Yamaha Sports in “Styles”

เมื่อความสนุกไม่ได้หยุดแค่การขับขี่แต่คุณสามารถสนุกไปกับการหยิบจับไอเท็มแจ็คเก็ตเท่ๆสักตัว หมวกกันน็อคจี๊ดๆสักใบ
ครีเอททุกลุคให้ตรงกับความชอบ Mix & Match
เข้ากับมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าคันโปรด
ได้อย่างโดดเด่นมีสไตล์ไม่ว่าจะเป็น
⚡️อารมณ์สปอร์ตอย่าง YZF-R15
⚡️แสบๆซ่าๆตามฉบับ MT-15
⚡️หล่อเท่สไตล์เฮอริเทจแบบ XSR155
⚡️หรือแม้แต่สายลุยมันส์ๆอย่าง WR155R
ก็สามารถสะท้อนตัวตนผ่านไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว
ที่คอมพลีทความสนุกได้ถึงขีดสุด แล้วคุณล่ะ…สไตล์ไหน
ซื้อรถยามาฮ่าสปอร์ต 155ซีซี วันนี้!
(1 ก.ย. – 31 ต.ค. 64)
รับข้อเสนอสุดพิเศษ ที่ #ยามาฮ่า สแควร์ทุกสาขา
ฟรี! ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ระยะเวลา 2 ปี*
ฟรี! รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.*
?ดูข้อมูลรถยามาฮ่าสปอร์ตเพิ่มเติมได้ที่นี่
————————————————————
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*เงื่อนไข และการอนุมัติกรมธรรม์ เป็นไปตามที่วิริยะประกันภัยกำหนด
*ติดต่อ และขายประกันโดยตัวแทนของวิริยะประกันภัย

“กวาร์ตาราโร่” แซงระห่ำ มิซาโน่ ผงาดครองบัลลังก์แชมป์โลกโมโตจีพี

ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ดาวบิดเฟรนช์แมน สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ไล่แซงคู่แข่งไต่จากกริดที่ 15 ขึ้นมาจบการแข่งขันด้วยอันดับ 4 จากการชิงชัยในเรซสุดเข้มข้นที่ มิซาโน่ เก็บแต้มทิ้งขาดคู่แข่ง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์โลกโมโตจีพีสมัยแรกร่วมกับยามาฮ่า

ศึกโมโตจีพี 2021 สนามที่ 16 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี สาธารณรัฐซานมารีโน่ ระยะทางต่อรอบ 4.226 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ในรายการกราน พรีมิโอ โนแลน เดล เมด อิน อิตาลี เออ เดล เอมิเลีย-โรมันญ่า

โดย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ดาวบิดเจ้าถิ่น สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้ออกสตาร์ทจากแถวที่ 2 ด้าน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ บิดทำเวลารอบควอลิฟายเข้ามาเป็นอันดับ 15 ส่วน อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ #04 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ดูโอ้นักบิดมากประสบการณ์สังกัดปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 21 และ 23 ตามลำดับ
การแข่งขันในเรซดังกล่าวเป็นผลงานอันร้อนแรงของ กวาร์ตาราโร่ หลังเจองานหินในรอบควอลิฟาย อย่างไรก็ดี ดาวบิดเฟรนช์แมน สามารถควบคุมเรซและรีดฟอร์มเก่งของตนเอง ไล่แซงคู่แข่งไต่จากกริดที่ 15 ขึ้นมาเกาะอยู่ในกลุ่มท็อปไฟว์ ก่อนจะบิดเข้าเส้นชัยด้วยอันดับ 4 เก็บแต้มทิ้งขาดคู่แข่ง ผงาดขึ้นครองบัลลังก์แชมป์โลกเป็นที่เรียบร้อย ด้าน ดาวบิดจอมเก๋า อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ ส่งท้ายเกมโฮมเรซด้วยฟอร์มระดับท็อป ซิ่งไต่จากท้ายขบวนขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 10 ขณะที่ อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ และ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี 2 ดาวบิดเพื่อนร่วมชาติ บิดจบการแข่งขันต่อหน้าแฟนความเร็วที่ มิซาโน่ ด้วยอันดับ 13 และ 14
ผ่านเกมในสนามที่ 16 ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ คว้าแชมป์โลกประเภทนักขับไปครอง หลังเก็บไปได้ทั้งสิ้น 267 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 65 คะแนน ขณะเหลือการแข่งขันเพียง 2 สนามในฤดูกาลนี้ ขณะที่ มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ยังคงรั้งจ่าฝูงในประเภททีมผู้สร้าง เก็บไปได้ 364 คะแนน ถือแต้มเหนืออันดับ 2 อยู่ 13 คะแนน ศึกโมโตจีพี 2021 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลที่ อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองปอร์ติเมา ประเทศโปรตุเกส ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน นี้ ในรายการแกรนเด พรีมิโอ โด อัลการ์ฟ

“มาร์เกซ” คว้าแชมป์ 2 สนามติด “โปล” ปลดล็อกโพเดี้ยมแรกกับฮอนด้าที่มิซาโน

มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ร้อนแรงต่อเนื่องผงาดคว้าชัยชนะในศึก โมโตจีพี สนาม 16 เอมิเลีย-โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์ อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมควงทีมเมท โปล เอสปาร์กาโร ปลดล็อกขึ้นโพเดี้ยมแบบวันทู หลังจบเรซสุดพลิกผันที่ มิซาโน ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เกมรอบชิงชนะเลิศของ โมโตจีพี สนาม 16 ดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้สภาพแทร็กปกติหลังจากที่นักบิดทุกคนต้องเจอฝนมาตลอดทั้งสุดสัปดาห์ โดยเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ซึ่ง โปล เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชหมายเลข 44 จาก เรปโซล ฮอนด้า ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 4 ขณะที่ทีมเมทอย่าง มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัย เจ้าของหมายเลข 93 ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 7

ผลในเรซนี้ปรากฏว่า มาร์ค มาร์เกซ สตาร์ทได้ยอดเยี่ยมทะยานขึ้นไปรั้งท็อปทรีได้ตั้งแต่เริ่มเกม ก่อนจะไล่บดขึ้นมาเป็นหัวแถวช่วง 5 รอบสุดท้าย และบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 41 นาที 52.830 วินาที คว้าชัยชนะ 2 สนามติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ ตามด้วย เอสปาร์กาโร ในอันดับ 2 ตามหลัง 4.859 วินาที ปลดล็อกขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกกับ ฮอนด้า ได้สำเร็จ ด้าน ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นหมายเลข 30 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า จบเรซอันดับ 15 ขณะที่ทีมเมทอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ หมายเลข 73 ไม่จบการแข่งขัน

หลังผ่าน 16 สนาม มาร์ค มาร์เกซ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 142 คะแนน ตามด้วย เอสปาร์กาโร ในอันดับ 12 มี 82 คะแนน, นาคากามิ อันดับ 15 มี 71 คะแนน และ อเล็กซ์ มาร์เกซ อันดับ 16 มี 54 คะแนน ด้าน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้ออกสตาร์ทกริดที่ 10 โดยสามารถพารถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ทะยานขึ้นไปถึงท็อปโฟร์แต่กลับโดน เรมี การ์ดเนอร์ ชนล้มไปดื้อๆ ส่งผลให้ไร้แต้มอย่างน่าเสียดาย
สำหรับการแข่งขัน โมโตจีพี 2021 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายนนี้ ที่ อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศโปรตุเกส ในรายการ ปอร์ติเมา กรังด์ปรีซ์ แฟนความเร็วสามารถติดตามข่าวสารของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

YZF-R7 สปอร์ตสองสูบ 74 แรงม้า มาสเตอร์ทอร์ค กระชับ เรียว เพรียว บาง

เชื่อว่าหลายๆ คน คงได้เห็นข้อมูลผ่านตากันไปบ้างแล้วของตัวรถ แต่ผมจะสรุปแบบคร่าวๆ ถึงจุดเด่นของ YZF-R7 ก่อนที่จะให้ความคิดเห็นถึงสมรรถนะการขับขี่บนแทร็คสนามช้างฯภาพลักษณ์ดีไซน์ทันสมัยที่ลงตัวสอดรับผสมผสานความสปอร์ตไบค์ มีความเพรียว ไม่เทอะทะ ที่เป็นเอกลักษณ์ Series-R ดูโฉบเฉียวและลงตัวในการออกแบบ การใช้งานความสะดวกสบาย ที่สำคัญนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน

หลักพลศาสตร์ที่ใส่ใจในการออกแบบตามหลักการใช้งานจริงเพื่อสนองต่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบความเป็นรถสปอร์ต แต่สามารถขับขี่ใช้งานได้ทั้งในเมือง และทางหลวงที่ต้องการความเร็ว ตัวเฟรมแข็งแรงน้ำหนักเบา ปรับมุมเคสเตอร์ให้รถสามารถเลี้ยวได้ง่าย การวางเท้าและเข่ากระชับทำให้แนบสนิทกับบอดี้ที่ลงตัว สมบูรณ์แบบในการเป็น R-Series ไม่แพ้รุ่นพี่ในสนามแข่ง

ออพชั่นที่จัดมาให้ลงตัวทั้งระบบการถ่ายเทความร้อน ช่องแรมแอร์ด้านหน้า โช้คอัพหน้า Upside Down ปรับได้เต็มระบบ ดิสก์เบรกหน้าดูโอ้ จานเบรกใหญ่ 289 มม. คาลิเปอร์แบบ 4 พอร์ท ปั๊มบน Brembo โช้คอัพหลัง ปรับได้ 2 ระบบ พรีโหลด  รีบาวด์ 11 ระดับ องศาการจับแฮนด์แบบวีกริบ บอดี้ถังไม่ใหญ่เกินไปสำหรับคนตัวเล็กๆ ยางที่ติดมากับรถ บริดจสโตน แบทแลค S22 ซึ่งเป็นตัวท็อปของยางถนน ยางหน้าแบบ 3 คอมบาวด์ ยางหลัง 5 คอมบาวด์

เครื่องยนต์ 2 สูบ CP2 ความจุ 699 ซีซี ให้พละกำลัง 74 แรงม้า อาจจะดูไม่ได้มากมาย แต่จุดเด่นของเครื่องยนต์ตัวนี้คือ แรงบิดในช่วงต้นและกลาง ซึ่งได้ปรับระบบอีเล็กทรอนิกส์ให้สามารถทำงานได้ฉับไว พร้อมกับเสริมสลิปเปอร์คลัทช์ให้ขี่สนุกและควบคุมรถได้ง่ายเมื่อลดเกียร์ในความเร็ว อีกหนึ่งจุดที่ไม่ได้มีให้แต่เป็นออพชั่นเสริมกับจุดต่อควิกชิพที่รองรับพร้อมติดตั้งได้เลย

ความคิดเห็นหลังการขับขี่

สัมผัสแรกกับการขึ้นไปนั่งคร่อมจัดท่าทางแบบขับขี่ทั่วไป แฮนด์อยู่ใต้แผงคอมันเป็นรถสปอร์ตที่ไม่ก้มมากจนเกินไป มิติดูเหมือนใหญ่แต่มันเพรียวที่สุดในบรรดา R Series ทั้งหมด นั่งกระชับ หนีบรถได้ง่าย เบาะกว้าง ขยับมอบได้สบายๆ ความสูงจากพื้นถึงเบาะไม่มาก ผมสูง 168 ซม. เหยียบได้ครึ่งเท้า พยุงได้สบายๆ เพราะรถไม่หนักมาก

เครื่องยนต์ 2 สูบ แบบคลอสเพน ที่โดดเด่นเรื่องของกำลังแรงบิด ออกตัวเร็ว รอบขึ้นเร็ว และมีรอบเครื่องยนต์ใช้งานได้เหลือเฟือ จะอยู่เกียร์ 3 หรือ 4 กระแทกคันเร่งออกไปได้โดยที่กำลังไม่ตก อัตราทดเกียร์ 2 จะลากได้ยาว น่าจะเน้นสำหรับการใช้งานทั่วไปทำให้รอบไม่ตึงมาก เปิดคันเร่งเร็วๆ หน้าลอยง่ายๆ เลย ขี่ในแทร็คเปียกต้องใช้เอ็นจิ้นเบรกเยอะ สำหรับเครื่อยนต์ตัวนี้เอ็นจิ้นดึงแรงแต่ได้ออพชั่นเสริม สลิปเปอร์คลัทช์ ก็ช่วยได้ในระดับนึง มันไม่ได้ใช้แบบ 100% เพราะวันที่ขับขี่ฝนตกแทร็คลื่น แต่ก็ได้รับความรู้สึกเล็กๆ ว่ามันทำงาน ซึ่งมันก็คงไม่ต่างไปจากรถสปอร์ตทั่วไป ที่เคยสัมผัส ถ้าจะให้ดีไม่ควรยกคันเร่วจนหมดในจังหวะเดียว ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งเครื่องยนต์จะสมูทกว่า แล้วก็ค่อยๆ เปิดคันเร่งเพราะประแทกแรง หน้าหงายได้เลย ความเร็วสุดปลายที่ทำได้ 215 กม./ชม. (มันยังไปได้อีกถ้าแทร็คแห้ง) ถ้าติดตั้งควิกชิพเพิ่มคงจะสนุกขึ้น อีกอย่างก็คือ น่าจะมีระบบแทร็คชั่นคอนโทรมาให้อีกตัว รับรองว่าครบเซ็ท ขี่กันมัน

ช่วงล่าง โดยส่วนตัวชอบมากสำหรับรถในคลาสนี้ โช้คอัพหน้า Upside Down ปรับได้เต็มระบบ ไม่ได้มีแค่ความสวย เท่ แต่ยังทำได้ดีบนแทร็คเปียกๆ ด้วยค่าสแตนเดาร์ดเดิมๆ จากไลน์ผลิต เบรกหน้าดิสก์คู่ พร้อมคาลิเปอร์ 4 พอร์ท และใช้ตัวปั๊มบนของ Brembo อันนี้ก็มั่นใจได้ ขนาดแทร็คเปียกชุ่ม ยังกดล้อหลังลอย แต่ต้องจับแฮนด์ให้ดีๆ นะไม่งั้นก็อาจปลิ้นหน้าไถลได้ แต่นั่นก็ได้ตัวช่วยที่ดีด้วย ก็คือ ยางที่มีประสิทธธิภาพด้วยคอมบาวด์ที่แบ่งไว้ ช่วยให้การขับขี่นั่นง่ายขึ้น ขนาดแทร็คเปียกๆ ยังเอียงรถเข้าโค้งได้

กับราคาค่าตัว 339,000 ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ รูปทรงสปอร์ต ไม่เทอะทะ นั่งสบาย ออพชั่นพอตัว อัตราเร่งดี เหมาะสำหรับไรเดอร์ที่ใช้งานทั่วไปก็ได้ หรือมาขี่บนแทร็คก็ได้ เพราะช่วงล่างมันสามารถปรับได้

 

สนั่นวงการบิ๊กไบค์! ฮอนด้าเปิดตัว New 500 Series ยกระดับออปชันท็อปคลาส

จัดเต็มโช้กอัพหน้าหัวกลับ-ดิสก์เบรกคู่ ยืนหนึ่งโดนใจนักบิดตัวจริง ฮอนด้าบิ๊กไบค์สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญสนั่นวงการรถจักรยานยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัวบิ๊กไบค์โมเดลใหม่ล่าสุดในตระกูล 500 Series 3 รุ่นรวด ได้แก่ New CBR500R, New CB500F และ New CB500X ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ทั้งสปอร์ต เน็กเก็ต และแอดเวนเจอร์ มาพร้อมการยกระดับออปชันที่ดีที่สุดในคลาส เสริมสมรรถนะขั้นสุดด้วยโช้กอัพหน้าหัวกลับ และดิสก์เบรกคู่ พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “บิ๊กไบค์ฮอนด้าในตระกูล 500 Series ถือเป็นโมเดลที่มีความสำคัญ และเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของกระแสการขับขี่บิ๊กไบค์ในเมืองไทย ด้วยคุณภาพมาตรฐานการผลิตระดับโลก และเทคโนโลยีที่ผู้ขับขี่ให้การยอมรับมากที่สุด ได้ส่งผลให้ 500 Series ขึ้นแท่นเป็นบิ๊กไบค์ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดทันทีที่เปิดตัวในไทย ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา” “New 500 Series ได้รับการพัฒนาเพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับกลุ่มลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2021 เราได้ทำการยกระดับ 500 Series ให้เทียบเท่าซูเปอร์ไบค์ระดับท็อปคลาส เพื่อสร้างความตื่นเต้นและตอบโจทย์นักบิดตัวจริง ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไป เพื่อให้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการเข้าสู่โลกของบิ๊กไบค์”
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ New 500 Series มาพร้อมคอนเซปต์ “For The Real One” ถ่ายทอดความเร้าใจสู่สาวกบิ๊กไบค์ตัวจริง ตื่นตาตื่นใจด้วยดีไซน์ที่ดูบึกบึนโฉบเฉี่ยว แรงด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และออปชันที่ดีที่สุดในคลาส ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ด้วย 3 โมเดลที่แตกต่างตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ ประกอบด้วย New CBR500R สำหรับนักบิดสายสปอร์ตเต็มขั้น, New CB500F เน็กเก็ตไบค์ที่ออกแบบมาเพื่อสายสตรีทโดยเฉพาะ และ New CB500X แอดเวนเจอร์ไบค์สำหรับผู้รักการผจญภัย ฮอนด้าบิ๊กไบค์ New 500 Series ทั้ง 3 รุ่น ติดตั้งโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. แบรนด์ SHOWA รองรับแรงกระแทกได้มากกว่า ให้การควบคุมที่เหนือชั้น พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าคู่ ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ให้ประสิทธิภาพการเบรกเหมือนบิ๊กไบค์ระดับท็อป โดยในรุ่น New CBR500R และ New CB500F จะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมด้วยคาลิปเปอร์แบบ Radial Mount 4 Pots ส่วนในรุ่น New CB500X จะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมคาลิปเปอร์แบบ Twin Piston 2 Pots
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ New 500 Series ดุดันกว่าเดิมด้วยไฟหน้า LED ใหม่ ให้ความสว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 25% มาพร้อมล้อแม็กหน้า-หลัง ลายใหม่ โดยในรุ่น New CBR500R และ New CB500F จะมาพร้อมกับล้อแม็กลาย Y-Spoke 5 ก้านคู่ ขนาด 17 นิ้ว ขณะที่รุ่น New CB500X มาพร้อมกับล้อแม็กดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ฮอนด้าบิ๊กไบค์ New 500 Series ส่งมอบประสบการณ์ขับขี่เต็มรูปแบบ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด เสริมด้วยระบบ Assist Slipper Clutch เพิ่มความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ New 500 Series มีให้เลือก 3 รุ่น 3 สไตล์ ประกอบด้วย
• New CBR500R มี 3 สี ได้แก่ Grand Prix Red, สี Sword Silver Metallic และสี Mat Gunpowder Black Metallic ราคาแนะนำ 219,800 บาท
• New CB500F มี 2 สี ได้แก่ Grand Prix Red และสี Mat Axis Gray Metallic ราคาแนะนำ 214,700 บาท
• New CB500X มี 2 สี ได้แก่ Grand Prix Red, สี Pearl Organic Green และสี Mat Gunpowder Metallic ราคาแนะนำ 224,900 บาท
ฮอนด้าบิ๊กไบค์พร้อมวางจำหน่าย New 500 Series ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Big Wing ทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New 500 Series ได้ที่
เว็บไซต์ : www.hondabigbike.com
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH

ติ๊งโน๊ต #100 TingNote Thitipong Warokorn โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมบิดรถคู่ใจ Ninja ZX-10RR คว้าชัยชนะเลิศ

ติ๊งโน๊ต #100 TingNote Thitipong Warokorn โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตอกย้ำความแรงอย่างต่อเนื่อง บิดรถคู่ใจ Ninja ZX-10RR คว้าชัยชนะเลิศอันดับ 1 สองสนามซ้อน ?? ?? ในรุ่นท็อปสุด SB1 (1000cc) รายการ OR BRIC Superbike 2021 สนาม 2 ที่สนามช้างฯบุรีรัมย์ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 

ส่งผลทำให้มีคะแนนสะสมขึ้นนำแถวบนสุดของตาราง สร้างความยินดีให้กับทั้งผู้สนับสนุน สปอนเซอร์ ผู้ชมแฟนคาวาซากิ และทีมงานที่คอยส่งกำลังใจให้อย่างล้นหลาม..???

 

“โฟลท – รัฐพงษ์” ฟอร์มหรูผงาด ซูเปอร์สปอร์ต “อภิวัฒน์-อนุภาพ” แท็กทีมเบิ้ลโพเดี้ยม โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2

“โฟลท” รัฐพงษ์ ​วิไลโรจน์ #56 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ เชือดคู่แข่งคัมแบ็กคว้าชัยชนะ ทวงหัวแถวในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2 ขณะคู่หูรุ่นใหญ่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 และ “ตี”​ อนุภาพ ซามูล #500 ควงคู่ขึ้นโพเดี้ยมรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี หลังจบเรซสุดเข้มข้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์​ เรซซิ่งทีม เดินหน้าสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนาม 2 โดยมีลุ้นทั้งสองรุ่นไฮไลต์ของรายการอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี

โดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 อดีตแชมป์เอเชีย กลับมาทวงชัยชนะให้ตนเองได้อีกครั้ง หลังออกสตาร์ทจากโพลและไล่บดกับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี บิดรถแข่ง R6 เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 05.328 วินาที พร้อมกับทะยานขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพหลังผ่านสนาม 2 ส่วนทีมเมทอย่าง “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี #10 คว้าอันดับ 6 ตามหลัง 18.187 วินาที ส่วน “ฟอง” คณาฑัต ใจมั่น #90 จากสังกัด ยามาฮ่า ไฮ-สปีด เรซซิ่งทีม จบการแข่งขันในอันดับที่ 5

ขณะที่การแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี สองนักบิดยามาฮ่ายังคงสร้างโอกาสลุ้นชัยชนะได้อีกครั้ง โดย “ตี”​ อนุภาพ ซามูล #500 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 2 ส่วน “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ได้ออกตัวจากกริดที่ 3 ซึ่งทั้งคู่สามารถขยับขึ้นครองความได้เปรียบบนหัวขบวนได้ในช่วงต้นเรซ จบการแข่งขัน 12 รอบสนาม อภิวัฒน์ จบเรซในอันดับ 2 ตามหลังผู้ชนะเพียง 2.339 วินาที ส่วน อนุภาพ เข้าป้ายอันดับ 3 ตามหลัง 2.549 วินาที

สำหรับการแข่งขันสนามถัดไปของศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เช่นเคย

“ฮอนด้า” ทะยานจ่าฝูงซูเปอร์สปอร์ต “มุกข์ลดา-ภาสวิชญ์” เบิ้ลโพเดี้ยม โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2

“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ และทีมเมทอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ควงคู่คว้าอันดับ 2-3 เบิ้ลโพเดี้ยมในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 2 ในรุ่ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี พร้อมพาต้นสังกัดผงาดจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีม หลังผ่าน 2 สนามแรก ที่สนามช้างฯ เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ศึกซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนาม 2 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ชิงชัยทั้งสิ้น 12 รอบสนาม โดย 3 นักบิดจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ มีลุ้นคว้าชัยชนะอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ซึ่ง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งหมายเลข 44 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 2 ตามด้วยทีมเมทจอมเก๋าอย่าง “ดรีม” สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง หมายเลข 45 ในกริดที่ 4 และ “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ หมายเลข 123 ในกริดที่ 5 ออกสตาร์ทด้วยการขยับขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ ภาสวิชญ์ ในรอบแรก ก่อนที่ มุกข์ลดา จะเปลี่ยนมาเป็นหัวแถวได้หลังผ่านรอบที่ 4 โดยเกมในเรซนี้ต้องไปตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย ผลการแข่งขันเมื่อจบ 12 รอบสนาม ปรากฏว่า มุกข์ลดา ควบรถแข่ง Honda CBR600RR เข้าป้ายเป็นอันดับที่ 2 แบบเฉียดฉิวตามหลังผู้ชนะเพียง 0.305 วินาทีเท่านั้น ส่วนทีมเมทอย่าง ภาสวิชญ์ ตามเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลัง 1.298 วินาที และ สิทธิศักดิ์ ในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 1.624 วินาที
ผ่านการแข่งขัน 2 สนาม ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ยังคงรักษาผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ครองจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีมมีทั้งสิ้น 72 แต้ม ส่วน มุกข์ลดา และ ภาสวิชญ์ รั้งรองจ่าฝูงร่วมกันมีคนละ 36 คะแนน ส่วน สิทธิศักดิ์ รั้งอันดับ 4 มีทั้งสิ้น 24 คะแนน ทั้งนี้ 3 นักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ มีคิวดวลสนามถัดไประหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เช่นเคย สามารถติดตามข่าวสารของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

แรงเท่าที่ใจอยากแรง” ฮอนด้าเปิดตัว All New CBR150R ถ่ายทอดความเป็นซูเปอร์สปอร์ตขั้นสุดจากสนามแข่ง

รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด “All New CBR150R” จากตระกูล CBR Series ดีไซน์ล้ำสมัยให้ความเป็นซูเปอร์สปอร์ตในทุกมิติ ติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการขับขี่ด้วย Assist Slipper Clutch และโช้กหัวกลับ และเบรก ABS วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “รถสปอร์ตฮอนด้าในตระกูล CBR Series ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดซูเปอร์ไบค์ในดวงใจของนักบิดสายพันธุ์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์ และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากรถแข่งโมโตจีพีของฮอนด้าที่สร้างเกียรติประวัติคว้าแชมป์ในรายการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกมาแล้วมากมาย”
“ในครั้งนี้ All New CBR150R มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ถือว่าเหนือชั้นที่สุดในคลาสรถสปอร์ต 150 ซีซี ทั้งการออกแบบตัวรถและอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถซูเปอร์สปอร์ตระดับท็อป เรามั่นใจว่า All New CBR150R จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปิดประสบการณ์การขับขี่และสัมผัสความแรงสไตล์เรซซิ่งสปอร์ต ก่อนต่อยอดสู่สปอร์ตไบค์ในตระกูล CBR Series ในพิกัดที่สูงขึ้นต่อไป”
All New CBR150R ได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซปต์ “For The Real Racing Heart แรงเท่าที่ใจอยากแรง” ออกแบบใหม่ทั้งคันในแบบ Sport Aggressive Design ที่ให้ความโฉบเฉี่ยวและดุดัน ไฟหน้า LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered ทั้งหน้าและหลัง มาพร้อมกับ Position Light คู่บน และไฟเลี้ยว LED เฉียบคมด้วยเส้นสายบนตัวรถที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ตขั้นสุด ออกแบบตามหลัก Aero Dynamics ให้มีแรงเสียดทานต่ำที่สุด ขับขี่สนุกด้วยการวางตำแหน่งท่านั่งในแบบ “Super Sport Riding Position” ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์ของความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง
All New CBR150R มาพร้อมการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังความแรงด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความนุ่มนวลและความต่อเนื่องของการขับขี่แบบเรซซิ่งสปอร์ต All New CBR150R ได้รับการยกระดับระบบกันสะเทือน ด้วยการใช้โช้กหน้าแบบหัวกลับ (Upside-down Shock Absorber) จากแบรนด์ SHOWA พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ ABS (เฉพาะรุ่น ABS) เสริมด้วยระบบไฟฉุกเฉิน ESS แสดงสัญญาณไฟกระพริบเมื่อใช้เบรกอย่างกะทันหัน
All New CBR150R มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ABS สีแดง Tri-color และสีดำ-แดง Mat-Gunpowder ราคาแนะนำ 99,900 บาท และรุ่น Standard มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ-แดง Mat-Gunpowder, สีแดง-ดำ Millennium และสีเทา-เหลือง Mat-Axis Grey ราคาแนะนำ 92,900 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ All New CBR150R ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

Gixxer SF แค่ดีไซน์ก็รู้ว่าแรง!!!

All New Suzuki Gixxer SF ได้รับการดีไซน์ให้เป็นสปอร์ตไบค์ที่มีรูปโฉมที่เพรียวบาง โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบสไตล์ยุโรป การันตีด้วยการถ่ายทอด DNA จาก Super Bike ของ Suzuki โดยตรงที่จะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ความสปอร์ตเสมือนได้อยู่ในสนามแข่ง

ด้วยโครงสร้างที่ถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมแฟริ่งทรงสปอร์ตที่ถูกพัฒนา และออกแบบอย่างพิถีพิถันตามหลัก Aerodynamic โดยลมจะวิ่งผ่านเส้นสายของแฟริ่งของตัวรถ ช่วยลดแรงปะทะของลมในขณะขับขี่ ผสานกับน้ำหนักของตัวรถเพียง 160 กิโลกรัม และพละกำลังสูงสุดถึง 26.5 แรงม้า จึงไม่แปลกใจเลยที่ All New Suzuki Gixxer SF จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานจริงในเรื่องของการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ตามแบบฉบับ Japanese DNA จาก Suzuki

พบกับโปรโมชั่นที่พลาดไม่ได้ของ All New Suzuki Gixxer SF ได้แล้ววันนี้ สนใจคลิกเลย!!!
หากท่านสนใจเป็นเจ้าของ All New Suzuki Gixxer SF สามารถติดต่อได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่าย ซูซูกิ ทั่วประเทศ หรือติดต่อ บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านทาง
Facebook :

2021 MV Agusta Brutale 1000RR สุดจี๊ดกับ 208 แรงม้า

ปรับปรุงโมเดลในพิกัด 800 ซีซี กันไปจนครบ คราวนี้ก็เป็นทีของรถตัวพันกันบ้าง สำหรับ MV Agusta Brutale 1000RR 2021 ไฮเปอร์เน็กเก็ดจากเมือง Varese โดยการอัพเกรดชุดใหญ่คราวนี้ ยังคงมีเรื่องของกฎข้อบังคับมาตรฐานไอเสีย Euro5 ทำให้มีการปรับแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานในระบบด้วยการใช้วาล์วไทเทเนียม วาล์วไกด์ใหม่ และลูกกระทุ้งลิ้นเคลือบ DLC ทั้งยังออกแบบระบบไอเสียใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้ค่าไอเสียที่สะอาดมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญคือกำลังเครื่องยนต์ขุมพลัง 4 สูบเรียง 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 208 แรงม้า (153 กิโลวัตต์) ที่ 13,000 รอบ และแรงบิดที่ 116.5 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ มีควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง และระบบสลิปเปอร์คลัทช์ มีระบบควบคุมแรงบิด 4 ระดับ

ตัวรถโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมากมาย อาทิ หน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธ ไฟหน้าที่น่าสนใจเพราะมันได้ไอเดียมาจาก Porsche 911 ในขณะที่ขับรถแล้วมองผ่านกระจกหลัง ระบบป้องกันล้อลอย ระบบแทร็คชั่นคอนโทรล 8 ระดับ ระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้ และระบบประมวลผลแรงเฉื่อยที่ช่วยให้ระบบอื่นๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างเด่นที่ระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจาก Ohlins Nix EC ที่ด้านหน้า Ohlins TTX EC ที่ด้านหลัง พร้อมกันสะบัดปรับไฟฟ้า ระบบเบรกจาก Brembo โดยด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์เบรก Stylema 4 พอร์ทกับจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. แบบโฟลท์ติ้ง ขณะที่ด้านหลังเป็นคาลิเปอร์เบรก Brembo 2 พอร์ท พร้อมจานเบรกขนาด 260 มม. ใช้ยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa ขนาด 120/70-17 ที่ด้านหน้า และ 200/55-17 ที่ด้านหลัง

สำหรับ MV Agusta Brutale 1000RR จะมีสีสันใหม่ให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่สีแดงเพลิงตัดด้วยสีดำเมทัลลิกแบบด้าน และสีเทาเมทัลลิกแบบด้านตัดด้วยสีเทาเข้มเมทัลลิกแบบด้าน ส่วนสนนราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 32,300 ยูโร ลองเอา 40 ไปคูณดูแล้วกันว่าจะสักกี่ตังค์

FORZABLUE SKY COLOR

การมาของ FORZA350 ไม่ได้ทำให้ FORZA 300 นั้นลดกระแสความนิยมลงแม้แต่นิดเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ ความโฉบเฉี่ยว หรูหราพรีเมี่ยม ไม่ใหญ่เกินไป และที่สำคัญขับขี่ได้สะดวกบูลสกาย คัลเลอร์ สีฟ้าสดใส บนเรือนร่างแบบเพียวๆ ไม่ต้องคาดลวดลายสีสันสติ๊กเกอร์ให้ดูเลอะเทอะ เน้นเรียบหรูดูสบายๆ มีการใช้ชิ้นงานที่เป็นเคฟล่าร์เข้ามาเสริมเพิ่มความคมเข้มที่ด้านหน้า ฝาปิดครอบถังน้ำมัน แต่ถ้ามองรวมๆ แล้ว ซึ่งดูแล้วไม่ได้มีของแต่งอะไรเยอะแยะมากมาย เน้นแบบเรียบๆ ง่ายๆ ใช้งานทั่วไป แต่มันก็สะดุดตาเหมือนกัน

ตัวเครื่องยนต์เป็นเวอร์ชั่นสองที่พัฒนาขึ้นมาจากตัวเก่ามีความทันสมัยมากขึ้น ขับขี่ตอบสนองความต้องการได้รวดเร็ว การเพิ่มท่อไอเสียใหม่เข้าไปทำให้การรีดแรงม้าออกได้ดี ถึงแม้มันไม่ได้ช่วยให้ความเร็วปลายเพิ่มขึ้น แต่มันทำให้การปล่อยพละกำลังได้เร็วขึ้น มีเสียงที่แผดดังขึ้น และก็มีความสวยสปอร์ตขึ้นด้วย วงล้อแม็กสีทองมาเชสซินี่ ขนาด 14 นิ้ว หน้า/หลัง ดิสก์เบรก หน้า/หลัง พร้อมระบบ ABS ปั๊มบนแท้งค์เหลี่ยมก้านเบรกเหรียญปรับระดับ ช่วงหลังเซ็ทความลงตัวด้วยโช้คอัพคู่ แบรนด์ดังยอดนิยมของนักแต่ง Gazi รุ่นเฉพาะได้แป๊ะแบบไม่ต้องไปแปลงจัดมาให้ตรงรุ่นมีซับแท้งค์แบบบิ้วท์อิน สามารถปรับพรีโหลด และรีบาวด์ได้ ทั้งสวยงามและมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

ดูรวมๆ แล้ว ยังขาดออพชั่นอีกหลายชิ้น หลายตำแหน่ง แต่เชื่อได้ว่า FORZA คันนี้ไม่ได้จบเพียงแค่นี้ต้องไปต่ออย่างแน่นอน ทั้งสวยทั้งแรงแบบนี้ใครก็อยากเป็นเจ้าของ ลองแล้วจะติดใจ