โมโตจีพีวิถีไทย ชู“มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล”

 ไลน์อัพศิลปินดัง-กิจกรรมคุณภาพ 3 วัน กระหึ่มโลก

ฝ่ายจัดฯโมโตจีพี สนามประเทศไทย เผยเตรียมสร้างปรากฎการณ์ความสนุก-ความประทับใจเต็มรูปแบบ กับ “มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล” วิถีไทย สุดอลังการ ล่าสุด “น้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง” ประกาศรายชื่อศิลปินที่จะไปร่วมส่งมอบความสุขความมันส์ ด้วยคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ Chang Music Connection จัดเต็มความบันเทิงจากศิลปินดัง พร้อมโปรดักชั่น เวที แสงสีเสียงเต็มพิกัด โดยคณะกรรมการจัดงานยืนยันปีนี้ กิจกรรมครบเครื่องอัดแน่น ทั้งมวยดังแห่งยุคในศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทย รวมทั้งชม ช้อป ชิม ของดีของดังบุรีรัมย์และทั่วประเทศ เลือกซื้อสินค้าสำหรับชาวสองล้อ แบรนด์ดังมากมาย

โมโตจีพี สนามประเทศไทย รายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) สุดยอดอีเว้นต์มอเตอร์สปอร์ตระดับพรีเมียมที่เตรียมระเบิดศึกในประเทศไทย เป็นสนามที่ 1 เปิดฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ฝ่ายจัดเผย นอกจากแฟนความเร็วจะสนุกกับการแข่งขันในสนามที่เข้มข้น กิจกรรมภายในงานยังครบเครื่องไปด้วย เทศกาลดนตรี-มวย-เอ็กซ์โป ล่าสุด “น้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง” ยังได้ยกทัพศิลปินดัง ไปร่วมส่งมอบความสุขความประทับใจ ด้วยคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ Chang Music Connection กับเพลงดังหลากหลายแนว ได้แก่

ศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 พบกับ ศิลปินแร็ปเปอร์มากความสามารถ UrboyTJ (ยัวร์บอยทีเจ) และ “กอล์ฟ F.Hero” (เอฟ.ฮีโร่)

เสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 วงร็อคระดับตำนาน Musketeers และ นักร้องหนุ่มลูกอีสานมาดเท่ห์ “โจอี้ ภูวศิษฐ์”

อาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568 ปิดท้ายความสนุกกับ “Paradox” (พาราดอกซ์)

ความบันเทิงเต็มรูปแบบนี้ จะเกิดขึ้นที่ “PT Grand Prix Expo” บริเวณลานกิจกรรม(Commercial Area) สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งยังมีงานเอ็กซ์โปสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. จัดเต็มกิจกรรมจากร้านค้าจากผู้สนับสนุนให้ร่วมสนุกมากมาย เลือกช็อปสินค้าราคาพิเศษ ของที่ระลึกโมโตจีพี สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับมอเตอร์ไซค์, สินค้ามอเตอร์สปอร์ต , กิจกรรมที่น่าสนใจจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะที่พาวิลเลียนของไตเติ้ล สปอนเซอร์ PTG สุดพิเศษไปกับกิจกรรม Hero Walk ที่เปิดโอกาสให้ได้ใกล้ชิดกับนักบิดคนโปรดในทุกคลาสทั้ง MotoGP Moto2และ Moto3, Meet & Greet นักบิดระดับโลกจากค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ เร้าใจทุกจุด จัดเต็ม เพื่อแฟนโมโตจีพีโดยเฉพาะ

โดยพื้นที่กิจกรรม (Commercial Area) ของไทยจีพี จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ ครบรส ถูกใจแฟนความเร็วจากทั่วโลก ต่างยกให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์และเสน่ห์ของการจัดแข่งขันสนามประเทศไทย

ฟรี! สำหรับผู้ถือบัตรเข้าชมการแข่งขันทุกประเภท หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น(ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท

ทั้งนี้ บัตรเข้าชมการแข่งขันยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น(ADMISSION) ซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

#ThaiGP🇹🇭
#PTGrandPrixofThailand2025
#SportsAuthorityofThailand

“บุรีรัมย์ มาราธอน” ฉลองปีที่ 9 กับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ งานวิ่ง vibe ดี

“บุรีรัมย์ มาราธอน” คว้าหัวใจนักวิ่งจนกลายเป็นไวรัลไม่หยุด

ภาพความอลังการของการปล่อยตัว “บุรีรัมย์มาราธอน2025” เรียกเสียงฮือฮาและความตื่นตาตื่นใจอย่างมาก นักวิ่งนับหมื่นคน หลั่งไหลออกจากจุดสตาร์ต ด้วยแถวยาวสุดลูกหูลูกตาในแต่ละรุ่นการแข่งขัน ความสุข ความประทับใจ ความยิ่งใหญ่ของกองเชียร์ อาสาสมัครและผู้ร่วมงาน กิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมนับแสนคน รวมทั้งความสนุกสนานของถนนดนตรีและกองเชียร์ ยาว 42.195 กม. ได้ถูกเผยแพร่ไปในจนเกิดปรากฏการณ์ไวรัล หลังจบการแข่งขันอย่างต่อเนื่องในทุกปี แต่ในปีนี้พีคที่สุดกับเป้าหมายใหม่ที่นักวิ่งที่ลงแข่งขัน ต่างเทใจให้คะแนนเต็มสิบ ยอมรับว่าเป็น “มากกว่าสวรรค์ของนักวิ่ง” ครองหัวใจนักวิ่งอย่างแท้จริง ก้าวขึ้นมาเป็นรายการแข่งขันอันดับหนึ่งที่นักวิ่งต้องการเข้าร่วมมากที่สุด

“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สุดยอดไนท์รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย ฉลองปีที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2568 แข่งขันทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.),ระยะมินิมาราธอน (10.0 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) โดยได้ประกาศวันวิ่งของศักราชหน้า “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” วันที่ 24 มกราคม 2569

นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน หรือ Race Director บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 เปิดเผยว่า ปีนี้มีการเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ไม่นำเงินมหาศาลไปทุ่มให้กับการเชิญนักวิ่งอีลีทต่างชาติ แต่นำเงินเหล่านั้นกลับมาทำให้เป็นการวิ่งที่เป็น “สวรรค์ของนักวิ่ง” อย่างแท้จริง มีรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งมากมาย

“ บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 มีนักวิ่งกว่า 32,000 คน อาสาสมัคร 7,000 คน ผู้ติดตามและกองเชียร์มากกว่า 65,000 คน รวมผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นนับแสนคน สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว 850 ล้านบาทในพื้นที่โดยรอบและตลอดเส้นทางที่นักวิ่งหลั่งไหลมาร่วมกิจกรรม”

หัวใจของความสำเร็จในการจัดการแข่งขัน “บุรีรัมย์ มาราธอน”

ข้อ 1 “เส้นทางวิ่งสวยงามไม่เหมือนใคร” โอกาสเดียวที่จะได้สัมผัสพื้นแทร็คสนามแข่งรถระดับโลก เป็นจุดปล่อยตัววิ่งบนทางเรียบ มาตรฐานโลกที่ใช้แข่งขันโมโตจีพี และเข้าเส้นชัยที่ สนามฟุตบอล ช้าง อารีนา ที่ทั้ง 2 สนาม ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของบุรีรัมย์ เมืองแห่งกีฬาของไทย มีเส้นทางวิ่งที่สวยงามเต็มไปด้วย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมทั้ง ธรรมชาติ บริเวณห้วยจระเข้มากที่อยู่อาศัยและจุดชมนกกระเรียนพื้นถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์

ข้อ 2 รายการนี้ยังมอบโอกาส “ต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับเมเจอร์มาราธอน” ให้กับนักวิ่งไทย ชาย 10 คน หญิง 10 คน ที่ทำเวลาดีที่สุดในระยะฟูลมาราธอน ได้ไปวิ่งในงานโตเกียวมาราธอน ทางฝ่ายจัด สนับสนุน ค่าสมัคร ค่าที่พักและค่าเดินทาง

ข้อ3 “รางวัลพิเศษมากมาย” เพื่อสร้างความสุข และเป็นสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง ได้แก่ รางวัล “Lucky Draw” แจกเงินรางวัลทุกระยะๆ ละ 50 คน รวมมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลจากผู้สนับสนุนอีกกว่า 100 รางวัล อาทิ บัตร VIP โค้ง 12 งานโมโตจีพี 2025, บัตรน้ำมัน PT, บัตรพันธุ์ไทย, มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า New Scoopy i club, รถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า Fazzio ฯลฯ

ข้อ 4 “วิ่งเพื่อหมูกระทะ” รางวัลที่ถูกใจนักวิ่งมากที่สุดที่แรกและที่เดียวของโลก คือ New PB สำหรับผู้พิชิตสถิติใหม่ของตัวเอง Beat your Buriram Marathon Personal Best รับฟรีหมูกระทะ

ข้อ 5 นักวิ่งจะได้รับ “ภาพฟรี” โดยไม่ต้องไปซื้อภาพ วิ่งเสร็จปุ๊บ ดาวน์โหลดภาพได้ทันที

ข้อ 6 “อาหารหลังเส้นชัย” เป็นของอร่อยประจำเมืองบุรีรัมย์ หนึ่งในนั้น มีลูกชิ้นยืนกิน, ตูดเป็ดย่าง, ข้าวผัดปลาจ่อม, เต้าส่วน ฯลฯ บูธอาหารมีมากกว่า 280 บูธ

ข้อ 7 “กำลังใจจากกองเชียร์เจ้าบ้าน” ที่แสนอบอุ่นน่ารัก ทุกเพศทุกวัย ออกมาต้อนรับอย่างจริงใจ พร้อมส่งเสียงเชียร์ อยู่รอบข้าง ทุกเส้นทาง ทำให้ฮึกเหิม และมีแรงใจให้ไปสู่เส้นชัย ไม่มีท้อถอย

ข้อ 8 “ความสุขของกองเชียร์ ฅนบุรีรัมย์” เกิดปรากฏการณ์ที่ชาวบุรีรัมย์รวมตัวเหมือนเทศกาลสงกรานต์ คนที่อยู่ต่างถิ่นก็กลับบ้าน ส่วนคนในพื้นที่ ต่างวางแผนออกมาเชียร์และมาร่วมกิจกรรม เกิดเป็นความภาคภูมิใจ เรียกว่างานนี้สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเจ้าบ้านเช่นกัน

ข้อ 9 “ม่วนจอย” กองเชียร์ตลอดเส้นทาง ร้องรำทำเพลง จุดเชียร์ของงาน รวมถึงเสียงเพลงที่แต่ละบ้านยกเครื่องเสียงมาประชัน ทำให้บุรีรัมย์ มาราธอน กลายเป็นเทศกาลดนตรีและกองเชียร์ ยาว 42.195 กม.

ข้อ 10 “ความสุขของคนไม่ชอบตื่นเช้า” จัดวิ่งในเวลากลางคืน และเป็นไนท์รัน ที่มีแสงสีสว่างไสว ราวกับวิ่งตอนกลางวัน

ข้อ 11 ความยิ่งใหญ่ของการปิดเมือง แต่เปิดประตูต้อนรับนักวิ่ง ด้วยการ “ปิดถนน 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแท้จริง เพื่อเป็นเส้นทางวิ่งที่ปลอดภัยสูงสุด” เป็นเรื่องปราบเซียนของผู้จัดแข่งขันวิ่งในหลายๆรายการ ที่จะทำให้เกิดความรู้สึกร่วมและการยอมรับของชุมชนโดยรอบการจัดงาน

ข้อ 12 การจัดงาน “พัฒนาต่อเนื่อง ความใส่ใจทุกรายละเอียด” ของฝ่ายจัด และความใส่ใจต่อนักวิ่งอย่างสูงสุด

ข้อ 13 ด้วยการแข่งขันจัดในระดับมาตรฐานสูงสุดของ World Athletics Road Race Label ทำให้นักวิ่งสามารถนำสถิติไปควอลิฟายในงานวิ่งต่างๆ ทั่วโลกได้

ข้อ 14 สิ่งสำคัญที่ทำให้บุรีรัมย์มาราธอน ไม่เหมือนใครก็คือ นักวิ่งทุกคนอยากมาวิ่งรายการนี้ ในจำนวนนักวิ่งจำนวนมหาศาลหลายหมื่นคน มีนักวิ่งจำนวนมากที่วิ่งครบ 9 ครั้ง

ข้อ 15 ก่อให้เกิดความสุข ประทับใจ ให้หลายคนไปเต้นด้วยวิ่งด้วย เรียกร้องให้เพิ่มเวลาคัตออฟ เพื่อจะได้เต้นมากขึ้น หรือแม้แต่เสียงเรียกร้องจากนักวิ่ง ให้จัดงานทุกไตรมาส 3 เดือน หรือทุก 6 เดือน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของ นักกีฬาไทย มาราธอนชาย ยกให้ “สัญชัย นามเขต” ที่คว้าแชมป์คนไทย 6 สมัย ซึ่งมีอาการตะคริว กัดฟันสู้ จนเป็นแชมป์รายการได้สำเร็จ เจ้าตัวเผยว่า ขณะวิ่งผ่านอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ถึงกับต้องอธิษฐานขอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขอให้วิ่งจนถึงเส้นชัย เป็นครั้งแรก ที่ยอมรับว่า เกือบท้อจนไปไม่ถึงเส้นชัย

ส่วนมาราธอนหญิง “ปลา” ลินดา อินทะชิต ได้แชมป์คนไทยอีกสมัยเป็นสมัยที่ 6 และ เป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน

นี่คือเสน่ห์ของ บุรีรัมย์ มาราธอน ที่ปอดเหล็กยกให้เป็นงานวิ่งที่สุดประทับใจ และอยากร่วมวิ่งมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของปี สร้างไวรัลไปสู่นักวิ่งทั่วโลก กับเป้าหมายของฝ่ายจัด ที่เกิดผลสัมฤทธิ์ได้รับการยอมรับ สร้างมาตรฐานใหม่ เป็น“มากกว่าสวรรค์ของนักวิ่ง” อย่างแท้จริง

IRC เป็นผู้สนับสนุนหลักในรายการ “Honda Eco Mileage Challenge ปีที่ 27”

IRC มอบยางสนับสนุนให้แก่ทีมแข่งกว่า 320 ทีม
บริษัท อีโนเวรับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ไออาร์ซี(IRC) เป็นผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 55 ปีในประเทศไทย ซึ่ง IRC ไม่ได้เพียงแค่ผลิตยางคุณภาพสูงสำหรับรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมการประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน มาโดยตลอดอีกทั้งยังได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในรายการ “Honda Eco Mileage Challenge ปีที่ 27” ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน พร้อมทั้งมอบยางรถจักรยานยนต์ IRC และหมวกกันน๊อคให้แก่ทีมแข่งกว่า 320 ทีมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การแข่งขันรายการ “Honda Eco Mileage Challenge” เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสออกแบบและพัฒนายานยนต์ที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากที่สุด ยาง IRC ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตยางที่มีคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งในด้านการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย ได้เข้าร่วมการสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ไม่เพียงแต่พัฒนาทักษะและความรู้ของนักศึกษาและเยาวชน แต่ยังสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการดูแลสิ่งแวดล้อม
ในปีนี้การแข่งขัน Honda Eco Mileage Challenge ยางรถจักรยานยนต์ IRC นำโดยคุณคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทีมแข่งขันรถประดิษฐ์ทุกทีม โดยทาง IRC ได้นำนวัตกรรมยางรุ่น Eco Run จากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายให้กับผู้เข้าแข่งขันในราคาพิเศษ เพื่อช่วยให้ทุกทีมสามารถบรรลุเป้าหมายในการแข่งขัน ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมการประหยัดน้ำมัน แต่ยังคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ในระยะทางไกล
ส่วนในการแข่งขันในรุ่นรถตลาด ทาง IRC ยังได้สนับสนุนยางเพื่อใช้ในการแข่งขันทุกทีมในรุ่นนี้ เป็นยางขนาด 70/90-17NF63BZ และ 80/90-17NR78YD Low Rolling Resistant พร้อมยางในและริมเทป เป็นชุดยางที่ถูกออกแบบเพื่อช่วยลดแรงเสียดทาน (Rolling Resistance) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้ยานยนต์สามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ในขณะที่เนื้อยางยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ถือเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันเพื่อให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับธรรมชาติในอนาคต
นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสที่ยาง IRC เข้าสู่ปีที่ 55 ในประเทศไทย ทาง IRC ยังได้มีการมอบหมวกกันน๊อคให้กับทีมที่เข้าแข่งขันทุกทีมทุกรุ่นการแข่งขัน เพื่อสนับสนุนการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ IRC ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และยังได้มีการเปิดบูธแสดงสินค้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการประหยัดพลังงาน รวมถึงนำ ผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ IRC ที่มีหลากหลายรุ่น สามารถตอบสนองได้ทุกกิจกรรมของลูกค้ามาจัดแสดงภายในบริเวณงานอีกด้วย สำหรับผู้สนใจรายละเอีนดยางรถจักรยานยนต์ IRC เพิ่มเติม ติดตามได้ที่ www.ircthailand.com หรือแฟนเพจ IRC TIRE Thailand มาดูกันว่าทาง IRC จะมีกิจกรรมใหม่ๆที่น่าสนใจที่ไหนบ้างเร็วๆนี้

“เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” บิด Honda CRF450R คว้าชัยชนะ AMA Supercross

“เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” รั้งกลุ่มนำแชมเปี้ยนชิพ 2025

“เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” (Jett Lawrence) ยอดนักบิดชาวออสเตรเลียเจ้าของแชมป์ AMA Supercross จากทีม HRC บิดยอดรถแข่ง Honda CRF450R หมายเลข 1 คว้าชัยชนะในการแข่งขัน AMA Supercross 2025 สนามที่ 3 ในอนาไฮม์ (Anaheim) สหรัฐอเมริกา รั้งท็อป 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ ปักหลักสู่การป้องกันแชมป์อย่างแข็งแกร่ง

การแข่งขัน AMA Supercross 2025 สนามที่ 3 ดวลกันในอนาไฮม์ (Anaheim) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา กับสภาพสนามนุ่มลื่น จากฝนที่ตกลงมาในรอบเมนเรซ โดยสองยอดนักบิดจากทีม HRC “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” (Jett Lawrence) ทะยานรถแข่ง Honda CRF450R หมายเลข 1 ทำเวลาในการควอลิฟายมาเป็นอันดับที่ 1 สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ด้วยเวลา 22.02.174 นาที ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” (Hunter Lawrence) หมายเลข 96 ควอลิฟายทำเวลาอยู่ในอันดับที่ 8 บิดจบตามมาในอันดับที่ 5 ด้วยเวลารวม 22.12.296 นาที

จบการแข่งขันสนามที่ 3 “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” (Jett Lawrence) ทะยานขึ้นรั้งท็อป 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ ด้วยคะแนนสะสม 57 คะแนน ตามผู้นำอยู่เพียง 5 คะแนน มุ่งสู่เส้นทางการป้องกันแชมป์อย่างเต็มตัว ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” (Hunter Lawrence) พี่ชายและเพื่อนร่วมทีมอยู่ในอันดับที่ 7 ของตารางคะแนนสะสม มีคะแนนทั้งสิ้น 45 คะแนนน

ทั้งนี้ การแข่งขันศึก AMA Supercross สนามที่ 4 จะไปแข่งขันกันที่เกลนเดล (Glendale) ในสเตทฟาร์มสเตเดียม สหรัฐอเมริกา (State Farm Stadium, United States of America) ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้

แฟนความเร็วชาวไทยติดตามข่าวสารเชียร์นักบิดฮอนด้า ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

#AMASupercross #Honda #HondaMotorcycle #HRC #TeamHondaHRC #CRF450

ไทยฮอนด้า ยกระดับสวรรค์แห่งนักวิ่งร่วมพิธีปล่อยขบวนนักวิ่ง ‘บุรีรัมย์มาราธอน 2025’

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของประเทศไทย ได้เข้าร่วมพิธีปล่อยขบวนนักวิ่งงาน ‘บุรีรัมย์มาราธอน 2025’ สุดยอดไนท์รันที่ครองใจนักวิ่งไทยมาอย่างต่อเนื่อง 9 ปี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

ในครั้งนี้ทางไทยฮอนด้าได้เข้าร่วมกิจกรรม แสดงถึงความตั้งใจในการสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพและตลอดจนการสนับสนุนกิจกรรมระดับชาติที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง พร้อมเดินหน้าสนับสนุนงานระดับชาติที่ช่วยยกระดับมาตรฐานชีวิตของคนไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ในทุกมิติอีกด้วย
งานวิ่งบุรีรัมย์มาราธอนจัดขึ้นภายใต้มาตรฐานสูงสุดของ World Athletics Road Race Label โดยนักวิ่งสามารถใช้สถิติเพื่อควอลิฟายในงานวิ่งระดับนานาชาติได้ การแข่งขันในปีนี้ได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 32,000 คน อาสาสมัคร 7,000 คน และผู้ติดตามรวมถึงกองเชียร์มากกว่า 65,000 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมดสูงถึงนับแสนคน

“ทัพนักบิดยามาฮ่า” ฟอร์มหรู AMA Supercross สนาม 3

ไฮเด้น ดีแกน คว้าชัย รุ่น250SX

ไฮเด้น ดีแกน ดาวบิดสังกัด MONSTER ENERGY YAMAHA STAR RACING ซิ่งคว้าชัย รุ่น250SX ในสนามที่ 3 ศึก AMA Supercross 2025 บวกแต้มรั้งรองจ่าฝูง ด้าน นักบิดรุ่นใหญ่ ซิ่งคว้าแต้มแท็กทีมรั้งท็อป 7

การชิงชัยสนามที่ 3 ศึกมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ เอเอ็มเอ ซูเปอร์ครอส แชมเปียนชิพ 2025 ยกพลดวลความเร็ว ณ แองเจิล สเตเดียม เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา

โดยทัพนักบิด MONSTER ENERGY YAMAHA STAR RACING ยังคงอยู่ในผลงานอันยอดเยี่ยม ไล่บดแย่งแชมป์ในกลุ่มหัวขบวนเกมรุ่นใหญ่อย่าง 450SX ก่อนที่ จัสติน คูเปอร์, อีไล โทแม็ก และ คูเปอร์ เว็บบ์ จะพาเหรดบิดจบการแข่งขันในอันดับ 6,7 และ 8

ขณะที่ ไฮเด้น ดีแกน ระเบิดฟอร์มระดับท็อปในรุ่น 250SX ควบ Yamaha YZ250F คว้าชัยที่ แคลิฟอร์เนีย ไปครอง รวมถึง โคล เดวีส์ เพื่อนร่วมสังกัดที่บิดตามขึ้นโพเดียมอันดับ 3

จากผลงานอันยอดเยี่ยมส่งผลให้ อีไล โทแม็ก, คูเปอร์ เว็บบ์ และ จัสติน คูเปอร์ เก็บแต้มรั้งอันดับ 4, 5 และ 8 บนตารางแชมเปียนชิพ รุ่น450SX ขณะที่ ไฮเด้น ดีแกน ขยับรั้งรองจ่าฝูง 250SX ฝั่งตะวันตก

ศึกมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ เอเอ็มเอ ซูเปอร์ครอส แชมเปียนชิพ 2025 สนามถัดไปจะยกพลไปดวลความเร็วที่ สเตท ฟาร์ม สเตเดียม เมืองเกลนเดล รัฐแอริโซน่า ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568

“ลมหายใจไร้มลทิน” มอบรางวัลการประกวดปี 2567

มูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” จัดการประกวดกิจกรรม 4 ประเภทประจำปี 2567

มูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ร่วมกับ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศผล และมอบรางวัล จากการประกวดกิจกรรม 4 ประเภทประจำปี 2567

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” เผยว่า มูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมการประกวดประจำปี 2567 รวม 4 ประเภท ได้แก่ เรียงความ ร้องเพลง วาดภาพศิลปะ และวีดีโอคลิป ซึ่งปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 1,469 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 76% และทุกชิ้นมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ ดังนี้

ประกวดเรียงความหัวข้อ คนรุ่นใหม่ใจซื่อมือสะอาด

ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดญ.ธัญญาภรณ์ ภาชี  รร.วัดสุวรรณ กรุงเทพมหานคร

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ นส.ณัฐทิชา  สีน้ำเงิน

รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดเพชรบุรี

ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ได้แก่ นายพงศธร ประกฤติพงศ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม

ประกวดร้องเพลงประกอบดนตรีตามเพลง

เพลง “คิดดี ทำดี”

ระดับประถมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ ดช.สุทิวัส ยนปลัดยศ รร.นารีวิทยา จังหวัดราชบุรี

ระดับประถมศึกษา ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม TN.Junior Band รร.ไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร

เพลง “ด้วยลมหายใจที่ไร้มลทิน”

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.จันจิรา  ศักดิ์สุวรรณ รร.นวมินทราชินูทิศ หอวัง จังหวัดนนทบุรี

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทหมู่  ได้แก่ ทีม BBL  รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.พิชาพร สถิตพรบรรพต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ประกวดวาดภาพศิลปะสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต

หัวข้อ “พลิกฟื้นลมหายใจของโลกในยุคหมอกควัน”

ระดับปฐมวัย ได้แก่ ดญ.ณัฐรดา จรดล รร.อนุบาลสุธีธร จังหวัดนครปฐม

ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดช.ชวัลวิทย์  อ่างมัจฉา รร.บ้านม่วง จังหวัดหนองคาย

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ดญ.เกศชฎาพร คุ้มบ้าน รร.สมคิดจิตต์วิทยา จังหวัดชลบุรี

ประกวดวีดีโอคลิปสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต

หัวข้อ “ซื่อสัตย์สุจริต ชีวิตติดโซเชียล”

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ทีม BC Studio รร.ปากคาดพิทยาคม จังหวัดบึงกาฬ

สามารถติดตามผลการประกวด และกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ได้ที่ lomhaijai.org dcy.go.th และ facebook.com/LomhaijaiFoundation

นักแข่ง Red Bull ชาวไทย ก้อง – สมเกียรติ จันทรา เตรียมอุ่นเครื่อง เชคดาวน์ เทสต์ ที่ เซปังฯ

ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักแข่งรุ๊กกี้ของ โมโตจีพี

ก้อง – สมเกียรติ จันทรา นักแข่งจากทีม Red Bull เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักแข่งหน้าใหม่ของประเทศไทยในรายการ โมโตจีพี ภายหลังการเซ็นสัญญากับ ทีมแอลซีอาร์ ฮอนด้า ในฤดูกาลปี 2568 พร้อมลงทดสอบ โมโตจีพี ช่วง วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ โดยนักบิดวัย 26 ปี จากจังหวัดชลบุรี จะขึ้นแท่นมาแข่งขันในรายการชั้นนำระดับโลก จากการสนับสนุน ของ Red Bull แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติยุโรป

พร้อมเผชิญหน้าทุกความท้าทาย

ก้อง – สมเกียรติ บิดคันเร่งเข้าสู่ฤดูกาลปี 2568 ด้วยแรงขับเคลื่อนที่จะสร้างผลงานในการแข่งขัน โมโตจีพี เริ่มจากช่วง วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ โดยนักแข่งรุ๊กกี้วางแผนที่จะขัดเกลาทักษะและปรับตัวให้พร้อมก้าวขึ้นสู่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ระดับโลก

“ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมเคยฝันเสมอว่าอยากเป็นนักแข่งโมโตจีพี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นจริงได้ แม้การได้ลงแข่งในโมโตทู ก็ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกินฝันสำหรับผมแล้ว แต่วันนี้ การได้มาเป็นนักแข่งในโมโตจีพี มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้จริงๆ” สมเกียรติ กล่าวด้วยความปลื้มปีติ “ผมตื่นเต้นมากและนับถอยหลังรอคอย วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ไปทำการทดสอบที่สนามคาตาลุนญา ประเทศสเปน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามาก  เพราะประสบการณ์ครั้งนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับผม ทำให้ผมได้รู้ว่าผมยังต้องปรับตัวและทำความเข้าใจกับเครื่องยนต์ใหม่อีกมาก สำหรับการทดสอบที่เซปังที่กำลังจะเกิดขึ้น เป้าหมายของผมคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการลงสนามในฤดูกาลโมโตจีพีที่กำลังจะมาถึง”

ก้อง – สมเกียรติ จะใช้การทดสอบ วินเทอร์ เทสต์ ในครั้งนี้ ประเมินความพร้อมสำหรับศึกโมโตจีพี ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในฤดูกาลปี 2568 ในฐานะนักแข่งของ ทีมแอลซีอาร์ ฮอนด้า

ฤดูกาลของการเปิดตัวนักแข่ที่สนับสนุนโดย Red Bull แบรนด์ระดับโลกจากยุโรป

ฤดูกาลแรกในฐานะนักแข่งรุ๊กกี้ของ โมโตจีพี ยังเป็นการเปิดตัวความร่วมมือกับ Red Bull ในปี 2568 ของ ก้อง – สมเกียรติ อีกด้วย ซึ่งภายใต้การสนับสนุนของ Red Bull ลแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติยุโรป ที่มีกระป๋องสีน้ำเงินและสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ไม่เหมือนการสปอนเซอร์ของแบรนด์อื่น ๆ ทั่วไป แต่จะเป็นการช่วยผลักดันให้ ก้อง – สมเกียรติ สามารถปลดล็อคศักยภาพในฐานะนักกีฬาระดับโลก เพื่อเปิดตัวอย่าง ‘สมเกียรติ’ ในสนาม โมโตจีพี ที่กำลังจะมาถึง

นอกเหนือจากการร่วมงานกับนักโภชนาการ, เทรนเนอร์ด้านการออกกำลัง, และทีมดูแลสภาพจิตใจระดับชั้นนำแล้ว ก้อง – สมเกียรติ ยังสามารถเข้าถึงโปรแกรมการฝึกซ้อมและศูนย์พัฒนาสมรรถภาพทางการกีฬาระดับสูงอย่าง Athlete Performance Center (APC) ที่นักแข่ง F1 ระดับโลก เช่น มักซ์ แฟร์สตัปเปิน/แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน รวมถึง นักแข่ง โมโตจีพี คนอื่น ๆ เช่น เปโดร อคอสต้า, แบรด บินเดอร์, และ แจ็ค มิลเลอร์ มาเทรนด์อีกด้วย

สมเกียรติกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “การได้มีโลโก้ Red Bull อยู่บนหมวกกันน็อคของผมถือเป็นเกียรติอย่างสูง และอีกหนึ่งความฝันตั้งแต่วัยเด็กที่เป็นจริง นี่จึงถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต ผมขอขอบคุณ Red Bull ที่เชื่อมั่นในตัวผมและเห็นศักยภาพของผม”  และเขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปที่ Red Bull Athlete Performance Center (APC) ที่ประเทศออสเตรีย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าประสบการณ์นี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของผมให้ก้าวไปอีกระดับ การสนับสนุนจาก Red Bull เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง และผมจะทำทุกอย่างให้สมกับความไว้วางใจที่ Red Bull มอบให้”

ห้ามพลาดกับการแข่งขันโมโตจีพีในฤดูกาลปี 2568 นี้ 

ร่วมกันส่งกำลังใจให้ ก้อง – สมเกียรติ จันทรา ในฐานะนักแข่งหน้าใหม่ของฤดูกาล และเตรียมพบกับงานเปิดตัวฤดูกาลปี 2568 ของ โมโตจีพี ในการแข่งขัน ไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 นี้ ได้ที่ สนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้บนช่องทางโซเชียลของ Red Bull (TikTok | Instagram | Facebook) และ website, รวมไปถึงช่องทางมอเตอร์สปอร์ตของ Red Bull (TikTok | Instagram)

สื่อมวลชนสามารถดาวน์โหลดคลิปวิดีโอที่ตัดต่อแล้ว และภาพฟรีไม่มีลิขสิทธิ์ได้ที่:

ปิดฉากอลังการ! บุรีรัมย์ มาราธอน2025 จัดเต็มความสุขสู่นักวิ่งแบบเหนือชั้น สัญชัย ครองแชมป์สมัยที่ 6

บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 ตอกย้ำความสำเร็จ

คนนับแสนแห่ร่วม “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ตอกย้ำความสำเร็จ-เสียงตอบรับแนวคิดใหม่ที่สร้างสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง “สัญชัย นามเขต” ฝ่าอาการตะคริว คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ตามคาด ครองถ้วยพระราชทานได้สำเร็จ

“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สุดยอดไนท์รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย แข่งขันปีที่ 9 วันที่ 25 มกราคม 2568 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ร่วมกับ นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้สนับสนุนภาคเอกชน นำโดย นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง และตัวแทนภาครัฐ เอกชน ร่วมเป็นเกียรติมากมาย

การแข่งขันทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.),ระยะมินิมาราธอน (10.0 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) ชิงชัยที่สนามมาตรฐานโลกถึง 2 สนาม ออกสตาร์ตที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถระดับโลก และเข้าเส้นชัยที่ ช้าง อารีนา สนามฟุตบอลรังเหย้าของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ทั้งนี้ รายการนี้ยังมอบโอกาสต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับเมเจอร์มาราธอนให้กับนักวิ่งไทย ชาย 10 คน หญิง 10 คน ที่ทำเวลาดีที่สุดในระยะฟูลมาราธอนที่ล๊อตโต้ได้ในงานโตเกียวมาราธอน สนับสนุน ค่าสมัคร ค่าที่พักและค่าเดินทาง

ผลการแข่งขัน ระยะมาราธอน (42.195 กม.) ฝ่ายชาย ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก เวนด์เวเซ่น ดัมเท จากเอธิโอเปีย ทำเวลาได้ 2.23.25 ชั่วโมง, อันดับ 2 สัญชัย นามเขต เจ้าของเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.33.19 ชั่วโมง คว้าแชมป์คนไทยและครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นสมัยที่ 6, อันดับ 3 เบล-ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม ทำเวลาได้ 2.36.13 ชั่วโมง และอันดับ 4 ธวัชชัย หกพนา ทำเวลาได้ 2.36.32 ชั่วโมง

มาราธอนหญิง ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก อเล็กซานดรา โมโรโซวา จากรัสเซีย สถิติ 2.44.17 ชั่วโมง เฉือน เยชิมเบ็ต ทาโช จากเอธิโอเปีย สถิติ 2.44.18 ชั่วโมง อันดับ 3 มาร์ต้า บิเรฮาน จาก เอธิโอเปีย 2.53.56 ชั่วโมง ส่วน “ปลา” ลินดา อินทะชิต เข้าเส้นชัยเป็นที่ 4 ได้แชมป์คนไทยอีกสมัยเป็นสมัยที่ 6 และ เป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน ทำเวลาได้ 3.01.50 ชั่วโมง ที่ 5 ช่อทิพย์ กันอ่วม 3.14.54 ชั่วโมง เป็นคนไทยที่เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2

ด้าน สัญชัย นามเขต เปิดเผยถึงอาการตะคริวที่ขาข้างขวา ทำให้เจ็บ แต่ก็สามารถทำตามเป้าหมายที่ีตั้งใจไว้ คว้าแชมป์คนไทย 6 สมัยซ้อน ได้รับถ้วยพระราชทาน “ยอมรับว่าสถิติที่ทำได้ก็ดี ตามมาตรฐานที่เคยวิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง ผมเดินประคองตัวเองมาเข้าเส้นชัย ระยะ 2 กม.สุดท้ายกัดฟันแล้วครับ วิ่งไม่ไหว และยอมเดินดีกว่า ตอนวิ่งผ่านอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ผมอธิษฐานขอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขอให้ถึงเส้นชัย เพราะกลัวว่าร่างกายจะไม่ไหว ขาเป็นตะคริว จนคิดว่าจะไม่ได้แชมป์แล้ว”

ส่วน ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) ชาย ที่ 1 ฟีอากาดา เทสเฟย์ จากเอธิโอเปีย 1.09.07 ชั่วโมง ส่วนที่ 2 พงษ์สิทธิ์ ชินพะวอ 1.14.52 ชั่วโมง และที่ 3 ชุติเดช ถนอมทรัพย์ 1.15.08 ชั่วโมง

ฮาล์ฟมาราธอนหญิง ที่ 1 ลดแก้ว อินทะกุมมาน (ลาว) 1.20.29 ชั่วโมง ที่ 2 “ครูขม” อรอนงค์ วงศร เป็นหญิงไทยที่เข้าเส้นชัยคนแรกด้วยเวลา 1.22.36 ชั่วโมง และที่ 3 วิสุดา อ่อนโส 1.31.39 ชั่วโมง

default

ผลมินิมาราธอน (10 กม.) แชมป์ฝ่ายชาย พงศกร สุขสวัสดิ์ 32.15 นาที ที่ 2 วิชยา แซ่จาง 33.14 นาที ,ที่ 3 พอล ดันน์ จากอังกฤษ 33.15 นาที , ฝ่ายหญิง ที่ 1 ปารียา สนเสริม 38.24 นาที ที่ 2 ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล ทำเวลาได้ 38.25 นาที ที่ 3 ไอศิกา แก้วยงกฎ 39.31 นาที

สำหรับงาน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สร้างปรากฎการณ์อีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ไม่นำเงินมหาศาลไปทุ่มให้กับการเชิญนักวิ่งอีลิทต่างชาติ เพื่อให้บุรีรัมย์มาราธอนได้ไประดับ แพลทตินัม แต่นำเงินเหล่านั้นกลับมามุ่งมั่นสร้าง “สวรรค์ของนักวิ่ง”อย่างแท้จริง มีรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งมากมาย

โดยจัดบนมาตรฐานสูงสุดของ World Athletics Road Race Label เช่นเดิม ซึ่งนักวิ่งสามารถนำสถิติไปควอลิฟายในงานวิ่งต่างๆทั่วโลกได้ มุ่งเน้นการพัฒนา สนามบุรีรัมย์มาราธอนและวงการวิ่งไทย สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้นักวิ่งไทยได้ต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับโลกมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยในปีนี้มีนักวิ่งกว่า 32,000 คน อาสาสมัคร 7,000 คน ผู้ติดตามและกองเชียร์มากกว่า 65,000 คน รวมผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นนับแสนคน

ไทยฮอนด้า ประกาศแผนงานมอเตอร์สปอร์ต 2025

“ก้อง-สมเกียรติ” ลุย MotoGP “ชิพ-นครินทร์” สู้ศึก ARRC รุ่น ASB1000

ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย แถลงนโยบายมอเตอร์สปอร์ตประจำปี 2025 มุ่งสู่การสานต่อความสำเร็จหลังบรรลุเป้าหมายส่งนักแข่งไทยสู่โมโตจีพีได้ในปีนี้ วาง 3 แผนงานสำคัญ เริ่มจากแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” (Honda Race to The Dream) นำโดย “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” สู้ศึก โมโตจีพี เต็มฤดูกาล และแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” (Honda Race to The Champion) โดยมี “ชิพ-นครินทร์” นำทัพนักแข่งดาวรุ่งล่าแชมป์ Asia Road Racing Championship และแผนงานใหม่ HRT Junior Talent Program เพื่อพัฒนานักแข่งกลุ่มพิเศษอย่างเข้มข้นด้วยโปรแกรมเฉพาะ มุ่งต่อยอดสู่การเป็นนักแข่งระดับโลกรุ่นต่อไป ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เผยว่า “มอเตอร์สปอร์ตในปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย เราบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่เคยประกาศไว้เมื่อหลายปีก่อน คือการพานักแข่งไทยไปโมโตจีพี แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น สิ่งต่อไปที่ไทยฮอนด้า ต้องทำคือการพัฒนานักบิดรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง ด้วยโปรแกรมฝึกใหม่ที่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อต่อยอดความสำเร็จของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ต่อไป ต้องขอขอบคุณท่านผู้สนับสนุน ผู้สื่อข่าว รวมถึงแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา”

สำหรับแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่มีเป้าหมายพานักบิดไทย ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลกนำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่เซ็นสัญญา 2 ปีกับสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ลงบิดในพรีเมียร์คลาส ด้วยรถแข่ง Honda RC213V หมายเลข 35 โดยจะจับคู่กับทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง โยฮันน์ ซาร์โก ขณะเดียวกัน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ไล่ล่าผลงานในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะยกระดับเป้าหมายคว้าท็อป 15 ของโลก

ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกส่ง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ วัย 19 ปี ขยับขึ้นไปลุยศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก 2 รายการ ได้แก่ จูเนียร์ จีพี 2025 และ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2025 ส่วนการแข่งขันรายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 จะมีนักบิดดาวรุ่งจาก ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ เข้าร่วมแข่งขัน 2 คนได้แก่ “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง และ “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ นอกจากนี้ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ผ่านการแข่งขัน ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2025 และ โครงการ ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ 2025 โดยมีเป้าหมายในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาอย่างถูกต้องในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักบิด ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนระดับมืออาชีพ

ด้านแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ในปีนี้ไทยฮอนด้า มีการขยับตัวครั้งสำคัญ โดยจะมีนักบิดหลักในโร้ดแม็ปนี้ทั้งสิ้น 4 คน ลงไล่ล่าแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2025 นำโดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีคนแรกของไทยที่จะควบรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ลุย ในรุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) ควบคู่กับรายการ MFJ SUPERBIKE ALL JAPAN ROAD RACE CHAMPIONSHIP 2025 ในรุ่น ST1000

ส่วน 2 ดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จะจับคู่บิดรถแข่ง Honda CBR600RR รวมถึง “ไฮเป๊ก” กฤษฎา ธนะโชติ ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600)

ขณะที่ในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) กับรถแข่ง Honda CBR250RR ส่ง 2 นักบิดดาวรุ่ง “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร จับคู่กับ “ชินโจ” ณภัทร จาตูม ซึ่งทั้งคู่จะแข่งขันในรายการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2025 ควบคู่กันไปด้วย พร้อมกับนักบิดอีก 3 คนในโครงการอย่าง “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง, “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ และ “ไบรท์” เตชินท์ อินทร์อภัย ซึ่ง 3 รายหลังจะลงในรายการ All Japan รุ่น J-GP3 และยังได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันใน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง หากผลงานเป็นไปตามเป้าหมายอีกด้วย

นอกจากนี้ ในศึกซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 ยังส่ง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จับคู่ลงแข่งขันร่วมกับทีมอิสระของ ฮอนด้า เพื่อไล่ล่าแชมป์ประเทศไทย ภายใต้การนำทีมในฐานะผู้จัดการทีมของ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อีกด้วย

สำหรับการแข่งขันทางฝุ่น ในศึกโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ “เอฟ เอ็ม เอส ซี ที ไทยแลนด์โมโตครอส 2025” ส่ง 5 นักบิด ลงแข่งขันภายใต้ทีมอิสระ ประกอบด้วย กฤษฎา จำรูญจารีต สังกัดทีม Honda 17 พรนุภาพ เดิร์ทช็อป อิเดมิตสึ ดันล็อป , ภานุพงศ์ สมสวัสดิ์ สังกัดทีม Honda ส.จ.โก๋ DRTC IDEMITSU WRC Singha , จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ สังกัดทีม Honda Racing Thailand Wannalak Motorsport และ ธนรัตน์ พานิชไทย พร้อมทีมเมท พัสกร ปริยวงศธร ภายใต้สังกัดทีม Honda Racing Thailand S Motor ลงชิงชัยโดยมีเป้าหมายคว้าแชมป์ประเทศไทย

ส่วนแผนงาน Junior Talent Program ซึ่งเป็นหลักสูตรพัฒนานักแข่งด้วยการฝึกอย่างเข้มข้น โดยพัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรของ Honda Racing School ซึ่งเป็นต้นแบบการสร้างนักแข่งของฮอนด้าในระดับเอเชีย และ โอเชียเนีย โดยไทยฮอนด้าจะคัดเลือกนักแข่งดาวรุ่งที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ เข้าร่วมโปรแกรม โดยมีการพัฒนาอย่างเข้มข้นใน 5 ด้าน ประกอบด้วย การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย (Physical Strength) การเรียนรู้สไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย (Adaptive Riding Skill) การฝึกฝน เพิ่มประสบการณ์การแข่งขัน (Riding Experience) การสร้างความอดทน ทั้งร่างกายและจิตใจ (Physical & Mental Endurance) และการเสริมสร้างวินัยในแบบนักกีฬาอาชีพ (Discipline) ในปี 2025 จะมีนักแข่งดาวรุ่งที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการพัฒนาทั้ง 5 ด้าน พร้อมกับลงแข่งขันในรายการสำคัญของเอเชีย เพื่อยกระดับขีดความสามารถสู่การเป็นนักแข่งระดับโลกต่อไป

#ThaiHonda #Motorsport #RoadToMotoGP #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #MotoGP #SC35 #Moto3 #JuniorGP #RookiesCup #HondaAcademy #HondaThailandTalentCup #AsiaTalent #ARRC #AllJapan #BRIC #FMSCT #ThailandMotocross

Harley-Davidson® เผยโฉมรุ่นใหม่ ประเดิมไลน์อัพปี 2025

Street Glide® Ultra Pan America® 1250 ST และตระกูล Cruiser โฉมใหม่ 6 รุ่น ประเดิมไลน์อัพปี 2025

Harley-Davidson เปิดตัวไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่และรุ่นปรับโฉมปี 2025 อย่างเป็นทางการ โดยรถรุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในไลน์อัพปีนี้ ประกอบด้วย รุ่น Street Glide® Ultra พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Touring สำหรับการเดินทางระยะไกลที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันและ รุ่น Pan America® 1250 ST รถมอเตอร์ไซค์สาย Adventure sport เพื่อการขับขี่ตะลุยในทุกเส้นทาง รวมถึงคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 จำนวน 6 รุ่น ที่มาพร้อมกับขีดความสามารถด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ดีขึ้น  นอกจากนี้ ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น Sportster® S ที่ได้รับการอัปเกรดระบบช่วงล่างเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ และคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Custom Vehicle Operation™ (CVO™) รุ่นลิมิเต็ดอีก 3 รุ่น ถือเป็นการเติมเต็มไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ที่เหล่านักขับขี่ทั่วโลกต้องการมากที่สุดจาก Harley-Davidson

คอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่จาก Harley-Davidson ปี 2025 ประกอบด้วยตระกูล Grand American Touring, Cruiser, Sport, และ Adventure Touring สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้ผ่านทางเว็บไซต์ H-D.com หรือ ณ โชว์รูมและศูนย์บริการโดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลก

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 โฉมใหม่สุดโดดเด่นจำนวน 6 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ผสานกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับและดีไซน์อันทันสมัย โดยรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 117 พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และโครงสร้าง Harley-Davidson® Softail® ที่มาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบโมโนช็อค (Monoshock) โดยไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 ประกอบด้วยรุ่น Low Rider® S, Low Rider® ST, Breakout®, Heritage Classic, Fat Boy®, และ Street Bob®  ซึ่งรถแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่ความคลาสสิกย้อนยุคไปจนถึงสุดยอดสมรรถนะที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำ

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Street Glide® Ultra ปี 2025

ออกไปพิชิตเส้นทางกับ Street Glide® Ultra รุ่นใหม่ ที่จะมายกระดับการเดินทางไกลด้วยความสะดวกสบาย พร้อมสัมผัสสุดยอดเทคโนโลยี สมรรถนะเหนือชั้น และต่อยอดจากดีไซน์ Street Glide ปี 2024 ผสานกับฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับการเดินทางระยะไกลแบบสองคน เหมาะสำหรับนักขับขี่ที่มองหาความอิสระและการผจญภัย นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Grand American Touring รุ่นมาตรฐานที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด เท่าที่ Harley-Davidson เคยสร้างมา

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Sportster® S ปี 2025

Harley-Davidson Sportster® S รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบกันสะเทือนที่ได้รับการอัปเกรดและดีไซน์ใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ โดดเด่นด้วยแรงบิดที่เร่งได้ฉับไว ช่วยสร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ผ่านการออกตัวได้อย่างเต็มพลัง  นอกจากนี้ ด้วยน้ำหนักที่เบา เทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์สุดโดดเด่น ทำให้ Sportster® S เป็นตัวเลือกที่ดึงดูดทั้งนักขับขี่ประสบการณ์สูง และนักขับขี่หน้าใหม่ที่ต้องการก้าวข้ามการขี่รถมอเตอร์ไซค์แบบเดิม ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จึงเร่งความเร็วของล้อหลังเพิ่มขึ้นได้ 60% โดยไม่กระทบต่อความสูงของเบาะ ทำให้ขับขี่ได้ในสภาพถนนที่หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้กระบอกโช๊คอัพยังสามารถปรับค่าการบีบและคืนตัว รวมทั้งปรับพรีโหลดได้ทั้งในระบบกันสะเทือนหน้าและหลัง

 

รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ตระกูล Custom Vehicle Operation™ ปี 2025

ในงานเปิดตัวประจำปีครั้งที่ 26 มีการเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® CVO™ รุ่นลิมิเต็ดระดับซูเปอร์พรีเมียมถึง 3 รุ่น โดยรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นสะท้อนถึงพลังและความมีเกียรติ โดดเด่นด้วยที่สุดของสไตล์และการออกแบบตามแบบฉบับของ Harley-Davidson มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่สำหรับปี 2025

  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Street Glide® และ CVO™ Road Glide® มาพร้อมกับดีไซน์ที่ยกระดับไปอีกขั้นผสานกับเทคโนโลยีและสมรรถนะชั้นสูง เพื่อตอบสนองนักขับขี่แบ็กเกอร์ที่ต้องการความพิถีพิถันและคาดหวังประสบการณ์การขับขี่ระดับสูง
  • รถมอเตอร์ไซค์ CVO™ Road Glide® ST ได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไซค์ Screamin’ Eagle® Factory Team Road Glide® ที่ลงแข่งขันในรายการ MotoAmerica® Mission Foods King of the Baggers Championship โดยเป็นการผสมผสานเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 121 H.O. เข้ากับชิ้นส่วนสมรรถนะสูง และการดีไซน์แบบคัสตอม ทำให้ได้รถมอเตอร์ไซค์แบ็กเกอร์ที่มีทั้งความรวดเร็ว ทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความล้ำสมัย

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถมอเตอร์ไซค์ และสีที่วางจำหน่าย พร้อมข้อมูลจำเพาะ และกำหนดเวลาการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน

Harley-Davidson ยืนหยัดเพื่อจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและอิสรภาพเหนือกาลเวลาของเหล่านักขับขี่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Grand American Touring ตระกูล Adventure Touring และตระกูล Cruiser รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson มือสองที่ผ่านการรับรอง พร้อมอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งแท้จาก Harley-Davidson สินค้าเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ Harley-Davidson MotorClothes® และบริการด้านการเงินของ Harley-Davidson ได้ที่ H-D.com 

ไทยฮอนด้า ผสานความร่วมมือกับ เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ระดับเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 3

ไทยฮอนด้า เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์จำกัด และกลุ่มบริษัทฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย จัดการแข่งขัน ทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 3 (The 3rd Asia-Oceania Honda Safety Instructor Competition 2025) ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 23-24 มกราคม นี้ ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมในการจัดการแข่งขัน โดยมีครูฝึกรวมทั้งสิ้นกว่า 150 คนจาก 8 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียดนาม และไทยเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

มร.ยูตะ นิโนะ กรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นสร้างถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด ‘Safety for Everyone’ โดยเรามีเป้าหมายสำคัญในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของฮอนด้าทั่วโลก ให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 การแข่งขันในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่จะยกระดับความรู้และทักษะของครูฝึกขับขี่ปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ถนนในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย”

“การแข่งขันระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้ครูฝึกขับขี่ปลอดภัยของไทยได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับครูฝึกจากหลากหลายประเทศ ความรู้ที่ได้รับจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดโครงการฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย ที่ไทยฮอนด้าได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่า 36 ปี และจะมุ่งมั่นพัฒนาให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อไป”

ในขณะที่ คุณสาวิตรี แก้วพวงงาม กรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “การแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศักยภาพของครูฝึกขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาค แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการยกระดับและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูฝึกขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย และส่งต่อประสบการณ์ความรู้ไปสู่ท้องถิ่นของครูฝึกแต่ละคน เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนนในระดับที่สูงขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวร่วมกัน”

การแข่งขันในครั้งนี้ประกอบด้วยการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 3 รุ่น ​ได้แก่ ​CB150R, CB300R และ CB500R รวมถึงการแข่งขันด้านนวัตกรรมความปลอดภัย​ (Presenting Innovative Safety Concepts​) โดยเน้นการประเมินความสามารถของครูฝึกฯ ในการวิเคราะห์ปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง และนำความรู้จากประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างเนื้อหาการฝึกอบรมให้ประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานของครูฝึกฮอนด้า และสร้างความตระหนักถึงการขับขี่ที่ปลอดภัย การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 สถานีหลักที่เน้นการฝึกทักษะเฉพาะด้าน ได้แก่:
สถานีเบรก (Braking Course) – ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองและการตัดสินใจ โดยครูฝึกต้องขับขี่ด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหยุดรถในบริเวณที่กำหนด เพื่อแสดงเทคนิคการเบรกฉุกเฉินอย่างปลอดภัย
สถานีจิมคาน่า (Slalom Course) – ทดสอบความคล่องตัวในการขับขี่ผ่านเส้นทางที่กำหนด โดยใช้คันเร่ง เกียร์ และเบรกอย่างสอดคล้องกัน พร้อมฝึกจัดท่าทางการขับขี่ที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์บนถนน
Low Speed Balance Course – ทดสอบการทรงตัวด้วยความเร็วต่ำ ครูฝึกต้องเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางการขับขี่ที่เหมาะสมเพื่อควบคุมรถได้อย่างมั่นคง

การแข่งขันครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการสร้างถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และพัฒนามาตรฐานการขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียอย่างต่อเนื่อง

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
อินสตาแกรม: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou