ฟาน เดอร์ มาร์ค ระเบิดฟอร์มร้อนแรงสุดระห่ำ ควบ YZF-R1 คว้าแชมป์แรกในฤดูกาล

ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ค #60 ดาวบิดดัตช์ สังกัดพาต้า ยามาฮ่า เวิลด์เอสบีเค ทีม รีดฟอร์มเก่ง ควบ YZF-R1 คว้าแชมป์แรกในฤดูกาลให้กับตนเอง จากการชิงชัยในสนามที่ 6 ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามที่ 6 ของฤดูกาล มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน ณ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ-อังเคล นีอัตโต ประเทศสเปน

สำหรับการชิงชัยในเรซแรกดวลความเร็วทั้งสิ้น 20 รอบสนาม โดย อเล็กซ์ โลวส์ #22 และ ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ค #60 คู่หูนักบิดสังกัดพาต้า ยามาฮ่า เวิลด์เอสบีเค ทีม ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 4 และ 7 ตามลำดับ

คู่หูนักบิดยามาฮ่า สามารถทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 และ 4 ในรอบแรกของการแข่งขัน ก่อนจะไต่ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 และ 3 หลังผ่านครึ่งทางของการชิงชัย และไล่บดคู่แข่งสร้างโอกาสคว้าแชมป์ในเรซสุดเข้มข้น

และท้ายที่สุดเป็นทางด้าน ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ค #60 ที่ไต่จากกริดที่ 7 ขึ้นมาจบการแข่งขันด้วยอันดับ 2 คว้าโพเดี้ยมที่ 3 ในฤดูกาลให้กับตนเอง ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ภายใต้รถแข่งยามาฮ่า YZF-R1

ขณะที่เพื่อนร่วมสังกัดอย่าง อเล็กซ์ โลวส์ #22 ทำได้ดีที่สุดด้วยการซิ่งเข้าเส้นชัยในอันดับ 16 หลังพลาดขณะไล่ล่าโพเดี้ยมในช่วงท้ายเกม ชวดโพเดี้ยมไปอย่างน่าเสียดาย

ก่อนที่ ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ค #60 จะระเบิดฟอร์มเก่งในเรซที่ 2 ของการแข่งขัน ทะยานขึ้นไปรั้งหัวขบวนในรอบที่ 7 ของการแข่งขัน และสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้จนครบ 18 รอบสนาม คว้าแชมป์แรกในฤดูกาลให้กับตนเอง ขณะที่ อเล็กซ์ โลวส์ #22 ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 14

จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ ฟาน เดอร์ มาร์ค ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 บนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักขับ หลังเก็บไปได้ทั้งสิ้น 188 คะแนน ขณะที่ โลว์ส รั้งอยู่ในอันดับ 4 มี 142 คะแนน

สำหรับ ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามถัดไป มีคิวดวลความเร็วในวันที่ 21-23 มิถุนายน ณ มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี ประเทศอิตาลี โดยแฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Society Thailand

อนุภาพ ระเบิดฟอร์ม คาตาลัน บิดประเดิมท็อปไฟว์ ซีอีวี โมโททู ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ

ตี-อนุภาพ ซามูล #50 ดาวบิดไทยสังกัดวีอาร์โฟร์ตี้ซิกซ์ มาสเตอร์แคมป์ ทีม รีดฟอร์มเก่ง ที่ คาตาลุนญ่า บิดคว้าท็อปไฟว์ ด้าน เค-เขมินท์ คูโบะ #9 บวกแต้มเพิ่ม จากการชิงชัยสนาม 3 ศึกซีอีวี โมโททู ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ

ศึกซีอีวี โมโตทู ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามที่ 3 ของฤดูกาล ยกพลดวลความเร็วที่ เซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า ประเทศสเปน ระยะทางต่อรอบ 4.627 กิโลเมตร

สำหรับการชิงชัยในเรซแรกออกสตาร์ในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) โดย ตี-อนุภาพ ซามูล #50 และ เค-เขมินท์ คูโบะ #9 ทีมเมทนักบิดไทย สังกัดวีอาร์โฟร์ตี้ซิกซ์ มาสเตอร์แคมป์ ทีม ประจำการณ์ในกริดที่ 11 และ 19 ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี ตี-อนุภาพ ซามูล #50 สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ไต่ทะยานจากกริดที่ 11 ขึ้นไปเกาะกลุ่มหัวขบวน หลังการรีสตาร์ทจากจังหวะเคลียร์คราบน้ำมันในช่วงต้นเกม

ก่อนจะบิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 หลังผ่าน 11 รอบสนามที่ คาตาลุนญ่า ซึ่งเป็นผลงานที่ดีทีสุดบนสังเวียนความเร็วระดับโลก ด้าน เค-เขมินท์ คูโบะ #9 ที่กัดฟันบิดทั้งที่มีอาการบาดเจ็บ ทว่าสามารถซิ่งจบการแข่งขันในอันดับ 17

ส่วนการชิงชัยในเรซที่ 2 เป็นทางด้าน เค-เขมินท์ คูโบะ #9 ที่เรียกฟอร์มเก่งของตนเอง ก่อนจะบิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 13 บวกแต้มเพิ่มให้กับตนเอง ด้าน ตี-อนุภาพ ซามูล #50 ไต่ขึ้นมารั้งท็อปไฟว์ได้หลังผ่านครึ่งทาง ก่อนจะพลาดท่าบิดไม่จบการแข่งขัน ชวดโอกาสคว้าแต้มเพิ่มไปอย่างน่าเสียดาย

ศึกซีอีวี โมโตทู ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็ว ที่ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ประเทศสเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคม นี้ โดยแฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Society Thailand

นักบิดดาวรุ่ง เอ.พี.ฮอนด้า พาทีมแข่งไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ บิดฝ่าสายฝน พลาดล้ม! แต่ใจเกินร้อย กลับมาสู้ต่อ ผ่านบททดสอบสุดโหด 4 ชั่วโมง ในศึก JP250 4Hrs Endurance Race 2019 ที่ญี่ปุ่น

“บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ยอดดาวรุ่งจากโครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม ช่วยกันพา “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ยอดทีมแข่งไทย ฝ่าการแข่งขันเอ็นดูรานซ์สุดโหด 4 ชั่วโมง รายการ JP250 4Hrs Endurance Race 2019 หลังเจออุปสรรคสุดหิน บิดฝ่าสายฝน พลาดล้ม! ก่อนลุกขึ้นกลับมาแข่งต่อ พาทีมแข่งไทยร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าป้ายอันดับที่ 32 สอบผ่านด่านทดสอบ สู่ยอดทีมชั้นนำของเอเชีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น

การแข่งขันในรายการบิดทรหด JP250 4Hrs Endurance Race 2019 (เจพี250 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019) และศึกดวลความเร็ว 10 รอบสนาม รายการ Suzuka Sunday Road Race (ซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ 2019) มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้ ที่ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดในช่วงสายของวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ท

ในปีนี้ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ได้ประกาศเดินหน้ายกระดับแผนโร้ดแม็ป Race To The Dream โปรเจกต์ปั้นนักบิดไทยสู่การแข่งขันในสนามระดับโลก โมโตจีพี ภายในปี 2025 ด้วยการส่งนักบิดดาวรุ่งในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อย่าง “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ, และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ลงป้องกันแชมป์ในศึก เจพี250 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 ภายใต้รถแข่ง ฮอนด้า CBR250RR หมายเลข 149 โดยมี “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จ่าฝูงในศึก ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ 2019 รับหน้าที่เป็นนักบิดสำรอง

เกมในรอบชิงชนะเลิศมีขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา แข่งขันกันทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงเต็ม โดย 2 นักบิดไทยอย่าง “บิว” วริทธิ์ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ต้องช่วยกันพารถแข่ง ฮอนด้า CBR250RR ออกสตาร์ทในกริดที่ 19 เพื่อลุ้นคว้าแชมป์ในสนามนี้ให้ได้

ทีมนักบิดดาวรุ่งจากประเทศไทยออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการลงทำหน้าที่ของ “บิว” วริทธิ์ เป็นนักบิดไม้แรก โดยสามารถไต่ขึ้นมาได้ถึงอันดับ 3 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์​ ลงบิดต่อในช่วงที่ 2 ของเรซ

จุดเปลี่ยนสำคัญของการแข่งขันคือหลังผ่านครึ่งทาง มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้มีนักบิดหลายคนพลาดล้ม โดย ปิยวัฒน์ นั้นรักษาผลงานการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยอันดับ 3 หลังเข้าพิตเปลี่ยนเปลี่ยนยางฝน ทว่ากลับต้องพลาดล้มและเสียไปหลายอันดับ

อย่างไรก็ดี แม้ทีมแข่งไทยจะพลาดล้มแต่ยังสวมหัวใจนักสู้ของนักบิดและทีมช่างไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ กลับเข้าสู่เรซได้อีกครั้ง ก่อนที่จบการแข่งขัน 4 ชั่วโมง “บิว” วริทธิ์ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ จะช่วยกันพาทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นำรถแข่งเข้าป้ายในอันดับ 32 ตามหลังแชมป์อย่าง ทีม เทคทู+โกชิ เรซซิ่ง เจ้าถิ่นอยู่ 8 รอบสนาม

สำหรับ การแข่งขันรายการเอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง ในปี 2019 แม้ผลงานของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ จะไม่เป็นไปตามเป้าจากจุดเปลี่ยนด้านสภาพอากาศ แต่จากเวลาต่อรอบที่ทำได้ รวมถึงการทำงานภายใต้สภาพความกดดันของทีมงานของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่มีคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือว่าสอบผ่านและก้าวสู่การเป็นทีมแข่งระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถติดตามผลงานของ นักบิดไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ทาง แฟนเพจเฟซบุ๊ก รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) หรือที่www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

ยามาฮ่าจัดมหกรรมสุดฟินน์ FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ พร้อมคอนเสิร์ตสุดมันส์และโปรโมชั่นสุดฟินน์

นางสาวเพ็ญศรี สนขาว ผู้จัดการส่วนสื่อสารการตลาดกลุ่มรถครอบครัว และนายศุภนมิต ผูกพันธ์ ผู้จัดการส่วนขายภาคอีสานล่าง บริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วย คุณพงษ์ศักดิ์ พงษ์นุเคราะห์ศิริ และคุณกรรณิกา พงษ์นุเคราะห์ศิริ รรมการผู้จัดการ บริษัท ซินฮวดเฮงจั่น(1993) จำกัด ร่วมถ่ายภาพหลังมอบรางวัลแก่ผู้โชคดีที่ชื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในงาน FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ ณ โรบินสันสุรินทร์ โดยภายในงานมีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ออกรถจักรยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ ศูนย์บาท ลุ้นรับทองคำและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่าแสนบาท พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง น้องจ๊ะ อาร์สยาม และกิจกรรมสุดพิเศษอย่างมากมายตลอดงาน

สำหรับกิจกรรม FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในจังหวัดต่างๆ ดังนี้

– FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ จ.เพชรบูรณ์ วันที่ 15 มิถุนายน 2562
– FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ จ.นครสวรรค์ วันที่ 22 มิถุนายน 2562
– FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ จ.มหาสารคาม วันที่ 26 มิถุนายน 2562
– FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ จ.กระบี่ วันที่ 29 มิถุนายน 2562
– FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ จ.ชลบุรี วันที่ 6 กรกฎาคม 2562

สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรม FINN FEST #คนมันส์ฟินน์ ได้ที่ Facebook : Yamaha Society Thailnd และ www.yamaha-motor.co.th

ทัพนักบิดไทย บินลัดฟ้าบุกแดนปลาดิบ ป้องกันแชมป์บิดมาราธอนสุดหฤโหด! ศึกเอ็นดูรานซ์ JP250 4Hours

ทัพนักบิดไทย บินลัดฟ้าบุกแดนปลาดิบ ป้องกันแชมป์บิดมาราธอนสุดหฤโหด! ศึกเอ็นดูรานซ์ JP250 4Hours พร้อมดันดาวรุ่งฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในรายการ Suzuka Sunday Road Race 2019 เอ.พี.ฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย เดินหน้ายกระดับแผนโร้ดแม็ป Race To The Dream โปรเจกต์ปั้นนักบิดไทยสู่การแข่งขันระดับโลก โมโตจีพี ภายในปี 2025 ประกาศสนับสนุนดาวรุ่งนักบิดในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ, “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ และ “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน บินตรงสู่ประเทศญี่ปุ่น เสริมศักยภาพความแข็งแกร่ง ป้องกันแชมป์ศึกบิดทรหด JP250 4Hrs Endurance Race 2019 พร้อมเปิดโครงการแลกเปลี่ยน ส่งดาวรุ่งฝีมือดีจากรายการฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ “พีไนท์” กันตพัฒน์ แยบการไถ สัมผัสประการณ์ใหม่บนสังเวียนแข่งขันระดับนานาชาติ พัฒนาทักษะการขับขี่ในศึก Suzuka Sunday Road Race 2019 เตรียมดวลความเร็ว 2 รายการใหญ่ ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้

เมื่อค่ำวันพุธที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ดร.อารักษ์ พรประภา 
รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย จุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานสื่อสารการตลาด บ.เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เดินทางมาให้กำลังใจและส่งทัพนักบิดดาวรุ่ง ช่างเทคนิค และทีมงานทั้งหมด ภายใต้สังกัดทีมแข่งสัญชาติไทย เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ บินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่แดนปลาดิบ เพื่อร่วมทำการแข่งขันในรายการ JP250 4Hrs Endurance Race 2019 ( เจพี250 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 ) และ Suzuka Sunday Road Race(ซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ 2019) ที่สนามซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้

ตามแผนงานด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตของ เอ.พี.ฮอนด้า ภายใต้โครงการ Race To The Dream ( เรซ ทู เดอะ ดรีม ) ที่ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2017 เพื่อเป้าหมายการพัฒนานักบิดไทยและทีมแข่งสัญชาติไทยให้สามารถก้าวขึ้นสู่สนามระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงผลักดันนักบิดไทยสู่การแข่งขันระดับโลก “โมโตจีพี” ให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 ของแผนโร้ดแม็ปดังกล่าว เอ.พี.ฮอนด้า ได้ยกระดับการพัฒนาในแต่ละขั้นสู่มาตรฐานทีมแข่งระดับโลก หนึ่งในนั้น คือ การเปิดโอกาสให้นักแข่งได้เข้าร่วมฝึกฝนทักษะการขับขี่ขั้นสูง ด้วยการท้าทายให้นักแข่งได้เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสะสมประสบการณ์ในรายการระดับนานาชาติที่สูงขึ้น

โดยล่าสุด เอ.พี.ฮอนด้า ได้ส่ง 3 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ สองนักบิดฝีมือดีจากศึกดวลความเร็วประจำทวีปเอเชีย รายการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2019 และ “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน นักบิดดาวรุ่งผู้คว้าดับเบิลแชมป์การแข่งขัน ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ 2019 สนามล่าสุดที่ช้างฯ เซอร์กิต พร้อมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งรับหน้าที่เป็นนักบิดสำรอง ร่วมทำศึกบิดหฤโหด รายการ JP250 4Hrs Endurance Race 2019 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสุดสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2018 และสามารถผงาดคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ในประเภททีมแข่งเนชั่นแนล ขับขี่โดยสองคู่หูดาวรุ่งที่เพิ่งผนึกกำลังพาทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กวาดแชมป์โฮมเรซ ศึกดวลความเร็วแห่งทวีปเอเชีย รายการเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สนาม 3 ที่บุรีรัมย์ ได้อย่างสะใจกองเชียร์ชาวไทย นำโดย ยอดนักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช และทีมเมทรุ่นน้อง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี โดยควบตัวแข่งฮอนด้า CBR 250RR หมายเลข 149 ภายในเวลา 4 ชั่วโมง วิ่งได้จำนวน 92 รอบ

นอกจากเป้าหมายเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งและป้องกันแชมป์ JP250 แบบเอ็นดูรานซ์แล้ว ในปีนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้ริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่งที่ได้ดำเนินการร่วมกับ Mobility Land (โมบิลิตี้ แลนด์) ผู้บริหารสนามซูซูกะ แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้โอกาสนักแข่งในรายการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ และรายการซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ ได้มีประสบการณ์การแข่งขันในสนามใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เพื่อสะสมประสบการณ์และพัฒนาทักษะการขับขี่ขั้นสูงต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ส่วนนักบิดดาวรุ่งของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้ประเดิมเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่งครั้งนี้ ได้แก่ “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน ซึ่งนอกจากจะสแตนด์บายศึกดวลความทรหด JP250 แบบเอ็นดูรานซ์แล้วยังลงแข่งในรายการซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ ด้วย ร่วมกับ“พีไนท์” กันตพัฒน์ แยบการไถ นักบิดดาวรุ่งอนาคตไกลวัย 15 ปี เจ้าของแชมป์ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ ปี 2018 ปัจจุบันทำการแข่งขันในศึกฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ 2019 ผลงานล่าสุด ผ่านการชิงชัยไปแล้ว 4 เรซ เก็บแต้มสะสมได้ทั้ง 4 เรซ มี 26 แต้ม รั้งอันดับที่ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โดยทั้งคู่จะลงทำการแข่งขันในรุ่น J-GP3 บิดดวลความเร็ว 10 รอบสนาม ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร บนสังเวียนซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้ เช่นเดียวกัน

สำหรับศึกดวลความเร็วสุดทรหด เอ็นดูรานซ์ JP250 4Hours เป็นการแข่งขันที่แตกต่างจากรายการทั่วไปที่เน้นขับขี่เข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุดเพื่อคว้าชัยชนะ แต่กับรายการนี้ ทีมแข่งต้องทุ่มเทพลังกายและพลังใจ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในการลงแข่งขันแบบมาราธอนตลอด 4 ชั่วโมง ไม่มีพักเบรก เป็นการแข่งขันกันที่ความพร้อมของทีมแข่ง ความแข็งแกร่งของนักบิด สมรรถนะของรถแข่งที่พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันพาทีมไปถึงโพเดี้ยมแชมป์ให้ได้ โดย 1 ทีมที่ลงแข่งขันประกอบด้วย นักแข่งจำนวน 2 คน นักแข่งสำรอง 1 คน, รถแข่งที่ดีที่สุด 1 คัน และช่างเครื่องยนต์ประจำทีม เมื่อสัญญาณออกสตาร์ทเริ่มต้น นักบิดทุกทีมจะวิ่งจากพิทเลนไปที่รถของตัวเอง ก่อนกระโดดขึ้นรถแล้วออกสตาร์ททันที ซึ่งแข่งขันกันภายในเวลา 4 ชั่วโมง ทีมไหนขับขี่ได้จำนวนรอบเยอะที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

ทั้งนี้ รายการแข่งขันรายการ เจพี250 เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง โร้ด เรซซิ่ง จะใช้กฎกติกาเดียวกันกับ รายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แตกต่างกันเพียงรถแข่งที่ใช้ดวลความเร็วนั่นคือ ฮอนด้า ซีบีอาร์ 250อาร์อาร์ (Honda CBR250RR) ต่างจากรายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง ที่ใช้รถแข่ง ฮอนด้า ซีบีอาร์ 600อาร์อาร์ (Honda CBR 600RR)

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถส่งแรงใจเชียร์นักบิดดาวรุ่งในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในศึกการแข่งขัน JP250 4Hrs Endurance Race 2019 และรายการ Suzuka Sunday Road Race 2019 รุ่น J-GP3 ผ่านการถ่ายทอดสดพร้อมรับฟังบรรยายเสียงภาษาไทย ได้ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) หรือที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand ในวันเสาร์ที่8 มิ.ย.รอบ Qualify เริ่มเวลา12:05-15:20 อาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. แข่งขันรายการ JP250 ตั้งแต่เวลา 05.40-11:00 น. ต่อด้วยรายการ Suzuka Sunday Road Race 2019 รอบชิงชนะเลิศรุ่น J-GP3 เริ่มเวลา 14.20-15:30น. ตามเวลาประเทศไทย

Benelli Thailand และ Benelli Nakhonpathom พาสมาชิกตะลุยต่างแดน

ในทริป “ลาวและนายBenelli” ท่องเที่ยวตามวิถีไบค์เกอร์ สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมตลอดเส้นทาง เมื่อวันที่ 18-21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา“ลาวใต้” ชื่อที่เหล่านักท่องเที่ยวกำลังพูดถึงเป็นอย่างมาก ร่วมนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยว เป็นเหตุให้ Benelli Nakhonpathom ต้องจัดทริปเอาใจสายท่องเที่ยวทางไกล จึงได้เชิญชวนสมาชิกร่วมเดินทางสัมผัสความสวยงาม และความอลังการของธรรมชาติคุณดนัย ปฐมวัฒนา ผู้บริหารจาก Benelli Nakhonpathom ให้เกียรตินำทีม พาสมาชิกออกเดินทางด้วยตนเอง โดยออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งสู่จุดหมายแรกคือ จ.อุบลราชธานี โดยเหล่าสมาชิกจะพักแรมกันที่นี่ก่อน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียดุลการท่องเที่ยว เหล่าเบเนลลี่ ไบค์เกอร์จึงได้ท่องเที่ยวไทยก่อน แวะชมความยิ่งใหญ่ของผาชัน ชมความงดงามของผาชั้นหินเหนือลำน้ำโขง และที่สำคัญวันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา คือวันวิสาขบูชา ก็ไม่พลาดที่จะไปทำบุญและเวียนเทียน พร้อมชมความงดงามยามค่ำคืน ณ วัด สิรินทรวรารามภูพร้าว เรียกได้ว่าวันแรกก็อิ่มเอมกันแล้ว

วันที่ 2 ของการเดินทาง ซึ่งเป็นวันที่สมาชิกจะได้ออกไปตะลุยต่างแดน หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่ด่านชายแดนช่องเม็ก เปิดประตูสู่เมืองลาวตอนใต้ได้ชมวิธีชีวิตชาวลาว 2 ข้างทาง โดยใช้เส้นทางเลียบลำน้ำโขงชมแม่น้ำสองสี จุดที่แม่น้ำเซโดนไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง และยังได้แวะชมความสวยงามของวัดหลวง วัดที่เก่าแก่สำคัญของเมืองปากเซ ตามสไตล์ไบค์เกอร์วิธีพุทธ และที่พลาดไม่ได้ก็คือปราสาทหินวัดพู หนึ่งในมรดกโลกของชาวลาว แต่การเดินทางต้องออกแรงเดินกันซักหน่อยในการเดินขึ้นไปถึงชมวิว แต่ก็แลกด้วยความสวยงามและความเขียวขจีของป่าไม้ ก่อนจะเดินทางเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยต่อในวันพรุ่งนี้

เข้าสู่วันที่ 3 ของการเดินทาง สมาชิกเบเนลลี่ทุกท่านยังสู้ และยังไหวอยู่ พร้อมที่จะออกเดินทางกันต่อ โดยจุดหมายแรกของวันนี้คือ น้ำตกหลี่ผี และน้ำตกคอนพะเพ็ง สถานที่เที่ยวสำคัญจนได้รับสมญานามว่า    แกรนด์แคนยอนแห่งลาว ไนแองการาแห่งเอเชีย เรียกว่าประทับใจกันสุดๆ และยังได้เดินทางเยี่ยมชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ ที่ให้เหล่าไบค์เกอร์ได้ขับขี่กันอย่างสนุก ทั้งเส้นทางเรียบ และทางฝุ่นที่ให้เหล่าสมาชิกสัมผัสกัน ได้สนุกกับการขับขี่ที่แท้จริง และที่สำคัญมิตรภาพที่เกิดขึ้น ทั้งการแบ่งปัน การช่วยเหลือกัน เป็นสิ่งสำคัญที่เงินทองไม่อาจหาซื้อได้ ปิดท้ายทริปการเดินทางอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

กิจกรรมดีๆ สนุกๆ ยังมีอีกมากมาย ให้สมาชิกเบเนลลี่ทุกท่านได้ร่วมกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/benelliTH และ Line @Benelli

KTM 1290 Super Adventure S

โมเดลล่าสุดจากไลน์การผลิตรถในกลุ่ม Adventure ที่ได้รับการอัพสเปคล่าสุดกับเครื่องยนต์ตัวใหม่ V-twin engine ที่มาพร้อมกับความจุ 1,301 ซีซี ที่มีกำลังมากพอสำหรับการออกท่องสู่โลกกว้าง กับ รุ่น 1290 Super Adventure S ที่มาพร้อมด้วยกำลังขนาด 160 แรงม้า กับแรงบิดขนาด 140 นิวตันเมตร

เพียงพอสำหรับการตอบสนองการลุยไปทั้งบนเส้นทางแบบ on road และ off road อีกทั้งยังเป็นรถที่มีอัตราส่วนระหว่างกำลังต่อน้ำหนัก (power-to-weight ratio) ที่ดีที่สุดในรถคลาสเดียวกันโดยการออกแบบโครงสร้างแชสซีส์ที่มีน้ำหนักเบากะทัดรัด และด้วยความยอดเยี่ยมของทีมวิศวกรที่พัฒนาให้เครื่องยนต์มีระยะการใช้งานทนทานยาวนานมากขึ้น โดยระยะการเซอร์วิสชิ้นส่วนภายในนั้นมีระยะยาวถึง 15,000 กม. ตัวแชสซีส์ของรถที่มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัดนั้นได้ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ที่เรียกว่า ultra-lightweight tubular trellis frame มีความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของการผลิตแบบ die-cast พร้อมด้วยสวิงอาร์ม และระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงอย่าง WP Suspension ในส่วนของกันสะเทือนหน้านั้นเป็นวิวัฒนาการที่เรียกว่า WP semi-active suspension ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับใช้ค่าการเซ็ทติ้ง คือ comort-street-sport และ off road อีกทั้งยังมีระบบควบคุมที่เรียกว่า SCU หรือ Suspension Control Unit ที่สามารถปรับค่า damping ได้เหมาะสมกับการขับขี่จริงได้กับสภาพพื้นผิวของเส้นทางการขับขี่และความต้องการของผู้ขี่ด้วย ส่วนของระบบกันสะเทือนหลังนั้น สามารถปรับค่า spring preload ได้สี่แบบ คือ solo solo with luggage two-up two-up with luggage โดยที่ติดตั้งกับวงล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว กับ วงล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ซึ่งเป็นวงล้อแบบ die cast wheels ซึ่งทาง KTM ได้เลือกใช้ยาง Pirelli Scorpion ขนาด 120/70 ZR 19 นิ้ว กับ 170/60ZR 17 นิ้ว

ในส่วนของระบบเบรคนั้นได้ใช้ชุดเบรค Brembo ที่มีความแม่นยำ และมีกำลังเบรคที่เพียงพอกับการรองรับในการหยุดกำลังเครื่องยนต์ ซึ่งในระบบเบรคหน้าได้ใช้ คาลิเปอร์แบบสี่สูบ เรเดียลเม้าท์ ที่มาพร้อมกับจานดิสก์เบรก ขนาด 320 มม. ขณะที่จานดิสก์หลังใช้ขนาด 267 มม. นอกจากนี้ยังได้เสริมเบรก ABS ซึ่งเป็น Bosch แบบสองแชนนอล 9M+ABS จึงนับเป็นการผสมผสานที่มีความลงตัวของโครงสร้างตัวรถ ที่มีส่วนให้ 1290 Adventure S มีความโดดเด่นทางด้านความมั่นคง และควบคุมง่าย แน่นอนว่าแชสซีส์ที่มีความลงตัวนี้ส่วนหนึ่งนั้นมาจากองค์ประกอบของชิ้นส่วนเฟรมที่ เป็นเฟรมแบบ Chrome-molybdenum steel trellis frame ที่เฉพาะชิ้นส่วนเฟรมนี้มีน้ำหนักไม่เกิน 9.8 กก. ซึ่งช่วยให้น้ำหนักรวมของตัวรถต่ำกว่า 217 ก.ก. สำหรับรายละเอียดสเปคพื้นฐานของตัวรถมีดังนี้

เครื่องยนต์ สี่จังหวะ สองสูบ V 75°
ปริมาตรความจุ 1,301 ซี.ซี.
กระบอกสูบ/ช่วงชัก 108 / 71 ม.ม.
กำลังเครื่องยนต์ 118 kW (160 hp) @ 8,750 rpm
แรงบิด 140 Nm @ 6,750 rpm
อัตราส่วนกำลังอัด 13.1:1
สตาร์ท /แบตเตอรี่ Electric starter / 12V 11.2Ah
การส่งกำลัง 6 gears
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Keihin EFI (เรือนลิ้นเร่งขนาด 52 mm)
ระบบเครื่องยนต์ 4 Valve / DOHC
ระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยน้ำ
คลัทซ์ PASC™ slipper clutch,ไฮดรอริคคลัทซ์
การจุดระเบิด และ ระบบจัดการเครื่องยนต์ Keihin EMS พร้อม RBW และ cruise control, double ignition
เฟรม Chromium-molybdenum-steel trellis frame, powder coated
ซับเฟรม Aluminum, powder coated
แฮนเดิลบาร์ Aluminum, tapered, Ø 28 / 22 mm
กันสะเทือนหน้า WP Semi-active Suspension USD Ø 48 mm
กันสะเทือนหลัง WP Semi-active Suspension shock absorber
ระยะยุบตัวของกันสะเทือน หน้า/หลัง 200 / 200 mm
เบรกหน้า 2 × Brembo 4 ssspiston, radially mounted caliper, brake disc Ø 320 mm
เบรกหลัง Brembo 2 piston, fixed caliper, brake disc Ø 267 mm
ความจุเชื้อเพลิง 23 ลิตร + ถังสำรอง 3.5 ลิตร
น้ำหนักรถ 215 ก.ก.

แสตมป์ – อภิวัฒน์ ไล่บู๊คู่แข่งคว้าดับเบิ้ลโพเดี้ยมเกมรุ่นใหญ่ ARRC สนาม 3 ต่อหน้าแฟนความเร็วสนามโฮมเรซ

แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศธนานนท์ #24 เบิ้ลโพเดี้ยมรุ่นใหญ่ ศึก 2 ล้อชิงแชมป์เอเชีย สนาม 3 ขณะที่ โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ทีมเมทสังกัดยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้าอันดับ 8 ในเรซสุดเข้มข้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ปิดท้ายสนาม 3 ด้วยเกมในรุ่นใหญ่อย่าง ASIA SUPERBIKE 1000cc ซึ่ง แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศธนานนท์ #24 แท็กทีม โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ลงควบรถแข่ง YZF-R1 ไล่ล่าความสำเร็จในเรซที่ 2 ศึกเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ

สำหรับเกมรอบไฟนัลกำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 13 รอบสนาม โดย แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศธนานนท์ #24 ประจำการณ์ในกริดที่ 2 ส่วน โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 7 การชิงชัยในเรซดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้นตลอด 13 รอบสนามของการแข่งขัน โดยขุนพลนักบิดยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ไล่บดกับนักบิดชั้นนำของเอเชียได้อย่างสนุก จนต้องตัดสินแชมป์ในโค้งสุดท้ายของเกม ซึ่ง แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศธนานนท์ #24 ที่ลุ้นแย่งแชมป์ในกลุ่มหัวขบวน ทำได้ดีที่สุดด้วยการบิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 เบิ้ลโพเดี้ยมรุ่นใหญ่ต่อหน้าแฟนความเร็วโฮมเรซ ขณะที่ โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ควบรถแข่ง YZF-R1 ทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับ 8 บวกแต้มเพิ่มให้กับตนเองและต้นสังกัด โดยหลังจบศึกเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนาม 3 แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศธนานนท์ รั้งอันดับ 4 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ รุ่น ASIA SUPERBIKE 1000cc ส่วน โฟลท – รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ เก็บแต้มรั้งอยู่ในอันดับ 7

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รายการ ASIA ROAD RACING CHAMPIONSHIP 2019 สนามที่ 4 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. 2562 ณ สนามซูซูก้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่นโดยแฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Society Thailand

“ฮอนด้า” สร้างผลงานยอดเยี่ยม ยึด 2 โพเดียมบิด เอเชีย โรด เรซซิ่ง “มุกข์ลดา” ยอดนักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทย ฟอร์มโหด! ควง “ธัชกร” ​นำม้วนเดียวจบ ผงาด!!! แชมป์ทวีปเอเชีย ที่บุรีรัมย์

“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งไทย หมายเลข 44 จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ควบรถแข่ง CBR250RR นำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนาม 3 เรซแรกในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. พร้อมควง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี หมายเลข 149 ทีมเมทดาวรุ่ง เข้าเส้นชัยแบบ วัน-ทู คว้าอันดับที่1และ2 มาครองที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประจำทวีปเอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 เดินทางเข้าสู่สนามที่ 3 ของปี โดยมีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายนนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันเรซแรกมีขึ้นในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ดวลความเร็วทั้งสิ้น 10 รอบสนาม โดยยอดนักบิดสาวแกร่งชาวไทยอย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เป็นเจ้าของโพลโพซิชั่น ขณะที่สองทีมเมทดาวรุ่งอย่าง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี หมายเลข 149 และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ หมายเลข 188 ได้ออกตัวในกริดที่ 3 และ 5 ตามลำดับ มีลุ้นคว้าโพเดี้ยมด้วยกันทั้งคู่

ออกสตาร์ทเรซด้วยการขยับขึ้นนำของ ธัชกร ตามด้วย มุกข์ลดา ในอันดับ 2 ก่อนที่ มุกข์ลดา จะสามารถขยับแซงขึ้นเป็นผู้นำได้หลังผ่านโค้ง 3 ในรอบแรก โดยสองนักบิดจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ค่อยๆ ทำระยะห่างจากคู่แข่งออกไปได้อย่างต่อเนื่อง

มุกข์ลดา ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก กับรถแข่งคู่ใจ CBR250RR ยังคงรักษามาตรฐานการบิดได้อย่างลงตัว ก่อนบิดนำม้วนเดียวจบเข้าป้ายเป็นคันแรก คว้าแชมป์เรซแรกของคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีทีมเมทรุ่นน้องอย่าง ธัชกร ตามเข้าป้ายในอันดับ 2 ตามหลัง 1.204 วินาที ได้ฉลองโพเดียมในบ้านเกิดอีกครั้ง

ส่วน ปิยวัฒน์ ไล่บี้ชิงอันดับ 3 กับคู่แข่ง 5 คนอย่างหนักตลอดทั้งเรซ ก่อนที่ “เจ้าฟิล์ม” จะจบเรซในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 3.466 วินาที โดยนับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของทัพนักบิดจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่งไทยแลนด์

ศึกเอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนาม 3 ซึ่งเป็นโฮมเรซของนักบิดไทยที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์​จะชิงชัยเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนนี้ เวลา 13.55 น. แฟนความเร็วสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ได้จากแฟนเพจเฟซบุ๊ก Asia Road Racing Championship และยูทูบ AsiaRoadRacing หรือ ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/

เทพต๋ง – พีรพงศ์ แกร่งสุด เหมาชัยชนะ 6 เรซ ติดต่อ โกยแต้มนำโด่ง SUPER SPORT 600cc ลุ้นแชมป์แบเบอร์!!!

ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ #26 ยอดนักบิดสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กระชากคันเร่งยามาฮ่า YZF-R6 กวาดชัยชนะอันดับที่ 1 ติดต่อกัน 6 เรซซ้อน โกยนำโด่งบนตารางแชมเปี้ยนชิพ SUPER SPORT 600cc ศึกเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019

เกมในเรซที่ 6 รุ่น SUPER SPORT 600cc ศึกเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามที่ 3 ออกสตาร์ทในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ต่อเนื่องจากผลงานระดับท็อปคลาสของ ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ #26 ดาวบิดไทย สังกัดยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่บิดคว้าโพลโพซิชั่น ก่อนจะซิ่งคว้าชัยชนะครั้งที่ 5 ในฤดูกาลให้กับตนเอง จากเกมในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา

และยังคงเป็นฟอร์มอันยอดเยี่ยมของยอดนักบิดไทยที่ระเบิดฟอร์มเก่งในเกมโฮมเรซ ก่อนจะบิดหนีคู่แข่งคว้าชัยได้เป็นเรซที่ 6 ติดต่อกัน หลังควบรถแข่งยามาฮ่า YZF-R6 เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก

ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของ ต๋ง-พีรพงศ์ บุญเลิศ #26 ส่งผลให้ ดาวบิดไทย โกยไปทั้งสิ้น 150 คะแนนเต็ม นำโด่งบนตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังผ่านการชิงชัยในสนามที่ 3 ของฤดูกาลนี้ ปูทางสู่บัลลังก์แชมป์ประจำปีค่อนข้างแบเบอร์

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รายการ ASIA ROAD RACING CHAMPIONSHIP 2019 สนามที่ 4 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. 2562 ณ สนามซูซูก้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่นโดยแฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถร่วมติดตามและให้กำลังใจทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ที่ Facebook : Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Society Thailand

เพลงชาติไทยกระหึ่ม! “ธัชกร” นักบิดดาวรุ่ง “เอ.พี.ฮอนด้า” โชว์ฟอร์มสุดเจ๋ง! ผงาดคว้าแชมป์เอเชีย สุดมันส์! ร่วมร้องเพลงชาติไทยฉลองกับแฟนๆ ในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่ ที่บุรีรัมย์

แชมป์บิดเอเชีย…“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 149 ในโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีมของ “เอ.พี.ฮอนด้า” ฉายแววเจิดจรัสในศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย หลังควบรถแข่ง CBR250RR ผงาดคว้าแชมป์แรกของตนเองในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เรซสองของสนามที่ 3 ได้ร้องเพลงชาติไทยฉลองกับแฟนๆ ในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่ ที่สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์

ผลการแข่งขัน เอเชีย โรดฯ_เรซสอง

“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 149 ในโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีมของ “เอ.พี.ฮอนด้า” ฉายแววเจิดจรัสในศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย หลังควบรถแข่ง CBR250RR ผงาดคว้าแชมป์แรกของตนเองในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เรซสองของสนามที่ 3 ได้ร้องเพลงชาติไทยฉลองกับแฟนๆ ในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประจำทวีปเอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 เดินทางเข้าสู่สนามที่ 3 ของปี โดยมีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายนนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร

การแข่งขันเรซที่ 2 ของรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. มีขึ้นในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนักบิดสาวแกร่งชาวไทยอย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เป็นเจ้าของโพลโพซิชั่น ขณะที่สองทีมเมทดาวรุ่งอย่าง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี หมายเลข 149 และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ หมายเลข 188 ได้ออกตัวในกริดที่ 3 และ 5 ตามลำดับ

ออกสตาร์ทเรซนี้ด้วยการขยับขึ้นนำของ มุกข์ลดา ที่ออกตัวได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย ตามด้วยทีมเมทดาวรุ่งอย่าง ธัชกร ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของเรซนี้เกิดขึ้นในรอบที่ 3 เมื่อ มุกข์ลดา มีปัญหากับรถแข่งต้องออกจากเรซอย่างน่าเสียดาย

โดยตำแหน่งหัวแถวเป็นการขึ้นนำของ ธัชกร ซึ่งมี เออร์ฟาน อาร์เดียนส์ยาห์ และ อาห์วิน ซานจาย่า ตามไล่บี้อย่างหนัก ก่อนที่ อาร์เดียนส์ยาห์ จะขยับแซง ธัชกร ขึ้นมาเป็นผู้นำได้ในรอบที่ 5 ทว่านักบิดไทยก็มาเอาคืนได้อีกครั้งในรอบเดียวกัน

อย่างไรก็ดี เกมในเรซนี้ดวลกันอย่างเข้มข้นจนถึงรอบสุดท้าย โดย ธัชกร นั้นร่วงลงไปถึงอันดับ 4 ในรอบสุดท้าย ทว่านักบิดดาวรุ่งชาวไทยสวมบทโหดไล่แซงคู่แข่งทีเดียว 4 คันรวด ก่อนควบรถแข่ง CBR250RR เข้าป้ายเป็นคันแรก ผงาดคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลให้กับตนเองได้สำเร็จ เฉือนอันดับ 2 อย่าง อาห์วิน ซานจาย่า เพียง 0.310 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มูฮัมหมัด แฟโรซี ทอเกโกต์ ตามหลังแชมป์ 0.567 วินาที ด้าน ปิยวัฒน์ ไล่บี้ในกลุ่มกลางได้อย่างดุเดือด คว้าอันดับ 7 ตามหลังแชมป์ 1.191 วินาที เท่านั้น

ธัชกร กล่าวหลังคว้าแชมป์แรกของตนเองในปีนี้ว่า “เป็นอีกหนึ่งเรซที่ค่อนข้างยากครับ เพราะแผนเดิมคือเราจะขี่ตามพี่มุกข์ แต่น่าเสียดายที่รถของพี่มุกข์มีปัญหาเรื่องยางไปเสียก่อน แต่หลังจากนั้นเราเช็กดูความได้เปรียบในทุกๆ โค้ง และเราเหนือกว่าคู่ต่อสู้ และก็ทำได้สำเร็จ รู้สึกดีใจมากครับกับชัยชนะที่ทำได้ในวันนี้ มันเหมือนปลดล็อก เพราะเป็นแชมป์แรกที่เราทำได้ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ต้องขอขอบคุณทีมงาน เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ทำงานหนักในการเซ็ตอัพรถออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่ขาดไม่ได้คือแรงใจจากแฟนๆ ชาวไทยทุกคนครับ”

ทั้งนี้ การคว้าแชมป์ครั้งแรกของ ธัชกร ในการแข่งขันรายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาลครั้งแรกในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เรซสอง และยืนโพเดียมรั้งอันดับ 2 ของการแข่งขันเรซแรก นับเป็นการสะท้อนความสำเร็จขั้นสำคัญของโครงการ “เรซ ทู​เดอะ ดรีม”​ ของ เอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งวาางรากฐานพัฒนานักบิดจากระดับเยาวชน สู่การแข่งขันจักรยานยนต์ระดับนานาชาติไว้อย่างแข็งแรง โดยเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้มีนักบิดไทยในสนามระดับโลก โมโตจีพี ภายในปี 2025

ผ่านการแข่งขัน 3 สนาม (6 เรซ) มุกข์ลดา ที่แม้จะไร้แต้มจากเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่บุรีรัมย์ แต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่สดใส รั้งอันดับ 2 บนตารางแชมเปี้ยนชิพในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. มีทั้งสิ้น 86 คะแนน ตามจ่าฝูงอย่าง แอนดี้ มูฮัมหมัด ฟาดลี เพียง 1 แต้ม ขณะที่ ธัชกร ซึ่งคว้าแชมป์แรกให้ตนเองขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 มี 74 คะแนน ตามหลังหัวแถว 13 แต้ม ส่วน ปิยวัฒน์ รั้งอันดับ 11 มี 39 คะแนน

สำหรับการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนามถัดไปจะโยกไปดวลความเร็วกันที่ ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนนี้

แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนักแข่งทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand)

รวมพลคนวีสตรอม ครั้งที่ 6

กลับมาอีกครั้งกับการรวมพลคนวีสตรอมครั้งใหญ่ของกลุ่ม ซูซูกิ วีสตรอม คลับ ไทยแลนด์ (VRC) ที่มีสมาชิกผู้รักการขับขี่รถสไตล์แอดเวนเจอร์ ทัวริ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่าง ซูซูกิวีสรอม จากทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันมาร่วมกิจกรรมดังกล่าว ในครั้งนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ WILD WIDE WEST โดยจัดขึ้น ณ ภูผาผึ้งรีสอร์ท อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี วันที่ 25-26 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
บรรยากาศก่อนการเดินทางนั้นสมาชิก VRC ผู้ขับขี่ซูซูกิ วีสตรอม ได้มารวมตัวเพื่อปล่อยขบวนที่ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด โดยได้รับเกียรติจากคุณเลิศศักดิ์ นววิมาน กรรมการบริหาร กล่าวต้อนรับสมาชิกทุกท่าน จากนั้นได้รับเกียรติจาก มร.ชินจิ ฮะสึอิ President บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวเปิดงาน และมอบเงินสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ ให้กับตัวแทนกลุ่มวีสตรอม ไรเดอร์ คลับ ต่อจากนั้นเดินทางสู่ ปตท.สหกรณ์หนองโพธิ์ เพื่อรับสมาชิกอีกกลุ่ม เพื่อมุ่งหน้าสู่เขื่อนห้วยไม้เต็งจุดนี้จะเป็นจุดรวมพลใหญ่ของสมาชิกวีสตรอม ไรเดอร์ คลับ หลังจากถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเรียบร้อยที่เขื่อนห้วยไม้เต็ง เหล่าสมาชิกเดินทางต่อเพื่อไปโรงเรียนบ้านกล้วย จ.ราชบุรี เพื่อเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน และมอบเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค แก่โรงเรียนบ้านกล้วยเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น และรอยยิ้มของน้องๆ
เมื่อร่วมทำสาธารณะประโยชน์เรียบร้อยแล้ว สมาชิก VRC เดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าสู่ ภูผาผึ้งรีสอร์ท เพื่อทำกิจกรรมในช่วงบ่าย โดยกิจกรรมนั้นจะมีการอบรบขับขี่ ใน 3 หลักสูตร คือ 1.Racing Course โดยอาจารย์จากโมโตเอ็นจอย แนะนำในการขับขี่สไตล์ Racing เทคนิคต่างๆ 2.Safety Riding Course โดยอาจารย์สอนขับขี่จากซูซูกิ ที่มาแนะนำเรื่องการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย พร้อมแนะนำเทคนิคต่างๆ 3.Adventure Riding Course โดยอาจารย์จาก Touratech Thailand ที่มาให้ความรู้ในการขับขี่สไตล์ Adventure หลังสมาชิกร่วมกิจกรรมต่างๆ เรียบร้อย สมาชิกเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวร่วมงานเลี้ยงในช่วงเย็น
ช่วงเย็นมีงานเลี้ยงบรรยากาศสบาย ๆ ริมสระน้ำ สมาชิกทุกคนต่างมานั่งประจำที่เพื่อรอรับประทานอาหาร โดยมีผู้บริหารบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ประธานกลุ่มวีสตรอม ไรเดอร์ คลับ และประธานกลุ่ม วีสตรอม สายตะวัน ร่วมกล่าวเปิดงาน และกล่าวทักทายสมาชิกทุกท่าน กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการจับแจกของรางวัลให้แก่สมาชิกที่ร่วมสนุกบนเวที ต่อจากนั้นมีการประมูลหมายเลขสมาชิก VRC และการงานการประกวดมิสวีสตรอมครั้งที่ 6 ด้วยความสนุกสนาน และอบอุ่น ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

กิจกรรมในวันที่ 2 สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม Adventure Riding Course โดยเดินทางไปพิชิตห้วยคอกหมู พร้อมรับประกาศนียบัตร และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกัน ก่อนทุกคนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ พบกับการรวมตัวของสมาชิกวีสตรอม ครั้งที่ 7 ได้ในทริปหน้า แล้วพบกัน!!!