2018 Husqvarna FC250

สำหรับในไลน์การผลิตรถ MXer จาก Husqvarna ในกลุ่ม Full Size bikes นั้นจะมีการอัพเดทแบบไมเนอร์เช้นจ์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่มีใหม่ก็คือ New Magura Braking System , New Li-ion Battery , New Seat Cover , New Graphics ซึ่ง ระบบเบรกของ My 2018 หรือรถโมเดล 2018 แม้ว่าระบบเบรกหน้าหลังจะมีดีไซน์ที่คล้ายๆ กับโมเดลก่อนหน้านี้ แต่ทาง Magura ยืนยันว่า เบรกหน้าและหลังใหม่นี้จะให้ความรู้สึกที่เหนือกว่า ในประสิทธิภาพการเบรกในขณะที่ใช้พลังขับเคลื่อนในระดับสูง จากคาลิเปอร์เบรกของ Magura ที่จะทำงานร่วมกับจานดิสก์หน้าขนาด 260 มม. กับ จานดิสก์หลัง ขนาด 220 มม. ที่ผลิตโดย GSK ที่พร้อมให้พลังในการหยุดที่ยอดเยี่ยมและได้สมดุลในจังหวะการใช้เบรก

สำหรับในส่วนของแบตเตอรี่ใหม่นั้น เป็น New Li-ion Battery ขนาด 2.2Ah ที่ให้กำลังไฟที่สม่ำเสมอยาวนานสำหรับรองรับระบบสตาร์ทไฟฟ้าที่มีติดตั้งให้กับรถ MXer เครื่องยนต์สี่จังหวะทุกรุ่น ที่สำคัญแบตเตอรี่ใหม่นี้จะมีน้ำหนักที่เบายิ่งขึ้น และในส่วนของกราฟฟิคใหม่ นั้นได้คุมโทนเป็นสีขาวแบบดั้งเดิม พร้อมด้วยเฉดสีน้ำเงิน-เหลืองที่เรียบง่าย ตามแบบฉบับดั้งเดิมของรถที่มีต้นกำเนิดเดิมจากสวีเดน และในส่วนผ้าคลุมเบาะใหม่ ผลิตออกแบบมาให้มีการยึดเกาะที่ดีพร้อมตอบสนองทุกจังหวะการเคลื่อนไหวขณะขับขี่ด้วยเบาะนั่งแบบ low profile ที่ออกแบบมาเข้ากับสรีระขณะนั่ง โครงสร้างเฟรม hydro-formed ที่ตัดชิ้นส่วนด้วยเลเซอร์และใช้การเชื่อมชิ้นส่วนเฟรมโดยหุ่นยนต์ ภายใต้กรรมวิธีการผลิตโดย WP Performance System ที่มีมาตรฐานสูงสุดในการผลิต จึงเป็นเฟรมที่มีคุณภาพสูงแข็งแกร่งให้ความรู้สึกของการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ส่วนของซับเฟรมนั้น เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีน้ำหนักเพียง 1.4 กก. มาที่ส่วนของระบบกันสะเทือนนั้น ชุดฟอร์คหน้าเป็น WP AER 48 Front Forks ที่แยกระบบการทำงานเป็นฝั่งของ air spring กับ pressurized oil chamber ที่จับยึดกับโครงสร้างเฟรมด้วย ชุดแผงคอ CNC Machined Triple Clamps ที่มีขนาดออฟเซทที่ 22 มม. ได้มีการปรับยางรองรับแรงสั่นสะเทือน integrated rubber damping system ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเพิ่มความสบายให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งแผงคอชุดนี้ผู้ขับขี่สามารถปรับตำแหน่งแฮนเดิ้ลบาร์ได้ และในส่วนของ ระบบกันสะเทือนหลังนั้น เป็นชุดโช้คหลังเดี่ยว WP DCC REAR SHOCK ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่มีประสิทธิภาพในการรองรับแรงสั่นสะเทือน และให้สมดุลที่ดีขณะที่ซึมซับแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ซึ่งมีระยะยุบตัวที่ 300 มม.เมื่อทำงานร่วมกับระบบกระเดื่องหรือ linkage system ล้ำสมัยด้วยระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่กลายเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับรถแข่งหรือรถจักรยานยนต์สมัยใหม่ โดยจะมี Map Swith ที่ใช้สำหรับเลือกค่า engine maps สองค่าที่แตกต่างกันได้ รวมทั้งยังสามารถสั่งการระบบช่วยในการออกสตาร์ทหรือ Launch Control เพื่อให้ได้สมรรถนะและการยึดเกาะที่ดีที่สุดในขณะสตาร์ทออกจากเกทสตาร์ท

จากการเป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดดังนั้น “กล่อง” หรือระบบควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงและจุดระเบิดจึงมีความสำคัญ โดย Engine Management System หรือ EMS เป็นระบบที่พัฒนาและออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมุลที่รวดเร็วด้วย Keihin EMS และนอกจากนี้ยังมี Traction Control ที่สามารถควบคุมหรือเลือกเปิดปิดการใช้งานด้วยการกดปุ่มที่แฮนเดิ้ลบาร์ ระบบนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการส่งกำลังเครื่องยนต์ไปที่ล้อหลังให้มีความเหมาะสมกับสภาพการขับขี่ให้มีการยึดเกาะที่ดีที่สุด กล่าวคือ ถ้ารอบการทำงานเครื่องยนต์สูงเกิน ระบบก็จะจำกัดหรือลดกำลังที่ส่งผ่านไปล้อหลังให้ลดลงจนอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่นั่นเอง เพราะฉะนั้นนักแข่งที่ชอบจังหวะการขับขี่ที่ต้องการให้ล้อหลังมีอาการสไลด์หรือดิ้น ก็สามารถที่จะปิดการใช้งาน Traction Control นี้ได้ โดยเครื่องยนต์ของ FC250 นี้มีกำลังสูงสุด 46 แรงม้า ที่ 14,000 รอบต่อนาที

ซึ่งสเปคพื้นฐานของตัวรถมีดังนี้ 

EngineDesign : 1-cylinder, 4-stroke engine
Displacement : 249.9 cm³
Starter : Electric starter
Transmission : 5-speed
Primary drive : 24:73
Secondary gear ratio : 14:51
Clutch : Wet, multi-disc clutch,
Magura hydraulics
EMS : Keihin EMS
Frame design : 25CrMo4 steel
central-tube frame
Front suspension : WP-USD, AER 48, Ø 48 mm
Rear suspension : WP shock absorber
with linkage
Suspension travel (front) : 12.2 inch
Front brake : Brembo twin-piston floating
calliper, brake disc
Rear brake : Brembo single-piston floating
calliper, brake disc
Rear brake disc : diameter 220 mm
Steering head angle : 63.9 °
Seat height : 37.8 inch
Weight without fuel : 217.81 lb.
Suspension travel (rear) : 11.81 inch
Tank capacity (approx.) : 1.85 US gal

2018 Honda CRF250R

ประโยคแรกจากเอกสารประชาสัมพันธ์จาก Honda สั้นๆได้ใจความก็คือ เครื่องยนต์ DOHC ใหม่ ที่ให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิม 9% และมีรอบ redline ที่สูงมากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีการติด
ตั้งระบบสตาร์ทไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ ที่มีมาใน 2018 CRF250R ด้วยอานิสงค์จากรุ่นเรือธงพิกัด 450F อย่างโมเดล 2017 CRF450R จะเพิ่งวิวัฒนาการครั้งใหญ่ด้วยเฟรมเจเนอเร
ชั่นที่ 7 พร้อมด้วยแนวคิดในการพัฒนา “Absolute Holeshort” ได้นำมาถ่ายทอดใช้กับรุ่นรองลงมาในพิกัด 250F อย่าง 2018 CRF250R ที่ได้นำมาปฏิวัติใหม่อีกครั้งด้วยการปรับมิติของตัวรถพร้อมด้วยพัฒนาในส่วนของระบบกันสะเทือนในทิศทางเดียวกับที่ใช้ในรุ่น 450F แต่ได้มีการนำเครื่องยนต์ตัวใหม่ New DOHC engine ที่ทางฮอนด้ามั่นใจว่า โมเดลล่าสุดอย่าง 2018 CRF250R นี้จะสามารถตอบสนองผู้ขับขี่ในระดับมือใหม่จนถึงระดับโปรได้อย่างดี ซึ่งหัวหน้าโปรเจ็คพัฒนา 2018 CRF250R คือ Mr.Mokio Uchiyama ได้กล่าวถึงการพัฒนาว่า
CRF250R ใหม่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นในการออกตัว เร่งทะยานมุ่งเข้าสู่โฮลชอต และพละกำลังที่ยอดเยี่ยมในทุกรอบ ได้ทำการเปลี่ยน Unicam power unit ด้วยเครื่องยนต์ ใหม่ DOHC engine ที่มีรอบการทำงานเครื่องยนต์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น รอบการทำงานสูงขึ้น เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับเฟรม CRF450R ที่พัฒนาให้มีการควบคุมการขับขี่ที่ดี ได้รับประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่ล้อหลังเป็นอย่างดี ทุกส่วนของการพัฒนาล้วนได้รับการดูแลจากทาง HRC เพื่อให้ภาพรวมของ 2018 CRF250R เป็นรถที่เปี่ยมสมรรถนะในการแข่งขัน มีความทนทาน และเป็นรถแข่งที่น่าเกรงขามยิ่งขึ้น ”

สำหรับ 2018 CRF250R มีการพัฒนาที่เหนือกว่า 2017 CRF250R เมื่อเทียบอัตราส่วนระหว่างกำลัง ต่อ น้ำหนักแล้ว จะพัฒนาจากเดิมถึง 5% และหากเปรียบเทียบทดสอบกันแบบล้อต่อล้อแล้ว จะพบว่า ในระยะ 0-10 เมตรนั้น CRF250R เวอร์ชั่นล่าสุด สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 3% อีกทั้งยังมีความว่องไวเพิ่มขึ้นถึง 3.6% ในระยะที่มากกว่า 30 เมตร หรืออาจกล่าวได้ว่า CRF250R เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ เร็วกว่า ครึ่งคันรถ และ หนึ่งช่วงคันรถ ในระยะทางที่กล่าวถึงนี้ ด้วยเครื่องยนต์ DOHC engine ที่ออกแบบให้เป็นเครื่องยนต์ over-square bore and stroke ที่ปรับมาเป็นขนาด 79×50.9 มม. พร้อมด้วยวาล์วที่โตขึ้น โดยวาล์วไททาเนียมใหม่ มีการปรับ ในส่วนของ ไอดีจาก 30.5 เป็น 33 มม.ส่วนวาล์วไอเสีย ปรับจาก 25 เป็น 26 มม. รวมทั้งการปรับไอดีและไอเสียใหม่ จึงเป็นส่วนสำคัญให้มีกำลังที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งรอบการทำงานของเครื่องยนต์ในการเร่งจากโค้งถึงโค้งนั้นสามารถลากกำลังเครื่องยนต์ได้รอบการทำงานที่สุงขึ้นถึง 2,000 รอบ ต่อนาที เช่นเดียวกับที่รอบการทำงานสูงสุดหรือ redline ของครื่องยนต์นั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก 900 รอบต่อนาที ซึ่งอัตราส่วนกำลังอัดของเครื่องยนต์เพิ่มจาก 13.8:1 เป็น 13.9:1

ขณะที่ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์ที่ปรับมาใช้พื้นฐานของเฟรมเจเนอเรชั่นที่ 7 แบบเดียวกับ CRF450R ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับเฟรมเดิมของ CRF250R ในเวอร์ชั่นเดิมแล้วจะพบว่า สามารถลดน้ำหนักเฟรมลง 340 กรัม จาก aluminum beam frame ของรุ่นเดิม แล้วเมื่อเทียบมิติตัวรถกับ CRF250R เดิม จะพบว่าเฟรมใหม่ล่าสุดนี้ให้ระยะวีลเบสสั้นลง 3 มม. มาเป็นระยะที่ 1,486 มม. และระยะห่างระหว่างจุดยึดสวิงอาร์มกับแกนล้อหลังก็จะสั้นลง 15 มม. เหลือระยะห่าง 573 มม. ขณะที่ในส่วนของซับเฟรมนั้น สามารถลดน้ำหนัดลงได้จากเดิม 20% ช่วยให้สามารถจัดการเรื่องจุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักของรถได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ความสูงเบาะนั่งเพิ่มขึ้นอีก 6 มม. เป็นสูง 957 มม. ในขณะที่ระยะห่างจากพื้นหรือ ground clearance เพิ่มขึ้นอีก 5 มม. ทำให้มีระยะห่างเพิ่มเป็น 327 มม. โดยที่น้ำหนักรถที่ไม่มีเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 103.3 กก. และ น้ำหนักรถพร้อมเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 108.1 กก.

สำหรับระบบกันสะเทือนนั้นได้แทนที่หรือเปลี่ยนจากกันสะเทือนหน้า Showa SFF-TAC-Air front fork มาเป็น Showa USD coil-spring fork ที่มีขนาดแกน 49 มม. ซึ่งใหญ่กว่าของเดิมที่มีขนาด 48 มม. และแม้ว่าจะมีทางเลือก คือ Showa Kit fork ที่เป็นชุดแต่ง แต่ก็จะจำกัดเฉพาะทีมแข่งโมโตครอสในเกมชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งสเปคพื้นฐานของ 2018 CRF250R มีข้อมูลดังนี้

Technical Specifications
ENGINE : Type Liquidcooled 4stroke
single DOHC
Displacement : 249.4cc
Bore x Stroke : 79mm x 50.9mm
Compression Ratio : 13.9 : 1
Oil Capacity : 1250cm3
FUEL SYSTEM : Carburation Fuel injection
Fuel Tank Capacity : 6.3 litres
Ignition : Full transistor
Starter : Electric
Clutch Type : Wet multiplate
Transmission Type : Constant mesh
Final Drive : Chain
FRAMEType : Aluminium twin tube
Dimensions (L´W´H) : 2183mm x 827
mm x 1274mm
Wheelbase : 1,486mm
Caster Angle : 27.5 degrees
Trail : 116mm
Seat Height : 957mm
Ground Clearance : 327mm
Weight : 108kg
SUSPENSION Type Front : 49mm Showa coilsprung fork
SUSPENSION Type Rear : Showa monoshock using Honda ProLink system
WHEELS Type : Front Aluminium spoke
WHEELS Type : Rear Aluminium spoke
Tyres Front : 80/10021 Dunlop MX3S
Tyres Rear : 100/9019 Dunlop MX3S
BRAKES Front : 260mm hydraulic wave disc
BREAKS Rear : 240mm hydraulic wave disc

ทัพนักบิด YAMAHA THAILAND RACING TEAM ฟอร์มเดือด สู้สุดใจ กระชากคันเร่งรถแข่งตระกูล R-Series ผงาดยืนโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์เอเชีย สนาม 5

ทัพนักบิด YAMAHA THAILAND RACING TEAM สวมใจนักสู้สายเลือดไทย โชว์ฟอร์มไล่บู๊คู่แข่งสะท้านแทร็คในศึกชิงแชมป์เอเชียรายการ FIM Asia Road Racing Championship 2017 สนามที่ 5 ก่อนกระชากคันเร่งรถแข่งตระกูล R-Series ผงาดยืนโพเดี้ยมได้สำเร็จ โดย ตี – อนุภาพ ซามูล #500 สามารถคว้าชัยชนะอันดับ 2 รุ่น Asia Production 250 cc เรซ 1 และจบอันดับ 4 เรซ 2 พร้อมขยับคะแนนสะสมขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้สำเร็จ ส่วนเพื่อนร่วมทีม ต๋ง – พีรพงศ์ บุญเลิศ #39 และ เติ้ล – พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง #14 ทำผลงานดีที่สุดในการแข่งขันสนามนี้ด้วยการจบอันดับที่ 9 และ 13 ตามลำดับ สำหรับรุ่น Super Sports 600 cc คู่หูจอมเก๋า ตั้น – เดชา ไกรศาสตร์ #24 และ เบียร์ – เฉลิมพล ผลไม้ #65 มีอาการบาดเจ็บจากการแข่งในวันเสาร์ ได้ลงทำการชิงชัย ก่อนทำผลงานดีที่สุดด้วยการจบการแข่งขันในอันดับ 5 และ 6 ตามลำดับ ในเกมการชิงชัยในเรซ 2 โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนาม Madras Motor Race Track ประเทศอินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้

First Test NEW YAMAHA XMAX300

ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์สุดฮอตในกระแส บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานสัมมนาเทคนิคเครื่องยนต์ และ ได้ทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุด XMAX300 สำหรับ ยามาฮ่า XMAX300 สปอร์ตออโตเมติกระดับพรีเมี่ยมคลาส ได้รับการถ่ายทอด DNA ยนตกรรมชั้นนำของตระกูล MAX Series ออกมาได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ BLUE CORE เครื่องยนต์ยุคใหม่ที่ให้ความแรงขึ้นอีกขั้น พิกัด 300 ซีซี พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ที่จะช่วยปรับสมดุลกำลังเครื่องยนต์ เมื่อล้อหน้า และล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กัน เป็นการเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกระดับให้กับสปอร์ตออโตเมติกระดับพรีเมี่ยมคันแรกของเมืองไทยสมรรถนะมาเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่เร้าใจ ตัวรถดีไซน์แบบสปอร์ตเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง TMAX รูปทรงแค่มองอาจดูว่าใหญ่ แต่ลองเข้าไปนั่งคร่อมจะรู้สึกว่าไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป เน้นถึงการขับขี่ใช้งานทั่วไปและทัวร์ริ่งเดินทางไกล เรือนไมล์ แบบดิจิตอลมีหลายฟังก์ชั่นผสมกับอะนาล็อคบอกถึงความเร็ว และรอบเครื่องยนต์ ไฟหน้า LED และมีไฟสูงแยกอยู่ตรงกลาง ไฟท้ายโฉบเฉี่ยวดีไซน์สไตล์ X เบาะนั่งใหญ่นั่งได้สบาย และยกระดับท้ายสำหรับผู้ซ้อนท้ายที่กว้าง UBOX ช่องเก็บของใต้เบาะได้อย่างจุใจ ใส่หมวกกันน็อค 2 ใบ สบายๆ

เครื่องยนต์ Blue Core 292 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ SOHC 4 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 27.62 แรงม้า ที่ 7,250 รอบ/นาที กระบอกสูบยังคงเป็นเทคโนโลยี ไดอะซิล ลูกสูบอลูมินัมอัดขึ้นรูป ระบายความร้อนได้ดีเช่นเดิม ให้กำลังแรงบิดที่ต่อเนื่อง มาไวออกตัวได้ปี๊ดป๊าดดดดดดเร้าใจ คันเร่งมีความหน่วงนิดหน่อยไม่ถึงกับเบามาก รอบเครื่องยนต์ถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน ที่ออกแบบหน้าตาใหม่แบบหยักทั้งบนและล่าง (ลองนึกภาพสายพานรุ่นเก่าด้านบนเรียบ ด้านล่างเป็นหยัก) ชุดคลัทช์หลัง 5 ก้อน เพิ่มสมรรถนะการจับที่ดียิ่งขึ้นฐานล้อที่ออกแบบให้ช่วงรถสั้นส่งผลถึงความคล่องตัวในการพลิกเลี้ยวในทางแคบได้ดี วงล้อหน้าขนาด 15 นิ้ว ให้การควบคุมที่เบาแรง วงล้อหลัง 14 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้างให้ความนิ่มนวลเกาะพื้นถนนได้เยอะ มั่นในในการขับขี่เข้าโค้ง รู้สึกได้เมื่อพลิกเข้าโค้งที่มีความเร็วมากกว่า 80 กม./ชม. ช่วงท้ายไม่มีอาการยวบยาบ ควบคู่ไปกับระบบรับแรงกระแทกโช้คอัพหลัง ถูกวางตำแหน่งไว้ท้ายสุดเพื่อการรับน้ำหนักและรับแรงกดที่ต้องเปิดคันเร่งออกจากโค้งอย่างรวดเร็ว

เทคโนโลยีขั้นเทพ TCS หรือ เรียกกันง่ายๆ ว่า แทร็คชั่นคอนโทรล ถูกจัดใส่เข้าไปเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยกันล้อหลังแซงล้อหน้า สามารถที่จะปิดและเปิดได้ตามทักษะและความต้องการแต่ละคน (แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ลองระบบนี้ เจอกันนอกรอบ) ระบบเบรกแน่นอนกับ ABS ที่ค่อนข้างเซนซิทีฟให้ความรู้สึกเร็ว ปลอดภัย

First Test New Honda CB150R Modern Cafe

ครั้งแรกของโลกกับกองทัพสื่อมวลชนทดสอบขับขี่ CB150R ในสนามทดสอบระดับ 1,700 ล้านบาท ที่ Honda R&D Asia Pacfiififfiic จ.ปราจีนบุรี หลังจากเปิดตัวได้เพียง 4 วัน บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ก็ส่งหมายเทียบเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงชั้นนำของเมืองไทยเข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษกับการทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ Honda CB150R ในสถานที่ปิดส่วนตัวเค้นสมรรถนะและความโดดเด่นของออพชั่นต่างๆ ที่เสริมมาให้อย่างลงตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์

การทดสอบขับขี่ครั้งนี้สื่อมวลชนกว่า 100 ชีวิต เดินทางจากศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัย สุขาภิบาล มุ่งหน้าไปที่ Honda R&D Asia Paciffiic จ.ปราจีนบุรี โดยที่ก่อนfiจะเริ่มเข้าสู่การทดสอบขับขี่ ในช่วงสายๆ ก็มีการเข้าสัมมนาเกี่ยวกับ การออกแบบตัวรถ เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการขับขี่สนุกสนาน ซึ่งจะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เสริมสำหรับ CB150R นั้น มันโดดเด่นกว่ารถในคลาสเดียวกันอย่างสิ้นเชิงตัวรถออกแบบในสไตล์ของ โมเดิร์น คาเฟ่ ฉีกแนวเพิ่มความโดดเด่นซึ่งไม่แตกต่างจากตัวรถคอนเซ็ปต์มากนัก ไฟหน้าทรงกลม แฮนด์บาร์จาก Africa Twin โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. จาก X-ADV ดิสก์เบรกแบบเรดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS จาก CBR1000RR สวิงอาร์มและช่วงท้ายแบบสปอร์ต รวมไปถึงการออกแบบจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่อยู่ตรงลางของตัวเพิ่มสมรรถนะในการทรงตัวและการถ่ายเทน้ำหนักได้ดีขึ้นจากนั้นก็เข้าสู่โปรแกรมการขับขี่ทดสอบโดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง ในการขับขี่ด้วยเส้นทางที่ เน้นความคล่องตัว การพลิกเลี้ยวบนถนนที่มีทั้งเนิน โค้งแคบ โค้งกว้าง ด้วยตัวรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงตรงกลาง และฐานล้อที่ไม่ยาวมากทำให้การพลิกเลี้ยวได้อย่างคล่องตัว หลายๆ จังหวะที่มีเนินการเปิดคันเร่งในรอบที่สูงตัวรถลอยและลงสัมผัสพื้น โช้คอัพหน้าที่มีขนาดแกนที่ใหญ่ทำให้ลดแรงกระแทกและไม่มีอาการส่ายสะบัด รวมไปถึงโช้คอัพหลังที่ซับแรงกดจากกำลังเครื่องยนต์ในการเปิดคันเร่งออกจากโค้งสามารถควบคุมรถได้นิ่งสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ฐานการขับขี่ที่สอง ได้ทดสอบระบบเบรก ด้วยระยะทางตรง 1,200 เมตร แบ่งออกเป็น 2 ช่วง สตาร์ทออกตัวไป 500 เมตร มีจุดดักให้ใช้เบรกอย่างเต็มที่ ทั้งหน้าและหลัง ด้วยประสิทธิภาพของดิสก์หน้าแบบ 4 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลัง พร้อมระบบ ABS ทำให้ระยะการเบรกนั้นสั้นลง การทำงานของ ABS ลดการล็อคของล้อ และวนกลับให้ลองเปิดคันเร่งทำท็อปสปีดกันยาวๆ ความเร็วที่ได้ประมาณ 136 กม./ชม.ฐานที่สาม การขับขี่ทดสอบความเร็วและการทรงตัวในโค้งด้วยความเร็ว แบบรูปไข่ กดคันเร่งกันแบบไม่มียกคันเร่ง ถึงแม้จะมีเส้นแทบสีเหลืองให้ชะลอความเร็ว แต่ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี ในความเร็วระดับ 136 กม./ชม. สามารถที่ขยับตัวและเอียงตัวรถเข้าโค้งโดยที่ไม่มีอาการส่ายหรือความเร็วลดลง

เป็นการทดสอบที่เห็นได้ถึงสมรรถนะเครื่องยนต์และการทำงานของอุปกรณ์เสริมระดับชั้นนำที่ให้ความคุ้มค่า พร้อมกับการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ฮอนด้ากล้าฉีกกฎเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการขอผู้ใช้

นักบิดยามาฮ่า ซุป – อนุชา ควงคู่ เบิร์ด – ประวัติ นำรถแข่งตระกูล R-Series คว้าชัยยืนโพเดี้ยมสูงสุด ศึกชิงแชมป์ประเทศไทยสนาม 8 แบบเหนือชั้น

นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ตอกย้ำความแรงรถแข่งตระกูล R-Series ผงาดยืนโพเดี้ยมสูงสุดแบบเหนือชั้นในศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 8 รายการ IRC-elf MotoRace 2017 สนามสุดท้าย โดย ซุป – อนุชา นาคเจริญศรี #10 หวดคันเร่ง YZF-R1 ฝ่าด่านหินทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 1 รุ่น D.I.D Superbikes 1000 cc ได้แบบเหนือชั้น เบิร์ด – ประวัติ ญาณวุฒิ #95 สามารถกระชากคันเร่ง YZF-R6 ทิ้งห่างคู่แข่งแบบขาดลอยก่อนคว้าอันดับที่ 1 รุ่น elf SuperSport 600 cc โซ่ – อานนท์ สังวาลย์ #3 ที่ลงทำการแข่งขันในรุ่น elf SuperStock 1000 cc สนามนี้ไม่จบการแข่งขัน แต่ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำคะแนนสะสมศึกชิงแชมป์ประเทศไทยต่อไป โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา เมื่อเร็วๆ นี้

เอ.พี.ฮอนด้า ร่วมยินดีไทยเซ็นสัญญาจัดโมโตจีพี 3 ปี

นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด พร้อมด้วยนักแข่งในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นำโดย ชิพ-นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์รุ่นโมโตทรี, เอ้-วรพงศ์ มาลาหวล และดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง สองนักแข่งผู้คว้าอันดับที่สี่ในรายการซูซูก้า 4 ชั่วโมง เข้าร่วมแสดงความยินดี ในพิธีลงนามระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับทางดอร์น่า สปอร์ต ในงานแถลงข่าวการเซ็นสัญญาให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี เป็นระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2561-2563 โดยจัดขึ้น ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย

ยามาฮ่าร่วมสนับสนุนศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ที่ประเทศไทย

มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ  ประธานกรรมการบริหาร นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์  รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วม กับ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร  รองนายกรัฐมนตรี และ มร.คาร์เมโล เอซเปเลต้า  ซีอีโอ ของ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ในงานแถลงข่าว และลงนามสัญญาการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ไทยแลนด์ 2561 – 2563 โดยกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ได้มีการเตรียมความพร้อม และผลักดันให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกับบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ ดอร์น่า สปอร์ต โดยได้จัดพิธีลงนามสัญญาการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ขึ้นเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งการแข่งขัน โมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ จะจัดขึ้นที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

 

โดยการลงนามในครั้งนี้มีขึ้น ณ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้

ยามาฮ่า จับแจกจริง ตั๋วชม MotoGP พร้อมแพ็กเกจประเทศมาเลเซียรวมมูลค่า 450,000 บาท

นายภาณุพล กิตติคำรณ  ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายวางแผนการขาย และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้เกียรติจับรางวัล บัตรเข้าชม MotoGP ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยผ่านแคมเปญ “YAMAHA RIDERS’ CLUB มอบโชค ลุ้นชม MotoGP ณ สนามเซปัง” สำหรับลูกค้าที่จองรถยามาฮ่าบิ๊กไบค์ในงาน “Bangkok International Grand Motor Sale 2017” จำนวน 15 รางวัล รางวัล 30,000 บาท รวมมูลค่า 450,000 บาท โดยการจับรางวัลในครั้งนี้จัดขึ้น ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยนานยนต์ยามาฮ่า (YRA) เมื่อเร็วๆ นี้

สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีได้ที่
Facebook: Yamaha Society Thailand และ Yamaha Riders’ club Thailand

 

BMW C 650 Sport

BMW C 650 Sport เปลี่ยน ประสบการณ์การขับขี่ เป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาบิ๊กสกู๊ตเตอร์ในการขับขี่ใช้งาน ทั้งในเมืองและการขับขี่ท่องเที่ยว ให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย

ค่ายตราพัดจากฝั่งยุโรปประเทศเยอรมันเริ่มขยับขยายการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้นด้วยรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่รูปลักษณ์ที่ทันสมัยและล้ำสมัยของ C 650 Sport ที่สะดุดตา ด้านหน้าออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ ไฟหน้าสปอร์ตสองดวง ไฟเลี้ยวแยก วินชิลด์ทรงสูงที่สามารถปรับระดับได้มองเห็นได้ชัดเจน ช่วงล่างใช้เทคโนโลยีทันสมัยไม่ได้ต่างไปจากรถสปอร์ตขนาดใหญ่ โช้คอัพหน้าแบบ Upside Down วงล้อแม็กกับยางจุ๊บเลสหน้ากว้างที่ให้การเกาะพื้นผิวถนนได้เหมือนกับบิ๊กไบค์ ท่านั่งของผู้ขับขี่นั่งได้สบายด้วยเบาะขนาดใหญ่และยกระดับช่วงท้ายสำหรับผู้ซ้อนท้ายและบาร์จับกันตกที่รับกับไฟท้าย ฟุตบอร์ดขยับวางเท้าได้สบาย แฮนด์ยกสูงขึ้นให้สามารถควบคุมได้ง่ายเบาแรง เรือนไมล์ดิจิตอลและอะนาล็อคที่บอกรอบเครื่องยนต์ บอกความเร็ว และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ช่องเก็บของด้านในอินเนอร์และใต้เบาะขนาดใหญ่ C 650 Sport ใหม่และ C 650 GT ใหม่เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง สูบละ 4 วาล์ว ปริมาตรความจุ 647 ซีซี โดยฉีดน้ำมันด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขับเคลื่อนแบบไดนามิก ส่งพละกำลังออกมาได้ 60 แรงม้า (44 กิโลวัตต์) ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดของ 46.5 ฟุต / ปอนด์ (63 นิวตันเมตร) ที่ความเร็วรอบ 6,000 รอบ/นาที ตอบ สนองความต้องการของสารมลพิษมาตรฐาน EURO4 ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ CVT ใหม่พร้อมกับชุดเบรกใหม่ระดับไฮเอ็นระบบคลัทช์ที่เหมาะสมโดยการเปลี่ยนอัตราส่วนการขับเคลื่อนของ CVT รวมถึงการปรับกำลังแรงเหวี่ยงแบบแรงเหวี่ยงระบบกันสะเทือนใหม่และชุดกันกระแทกเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายโครงสร้างคอมโพสิตไฮบริดแบบแข็งซึ่งประกอบไปด้วยท่ออลูมินัมหล่อขึ้นรูป และมาตรฐานด้วยระบบเบรก ABS และ ASC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเบรกและเร่งความเร็วได้อย่างมั่นใจ

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ BMW นั้นผลิตด้วยเทคโนโลยีของตอบสนองความต้องการของลูกค้าอีกหนึ่งเซ็กเม้นท์ นอกจากรถซูเปอร์ไบค์ที่กำกลังได้รับความนิยมในตอนนี้

ยามาฮ่าสนับสนุนคอนเสิร์ต เจ เจตริน เจ้าพ่อขาแดนซ์เมืองไทย กับ J DNA X-TREME CONCERT

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพกับ นางสาวสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจสื่อ) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และ เจ เจตริน วรรธนะสิน  Brand Ambassador Yamaha Riders’ club และ Yamaha WaveRunner ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของเจ้าพ่อขาแดนซ์เมืองไทยที่จะปลุกเชื้อความมันส์สายพันธุ์แดนซ์อีกครั้ง ในชื่อคอนเสิร์ต “J-DNA X-TREME CONCERT” มากกว่า Restage, Upgrade ความฟิน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-17 ธันวาคมนี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เอ-ไทม์ โชว์บิส การันตีความมันส์ โดยงานแถลงข่าวครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 21 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อเร็วๆ นี้ สำหรับลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเพียงโชว์กุญแจรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่น รับส่วนลดบัตรคอนเสิร์ต พิเศษ 15% (จำนวนจำกัด) โดยสามารถซื้อบัตรที่ Thai Ticket Major ทุกสาขา…เคลียร์ตัวเองให้พร้อมแล้วมาแดนซ์กันให้เต็มที่ 16-17 ธันวาคมนี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จำหน่ายบัตรวันที่ 1 กันยายนนี้ ที่ Thai Ticket Major ทุกสาขา บัตรราคา 4,000/3,500/3,000/2,500/2,000 และ 1,500 บาท

 

ยามาฮ่า สุดฮอต!! ยอดจองทะลุ 884 คัน ในงาน Big Motor Sale 2017 หลังการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่

หลังการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Yamaha XMAX 300 สปอร์ตพรีเมี่ยมสไตล์ออโตเมติก ครบทุกฟังชั่นระดับท็อปคลาส และ Yamaha MT-07 Special Colour เนคเก็ตไบค์สไตล์สปอร์ต อย่างเป็นทางการในงาน “Bangkok International Grand Motor Sale 2017” ต่างได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้บูธ “Yamaha Revs To The MAX” สุดคึกคัก และมีผู้สนใจมาสัมผัส และจองรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้อย่างต่อเนื่องทุกวัน ส่งผลให้ยอดจอง และจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ตั้งแต่วันที่ 19 -27 สิงหาคม 2560 ที่จัดงานในครั้งนี้ มียอดจำหน่ายสูงกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ โดยมียอดรวมทั้งหมดจำนวน 884 คัน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความร้อนแรงของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้เป็นอย่างดี

โดยในงานนี้ยามาฮ่านำรถจักรยานยนต์มาร่วมออกแสดงอย่างมากมาย โดยจัดเป็น 5 โซนได้แก่ MAX Series Zone, R- Series Zone, MT- Series Zone , Sport & Heritage Zone และ Life Style Zone

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า หรือรถยามาฮ่าบิ๊กไบค์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าใกล้บ้าน หรือสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Website : www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @Yamaha Society Thailand
Youtube : Yamaha Society Thailand