไปย่อมมีมาตรฐานของตัวงานที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะกับงานวงล้อรุ่น MT เอาใจขาซิ่งล้อซี่มีให้เลือกครบทุกขนาด

นักบิดชาวไทยรู้จักเรซซิ่งบอยจากวงล้อแม็กมานานมาก แต่ในด้านของวงล้ออลูมินัมนั้น เรซซิ่งบอยก็เป็นหนึ่งของทางเลือกที่น่าสนใจในระดับต้นๆ กับวงล้อรุ่น MT ที่ผลิตจากอลูมินัมซีรีส์ 7 อันเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าแข็งแกร่งเหมาะสมกับการนำมาทำวงล้อรถจักรยานยนต์ที่สุด ผ่านกรรมวิธีผลิตที่ประณีตก่อนจะบรรจุลงกล่องวางจำหน่าย และเพื่อความมั่นใจทีมงานไรดิ้งเราได้ทำการทดสอบความแข็งแกร่งด้วยรถในประเภทซูเปอร์โมโตรุ่นยอดฮิต กับโจทย์การขับขี่ทดสอบที่ไม่ธรรมดา
วงล้อในการทดสอบของเราเป็นขนาด 3.50 นิ้วที่ล้อหน้า และ 4.25 นิ้วที่ล้อหลัง แกะกล่องออกมาก็นำไปขึ้นแทนล้อเดิมติดรถที่เล็กกว่าได้ทันทีโดยใช้ซี่ลวดชุดเดิมแบบไม่ต้องดัดแปลงอะไร และยังใส่ได้กับยางชุดเดิมได้ด้วย หนึ่งวันของการขับขี่ทั้งในสนามทดสอบเพื่อการใช้งานในช่วงความเร็วทั้งทางตรงและเลี้ยวโค้ง จากนั้นก็เลี้ยวลงทางดินเพื่อรองรับกับแรงกระแทกเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการรับน้ำหนักจากการโดดเนินจั๊มป์ ละการวิ่งชนตรงๆ กับของแข็งอย่างการขี่ขึ้นและลงบันไดคอนกรีต ซึ่งวงล้อเรซซิ่งบอย เอ็มที ก็ผ่านได้ทุกอุปสรรคโดยไม่บุบสลาย จึงนับว่าเป็นวงล้ออลูมินัมคุณภาพสูงที่มั่นใจได้ทุกเส้นทาง

วงล้ออลูมินัมเรซซิ่งบอย เอ็มที วางจำหน่ายใน 3 สียอดนิยมตลอดกาล สีเงิน สีทอง และสีดำ ที่ไม่ว่าจะใส่กับรถสีอะไรก็เข้ากันอย่างโดดเด่นหรือกลมกลืน รองรับกับการใช้งานของรถในทุกประเภทเพราะมีจำหน่ายมากมายหลายขนาด ตั้งแต่ 12” 14” 16” 17” 18” 19” 21” ทะลายทุกข้อจำกัดของรถทุกยี่ห้อด้วยจำนวนรูซี่ลวดที่มีให้เลือกทั้ง 28, 32, 36 รู ไม่ว่ารถยี่ห้ออะไร ประเภทไหนก็ใช้ได้ แถมราคาจำหน่ายยังเน้นความคุ้มค่า อย่างล้อทดสอบคู่นี้ ขนาด 3.50-17 ราคา 2,200 บาท และล้อหลัง ขนาด 4.25-17 ราคาเพียง 2,500 บาท เท่านั้นสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ HYPERLINK “http://www.racingboythailand.com เฟซ” www.racingboythailand.com เฟซบุค HYPERLINK “http://www.facebook.com/racingthailand หรือโทร 0-2889-6697” www.facebook.com/racingthailand หรือโทร 0-2889-6697 และสามารถซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอะไหล่ชั้นนำทั่วประเทศ

ยาซากิ ร่วมกิจกรรมออกบูท ในงาน ชมรมอะไหล่ หาดใหญ่ ณ.สมาคม ปั้นซันขัก

บริษัท สื่ออินดัสเทรียล จำกัด ผ้าเบรค ยาซากิ ร่วมกิจกรรมออกบูท ในงาน ชมรมอะไหล่ หาดใหญ่ ณ.สมาคม ปั้นซันขัก 11/06/2560 โดยคุณเสถียร ดลบันดาลโชค(ประธานกรรมการ) คุณกฤต ดลบันดาลโชค(กรรมการ) มาร่วมงานพร้อม แนะนำสินค้าและผลิตภัณท์ใหม่ต่างๆให้ช่างที่มาร่วมงาน

“เค้ก” ควบ GSX-R150 กวาดแชมป์หมดจดที่ Suzuka ทั้ง 2 เรซ

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอีกครั้งกับการแข่งขันในสนามที่ 3 ในรายการ Suzuki Asian Challenge (SAC) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ ที่นักแข่งคนเดียวสามารถคว้าชัยชนะได้ทั้ง 2 เรซ ณ สนาม Suzuka ประเทศญี่ปุ่น โดยนักแข่งดาวรุ่ง “เค้ก” พันธุ์ชนะ กุลโรจน์ชลาลัย นักแข่งจากประเทศไทยเพียงหนึ่งเดียว เบอร์ 78 ที่ร่วมแข่งขันในรายการนี้ ซึ่ง “เค้ก” ขับขี่ ซูซูกิ GSX-R150 รถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต ทำเวลาได้ดีตั้งแต่รอบ Warm-up และในการแข่งขันก็ไม่ทำให้คนไทยต้องผิดหวัง เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ทั้ง 2 เรซ คว้าแชมป์ของสนามมาให้ชาวไทยได้ชื่นชม ท่ามกลางผู้ชมมากมายทั้งในสนามและการถ่ายทอดสด “เค้ก” พันธุ์ชนะ กุลโรจน์ชลาลัย นักแข่งชาวไทย สามารถออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยม และขึ้นเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ 6 รอบแรกในเรซที่ 1 โดยมีนักแข่งจากประเทศอินโดนีเซียตามมา การแข่งขันยังคงเร้าใจ จนถึงช่วงท้ายของการแข่งขัน ที่เหลือเพียงแค่ ทาเครุ มูราเซะ นักแข่งเจ้าภาพ จากญี่ปุ่น ที่บู๊กับเค้กกันแบบตัวต่อตัว สุดมันส์ก่อนที่ “เค้ก” ที่วันนี้ขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม จะเข้าเส้นชัยผ่านตราธงหมากรุกเป็นที่ 1

และในเรซที่ 2 ก็ยังคงเหมือนเรซที่ 1 “เค้ก” ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม บิดซูซูกิ GSX-R150 ได้อย่างเร้าร้อน ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มแรก โดยมี 10 นักแข่งจากหลายประเทศอยู่ในกลุ่มผู้นำ จนกระทั่งรอบสุดท้าย แต่ “เค้ก” พันธุ์ชนะ ที่กำลังเข้าฟอร์มนั่น ขับขี่ได้อย่างไม่มีปัญหา เข้าเส้นชัยกดดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง 2 เรซ คว้าแชมป์สนามมาครองได้อย่างสมบูรณ์แบบและเต็มภาคภูมิ“นักแข่งที่แข่งขันในรายการ SAC นี้ เราได้แข่งกันมา 2 สนามแล้วในตอนนี้ พวกเราทุกคนต่างทำได้ดีขึ้นในแต่ละเซสชั่น ผมรู้สึกว่ามันยากที่จะเป็นผู้นำในกลุ่ม ดังนั้นผมจึงมุ่งมั่นไปที่การขับขี่ และศึกษาการขับขี่ของนักแข่งคนอื่นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา การวางแผนของผมในเรซที่ 1 คือ การออกเป็นผู้นำกลุ่มให้เร็วที่สุด และยืดระยะห่างออกไป และผมก็สามารถทำได้สำเร็จ แต่ในเรซที่ 2 ไม่เป็นอย่างนั้น ผมมั่นใจว่านักแข่งทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะต้องการเป็นผู้ชนะ และผมสามารถทำได้ และผมวางแผนว่าเมื่อไหร่ที่ผมแข่งขัน ผมจะพยายามคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่องในสนามต่อๆ ไปในฤดูกาลนี้” “เค้ก” พันธุ์ชนะ กุลโรจน์ชลาลัย กล่าวอย่างมั่นใจ ติดตามเชียร์และให้กำลังใจนักแข่งชาวไทยคว้าแชมป์ในสนามต่อไป ได้ในวันที่ 11-13 สิงหาคม 2560 ที่ประเทศอินโดนีเซีย สนามเซ็นตู

Ducati Scrambler Café Racer 2017

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับเจ้า Ducati Scrambler Cafée Racer ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ที่ผ่านมา โดยหยิบยกพื้นฐานเดิมจากโมเดล Ducati Scrambler มาต่อยอดให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกของกลุ่มนักบิดที่ชื่นชอบในแนวของรถ Cafée’ Racer

โดยพื้นฐานของเจ้า Ducati Scrambler Cafée’ Racer นั้นใช้เครื่องยนต์แบบ L-Twin Desmodromic 4 วาล์ว ขนาด 803 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาดของกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 88 x 66 มม.อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 ให้พละกำลังสูงสุด 75 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 68 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที จุดระเบิดเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ขนาด 50 มม. ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ ระบบคลัชท์แบบเปียกซ้อนกันหลายชั้น หน้าจอแสดงผลแบบ LCD ระบบไฟ LED รอบคันโครงสร้างตัวถังแบบ Tubular Steel Trellis Frame ระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside Down ขนาด 41 มม. วงล้อแบบ Light Alloy แม็ก 10 ก้านขนาด 30.50 x 17 นิ้ว ยางหน้า Porelli Diablo Rosso II 120/70 ZR17 ระบบเบรกหน้าแบบ se-mi Floating disc ขนาด 330 มม. ทำงานร่วมกับปั้มเบรก Brembo M4-32 แบบ 4 ลูกสูบ พร้อมระบบความปลอดภัย ABS จาก Bosch ระบบกันสะเทือนหลัง Kayaba ที่สามารถปรับ Preload ได้แบบละเอียด วงล้อหลังแบบ Light Alloy ขนาด 5.50 x 17 นิ้ว ยางหลัง Porelli Diablo Rosso II 180/65 ZR17 ระบบเบรกหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มม. ปั้มเบรก 1 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS จาก Bosch

จุดเด่นของเจ้า Ducati Scrambler Cafée Racer 2017 จะอยู่ที่สไตล์ในการขับขี่ที่จะดึงดูดทุกสายตาเวลาขับขี่บนท้องถนน และตัวรถก็มีอัตราการเร่งในช่วงต้นและกลางที่ดีเยี่ยม จะไม่ได้ความเร็วในช่วงปลายที่มากมายนัก แต่ก็เน้นการใช้งานในเมืองและชีวิตประจำวัน น่าจะถูกใจเหล่าบรรดา Hipster ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตในเมือง เน้นการใช้งานที่คล่องตัว และความมีเอกลักษณ์ที่ดึงดูดมากกว่ารถทั่วๆ ไป

Husqvarna Minicycles All New TC50 & TC65

รถสูตรในไลน์การผลิตรถในกลุ่ม Motocross ขนาดเล็กของ Husqvarna อย่าง TC50 และ TC65 ต่างได้รับการพัฒนาใหม่ โดยทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ที่ออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด พร้อมออกแบบแชสซีส์ควบคู่กับการใช้ระบบกันสะเทือนที่มีเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อให้เป็นรถสูตรในระดับพรีเมี่ยมที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะสำหรับนักแข่งเด็กๆ ที่จะเริ่มต้นด้วยรถสูตรแบบ full-sized motocross bikes ที่พร้อมรองรับทั้งนักแข่งในระดับเริ่มต้นและมีประสบการณ์ที่ต้องการสมรรถนะอันยอดเยี่ยมในแบบรถโมโตครอส

โดย TC50 ใช้เครื่องยนต์สองจังหวะรุ่นใหม่ที่ออกแบบให้ตำแหน่งวางเครื่องยนต์อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางน้ำหนักเพื่อสมดุลที่ดีในการขับขี่ โดยเครื่องยนต์ออกแบบให้ทำงานได้เหมาะสมกับคลัทซ์แบบออโตเมติก พร้อมกันนี้ยังได้มีชุดคิทที่เรียกว่า power reduction kit ที่จะช่วยลดกำลังเครื่องยนต์ลงจากเดิมได้ถึง 5.5 แรงม้า เพื่อให้ได้สมรรถนะที่เหมาะสมกับนักแข่งในระดับเริ่มต้น ในขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาใหม่นั้นชุดโช้คหน้าเป็น WP AER35 และระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ fully adjustable จาก WP monoshock ในขณะที่ TC65 นั้น ก็ใช้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะที่มีระบบวาล์ว PCEV หรือ pressure controlled exhaust valve โดยเครื่องยนต์ติดตั้งบนเฟรมแบบ high-strength steel frame พร้อมซับเฟรมแบบ aluminum subframe รวมทั้งสวิงอาร์มหลังแบบ cast aluminium swingarm ที่ลงตัวกับระบบกันสะเทือน WP Suspension ติก วางเครื่องยนต์อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางน้ำหนักเพื่อสมดุลที่ดีในการขับขี่

Honda RC213V-S The Ultimate Riding Xperience

ฮอนด้า บิ๊กไบค์ เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟโลดแล่นบนแทร็คระดับโลกสนามช้างฯ ชวนสัมผัส DNA รถแข่ง MotoGP สู่ท้องถนน กับ Honda RC213V-S และ
CBR series เขย่าวงการบิ๊กไบค์อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในไทยแต่เป็นข่าวดังระดับโลก เมื่อ เอ.พี. ฮอนด้า เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดกิจกรรม Honda BigBike VIP track day, The Ultimate Riding Xperience กระหึ่ม! แทร็กสนามแข่งระดับโลก ณ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมชวนลูกค้าระดับวีไอพี เซเลบริตี้ชื่อดัง และสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมสัมผัส Honda RC213V-S ซูเปอร์ไบค์แฮนด์เมดหนึ่งเดียวของโลกที่ถ่ายทอด DNA ของรถแข่ง MotoGP พร้อมกันนี้ยังได้สัมผัสประสบการณ์ไปกับสุดยอดรถสายพันธุ์สปอร์ตอย่าง All New Honda CBR1000RR โฉมใหม่ รวมถึง New CBR650F และ New CBR500R โดยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560

มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรม VIP สุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของ RC213V-S มีโอกาสนำรถ RC213V-S คู่ใจมาโลดแล่นอยู่ในสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแข่งระดับโลกหนึ่งเดียวของไทย ซึ่งจะเป็นสนามที่จัดรายการแข่งขัน MotoGP ในอนาคตอันใกล้ และเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เจ้าของ RC213V-S ทุกท่านจะได้รับการดูแลโดยนักแข่งและทีมช่างมืออาชีพจาก

ทีม A.P. Honda Racing Thailand ผมเชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้ จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบ Motorsport ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถ่ายทอดผ่านรถ RC213V-S สุดยอดซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์ MotoGP ขนานแท้ และยังมีรถ CBR series ที่จำหน่ายใน Honda BigWing มาให้ทดสอบ เพื่อให้สัมผัสถึงความสุดยอดในสมรรถนะรถสายพันธุ์สปอร์ตของฮอนด้าที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถ MotoGP เช่นกัน”

ด้วยความพร้อมของบุคลากรและระบบการทำงานที่เยี่ยมยอด เอ.พี.ฮอนด้า ได้เตรียมทีมงานระดับมืออาชีพเฉพาะด้านมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่การให้ความรู้ในเรื่องของการขับขี่ในสนามแข่งแก่ผู้ร่วมขับขี่ทดสอบทั้งหมดโดยทีมนักแข่งชั้นแนวหน้าของฮอนด้า นำโดยรัฐภาคย์ วิไลโรจน์, วรพงษ์ มาลาหวน, สุหทัย แช่มทรัพย์ และสิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง แนะนำกันตั้งแต่ท่าทางการขับขี่ ลักษณะโค้งต่างๆ ของสนาม ไปจนถึงวิธีการขับขี่แบบเรซซิ่งสปอร์ตเพื่อให้ผู้ร่วมทำสอบได้เข้าถึงความเป็น DNA รถแข่งระดับโมโตจีพีของ RC213V-S ให้มากที่สุด แม้แต่การเตรียมรถก็ยกเอาทีมช่างทั้งจากฮอนด้าบิ๊กวิงและฮอนด้าเรซซิ่งทีมมาดูแลความพร้อมให้เสมือนเป็นนักแข่งทีมแฟคตอรี่กันเลย

สำหรับ Honda RC213V-S คือ สุดยอดซูเปอร์ไบค์ที่ถ่ายถอดแบบมาจากรถแข่ง Honda RC213V เพื่อให้สามารถใช้งานได้บนถนนจริง โดยได้รับการพัฒนา เพื่อคงไว้ซึ่งสัญชาตญาณรถแข่งอย่างครบถ้วน ด้วยการเลือกใช้ชิ้นส่วนอย่างเหมาะสม รวมถึงส่วนประกอบที่ถูกต้องแม่นยำ เข้ากับฝีมือการประกอบจากช่างที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V4 ขนาด 1,000 ซีซี ให้แรงม้าล้นเหลือเหมือนรถแข่ง RC213V ที่ใช้แข่งขันจริง ให้กำลังสูงสุด 159 แรงม้า ที่ 11,000 รอบต่อนาที ทั้งยังสามารถเสริมสมรรถนะด้วยของแต่งเฉพาะจากฮอนด้า โดยเพิ่มพละกำลังได้ถึง 215 แรงม้า ที่ 13,000 รอบต่อนาที และเอ็กซ์คูลซีฟยิ่งกว่าด้วยจำนวนการผลิตทั้งสิ้น 213 คันทั่วโลก ซึ่งในเมืองไทยมีเพียง 10 คัน สนนราคาที่คันละ 8.7 ล้านบาท และได้ทำการส่งมอบไปเมื่องานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 ที่ผ่านมา โดยรถที่มาทดสอบนั้นจะมี 2 คัน 2 สี คันที่เป็นสีไตรคัลเลอร์ (แดง-ขาว-น้ำเงิน) จะเป็นสเป็คมาตรฐานที่มีอุปกรณ์ครบพร้อมจดทะเบียนขับขี่บนท้องถนน ส่วนอีกคันเป็นเวอร์ชั่นที่ได้ปรับเปลี่ยนใส่อุปกรณ์เพื่อการขับขี่ในสนาม ดุดันด้วยชุดเปลือกคาร์บอน ถอดชิ้นส่วนของรถถนนออก รวมถึงระบบคลัทช์แห้งและท่อไอเสียพิเศษ ซึ่งของแต่งชุดนี้ต้องบวกราคาไปอีกราว 4 แสนบาท ซึ่งคันที่ให้ขับขี่ทดสอบนั้นคือคันที่ตกแต่งเพื่อขี่ในสนามแข่งนั่นเอง

ในส่วนของ All New Honda CBR1000RR โฉมใหม่ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ถูกรังสรรค์ด้วยแนวคิด “Total Control” โดดเด่นทั้งขุมพลังเครื่องยนต์ ที่ถ่ายทอดจากสนามแข่ง และที่สุดแห่งการควบคุม เสริมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่กับชุดอุปกรณ์ควบคุม อิเล็กทรอนิกส์ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 1000 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 ให้กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ ที่ 13,000 รอบต่อนาที เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น เช่น TBW & APS เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า (Throttle by Wire) ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS ที่ฝังอยู่ใน Handlebar grip เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบสนองกับแรงบิดของผู้ขับขี่, Power Selector ระบบการตั้งค่าการขับขี่ โดยผู้ขับขี่เลือกตั้งค่ากำลังจากเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับแรงบิดคันเร่ง ขับขี่สนุกด้วยความเร็ว HSTC (Honda Selectable Torque Control) หรือระบบควบคุมแรงบิดแบบเลือกได้ เพื่อตรวจจับความเร็วล้อด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้ควบคุมรถอย่างราบรื่น และ Engine Brake Control ที่ปรับเลือกได้ตามโหมดขับขี่ที่ตั้งไว้เป็นค่ามาตรฐานหรือผู้ใช้เลือกตั้งค่าได้ตามต้องการ

นับเป็นการทดลองขับขี่ที่ไม่ได้จะมีเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะความพิเศษสุดๆ ของ Honda RC213V-S ที่ทางฮอนด้าเองก็กล่าวผ่านสื่อเมื่อครั้งเปิดตัวว่า น่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จะทำรถจำหน่ายที่ใกล้เคียงรถแข่งโมโตจีพีได้มากขนาด นี้ ดังนั้นผู้ที่ได้รับโอกาสให้ร่วมทดลองขับขี่ครั้งนี้จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีมากที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ทั้งรถที่ถอดแบบจากรถแข่งระดับโลก ขับขี่ในสนามแข่งที่ผ่านการจัดแข่งขันชิงแชมป์โลก แม้จำนวนรอบการขับขี่จะจำกัดด้วยเวลาที่มีน้อยเมื่อเทียบกับผู้ที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์นี้ แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอารมณ์รถแข่งอย่างชัดเจน ลืมไม่ได้สำหรับ CBR500R และ CBR650R ที่นำมาให้ผู้เข้าทดสอบได้ลงทำการขับขี่เพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพสนาม ก่อนที่จะได้ขับขี่ CBR1000RR และ RC213V-S ในลำดับต่อไป ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ Honda RC213V-S สุดยอดซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์ MotoGP และรถฮอนด้า บิ๊กไบค์ ทุกรุ่น พร้อมทั้งรับข้อเสนอพิเศษ เพื่อเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ฮอนด้าได้ที่ www.hondabigbike.com และwww.facebook.com/hondabigbikeTH

ความเห็นนักทดสอบ / เขมรัฐ สุธรรมวาท
“มางานนี้รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของทุกคนครับ นอกจากความตื่นเต้นที่จะได้ขี่รถที่ถอดแบบมาจากรถแข่งแล้ว ผมว่าความกริ่งเกรงในข้อผิดพลาดก็มีควบคู่ตามมาด้วยเนื่องจากราคาค่าตัวของรถนั้นไม่ธรรมดา ส่วนตัวผมแล้ว ความกังวลหมดไปตั้งแต่ผ่านครบรอบแรก เพราะ RC213V-S เป็นรถที่พอขี่ออกไปแล้วไม่มีอะไรให้ต้องคิดหรือกังวลเกี่ยวกับการขับขี่เลย อัตราเร่งมหาศาล รอบเครื่องที่ดุดัน เบรกที่เท่าทันแรงม้า มิติของรถที่พอดีๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ รู้สึกถึงน้ำหนักของตัวรถได้น้อยมาก ทุกอย่างมันเอื้อให้คิดไปอย่างเดียวคือ “สนุกกับมัน” และทำให้ผมมีสมาธิที่จะควบคุมข้อผิดพลาดเดียวที่ผมกลัวจะเกิดขึ้นก็คือรถคันนี้เป็นเกียร์กลับ 3 รอบผ่านไปด้วยความประทับใจมากมาย แม้มันจะไม่ใช่พลังทั้งหมดอย่างแท้จริงแต่ก็เป็นความทรงจำของการทดลองขับขี่ที่คงไม่มีวันลืม ในส่วน CBR1000RR ที่ได้ลองขี่ไปก่อนหน้านั้น เป็นรถที่มีความสูงถึงเบาะค่อนข้างมากนะครับ ผมคร่อมแล้วต้องเขย่งสองเท้าเลย มิติของรถทำความคุ้นเคยได้ง่ายครับ แป๊บเดียวก็ปรับตัวได้แล้ว เครื่องยนต์จัดจ้าน ทรงตัวนิ่ง เบรกดีมากจนกล้าที่จะซัดเต็มคันเร่งในสนามช้าง ต้องขอขอบคุณ เอ.พี.ฮอนด้า และ ฮอนด้าบิ๊กวิง เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทดลองขับขี่ครั้งนี้ครับ”

ฮอนด้า เรซซิ่งไทยแลนด์ ประเดิมรถใหม่ CBR250RR สู้ศึก ARRC 2017

ทีมแข่ง เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เตรียมสู้ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชียรายการ Asia Road Racing Championship 2017 ในรุ่น AP250 ตั้งแต่สนามที่ 3 ที่ซุซุกะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นไป ด้วยรถรุ่นใหม่ล่าสุด Honda CBR250RR ในฐานะรถแข่งของทีมอย่างเป็นทางการ โดยรถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ ขนาด 250cc มีน้ำหนักเบา แต่ให้สมรรถนะเกินตัว ในขณะที่นักแข่งของทีมซึ่งประกอบด้วยเอ้-วรพงศ์ มาลาหวล หมายเลข 46 และ มุกข์-มุกข์ดา สารพืช หมายเลข 44 ต่างก็ได้รับการสนับสนุนชุดแข่งพิเศษจาก “Taichi” แบรนด์ผู้ผลิตชุดแข่งชื่อดังของญี่ปุ่น โดยตัดเย็บด้วยวัสดุชั้นดีเน้นที่ความปลอดภัยและความคล่องตัว ตัวชุดแข่งเน้นสีแดง-ดำ ถ่ายทอดดีเอ็นเอความเป็นเรซซิ่งสปิริตของทีมแข่งเอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในขณะเดียวกันทาง YSS แบรนด์ผู้ผลิตระบบกันสะเทือนรถจักรยานยนต์ชั้นนำของเมืองไทย ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนเพื่อพัฒนาระบบกันสะเทือนอย่างเต็มรูปแบบโดยใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของ YSS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อให้รถแข่งของทีมมีความสมบูรณ์และเข้ากับสไตล์การขับขี่ของนักแข่งแต่ละคน

ทั้งนี้ การแข่งขัน Asia Road Racing Championship 2017 สนามที่ 3 จะจัดขึ้นในวันที่เสาร์ที่ 3 และอาทิตย์ 4 มิถุนายนนี้ ที่สนามซุซุกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักแข่งไทยผ่านการถ่ายทอดสดได้ทาง www.facebook.com/AsiaRoadRacing และติดตามผลการแข่งขันได้ทาง www.aphondaracingthailand.com

2017 Suzuki GSX-R250

ต้องบอกเลยว่าการแข่งขันรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตของขนาดเครื่องยนต์ 250-300 กำลังเข้มข้น ทำให้ผู้ผลิตแต่ละค่ายพัฒนาป้อนเข้าสู่ตลาดเพื่อรองรับความต้องการที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น และถือว่ามีโอกาสและมีความเป็นไปได้ที่ Suzuki GSX-R250 รถในแนวสปอร์ตฟูลแฟริ่งจากทางค่ายซูซูกิ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย

Suzuki GSX-R250 ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบเรียง ขนาด 248 ซีซี แบบ SOHC อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11.5: 1 ให้แรงม้าสูงสุด 24.67 ตัวที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 23.4 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ System Suzuki Fuel ระบบเกียร์ 6 สปีด ส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ หน้าจอแสดงผลเป็นฟูลดิจิตอล
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic กันสะเทือนหลังแบบโมโนโช้ค ระบบเบรกดิสก์เดี่ยวทำงานพร้อมกับปั้มเบรก 2 ลูกสูบ คาลิเปอร์ Nissin ระบบห้ามล้อหลังแบบดิสก์เดี่ยวทำงานร่วมกับปั๊มเบรก Nissin 1 ลูกสูบและมีระบบ ABS เป็นมาตรฐาน ขนาดยางหน้า 110/80-17 ขนาดยางหลัง 140/55-17 ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดซีซีของตัวรถ ระบบไฟหน้าฮาโลเจน มีไฟ Daylight ระบบไฟท้าย LED มิติของตัวรถความยาว 82.08 นิ้ว ความกว้าง 29.13 นิ้ว ความสูง 43.7 นิ้ว ความกว้างฐานล้อ 56.29 นิ้ว

จุดเด่นของ Suzuki GSX-R250 จะอยู่ที่เครื่องยนต์เป็นหลักด้วยช่วงชักของกระบอกสูบที่มีขนาดยาวซึ่งส่งผลให้ความเร็วใช่ช่วงกลางและปลายจะไหลมากเป็นพิเศษ แต่มีการปล่อยไอเสียที่เล็กน้อยซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ผ่านมาตรฐาน EURO4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจเจ้า 2017 Suzuki GSX-R250 ต้องมาลุ้นกันอีกสักหน่อยนะครับเพราะเราอาจจะได้เจอกับรถมอเตอร์สปอร์ตคันนี้อีกไม่นาน

All New R15 ปฐมบทใหม่แห่งสายพันธุ์สปอร์ต

อีกครั้งที่ยามาฮ่า สร้างปรากฏการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจให้กับวงการรถสปอร์ตเมืองไทย ด้วยการเปิดตัว Yamaha YZF-R15 เวอร์ชั่นที่สองของน้องเล็กแห่งตระกูล R-Series
3 ปีก่อนขณะที่กระแสบิ๊กไบค์ซีซีสูงกำลังได้รับความสนใจ จนเหมือนว่ารถซีซีน้อยจะเป็นกลุ่มที่ถูกทิ้งร้างขาดการเหลียวแล ยามาฮ่ากลับสวนกระแสด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาด 150 ซีซี ที่มาพร้อมจิตวิญญาณของความเป็นเรซซิ่งสปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยม เติมเต็มช่องว่างของกลุ่มผู้ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ตในขนาดและราคาที่เอื้อมถึง ทำให้ Yamaha R15 ครองตลาดในส่วนเรซซิ่งสปอร์ต 150 ซีซี มาอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้แม้กระแสความนิยมใน R15 เวอร์ชั่นแรกยังไม่สร่างซา ยามาฮ่า อัพเดทเทคโนโลยีใหม่หมดจรดให้กับ YZF-R15 เวอร์ชั่นสองกันแบบจัดเต็ม

 

เครื่องยนต์ 155 cc. วาล์ว VVA
บล็อกเครื่องยนต์ 4 จังหวะสูบเดียว 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำและกระบอกสูบไดอะซิล เกียร์แบบสปอร์ต 6 ระดับเป็นมาตรฐานที่มาพร้อมระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ได้รับการปรับปรุงเพิ่มสมรรถนะความแรงให้เร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA (Variable Valve Actuation) ตอบสนองทุกช่วงความเร็วได้อย่างทันใจ

สลิปเปอร์คลัทช์
ASSIST & SLIPPER CLUTCH เร้าใจทุกสปีดแบบโปร เทคโนโลยีรถแรงกระชากของล้อหลังขณะทดเกียร์สูงลงมาสู่เกียร์ต่ำ (Shift-Down) เพิ่มความต่อเนื่องและราบรื่นขณะขับขี่ ซึ่งปกติจะมีใช้ในเครื่องยนต์ซีซีสูง แต่ใน YZF-R15 ใหม่ ให้ความเทียบเท่าในเทคโนโลยีเดียวกันกับเหล่าบิ๊กไบค์

ไฟหน้าใหม่ LED
LED Headlight ไฟหน้าสองโคมคู่ส่องสว่างด้วยแสงสีขาวนวลจากหลอด LED ตามสมัยนิยม ถอดแบบมาจาก YZF-R1 สายพันธุ์เรซซิ่งสปอร์ตระดับโลกดีไซน์ใหม่ สปอร์ตดุดันในทุกมุมมอง สว่างชัดในทุกระยะการขับขี่ มีหลอดไฟแสงสูงต่ำทั้งซ้ายและขวาส่องสว่างชัดไม่เสียสมดุล
ไฟท้าย LED
LED Taillight ไฟท้ายในชุดบั้นท้ายรูปทรงโฉบเฉี่ยว สุดเร้าใจในสไตล์ R-Series สว่างชัดด้วยหลอดไฟท้ายแบบ LED โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบรถซูเปอร์ไบค์ตระกูล Rโช้คหน้าหัวกลับ
Telescopic Upside Down ให้ความรู้สึกเต็มอารมณ์สปอร์ต ทั้งภาพลักษณ์และความรู้สึกในการขับขี่ที่มั่นคงจากระบบกันสะเทือนหน้าแบบโช้คหัวกลับ ออกแบบจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ดูดซับสภาพพื้นถนน เพิ่มสมรรถนะในการเข้าโค้ง ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตเต็มขั้น

รูปลักษณ์ใหม่สไตล์ R-Series

แฮนเดิ้ลบาร์จับใต้แผงคอสไตล์เรซซิ่งสปอร์ต

ถังน้ำมันขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเต็มตัว

แผงหน้าปัดจัดมาเป็นดิจิตอลเต็มขั้น

ท่อไอเสียทรงสปอร์ต เท่ล้ำยุค

ไฟท้าย LED กับบาร์ท้ายใหม่

ไฟเลี้ยวในโคมสีขาวปลอดภัยเห็นได้ชัด

สวิงอาร์มหลังดีไซน์ใหม่
New design aluminium rear arm สวิงอาร์มอลูมินัมดีไซน์ใหม่ ออกแบบใหม่ให้กว้างรับกับล้อแม็กและยางขนาดใหญ่กว่าเดิม เบา แข็งแรง รับกับตัวรถ ขับขี่เร้าใจทั้งบนถนนและในสนาม
ดิสก์เบรกหน้าบิ๊กไซส์
Big size disc brake ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 282 มม. เพิ่มความมั่นใจในการหยุดรถทุกช่วงความเร็ว เพิ่มความปลอดภัยในอีกระดับ

ยางหน้ากว้าง
Super wide tire ยางใหญ่เท่เหนือชั้นพันธุ์สปอร์ต ยางเรเดียลขนาดใหญ่ ด้วยขนาดของยางหน้า 100/80-17 และยางหลัง 140-70/17 เพิ่มพื้นที่สัมผัสถนน เข้าโค้งมั่นใจ

หน้าปัดดิจิตอลเต็มระบบ
Full LED digital meter แผงหน้าปัดแบบซูเปอร์สปอร์ตแบบมัลติฟังก์ชั่นจัดเต็มด้วยตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ พร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ Shift light สไตล์เรซซิ่ง ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง YZF-R1 และ YZF-R6 ทั้งหมดนี้คือการถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้นำจากสนามแข่งระดับโลก สู่ปฐมบทใหม่แห่งสายพันธุ์เรซซิ่งสปอร์ต ที่จะพาคุณก้าวข้ามไปอีกขั้น พร้อมส่งมอบความเร้าใจในแบบ YAMAHA ประมาณพฤษภาคมนี้ กับ 3 สีสุดสปอร์ต น้ำเงิน – แดง – ดำ

ข้อมูลทางเทคนิค
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 4 วาล์ว
เทคโนโลยี VVA ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 155 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด 11.6 : 1
กระบอกสูบ x ระยะชัก 58.0 x 58.7 มม.
ระบบหล่อลื่น แบบเปียก
ระบบจ่ายน้ำมัน ระบบหัวฉีด
ระบบจุดระเบิด T.C.I.
ระบบคลัตช์ แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น (สลิปเปอร์คลัทช์)
ระบบเกียร์ แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว หรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ (E10)
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 11.0 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง ไม่มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง 0.85 ลิตร
มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง 0.95 ลิตร
ความจุหม้อน้ำ 0.49 ลิตร
ความจุถังพักหม้อน้ำ 0.15 ลิตร
หัวเทียน เอ็น.จี.เค / เอ็ม.อาร์.8 อี.9 (NGK / MR8E9)
ชนิดของโครงรถ เดลต้าบ็อกซ์
มุมคาสเตอร์/ระยะเทล 25.5° /88 มม.
กว้าง x ยาว x สูง 725 x 1,990 x 1,135 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 815 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 170 มม.
ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ 1,325 มม.
น้ำหนักรวม(น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเชื้อเพลิง) 137ก.ก.
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 2,800 มม.
ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโกปิค (โช้คหัวกลับ)
ระบบกันสะเทือนหลัง สวิงอาร์ม(แขนยึดโช้คอัพหลัง)
ระบบเบรกหน้า-หลัง ดิสก์เบรก
ยางหน้า 100/80-17M/C 52P
ยางหลัง 140/70-17M/C 66S
ไฟหน้า-หลัง LED
แบตเตอรี่ 12 V , 3.0 Ah/GTZ4V (MF)

ความเห็นนักทดสอบ / เขมรัฐ สุธรรมวาท
“แค่มองด้วยตาเปล่าก็คงบอกกันได้ว่า R15 ปี 2017 นี่ใหม่หมดจรดจริงๆ ข้อสรุปสั้นๆ คือมันยังคงรักษาความเป็น R15 เอาไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้เพิ่มเติมให้ทุกอย่างดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้นอย่างที่รถสปอร์ตควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งแบบสปอร์ตพันธุ์แท้อย่างที่ยากจะหารถตลาดรุ่นไหนเทียบได้ มิติของตัวรถเพิ่มขึ้นในส่วนของความสูง น้ำหนัก แต่ความยาวฐานล้อนั้นน้อยลง ชิ้นส่วนตัวรถใหญ่ขึ้นทั้งหมดโดยเฉพาะถังน้ำมันที่ช่วยให้ขี่กระชับขึ้นมาก เครื่องยนต์ถ้าถามความรู้สึกของผม การเพิ่มขึ้นมาของปริมาตรกระบอกสูบแค่ 6 ซีซี แต่มันให้ความรู้สึกของการขับขี่ที่มีชีวิตวีวาขึ้นมาอย่างชัดเจน อาจจะด้วยการทำงานของระบบวาล์ว VVA ด้วยก็เป็นได้ มือเบรกกับมือคลัทช์ยังคงสไตล์ของ R15 ที่ไม่เหมือนใครเอาไว้เหมือนเดิม ที่นั่งผู้ซ้อนท้ายยังคงสูงเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาอย่างใส่ใจคือที่จับของผู้ซ้อนท้ายสไตล์เดียวกับ R1 ดูกลมกลืนมาก YZF-R15 ปี 2017 เป็นรถที่ยังคงความเป็นสปอร์ตพันธุ์แท้เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ขนาดของรถทำให้ดูใหญ่เกินซีซีและมีความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีขึ้น นั่งสบายขึ้น ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีแบบท่วมๆ ในราคาไม่เกินแสน ถ้าคิดว่าเป็นแฟนเรซซิ่งสปอร์ตตัวจริงไม่ผิดหวังครับ”