New CF Moto 650MT

การผจญภัยครั้งใหม่กับรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์โดยการจับมือกันของผู้ผลิตจีนและสหาราชอาณาจักร ซึ่งเจ้ารถคันนี้ไม่ใช่รุ่นแรกที่ผลิตขึ้นมา โดยที่ก่อนหน้านี้มีตัว 650i และ 650RT สไตล์เน็กเก็ดออกมาสร้างกระแสก่อนแล้ว

สำหรับ 650MT นั้นเป็นการต่อยอดจากตัวเดิม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ที่ชอบการขับขี่เดินทาง ผสานความสปอร์ตให้โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้ามองแบบผ่านๆ แล้ว บางจุดจะคล้ายๆ กับค่าย KTM ซึ่งเป็นการตอบรับกับกระแสของรถสไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น รูปทรงการดีไซน์เน้นถึงความเป็นสปอร์ตแต่แฝงด้วยความสะดวกสบายของท่านั่งและออพชั่นเสริมสำหรับเดินทางไกล เครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี แบบสองสูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ เครื่องยนต์ใหม่เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ตอบสนองด้วยอัตราเร่งที่จัดจ้านด้วยการควบคุมของกล่อง EFI พร้อมถ่ายทอดด้วยขุมพลัง 71 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที เกียร์ 6 สปีด สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้อีกด้วย นอกจากนี้มาพร้อมระบบเบรก ABS ไฟหน้า LED เพิ่มความส่องสว่างชัดเจน เสริมช่องพอร์ต USB สำหรับชาร์ท มือถือ และแทบเล็ต จอแสดงผลแอลซีดีที่แสดงตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ ความเร็ว ระดับน้ำมัน ไฟเตือนสัญญาณตามปกติ

 

ระบบรับแรงกระแทกโช้คอัพหน้าหัวกลับ Upside Down ปรับพรีโหลดได้ ระบบห้ามล้อดับเบิ้ลดิสก์เบรกหน้า คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ โช้คอัพหลังเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบสปอร์ต วงล้อแม็กอลูมินัมขนาด 17 นิ้ว หน้า/หลัง พร้อมด้วยยางจุ๊บเบส ท่านั่งสบายแฮนด์เดิ้ลบาร์กว้างยกสูงด้วยตุ๊กตาจากแผงคอ พักเท้าตำแหน่งอยู่กึ่งกลางของรถรับกับเบาะนั่งแบบตอนเดียว วินด์ชิลลดการปะทะของลมและป้องกันเศษหิน และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่เดินทาง กับกล่องเก็บสัมภาระด้านข้างเป็นออพชั่นเสริม

2017 Yamaha Workbike YZ450FM

Yamaha YZ450FM คือ workbike ที่นักแข่งอย่าง Febvre ใช้ชิงชัยใน MXGP ที่มีพื้นฐานมาจากรถโปรดักชั่น แต่หลายชิ้นส่วนนั้นจะแตกต่างไปจากพื้นฐานของรถ YZ450F สแตนดาร์ตหรือ stock platform โดยเฉพาะอย่างยิ่ง”หัวใจของรถ” คือ เครื่องยนต์ ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นจาก stock platform ด้วยการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในด้วยชุดคิทพิเศษที่ดูแลโดย Michele Rinaldi (เจ้าของทีม) เพื่อให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สามารถตอบสนองได้ทุกสภาวะการณ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผ่านกำลังเครื่องยนต์ในแต่ละจังหวะการขับขี่นั้นทำได้โดยไม่มีการสะดุด เพื่อช่วยให้ได้สมรรถนะของเครื่องยนต์ของรถ 450FM นั้นส่งออกมาได้อย่างเต็มที่

ชุดระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่รวมถึงชุดสตาร์ทไฟฟ้านั้นเป็นแพ็ครวมที่พัฒนาพิเศษมาจากโรงงาน ที่ถูกจำกัดว่าเป็นชิ้นส่วนพิเศษ ในระดับที่เรียกว่า secret internals กล่าวคือเป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้ของทีมระดับแฟคทอรี่นั่นเอง ซึ่งระบบอิเล็คทรอนิกส์พิเศษนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับชิ้นส่วนพิเศษของเครื่องยนต์ที่”โมดิฟาย” มาจากชิ้นส่วนเดิมของ stock platform ไม่ว่าแคมที่ปรับองศาต่างๆ มาใหม่,ลูกสูบพิเศษ,ชัดคลัทซ์พิเศษทั้งชุดจาก Hinson,ชุดเกียร์บ๊อกซ์พิเศษ,หม้อน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากของเดิมพร้อมฝาปิดแบบ 2.0 เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในขณะที่ต้องใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง, พร้อมด้วยชุดท่อไอ
เสียไททาเนียมแบบฟูลซิสเท็มจาก Akrapovic,แต่ที่สำคัญก็คือ ระบบจุดระเบิดหรือการกำหนดค่า mapping ของเครื่องยนต์นั้นแม้ว่าจะมีการพัฒนาพื้นฐานเบื้องต้นมาไว้แล้วก็ตาม แต่ด้วยความที่เป็นทีมระดับแฟคทอรี่ ดังนั้น เงื่อนไขของการทำงานข้อหนึ่งนั้น ก็คือ ทุกๆชิ้นส่วนที่จะนำมาปรับเปลี่ยนให้กับเครื่องยนต์ ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของการจูนนิ่งด้วยนิยามของการทำงานที่ชัดเจนที่ว่า “for every new piece of hardware that grace the engine ,the EFI also received software changes to absolutely maximize performance”

 

นอกจากนี้ในส่วนของแชสซีส์คืออีกหนึ่งความสำคัญของรถแข่งแทบทุกชนิดที่มีผลสำคัญต่อสมรรถนะ จากพื้นฐานของแชสซีส์ stock flatform ทางทีมได้ทำการปรับเปลี่ยนองศาใหม่ รวมทั้งการออกแบบส่วนของสวิงอาร์มใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของนักแข่งในทีม พร้อมกันนี้ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้าที่เป็น KYM Air fork และ กันสะเทือนหลัง KYB Shock นั้นต่างก็เป็นแบบ full factory supported ที่จะมีวิศวะกรจาก KYB factory คอยดูแลด้านเทคนิคให้อย่างใกล้ชิดร่วมกับสต๊าฟทีม

ข้อมูลพื้นฐานของตัวรถที่ได้รับการเปิดเผย

รหัสรุ่น :    YZ450FM (YZ450 Factory Machine)
เครื่องยนต์ :  4จังหวะ DOHC 4วาล์ว
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุ :    449.7 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก:    97.0 มม. x 60.8 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด :    13.8 : 1
ระบบหล่อลื่น :    Wet sump / Hydraulic clutch
คลัทซ์ :   คลัทซ์เปียกหลายแผ่นซ้อน
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง :    Fuel Injection
ระบบจุดระเบิด :    TCI
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ :    Electric
ระบบส่งกำลัง :    Constant Mesh, 4-speed
การส่งกำลังขั้นสุดท้าย :    โซ่
เฟรม :    Semi double cradle
กันสะเทือนหน้า :    Upside-down telescop KYB
Factory spring front fork
ระยะยุบตัว :    310 มม.
กันสะเทือนหลัง :    Swingarm, (link suspension)
KYB factory rear shock
ระยะยุบตัว :    315 มม.
เบรกหน้า :    Hydraulic single disc,
ขนาด 270 มม.สำหรับ Febvre / 280 มม.
สำหรับ Van Horebeek
เบรกหลัง :    Hydraulic single disc, ขนาด 220 มม.
ยางหน้า :    80/100-21
ยางหลัง :    110/90-19
ความยาว :    2,170 มม.
ความกว้าง :    825 มม.
ความสูง :    1,280 มม.
ความสูงเบาะนั่ง :    965 มม.
ระยะวีลเบส :    1,475 มม.
ความสูงจากพื้น :    330 มม.
น้ำหนักรถ(รวมของน้ำมัน) :    104 กก.
ความจุเชื้อเพลิง :    7 ลิตร
ความจุน้ำมันหล่อลื่น :    0.9 ลิตร

Husqvarna 701 Enduro & 701 Supermoto

เครื่องยนต์สูบเดียวที่มีเพอร์ฟอร์ม้านซ์สูงที่สุดจาก Husqvarna ในเวลานี้ก็คือ รถจากซีรี่ส์ล่าสุดที่พัฒนาออกมาในตระกูล “701” ที่มีสองสองเวอร์ชั่น คือ 701 Enduro กับ 701 Supermoto โดยทั้งสองเวอร์ชั่นจากตระกูล 701 นี้ ต่างก็ใช้พื้นฐานแบบเดียวกันคือเครื่องยนต์สูบเดียวตัวใหม่ ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่รวมทั้งระบบ
อิเล็คทรอนิกส์สมัยใหม่จนสามารถพัฒนากำลังเครื่องยนต์ออกมาได้ในระดับ 74 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดที่ 71 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที จากขนาดความจุเครื่องยนต์ 692.7 ซีซี ซึ่งเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ยังสามารถผ่านค่ามาตรฐานไอเสีย Euro4 อีกด้วย

ทีนี้ก็มาในส่วนของ 701 Enduro ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่รอบตัวพร้อมกับการขับขี่ในแบบ ออน/ออฟโรด ด้วยการออกแบบตัวรถให้มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังที่ดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าของระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่ออกแบบมาให้ได้การส่งกำลังที่นุ่มนวลควบคู่กับการตอบสนองคันเร่งที่เฉียบคม รวมทั้งการคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยระเบรก ABS ชั้นนำจาก Bosch ที่ปัจจุบันคือหนึ่งในผู้พัฒนาระบบอิเล็คทรอนิกส์ด้านความปลอดภัยชั้นนำแห่งโลกยานยนต์ ด้วยวงล้อขาด 21 นิ้ว และ 18 นิ้ว พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนเกรดเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันที่สามารถปรับตั้งได้หลากหลายค่า โดยมีระยะยุบตัวที่ 275 มม.

ในขณะที่ในส่วนของ 701 Supermoto นั้น ได้มีคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างไปเล็กน้อยแม้จะมีพื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน แต่ได้รับการออกแบบให้ได้รับถึงฟิลลิ่งสมรรถนะในการขับขี่ของรถในแบบซูเปอร์โมโตอย่างแท้จริง อันดับแรกเลยคือ วงล้อที่เปลี่ยนเป็นขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับเน้นในเรื่องของระบบเบรกที่ต้องให้พลังเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน เพราะด้วยระบบควบคุมคันเร่งหรือการเปิดปิดเรือนลิ้นเร่งไร้สายหรือแบบ ride-by-wire throttle นั้น ได้รับการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งกำลังขับเคลื่อนในทุกๆ จังหวะการเปิดคันเร่ง ในขณะที่ข้อมูลพื้นฐานของเครื่องยนต์นั้นมีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 12.7:1 ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Keihin EFI เรือนลิ้นเร่งขนาด 50 มม. โดยใช้ระบบควบคุมเครื่องยนต์และกำหนดการจุดระเบิด ด้วยชุด Keihin EMS ด้วยเฟรมแบบ Chromium-Molybdenum-Steel trellis frame ที่มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้า WP-USD4CS ขนาด 48 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นจะเป็นการทำงานร่วมระหว่างกระเดื่อง กับ WP-Monoshock แต่ระยะยุบตัวของกันสะเทือนหน้า/หลัง ของ 701 Enduro จะเซทไว้ที่ 275 ม.ม./275 มม. และใน 701 Supermoto นั้นจะมีระยะยุบตัวที่ 215 มม./ 250 มม. ในขณะที่ระบบเบรกนั้นต่างก็เป็นระบบเบรกจาก Brembo เพียงแต่ใน 701 Enduro นั้น จะใช้คาลิเปอร์เบรกหน้าแบบสองลูกสูบ พร้อมจานดิสก์ขนาด 300 มม. ส่วนใน 701 Supermoto นั้น จะใช้คาลิเปอร์เบรกแบบสี่ลูกสูบ พร้อมจานดิสก์ขนาด 320 มม. โดยที่ในส่วนระบบเบรกหลังนั้นต่างก็ใช้ Brembo คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวพร้อมจานดิสก์ขนาด 240 มม. แบบเดียวกัน

แม้ว่ารายละเอียดพื้นฐานของตัวรถจะคล้ายกันแต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันไปบ้างนั่นคือ องศาแผงคอของ 701 Enduro ตั้งค่าออพเซทไว้ที่ 32 มม. แต่ใน 701 Supermoto จะมีค่าออพเซทที่ 35 มม. จึงมีส่วนทำให้ค่าของระยะวีลเบสแตกต่างกันไป คือ 1,504 +/-15 มม. กับ 1,480 +/-15 มม. ตามลำดับ เช่นเดียวกับที่ระยะความห่างของตัวรถกับพื้นนั้น จะเป็น 280 มม. กับ 270 มม. ตามลำดับ โดยที่ความสูของเบาะนั่ง จะต่างกันที่ 910 มม. กับ 890 มม. ตามลำดับ ระหว่าง 701 Enduro กับ 701 Supermoto โดยที่ต่างก็มีความจุถังเชื้อเพลิงอยู่ที่ 13 ลิตรเท่ากัน เช่นเดียวกับน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 145 กก. เท่ากัน

Benelli TNT 600i Naked Bike For Fun Ride

สวย เท่ ดูดี แบบไม่มีที่สิ้นสุดกับไอเดียการแต่งรถจักรยานยนต์ สิ่งเป็นกระแสที่ฮิตติดต่อกันมาเป็นสิบๆ ปี ถึงแม้จะมีการพัฒนารูปแบบของตัวรถหรืออุปกรณ์ของแต่งตามยุคสมัย แต่คนชอบความโดดเด่นบนท้องถนนก็ยังมีอย่างต่อเนื่องจะแต่งอย่างไรมันก็อยู่ที่ไอเดียของแต่ละคนรับรองได้เลยว่าไม่เหมือนใครกับ Benelli 600i รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขนาด 600 ซีซี 4 สูบเรียง สไตล์เน็กเก็ดที่ไบค์เกอร์หลายๆ คนชื่นชอบ กับสมรรถนะความเร้าใจ สามารถขับขี่ใช้งานได้ทั้งเมืองและการเดินทางท่องเที่ยว

กระแสของรถใหญ่กำลังมาแรงแซงรถตลาดไปแล้ว Benelli 600i คืออีกหนึ่งของรถที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมความสวยเด่นด้วยของแต่ง ทำให้น่าขับขี่มากยิ่งขึ้น สำหรับเน็กเก็ดไบค์คันนี้ ถูกปรับให้ตำแหน่งท่านั่งก้มหมอบยิ่งกว่าเดิม สลัดคราบเน็กเก็ดธรรมดาจากแฮนด์บาร์ด้วยการใส่ชุดแฮนด์อลูมินัมแบบจับหัวโช้ค ขยับตำแหน่งลงต่ำและใส่สวิตช์ครบครันเพื่อการใช้งานที่สะดวก ที่ปลายแฮนด์เป็นตำแหน่งของกระจกมองหลังสไตล์คาเฟ่ ก้านเบรกเหรียญปรับระดับสำหรับใช้กับแท้งค์แรงดันกล่องเหลี่ยม ต่อสายไล่น้ำมันถักเชื่อมต่อกับชุดดิสก์เบรกหน้าแบบดับเบิ้ลคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ เรเดียลเม้าท์ เป็นแบรนด์ของ Benelli จานดิสก์แบบให้ตัว 300 มม. โช้คอัพหน้าหล่อเต็มๆ กับ Up Side Downไฟหน้าโคมเดี่ยวทรงสปอร์ต เรือนไมล์ดิจิตอลอ่านค่าได้ง่ายเห็นเด่นชัดด้วยจอ LED ถังน้ำมันแบบครอบด้วยวัสดุ ABS เสริมความบึกบึน ปีกข้างหม้อน้ำออกแบบด้วยมุมเหลี่ยมให้ตัดอากาศไม่เสียการทรงตัว เบาะนั่ง ปรับแต่งใหม่ปาดเว้าลึกรองรับท่านั่งที่กระชับด้วยชุดพักเท้าเกียร์โยง และเปลือยชิ้นแฟริ่งส่วนไฟหลังมาเป็นแผงด้วยหลอด LED

ช่วงหลังรองรับการทำงานรับแรงกระแทกด้วยโช้คอัพเดี่ยววางอยู่ด้านข้าง กับโช้คอัพแก๊ส Gazi พร้อมด้วยแท้งค์แบบบิ้วท์อิน สามารถปรับตั้งค่าการทำงานรีบาวด์ได้ตามน้ำหนักหรือตามสไตล์ของผู้ขับขี่ ยัดติดทำงานร่วมกับสวิงอาร์มขนาดใหญ่ ด้านข้างดุดันด้วยปลายท่อคู่ด้วยสีดำ วงล้อแม็ก 17 นิ้ว ก้านแบบ Y รัดแน่นด้วยยางหน้ากว้างพร้อมสำหรับการขับขี่ที่เร้าใจ

เวสปิอาริโอ ขานรับแคมเปญใหม่ระดับเอเชีย

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่”  สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขานรับแคมเปญใหม่ระดับเอเชีย “NOT FOR EVERY ONE. IS IT FOR YOU?” ซึ่งหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากแคมเปญก่อนหน้าที่ใช้มาเป็นระยะเวลา 2 ปี และกระแสการตอบรับอย่างดียิ่งจากเวสป้า พีเอ็กซ์ 125 (Vespa PX 125) ทำให้เชื่อว่าการประกาศเปิดตัวแคมเปญระดับภูมิภาคใหม่ในปีนี้จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยแคมเปญไลฟ์สไตล์นี้ต้องการส่งผ่านเสน่ห์และเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ไอคอน เชื่อมโยงถึงคนที่ต้องการความโดดเด่นและแตกต่างอย่างมีสไตล์ในแบบของตนเอง พร้อมเผยโฉมเวสป้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น “เวสป้า พรีมาเวร่า 150 อาร์โคบาเลโน ลิมิเต็ด อิดิชั่น (Vespa Primavera 150 Arcobaleno Limited Edition) เพียง 120 คัน ด้วยเฉดสีฟ้าพาสเทล (Azzurro Pastello) แรงบันดาลใจจากความสดใสของสายรุ้ง เพื่อเอาใจหนุ่นสาวสไตล์คนเมือง พร้อมเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยการส่งมอบรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายรถรุ่นนี้ให้กับมูลนิธิ เดอะ เรนโบว์ รูม (The Rainbow Room Foundation) พร้อมตอกย้ำความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน มุ่งขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มั่นใจตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง 

WORKBIKE : Yamaha WR450Fs

จากพื้นฐานเดิมของรถแข่งโปรดักชั่น Yamaha WR450F ที่ได้รับการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ด้วยวิวัฒนาการแบบ reverse cylinder head engine, รวมทั้งการเสริมสมรรถนะโครงสร้างแชสซีส์ aluminium bilateral chasis ที่มีส่วนสำคัญทำให้ตัวรถมีประสิทธิภาพในการควบคุมรถและสมรรถนะยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ก่อนที่ ทีม Outsiders Yamaha Official Enduro Team จะนำมาต่อยอดเป็น workbike ในสถานะทีมแข่งแฟคทอรี่จาก Yamaha Europe ในการลงชิงชัย FIM Enduro World Championship

จากข้อมูลเบื้องต้นทางทีมได้ทำการลดน้ำหนักของรถได้ 5 กก. เมื่อเทียบกับน้ำหนักเดิมของ WR450F สแตนดาร์ดพร้อมกับทำการโมดิฟายเพื่อเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยชุดคิทที่ทีมจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ และได้มีการเซ็ทค่าแมปปิ้งเพื่อจัดการระบบจ่ายเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติม อีกทั้งยังได้เปลี่ยนระบบท่อไอเสียเป็นของ Akrapovic และได้ทำการเปลี่ยนระบบกันสะเทือนใหม่โดยเป็นชุดคิทเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ จาก KYB ที่ระบุว่าเป็น A-Kit Factory Suspension

Honda CRF450RX Country by Red Moto

Honda RedMoto คือผู้จำหน่ายรถในกลุ่ม Motocross , Enduro ,Supermoto , และ Trial ที่อิตาลี ซึ่งในแต่ละปี จะมีการพัฒนาปรับแต่งรถเวอร์ชั่นพิเศษสำหรับไลน์การผลิตปกติออกมาจำหน่าย โดยเฉพาะเพื่อการแข่งขัน หนึ่งในรถที่ RedMoto ส่องออกมาจำหน่ายในอิตาลีก็คือ รถที่เซทมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน Enduro ที่ว่ากันว่า เป็นสายพันธุ์แข่งขนานแท้ในระดับ Pure endure DNA อย่าง CRF450RX ที่แบ่งเป็นสองเวอรืชั่น คือ RX กับ RX Country โดยในเวอร์ชั่น RX จะติดตั้งถังเชื้อเพลิงขนาด 7.3 ลิตร , ในขณะที่เวอร์ชั่น RX Country จะติดตั้งถังเชื้อเพลิงขนาด 8.3 ลิตร

ซึ่งทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักแข่งในระดับมืออาชีพสำหรับทุกสังเวียนการแข่งขันที่ต้องการรถแข่งที่มีสมรรถนะเพียงพอกับการชิงชัยในระดับสูงที่ทั้งระบบกันสะเทือนและการเซทค่าแมพปิ้งนั้น ถูกกำหนดมาเพื่อการใช้งานขับขี่ในแบบเอ็นดูโร่โดยเฉพาะ ซึ่งสเปคพื้นฐานมีรายละเอียดเพิ่มเติมคือ ไฟหน้าแบบ LED , เรือนไมล์แบบดิจิตอล , ป้ายเบอร์ข้างมีความแข้งแรง , โช้คอัพหลังเซทพิเศษสำหรับเอ็นดูโร่ , ตัวยึดป้ายท้ายมาพร้อมกับไฟท้าย LED , ระบบท่อไอเสียใช้ฝาปิดปลายท่อเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ , ขาตั้งข้างอลูมินัม , ฟอร์คหน้า Showa ขนาด 49 มม.

ปรับเซทค่าสปริงเพื่อการขับขี่ในแบบเอ็นดูโร่ , การ์ดแฮนด์พิเศษ , และ ใช้การติดเครื่องยนต์แบบสตาร์ทไฟฟ้า , ทางฝั่งซ้ายของแฮนเดิ้ลบาร์ ติดตั้งปุ่ม ดับเครื่องยนต์ ไฟสัญญาณเตือนระบบEFI ,ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่หรือค่าแมพปิ้งของเครื่องยนต์(EMSB) ที่มาพร้อมไฟแบบ LED , สำหรับโหมดการขี่หรือ Honda EMSB (Engine Mode Select Button) กำหนดค่ามาให้เลือกใช้สามโหมด

Husqvarna Work bikes FR 450 Rally

ค่ายรถจักรยานยนต์ Husqvarna เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตของยุโรปที่มีความเป็นมายาวนานโดยเฉพาะกับเกมการแข่งขันในระดับโลก แม้ปัจจุบันจะถูกซื้อกิจการโดย KTM แต่ก็ยังคงมีอิสระในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งในปีนี้จากการแข่งขัน 2017Dakar Rally ถือว่า ทีมแฟคทอรี่ Husqvarna สามารถทำผลงานขึ้นมาได้ค่อนข้างดีมากกับโอกาสในการลุ้นแชมป์ ก่อนที่จะต้องถอนตัวในสองสเตจสุดท้ายจากการที่นักแข่งอย่าง Pablo Quintanilla จะมีอาการป่วย ทั้งที่สามารถทำเวลารวมตามมาเป็นอันดับสองของการแข่งขันแบบมีลุ้น

สำหรับตัวแข่ง FR450 Rally ที่ใช้ในการชิงชัย 2017 Dakar Rally เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้น แม้ว่าข้อมูลพื้นฐานของตัวรถจะระบุว่าใช้สเปคเดียวกับรถแข่งทั่วไปที่ซัพพอร์ทนักแข่งหรือลูกค้าทั่วไปที่ลงแข่งในรายการนี้ด้วย แต่ทว่าโดยความจริงแล้วชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ของ workbike ที่สองนักแข่งแฟคทอรี่ใช้นั้นได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อเสริมสมรรถนะและความทนทานให้กับเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นด้วยพาร์ท คิทพิเศษ ในขณะที่ข้อมูลทั่วไปของตัวรถที่ได้รับการเผยแพร่นั้นเป็นข้อมูลพื้นฐานซึ่งมีรายละเอียดที่เปิดเผยได้ดังนี้คือ พื้นฐานเครื่องยนต์ที่ออกแบบใหม่จากเวอร์ชั่นปีที่ผ่านมา โดยยังคงพื้นฐานเครื่องยนต์แบบสี่จังหวะสูบเดียว SOHC ขนาด 449.3 ซีซี ที่มีขนาดกระบอกสูบxช่วงชัก อยู่ที่ 95×63.4 มม. ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไฟฟ้า Keihin EMS ที่มีขนาดเรือนลิ้นเร่ง 44 มม. ใช้คลัทช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อน โดยชัดควบคุมเป็นระบบคลัทช์แบบไฮดรอลิค พร้อมชุดเกียร์แบบ 6 สปีด

เฟรมโครงสร้างแชสซีส์ออกแบบให้มีความเพรียวบางคล่องตัวแต่มีความแข็งแกร่งด้วยเฟรมแบบ chrome-molybdenum steel trellis frame พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าเป็นฟอร์คแบบอัพไซด์ดาวน์จาก WP ขนาด 48 มม. ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังนั้นเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง linkagesystem กับโช้คอัพหลังเดียวจาก WP
วงล้อเป็นชุดหน้า-หลัง จาก Excel ขนาด 1.60×21 นิ้ว กับ 2.50×18 นิ้ว ตามลำดับ พร้อมทั้งติดตั้งจานดิสก์เบรกหน้าขนาด 300 มม. ส่วนจานดิสก์เบรกหลังเป็นขนาด 240 มม. ด้วยเฟรมโครงสร้างที่ออกแบบของตัวรถเพื่อรองรับการแข่งขันในแบบแรลลี่นี้เอง ทำให้ต้องมีการออกแบบถังเชื้อเพลิงเพื่อให้มีความจุเชื้อเพลิงที่พร้อมรองรับการขับขี่ทางไกล โดยส่วนของถังเชื้อเพลิงนั้นออกแบบให้มีความแคบเพรียวไม่เทอะทะ ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน คือถังหน้ากับถังหลัง ที่มีความจุเชื้อเพลิงรวม 33 ลิตร

และที่พิเศษสำหรับรถแข่งแรลลี่นั้นก็คือ Cockpit ที่ต้องได้รับการออกแบบให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างสะดวกมีประสิทธิภาพ ซึ่งในภาษาวงการแรลลี่จะเรียกเจ้าชิ้นส่วนนี้ว่า navigation tower ที่ติดตั้งอุปกรณ์สำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการนำทางไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องผลิตจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานและน้ำหนักเบา ซึ่งโดยทั่วไป จะใช้วัสดุคาร์บอนฯ เป็นหลักนั่นเอง และนี่ก็คือภาพรายละเอียดของ workbike จาก Husqvarna Factory ที่พลาดโอกาสในการลุ้นแชมป์ 2017 Dakar Rally ไปอย่างน่าเสียดาย….

Montesa 4Ride ตัวลุยสไตล์ Adventure Trial จาก Honda-Montesa

หลังจากที่ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในช่วงปี 1991 ทำให้ทางโรงงานของ Montesa ตัดสินใจที่จะผลิตเพียงเฉพาะรถในกลุ่ม ไทรอัลเท่านั้น และในระหว่างนั้นเองก็ได้มีการพัมนาวิวัฒนาการผลิตเครื่องยนต์ในประเภทเครื่องยนต์แบบสี่จังหวะที่ทันสมัยขึ้นมา เคียงข้างกับเครื่องยนต์สองจังหวะ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัดอย่าง Cota 4RT เป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะสี่วาล์ว พร้อมระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ได้รับการตอบรับด้วยดีในกลุ่มผู้ขับขี่รถประเภทไทรอัลรุ่นใหม่ พร้อมกับในช่วงเวลานี่เองที่ทางบริษัทเริ่มตัดสินใจที่จะรื้อโครงการพัฒนารถในแบบ Adventure trial กลับมาอีกครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้ขับขี่

ด้วยนิยามการออกแบบรถรุ่นใหม่ที่พร้อมตอบสนองการขับขี่ในแบบออฟโรด สนุกสนานทุกรูปแบบการขับขี่ โดยเฉพาะการขึ้นเขา ที่ให้ความสบายในขณะฝ่าเส้นทางที่สำคัญ ต้องเป็นรถจักรยานยนต์ที่เปี่ยมสมรรถนะและคุณภาพในระดับเดียวกับ Cota4RT260, Race Replica, Cota300RR ที่เป็นรถในกลุ่มไทรอัลที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้นทางทีมงาน วิจัยและพัฒนาของ Honda Montesa ภายใต้การดูแลของ Honda Motor จึงได้พัฒนารถรุ่น 4Ride ออกมาสู่ตลาดรถจักรยานยนต์

4Ride เป็นรถรุ่นล่าสุดของ Honda Montesa จากฐานการผลิตที่ Santa Perpetua de Mogoda ในบาเซโลน่า ประเทศสเปน ที่จะส่งจำหน่ายไปทั่วโลก ที่มาพร้อมกับคำจำกัดความ คือ Offroad Adventure ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์แบบสี่จังหวะ ขนาด 258.9 ซีซี จากรุ่น Cota4RT260 กับ Race Replica แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ใหม่ให้มีความแตกต่างกับสเปคของรถในแบบไทรอัล ดังนั้น ในเครื่องยนต์ 4Ride จึงปรับมาใช้ชุดเดียร์บ๊อกซ์แบบ 5 สปีด ที่ให้อัตราทดเกียร์ที่ยาวขึ้น พร้อมกันนี้แม้จะใช้ระบบ ECU แบบเดียวกับในรุ่น Cota260 และ race replica แต่ได้มีการปรับค่าแมปปิ้งใหม่ ด้วยการกำหนดค่ากราฟเพื่อให้ได้ย่านกำลังที่ดีในช่วงรอบทำงานเครื่องยนต์ในย่านต่ำและกลาง อีกทั้งยังกำหนดให้ลดแรงเอ็นจิ้นเบรกลงจากเดิม เพื่อให้ได้การส่งกำลังที่นุ่มนวลมากขึ้น

สำหรับในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้น เป็นเฟรมและสวิงอาร์มอลูมินัมแบบเดียวที่ใช้กับรุ่น Cota 4RT260 เพียงแต่มีการปรับตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่างออกไป โดยมีความสูงของตำแหน่งเบาะนั่ง 800 มม. ที่ทำให้มิติของตัวรถต่างออกไป เหมาะสำหรับการใช้ขับขี่ในแบบ Adventure Trial ซึ่งที่พื้นที่ใต้เบาะนั่งนี้จะมีที่ว่างสำหรับทำเป็นช่องเก็บของขนาดกะทัดรัดสำหรับใส่ของจำพวก ถุงมือ หรือแจ๊คเก็ตได้อีกด้วย และในส่วนของถังเชื้อเพลิงนั้นได้เพิ่มปริมาตรความจุจากขนาด 1.9 ลิตร ที่ใช้กับรถไทรอัลทั่วไป เป็นถังเชื้อเพลิงขนาด 4.4 ลิตร ที่สามารถตอบสนองระยะทางการขับขี่ได้ระยะทางถึง 120 กม. ซึ่งตัวรถมีน้ำหนักสุทธิเพียง 85 กก.

ข้อมูลพื้นฐานรถ

การจ่ายเชื้อเพลิง PGM FI electronic fuel injection
อัตราส่วนกำลังอัด 10,5 : 1
ปริมาตรเครื่องยนต์ 258.9 ซีซี
เครื่องยนต์ สูบเดียว 4จังหวะ4สูบ 4วาวล์ SOHC
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
การติดเครื่องยนต์ สตาร์ทเท้า
เบรกหน้า hydraulic disc ขนาดจาน 185 มม.
พร้อมคาลิเปอร์โมโนบล๊อคแบบ 4สูบ
เบรกหลัง Hydraulic disc ขนาดจาน 183 มม.
พร้อม คาลิเปอร์แบบลูกสูบคู่
กันสะเทือนหน้า telescopic fork ขนาด 39 มม.
สามารถปรับ preload และ rebound damping ,
มีระยะยุบตัว 190มม.
กันสะเทือนหลัง Pro-Link ร่วมกับ ช๊อคอัพแบบ R16V
system, สามารถปรับ preload, มีระยะยุบตัว 170 มม.
ยางหน้า 80/100 21 (Dunlop)
ยางหลัง 120/100 R18 (Dunlop)
วงล้อหน้า 21 × 1,60
วงล้อหลัง 18 × 2,15
องศาแคสเตอร์ 23°
มิติรถ(ย×ก×ส) 2.034 × 832 × 1.160 มม.
เฟรม Double aluminum beam
ความจุถังเชื้อเพลิง 4.4 ลิตร
ระยะห่างจากพื้น 330 มม.
ความสูงเบาะนั่ง 885 มม.
ระยะเทรล 28 มม.
น้ำหนัก 81 กก.
วีลเบส 1333 มม.
คลัทซ์ แบบเปียกหลายแผ่นซ้อน
ระบบควบคุมคลัทซ์ Hydraulic
การส่งกำลัง โซ่
เกียร์บ๊อกซ์ 5 สปีด

 

YZF-R1

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 4 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  998 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  13:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  79.0 * 50.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  17 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง  2055 * 690 * 1150 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 199 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า :เทเลสโคปิคโช้คหัวกลับพร้อมปรับตั้งได้

หลัง :อลูมิเนียม สวิงอาร์ม พร้อมโช้คอัพปรับตั้งได้

ระบบเบรก

หน้า : ABS ดิสก์เบรกคู่ไฮดรอริก 320 มม.

หลัง : ABS ดิสก์เบรกคู่ไฮดรอริก 220 มม

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70 ZR 17 M/C 58W

หลัง : 190/55 ZR 17 M/C 75W

XSR900

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 3 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  847 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  11.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  79.0 * 50.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  14 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง  2075 * 815 * 1135 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 195 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า :

หลัง :

ระบบเบรก

หน้า : ABS ดิสก์เบรกคู่ไฮดรอริก 320 มม.

หลัง : ABS ดิสก์เบรกคู่ไฮดรอริก 220 มม

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70 ZR 17 M/C 58W

หลัง : 190/55 ZR 17 M/C 75W

Super Tenere

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 2 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  1199 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  10.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  90.0 * 79.5 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ/สตาร์ทเท้า
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  17 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง  2250 * 980 * 1410 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 210 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า :เทเลสโคปิคโช้คหัวกลับพร้อมปรับตั้งได้

หลัง :อลูมิเนียม สวิงอาร์มพร้อมโช้คอัพแบบตั้งได้

ระบบเบรก

หน้า : ABS ดิสก์เบรกคู่ไฮดรอริก 310 มม.

หลัง : ABS ดิสก์เบรกเดี่ยวไฮดรอริก 282 มม

ยาง/ล้อ

หน้า : 110/80 R 19 M/C 59V

หลัง : 150/70 R 17 M/C 69V