














ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ดาวบิดเฟรนช์แมน สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ไล่แซงคู่แข่งไต่จากกริดที่ 15 ขึ้นมาจบการแข่งขันด้วยอันดับ 4 จากการชิงชัยในเรซสุดเข้มข้นที่ มิซาโน่ เก็บแต้มทิ้งขาดคู่แข่ง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์โลกโมโตจีพีสมัยแรกร่วมกับยามาฮ่า
ศึกโมโตจีพี 2021 สนามที่ 16 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี สาธารณรัฐซานมารีโน่ ระยะทางต่อรอบ 4.226 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ในรายการกราน พรีมิโอ โนแลน เดล เมด อิน อิตาลี เออ เดล เอมิเลีย-โรมันญ่า
มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ร้อนแรงต่อเนื่องผงาดคว้าชัยชนะในศึก โมโตจีพี สนาม 16 เอมิเลีย-โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์ อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมควงทีมเมท โปล เอสปาร์กาโร ปลดล็อกขึ้นโพเดี้ยมแบบวันทู หลังจบเรซสุดพลิกผันที่ มิซาโน ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เกมรอบชิงชนะเลิศของ โมโตจีพี สนาม 16 ดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้สภาพแทร็กปกติหลังจากที่นักบิดทุกคนต้องเจอฝนมาตลอดทั้งสุดสัปดาห์ โดยเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ซึ่ง โปล เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชหมายเลข 44 จาก เรปโซล ฮอนด้า ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 4 ขณะที่ทีมเมทอย่าง มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัย เจ้าของหมายเลข 93 ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 7
ผลในเรซนี้ปรากฏว่า มาร์ค มาร์เกซ สตาร์ทได้ยอดเยี่ยมทะยานขึ้นไปรั้งท็อปทรีได้ตั้งแต่เริ่มเกม ก่อนจะไล่บดขึ้นมาเป็นหัวแถวช่วง 5 รอบสุดท้าย และบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 41 นาที 52.830 วินาที คว้าชัยชนะ 2 สนามติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ ตามด้วย เอสปาร์กาโร ในอันดับ 2 ตามหลัง 4.859 วินาที ปลดล็อกขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกกับ ฮอนด้า ได้สำเร็จ ด้าน ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นหมายเลข 30 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า จบเรซอันดับ 15 ขณะที่ทีมเมทอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ หมายเลข 73 ไม่จบการแข่งขัน
เชื่อว่าหลายๆ คน คงได้เห็นข้อมูลผ่านตากันไปบ้างแล้วของตัวรถ แต่ผมจะสรุปแบบคร่าวๆ ถึงจุดเด่นของ YZF-R7 ก่อนที่จะให้ความคิดเห็นถึงสมรรถนะการขับขี่บนแทร็คสนามช้างฯภาพลักษณ์ดีไซน์ทันสมัยที่ลงตัวสอดรับผสมผสานความสปอร์ตไบค์ มีความเพรียว ไม่เทอะทะ ที่เป็นเอกลักษณ์ Series-R ดูโฉบเฉียวและลงตัวในการออกแบบ การใช้งานความสะดวกสบาย ที่สำคัญนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน
หลักพลศาสตร์ที่ใส่ใจในการออกแบบตามหลักการใช้งานจริงเพื่อสนองต่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบความเป็นรถสปอร์ต แต่สามารถขับขี่ใช้งานได้ทั้งในเมือง และทางหลวงที่ต้องการความเร็ว ตัวเฟรมแข็งแรงน้ำหนักเบา ปรับมุมเคสเตอร์ให้รถสามารถเลี้ยวได้ง่าย การวางเท้าและเข่ากระชับทำให้แนบสนิทกับบอดี้ที่ลงตัว สมบูรณ์แบบในการเป็น R-Series ไม่แพ้รุ่นพี่ในสนามแข่ง
ออพชั่นที่จัดมาให้ลงตัวทั้งระบบการถ่ายเทความร้อน ช่องแรมแอร์ด้านหน้า โช้คอัพหน้า Upside Down ปรับได้เต็มระบบ ดิสก์เบรกหน้าดูโอ้ จานเบรกใหญ่ 289 มม. คาลิเปอร์แบบ 4 พอร์ท ปั๊มบน Brembo โช้คอัพหลัง ปรับได้ 2 ระบบ พรีโหลด รีบาวด์ 11 ระดับ องศาการจับแฮนด์แบบวีกริบ บอดี้ถังไม่ใหญ่เกินไปสำหรับคนตัวเล็กๆ ยางที่ติดมากับรถ บริดจสโตน แบทแลค S22 ซึ่งเป็นตัวท็อปของยางถนน ยางหน้าแบบ 3 คอมบาวด์ ยางหลัง 5 คอมบาวด์
เครื่องยนต์ 2 สูบ CP2 ความจุ 699 ซีซี ให้พละกำลัง 74 แรงม้า อาจจะดูไม่ได้มากมาย แต่จุดเด่นของเครื่องยนต์ตัวนี้คือ แรงบิดในช่วงต้นและกลาง ซึ่งได้ปรับระบบอีเล็กทรอนิกส์ให้สามารถทำงานได้ฉับไว พร้อมกับเสริมสลิปเปอร์คลัทช์ให้ขี่สนุกและควบคุมรถได้ง่ายเมื่อลดเกียร์ในความเร็ว อีกหนึ่งจุดที่ไม่ได้มีให้แต่เป็นออพชั่นเสริมกับจุดต่อควิกชิพที่รองรับพร้อมติดตั้งได้เลย
ความคิดเห็นหลังการขับขี่
สัมผัสแรกกับการขึ้นไปนั่งคร่อมจัดท่าทางแบบขับขี่ทั่วไป แฮนด์อยู่ใต้แผงคอมันเป็นรถสปอร์ตที่ไม่ก้มมากจนเกินไป มิติดูเหมือนใหญ่แต่มันเพรียวที่สุดในบรรดา R Series ทั้งหมด นั่งกระชับ หนีบรถได้ง่าย เบาะกว้าง ขยับมอบได้สบายๆ ความสูงจากพื้นถึงเบาะไม่มาก ผมสูง 168 ซม. เหยียบได้ครึ่งเท้า พยุงได้สบายๆ เพราะรถไม่หนักมาก
เครื่องยนต์ 2 สูบ แบบคลอสเพน ที่โดดเด่นเรื่องของกำลังแรงบิด ออกตัวเร็ว รอบขึ้นเร็ว และมีรอบเครื่องยนต์ใช้งานได้เหลือเฟือ จะอยู่เกียร์ 3 หรือ 4 กระแทกคันเร่งออกไปได้โดยที่กำลังไม่ตก อัตราทดเกียร์ 2 จะลากได้ยาว น่าจะเน้นสำหรับการใช้งานทั่วไปทำให้รอบไม่ตึงมาก เปิดคันเร่งเร็วๆ หน้าลอยง่ายๆ เลย ขี่ในแทร็คเปียกต้องใช้เอ็นจิ้นเบรกเยอะ สำหรับเครื่อยนต์ตัวนี้เอ็นจิ้นดึงแรงแต่ได้ออพชั่นเสริม สลิปเปอร์คลัทช์ ก็ช่วยได้ในระดับนึง มันไม่ได้ใช้แบบ 100% เพราะวันที่ขับขี่ฝนตกแทร็คลื่น แต่ก็ได้รับความรู้สึกเล็กๆ ว่ามันทำงาน ซึ่งมันก็คงไม่ต่างไปจากรถสปอร์ตทั่วไป ที่เคยสัมผัส ถ้าจะให้ดีไม่ควรยกคันเร่วจนหมดในจังหวะเดียว ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งเครื่องยนต์จะสมูทกว่า แล้วก็ค่อยๆ เปิดคันเร่งเพราะประแทกแรง หน้าหงายได้เลย ความเร็วสุดปลายที่ทำได้ 215 กม./ชม. (มันยังไปได้อีกถ้าแทร็คแห้ง) ถ้าติดตั้งควิกชิพเพิ่มคงจะสนุกขึ้น อีกอย่างก็คือ น่าจะมีระบบแทร็คชั่นคอนโทรมาให้อีกตัว รับรองว่าครบเซ็ท ขี่กันมัน
ช่วงล่าง โดยส่วนตัวชอบมากสำหรับรถในคลาสนี้ โช้คอัพหน้า Upside Down ปรับได้เต็มระบบ ไม่ได้มีแค่ความสวย เท่ แต่ยังทำได้ดีบนแทร็คเปียกๆ ด้วยค่าสแตนเดาร์ดเดิมๆ จากไลน์ผลิต เบรกหน้าดิสก์คู่ พร้อมคาลิเปอร์ 4 พอร์ท และใช้ตัวปั๊มบนของ Brembo อันนี้ก็มั่นใจได้ ขนาดแทร็คเปียกชุ่ม ยังกดล้อหลังลอย แต่ต้องจับแฮนด์ให้ดีๆ นะไม่งั้นก็อาจปลิ้นหน้าไถลได้ แต่นั่นก็ได้ตัวช่วยที่ดีด้วย ก็คือ ยางที่มีประสิทธธิภาพด้วยคอมบาวด์ที่แบ่งไว้ ช่วยให้การขับขี่นั่นง่ายขึ้น ขนาดแทร็คเปียกๆ ยังเอียงรถเข้าโค้งได้
กับราคาค่าตัว 339,000 ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ รูปทรงสปอร์ต ไม่เทอะทะ นั่งสบาย ออพชั่นพอตัว อัตราเร่งดี เหมาะสำหรับไรเดอร์ที่ใช้งานทั่วไปก็ได้ หรือมาขี่บนแทร็คก็ได้ เพราะช่วงล่างมันสามารถปรับได้
ติ๊งโน๊ต #100 TingNote Thitipong Warokorn โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตอกย้ำความแรงอย่างต่อเนื่อง บิดรถคู่ใจ Ninja ZX-10RR คว้าชัยชนะเลิศอันดับ 1 สองสนามซ้อน ?? ?? ในรุ่นท็อปสุด SB1 (1000cc) รายการ OR BRIC Superbike 2021 สนาม 2 ที่สนามช้างฯบุรีรัมย์ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ส่งผลทำให้มีคะแนนสะสมขึ้นนำแถวบนสุดของตาราง สร้างความยินดีให้กับทั้งผู้สนับสนุน สปอนเซอร์ ผู้ชมแฟนคาวาซากิ และทีมงานที่คอยส่งกำลังใจให้อย่างล้นหลาม..
“โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ เชือดคู่แข่งคัมแบ็กคว้าชัยชนะ ทวงหัวแถวในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2 ขณะคู่หูรุ่นใหญ่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 และ “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 ควงคู่ขึ้นโพเดี้ยมรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี หลังจบเรซสุดเข้มข้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เดินหน้าสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนาม 2 โดยมีลุ้นทั้งสองรุ่นไฮไลต์ของรายการอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี
โดย “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 อดีตแชมป์เอเชีย กลับมาทวงชัยชนะให้ตนเองได้อีกครั้ง หลังออกสตาร์ทจากโพลและไล่บดกับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี บิดรถแข่ง R6 เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 05.328 วินาที พร้อมกับทะยานขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพหลังผ่านสนาม 2 ส่วนทีมเมทอย่าง “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี #10 คว้าอันดับ 6 ตามหลัง 18.187 วินาที ส่วน “ฟอง” คณาฑัต ใจมั่น #90 จากสังกัด ยามาฮ่า ไฮ-สปีด เรซซิ่งทีม จบการแข่งขันในอันดับที่ 5
ขณะที่การแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี สองนักบิดยามาฮ่ายังคงสร้างโอกาสลุ้นชัยชนะได้อีกครั้ง โดย “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 2 ส่วน “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ได้ออกตัวจากกริดที่ 3 ซึ่งทั้งคู่สามารถขยับขึ้นครองความได้เปรียบบนหัวขบวนได้ในช่วงต้นเรซ จบการแข่งขัน 12 รอบสนาม อภิวัฒน์ จบเรซในอันดับ 2 ตามหลังผู้ชนะเพียง 2.339 วินาที ส่วน อนุภาพ เข้าป้ายอันดับ 3 ตามหลัง 2.549 วินาที
สำหรับการแข่งขันสนามถัดไปของศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เช่นเคย
“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ และทีมเมทอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ควงคู่คว้าอันดับ 2-3 เบิ้ลโพเดี้ยมในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ สนาม 2 ในรุ่ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี พร้อมพาต้นสังกัดผงาดจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภททีม หลังผ่าน 2 สนามแรก ที่สนามช้างฯ เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
All New Suzuki Gixxer SF ได้รับการดีไซน์ให้เป็นสปอร์ตไบค์ที่มีรูปโฉมที่เพรียวบาง โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบสไตล์ยุโรป การันตีด้วยการถ่ายทอด DNA จาก Super Bike ของ Suzuki โดยตรงที่จะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ความสปอร์ตเสมือนได้อยู่ในสนามแข่ง
ด้วยโครงสร้างที่ถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมแฟริ่งทรงสปอร์ตที่ถูกพัฒนา และออกแบบอย่างพิถีพิถันตามหลัก Aerodynamic โดยลมจะวิ่งผ่านเส้นสายของแฟริ่งของตัวรถ ช่วยลดแรงปะทะของลมในขณะขับขี่ ผสานกับน้ำหนักของตัวรถเพียง 160 กิโลกรัม และพละกำลังสูงสุดถึง 26.5 แรงม้า จึงไม่แปลกใจเลยที่ All New Suzuki Gixxer SF จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานจริงในเรื่องของการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ตามแบบฉบับ Japanese DNA จาก Suzuki
ปรับปรุงโมเดลในพิกัด 800 ซีซี กันไปจนครบ คราวนี้ก็เป็นทีของรถตัวพันกันบ้าง สำหรับ MV Agusta Brutale 1000RR 2021 ไฮเปอร์เน็กเก็ดจากเมือง Varese โดยการอัพเกรดชุดใหญ่คราวนี้ ยังคงมีเรื่องของกฎข้อบังคับมาตรฐานไอเสีย Euro5 ทำให้มีการปรับแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานในระบบด้วยการใช้วาล์วไทเทเนียม วาล์วไกด์ใหม่ และลูกกระทุ้งลิ้นเคลือบ DLC ทั้งยังออกแบบระบบไอเสียใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้ค่าไอเสียที่สะอาดมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญคือกำลังเครื่องยนต์ขุมพลัง 4 สูบเรียง 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 208 แรงม้า (153 กิโลวัตต์) ที่ 13,000 รอบ และแรงบิดที่ 116.5 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ มีควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง และระบบสลิปเปอร์คลัทช์ มีระบบควบคุมแรงบิด 4 ระดับ
ตัวรถโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมากมาย อาทิ หน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธ ไฟหน้าที่น่าสนใจเพราะมันได้ไอเดียมาจาก Porsche 911 ในขณะที่ขับรถแล้วมองผ่านกระจกหลัง ระบบป้องกันล้อลอย ระบบแทร็คชั่นคอนโทรล 8 ระดับ ระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้ และระบบประมวลผลแรงเฉื่อยที่ช่วยให้ระบบอื่นๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างเด่นที่ระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจาก Ohlins Nix EC ที่ด้านหน้า Ohlins TTX EC ที่ด้านหลัง พร้อมกันสะบัดปรับไฟฟ้า ระบบเบรกจาก Brembo โดยด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์เบรก Stylema 4 พอร์ทกับจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. แบบโฟลท์ติ้ง ขณะที่ด้านหลังเป็นคาลิเปอร์เบรก Brembo 2 พอร์ท พร้อมจานเบรกขนาด 260 มม. ใช้ยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa ขนาด 120/70-17 ที่ด้านหน้า และ 200/55-17 ที่ด้านหลัง
สำหรับ MV Agusta Brutale 1000RR จะมีสีสันใหม่ให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่สีแดงเพลิงตัดด้วยสีดำเมทัลลิกแบบด้าน และสีเทาเมทัลลิกแบบด้านตัดด้วยสีเทาเข้มเมทัลลิกแบบด้าน ส่วนสนนราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 32,300 ยูโร ลองเอา 40 ไปคูณดูแล้วกันว่าจะสักกี่ตังค์
การมาของ FORZA350 ไม่ได้ทำให้ FORZA 300 นั้นลดกระแสความนิยมลงแม้แต่นิดเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ ความโฉบเฉี่ยว หรูหราพรีเมี่ยม ไม่ใหญ่เกินไป และที่สำคัญขับขี่ได้สะดวกบูลสกาย คัลเลอร์ สีฟ้าสดใส บนเรือนร่างแบบเพียวๆ ไม่ต้องคาดลวดลายสีสันสติ๊กเกอร์ให้ดูเลอะเทอะ เน้นเรียบหรูดูสบายๆ มีการใช้ชิ้นงานที่เป็นเคฟล่าร์เข้ามาเสริมเพิ่มความคมเข้มที่ด้านหน้า ฝาปิดครอบถังน้ำมัน แต่ถ้ามองรวมๆ แล้ว ซึ่งดูแล้วไม่ได้มีของแต่งอะไรเยอะแยะมากมาย เน้นแบบเรียบๆ ง่ายๆ ใช้งานทั่วไป แต่มันก็สะดุดตาเหมือนกัน
ตัวเครื่องยนต์เป็นเวอร์ชั่นสองที่พัฒนาขึ้นมาจากตัวเก่ามีความทันสมัยมากขึ้น ขับขี่ตอบสนองความต้องการได้รวดเร็ว การเพิ่มท่อไอเสียใหม่เข้าไปทำให้การรีดแรงม้าออกได้ดี ถึงแม้มันไม่ได้ช่วยให้ความเร็วปลายเพิ่มขึ้น แต่มันทำให้การปล่อยพละกำลังได้เร็วขึ้น มีเสียงที่แผดดังขึ้น และก็มีความสวยสปอร์ตขึ้นด้วย วงล้อแม็กสีทองมาเชสซินี่ ขนาด 14 นิ้ว หน้า/หลัง ดิสก์เบรก หน้า/หลัง พร้อมระบบ ABS ปั๊มบนแท้งค์เหลี่ยมก้านเบรกเหรียญปรับระดับ ช่วงหลังเซ็ทความลงตัวด้วยโช้คอัพคู่ แบรนด์ดังยอดนิยมของนักแต่ง Gazi รุ่นเฉพาะได้แป๊ะแบบไม่ต้องไปแปลงจัดมาให้ตรงรุ่นมีซับแท้งค์แบบบิ้วท์อิน สามารถปรับพรีโหลด และรีบาวด์ได้ ทั้งสวยงามและมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
ดูรวมๆ แล้ว ยังขาดออพชั่นอีกหลายชิ้น หลายตำแหน่ง แต่เชื่อได้ว่า FORZA คันนี้ไม่ได้จบเพียงแค่นี้ต้องไปต่ออย่างแน่นอน ทั้งสวยทั้งแรงแบบนี้ใครก็อยากเป็นเจ้าของ ลองแล้วจะติดใจ