2018 Honda X-ADV

ที่อิตาลี ได้มีการเปิดตัว Honda X-ADV อย่างเป็นทางการแม้ว่าปลายปีที่ผ่านมาจะได้เผยโฉมออกมาโชว์ในงาน EICMA แล้วก็ตาม สำหรับตัวลุยที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบออโตเมติกนี้ ซึ่ง Mr.Kenichi Misaki ในฐานะ Large Project Leader 2018 X-ADV ได้กล่าวว่า

“ คอนเซ็ปง่ายๆในการพัฒนา X-ADV ของเรานั้นก็คือ GoHave Fun ซึ่งเราต้องการที่จะสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีองค์ประกอบมีจิตวิญญาณของความเป็นนักผจญภัย ซึ่งเรารู้ว่าเราต้องการที่จะทำให้ X-ADV นั้น สามารถตอบสนองการใช้งานได้จริงในเมืองและการขับขี่ได้ทุกรูปแบบการใช้งาน มีองค์ประกอบที่เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ที่นอกจากจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดีสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถตอบสนองความสนุกสนานในการขับขี่ช่วงวันหยุดได้อย่างเต็มที่ ”

ดังนั้นทางทีมวิจัยและพัฒนาจึงได้ปรับสเปคพื้นฐานเพื่อยกระดับ X-ADV ใหม่นี้ เพื่อให้สามารถรองรับกับการขับขี่ในแบบ ออฟโรดได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็จะต้องพร้อมตอบสนองคุณสมบัติที่ดีในเรื่องของความสะดวกสบายต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า X-ADV เวอร์ชั่นใหม่นี้หากเทียบกับรถยนต์แล้วก็คือรถในสไตล์ SUV นั่นเอง ที่ให้ความสะดวกสบายมากขึ้นในการเดินทางไกล รวมทั้งได้รับสมรรถนะที่แข็งแกร่งขึ้นจากขุมพลัง 745 cc twin cylinder engine ซึ่งในเวอร์ชั่น 2018 นี้ได้ ระบบส่งกำลัง Dual Clutch Transmission(DTC) ได้เพิ่มปุ่ม off road G switch และ เพิ่ม Honda Swlectable Torque Control (HSCT) สองเลเวลเพื่อควบคุมหรือปรับค่าแรงบิดที่เหมาะสม ดังนั้น HSTC ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้จะมีทั้งสิ้นสามระดับ โดยหลักแล้วทางทีม R&D ได้เพิ่มเติม ประสิทธิภาพในการตอบสนองการใช้งานในแนว Adventure มากขึ้น ดังนั้นชิ้นส่วนบอดี้เฟรมโครงสร้างจึงได้รับการออกแบบให้มีจิตวิญญาณของความเป็นแอดเวนเจอร์ หรือ the spirit of adventure อย่างเช่น screen หรือบังลมหน้านั้นสามารถปรับได้ 5 ตำแหน่งโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วยเพื่อให้สามารถกันลมและปกป้องจากอากาศหรือแรงปะทะขนาดขับขี่ได้ดีขึ้น โดยระดับความสูงในการปรับนั้นต่างกัน 136 มม. และองศาระหว่างจุดสูงสุดกับต่ำสุดทำมุม 11 องศา เช่นเดียวกับที่ชุดแผงหน้าปัดหรือจอแสดงผลนั้นใช้สไตล์เดียวกับ CRF450Rally รวมทั้งยังมีการ์ดแฮนด์แบบเดียวกับที่ใช้ใน CRF100L Africa Twin อีกด้วย และจากเฟรมโครงสร้างที่ออกแบบมานั้นมีส่วนให้ออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะมีความจุมากถึง 21 ลิตร พร้อมทั้งมีช่องเสียบไฟขนาด 12V อยู่ใต้เบาะ

ซึ่งตัวรถมีข้อมูลสเปคพื้นฐานดังนี้ 

ENGINE
Type Liquid-cooled, L2, SOHC
Engine Displacement (cm³) 745cc
No. of Valves per Cylinder 4
Bore ´ Stroke (mm) 77 x 80
Compression Ratio 10.7:1
Max. Power Output 40.3kW @ 6,250rpm
Max. Torque 68Nm @ 4,750rpm
Oil Capacity 4.1L
FUEL SYSTEM
Carburation PGM-FI
Fuel Tank Capacity 13.1L
Fuel Consumption 27.5km/l
ELECTRICAL SYSTEM
Starter Electric
Battery Capacity 12V-11.2AH
ACG Output 420W @ 5,000rpm
DRIVETRAIN
Clutch Type Wet multiplate Hydraulic /
Wet multiplate Hydraulic Dual clutch (DCT)
Transmission Type 6-speed
Final Drive Chain
FRAME
Type Steel Diamond
CHASSIS
Dimensions (LxWxH) 2245x910x1375
Wheelbase 1,590mm
Caster Angle 27°
Trail 104mm
Seat Height 820mm
Ground Clearance 162mm
Kerb Weight 238kg
Turning radius 2.8m
SUSPENSION
Type Front Adjustment
Type Rear Prolink with Rear Shock
Preload adjustment
WHEELS
Rim Size Front 17 inch
Rim Size Rear 15 inch
Tyres Front 120/70 R17
Tyres Rear 160/60 R15
BRAKES
ABS System Type 2 Channel
INSTRUMENTS & ELECTRICS
Instruments Digital
Headlight LED
Taillight LED

ออกมาแล้วบัตรแข็ง โมโตจีพี พีทีทีไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์

กระแสความนิยมยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี รายการ PTT Thailand Grand Prix 2018 ที่จะเปิดฉากขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค. 2561 นี้ โดยหลังจากเปิดจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา และบัตรชมในส่วนของแกรนด์สแตนด์ ถูกจับจองหมดอย่างรวดเร็ว ล่าสุดฝ่ายจัดการแข่งขันเผยโฉมบัตรพลาสติกแข็ง ทั้ง 4 เวอร์ชั่น ได้แก่ บัตรแกรนด์สแตนด์ ,บัตรไซด์สแตนด์ ,บัตรมาร์เกซสแตนด์ และบัตรรอสซี่สแตนด์ พร้อมให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยแลกรับบัตรเข้าชมการแข่งขันได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เวลา 12.00 น. จนถึงวันที่ 24 กันยายน 2561 หลังจากนั้นสามารถแลกได้ที่หน้างาน

ซึ่งความพิเศษของบัตร มาเกวส และ รอสซี่ สแตนด์ นอกจากจะเป็นการรวมตัวของ แฟนพันธ์แท้ ของทั้ง 2 นักบิด ให้มารวมอยู่ในสแตนด์เดียวกันแล้ว ยังมีของที่ระลึกพิเศษ ให้กับแฟนคลับ ของทั้ง 2 ทีม ด้วย โดย ผู้ที่ซื้อบัตร มาเกวส สแตนด์ จะได้รับ เสื้อยืด และ ธง ส่วนผู้ที่ซื้อบัตร รอสซี่ สแตนด์จะได้รับ หมวก และ ธง ซึ่งผู้ถือบัตร รอสซี่ และ มาเกวสสแตนด์ สามารถนำบัตรมาแลกของที่ระลึกได้ที่หน้างาน (ของที่ระลึกเป็นไปตามที่เจ้าของสิทธิ์สแตนด์นักแข่งเป็นผู้กำหนด)

Aprilia SX50 & RX50

ผู้ผลิตจากอิตาลีอย่าง Aprilia ระบุว่า รถในซีรีส์ SX50 และ RX50 เป็นรถในระดับตัวท็อปของซีรี่ส์ที่พร้อมจะเป็น ก้าวแรกในการนำคุณเข้าสู่ The World of OFF-ROAD and MOTARD ด้วยสมรรถนะของรถในแบบ HIGH PERFORMANCE สำหรับรถในขนาด 50 ซีซี

 

ทั้งสามโมเดลของ Aprilia ในกลุ่ม small off-road bikes คือ SX , SX Factory , RX Factory มีเป้าหมายที่ youngsters ที่พร้อมรองรับการใช้งานขับขี่เพื่อความสนุกและสามารถที่จะใช้ขี่ไปโรงเรียนหรือในเมืองได้อีกด้วย และรถในรุ่น SX ก็พร้อมสำหรับตอบโจทย์นี้ ขณะที่อีกสองโมเดลอย่าง SX50Factory กับ RX50Factory นั้นจะได้รับการ”เพิ่ม”องค์ประกอบ เพื่อเน้นที่การตอบสนองการใช้งานในการแข่งขันที่มากขึ้นโดย ในส่วนของ RX50Factory จะใช้วงล้อขนาด 21 นิ้ว และ 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น SX50Factory นั้น จะใช้วงล้อขนาด 17 นิ้วทั้งหน้าและหลัง ส่วนสเปคอื่นนั้นเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งข้อมูลของทั้งสามโมเดลมีสเปคดังนี้

APRILIA SX 50
Engine type Single cylinder 2-stroke engine with light alloy cylinder, liquid cooled
Bore and stroke 39.88×40 mm
Total engine capacity 50 cc
Compression ratio 11.5:1
Fuel system With electronically controlled DELL’ORTO PHVA 17.5 carburettor
Starter Kick Starter
Lubrication Automatic mixer
Transmission 6 speed, drive ratio: 1st 11/34
2nd 15/30, 3rd 18/27, 4th 20/24, 5th 22/23,6th 23/22
Clutch Multi plate wet clutch
Primary drive Straight cut gears, gear ratio: 21/78
Final drive Chain, gear ratio: 11/59
Frame Twin-tube steel frame
Front suspension Telescopic hydraulic fork with Ø 37 mm stanchions, wheel travel 170 mm
Rear suspension Swingarm in high resistance steel. Hydraulic monoshock absorber Wheel travel 200 mm.
Brakes Front: Ø 260 mm stainless steel disc with floating calliper Rear: Ø 220 mm stainless steel disc
with floating calliper
Wheel rims Front: 2.75 X 17” rear: 3.5 X 17”
Tyres Front: 100/80 – 17”, rear: 130/70 -17”
Dimensions Max. length: 2,020 mm Max. width: 830 mm
Saddle height: 860 mm Wheelbase: 1,365 mm
Fuel tank capacity 7 litres
Consumption 3,14 l/100 km
CO2 emissions 76 g/km
Kerb weight 99 kg
Approval Euro 4

Aprilia RX 50 Factory
Engine type Single cylinder 2-stroke engine with light alloy cylinder, liquid cooled
Bore and stroke 39.88×40 mm
Total engine capacity 50 cc
Compression ratio 11.5:1
Fuel system With electronically controlled DELL’ORTO PHVA 17.5 carburettor
Starter Kick Starter
Lubrication Automatic mixer
Transmission 6 speed, drive ratio:, 1st 11/34
2nd 15/30, 3rd 18/27, 4th 20/24,5th 22/23,6th 23/22
Clutch Multi plate wet clutch
Primary drive Straight cut gears, gear ratio: 21/78
Final drive Chain, gear ratio: 11/59
Frame Twin-tube steel frame
Front suspension Upside down fork with Ø 41 mm stanchions, wheel travel 240 mm
Rear suspension Aluminium alloy swingarm, mono shock absorber with progressive link system,
200mm wheel travel
Brakes Front: Ø 260 mm stainless steel disc
with floating calliper, 2 pistons
Rear: Ø 220 mm stainless steel disc with floating calliper
Wheel rims SX Factory : Lightweight alloy wheels, front: 2.75 X 17” rear: 3.5 X 17” RX Factory: Radial rims with aluminium channel, front: 1.60 X 21” rear: 1.85 X 18”
Tyres SX Factory : front: 100/80 – 17”, rear: 130/70 -17”
RX Factory : front: 80/90 – 21”, rear.: 110/80 -18”
Dimensions Max. length: SX factory: 2,055 mm, RX Factory: 2,105 mm Max. width: 840 mm Saddle height: SX Factory: 875 mm, RX Factory: 880 mm Wheelbase: SX Factory: 1,395 mm, RX Factory: 1,395 mm
Tank 7 litre capacity
Consumption SX: 3,14 l/100 km – RX: 2,96 l/100 km
Emissions SX: 76 g/km of CO2 – RX: 72 g/km of CO2
Kerb weight 104 kg
Approval Euro 4

Indian Scout FTR1200

จากเครื่องยนต์ 1,133 ซีซี V-Twin ของรถอเมริกันครุยเซอร์อย่าง Indian Scout ได้ถูกนำมาปรับแต่งเป็นรถในสไตล์ Flat Track ที่มีรถแข่ง Scout FTR750 เป็นต้นแบบ โดยทาง Indian ได้ให้ Wrecking Crew ผลิตและปรับแต่ง Scout FTR1200 Custom ซึ่งออกมาสองเวอร์ชั่นนั่นคือ เวอร์ชั่นรถแข่ง กับเวอร์ชั่นสตรีทไบค์ เพื่อนำออกแสดงในงานต่างๆ ซึ่งจะเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์อันน่าภูมิใจของ Indian ใน American Flat Track ให้ผู้ใช้จากยุโรปและส่วนต่างๆได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น หลังจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาห้าปี Indian พยายามอย่างยิ่งที่จะ”เปิดตลาดไปทั่วโลก”

โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันในสหรัฐอเมริกา Indian ก็ได้มีส่วนร่วมกับการแข่งขันยอดนิยมของคนอเมริกันอย่าง FlatTrack ซึ่งรถแข่ง FTR750 ก็ได้รับความสำเร็จในสนามแข่งพร้อมๆกับเป็นที่สนใจมากขึ้น ดังนั้นทาง Indian จึงได้วางแผนที่จะนำ Indian Scout FTR1200 Custom ออกแสดงไปทั่วโลกนั่นเอง โดยข้อมูลของ FTR 1200 Custom มีรายละเอียดเบื้องต้นคือ เฟรมและสวิงอาร์มผลิตจาก 4130chromoly steel trellis ตัวรถมีระยะวีลเบส 1,518 มม. น้ำหนักรถ 194 กก. เครื่องยนต์ V-Twin 60องศา 1,133 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมชุดท่อไอเสีย S&S Cycle Tracker exhause ที่ให้กำลังมากกว่า 100 แรงม้าระบบกันสะเทือนฟอร์คหน้า Ohlins แบบ Fully adjustable และกันสะเทือนหลังแบบ monoshock พร้อมด้วยชุดเบรกคาลิเปอร์เบรก Brembo ส่วนชุดจานดิสก์เป็นชิ้นงานตัดขึ้นพิเศษโดยสำนักแต่งอย่าง Lyndall Crown ไม่แน่หากการตอบรับในการออกจัดแสดงแบบ world tour ของ Indian Scout FTR1200 custom ได้รับกระแสตอบรับที่ดี

เราก็อาจจะมีโอกาสได้เห็นรถโปรดักชั่นในอีกสไตล์จากค่ายเก่าแก่อย่าง Indian ก็เป็นได้

KTM Freeride E-XC

เงียบแต่ไม่เหงา สำหรับรถไฟฟ้า ตระกูล Freeride จากค่าย KTM ที่พัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยโมเดล 2018 ล่าสุดนี้ทาง KTM ได้เพิ่มกำลังที่สูงขึ้นให้กับมอเตอร์ด้วยการเพิ่มความจุของไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จไฟได้เร็วขึ้น อัพเกรดระบบกันสะเทือนใหม่ กล่าวได้ว่า ผู้ขับขี่จะสามารถสนุกสนานแบบไร้มลภาวะได้ต่อเนื่องถึง 1.30 ชม. แบบไร้ขีดจำกัดกับ Freeride E-XC โมเดลล่าสุดจากสายพานการผลิตรถไฟฟ้าจาก KTM

ด้วยการพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 18kW ที่ติดตั้งตำแหน่งติดตั้งใหม่ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น อีกทั้งในชุดของ KTM PowerPack นั้นได้เพิ่มความจุของแบตเตอรี่ให้สามารถเพิ่มกำลังไฟได้มากขึ้นจากเดิมอีก 50% ซึ่งจะช่วยให้การชาร์จหนึ่งครั้งเพียงพอที่จะขับขี่ได้ต่อเนื่องนานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งตามที่กล่าวไปแล้ว และในการขับขี่ KTM Freeride E-XC นี้ทาง KTM ได้ติดตั้งโหมดการขี่มาให้สามโหมด คือ Economy ซึ่งระบบจะกำหนดความเร็วของการขับขี่ไว้ไม่เกิน 50 ก.ม./ช.ม.– Enduro ในโหมดนี้ระบบควบคุมจะกำหนดการจ่ายกำลังไฟสูงสุดในระดับ 16 kW – Cross ระบบควบคุมจะจ่ายกำลังไฟออกมาสูงสุดที่ 18 kW

 

จากพัฒนาล่าสุดของ Freeride E-XC นี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการจั๊มพ์หรือกระโดดเนินที่สูง ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการปรับระบบกันสะเทือนใหม่ โดยกันสะเทือนหน้าได้ใช้ของ WP XPlor 43 ที่เป็นฟอร์ค
แบบอัพไซด์ดาวน์ที่มีระยะยุบตัว 250 มม. ส่วนกันสะเทือนหลังเป็นของ WP PDS XPlor shock absorber ที่มีระยะยุบตัว 260 มม. และในการชาร์จไฟแต่ละครั้งนั้นสามารถต่อกับปลั๊กไฟทั่วไปขนาด 230 V 10A หรือ 13A ได้ด้วยการเชื่อมต่อกับ KTM PowerPack ที่เพียงแค่เปิดใต้เบาะ โดยในการชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งจะใช้เวลา 110 นาที หรือ ชาร์จไฟในระดับ 80 นาที จะใช้เวลา 75 นาที ก็สามารถออกไปสนุกแบบไร้มลภาวะได้แล้ว

ยามาฮ่าเปิดอบรมหลักสูตร Road Safety for Children 2018 ปลูกฝังวินัย และความปลอดภัยให้กับเยาวชนไทย

นายสมเกียรติ พูลขวัญ รองผู้จัดการใหญ่ด้านบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ร่วมเปิดโครงการ Yamaha Road Safety for Children 2018 สำหรับเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 6-9 ปี เพื่อเป็นการปลูกฝังวินัยจราจร และเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่เด็กและเยาวชนไทยได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจในสัญญาณจราจร ยามาฮ่าได้ดำเนินการอบรมให้แก่เด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ยามาฮ่าได้ทำการเปิดอบรบหลักสูตร Yamaha Road Safety for Children 2018 ขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนธันวาคม โดยจัดอบรมเดือนละ 2 ครั้งๆ ละ 30 คน ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) สำหรับผู้ที่สนใจจะนำบุตรหลานเข้าร่วมอบรมสามารถติดต่อสอบถาม และส่งใบสมัครมาได้ที่  แผนกอุตสาหกรรมสัมพันธ์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เลขที่ 64 หมู่ที่ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.21 ต.ศีรษะจระเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10570 โทร 02-740-8000 ต่อ 3025

Forza300

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI 4 จังหวะ แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบ Honda Selectable Torque Control
 ปริมาตรกระบอกสูบ 279 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 72 x 68.6 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด Digital Transistorized
 ระบบคลัทช์ คลัทช์แห้งอัตโนมัติแบบแรงเหวี่ยง
 ระบบเกียร์ V-Matic แบบสายพาน [V-Belt]
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เอทานอลสูงสุด 20%
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 11.5 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง 754 x 2,142 x 1,471
น้ำหนักรวม 183 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิค

หลัง : ทวินช็อค

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์เบรก ABS

หลัง :ดิสก์เบรก ABS

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70-15 M/C 56S

หลัง : 140/70-14 M/C REINF. 68S

 

CB300R

เครื่องยนต์
 แบบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ 286 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 10.7:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  67.0 * 46.0 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด ระบบควบคุมการจุดระเบิดล่วงหน้าด้วยคอมพิวเตอร์
 ระบบคลัทช์ คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
 ระบบเกียร์ 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เอทานอลสูงสุด 20%
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 10 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง 888 x 2,012 x 1,052
น้ำหนักรวม 143 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลโคสปิคและโช้กหัวกลับขนาด Φ41 มม.

หลัง : โมโนโช้กแบบปรับได้ 7 ระดับ

ระบบเบรก

หน้า : ไฮดรอลิกดิสก์เบรกแบบจานแยกชิ้น 296 มม. และเรเดียลเมาท์ 4 พอต คาลิปเปอร์ (ABS)

หลัง :ไ ฮดรอลิกดิสก์เบรกแบบจานแยกชิ้น 220 มม. (ABS)

ยาง/ล้อ

หน้า : 110/70R17M/C 54H แบบจุ๊บเลส

หลัง : 150/60R17M/C 66H แบบจุ๊บเลส

 

NEW CLICK 150I

 

เครื่องยนต์
 แบบ รeSP ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI 4 จังหวะ แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ 149.32
 อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 57.3 x 57.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์แห้งอัตโนมัติแบบแรงเหวี่ยง
 ระบบเกียร์  อัตโนมัติ
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง 91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  5.5 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง 679 x 1,919 x 1,062 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  112 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิค

หลัง : โช้คอัพแบบยูนิตสวิง

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดรัมเบรก

ยาง/ล้อ

หน้า : 90/80-14M/C 34P

หลัง :100/80-14M/C 48P

 

 

NEW QBIX 2018

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 1 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  125 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  9.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  52.4 * 57.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์
 ระบบเกียร์  ออโต้
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  4.2 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  0.9 ลิตร
กว้าง*ยาว*สูง  1860 * 715 * 1115 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 127 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิค

หลัง : ยูนิตสวิง

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดรัมเบรก

ยาง/ล้อ

หน้า : 130/70-12 56L แบบไม่มียางใน

หลัง : 140/70-12 60L แบบไม่มียางใน

 

Yamaha TY-E : Electric Trial Bike

ก่อนหน้านี้ฮือฮากับข่าวจากสมาพันธ์มอเตอร์ไซค์โลกกับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทางเรียบในระดับ World Cup ที่จะเกิดขึ้นในปี 2019 ล่าสุดทาง FIM ก็ได้เตรียมจัดการแข่งขัน 2018 FIM Trial-E Cup ที่เป็นการชิงชัยรถจักรยานยนต์ไต่เขา “เฉพาะรถไทรอัลไฟฟ้า ” ซึ่งจะมีขึ้นที่ Auron ในฝรั่งเศส กับ ที่ Comblain au Pont ในเบลเยี่ยม โดยระหว่างการแข่งขันที่จะมาถึงทั้งสองสนามในช่วงเดือนกรากฎาคมนี้นั้น ได้มีการแจ้งอย่างเป็นทางการว่า Yamaha จะส่งนักแข่งในระดับ IA หรือคลาสที่สูงที่สุดจากเกม All Japan Trial Championship อย่าง Kenichi Kuroyama เข้าร่วมแข่งขันด้วย

ซึ่งแน่นอนว่า Yamaha จะต้องมีรถจักรยานยนต์ไทรอัลขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากงาน Tokyo Motorcycle Show ที่ญี่ปุ่นก็ได้มีการนำ Yamaha TY-E มาแสดงต่อสาธารณะชน ในฐานะของ concept model หรือรถต้นแบบ ซึ่งมีการกล่าวกันว่านี่เป็นหนึ่งในโปรเจ็คที่มีความท้าทายอย่างสูงสำหรับ เจ้าหน้าที่ในแผนกวิจัยและพัฒนาของ Yamaha ในการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นนี้ในการที่จะออกแบบให้มีการตอบสนองการขับขี่ที่ดีและสามารถควบคุมการขับขี่ในสไตล์ไทรอัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งชิ้นส่วนต่างๆต้องมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาอีกด้วย

แม้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียดแต่ก็พอจะมีรายละเอียดเบื้องต้นของ TY-E ที่ตัวแชสซีส์หรือโครงสร้างตัวรถทั้งหมดนั้นเป็นเฟรมแบบ CFRP หรือ carbon-fiber reinforced plastic monocoque frame ที่มีความแข็งแกร่งน้ำหนักเบา ซึ่งออกแบบเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวโดยเว้นพื้นที่สำหรับติดตั้งส่วนของเครื่องยนต์ซึ่งในที่นี้ก็คือระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า AC synchronous electric motor ที่จะประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ high rotation-type compact electric motor พร้อม mechanical clutch ที่เป็นคลัทซ์ hydraulic แบบ wet ,multi-plate ซึ่งพลังขับเคลื่อนนั้นใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟที่เป็นแบตเตอรี่ lithium-ion battery โดยน้ำหนักรวมของ TY-E คาดว่าอาจจะน้อยกว่า 70 กก. สำหรับผลงานของ Yamaha TY-E ครั้งแรกที่จะประเดิมสังเวียนชิงชัยใน Trial-E cup ก็น่าสนใจว่า Yamaha จะสามารถพัฒนาขึ้นไปขับเคี่ยวกับรถไฟฟ้าชั้นนำของยุโรปที่พัฒนาออกมาก่อนได้ดีเพียงใด

TY-E Main Specifications
Overall Length x Width x Height 2,003mm x 830mm x1,130mm
Wheelbase 1,310mm
Minimum Ground Clearance 350mm
Vehicle Weight Less than 70kg
Engine Type AC synchronous electric motor
Auxiliary Battery Type Lithium-ion battery
Clutch Type Hydraulic, Wet, Multi-plate
Frame Type CFRP Monocoque

2018 Honda FORZA300

มาแล้ววววว !!! ตัวเป็นๆ กับสกู๊ตเตอร์ค่ายฮอนด้า FORZA300 ที่ใครๆ ต่างก็รอคอย มีการออกแบบเปลี่ยนโฉมใหม่ดูหรูพรีเมี่ยมยิ่งกว่าเดิม และเพิ่มเติมด้วยฟิคเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการของยุคใหม่ติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟ, ระบบไฟส่องสว่าง LED, พวงกุญแจสมาร์ทคีย์, กล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่สามารถที่จะเก็บหมวกกันน็อคได้ถึงสองใบ, จอแสดงผลอ่านได้ง่ายแบบดิจิตอล และอะนาล็อค มีความสปอร์ตโดดเด่น และสามารถควบคุมได้ด้วยปุ่มบังคับด้านซ้าย

ชุดแฮนด์หรูหราพร้อมกับตำแหน่งสวิตช์การใช้งานที่สะดวกสบาย เบาะนั่งสูงจากพื้น 780 มม. ใหญ่กระชับยกระดับสำหรับผู้ซ้อนท้ายได้มองเห็นทัศนียภาพและมีที่จับกันตกรับกับช่วงท้าย กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวแบบบิ้วท์อิน วินชิลด์หน้าปรับไฟฟ้าด้วยสวิตช์ทางด้านซ้ายมือ โช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค 33 มม. ดิสก์เบรกหน้าจานเดี่ยว 256 มม. คาลิเปอร์ และดิสก์เบรกหลังจาน 240 มม. ไม่เท่านั้นยังพร้อมกับระบบ ABS แบบ 2 ชาแนล ที่ช่วยควบคุมในพื้นถนนที่ลื่นได้อีกด้วย วงล้อแม็ก หน้า 15 นิ้ว ยาง 120/70-15 วงล้อหลัง 14 นิ้ว ยาง 140/70-14 ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นเก่าอย่างละ 1 นิ้ว โช้คอัพหลังคู่ ที่ปรับพรีโหลดได้ถึง 7 ระดับ เครื่องยนต์ขนาด 279 ซีซี สูบเดี่ยว SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีอัตราแรงบิดที่เร้าใจมากยิ่งขึ้นสนุกสนานเร้าในรอบต่ำและรอบกลาง ระบบสตาร์ทไฟฟ้าสะดวกสบาย แต่ยังคงเน้นถึงความประหยัดด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 31 กม./ลิตร โดยที่ถังน้ำมันสามารถจุได้ 11.5 ลิตร เครื่องยนต์ Forza 300 ได้รับการพิสูจน์และออกแบบมาให้ดีที่สุดคือใช้กระเดื่องโรเลอร์แบบธรรมดาตลับลูกปืนแบบหมุนและแบบโรตารี่ช่วยลดแรงเสียดทานภายใน อายุการใช้งานได้ระยะยาว ความจุน้ำมันเครื่อง 1.7 ลิตร คลัทช์แบบแรงเหวี่ยงอัตโนมัติทำงานด้วยระบบเกียร์ V-Matic (มีอัตราส่วนสำหรับการตอบสนองความเร็วต่ำและการเร่งความเร็วอัจฉริยะ) และขับเคลื่อนด้วยสายพานแบบ V-Belt

คุณลักษณะใหม่ที่สำคัญสำหรับ 2018 FORZA300 คือ Honda Selectable Torque Control (HSTC) เป็นครั้งแรกที่ระบบได้รับการติดตั้งให้กับ Scooter HSTC เพื่อตรวจจับความแตกต่างระหว่างความเร็วด้านหน้าและล้อหลังคำนวณอัตราส่วนการลื่นและควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ผ่านการฉีดเชื้อเพลิงเพื่อควบคุมล้อหลังไม่ให้หมุนแซงล้อหน้า และระบบ HSTC สามารถเปิด-ปิดได้โดยใช้สวิทช์ที่ปุ่มบังคับทิศทางซ้าย ตัวบ่งชี้ ‘T’ ในจอแสดงผลดิจิตอลจะกระพริบเมื่อระบบกำลังทำงาน