“ทัพนักบิดยามาฮ่า” ฟอร์มหรู AMA Supercross สนาม 3

ไฮเด้น ดีแกน คว้าชัย รุ่น250SX

ไฮเด้น ดีแกน ดาวบิดสังกัด MONSTER ENERGY YAMAHA STAR RACING ซิ่งคว้าชัย รุ่น250SX ในสนามที่ 3 ศึก AMA Supercross 2025 บวกแต้มรั้งรองจ่าฝูง ด้าน นักบิดรุ่นใหญ่ ซิ่งคว้าแต้มแท็กทีมรั้งท็อป 7

การชิงชัยสนามที่ 3 ศึกมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ เอเอ็มเอ ซูเปอร์ครอส แชมเปียนชิพ 2025 ยกพลดวลความเร็ว ณ แองเจิล สเตเดียม เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา

โดยทัพนักบิด MONSTER ENERGY YAMAHA STAR RACING ยังคงอยู่ในผลงานอันยอดเยี่ยม ไล่บดแย่งแชมป์ในกลุ่มหัวขบวนเกมรุ่นใหญ่อย่าง 450SX ก่อนที่ จัสติน คูเปอร์, อีไล โทแม็ก และ คูเปอร์ เว็บบ์ จะพาเหรดบิดจบการแข่งขันในอันดับ 6,7 และ 8

ขณะที่ ไฮเด้น ดีแกน ระเบิดฟอร์มระดับท็อปในรุ่น 250SX ควบ Yamaha YZ250F คว้าชัยที่ แคลิฟอร์เนีย ไปครอง รวมถึง โคล เดวีส์ เพื่อนร่วมสังกัดที่บิดตามขึ้นโพเดียมอันดับ 3

จากผลงานอันยอดเยี่ยมส่งผลให้ อีไล โทแม็ก, คูเปอร์ เว็บบ์ และ จัสติน คูเปอร์ เก็บแต้มรั้งอันดับ 4, 5 และ 8 บนตารางแชมเปียนชิพ รุ่น450SX ขณะที่ ไฮเด้น ดีแกน ขยับรั้งรองจ่าฝูง 250SX ฝั่งตะวันตก

ศึกมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ เอเอ็มเอ ซูเปอร์ครอส แชมเปียนชิพ 2025 สนามถัดไปจะยกพลไปดวลความเร็วที่ สเตท ฟาร์ม สเตเดียม เมืองเกลนเดล รัฐแอริโซน่า ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568

“ลมหายใจไร้มลทิน” มอบรางวัลการประกวดปี 2567

มูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” จัดการประกวดกิจกรรม 4 ประเภทประจำปี 2567

มูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ร่วมกับ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศผล และมอบรางวัล จากการประกวดกิจกรรม 4 ประเภทประจำปี 2567

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” เผยว่า มูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมการประกวดประจำปี 2567 รวม 4 ประเภท ได้แก่ เรียงความ ร้องเพลง วาดภาพศิลปะ และวีดีโอคลิป ซึ่งปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 1,469 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 76% และทุกชิ้นมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ ดังนี้

ประกวดเรียงความหัวข้อ คนรุ่นใหม่ใจซื่อมือสะอาด

ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดญ.ธัญญาภรณ์ ภาชี  รร.วัดสุวรรณ กรุงเทพมหานคร

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ นส.ณัฐทิชา  สีน้ำเงิน

รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดเพชรบุรี

ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ได้แก่ นายพงศธร ประกฤติพงศ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม

ประกวดร้องเพลงประกอบดนตรีตามเพลง

เพลง “คิดดี ทำดี”

ระดับประถมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ ดช.สุทิวัส ยนปลัดยศ รร.นารีวิทยา จังหวัดราชบุรี

ระดับประถมศึกษา ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม TN.Junior Band รร.ไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร

เพลง “ด้วยลมหายใจที่ไร้มลทิน”

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.จันจิรา  ศักดิ์สุวรรณ รร.นวมินทราชินูทิศ หอวัง จังหวัดนนทบุรี

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทหมู่  ได้แก่ ทีม BBL  รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.พิชาพร สถิตพรบรรพต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ประกวดวาดภาพศิลปะสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต

หัวข้อ “พลิกฟื้นลมหายใจของโลกในยุคหมอกควัน”

ระดับปฐมวัย ได้แก่ ดญ.ณัฐรดา จรดล รร.อนุบาลสุธีธร จังหวัดนครปฐม

ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดช.ชวัลวิทย์  อ่างมัจฉา รร.บ้านม่วง จังหวัดหนองคาย

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ดญ.เกศชฎาพร คุ้มบ้าน รร.สมคิดจิตต์วิทยา จังหวัดชลบุรี

ประกวดวีดีโอคลิปสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต

หัวข้อ “ซื่อสัตย์สุจริต ชีวิตติดโซเชียล”

ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ทีม BC Studio รร.ปากคาดพิทยาคม จังหวัดบึงกาฬ

สามารถติดตามผลการประกวด และกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ได้ที่ lomhaijai.org dcy.go.th และ facebook.com/LomhaijaiFoundation

นักแข่ง Red Bull ชาวไทย ก้อง – สมเกียรติ จันทรา เตรียมอุ่นเครื่อง เชคดาวน์ เทสต์ ที่ เซปังฯ

ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักแข่งรุ๊กกี้ของ โมโตจีพี

ก้อง – สมเกียรติ จันทรา นักแข่งจากทีม Red Bull เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักแข่งหน้าใหม่ของประเทศไทยในรายการ โมโตจีพี ภายหลังการเซ็นสัญญากับ ทีมแอลซีอาร์ ฮอนด้า ในฤดูกาลปี 2568 พร้อมลงทดสอบ โมโตจีพี ช่วง วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ โดยนักบิดวัย 26 ปี จากจังหวัดชลบุรี จะขึ้นแท่นมาแข่งขันในรายการชั้นนำระดับโลก จากการสนับสนุน ของ Red Bull แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติยุโรป

พร้อมเผชิญหน้าทุกความท้าทาย

ก้อง – สมเกียรติ บิดคันเร่งเข้าสู่ฤดูกาลปี 2568 ด้วยแรงขับเคลื่อนที่จะสร้างผลงานในการแข่งขัน โมโตจีพี เริ่มจากช่วง วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ โดยนักแข่งรุ๊กกี้วางแผนที่จะขัดเกลาทักษะและปรับตัวให้พร้อมก้าวขึ้นสู่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ระดับโลก

“ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมเคยฝันเสมอว่าอยากเป็นนักแข่งโมโตจีพี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นจริงได้ แม้การได้ลงแข่งในโมโตทู ก็ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกินฝันสำหรับผมแล้ว แต่วันนี้ การได้มาเป็นนักแข่งในโมโตจีพี มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้จริงๆ” สมเกียรติ กล่าวด้วยความปลื้มปีติ “ผมตื่นเต้นมากและนับถอยหลังรอคอย วินเทอร์ เทสต์ ที่สนามเซปังฯ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ไปทำการทดสอบที่สนามคาตาลุนญา ประเทศสเปน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามาก  เพราะประสบการณ์ครั้งนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับผม ทำให้ผมได้รู้ว่าผมยังต้องปรับตัวและทำความเข้าใจกับเครื่องยนต์ใหม่อีกมาก สำหรับการทดสอบที่เซปังที่กำลังจะเกิดขึ้น เป้าหมายของผมคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการลงสนามในฤดูกาลโมโตจีพีที่กำลังจะมาถึง”

ก้อง – สมเกียรติ จะใช้การทดสอบ วินเทอร์ เทสต์ ในครั้งนี้ ประเมินความพร้อมสำหรับศึกโมโตจีพี ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในฤดูกาลปี 2568 ในฐานะนักแข่งของ ทีมแอลซีอาร์ ฮอนด้า

ฤดูกาลของการเปิดตัวนักแข่ที่สนับสนุนโดย Red Bull แบรนด์ระดับโลกจากยุโรป

ฤดูกาลแรกในฐานะนักแข่งรุ๊กกี้ของ โมโตจีพี ยังเป็นการเปิดตัวความร่วมมือกับ Red Bull ในปี 2568 ของ ก้อง – สมเกียรติ อีกด้วย ซึ่งภายใต้การสนับสนุนของ Red Bull ลแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติยุโรป ที่มีกระป๋องสีน้ำเงินและสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ไม่เหมือนการสปอนเซอร์ของแบรนด์อื่น ๆ ทั่วไป แต่จะเป็นการช่วยผลักดันให้ ก้อง – สมเกียรติ สามารถปลดล็อคศักยภาพในฐานะนักกีฬาระดับโลก เพื่อเปิดตัวอย่าง ‘สมเกียรติ’ ในสนาม โมโตจีพี ที่กำลังจะมาถึง

นอกเหนือจากการร่วมงานกับนักโภชนาการ, เทรนเนอร์ด้านการออกกำลัง, และทีมดูแลสภาพจิตใจระดับชั้นนำแล้ว ก้อง – สมเกียรติ ยังสามารถเข้าถึงโปรแกรมการฝึกซ้อมและศูนย์พัฒนาสมรรถภาพทางการกีฬาระดับสูงอย่าง Athlete Performance Center (APC) ที่นักแข่ง F1 ระดับโลก เช่น มักซ์ แฟร์สตัปเปิน/แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน รวมถึง นักแข่ง โมโตจีพี คนอื่น ๆ เช่น เปโดร อคอสต้า, แบรด บินเดอร์, และ แจ็ค มิลเลอร์ มาเทรนด์อีกด้วย

สมเกียรติกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “การได้มีโลโก้ Red Bull อยู่บนหมวกกันน็อคของผมถือเป็นเกียรติอย่างสูง และอีกหนึ่งความฝันตั้งแต่วัยเด็กที่เป็นจริง นี่จึงถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต ผมขอขอบคุณ Red Bull ที่เชื่อมั่นในตัวผมและเห็นศักยภาพของผม”  และเขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปที่ Red Bull Athlete Performance Center (APC) ที่ประเทศออสเตรีย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าประสบการณ์นี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของผมให้ก้าวไปอีกระดับ การสนับสนุนจาก Red Bull เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง และผมจะทำทุกอย่างให้สมกับความไว้วางใจที่ Red Bull มอบให้”

ห้ามพลาดกับการแข่งขันโมโตจีพีในฤดูกาลปี 2568 นี้ 

ร่วมกันส่งกำลังใจให้ ก้อง – สมเกียรติ จันทรา ในฐานะนักแข่งหน้าใหม่ของฤดูกาล และเตรียมพบกับงานเปิดตัวฤดูกาลปี 2568 ของ โมโตจีพี ในการแข่งขัน ไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 นี้ ได้ที่ สนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้บนช่องทางโซเชียลของ Red Bull (TikTok | Instagram | Facebook) และ website, รวมไปถึงช่องทางมอเตอร์สปอร์ตของ Red Bull (TikTok | Instagram)

สื่อมวลชนสามารถดาวน์โหลดคลิปวิดีโอที่ตัดต่อแล้ว และภาพฟรีไม่มีลิขสิทธิ์ได้ที่:

ปิดฉากอลังการ! บุรีรัมย์ มาราธอน2025 จัดเต็มความสุขสู่นักวิ่งแบบเหนือชั้น สัญชัย ครองแชมป์สมัยที่ 6

บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 ตอกย้ำความสำเร็จ

คนนับแสนแห่ร่วม “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ตอกย้ำความสำเร็จ-เสียงตอบรับแนวคิดใหม่ที่สร้างสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง “สัญชัย นามเขต” ฝ่าอาการตะคริว คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ตามคาด ครองถ้วยพระราชทานได้สำเร็จ

“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สุดยอดไนท์รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย แข่งขันปีที่ 9 วันที่ 25 มกราคม 2568 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ร่วมกับ นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้สนับสนุนภาคเอกชน นำโดย นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง และตัวแทนภาครัฐ เอกชน ร่วมเป็นเกียรติมากมาย

การแข่งขันทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.),ระยะมินิมาราธอน (10.0 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) ชิงชัยที่สนามมาตรฐานโลกถึง 2 สนาม ออกสตาร์ตที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถระดับโลก และเข้าเส้นชัยที่ ช้าง อารีนา สนามฟุตบอลรังเหย้าของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ทั้งนี้ รายการนี้ยังมอบโอกาสต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับเมเจอร์มาราธอนให้กับนักวิ่งไทย ชาย 10 คน หญิง 10 คน ที่ทำเวลาดีที่สุดในระยะฟูลมาราธอนที่ล๊อตโต้ได้ในงานโตเกียวมาราธอน สนับสนุน ค่าสมัคร ค่าที่พักและค่าเดินทาง

ผลการแข่งขัน ระยะมาราธอน (42.195 กม.) ฝ่ายชาย ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก เวนด์เวเซ่น ดัมเท จากเอธิโอเปีย ทำเวลาได้ 2.23.25 ชั่วโมง, อันดับ 2 สัญชัย นามเขต เจ้าของเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.33.19 ชั่วโมง คว้าแชมป์คนไทยและครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นสมัยที่ 6, อันดับ 3 เบล-ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม ทำเวลาได้ 2.36.13 ชั่วโมง และอันดับ 4 ธวัชชัย หกพนา ทำเวลาได้ 2.36.32 ชั่วโมง

มาราธอนหญิง ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก อเล็กซานดรา โมโรโซวา จากรัสเซีย สถิติ 2.44.17 ชั่วโมง เฉือน เยชิมเบ็ต ทาโช จากเอธิโอเปีย สถิติ 2.44.18 ชั่วโมง อันดับ 3 มาร์ต้า บิเรฮาน จาก เอธิโอเปีย 2.53.56 ชั่วโมง ส่วน “ปลา” ลินดา อินทะชิต เข้าเส้นชัยเป็นที่ 4 ได้แชมป์คนไทยอีกสมัยเป็นสมัยที่ 6 และ เป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน ทำเวลาได้ 3.01.50 ชั่วโมง ที่ 5 ช่อทิพย์ กันอ่วม 3.14.54 ชั่วโมง เป็นคนไทยที่เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2

ด้าน สัญชัย นามเขต เปิดเผยถึงอาการตะคริวที่ขาข้างขวา ทำให้เจ็บ แต่ก็สามารถทำตามเป้าหมายที่ีตั้งใจไว้ คว้าแชมป์คนไทย 6 สมัยซ้อน ได้รับถ้วยพระราชทาน “ยอมรับว่าสถิติที่ทำได้ก็ดี ตามมาตรฐานที่เคยวิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง ผมเดินประคองตัวเองมาเข้าเส้นชัย ระยะ 2 กม.สุดท้ายกัดฟันแล้วครับ วิ่งไม่ไหว และยอมเดินดีกว่า ตอนวิ่งผ่านอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ผมอธิษฐานขอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขอให้ถึงเส้นชัย เพราะกลัวว่าร่างกายจะไม่ไหว ขาเป็นตะคริว จนคิดว่าจะไม่ได้แชมป์แล้ว”

ส่วน ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) ชาย ที่ 1 ฟีอากาดา เทสเฟย์ จากเอธิโอเปีย 1.09.07 ชั่วโมง ส่วนที่ 2 พงษ์สิทธิ์ ชินพะวอ 1.14.52 ชั่วโมง และที่ 3 ชุติเดช ถนอมทรัพย์ 1.15.08 ชั่วโมง

ฮาล์ฟมาราธอนหญิง ที่ 1 ลดแก้ว อินทะกุมมาน (ลาว) 1.20.29 ชั่วโมง ที่ 2 “ครูขม” อรอนงค์ วงศร เป็นหญิงไทยที่เข้าเส้นชัยคนแรกด้วยเวลา 1.22.36 ชั่วโมง และที่ 3 วิสุดา อ่อนโส 1.31.39 ชั่วโมง

default

ผลมินิมาราธอน (10 กม.) แชมป์ฝ่ายชาย พงศกร สุขสวัสดิ์ 32.15 นาที ที่ 2 วิชยา แซ่จาง 33.14 นาที ,ที่ 3 พอล ดันน์ จากอังกฤษ 33.15 นาที , ฝ่ายหญิง ที่ 1 ปารียา สนเสริม 38.24 นาที ที่ 2 ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล ทำเวลาได้ 38.25 นาที ที่ 3 ไอศิกา แก้วยงกฎ 39.31 นาที

สำหรับงาน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” สร้างปรากฎการณ์อีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ไม่นำเงินมหาศาลไปทุ่มให้กับการเชิญนักวิ่งอีลิทต่างชาติ เพื่อให้บุรีรัมย์มาราธอนได้ไประดับ แพลทตินัม แต่นำเงินเหล่านั้นกลับมามุ่งมั่นสร้าง “สวรรค์ของนักวิ่ง”อย่างแท้จริง มีรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งมากมาย

โดยจัดบนมาตรฐานสูงสุดของ World Athletics Road Race Label เช่นเดิม ซึ่งนักวิ่งสามารถนำสถิติไปควอลิฟายในงานวิ่งต่างๆทั่วโลกได้ มุ่งเน้นการพัฒนา สนามบุรีรัมย์มาราธอนและวงการวิ่งไทย สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้นักวิ่งไทยได้ต่อยอดไปสู่งานวิ่งระดับโลกมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยในปีนี้มีนักวิ่งกว่า 32,000 คน อาสาสมัคร 7,000 คน ผู้ติดตามและกองเชียร์มากกว่า 65,000 คน รวมผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นนับแสนคน

ไทยฮอนด้า ประกาศแผนงานมอเตอร์สปอร์ต 2025

“ก้อง-สมเกียรติ” ลุย MotoGP “ชิพ-นครินทร์” สู้ศึก ARRC รุ่น ASB1000

ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย แถลงนโยบายมอเตอร์สปอร์ตประจำปี 2025 มุ่งสู่การสานต่อความสำเร็จหลังบรรลุเป้าหมายส่งนักแข่งไทยสู่โมโตจีพีได้ในปีนี้ วาง 3 แผนงานสำคัญ เริ่มจากแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” (Honda Race to The Dream) นำโดย “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” สู้ศึก โมโตจีพี เต็มฤดูกาล และแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” (Honda Race to The Champion) โดยมี “ชิพ-นครินทร์” นำทัพนักแข่งดาวรุ่งล่าแชมป์ Asia Road Racing Championship และแผนงานใหม่ HRT Junior Talent Program เพื่อพัฒนานักแข่งกลุ่มพิเศษอย่างเข้มข้นด้วยโปรแกรมเฉพาะ มุ่งต่อยอดสู่การเป็นนักแข่งระดับโลกรุ่นต่อไป ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เผยว่า “มอเตอร์สปอร์ตในปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย เราบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่เคยประกาศไว้เมื่อหลายปีก่อน คือการพานักแข่งไทยไปโมโตจีพี แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น สิ่งต่อไปที่ไทยฮอนด้า ต้องทำคือการพัฒนานักบิดรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง ด้วยโปรแกรมฝึกใหม่ที่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อต่อยอดความสำเร็จของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ต่อไป ต้องขอขอบคุณท่านผู้สนับสนุน ผู้สื่อข่าว รวมถึงแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา”

สำหรับแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่มีเป้าหมายพานักบิดไทย ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลกนำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่เซ็นสัญญา 2 ปีกับสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ลงบิดในพรีเมียร์คลาส ด้วยรถแข่ง Honda RC213V หมายเลข 35 โดยจะจับคู่กับทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง โยฮันน์ ซาร์โก ขณะเดียวกัน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ไล่ล่าผลงานในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะยกระดับเป้าหมายคว้าท็อป 15 ของโลก

ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกส่ง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ วัย 19 ปี ขยับขึ้นไปลุยศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก 2 รายการ ได้แก่ จูเนียร์ จีพี 2025 และ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2025 ส่วนการแข่งขันรายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 จะมีนักบิดดาวรุ่งจาก ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ เข้าร่วมแข่งขัน 2 คนได้แก่ “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง และ “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ นอกจากนี้ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ผ่านการแข่งขัน ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2025 และ โครงการ ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ 2025 โดยมีเป้าหมายในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาอย่างถูกต้องในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักบิด ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนระดับมืออาชีพ

ด้านแผนงาน “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ในปีนี้ไทยฮอนด้า มีการขยับตัวครั้งสำคัญ โดยจะมีนักบิดหลักในโร้ดแม็ปนี้ทั้งสิ้น 4 คน ลงไล่ล่าแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2025 นำโดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีคนแรกของไทยที่จะควบรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ลุย ในรุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) ควบคู่กับรายการ MFJ SUPERBIKE ALL JAPAN ROAD RACE CHAMPIONSHIP 2025 ในรุ่น ST1000

ส่วน 2 ดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จะจับคู่บิดรถแข่ง Honda CBR600RR รวมถึง “ไฮเป๊ก” กฤษฎา ธนะโชติ ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600)

ขณะที่ในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) กับรถแข่ง Honda CBR250RR ส่ง 2 นักบิดดาวรุ่ง “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร จับคู่กับ “ชินโจ” ณภัทร จาตูม ซึ่งทั้งคู่จะแข่งขันในรายการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2025 ควบคู่กันไปด้วย พร้อมกับนักบิดอีก 3 คนในโครงการอย่าง “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง, “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ และ “ไบรท์” เตชินท์ อินทร์อภัย ซึ่ง 3 รายหลังจะลงในรายการ All Japan รุ่น J-GP3 และยังได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันใน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง หากผลงานเป็นไปตามเป้าหมายอีกด้วย

นอกจากนี้ ในศึกซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 ยังส่ง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จับคู่ลงแข่งขันร่วมกับทีมอิสระของ ฮอนด้า เพื่อไล่ล่าแชมป์ประเทศไทย ภายใต้การนำทีมในฐานะผู้จัดการทีมของ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อีกด้วย

สำหรับการแข่งขันทางฝุ่น ในศึกโมโตครอสชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ “เอฟ เอ็ม เอส ซี ที ไทยแลนด์โมโตครอส 2025” ส่ง 5 นักบิด ลงแข่งขันภายใต้ทีมอิสระ ประกอบด้วย กฤษฎา จำรูญจารีต สังกัดทีม Honda 17 พรนุภาพ เดิร์ทช็อป อิเดมิตสึ ดันล็อป , ภานุพงศ์ สมสวัสดิ์ สังกัดทีม Honda ส.จ.โก๋ DRTC IDEMITSU WRC Singha , จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ สังกัดทีม Honda Racing Thailand Wannalak Motorsport และ ธนรัตน์ พานิชไทย พร้อมทีมเมท พัสกร ปริยวงศธร ภายใต้สังกัดทีม Honda Racing Thailand S Motor ลงชิงชัยโดยมีเป้าหมายคว้าแชมป์ประเทศไทย

ส่วนแผนงาน Junior Talent Program ซึ่งเป็นหลักสูตรพัฒนานักแข่งด้วยการฝึกอย่างเข้มข้น โดยพัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรของ Honda Racing School ซึ่งเป็นต้นแบบการสร้างนักแข่งของฮอนด้าในระดับเอเชีย และ โอเชียเนีย โดยไทยฮอนด้าจะคัดเลือกนักแข่งดาวรุ่งที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ เข้าร่วมโปรแกรม โดยมีการพัฒนาอย่างเข้มข้นใน 5 ด้าน ประกอบด้วย การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย (Physical Strength) การเรียนรู้สไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย (Adaptive Riding Skill) การฝึกฝน เพิ่มประสบการณ์การแข่งขัน (Riding Experience) การสร้างความอดทน ทั้งร่างกายและจิตใจ (Physical & Mental Endurance) และการเสริมสร้างวินัยในแบบนักกีฬาอาชีพ (Discipline) ในปี 2025 จะมีนักแข่งดาวรุ่งที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการพัฒนาทั้ง 5 ด้าน พร้อมกับลงแข่งขันในรายการสำคัญของเอเชีย เพื่อยกระดับขีดความสามารถสู่การเป็นนักแข่งระดับโลกต่อไป

#ThaiHonda #Motorsport #RoadToMotoGP #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #MotoGP #SC35 #Moto3 #JuniorGP #RookiesCup #HondaAcademy #HondaThailandTalentCup #AsiaTalent #ARRC #AllJapan #BRIC #FMSCT #ThailandMotocross

Harley-Davidson® เผยโฉมรุ่นใหม่ ประเดิมไลน์อัพปี 2025

Street Glide® Ultra Pan America® 1250 ST และตระกูล Cruiser โฉมใหม่ 6 รุ่น ประเดิมไลน์อัพปี 2025

Harley-Davidson เปิดตัวไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่และรุ่นปรับโฉมปี 2025 อย่างเป็นทางการ โดยรถรุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในไลน์อัพปีนี้ ประกอบด้วย รุ่น Street Glide® Ultra พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Touring สำหรับการเดินทางระยะไกลที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันและ รุ่น Pan America® 1250 ST รถมอเตอร์ไซค์สาย Adventure sport เพื่อการขับขี่ตะลุยในทุกเส้นทาง รวมถึงคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 จำนวน 6 รุ่น ที่มาพร้อมกับขีดความสามารถด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ดีขึ้น  นอกจากนี้ ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น Sportster® S ที่ได้รับการอัปเกรดระบบช่วงล่างเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ และคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Custom Vehicle Operation™ (CVO™) รุ่นลิมิเต็ดอีก 3 รุ่น ถือเป็นการเติมเต็มไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ที่เหล่านักขับขี่ทั่วโลกต้องการมากที่สุดจาก Harley-Davidson

คอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่จาก Harley-Davidson ปี 2025 ประกอบด้วยตระกูล Grand American Touring, Cruiser, Sport, และ Adventure Touring สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้ผ่านทางเว็บไซต์ H-D.com หรือ ณ โชว์รูมและศูนย์บริการโดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลก

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 โฉมใหม่สุดโดดเด่นจำนวน 6 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ผสานกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับและดีไซน์อันทันสมัย โดยรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 117 พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และโครงสร้าง Harley-Davidson® Softail® ที่มาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบโมโนช็อค (Monoshock) โดยไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 ประกอบด้วยรุ่น Low Rider® S, Low Rider® ST, Breakout®, Heritage Classic, Fat Boy®, และ Street Bob®  ซึ่งรถแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่ความคลาสสิกย้อนยุคไปจนถึงสุดยอดสมรรถนะที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำ

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Street Glide® Ultra ปี 2025

ออกไปพิชิตเส้นทางกับ Street Glide® Ultra รุ่นใหม่ ที่จะมายกระดับการเดินทางไกลด้วยความสะดวกสบาย พร้อมสัมผัสสุดยอดเทคโนโลยี สมรรถนะเหนือชั้น และต่อยอดจากดีไซน์ Street Glide ปี 2024 ผสานกับฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับการเดินทางระยะไกลแบบสองคน เหมาะสำหรับนักขับขี่ที่มองหาความอิสระและการผจญภัย นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Grand American Touring รุ่นมาตรฐานที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด เท่าที่ Harley-Davidson เคยสร้างมา

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Sportster® S ปี 2025

Harley-Davidson Sportster® S รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบกันสะเทือนที่ได้รับการอัปเกรดและดีไซน์ใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ โดดเด่นด้วยแรงบิดที่เร่งได้ฉับไว ช่วยสร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ผ่านการออกตัวได้อย่างเต็มพลัง  นอกจากนี้ ด้วยน้ำหนักที่เบา เทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์สุดโดดเด่น ทำให้ Sportster® S เป็นตัวเลือกที่ดึงดูดทั้งนักขับขี่ประสบการณ์สูง และนักขับขี่หน้าใหม่ที่ต้องการก้าวข้ามการขี่รถมอเตอร์ไซค์แบบเดิม ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จึงเร่งความเร็วของล้อหลังเพิ่มขึ้นได้ 60% โดยไม่กระทบต่อความสูงของเบาะ ทำให้ขับขี่ได้ในสภาพถนนที่หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้กระบอกโช๊คอัพยังสามารถปรับค่าการบีบและคืนตัว รวมทั้งปรับพรีโหลดได้ทั้งในระบบกันสะเทือนหน้าและหลัง

 

รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ตระกูล Custom Vehicle Operation™ ปี 2025

ในงานเปิดตัวประจำปีครั้งที่ 26 มีการเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® CVO™ รุ่นลิมิเต็ดระดับซูเปอร์พรีเมียมถึง 3 รุ่น โดยรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นสะท้อนถึงพลังและความมีเกียรติ โดดเด่นด้วยที่สุดของสไตล์และการออกแบบตามแบบฉบับของ Harley-Davidson มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่สำหรับปี 2025

  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Street Glide® และ CVO™ Road Glide® มาพร้อมกับดีไซน์ที่ยกระดับไปอีกขั้นผสานกับเทคโนโลยีและสมรรถนะชั้นสูง เพื่อตอบสนองนักขับขี่แบ็กเกอร์ที่ต้องการความพิถีพิถันและคาดหวังประสบการณ์การขับขี่ระดับสูง
  • รถมอเตอร์ไซค์ CVO™ Road Glide® ST ได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไซค์ Screamin’ Eagle® Factory Team Road Glide® ที่ลงแข่งขันในรายการ MotoAmerica® Mission Foods King of the Baggers Championship โดยเป็นการผสมผสานเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 121 H.O. เข้ากับชิ้นส่วนสมรรถนะสูง และการดีไซน์แบบคัสตอม ทำให้ได้รถมอเตอร์ไซค์แบ็กเกอร์ที่มีทั้งความรวดเร็ว ทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความล้ำสมัย

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถมอเตอร์ไซค์ และสีที่วางจำหน่าย พร้อมข้อมูลจำเพาะ และกำหนดเวลาการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน

Harley-Davidson ยืนหยัดเพื่อจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและอิสรภาพเหนือกาลเวลาของเหล่านักขับขี่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Grand American Touring ตระกูล Adventure Touring และตระกูล Cruiser รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson มือสองที่ผ่านการรับรอง พร้อมอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งแท้จาก Harley-Davidson สินค้าเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ Harley-Davidson MotorClothes® และบริการด้านการเงินของ Harley-Davidson ได้ที่ H-D.com 

ไทยฮอนด้า ผสานความร่วมมือกับ เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ระดับเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 3

ไทยฮอนด้า เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์จำกัด และกลุ่มบริษัทฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย จัดการแข่งขัน ทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 3 (The 3rd Asia-Oceania Honda Safety Instructor Competition 2025) ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 23-24 มกราคม นี้ ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมในการจัดการแข่งขัน โดยมีครูฝึกรวมทั้งสิ้นกว่า 150 คนจาก 8 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียดนาม และไทยเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

มร.ยูตะ นิโนะ กรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นสร้างถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด ‘Safety for Everyone’ โดยเรามีเป้าหมายสำคัญในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของฮอนด้าทั่วโลก ให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 การแข่งขันในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่จะยกระดับความรู้และทักษะของครูฝึกขับขี่ปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ถนนในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย”

“การแข่งขันระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้ครูฝึกขับขี่ปลอดภัยของไทยได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับครูฝึกจากหลากหลายประเทศ ความรู้ที่ได้รับจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดโครงการฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย ที่ไทยฮอนด้าได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่า 36 ปี และจะมุ่งมั่นพัฒนาให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อไป”

ในขณะที่ คุณสาวิตรี แก้วพวงงาม กรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “การแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศักยภาพของครูฝึกขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาค แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการยกระดับและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูฝึกขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย และส่งต่อประสบการณ์ความรู้ไปสู่ท้องถิ่นของครูฝึกแต่ละคน เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนนในระดับที่สูงขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวร่วมกัน”

การแข่งขันในครั้งนี้ประกอบด้วยการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 3 รุ่น ​ได้แก่ ​CB150R, CB300R และ CB500R รวมถึงการแข่งขันด้านนวัตกรรมความปลอดภัย​ (Presenting Innovative Safety Concepts​) โดยเน้นการประเมินความสามารถของครูฝึกฯ ในการวิเคราะห์ปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง และนำความรู้จากประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างเนื้อหาการฝึกอบรมให้ประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานของครูฝึกฮอนด้า และสร้างความตระหนักถึงการขับขี่ที่ปลอดภัย การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 สถานีหลักที่เน้นการฝึกทักษะเฉพาะด้าน ได้แก่:
สถานีเบรก (Braking Course) – ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองและการตัดสินใจ โดยครูฝึกต้องขับขี่ด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหยุดรถในบริเวณที่กำหนด เพื่อแสดงเทคนิคการเบรกฉุกเฉินอย่างปลอดภัย
สถานีจิมคาน่า (Slalom Course) – ทดสอบความคล่องตัวในการขับขี่ผ่านเส้นทางที่กำหนด โดยใช้คันเร่ง เกียร์ และเบรกอย่างสอดคล้องกัน พร้อมฝึกจัดท่าทางการขับขี่ที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์บนถนน
Low Speed Balance Course – ทดสอบการทรงตัวด้วยความเร็วต่ำ ครูฝึกต้องเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางการขับขี่ที่เหมาะสมเพื่อควบคุมรถได้อย่างมั่นคง

การแข่งขันครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการสร้างถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และพัฒนามาตรฐานการขับขี่ปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียอย่างต่อเนื่อง

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
อินสตาแกรม: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

QTCGP ร่วมมือ MOVE EV X ลงทุนเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

QTCGP ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทน

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน (กลางซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายเรืองชัย กฤษณเกรียงไกร (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และนางสาวศศิกาญจน์ ตันธนสิน (ซ้าย) กรรมการ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) (บริษัทย่อย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับ นายวันชัย ลี้นะวัฒนา (กลางขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะมูฟ ธันเดอร์ จำกัด (MOVE EV X) เพื่อลงทุนเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จำนวน 7 สถานี ได้แก่ สาขาเฉลิมพระเกียรติ 67 สาขาสุขสวัสดิ์14 สาขาลาดพร้าววังหิน สาขาพัฒนาการ20 สาขาวิภาวดีรังสิต1 สาขาหลานหลวง และสาขาสุขุมวิท101/1 เป็นที่เรียบร้อย

โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดในหลากหลายรูปแบบ ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องมลพิษทางอากาศ อาทิ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตประชากรหนาแน่น จึงร่วมมือกับ MOVE EV X ในครั้งนี้เพื่อมีส่วนช่วยในการลดค่าครองชีพให้กับกลุ่มไรเดอร์ที่เข้ามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เข้าถึงพลังงานในราคาประหยัด

ผู้สนใจทำธุรกิจและเป็นผู้มีส่วนร่วมสร้างระบบ Ecosystem อย่างยั่งยืน กับ “MOVE EV X by H Sem” สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เว็บไซต์ www.moveevx.com, FB: MOVE EV X หรือสอบถามได้ที่ Line ID: @moveevx และ Call Center 1513 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 8.30น. – 17.30น.)

ปีใหม่นี้…ออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่กับการเดินทางสุดเท่บนมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield

New Year’s Resolution สุดท้าทายและน่าตื่นเต้น

ปีใหม่นี้ นอกจากเป้าหมาย เช่น การดูแลตัวเอง จัดการการเงิน หรือ ความมุ่งมั่นในการงาน ใครที่กำลังมองหา New Year’s Resolution สุดท้าทายและน่าตื่นเต้น เราขอแนะนำให้ลิสต์ “การออกทริปท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์” ไว้ในลิสต์ลำดับต้นๆ เลย! และจะมีรถคู่ใจคันไหนดีไปกว่า Royal Enfield ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ แต่มันคือสัญลักษณ์ของอิสระ เสรีภาพ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมพาคุณออกไปสัมผัสประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพอันงดงามสองข้างทางแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ทำไมต้อง Royal Enfield?

  • ดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา: ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 124 ปี พร้อมทั้งรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

  • สมรรถนะที่ไว้ใจได้: เครื่องยนต์เรียบง่าย ทนทาน เหมาะสำหรับการเดินทางทุกรูปแบบ

  • หลากหลายรุ่น หลากหลายสไตล์: ไม่ว่าจะเป็นสายลุย สายชิล สายคลาสสิก หรือสายโมเดิร์น Royal Enfield มีรุ่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

  • ชุมชนนักขับขี่ที่แข็งแกร่ง: กลุ่ม club community ต่างๆ ที่มีมากกว่า 50 กลุ่มทั่วประเทศ สามารถเข้าร่วมกลุ่มเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ และออกทริปสุดมันส์ไปด้วยกัน

ไอเดียทริปสุดเจ๋งกับ Royal Enfield

  • ตะลุยเส้นทางธรรมชาติ: ออกเดินทางสู่ยอดดอย สัมผัสอากาศหนาว ชมทะเลหมอก และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เช่น เส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เส้นทางเขาใหญ่-วังน้ำเขียว หรือเส้นทางภูทับเบิก-เชียงคาน เส้นทางที่ท้าทาย ต้องเผชิญกับทางขึ้นเขา ทางลูกรัง และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ขอแนะนำ Royal Enfield Himalayan 450 ที่ออกแบบมาเพื่อการผจญภัยโดยเฉพาะ แข็งแกร่ง ระบบกันสะเทือนที่ยอดเยี่ยม ทำให้พร้อมลุยไปได้ทุกที่

  • ท่องเที่ยวเมืองรอง: ออกสำรวจเมืองเล็กๆ หลีกหนีความวุ่นวาย สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ชิมอาหารท้องถิ่น แวะถ่ายภาพกับชุมชน เช่น น่าน ลำพูน เพชรบูรณ์ หรือราชบุรี สำหรับการเดินทางแบบสบายๆ หนึ่งในตัวเลือกในการเพิ่มสไตล์สุดคลาสสิคให้ทริปคือ Royal Enfield Classic 350 ด้วยดีไซน์เหนือกาลเวลา ขับขี่ง่าย คล่องตัว และประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวแบบชิลๆ
  • Road Trip ริมทะเล: ขับรถกินลมชมวิว สัมผัสธรรมชาติสีเขียวขจีพร้อมบรรยากาศริมทะเล แวะพักผ่อนตามชายหาดสวยๆ เช่น เส้นทางหัวหิน-ปราณบุรี เส้นทางพัทยา-จันทบุรี หรือเส้นทางภูเก็ต-กระบี่ Royal Enfield Meteor 350 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดนใจ รถครุยเซอร์ที่เน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ ท่านั่งผ่อนคลาย นุ่มนวล พร้อมระบบนำทาง Tripper ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายยิ่งขึ้น

  • ขี่รถเที่ยวรอบเมือง: สัมผัสเสน่ห์ของเมืองใหญ่ในมุมมองใหม่ ซอกแซกไปตามตรอกซอกซอย ค้นพบร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิป เช่น กรุงเทพฯ อยุธยา เชียงใหม่ หรือภูเก็ต สำหรับการขับขี่ในเมือง ที่ต้องการความคล่องตัว Royal Enfield Hunter 350 รถโรดสเตอร์ ที่คล่องตัว น้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ดีไซน์ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง

  • นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีรถรุ่นต่างๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Interceptor 650, Super Meteor 650, Shotgun 450 และ Guerrilla 450 ที่พร้อมพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เลือกคันที่ชอบ ขี่คันที่ใช่ แล้วไปใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในปีนี้ด้วยกัน

    เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

    • เลือกมอเตอร์ไซค์คู่ใจ: ศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ และเลือกรุ่นที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ และเส้นทางที่ต้องการเดินทาง

    • วางแผนเส้นทาง: กำหนดจุดหมายปลายทาง ศึกษาเส้นทาง และจองที่พักล่วงหน้า

    • ตรวจเช็ครถ: ตรวจสอบสภาพรถ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อม

    • เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์: เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ และเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค ถุงมือ และเสื้อแจ็คเก็ต

    • เตรียมร่างกายให้พร้อม: พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • เคล็ดลับขับขี่ปลอดภัย

    • สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง: ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล

    • ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง: ปฏิบัติตามกฎจราจร และเคารพเพื่อนร่วมทาง

    • ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด: ควบคุมความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนน

    • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ: เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่น

    • พักผ่อนเป็นระยะ: หากรู้สึกเหนื่อยล้า ควรจอดพักรถในที่ปลอดภัย

    อย่ารอช้า! ปีใหม่นี้ ออกไปสร้างประสบการณ์สุดประทับใจ กับการเดินทางสุดเท่บนมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield แล้วคุณจะค้นพบว่า โลกใบนี้มีอะไรอีกมากมายรอให้คุณออกไปสัมผัส

MOTOR EXPO จับรางวัลคืนกำไรให้ผู้ชม

 “ซื้อรถ…ชิงรถ” “ซื้อบัตร…ชิงรถ” “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์”

“IMC สื่อสากล” จับรางวัลหาผู้โชคดีจากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ลุ้นรถยนต์ 3 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน จากกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมที่ “ซื้อรถ…ชิงรถ” “ซื้อบัตร…ชิงรถ” “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” และ “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ณ ห้องรอยัลจูบิลี อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ในวันพุธที่ 22 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

สำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่ผ่านการตรวจสอบว่าปฏิบัติตามกฎกติกาของการชิงรางวัลแล้ว จะประกาศ ทางเวบไซท์ motorexpo.co.thautoinfo.co.th, ทาง LINE @motorexpo ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และทางนิตยสาร “ฟอร์มูลา”, 4 WHEELS  ฉบับประจำเดือนเมษายน 2568

ไทยฮอนด้าสนับสนุนการยกระดับฝีมือช่างไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ไทยฮอนด้าด้วยการมอบรางวัลพิเศษ ให้ช่างไทยที่คว้าชัยในการแข่งขันทักษะฝีมือช่างระดับเอเชีย & โอเชียเนียได้สำเร็จ

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย มอบรางวัลพิเศษ All New Honda Scoopy ให้กับ นาย มนตรี เนียมนิ่ม จาก บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด (แผนกบิ๊กไบค์) ช่างไทยที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการรถจักรยานยนต์ไทย ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน “Honda Asia & Oceania Motorcycle Technician Skill Contest” เมื่อปลายปี 2024 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ในหมวดรถบิ๊กไบค์ (Fun Bike) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของคนไทยที่สามารถคว้าชัยในรุ่นนี้ได้ โดยครั้งนี้ ทีมไทยสามารถคว้าชัยได้ทั้งประเภทกลุ่มและบุคคล ซึ่งการแข่งขันทักษะฝีมือช่างระดับภูมิภาคอันทรงเกียรตินี้เป็นการรวบรวมสุดยอดนายช่างจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียมาประชันฝีมือกัน

ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงมาตรฐานความเป็นมืออาชีพของทีมช่างไทยที่สามารถแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียได้ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งผู้ชนะในรุ่นนี้จะได้ไปแข่งการแข่งขันทักษะฝีมือช่างระดับโลก รายการ Honda Global Motorcycle Technician Contest ต่อไป โดยทางไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะของบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานฝีมือช่างไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดการแข่งขันในครั้งต่อไปได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

รวมพลคนคัลเจอร์มากกว่าพันคน ปลดปล่อยความสนุกครบทุกสไตล์ในงาน CUB House Cult Hub ณ เพลนธี ฟาร์ม

‘CUB House Cult Hub Promoted By Fungjai’ เทศกาลดนตรีและแคมป์รับลมหนาว

ปิดจบสุดสัปดาห์ด้วยความสนุกของงาน ‘CUB House Cult Hub Promoted By Fungjai’ เทศกาลดนตรีและแคมป์รับลมหนาว รวมพลคาราวานคับเฮ้าส์จากทุกคัลเจอร์กว่า 1,000 คน มาปลดปล่อยความสนุกกันตลอดงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ เพลนธี ฟาร์ม จังหวัดนครปฐม

งานนี้มีไฮไลต์สำคัญโดยมอบความสนุกให้ผู้เข้าร่วมงานอย่างเต็มที่ ประกอบด้วยกิจกรรม CULT HUB 4 ฐานคัลเจอร์คับเฮ้าส์ ที่ถอดคาแรกเตอร์จากรถจักรยานยนต์ CUB House ในแต่ละรุ่นมาให้ผู้เข้าร่วมได้ร่วมกิจกรรมเก็บคะแนนในแต่ละฐาน ไม่ว่าจะเป็น

ฐานลิง (ซนคัลท์เจอร์) กิจกรรมซนๆ ให้โยนห่วงเข้าล้อ ปาโป่งชิงรางวัล เล่นได้ทั้งครอบครัว
ฐานหมี (ลุยคัลท์เจอร์) กิจกรรมสำหรับสายลุย ขี่รถจักรยานยนต์ CUB House ลุยผ่านสิ่งกีดขวางทั้งเนินดิน และแอ่งน้ำ
ฐานดัชชุน (คูลคัลท์เจอร์) กิจกรรมสำหรับคนคูลๆ เล่น SUB Board กลางภูเขาด้านอุณหภูมิ
ฐานสิงห์ (คลาสสิกคัลท์เจอร์) กิจกรรมสำหรับคนซนสุดคลาสสิก กับ AIR Blush Tattoo คัสตอมเปลี่ยนสีได้เอง เลือกลายที่ใช่ โชว์ตัวตนออกมาให้สุด และ Barber Booth ปรับลุคให้เท่ได้เลยภายในงาน

สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมเก็บสแตมป์ในการ์ดสะสมได้ทั้งหมด 3 จาก 4 ฐาน ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากคับเฮ้าส์ไปทันที อีกทั้งในงานนี้จัดเต็มด้วยบูธอาหารรวมร้านดังมามอบความอร่อยอย่างหลากหลาย

ความสนุกไม่ขาดตอนด้วยโชว์บนเวทีสุดฮาและมันส์ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงยืนเดี่ยวจากนักเล่าเรื่องสายซิ่งอย่าง ‘เฮง โอเวอร์’ และ ‘DAVID WAR’ ก่อนต่อเนื่องด้วย CULT CONCERT ที่ขนทัพศิลปินชั้นนำอย่าง D Gerrard, T-Bone, Television Off และ Only Monday มามอบความสุขแบบมิดไมล์ งานนี้ยังมี DJ สายชิล มาเปิดเพลงให้โยกเบาๆ เคล้ากับบรรยากาศสุดผ่อนคลาย และพื้นที่ลานกางเต็นท์ที่รองรับได้ถึง 300 หลัง ให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์แคมป์ปิ้งในบรรยากาศอันอบอุ่น

‘CUB House Cult Hub Promoted By Fungjai’ ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากแฟนคับเฮ้าส์ทั่วประเทศ สร้างความประทับใจและความทรงจำที่น่าจดจำตลอดทั้งงาน ใครไม่อยากพลาดงานหน้าสามารถติดตามกิจกรรมจาก Cub House ได้ที่

เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊ก CUBhouse : fb.com/cubhousebyhonda

#Fungjai #CULTHUB #CUBHOUSE #HONDACUBHOUSE
#CT125 #MONKEY125 #DAX125 #C125
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou