


ผลการซ้อมวันแรกของรุ่น โมโตทู ปรากฏว่า “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ต้องเจอปัญหาการยึดเกาะที่ล้อหลัง ก่อนจะรั้งอันดับ 12 หลังผ่านการซ้อม 2 ครั้ง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 45.472 วินาที ตามหลังจ่าฝูงชาวญี่ปุ่นทีมเมทอย่าง ไอ โอกูระ หมายเลข 79 เพียง 0.668 วินาที โดยนับเป็นการออกสตาร์ตการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทีมที่ บาร์เซโลน่า
ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหมายเลข 33 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ลงบิดไวลด์การ์ดในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นสนามที่ 3 ในปีนี้ ผ่านการซ้อม 2 ครั้งแรก รั้งอันดับ 28 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 50.389 วินาที ทำเวลาได้ดีขึ้นจากการซ้อมครั้งแรก
ทั้งนี้ ศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ จะควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน เริ่มต้นในรุ่น โมโตทรี 16.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วยรุ่น โมโตจีพี 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ True Visions SPOTV
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream
เป็นระยะเวลาสองปีนับจากส่ง CE04 นำร่องออกมา เปิดช่องทางสู่ตลาดและผู้ใช้ยานยนต์พลังไฟฟ้าจาก BMW Motorrad กับวิวัฒนาการล่าสุดเวยยานยนต์ที่พวกเขาบอกว่ามันเป็นมากกว่าeScooter และ eMotorcycle ด้วยรหัสชื่อรุ่นว่า CE02 ที่ทางBMW Motorrad บอกว่ามันคือยานยนต์ไฟฟ้าแนวใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ และนวัตกรรม eParkourerที่เป็นการรวบรวมจุดเด่นข้อดีสำหรับยานยนต์ไหฟ้าสมัยใหม่มีส่วนสนับสนุนให้มีความคล่องตัวและให้ความสนุกในการขี่ที่ยอดเยี่ยมในสภาพแวดล้อมในเมืองและชานเมือง โดย BMW CE 02 ใหม่นี้แสดงจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ดึงดูดใจคนหนุ่มสาวโดยเฉพาถซึ่งคำจำกัดความของมันจะไม่ใช่เพียงแค่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มันคือสิ่งที่พวกเขาบอกว่ามันคือ eParkourerที่สร้างขึ้นสำหรับเมืองและสภาพแวดล้อมในเมือง ว่องไวใช้งานได้จริง
แข็งแกร่งและลดความซับซ้อนของการออกแบบใช้ล้อขนาดใหญ่ที่ตอบสนองความต้องการด้านความทนทานและในขณะเดียวกันก็สามารถรับรองประสิทธิภาพว่าขี่สนุกได้ในหลายสภาพเส้นทางด้วยสีดำเป็นสีพื้นฐานสำหรับเฟรม ล้อ บังโคลนหน้า และแฟริ่ง ขณะที่สีเทาเมทัลลิคแบบด้านสำหรับฝาครอบเครื่องยนต์ให้ความแตกต่างที่ดูโดดเด่นระหว่างโทนสีด้านกัวโทนสีที่เป็นเงาสูงพื้นผิวด้านและเงาสูงช่วยให้ CE 02 ใหม่นี้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น สะดุดตาและมีสีสันด้วยชิ้นส่วนฟอร์คหน้าที่ชุบอโนไดซ์สีทอง จากเฉดสีที่ตัดกันทำให้ CE 02 ดูมีพลังและทันสมัย
ผู้ขับขี่อายุ 16 ปีขึ้นไปจะสามารถขี่ CE 02 ใหม่ได้ ด้วยสเปคที่มีกำลังสูงสุดกำลังขับ 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) ในขณะเดียวกันก็จะมีสเปคของเวอร์ชั่นที่จำกัดกำลังไว้ที่ 4 กิโลวัตต์ (5 แรงม้า) (กำลังไฟ 3.2 กิโลวัตต์ (4hp)) ที่ออกแบบให้เป็นรุ่นที่จำกัดความเร็วไว้ในระดับ45 กม./ชม. ที่เหมาะกับผู้ขี่ระดับเริ่มต้น ซึ่งCE 02 ใหม่ยังเป็นไปตามข้อกำหนดของประเภทใบขับขี่มือใหม่ ตัวอย่างเช่นในเยอรมนีที่กำหนดให้ผู้ขับขี่ตั้งแต่อายุ 15 ปีและโดยผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่รถยนต์ อย่างไรก็ตามสเปคที่ทรงพลังหรือมีสมรรถนะสูงสุดของCE 02 ใหม่อยู่ในรุ่น 11 กิโลวัตต์ เพื่อเร่งความเร็วอย่างรวดเร็วเมื่อถึงสัญญาณไฟจราจรและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่รวดเร็วว่องไว ด้วยความเร็วสูงสุด 95 กม./ชม. พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่รวดเร็วบนทางด่วนและให้ระยะทางมากกว่า 90 กม.
ในเรื่องของการขับขี่CE 02ใหม่นี้จะมาพร้อมกับโหมดการขี่ “Flow” และ “Surf”ที่ติดตั้งมาเป็นระบบขับขี่มาตรฐาน โดย “Flow ” นำเสนอการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรในเมือง ในขณะที่ “Surf” มอบประสบการณ์การขับขี่แบบดุดันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีอ๊อพชั่นเพิ่มขึ้นเป็นโหมดการขับขี่ “Flash”ที่ว่ากันว่าจะให้ความเป็นสปอร์ตและสัมผัสถึงสมรรถนะที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นอ๊อพชั่นที่มีจำหน่ายในรูปแบบสปอร์ตและไดนามิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HIGHLINEที่จัดเป็นอุปกรณ์เสริมและเป็นอุปกรณ์เสริมของแท้จาก BMW Motorrad นั่นเองจากนั้นก็มาส่วนของการชาร์จไฟ โดยมีที่ชาร์จภายนอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและที่ชาร์จด่วนเป็นอุปกรณ์เสริม โดยเจ้าCE 02 ใหม่มาพร้อมกับที่ชาร์จภายนอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยกำลังการชาร์จ 0.9 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จได้ดำเนินการให้รวดเร็วและสะดวกได้มาตรฐานกับซ็อกเก็ตที่ใช้ในครัวเรือน แต่ถ้าคิดว่ายังชาร์จไม่ทันใจ จะสามารถเพิ่มความเร็วในการชาร์จยิ่งขึ้นด้วยเครื่องชาร์จแบบเร็วรุ่น 1.5กิโลวัตต์ซึ่งมีอยู่ในตัวเลือก HIGHLINEด้วยเช่นกัน
สำหรับโครงสร้างแชสซีส์ของตัวรถ มาครบคงความหนึบด้วย Chassis with double-loop tube frame พร้อมกันสะเทือนหน้าtelescopic forks และกันสะเทือนหลัง single sided swingarm ซึ่งโครงสร้างเฟรมดังกล่าวของ BMW CE 02ทำมาจาก tubular steel ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงบิดและเวยการออกแบบเฟรมเป็น double-loop frame นี้จึงจับคู่กับHydraulically damped telescopic forks ที่รับหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบในส่วนของกันสะเทือนด้านหน้า โดยที่ด้านหลังนั้นทาง BMW Motorrad ได้ออกแบบให้เป็น single-sided swingarm and a directly pivoted shock absorberที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้ถึงความหนึบและประสิทธิภาพของช่วงล่างที่มีมานี้ ก็มาถึงส่วนขององค์ประกอบจำเป็นต้องมีสำหรับรถสมัยใหม่ที่ต้องการแสดงข้อมูลจำเป็นเกี่ยวกับการขับขี่ที่สามารถมองง่ายดูสะดวก ซึ่งในCE02เป็นจอบแบบ easy-to-read TFT display ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับriding speed, battery charge status และอื่นๆที่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีช่องUSB-C charging socket สำหรับชาร์จสมาร์ตโฟน รวมทั้งต่อเชื่อมเพื่อใช้งานBMW Motorrad Connected appกับโทรศัพท์ได้ควบคู่กับการเชื่อมต่อผ่านเน็ตเวิร์คด้วยBluetoothตามรูปแบบที่มีมาก่อนในBMW CE 04และได้พัฒนาส่งต่อมายัง CE02ใหม่นี้
รถออโตเมติกสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่โดดเด่นเกินใคร จากการออกแบบให้สะท้อนความเป็น High Fashion ผสานความงามไร้กาลเวลา และความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเพื่อไลฟ์สไตล์การขับขี่ยุคใหม่ สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ลงตัวเข้ากับเส้นสายที่ให้ความคลาสสิกรอบคัน
มาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้การขับขี่ที่สนุก ให้อัตราเร่งดี บิดติดมือ ตอบสนอง การใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda Smart Key เช่นเดียวกับ U-Box ขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร พร้อมติดตั้ง USB Socket & Console Box สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา รวมถึงจุดเติมน้ำมันด้านหน้า สามารถเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องเปิดเบาะ
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกด้วย “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID” วัย FAZZ…ฟาดทุกสไตล์ NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! ออโตเมติกแฟชั่นดีไซน์เทรนดี้ ฟาดทุกสี พร้อมลูกเล่นครบรอบคัน แต่งได้หลายแนว ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ขับขี่ง่าย คล่องตัวสุดๆ ประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 125 ซีซี และมั่นใจในการรับประกันถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร…นี่แหล่ะ…คู่หูสุดเฟี้ยวของคนรุ่นใหม่!
ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสนุกด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี ผสานระบบส่งกำลังแบบไฮบริด ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม ช่วยลดมลภาวะ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยส่งกำลังขณะออกตัวและให้ความมั่นใจด้วยระบบเบรก UBS กระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง ให้ความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ยังคงมาพร้อมการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ทันสมัย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย DESIGN NEW STYLE ไฟหน้า-ไฟท้าย…ดีไซน์แคปซูล รูปทรงเก๋ ทันสมัย สว่างชัดเจน ทุกมุมมอง ที่สอดรับกับ LCD DIGITAL METER มิเตอร์แบบดิจิทัล ดีไซน์แคปซูล บอกครบทุกฟังก์ชัน ความเร็ว / นาฬิกา / อัตราการประหยัดน้ำมัน
ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…ครบครันด้วยฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางด้วย SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ…ทั้งสะดวก และสมาร์ท เปิด-ปิด สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกคอ / ปลดล็อกเบาะได้ง่าย พร้อมสัญญาณ ANSWER BACK (เฉพาะรุ่น Smart key Ver.), MOBILE CHARGING SOCKET ช่องต่อไฟชาร์จแบตเตอรี่มือถือ…สะดวกทุกที่ พร้อมฝาปิดและช่องใส่ของด้านหน้า, F-BOX 17.8 L กล่องเก็บของใต้เบาะใหญ่…เก็บของได้สบาย, DOUBLE HOOK CARABINER ฮุคสำหรับแขวนของ 2 จุด…เพิ่มความสะดวก พร้อมพื้นที่วางเท้าด้านหน้ากว้างพิเศษ, ACCESSORIES PORT พอร์ตติดตั้งอุปกรณ์เสริม…เท่ได้สไตล์ตัวเอง ตกแต่งกราฟิกเพิ่มเติม หรือเสริมตะแกรงข้างเพื่อการใช้งาน ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
สำหรับ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด ใหม่…มีให้วัย FAZZ เลือกตามการใช้งานด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น คือ รุ่น Smart key Ver. ที่มาพร้อมกัน 3 สี คือ สีเทา–แดง (Lava Gray), สีน้ำตาล–เหลือง (Sugar Brown) และ สีดำ–ฟ้า ( Iced Black) โดยจำหน่ายในราคาแนะนำ 55,000 บาท และรุ่น STD Ver. มีให้เลือกใช้ 3 สี ได้แก่ สีฟ้า (Candy Blue), สีชมพู (Milky Pink) และ สีเทา (Gummy Gray) ในราคาแนะนำ 53,800 บาท และให้ความมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
โดยสามารถเป็นเจ้าของ “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID” วัย FAZZ…ฟาดทุกสไตล์ NEW STYLE…MY GENERATION! เจนใหม่..สไตล์เนี๊ยะ! นี่แหล่ะ…คู่หูสุดเฟี้ยวของคนรุ่นใหม่! ได้แล้ววันนี้ที่ร้านยามาฮ่าสแควร์ และร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสุดล้ำ YAMAHA SMART REWARD เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมัครสมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @YamahaSocietyThailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @yamahasociety
คงไม่มีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายใดในช่วงเวลานี้ที่ขยันส่งข่าวแพลนการส่งโมเดลใหม่ๆออกสู่ตลาด และนี่คือรถแม่แบบหรือจะเรียกต้นแบบก็ตามสะดวก เพราะทางBMW Motorradได้ส่งข่าวมาว่านี่คือ เวอร์ชั่นโปรโตไทพ์ของM1000XRที่ถูกระบุว่าจะเป็นรถในกลุ่มThe long distance sports bikeหรือรถสปอร์ตที่เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกลขณะเดียวกันก็ยังมีคุณสมบัติที่พร้อมสนุกในการขับขี่บนแทร็ค โดยเป็นที่รู้กันดีสำหรับผู้ใช้รถจากค่ายBMWว่า รหัสรุ่น M นั้นสื่อถึงความสำเร็จในกิจกรรมการแข่งขัน และเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงคำว่า สมรรถนะหรือPerformanceแน่นอนว่าทั่วโลกจะเข้าใจตรงกันว่ารถรหัสMทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ของค่ายนี้ก็หมายถึงรุ่นรถในระดับบนที่เปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนในแบบhigh-performance BMW modelsซึ่งDominik Blass:Product Manager ได้กล่าวถึงแผนการส่งรถโปรโตไทพ์นี้ว่า
“ นี่คือรถในรหัสMลำดับที่สามของเราจากซีรีส์M Model ที่ออกมาในวาระครบรอบของเราในปีนี้กับชื่อรุ่น M1000XR ซึ่งจะเรียกสั้นว่าM XR ซึ่งมีพื้นฐานการพัฒนามาจากรุ่นปัจจุบันที่เราผลิตออกมาอย่าง S1000XR ,S1000RR ,M1000RR จากพื้นฐานของรถสมรรถนะสูงในแบบฉบับรถสปอร์ตเราได้พัฒนาออกมาให้เป็นรถสปอร์ตที่สามารถขับขี่ทางไกลได้ดีแต่ก็คงองค์ประกอบในการขับขี่บนสนามปิดได้เป็นอย่างดี”
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ทางBMW Motorradได้เริ่มต้นทิศทางการนำแนวคิดการเปิดไลน์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆตามแนวทางที่ทำในตลาดรถยนต์ที่ใช้รหัสM ดังนั้นในปี2019จะเห็นผลิตสำหรับรถจักรยานยนต์ในกลุ่มM special equipment และ M Performance Parts และก็มีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่าง M RR และ M R ที่เป็นสองรุ่นแรกในซีรีส์Mที่ตามออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ และในปีนี้เป็นวาระครบรอบ100ปีของBMW Motorradซึ่งนับว่าเป็นวาระพิเศษจึงมีการเปิดไลน์อัพใหม่ๆรวมถึง M1000XR Prototype นี้ด้วยโดยมันถูกกำหนดไว้ให้ถูกผลิตออกมาให้เป็นรถในแบบsupersportที่มาพร้อมกับการตอบสนองการขับขี่แบบcountry road, long-distance riding และ racetrack เรียกว่าเป็นรถที่มีการใช้งานแบบครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์In-line four-cylinder engine with BMW ShiftCam technology แบบเดียวกันกับรถสมรรถนะสูงสายสปอร์ตแน่นอนว่ามันย่อมเป็นเครื่องยนต์แบบสี่สูบจากS1000RRที่เป็นsuper sport bike ที่มีกำลังมากกว่า200แรงม้าที่ตัวรถมีน้ำหนักรวมเชื้อเพลิงเต็มถังอยู่ที่223ก.ก.พร้อมกับโครงสร้างตัวถังที่พัฒนามาด้วยchassis technology, aerodynamics และ control electronics designed ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนถูกนำมาใช้กับ M XRจนผสมผสานความลงตัวจากพื้นฐานสมรรถนะรถแบบสปอร์ตกลายเป็นรถในแบบที่พวกเขาบอกว่านี่คือcrossover bike นอกจากนี้ด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ชุดแต่งจาก M Competition Package จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักตัวรถและเพิ่มความดุดันในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ได้อีกด้วย ในเบื้องต้นนี้ทาง BMW motorrad ได้ระบุความเร็วท้อปสปีดของ M XR ไว้ที่ 280ก.ม./ช.ม.
ในการพัฒนาM XR prototypeนี้แน่นอนว่าก็เพื่อจะเปิดไลน์การผลิตอย่างเป็นทางการของ The new M XR ให้เป็นรถรุ่นใหม่ในวาระพิเศษที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดนอกจากระบบกันสะเทือนที่จะใช้แบบเดียวกับเวอร์ชั่นที่ใช้ในรุ่นระดับเรือธงแล้ว พวกเขาจะยังนำชิ้นส่วนที่พัฒนามาจากทีมแข่งอย่างwinglets มาติดตั้งในรถรุ่นนี้ด้วยเพื่อเพิ่มความหนึบในช่วงหน้าของรถซึ่งมันจะมีผลต่อการให้การขับขี่ในจังหวะการเปิดคันเร่ง การควบคุมจังหวะการขับขี่ หรือแม้แต่ผลกับการทำงานในส่วนของระบบแทร็คชั่นคอนโทรลให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เช่นเดียวกันกับความปลอดภัยในรุ่น M RR และ M R พวกเขาบอกว่าจะติดตั้งชุดเบรกM brakeที่พัฒนาโดยตรงจากประสบการณ์ในการแข่งขันจริงของทีมแข่ง BMW Motorrad Factory Racing ในสนามแข่งขัน World Superbike เอาเป็นว่านี่คือภาพรถต้นแบบที่พัฒนาในขั้นตอนสุดท้ายพร้อมส่งขายจริง เพียงแต่ว่าอาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อทำหน่ายจริง ดังนั้นสเปคตัวรถอย่างเป็นทางคงต้องรอเวอร์ชั่นขายจริง ซึ่งพวกเขาระบุว่าจะวางขายในช่วงครึ่งหลังของปี2023นี้ เงเชื่อว่าหลังจากไรดิ้งฉบับนี้วางแผงไม่นานเราก็อาจจะเห็น New M1000XR ส่งสู่ตัวแทนจำหน่ายแล้วก็เป็นได้
ในตลาดยุโรปฮอนด้าได้เปิดไลน์รถจักรยานยนต์พลังไฟฟ้าที่ถือว่าเป็น New Model ที่ระบุว่ามันเป็นรถEVรุ่นแรกของทางค่ายที่ตั้งใจพัฒนามาเพื่อวัยรุ่นยุโรปโดยเฉพาะซึ่งเขาระบุข้อความอย่างชัดเจนว่าHonda’s first EV for young European riders
New โดยเจ้า EM1 e จะติดตั้ง Honda Mobile Power Pack e หรือชุดแบตเตอรี่ที่สามารถถอดและเคลื่อนย้ายได้ซึ่งจะช่วยเอื้อต่อความสะดวกในการชาร์จไฟ โดยเจ้ารถ EV คันนี้ถือว่าเป็น emission-free urban transport หรือรถปลอดมลพิษอย่างแท้จริง ด้วยพลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อแบบ in-wheel electric motor ที่มีทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แล้วสามารถให้ระยะทำการ 41.3 ก.ม.ขณะที่ทำความเร็วสูงสุด 45 ก.ม./ช.ม. พร้อมกันนี้ยังมีเรือนไมล์แสดงผลแบบดิจิตอล มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะนั่ง มีช่องเสียบusb มีพื้นที่ติดตั้งกล่องด้านท้าย แบบเดียวกันกับองค์ประกอบในรถจักรยานยนต์ไป