2019 Dakar Rally : Preview

ในการแข่งขันครั้งที่ 41 ของแรลลี่ดาการ์ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ ในบรรดาท่ามกลางนักแข่ง 138 คนที่จะลงชิงชัยใน 2019 Dakar นั้น จะมีสามแชมป์หลังสุดในการแข่งขัน คือ Toby Price , Sam Sunderland , และ Matthias Walkner ที่จะนำทัพรถแข่ง KTM สานต่อสถิติไร้พ่ายในเกม Dakar Rally ที่คว้าชัยไว้ได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แต่ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ชัยชนะที่ได้มาก็หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะในช่วงสามสี่สมัยหลังสุดนี้ บ่อยครั้งที่ต้องพบกับความท้าทายจากคู่แข่ง ที่ต่าง มุ่งหวังแชมป์รายการนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่า นักแข่งเลือดใหม่จากสาย Honda อย่าง Kevin Benavides , Joan Barresda หรือนักแข่งชุดใหม่ในสาย Yamaha อย่าง Adrien van Beveren ,Xavier de Soultrait ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนับจากที่หมดยุคของ นักแข่งอย่าง Cyril Depres และ Marc Coma ที่ทั้งคู่ต่างผลัดกันคว้าชัยคนละห้าครั้งระหว่างช่วงปี 2005-2015 นั้น เกมเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องของรถแข่งที่มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น ทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยี พร้อมด้วยการก้าวเข้ามาของนักแข่งสายเลือดใหม่ รุ่นใหม่หลายๆ คน ที่กระหายในชัยชนะ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงปีสุดท้ายของทั้ง

Coma และ Depres นั้น เขาต้องพบกับความท้าทายจากนักแข่งรุ่นใหม่ๆ พอสมควร โดยเฉพาะในปี 2015 ที่นักแข่งอย่าง Tobi Price แทรกเข้ามามีส่วนร่วมกับการขับเคี่ยวระหว่างคู่ดวลแห่งยุค Coma-Depress ซึ่งในปีนั้น Price จบด้วยอันดับสาม ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ใน 2016 Dakar เช่นเดียวกับการเข้ามาของนักแข่งอย่าง Matthias Walkner ที่สามารถเบียดชัยชนะในบางสเตจ จนเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยจากแฟนๆสายแรลลี่ ก่อนที่จะรับช่วงคว้าแชมป์ 2018 Dakar ต่อจาก Sam Sunderland ที่ทำได้ใน 2017 Dakar ซึ่งอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ช่วงสามครั้งหลังของ KTM นี้ไม่ได้มาโดยง่าย กว่าจะสานต่อชัยชนะติดต่อกันได้เป็นครั้งที่ 17 โดยเฉพาะสามปีหลังสุดมานี้ ความท้าทายบนเส้นทางสู่ความสำเร็จของ KTM นั้น ล้วนพบกับงานที่ยากลำบากขึ้นจากคู่แข่งอย่าง Honda และ Yamaha หรือแม้แต่ทีมของค่ายลูกอย่าง Husqvarna เองก็ตาม ซึ่งใน 2019 Dakar Rally ครั้งนี้ จะชิงชัยกันเพียงแค่พื้นที่ในประเทศเปรูเท่านั้น กับสิบสเตจ ระหว่าง 6-17 มกราคมนี้ ที่จะมีเส้นทางรวมถึงห้าพันกิโลเมตร โดยที่ 70% ของการชิงชัยนั้นจะวิ่งในทะเลทราย แน่นอนว่า KTM ยังคงเป็นตัวเต็งในการลุ้นแชมป์ ทว่าอย่างที่กล่าวไปแล้ว ว่าผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเองต่างก็หวังประสบความสำเร็จสูงสุดในรายการนี้ โดยเฉพาะ Honda ที่ในปีที่ผ่านมา Kevin Benavides สามารถนำ CRF450 Rally จบเป็นอันดับสอง ช้ากว่าผู้ชนะเพียง 17 นาที ขณะที่มือวางของทีมอย่าง Paulo Goncalves โดยเฉพาะ Joan Barreda ที่สามารถทำสถิติชนะถึง 222 สเตจ ในประสบการณ์ช่วงแปดปีของเขากับรายการนี้ ก็จะกลับมามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์เต็มที่อีกครั้ง ส่วนทีมจาก Yamaha นั้น นักแข่งอย่าง Adrien Van Beveren ที่เคยจบด้วยอันดับเจ็ดและสี่ ในปี 2016 และ 2017 ก่อนที่จะบาดเจ็บในช่วงท้ายสเตจขณะไล่ทำผลงานลุ้นในกลุ่มสามอันดับแรกจากครั้งที่ผ่านมาจนต้องถอนตัวก่อนสิ้นสุดการแข่งขันนั้น ก็สามารถฟิตร่างกายกลับมาได้สมบูรณ์ทันลงแข่งขันในครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งสรุปนักแข่งในระดับทีมแฟคทอรี่ที่จะลงชิงชัย 2019 DakarRally เริ่มด้วยทีมผู้ท้าชิงอันดับต้น อย่าง Monster Energy Honda Team ที่ทาง Honda ตั้งเป้าหมายชัดเจน ถึง ภารกิจ คว้าชัยในการแข่งขัน Dakar Rally ซึ่งไลน์อัพของนักแข่งสายแรลลี่อย่างเป็นทางการนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากการแข่งขันใน 2018 FIM Cross Country Rallies World Championship ที่ยังคง มี Kevin Benavides , Paulo Goncalves , Joan Barreda , Ricky Brabec และ Jose Ignacio Cornejo ในการได้ลงแข่งขันด้วย CRF450 Rally
เช่นเดียวกับทีมแชมป์เก่า อย่าง KTM Factory ที่ยืนยันนักแข่งในทีมหลักจะมีสี่คน คือ สามแชมป์จากสามสมัยล่าสุด อย่าง Matthias Walkner(2018), Toby Price(2016), Sam Sunderland(2017) โดยจะมีนักแข่งอีกคนคือ Luciano Benavides ที่จะเข้ามาร่วมกัน ไล่ล่าความสำเร็จในการคว้าชัย Dakar Rally เป็นสมัยที่ 18 ติดต่อกัน นอกจากสี่นักแข่งในทีมแฟคทอรี่แล้ว ยังได้เสริมอีกสองนักแข่งในนามทีม KTM Factory Racing แน่นอนว่า นักแข่งหญิงอย่าง Laia Sanz จะยังคงร่วมชิงชัยในฐานะนักแข่งโควตาทีม Factory เช่นที่ผ่านมาแล้ว จะมีนักแข่งที่มาร่วมชิงชัยครั้งแรกอย่าง Mario Patrao

ส่วนทางฝั่งของ แฟคทอรี่ Yamaha ที่จะลงชิงชัยในนาม Yamalube Yamaha Rally Team นักแข่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากคราวที่ผ่านมา ด้วยขุนพลนักแข่งสี่คน คือ Adrien Van Beveren , Xavier de Soultrait , Rodney Foggotter , Franco Caimi ที่จะนำ ตัวแข่ง WR450F Rally ลงชิงชัย โดยในช่วงที่ผ่านมาหลังปิดฤดูกาลแข่งขันปกติ ในเกม FIM World Cross-Country Rallies รวมทั้ง FIM World Enduro นักแข่งของแฟคทอรี่ทีม ก็ได้มีการเก็บตัวเพื่อฟื้นฟูและเสริมสมรรถภาพของร่างกายกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งสมบูรณ์เพียงพอสำหรับการยืนระยะในแรลลี่สุดโหดครั้งนี้ และทางค่ายผผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนอย่าง Husqvarna ก็เปิดแนวรบตามมาติดๆ ด้วยการส่งสองนักแข่งทีมโรงงาน ลุ้ยในเกม 2019 Dakar Rally ที่จะแข่งขันกันในเปรู ด้วยรถแข่ง Husqvarna FR450 Rally ที่จะลงชิงชัยด้วย นักแข่งอย่างPablo Quintanilla กับ Andrew Short เช่นปีที่ผ่านมา

2019 KTM 450 Rally factory bike

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทาง KTM ได้เปิดตัวรถเรพลิก้า อย่าง KTM 450 Rally Replica สำหรับปี 2019

ซึ่งเป็นรถที่ก้อปปี้หรือถอดแบบพื้นฐานมาจาก workbike หรือรถแข่งทีมแฟคทอรี่ อย่าง KTM 450 Rally factory bike ที่คว้าชัยในปี 2018 ที่ผ่านมา ที่ Matthias Walkner เป็นผู้ก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ พร้อมสานต่อความสำเร็จใน Dakar Rally เป็นสมัยที่ 17 ติดต่อกันให้กับค่ายรถจากออสเตรีย จากพื้นฐานข้อมูลตัวรถเรพลิก้านั้น ได้รับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ ตามแบบฉบับที่ได้จากตัวแข่งด้วยการเน้นถึงจุดศูนย์รวมน้ำหนักที่มีบาล้านซ์มากขึ้น มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำยิ่งขึ้น ช่วยให้รถเคลื่อนที่บังคับการขี่ได้ว่องไวและมั่นคงยิ่งขึ้น จากโมเดลเรพลิก้าในปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ซึ่งก็เข้าใจว่าถึงตอนนี้ 2019 KTM 450 Rally Replica พร้อมที่จะส่งมอบให้กับผู้ที่จับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นคือเรื่องของรถ
โปรดักชั่น ทว่าเจ้าเรพลิก้านี้มีผลิตจำกัดเพียงแค่ 75 คันเท่านั้นในปีนี้ ขณะที่ในส่วนของ Factory bike หรือ workbike ตัวล่าสุดที่จะใช้ในการแข่งขัน 2019 Dakar Rally ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในระหว่างที่เรากำลังปิดต้นฉบับกันอยู่นี้ ทาง KTM ได้เปิดเผยโฉมของรถแข่งและทีมแข่งอย่างเป็นทางการ เป็นที่เรียบร้อย โดย KTM 450 Rally factory bike นี้ จะใช้ลงสานต่อความสำเร็จเพื่อช่วงชิงชัยชนะครั้งที่ 18 ติดต่อกัน ให้ได้ กับการแข่งขัน 2019 Dakar Rally ที่จะชิงชัยกันเฉพาะในประเทศเปรู นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี1978 ที่รายการแรลลี่สุดโหดอย่างดาการ์นี้จะแข่งขันในพื้นที่เพียงแค่ประเทศเดียวเท่านั้น

ในส่วนของ KTM450 Rally factory bike เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ได้มีการอัพสเปคให้เหมาะสมกับการแข่งขันที่ซึ่ง 70% ของเส้นทางในปีนี้จะอยู่ในทะเลทราย ดังนั้นมิติของตัวรถโดยเฉพาะในส่วนของแชสซีส์นั้น จะได้รับการปรับใหม่ รวมทั้งระบบกันสะเทือนที่จะมีการเซทติ้งใหม่ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์บางส่วน ตามแบบฉบับของทีมแข่งโรงงาน ที่จะทำให้รถแข่งเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ มีสมรรถนะที่เหนือกว่า และสมบูรณ์กว่า โดยต้องมีความลงตัวที่พร้อมตอบสนองความต้องการของนักแข่งทีมแฟคทอรี่ทุกคนได้เป็นอย่างดี ทั้งจาก Red Bull KTM Factory Team ที่มีสามแชมป์ล่าสุดในทีม ซึ่งก็มีนักแข่งคือ Matthias Walkner(2018), Toby Price(2016), Sam Sunderland(2017) โดยจะมีนักแข่งอีกคนคือ Luciano Benavides ที่จะเข้ามาร่วมกันไล่ล่าความสำเร็จในการคว้าชัย Dakar Rally เป็นสมัยที่ 18 ติดต่อกัน นอกจากสี่นักแข่งในทีมเรดบูลแฟคทอรี่แล้ว ยังได้เสริมอีกสองนักแข่ง ในนามทีม KTM Factory Racing แน่นอนว่า นักแข่งหญิงอย่าง Laia Sanz จะยังคงร่วมชิงชัยในฐานะนักแข่งโควตาทีม Factory เช่นที่ผ่านมาแล้ว จะมีนักแข่งที่มาร่วมชิงชัยครั้งแรกอย่าง Mario Patrao รวมทั้งสิ้นหกนักแข่งแฟคทอรี่จาก KTM

แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่ของตัวรถจะไม่ได้รับการเปิดเผยรายละเอียด แต่ในเว็บไซต์ของทีมก็ได้มีการกล่าวถึงรายละเอียดบางส่วนของตัวแข่งล่าสุดนี้ ที่มาพร้อมกับนิยามว่า “faster-stronger-lighter” ที่ต่อยอดพัฒนามาจากรถแข่งที่ชนะการแข่งขันโดย Matthias Walkner ในปีที่แล้วให้มีน้ำหนักที่เบาขึ้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และ เร็วขึ้น จากเดิมด้วยมิติของตัวรถที่ปรับใหม่เน้นประสิทธิภาพในการควบคุมเพื่อตอบสนองต่อความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นของเครื่องยนต์ แล้วจากความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ย่อมมีส่วนคำนึงถึงเรื่องของแอโรไดนามิกด้วย ดังนั้นอีกส่วนหนึ่งที่ทีมต้องจัดการปรับก็คือ บอดี้ของตัวรถที่มีการออกแบบชิ้นส่วน bodywork ของตัวรถให้มีความเพรียวบางมากจากเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับส่วนของ ชิลด์บังลมหน้าที่มีการปรับเปลี่ยนให้ช่วยปกป้องแรงลมปะทะตัวผู้ขับขี่ขณะที่ขับขี่เป็นระยะทางยาวไกล ด้วยความเร็วได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังได้ออกแบบท่อดักอากาศใหม่ ให้สามารถนำอากาศเข้าสู่เครื่องได้สะดวกยิ่งขึ้น ที่มีผลเกี่ยวเนื่องหลายส่วนของการพัฒนารถแข่งนี้เพื่อให้ผลต่อเนื่องกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนบอดี้เวิร์คส่วนอื่นๆนั่นก็คือ โครงสร้างชิ้นส่วนที่เรียกว่า Nanigation tower หรือ โครงสร้างที่ใช้ยึดชุดเรือนไมล์และอุปกรณ์ต่างภายในค็อกพิทนั่นเอง รวมถึงสำหรับยึดชิลด์หน้าอีกด้วย โดยมีการปรับมิติเล็กน้อยจากเดิม ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานของชิ้นงานนั้นผลิตจากวัสดุคาร์บอนแทบทั้งหมด และยังคำนึงถึงการออกแบบให้สามารถทำการถอดประกอบชิ้นส่วนต่างๆของบอดี้เวิร์คให้สามารถทำการเซอร์วิสส่วนต่างได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้อีกด้วย และนี่คือ KTM 450 Rally factory bike ตัวล่าสุด ที่จะใช้ใน 2019 Dakar Rally ที่มาพร้อมนิยามว่า faster-stronger-lighter ที่พัฒนามาเพื่อไล่ล่าความสำเร็จใน Dakar Rally ครั้งที่ 41 ที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่าผู้ที่สนใจรถสมรรถนะสูงในระดับนี้ ก็ลุ้นเตรียมจับจองกับเวอร์ชั่น เรพลิก้า ที่เชื่อได้ว่า สเปคนี้จะถูกนำไปปรับในเวอร์ชั่นขายอย่าง rally replica ในปีหน้าอย่างแน่นอน

ยามาฮ่ารับรางวัลเกียรติคุณผู้สนับสนุนโครงการ “แพทย์ในดวงใจ 77 จังหวัด”

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เข้ารับรางวัลเกียรติคุณในการสนับสนุนโครงการ “แพทย์ในดวงใจ 77 จังหวัด” จาก ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย พร้อมถ่ายภาพร่วมกับตัวแทนแพทย์ในดวงใจที่ได้รับรางวัล โดย พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน  ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลในปีนี้สำหรับโครงการ “แพทย์ในดวงใจ 77 จังหวัด” จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ เป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่แก่แพทย์ผู้อุทิศตนในการรักษาให้กับประชาชน โดยเปิดให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมโหวตเพื่อมอบรางวัลแก่แพทย์ที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากคนไทยทั่วประเทศ  ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ มีประชาชนร่วมโหวตเข้ามาเกือบ 70,000 คน

โดยงานมอบรางวัลเกียรติคุณผู้สนับสนุนโครงการ “แพทย์ในดวงใจ 77 จังหวัด” ในครั้งนี้มีขึ้น ณ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อเร็วๆ นี้

2019 Honda CRF450 RALLY

ในการแข่งขันครั้งที่ 41 ของรายการ Dakar Rally ทัพทีมแข่งจาก Honda ที่ส่งแฟคทอรี่ทีมลงชิงชัยในนาม Team HRC ตั้งแต่ฤดูกาล 2013 ที่เป็นการหวนคืนสู่สังเวียนแรลลี่ที่โหดที่สุดในโลกรายการนี้

ด้วยการนำรถประเภทเอ็นดูโร่จากไลน์การผลิตปกติมาทำการปรับแต่งเพื่อใช้แข่งขัน และเก็บข้อมูลต่อเนื่องเป็นเวลาสองปีเต็ม ก่อนที่ในฤดูกาล 2015 จะได้รถแข่งแรลลี่พันธ์ุแท้ออกมาอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งกำลังเครื่องยนต์ สมรรถนะความทนทาน ประสิทธิภาพด้านแอโร่ไดนามิค และ การบำรุงรักษาระหว่างแข่งขัน ในแบบมาตรฐานของรถแข่งแรลลี่ กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่า CRF450 Rally ที่กล่าวได้ว่าปี 2015 คือก้าวแรกอย่างเต็มรูปแบบ ที่ Honda พัฒนาเทคโนโลยีจากสังเวียนแข่งขันแรลลี่อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาประสิทธิภาพของ ระบบหัวฉีด PGM-Fi ให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลายเต็มประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันระหว่างการแข่งขันสุดโหดของ Dakar Rally พร้อมกับตั้งเป้าหมายเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จในรายการนี้กลับคืนมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่รายการแข่งขันแรลลี่โดยเฉพาะใน Dakar นี้เป็นกิจกรรมที่ใช้งบเป็นรองเพียง MotoGP เท่านั้น นับจากเวอร์ชั่น 2015 เป็นต้นมา HRC เดินหน้าพัฒนา และปรับปรุงเสริมสมรรถนะให้กับ CRF450 Rally อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ได้รถแข่งที่สมบูรณ์มากที่สุด สำหรับภาระกิจการทวงความยิ่งใหญ่ใน Dakar กลับมา

ล่าสุด Team HRC หรือทีมแฟคทอรี่อย่าง Monster Energy Honda Team ที่ ทาง Honda ตั้งเป้าหมายชัดเจน ถึงภารกิจคว้าชัยในการแข่งขัน Dakar Rally ซึ่งได้ยืน
ยันไลน์อัพนักแข่งสายแรลลี่อย่างเป็นทางการ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก การแข่งขันใน 2018 FIM Cross Country Rallies World Championship ที่ยังคง มี Kevin Benavides , Paulo Goncalves , Joan Barreda , Ricky Brabec และ Jose Ignacio Cornejo ในการได้ลงแข่งขันด้วย CRF450 Rally

ข้อมูลบางส่วนของตัวรถดังนี้

Machine Specs
BIKE Honda
MODEL CRF450 RALLY
ENGINE
Type Liquid cooled single cylinder DOHC
Capacity 449.4 cc
Bore x stroke 97.0 x 60.8 mm
Starter Electric starter
Carburation Fuel Injection
Lubricant Motul 300V
Transmission 6 speed
Output Over 45 kW
FRAME
Type Aluminium twin tube
Sub-frame Carbon fibre
Fuel tank Front + rear (pastic)
Total fuel capacity 33,7 litres
Front fork Showa. Type invert, ø51, travel 310 mm
Rear suspension Showa. Ø50 single tube, travel 315 mm
BRAKES
Front ø300 2 pot
Rear ø240 1 pot

ยามาฮ่าเปิดแผนรุก เตรียมบุกตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเต็มพิกัด

พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ 5 รุ่นในปีนี้ ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมแถลงนโยบายประจำปี 2562 แก่ร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ โดยในปีนี้ยามาฮ่าเตรียมรุกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งเป้าโตสวนกระแสเพิ่มยอดขายเป็น 285,000 คัน ชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น พร้อมแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์ครบทุกเซกเมนท์ในปี 2562 โดยในการประชุมครั้งนี้ยามาฮ่า ประเดิมเปิด 2 รถใหม่ ด้วยรถ Modern Family Automatic ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ยามาฮ่า ฟรีโก ใหม่!! ขนาด 125 ซีซี เต็มที่ทุกเส้นทาง และ Sport Moped โฉมใหม่ All new ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 ซีซี คิงออฟสตรีท ดีไซน์ใหม่ ซึ่งเป็นอีก2 เซกเมนท์ที่ยังสามารถสร้างโอกาสแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ในการแถลงนโยบายแก่ผู้จำหน่ายยามาฮ่าประจำปี 2562 นี้ จะจัดแยกตามรายภาคเพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างคู่ค้าให้มากขึ้น โดยมีขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 24 มกราคม 2562 ณ โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ

Forza Super Blue By Modern Parts

ความสะดวกความสบายบนท้องถนนใครว่าจะไม่มีกับรถจักรยานยนต์ FORZA300 แสดงให้เห็นแล้วว่า สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่นิ่มนวลขับขี่คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ตำแหน่งท่านั่งที่ให้ความสบาย มีดีไซน์ที่โดดเด่น และฟิคเจอร์สุดล้ำสมัย วินชิลด์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า จนได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

จากการตั้งตารอคอยกันมานานแรมปีกับโฉมใหม่ของบิ๊กสกู๊ตเตอร์รหัส FORZA ของค่ายปีกนก เปิดตัวมาก็เรียกกระแส และโกยรายได้ไปอย่างรวดเร็ว และก็ตามมาด้วยออพชั่นเสริมต่างๆ ที่ผลิตเพื่อซับพอร์ทการตกแต่งความสวยงาม ทำให้เห็น FORZA สวยๆ มากมายบนท้องถนน

สำหรับ FORZA300 คันนี้ สีสันยังคงไม่เปลี่ยนใช้สีทูโทนสแตนดาร์ดจากโรงงานแบบนี้ก็สวยแล้ว ก็มีการปรับเสริมเติมแต่งให้ดูหล่อมากขึ้น เปลี่ยนจานดิสก์เบรกจาก 256 มม. เพิ่มไดมิเตอร์ให้ใหญ่ขึ้นด้วยขนาด 290 มม. และเป็นแบบให้ตัวได้กับโฟลท์ติ้งอลูมินัม คาลิเปอร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ Swits เรเดียลเม้าท์ ขนาด 100 มม. 4 พอร์ท ข้อต่อและสายน้ำมันสแตนเลสถัก Swits ชุดปั๊มแรงดันดิสก์เบรก เบรก ซ้าย-ขวา จาก Adelin 19 RCS กระปุกน้ำมัน Soluts เสริมที่วางเท้า CNC อลูมินัมสีน้ำเงินจาก Revolution แร็คท้ายและกันล้มท่อจาก Revolution สำหรับดิสก์เบรกหลังสร้างขาจับใหม่ ใช้คาลิเปอร์ด้วงจาก swits และ ข้อต่อสายน้ำมันจาก Swits ช่วงหลังเสริมความหนึบและความนิ่มนวลกระการซับแรงกระแทกของระบบซับเพนชั่น โช้คอัพหลังถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อรถรุ่นนี้จากแบรนด์ชั้นนำ Gazi มีซับแท้งค์บิ้วท์อินที่สามารถปรับการทำงานได้เต็มระบบ

Honda Test All New CBR500R FAST FORWARD ขีดสุดแห่งความสปอร์ต

บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้จัดเตรียมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ระดับท็อปคลาส All New CBR500R มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบขับขี่กันชนิดเต็มรูปแบบ บนแทร็คสนามแข่งระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ทัพสื่อมวลชนชั้นนำทุกแขนงในเมืองไทยเดินทางมาถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กันตั้งแต่เช้า และได้รับการต้อนรับจากตัวแทน และทีมงานแมคคานิค เข้าสัมมนาเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ และรายละเอียดต่างๆ ที่มีการปรับเพิ่มเติมให้กับโมเดลสปอร์ตยอดนิยม หลังจากนั้นก็จัดการแบ่งกลุ่มขับขี่ และการแนะนำไลน์ขับขี่ในสนามแข่งระกับโลก กับสองนักแข่งระดับโลกเช่นกัน ฟีม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ และ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ก่อนที่จะไปลงไปเค้นสมรรถนะเอาฟิลลิ่งต่างๆ ในสนามแข่ง อยากให้รู้ถึงการอัพเกรดชุดใหญ่ไฟสปอร์ตไลท์กันก่อนว่ามีเทคโนโลยีอะไรบ้างที่มันโดดเด่น และน่าสัมผัสอย่างไร

เครื่องยนต์เป็นพื้นฐานเดิม Parallel Twin 2 สูบเรียง ขนาด 471 ซีซี DOHC 4 วาล์ว/สูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 47.5 แรงม้า (35kw) ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที เกียร์ 6 สปีด การอัพเกรดใหม่เน้นหลักๆ ในส่วนของเครื่องยนต์คือ พละกำลังที่รีดออกมาได้อย่างราบรื่นลากกันยาวๆ เพลาลูกเบี้ยว (แคมชาร์ฟ)ใหม่ ปรับองศาการเปิด/ปิดวาล์ว เพิ่มระยะยกไอดีขึ้นอีก 0.3 มม. ช่วยให้รอบปลายไหลได้ยาวกว่าเดิม ได้แรงม้าขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตัวกรองอากาศและไส้กรองใหม่ การวางไส้กรองต่างจากรุ่นเดิมให้อากาศไหลเวียนได้สะดวกมากขึ้น กล่อง ECM(ECU) อัจฉริยะใหม่ (Engine Control Module) สั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและจุดระเบิดแม่นยำขึ้น หัวเทียนและองศาจุดการระเบิดใหม่ ปรับจากรุ่นเดิมที่ 6 องศาเป็น 8 องศา หรือเรียกง่ายๆ ว่าไฟแก่ขึ้นกว่าเดิมทำให้อัตราการเร่งในช่วงต้นรุ่นแรงจัดจ้านรวดเร็ว ระบบคลัทช์ใหม่เป็นแบบ Assist Slipper Clutch และลดจำนวนสปริงกดคลัทช์จาก 4 ตัวเป็น 3 ตัว ให้การบีบที่นิ่มสบายมากขึ้น สำหรับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่โฉบเฉี่ยวสปอร์ตเร้าใจน่าสัมผัส ชุดแฟริ่งเต็มคัน ไฟหน้าสองดวงแบบ LED เรือนไมล์แบบฟูลดิจิตอล จอแสดงผล LCD อ่านง่ายเด่นชัด มีไฟชิฟไลท์เตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบที่เหมาะสม และสัญญาณเตือนไฟเบรกกระทันหันเพื่อความปลอดภัย ท่านั่งที่เน้นความสปอร์ต ด้วยแฮนด์ลดตำแหน่งลงไฟจับโช้คอยู่ใต้แผงคอ ทำให้การควบคุมคล่องตัว สวิงอาร์มใหม่ที่มีชุดปรับตั้งโซ่แบบเดียวกับรถ Supersport ขนาดใหญ่ มือเบรก, มือคลัทช์ มีการทำมาร์ค Expire Mark เมื่อเกิดอุบัติเหตุมือเบรกและมือคลัทช์จะหักตรงจุดที่เซาะร่องไว้แค่นั้น ทำให้เหลือพื้นที่ของมือเบรกและมือคลัทช์ให้ใช้งานต่อได้ โช้คอัพหน้ายังคงเป็นแบบเทเลสโคปิกแกนขนาด 41 มม. สามารถปรับสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ โช้คอัพหลังเดี่ยว Pro Link ปรับสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ ดิสก์เบรกหน้าเดี่ยวขนาด 320 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ดิสก์หลังเดี่ยวขนาด 240 มม.คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

สำหรับการอัพเกรดครั้งใหญ่นี้ทำให้ตัวรถและเทคโนโลยีเครื่องยนต์มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น รูปทรงที่โฉบเฉี่ยว โดดเด่น สปอร์ตมากยิ่งขึ้น อยากสัมผัสเข้าถึงความสปอร์ตบนความสบายที่ควบคุมง่ายกับ All New Honda CBR500R เปิดตัวที่ราคา 217,000 บาท มี 3 สีให้เลือกคือ Pearl Metalloid White (ขาว), Mat Axis Gray Metallic (ดำ) และ Grand Prix Red (แดง) ไปยลโฉมได้ที่ Honda Bigwing ทั่วประเทศ“ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่สัมผัสสนามแข่งระดับโลก แต่กับ CBR500R นี่ละน่าสนใจมาก…การทดสอบขับขี่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม จะได้ขี่กลุ่มละ 20 นาที และฮีท เอาแบบให้หายอยากกันไปเลย แต่ก่อนที่จะขับขี่ทีงานแมคคานิคได้รับข้อมูลจากนักแข่งในการปรับเซ็ทพรีโหลดโช้คอัพหน้าให้เหมาะกับการขับขี่เพิ่มขึ้นไปอีก 5 ระดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และเริ่มออกตัวด้วยการขับขยับตัวพลิกเสี้ยวทางแคบและกว้าง ทำความรู้จักกันสักพักก่อน จากนั้นก็เข้าสู่แทร็คโดยจะมี ฟีม และ ก้อง นักแข่ง Moto2 คอยนำไลน์ สิ่งแรกที่รู้สึกได้ก็คือความนิ่มนวลของคลัทช์สายบีบง่ายสบายมือ ท่านั่งสปอร์ตกว่าเดิม แต่ไม่ถึงกับก้มตัวลงต่ำจนเมื่อยหลัง นั่งได้กระชับ การพลิกรถในโค้งกว้างและแคบทำได้รวดเร็ว ด้วยการปรับเปลี่ยนสวิงอาร์มและองศาของโช้คหลังใหม่ ดิสก์เบรกสั่งงานได้ฉับไว การก้มหลังได้แนบและกอดไปกับถังน้ำมันหลบลมได้ดีถึงแม้จะออกแบบใหญ่ขึ้นจุน้ำมันได้ถึง 17.1 ลิตร ทางไกลขนาดไหนก็ไม่กังวลพอเริ่มจัดท่าทางได้ในรอบแรก จากนั้นก็เริ่มเพิ่มความเร็วไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่ท็อปสปีดที่ทำได้บอกเลยว่าลากกันไปยาวๆ 178 กม./ชม. (นักแข่งทำได้ 180 Up) ในความเร็วระดับนี้การเบรกและรวบเกียร์ลงอย่างรวดเร็วแบบรถแข่ง จากเกียร์ 6 ลงมาเกียร์ 2 การทำงานของระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รอบเครื่องยนต์ล้อหลังสัมพันธ์กันลดอาการสไลด์ให้ควบคุมรถเข้าโค้งได้อย่างง่ายดาย และการบีบคลัทช์ที่ใช้แรงเพียงน้อยนิด อย่างน่าประทับใจ อัตราการเร่งออกจากโค้งให้กำลังที่ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารอบเครื่องยนต์ที่ตัดจะอยู่เพียง 8,500 รอบ/นาที ที่จะต้องต่อเกียร์ การเปลี่ยนองศาของเพลาลูกเบี้ยวแสดงแสนยานุภาพ ในรอบปลายลากกันไหลยาวๆ ถึงจะมีช่วงดันขึ้นเนินจากโค้ง 3 ไป โค้ง 4
ลงล้อแม็กและยาง Dunlop Sportmax หน้าขนาด 120/70ZR17 และยางหลังนาด 160/60ZR17 ถึงแม้จะเป็นยางติดมากับตัวรถเพื่อใช้งานทั่วไป แต่พอมาใช้งานบนพื้นแทร็คก็ทำได้ดีไม่มีอาการย้วยหรือสไลด์ มีความนุ่มนวลซับแรงกระแทกได้ดี ประกอบกับการปรับเปลี่ยนสวิงอาร์มหลัง และองศาของโช้คอัพหลังใหม่แบบ Pro Link มีการให้ตัวคงความเสถียรมากยิ่งขึ้น รู้สึกมั่นใจในการเข้าโค้งและเดินคันเร่งเมื่ออยู่ในโค้งกับความเร็วที่มากกว่า 120 กม./ชม. จอแสดงผลถึงแม้ว่าจะเหลือบไปมองบ้างเป็นครั้งคราว มองได้ชัดเจนแม้แดดจ้า สัญญาณไฟเตือน ชิฟไลท์ ในการเปลี่ยนเกียร์เพราะอาจลืมลากกันยาวจนรอบตัดจะทำให้เสียจังหวะ แสดงตำแหน่งเกียร์ก็มีส่วนสำคัญในการที่จะเพิ่มหรือลดในการเข้าโค้ง อัตราการสิ้นเปลืองคงไม่ต้องพูดถึงบิดคันเร่งกันแบบนี้ซดเป็นธรรมดา

สรุปโดยรวมๆ แล้ว All New CBR500R เป็นรถที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่นุ่มนวล
แต่แฝงด้วยความจัดจ้าน การควบคุมง่ายคล่องตัว เบาแรง การเพิ่มเทคโนโลยีช่วยให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รูปทรงดีไซน์โฉบเฉี่ยว เรือนไมล์อ่านง่ายชัดเจน เหมาะสำหรับการเริ่มต้นของไบค์เกอร์ ซึ่งตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้งานทั่วไป ท่องเที่ยว หรือจะเข้ามาฉวัดเฉวียนในสนามแข่ง

ทริปใหญ่ ดาร์คไซด์ หัวใจรักธรรมชาติ Yamaha MT-15 รถดี ขี่สนุก ท้าสายลมหนาว กรุงเทพฯ-เขาใหญ่

เมื่อเหมันต์ผ่านเข้ามาการจากลาของวสันต์ก็จากไป ช่วงเวลาของทุกๆ สิ้นปีจะเป็นช่วงเวลาของการท่องเที่ยว บรรดาไบค์เกอร์ทั้งหลายจะนิยมวางแผนและไปขับขี่รถจักรยานยนต์ท่ามกลางสายลมหนาวและบรรยากาศอันสดชื่นตามจุดเช็คอินต่างจังหวัด ซึ่งความนิยมของคนเมืองหลวงที่ไม่อยากเดินทางไกลมากๆ ก็จะขับขี่ไปเที่ยวเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นส่วนมาก

เพราะฉะนั้น ทริปนี้พี่น้องสื่อมวลชนจัดเวลาว่างออกไปท้าลมหนาวนี้ที่เขาใหญ่ โดยรถจักรยานยนต์ Yamaha All New MT-15 น้องเล็กของตระกูล MT Series กับโฉมใหม่สุดไฉไล โดดเด่นด้วยดีไซน์ โชว์ความเป็นรถสไตล์เน็กเก็ดสปอร์ตที่เต็มไปด้วยฟิคเจอร์ทันสมัย ความกะทัดรัด ปราดเปรียว ขับขี่ไปเค้นสมรรถนะกับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 155 ซีซี สูบเดี่ยว พร้อมระบบ VVA วาล์วแปรผันที่จะทำให้กำลังแรงดีไม่มีตก ดูว่าจะบิดได้สนุกเร้าใจขนาดไหนการเดินทางแบบชิวๆ เริ่มออกสตาร์ทกันที่สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บางนา-ตราด วิ่งเข้า จ.ฉะเชิงเทรา แต่จะใช้ทางเลี่ยงซะเป็นส่วนใหญ่เพื่อหลบหลีกความแออัดของการจราจร และได้สัมผัสถึงธรรมชาติทั้งสองข้างทาง รวมไปถึงการได้ลองความคล่องตัวบนถนนทางแคบ การควบคุมบนทางลูกรังนั้นทำให้รู้สึกถึงช่วงล่างที่รับบทหนักกับระยะทางขรุขระเป็นช่วงๆ กว่า 10 กิโลเมตร ทำงานช่วยซับแรงกระแทก และช่วยให้ทรงตัวในการพลิกเลี้ยวหลบหลุมเนินต่างๆ ได้สะดวก บางจังหวะอาจต้องยืนขับขี่บ้าง ซึ่งก็ทำได้ดีจนน่าทึ่ง ในความเร็วที่พอประมาณนะไม่ใช่กดไป 80-100 กม./ชม. อาจจะกระเด็นหงายท้องได้

จากทางขรุขระขึ้นทางถนนเรียบๆ การเติมคันเร่งก็มาอย่างอัตโนมัติ จาก อ.บางน้ำเปรี้ยว เข้าสู่ อ.องค์รักษ์ เพื่อที่จะเข้าจังหวัดนครนายก สภาพอากาศโดยรวมยังคงร้อน และมีแสงแดดจัดตลอด (ไหนว่าหนาวตัวแข็งไง) ถนนมีการปรับปรุงใหม่เรียบๆ ทางตรงยาวๆ พอที่จะบิดคันเร่งเพื่อกระตุ้นรอบเครื่องยนต์ที่อั้นอยู่นาน แต่ต้องมาสะดุดที่ความสะดวกสบายของจอแสดงผล ที่แสดงให้เห็นถึง ระดับน้ำมัน, อัตราเฉลี่ยความสิ้นเปลือง, ระยะทาง, ความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์ และ นาฬิกา ฯลฯ มันทำให้ผู้ขับขี่นั้นสามารถคำนวณระยะทาง เวลา และความเร็วของตัวรถถึงความปลอดภัย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ออกมา ความรู้สึกที่เด่นชัดถึงการทำงานของความจัดจ้านของรอบต้นๆ และระบบ VVA ในช่วงที่เครื่องยนต์ทำงาน 7,000 รอบ/นาที เสียงของเครื่องยนต์จะแผดดังขึ้นจนรู้สึกได้ และกำลังรอบจะมาอย่างต่อเนื่องต่อเกียร์ได้อย่างสนุก พอเหลือบไปมองที่จอ แสดงผล เลขไมล์วิ่งกระดิก ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ 137-138 เครื่องสั่นรัวๆ จากความมัน และบันเทิงโยกไปโยกมาบนเส้นทางที่ขรุขระและการได้ลองกดท็อปสปีดบนทางเรียบๆ พอสลัดความงัวเงีย ก็มาแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ ร้านอาหารช่อชะมวง เติมพลังให้เต็มท้อง และก็ถือโอกาสขอทานน้ำใจจากเจ้าของร้าน ลากสายยางมาล้างรถที่เปรอะโคลนจากการปรับปรุงผิวถนนในบางช่วง เพื่อจะได้ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามอย่างที่เห็นกันนี่ไง อิ่มหน่ำสำราญได้ที่ ก่อนตาจะปรือก็คร่อมเจ้าเน็กเก็ดสายดาร์คตัวใหม่คู่ใจของทริปนี้วิ่งผ่านทางหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชล ลัดเลาะเส้นทางหมู่บ้านด้วยถนนสองเลนสวน มีโค้งซ้าย/ขวาสลับกันไปมาอยู่หลายโค้ง ความคล่องตัวและการทำงานของช่วงล่างสัมพันธ์กันได้ลงตัว ทำให้กล้าที่จะเดินคันเร่งออกจากโค้ง และกล้าที่จะใช้ความเร็วในการพลิกเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง มันช่างเพลิดเพลิน…แต่ไม่เกินงาม..เอาแค่พอเข้าถึงประสิทธิภาพของระบบต่างๆ “ชีวิตยังมีค่า” วิ่งลัดเลาะจนมาถึงทางขึ้นเขาใหญ่ จัดแจงจ่ายค่าธรรมเนียมให้เรียบร้อยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อย ผ่านจุดตรวจขึ้นมาได้ประมาณ 7-8 กิโลเมตร จะเห็นเนินถนนขึ้นเขา และลงเขา ที่สวยงาม ช่างภาพก็ไม่รอช้ากระโดดลงไปยึดตำแหน่งที่มั่นยืนกดชัตเตอร์แบบรัวๆ ได้มาครบทุกคน มีจุดชมวิว เช็คพอยท์ ที่ไหนก็แวะเพราะอากาศบนเขาใหญ่เย็นสบาย มีความร่มรื่น ขับขี่ไม่ต้องใช้ความเร็วกันมาก ดื่มด่ำความเป็นธรรมชาติรอบข้าง ที่ในเมืองกรุงไม่มี แถมยังนั่งซดกาแฟกันแบบชิวๆ ก่อนที่จะขับขี่ลงเขาและเข้าสู่ที่พัก นอนเอนกายที่ เพลินรีสอร์ท ซึ่งไม่ไกลจากทางลงมากนัก ทำให้ยังได้รับไอความเย็นจากพื้นที่เขาใหญ่

ช่วงเย็นย่ำค่ำมืด ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเย็นๆ จากนั้นก็ออกไปหาของหม่ำอร่อยๆ นั่งร้านสบายๆ สองตายายฝีมือดี อาหารรสจัดจ้าน ต้ม ผัด แกง ทอด ฯลฯ อร่อยหมดในพริบตา และก็ตั้งวงนั่งเสวนากันอยู่พักใหญ่กับเรื่องสัพเพเหระ ก่อนจะแยกย้ายเข้านอนซุกกายใต้ผ้านวมอุ่นๆ บนที่นอนนิ่มๆ พักผ่อน พร้อมลุยกับวันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ของวันใหม่กับการเดินทางกลับ แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแวะไปนั่งเล่นชิวๆ ที่ บ่อน้ำผุด ที่เกิดจากธรรมชาติ น้ำใสแจ๋ว มีน้ำตกเล็กๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ และหักแฮนด์หันหัวกลับโดยใช้เส้นทางหลัก ถนนมิตรภาพ ตัดเข้า อ.บ้านนา นครนายก กลับสู่ทางเก่าเพื่อเข้าไปจุดหมายเดิม สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ถึงอย่างปลอดภัยทุคนเป็นอีกหนึ่งทริปที่ได้ร่วมบิดคันเร่ง ไปเฮฮา สนุกสนานกับพี่น้องสื่อมวลชน ขับขี่รถจักรยานยนต์ท้าสายลมหนาว บนเขาใหญ่ และขอบคุณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่่อนุเคราะห์ MT-15 มาให้บิดกันอย่างมันมือ

ยามาฮ่ารุกตลาดบิ๊กไบค์ต่อเนื่องเปิดโชว์รูม Yamaha Riders’ club Pattaya ครอบคลุมโซนภาคตะวันออก

มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ (คนที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วย นางศิรินุช วิทยากรฤกษ์ (คนที่ 5 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ และนางนิภา ฉันท์รักการค้า (คนที่ 4 จากขวา) บริษัท มิตรยนต์พัทยา จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ Yamaha Riders’ club Pattaya อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมพื้นที่บริการโซนภาคตะวันออกสำหรับโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ Yamaha Riders’ club Pattaya เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร บนเนื้อที่ 1,500 ตร.ม. ด้วยเงินลงทุนกว่า 80 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโซนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ โซนจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่ง และเครื่องแต่งกาย โซนเซอร์วิสรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ได้มาตรฐานโดยช่างผู้ชำนาญ

โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์เติบโตขึ้นถึง 14.9% แม้ในสภาวะตลาดรวมจะติดลบ 3% ก็ตาม ซึ่งในปี 2562 นี้ยามาฮ่ายังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกด้วย

“คาวาซากิ” จัดใหญ่!! พาแชมป์โลกหญิงคนแรกพบแฟนชาวไทยที่สนามช้างฯ บุรีรัมย์

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าคาวาซากิ สื่อมวลชน และผู้แทนจำหน่าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรม Kawasaki Road Racing Championship 2018 ภายใต้ชื่องาน Kawasaki Raid Party ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 19 มกราคม 2562 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ทีผ่านมา ภายในงานทางคาวาซากิได้เชิญแชมป์โลกหญิงคนแรก “อนา คาร์ราสโก” ผู้คว้าแชมป์จากรายการ WorldSBK 2018 รุ่น SSP300 พบปะแฟนคาวาซากิชาวไทย และร่วมกิจกรรมอย่างเป็นกันเองในแบบฉบับของคาวาซากิ ทั้งนี้ “อนา” ยังได้ร่วมถ่ายภาพ และแจกโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นต์ให้กับผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิด อีกทั้งทางคาวาซากิได้จัดเตรียมรถ Ninja400 ซึ่งเป็นลายเดียวกันกับรถแข่งของอนา เพื่อให้ “อนา” ได้เซ็นต์ชื่อไว้เป็นที่ระลึก ตามที่ทราบกันดีว่า Ninja400 ที่เธอได้ใช้ลงแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมา จนทำให้สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้เป็นผลสำเร็จนั้น เป็นรถที่ผลิตขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งเธอเองได้ทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงสมรรถนะ และประสิทธิภาพของรถจักรยานยนต์คาวาซากิ ที่ผ่านกระบวนการผลิตภายใต้การควบคุมของ บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัดอนา คาร์ราสโก ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีกำหนดการเดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิต บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดระยอง ในวันที่ 18 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาพร้อมกันนี้ทางคาวาซากิยังได้เชิญคณะนักแข่งหญิงจากรายการ R2M Power Girls ร่วมเยี่ยมชมโรงงาน และพบปะพูดคุยอย่างใกล้ชิดแบบเป็นกันเองกับ อนา คาร์ราสโก เพื่อพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิด พร้อมแนะนำเทคนิคการขับขี่ให้กับนักบิดสาวไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณไกรทส วงษ์สวรรค์ CEO สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย สำหรับการพบปะของสาวนักบิด R2M Power Girls กับแชมป์โลกหญิงคนแรก “อนา คาร์ราสโก” ในครั้งนี้

ท่านสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทางแฟนเพจ Kawasaki Motors Thailand และเว็บไซด์ www.kawasaki.co.th หรือ Facebook : Kawasaki Motors Thailand

2019 Husvarna FR450 Rally

Husqvarna Motorcycles ยังคงเดินหน้าเข้าร่วมการแข่งขัน Dakar Rally โดยในปี 2019 นี้ ทีมแฟคทอรี่อย่าง Rockstar Energy Husqvarna Factory Racing Dakar Rally Team จะยังคง ส่งสองนักแข่ง คือ Pablo Quintanilla กับ Andrew Shot เช่นปีที่แล้วเข้าร่วมการชิงชัยในครั้งนี้ ซึ่ง Pela Renet : Husqvarna Factory Rally Team Manager ได้กล่าวว่า

ต้องบอกว่าเป็นปีที่ทีมเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยตลอดปี 2018 ที่ผ่านมา Pablo สามารถร่วมแข่งขันในหลายรายการด้วยการลุ้นคว้าชัยในเกือบทุกสนามและผมมั่นใจว่าหากเขายังคงความพร้อมในระดับนั้นไว้ได้ นั่นหมายความว่าเรามีโอกาสที่จะทำผลงานที่ดีในเปรู ด้วยประสบการณ์และความเร็วในการขับขี่ของ Pablo จะสามารถทำให้ FR450 Rally สามารถทำผลงานได้ดี เช่นเดียวกับ Andrew ที่ประเดิมผลงานครั้งแรกได้ดีในปีที่แล้ว ก่อนที่จะสามารถเรียกความมั่นใจกับรถแข่งของทีมได้เพิ่มมากขึ้นกับแรลลี่ชิงแชมป์โลกที่เปรูที่เขาสามารถขึ้นโพเดี้ยมได้ครั้งแรกนั้น จะมีส่วนช่วยให้เขาสามารถทำผลงานที่เปรูในรายการ Dakar ครั้งนี้ได้ดียิ่งขึ้นกับรถแข่ง FR450 Rally ของทีมเรา ที่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

แม้แทบจะไม่มีข้อมูลรายละเอียดของรถแข่ง Husvarna FR450 Rally ออกมาเลย แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าพื้นฐานแล้วนั้นก็คือ ตัวโคลนนิ่งจาก KTM ก็ว่าได้ เพียงแต่รายละเอียดบางอย่าง โดยเฉพาะ ชิ้นส่วนพาร์ทคิทที่เสริมเข้ามานั้น จะแตกต่างไปบ้าง เนื่องจากข้อตกลงที่อนุญาตให้ทาง Husvarna สามารถแต่งเติมต่อยอดไปตามแนวทางการพัฒนาของตนเองได้นั่นเอง ซึ่งก็สามารถดูได้จากภาพที่ไรดิ้งเราได้ไฟล์ของตัวแข่งรหัส FR450 Rally เวอร์ชั่นล่าสุด ที่จะลงสู้ศึก 2019 Dakar Rally ในครั้งนี้มาฝากให้ได้ชมกันแบบเต็มๆ คัน และรายละเอียดบางส่วน เท่าที่ทางแฟคทอรี่จะให้ไฟล์พีอาร์ออกมานั่นเอง ซึ่งพาร์ทคิด อย่าง Scott , Xtrig , Rekluss , Motomaster , สเตอร์ ,โซ่ , แบตเตอรี่ ล้วนเป็นชิ้นส่วนที่ Husqvarna พิจารณาเลือกพันธมิตรเข้ามาเอง ขณะที่ระบบกันสะเทือนอย่าง WP ระบบไอเสีย Akrapovic นั้นจะยังคงเป็นพันธมิตรร่วมเช่นเดียวกับบริษัทแม่อย่าง KTM ที่ตกลงทำสัญญากันไว้ก่อนแล้วนั่นเอง

“ฮอนด้า” ผนึกกำลัง “กรุงเทพมหานคร” จัดอบรมหลักสูตร “หนูน้อยปลอดภัยทางถนน” เสริมสร้างวินัยจราจรและปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยแก่เยาวชนไทย

วันที่ 14 มกราคม 2562 นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ร่วมเปิดการจัดอบรมหลักสูตร “หนูน้อยปลอดภัยทางถนน” (Road Safety for Kids) สร้างเสริมจิตสำนึกความปลอดภัยและวินัยจราจรแก่เด็กและเยาวชนไทย ภายใต้โครงการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักงานเขตบางกะปิ กับ ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ณ โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากข้อมูลการจัดเวทีสาธารณะ เรื่อง “ความปลอดภัยในการโดยสารรถจักรยานยนต์ : สิทธิลูกหลานไทยที่ต้องคุ้มครอง” ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ รายงานว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก สำนักงานเขตบางกะปิจึงได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยและวินัยจราจรแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงานเขตบางกะปิ กับ ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด จัดอบรมหลักสูตรหนูน้อยปลอดภัยทางถนน Road Safety for Kids ให้กับนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตบางกะปิ จำนวน 11 โรงเรียน มีนักเรียนเข้าร่วมโครงการั้งสิ้น 2,506 คนดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า เอ.พี. ฮอนด้า ตระหนักถึงปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของไทยที่มีมาโดยตลอด จึงได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานการทำกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยเพื่อสังคมไทยอย่าง ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดอบรมหลักสูตรหนูน้อยปลอดภัยทางถน นับเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่เยาวชนไทยตั้งแต่เด็ก โดยในภาคปฏิบัติ จะให้เด็กนักเรียนได้ขับขี่รถจักรยานในเส้นทางที่จำลองรูปแบบถนนหลวงทั่วไป พร้อมนำป้ายสัญญาณจราจรแบบต่างๆ มาประกอบให้เด็กนักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เสริมสร้างวินัยจราจรและจิตสำนึกความปลอดภัยที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยมีวิทยากรครูฝึกศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า เป็นผู้ถ่ายทอดให้ความรู้และดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีภาคเอกชนต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจในเขตบางกะปิ ร่วมให้การสนับสนุนโครงการด้วยการมอบหมวกกันน็อกให้แก่เด็กนักเรียนที่เดินทางมาโรงเรียนด้วยรถจักรยานยนต์จำนวนกว่า 400 ใบ และร่วมขบวนเดินรณรงค์สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยและวินัยจราจรในครั้งนี้ด้วย