ไม่มีคำว่า “ง่าย” ในพจนานุกรมของกีฬาอาชีพ โดยเฉพาะเวทีสูงสุดของโลกอย่าง “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” การก้าวขึ้นสู่ระดับท็อปคลาสของศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก จึงเป็นเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ






ไม่มีคำว่า “ง่าย” ในพจนานุกรมของกีฬาอาชีพ โดยเฉพาะเวทีสูงสุดของโลกอย่าง “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” การก้าวขึ้นสู่ระดับท็อปคลาสของศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก จึงเป็นเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ






โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ดาวบิดเติร์กสังกัดพาต้า ยามาฮ่า โพรมิทิออน เวิลด์เอสบีเค ยังคงอยู่ในผลงานอันยอดเยี่ยม ควบ YZF-R1 ซิวทริปเปิลโพเดียม เป็นสนามที่ 4 ติดต่อกัน จากการชิงชัยในสนามล่าสุดที่ มิซาโน่ บวกแต้มรั้งรองจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ

ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2023 สนามที่ 5 ของฤดูกาล ดวลความเร็วระหว่างวันที่ 2-4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี่ ประเทศอิตาลี ในรายการพิเรลลี่ เอมิเลีย โรมันญ่า ราวนด์

โดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ดาวบิดเติร์ก ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่บดกับกลุ่มหัวขบวนอย่างเข้มข้น และสามารถก้าวขึ้นโพเดียมได้จากการชิงชัยทั้ง 3 เรซ ซึ่งเป็นการคว้าทริปเปิลโพเดียมได้เป็นสนามที่ 4 ติดต่อกัน จากการชิงชัยทั้งสิ้น 5 สนามในฤดูกาลนี้


ด้าน อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 เพื่อนร่วมสังกัด เดินหน้าบวกแต้มให้กับตนเอง หลังบิดจบการแข่งขันด้วยอันดับ 12 ในเรซแรก ก่อนจะขยับคว้าอันดับ 7 ในซูเปอร์โพลเรซ และส่งท้ายเกมที่ มิซาโน่ ด้วยอันดับ 6 ในเรซที่ 2












ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ยอดทีมแข่งไทยทีมแรกในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ผ่าน 5 สนามแรกใน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ หลังจบงานสุดหินที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี ประเทศอิตาลี เผยนักบิดไทยปรับตัวได้ดี มั่นใจขยับลุ้นท็อป 10-15 ตามเป้าหมายได้เร็วๆ นี้








คู่หูนักบิดดาวรุ่ง “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม” แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์ยุโรป รายการ Yamaha R3 bLU cRU European Cup 2023 หลังทะยานคว้าโพเดียมจากสนาม 3 และท็อปไฟว์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี่ ประเทศอิตาลี ตอกย้ำแนวทางพัฒนานักแข่งเยาวชนสู่เรซระดับโลกภายใต้โครงการ “ยามาฮ่า โร้ด ทู เดอะ เวิลด์ คลาส”


การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบดาวรุ่งชิงแชมป์ยุโรป รายการ Yamaha R3 bLU cRU European Cup 2023 สนาม 3 ดวลความเร็ว 2 เรซเมื่อวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่สังเวียนระดับโลกอย่าง มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี่ ประเทศอิตาลี

“ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 32 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ภายใต้โครงการ “ยามาฮ่า โร้ด ทู เดอะ เวิลด์ คลาส” ออกตัวจากกริดที่ 7 ในเรซแรก ก่อนทะยานขึ้นไปเข้าป้ายเป็นคันแรก ทว่าจากการหลุดแทร็กลิมิตในรอบสุดท้าย ส่งผลให้โดนปรับมาเป็นอันดับ 2 ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะอย่าง เอมิเลียโน เออร์โคลานี ดาวรุ่งชาวอิตาเลียนเพียง 0.006 วินาที ส่วนทีมเมทอย่าง “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา หมายเลข 57 ซิวอันดับ 13 ตามหลัง 25.081 วินาที

ส่วนเกมในเรซ 2 “ไอเดีย” กฤตภัทร ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างมาก โดยสามารถไต่ขึ้นไปไล่บดกับกลุ่มนำได้อย่างสุดมัน ก่อนบิดคว้าอันดับ 5 ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะชาวอินโดนีเซียอย่าง อัลดี้ มาเฮนดร้า เพียง 0.688 วินาทีเท่านั้น ขณะที่ “เอิร์ธ” ธุรกิจ ไต่ขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าได้ ก่อนบิดคว้าอันดับ 11 ตามหลัง 1.966 วินาทีเท่านั้น


นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้อำนวยการทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เปิดเผยว่า “นี่คือปีที่ 2 ของเราในการส่งนักบิดเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Yamaha R3 bLU cRU European Cup ภายใต้โครงการ ‘ยามาฮ่า โร้ด ทู เดอะ เวิลด์ คลาส’ ซึ่งถือว่านักบิดอย่าง ไอเดีย-กฤตภัทร ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาแสดงให้เห็นในสนามว่าไต่ขึ้นไปสู้กับดาวรุ่งแถวหน้าจากทั่วโลกได้ นั่นคือสิ่งที่เราพอใจมากกับพัฒนาการดังกล่าว ขณะที่ “เอิร์ธ” ธุรกิจ แข่งขันเป็นปีแรก แต่ก็ปรับตัวได้เร็วมาก ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนานักบิดดาวรุ่งของ ยามาฮ่า ในอนาคต”


“รูเบน เฟอร์นานเดซ” พร้อมยอดตัวแข่ง Honda CRF450R หมายเลข 70 Team HRC โชว์พัฒนาการและความมุ่งมั่นอย่างมากในรายการแข่งขันสุดมันส์ MXGP 2023 สนามที่ 8 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ลัตเวีย โดยสามารถคว้าโฮลช็อตพร้อมไล่ล่าคู่แข่งขึ้นคว้าโพเดียมอันดับ 3 ได้สำเร็จ

โดยการแข่งขันเรซที่ 1 “รูเบน เฟอร์นานเดซ” บิด Honda CRF450R ได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าท็อป 3 ตั้งแต่ช่วงซ้อม และสามารถทะยานเป็นผู้นำได้ทันทีเมื่อเริ่มต้นการแข่งขันพร้อมคว้าโฮลช็อตมาครอง ซึ่งในระหว่างเกมนั้นมีจังหวะที่ทำให้ต้องสูญเสียตำแหน่งไป แต่ยังคงสามารถไล่แซงผ่านคู่ต่อสู้ขึ้นมาคว้าอันดับที่ 3 มาครอง

ส่วนการแข่งขันเรซที่ 2 เป็นเรซแห่งความท้าทายอย่างมาก เมื่อ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” เริ่มต้นการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนำได้ทันทีเช่นเคย แต่ในระหว่างเกมมีสายฝนตกลงมาเป็นเหตุให้รถหลายคันเกิดอุบัติเหตุ และเป็นหนึ่งในนั้นทำให้ต้องนำรถเข้าพิทและเสียเวลาไปพอสมควร ก่อนที่จะกลับเข้ามาสู่การต่อสู้ในสนามพร้อมจบอันดับ 18 เก็บคะแนนสะสมมาได้สำเร็จ

จบการแข่งขันสนามนี้ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” ยอดนักบิดชาวสแปนิชแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและความแข็งแกร่งที่ยกระดับได้อย่างต่อเนื่อง รั้งอันดับที่ 4 มีคะแนนสะสม 294 คะแนน ในตารางคะแนนสะสมชิงแชมป์ประจำปี ทั้งนี้ศึก MXGP 2023 จะดวลกันต่อในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ กับโปรแกรมสนามที่ 9 ที่ประเทศเยอรมนี
หากติดตามไรดิ้งคงจะเคยผ่านตากับรถแต่งจากค่ายเยอรมัน ที่ทางค่ายรถเป็นผู้จัดขึ้นเอง โดยเราได้นำรถแต่งจากพื้นฐานของ BMW R18 ที่เป็นรถในสไตล์ครัยเซอร์ มาให้สำนักแต่งทั่วยุโรปประกวดประชันกัน ซึ่งก็ลุลวงไปด้วยดีในปี2021ที่ผ่านมา

ล่าสุดกับการสานต่อครั้งที่สองของโปรเจ็คประกวดรถแต่ง 2nd Edition of BMW Motorrad Customising Contest ซึ่งครั้งนี้จะมีทั้ง R18 และ R nineT ที่จะมอบให้พาร์ทเนอร์หรือพันธมิตรต่างๆนำไปออกแบบตกตแงกัน ภายในระยะเวลาสามเดือน ที่ผลงานแต่ละคันจะต้องทำจนแล้วเสร็จก่อนที่จะนำมาตัดสินหา “ที่สุด” ของ German Custombike ประจำปีนี้ ในเบื้องต้นสรุปสำนักแต่ง และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับเลือกเข้ามาร่วมโปรเจ็คก็ได้แก่ ahg Autohandelsgesellschaft mbH Eningen ; Auer Gruppe GmbH, Auer ; Biker Village Stockach-Zizenhausen Becker & Tiemann Motorrad Lage ; Cloppenburg GmbH Erfurt ; Klaus Mayer GmbH & Co. KG Mannheim ; Motorbike Bögel GmbH Ibbenbüren ; Motorbike Guhs e.K. Schwarzenbach an der Saale ; Motorradzentrum Helmig & Sohn ; Wietmarschen Motorrad Huber GmbH Unterreit ; Procar Automobile GmbH & Co. KG Cologne ; Motorrad Witzel Sennfeld ; Zweiradwerke Vertriebs GmbH Rosenheim ทำให้ได้รถแต่งมาทั้งสิ้น 13 คัน แบ่งเป็น R nineT จำนวน5 คัน และ R18 จำนวน 13 คัน

ผลงานคันแรก ahg Eningen R18 Edition #01 นำ R18 มาตกแต่งในสไตล์ Bobber ด้วยภาพลักษณ์ที่เปี่ยมพลัง ด้วยชุดแต่งจาก Walzwerk รวมทั้ง Wunderlich พร้อมด้วยท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่จาก Jekill&Hyde ที่ลงตัวกับรถในแบบBobber คันนี้ พร้อมกับเปลี่ยนใช้ยาง Metzeler ME 888 Marathon Ultra White Wall ที่ช่วยให้รถมีความดึงดูดสายตามมากยิ่งขึ้น
ผลงานคันที่สอง เป็น Cloppenburg GmbH R18 Tansanit Titan ที่มาพร้อมกับนิยามจากข้อความที่ว่า Go with the flow ที่ผสมความหลากหลายของการออกแบบ ไม่ว่าจะความคลาสสิค ความเรียบง่าย ความเลิศหรู ล้วนถูกนำมาสร้างสรรค์กับรถคันนี้ พูดง่ายๆ R18 คันนี้ ออกแบบมาให้เรียบหรูแต่ดูดีอะไรประมาณนั้น Chrome-plated BMW forged wheels ทีออกแบบมานั้น กำหนดขนาดล้าหน้าไว้ที่ 21นิ้ว และล้อหลังที่ 18นิ้ว ขณะที่ยังคงบังโคลนหลังเดิม แต่เปลี่ยนบังโคลนหน้าเป็นของ Walzwerk แม้จะคงในส่วนของเม้าท์ยึด และชุดแผงคอเดิม แต่ก็เปลี่ยนองศาตำแหน่งของแฮนเดิลบาร์ใหม่ด้วยชุดตัวจับแฮนด์จาก Rizoma ที่จะช่วยให้ท่าทางการขับขี่มีความผ่อนคลายมากกว่าเดิม

ผลงานคันที่สามเป็น Klaus Mayer GmbH&Co. KG R18 Daytona สำหรับการออกแบบR18 คันนี้ น่าจะเน้นไปที่เรื่องของชุดสี โดยมีการจัดการในเรื่องของชิ้นงาน paintwork ในส่วนของ ถังน้ำมัน บังโคลนหน้าและหลัง พื้นฐานของโทนสีก็คือ สีที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก BMW R90S กับสีที่เรียกว่า Daytona Orange ขณะเดียวกันก็เสริมด้วยชุดแต่งจาก Rizoma และ Wunderlichผลงานคันที่สี่ Motorrad Bogel GmbH Iron R18 ชัดเจนว่าทีมผู้ตกแต่งรถคันนี้ ชืนชอบวงดนตรี Iron Maiden ที่เป็น British metal จากเกาะอังกฤษ ดังนั้นด้านข้างของถังจึงระบุตัวอักษรชัดเจนว่า Iron R18 ขณะเดียวกันก็มีการสร้างชิ้นส่วนบางอย่างขึ้นมาใหม่กันเอง อย่างเบาะนั่งสไตล์bobber หรือแม้แต่แฮนเดิลบาร์ รวมทั้ง ท่อไอเสีย


ผลงานคันที่ห้า Motorbike Guhs e.K.R.18 Steelbody เป้นชื่อเรียบง่าย steelbody ที่ระบุถึงตัวตนของการออกแบบในแนว olsschool สำหรับ R18 คันนี้ ที่จะออกไปในรูปแบบของรถจักรยานยนตืที่มีกลิ่นอายในช่วงก่อนสงครามที่โครงสร้างของรถในยุคนนั้นจะใช้วัสดุประเภทเหล็กเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ชิ้นส่วนอย่างถังน้ำมัน หรือชุดบังโคลนจะเป็นเหล็กขัดเงา ขณะที่วงล้อของรถคันนี้ปรับมาเป้นขนาด16นิ้ว ผลงานคันที่หก Motorradzentrum Helmig&Sohn R18 fifty-seven จะเป้นรถที่ให้ความเป้นสปอร์ตมากจากเดิม ด้วยการออกแบบไปในแนว modern chopper ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ Boxer ขณะเดียวกันก็ใช้โทนสีสไตล์ดั้งเดิมจากยุค 1970 ที่เรียกว่า Nurburg Green ขณะที่ชุดแต่งก้มีเสริมชิ้นส่วนบางอย่างจาก Walzwork พร้อมทั้งเลือกท่อไอเสียที่ให้ความเป็นสปอร์ตจาก Hattech เข้ามาช่วยเสริม ผลงานคันที่เจ็ด Motorrad Huber GmbH R18 Huabas First Edition สำหรับผลงานชิ้นนี้มาพร้อมกับนิยามในการสร้างที่ว่า Just do it completely differently แปลง่ายๆตรงๆก็คือ เพียงแค่ทำให้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง หรือทำให้แตกต่างอย่างสมบูรณ์แบบ ก็คงจะไม่ได้แต่งแบบหลุดโลกอย่างสิ้นเชิง เพราะเงื่อนไขของโปรเจ็คนี้ก็คือ ต้องคงพื้นฐานบางอย่างของ R18ไว้นั่นเอง ดังนั้นผลงานชิ้นนี้อาจจะเปรับแต่ให้ได้ความรู้สึกที่ต่างไปจากรถสแตนดาร์ตเดิมๆนั่นเอง ดังนั้นในส่วนของวงล้อเลือกเป็นวงล้อซี่ลวดที่มาพร้อมขอบสีดำ ในส่วนท้ายของรถในที่นี้ก็คือตั้งแต่ชุดเบาะนั่งเดี่ยว และบังโคลนท้ายนั้น ได้จัดทำเป็นเซทขึ้นมาโดย Jacky ‘s Garage เพื่อให้มีความเพรียวบางกว่าเดิม เช่นเดียวกับแฮนด์ที่สั้งทำ Z Handlebar จาก Fehling ที่ช่วยให้ตำแหน่งท่าทางการขับขี่อยู่ในลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิม พร้อมกับเปลี่ยนชุดสัญญาณไฟทั้งหมดเป็นไปสัญญาณจาก Kellermann

ผลงานชิ้นที่แปด Procar Automobile GmbH&Co.KG R18 Bloody Sunrise แม้จะกำหนดทิศทางการตกแต่งไว้ว่า bad bikes แต่ชื่อที่ตั้งให้กับชิ้นงานกลับมีคำว่า sunrise ที่สื่อถึงแสงสว่างสุกสกาว โดยชิ้นงานของรถส่วนใหญ่จะเป็นการชุดโครม และปัดเงาพื้นผิววัสดุ ร่วมกับงานเพ้นท์คุณภาพสูง ผลงานชิ้นที่เก้า Auer Gruppe GmbH R nine T Beemer สำหรับคันนี้เป็นการผสมผสานโทนสีงานสีจากพื้นฐานของรถแข่งในปี 1960 และ 1970 ของ racing Gulf ที่สะดุดตาด้วยเฉดสีส้มกับน้ำเงินที่ตัดกับสีขาว ที่ใช้การออกแบบเรียบง่ายด้วยการเล่นกับชุดสีที่โดดเด่นสะดุดตาดังกล่าวแล้ว ก้ยังมีการเสริมแต่งด้วยอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพสูง อย่างแบรนด์ Konigherz โดยจะยังคงวงล้อซี่ลวดแบบเดิมตามมาตรฐานที่ติดมาจากโรงงาน ขณะที่ชุดระบบท่อไอเสียนั้น เป็นชุดที่สั่งทำพิเศษจาก Hattech ซึ่งก็จับคู่กับชุดกรองอากาศของ K&N แม้แต่ในรายละเอียดของชิ้นส่วนเล็กๆของรถก็เน้นไปที่ชิ้นส่วนคุณภาพสูง อาทิ ชุดไฟสัญญาณที่มีขนาดเล็กลงจากเดิม ชิ้นส่วนสำหรับยึดเพลทหรือแผ่นป้าย แม้แต่แอนเดิลบาร์ หรือ กระจก ต่างก็ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำ อย่างแบรนด์ AC Schnitzer โดยใช้เวลาตกแต่งเพียง 20 โมง โดยไม่รวมกับระยะเวลาทำชุดสี ซึ่งการทำงานในการปรับแต่งรถคันนี้ก็เพื่อจำลองให้เห้นถึงความสะดวก หลากหลาย และรวดเร็ว สำหรับลูกค้า ที่จะสรรสร้างแนวทางตกแต่งรถได้ตามสไตล์ของตัวเอง กล่าวคือไม่เกินสองวันหลังจากออกรถคุณก็สามารถแต่งรถรุ่นนี้ได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นเอง

ถัดมาเป็นผลงานชิ้นที่สิบ คือ Becker-Tiemann Motorrad Lage R nine T X สำหรับเจ้าชิ้นงานที่เรียกว่า X คันนี้ เดิมทีแผนดั้งเดิมก็คือ ทีมผู้สร้างต้องการที่จะปรับแต่งเจ้า R Nine T ให้กลายเป็นรถแข่งเอ็นดูโร่ โดยการทำงานนั้น มุ่งเน้นไปที่เรื่องของระบบกันสะเทือนให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานในระดับแข่งขัน จนมีความเป้นรถแข่งเอ็นดูโร่ เผอิญว่าได้มีการเปิดโปรเจ็ครถแต่งของ BMW Motorrad นี้ขึ้นมา ดังนั้น ทาง Becker-Tiemann Motorrad จึงนำรถแข่งเอ็นดูโร่ที่จะทำนั้น มาปรับให้มีความเหมาะสมกับภารกิจใหม่ ก็คือ การแต่งรถสวย หรือ งานคัสตอมนี้ ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรอื่นให้ซับซ้อน พวกเขาจึง มุ่งเน้นเพิ่มเติมไปที่เรื่องของ ชุดสีของชิ้นงานนี้เป็นอันดับแรก ส่วนการปรับให้ R nine T มาเป็นรถแข่งเอ็นดูโร่ตามแผนเดิมนั้น พวกเขาได้จัดการเพิ่มความยาวของฟอร์ค ด้วยการนำกันสะเทือนหน้ามาจาก F850GS พร้อมกับมีการแปลงเสริมในส่วนของชุดแผงคอขึ้นมาใหม่ รวมทั้งมีการจัดสร้างชุดอะแดปเตอร์สำหรับยึดคาลิเปอร์เบรกขึ้นมาใหม่ ส่วนวงล้อนั้นยังคงเลือกใช้วงล้อเดิม แต่เปลี่ยนไปใช้ยาง Pirelli scorpion STR นอกจากนี้ยังคงเสริมอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนต่างๆเพิ่มเติมอีกด้วย

ต่อมาเป็นชิ้นงานที่สิบเอ็ด Cloppenburg GmbH R nine T Mighty NineR แนวความคิดก็คือ จะทำให้ R nine T Scrambler ที่มีวงล้อหน้า 19 นิ้ว และวงล้อหลัง 17 นิ้ว ให้ออกมาเป้นรถที่สามารถขี่ได้โดยคนทุกเพศทุกวัย โดยพวกเขาได้วางเป้าหมายในการที่จะปรับทิศทางของชิ้นงานนี้ให้ออกไปเป็นรถถนนหรือรถใช้งานทั่วไปในยุคคลาสสิคของBMW Motorrad โดยในการสร้างสรรคืชิ้นงานนี้ ใช้เวลาประมาณ 20 ช.ม. ซึ่งก็มาแนวเดียวกับ คันก่อนหน้านี้อย่าง R nine T X ที่ใช้เวลาไม่ถึง 24ช.ม. เพียงแต่เจ้า Mighty R nine T คันนี้ ถูกวางเป้าหมายในการปรับแต่งออกมาเป็นรถในแนว roadster ที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ขี่ได้ทุกคนตามที่กล่าวไปแล้ว และอย่างที่บอกว่า จากพื้นฐานเดิมของ R nine T Scrambler พวกเขาได้นำมาปรับเปลี่ยนสปริงฟอร์คใหม่ เป็นของ Wilbers fork springs ขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังนั้น เปลี่ยนมาใช้ของ Wilbers รุ่น 640 Road suspension ที่ต่ำกว่าของเดิม 25ม.ม. พร้อมกับจัดแต่งเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนสไตล์มาเป็นรถในแบบRoadster ตามแผนที่ได้ออกแบบเอาไว้
ต่อด้วยชิ้นงานลำดับที่สิบสอง คือ Motorbike Witzel R nine T Green Mile ไม่ต้องเดาเลยว่าแนวคิดในการออกแบบชิ้นงานนี้ มาจากภาพยนตร์เรื่อง The Green Mile ที่แสดงนำโดย Tom Hanks ดังนั้นชุดสีของรถคันนี้จึงใช้โทนสีที่เรียกว่า British Racing Green ซึ่งแนวทางในการออกแบบของชิ้นงานนี้เป้นไปตามสไตล์เรียกว่า Dirt Bobber ซึ่งพวกเขาได้เลือกที่จะใช้ชิ้นส่วนตกแต่งจากโรงงานBMW จากชุดแพ็คเกจอย่างเป็นทางการ BMW Motorrad Option 719 ซึ่งเป็นชิ้นส่วนจากแพ็คเกจ 1 และ 2 เป้นหลัก แต่ก็มีเสริมชิ้นส่วนจากพาร์ทเนอร์ภายนอกอย่าง ชุดเบาะจาก Baehr ชุดบังโคลนและชุดไฟสัญญาณจากRF Biketech ขณะที่ในส่วนของท่อไอเสียนั้น เพื่อให้ได้เสียงที่โดดเด่น ลงตัวกับเครื่องยนต์แบบboxer พวกเขาเลือกที่จะใช้ SP Cobra exhaust system
และปิดท้ายชิ้นงานสุดท้ายที่เอามาบอกเล่าสู่กันฟัง สำหรับชิ้นงานรถแต่งที่จะนำมาโหวตหายอดรถแต่งของปี 2022 จากค่ายรถเยอรมัน ซึ่งชิ้นงานอันดับสิบสามนั่นก็ คือ Zweiradwerke Vertriebs GmbH R nine T Boxermeister ด้วยนิยามในการออกแบบชิ้นงานที่ตั้งโจทย์ไว้คือ classic meets modern โดยอาศัยแรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ที่เป้นรถแข่งในยุค 1970 และ 1980 อย่างรถ BMW M1 Procar Jagermeister ที่ใช้แข่งในรายการชิงแชมป์เยอรมัน ซึ่งจุดเด่นที่นำมาใช้กับชิ้นงานนี้ก็คือ วงล้อสีทองจาก AC Schnitzer ที่ใช้กับยางสัญชาติเยอรมันอย่าง Metzeler Racerec RR 190/55 ZR17 และ 120/70 ZR17 นอกจากท่อไอเสียที่เลือกเป็นของ Jekill and Hyde แล้ว พาร์ทคิทหรือชิ้นส่วนตกแต่งอื่นๆ ก็ถูกเลือกสรรมาจากแคตตาล็อกอย่างเป้นทางการจากโรงงานอย่าง BMW Motorrad Option 719 โดยชิ้นงานทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้จะถูกนำเสนอบนเว็บไซด์ของ BMW Motorrad เพื่อจะเปิดให้โหวตเพื่อหาผู้ชนะโปรเจ็ค customizing contest นี้
ทัพนักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ พร้อมลงไล่ล่าแชมป์ศึก “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023” สนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้าน “โค้ชฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฯ เผยทีมพร้อมสุดๆ เน้นเก็บรายละเอียดในการฝึกซ้อมเพื่อให้สภาพรถสมบูรณ์สุดในรอบชิงฯ มั่นใจนักบิดจากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ จะกวาดแชมป์มาครองได้ทุกรุ่นที่ลงทำการแข่งขัน

ความเคลื่อนไหวของทัพนักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่เตรียมลงทำศึกการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023” สนามที่ 2 ของฤดูกาล เตรียมระเบิดขึ้น ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

สำหรับผลงานสนามแรกทัพนักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าแชมป์และกวาดโพเดียมได้ทุกคนที่ลงสนาม ในรุ่นใหญ่ ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี เอสบี1โปร กับรถแข่ง CBR1000RR-R “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรี เจ้าของรถหมายเลข 41 คว้าแชมป์มาครอง ส่วนทีมเมทอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ เจ้าของรถหมายเลข 95 คว้าอันดับที่ 2 ขณะที่ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1โปร กับรถแข่ง CBR600RR “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช เจ้าของรถหมายเลข 44 และ “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ เจ้าของหมายเลข 15 เข้าป้ายอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ล่าสุดทางทีมนักบิด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้เดินทางถึงบุรีรัมย์เพื่อเตรียมความพร้อมไล่ล่าแชมป์สนามที่ 2 แล้ว

“โค้ชฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมแข่ง ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กล่าวถึงความพร้อมของลูกทีมว่า “ตอนนี้สภาพทั้งทีมค่อนข้างพร้อมเลยทีเดียว ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนแต่อย่างใด แถมนักแข่งทุกคนกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจอย่างสุดๆ โดยเฉพาะ “ชิพ” นครินทร์ ที่ทำผลงานได้ดีทั้งในศึกโออาร์ฯ และ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง หลังจากนี้ในการซ้อมเราจะเน้นเรื่องรายละเอียดต่างๆ ว่านักแข่งคนไหนมีดร็อปและทำความเร็วช้าลงตรงโค้งไหน จุดไหนบ้าง ก็จะได้รีบเร่งแก้ไขให้ทันในการแข่งขันรอบควอลิฟายและในรอบชิงชนะเลิศ เป้าหมายของทีม คือ การคว้าแชมป์มาครองให้ได้ทั้งสองรุ่นและคว้าโพเดียมให้ได้ทุกคน ผมมั่นใจว่าน้องๆ จะทำได้อย่างแน่นอน” โค้ชฟิล์มกล่าวปิดท้าย

สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH
ยามาฮ่าจัดทริปสุดแม็กซ์ รวมพลพรรคชาว XMAX ร่วมทริปกับ น้าแมน ไทยเรซซิ่ง แบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยคัดจากผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรม กด Like & Share โพสต์กิจกรรมจากเพจ Yamaha Society Thailand พร้อมส่งภาพคู่ใจกับรถ YAMAHA XMAX และบรรยายประสบการณ์สุดแม็กซ์ จำนวน 15 คัน ออกเดินทางจากสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) ถ.เทพรัตน สู่จังหวัดระยอง แวะเข้ามอบเงินทุน พร้อมสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นแก่ศูนย์พักพิงผู้พิการสิรารมย์ พร้อมเดินทางต่อไปร่วมกิจกรรมแบบจัดเต็มสุดแม็กซ์ที่บรู๊คไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท พร้อมปาร์ตี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับอินฟลูชื่อดัง น้าแมน ไทยเรซซิ่ง พร้อมร่วมรับของรางวัลอย่างมากมาย และค้นหาผู้โชคดีไปร่วมสัมผัสประสบการณ์การดริฟต์แบบเร้าใจอีกครั้งกับน้าแมน ไทยเรซซิ่ง ที่ปทุมธานี สปีดเวย์






มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร มร.ทากาอากิ ฮิรามะ ที่ปรึกษาด้านบริหารการค้า นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกีฬายานยนต์ พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ นายบุรินทร์ ฉันท์รักการค้า ประธานกรรมการ บริษัท มิตรยนต์ พัทยา จำกัด นายสันต์ วิทยากรฤกษ์ ประธานกรรมการ บริษัท โมโตวิลล์ จำกัดและพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุน ในพิธีเปิดการแข่งขัน YAMAHA CHAMPIONSHIP 2023 Season 6 สนามที่ 1 ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) โดยในปีนี้ ยามาฮ่าเปิด 8 รุ่น การแข่งขันเอาใจลูกค้ายามาฮ่าที่ชื่นชอบและหลงใหลในเกมการแข่งขัน ได้แก่ รุ่น YAMAHA XMAX, รุ่น YAMAHA MT (680 cc up), รุ่น YAMAHA AEROX, รุ่น YAMAHA YZF-R7, รุ่น YAMAHA YZF-R15, รุ่น YAMAHA TMAX Class A,B, รุ่น YAMAHA YZF-R3 และปิดท้ายด้วยรุ่นใหญ่สุดมันในรุ่น YAMAHA YZF-R1







“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักแข่งผู้บันทึกประวัติศาสตร์ว่าเป็นนักแข่งไทยที่ดีที่สุดในเวิลด์จีพี เจ้าของหมายเลข 35 จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ยังคงสร้างผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นฤดูกาล ด้วยการเก็บคะแนนได้ทุกสนาม หลังผ่านการแข่งขันมาแล้ว 5 สนาม โดยเมื่อคืนวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา “ก้อง สมเกียรติ” ได้เดินทางมุ่งหน้าสู่ ประเทศอิตาลี เพื่อเตรียมทำการแข่งขันในรายการ “อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์” ซึ่งเป็นสนามที่ 6 ของการแข่งขัน โดยเจ้าตัวตั้งเป้าสร้างผลงานเก็บคะแนนสะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยับอันดับสู่ท็อป 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ พร้อมทำเต็มที่ทุกสนามที่เหลือของฤดูกาล เพื่อขอบคุณทุกกำลังใจจากแฟนชาวไทยที่ช่วยส่งแรงเชียร์และคอยสนับสนุนมาโดยตลอด


“ก้อง สมเกียรติ” เผยว่า “ฤดูกาลนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากนักแข่งหลายๆ คน ได้มีการปรับเซ็ตติ้งรถและการขับขี่ที่ลงตัวมากขึ้น รวมทั้งนักแข่งในรายการล้วนเป็นนักแข่งที่มีฝีมือจากทั่วโลก ทำให้ผมต้องทำการบ้านพร้อมแข่งกับตัวเองเพื่อยกระดับให้สูงขึ้น และที่สนามต่อไปที่อิตาลี ผมก็จะทำให้เต็มที่ รวมถึงสนามต่อๆ ไปของทั้งฤดูกาล ผมจะทำอย่างเต็มที่ในทุกสนาม จะเก็บคะแนนสะสมให้ได้มากที่สุดและขยับอันดับคะแนนสะสมให้สูงขึ้น เดินหน้าสู่เป้าหมายในฤดูกาลนี้ด้วยการจบในท็อป 5 บนตารางคะแนนให้สำเร็จ เพื่อขอบคุณทุกกำลังใจและแรงเชียร์จากแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนผมมาตลอดครับ”




ศึก YAMAHA R3 bLU cRU THAILAND CUP 2023 เปิดฉากดวลความเร็วอย่างเป็นทางการ ภายใต้การผลักดันของ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เพื่อค้นหาดาวบิดดวงใหม่ประดับวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวของ 12 ดาวรุ่งอายุระหว่าง 12 – 16 ปี ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ





