




“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ประกาศเดินหน้าพลิกโฉมโครงสร้างปั้นนักบิดดาวรุ่งชาวไทย ด้วยการเปิดโปรเจกต์ใหญ่ “YAMAHA R3 bLU Cru Thailand Cup” เฟ้นหาเด็กไทยอายุ 12 – 16 ปี บ่มเพาะทุกด้าน พร้อมลงแข่งแบบเท่าเทียมด้วยรถแข่ง YZF-R3 สเปคเดียวกันทั้งหมด ปูเส้นทางจากบันไดขึ้นแรกสู่การเป็นนักบิดระดับโลกทั้ง “โมโตจีพี” และ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” สานต่อความสำเร็จหลังส่งนักบิดลุยยุโรป สอดคล้องโครงการมอเตอร์สปอร์ตของ “ยามาฮ่า” ทั่วโลก วางเป้าเสริมความแข็งแกร่งทั้งระดับเยาวชน, เอเชีย และระดับโลก มั่นใจส่งต่อนักกีฬาความเร็วชาวไทย “รุ่นสู่รุ่น” ในการแข่งขันระดับโลกรูปแบบกีฬาอาชีพ
“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ตอกย้ำบทบาทผู้นำมอเตอร์สปอร์ต เปิดโปรเจกต์ประวัติศาสตร์ส่งทีมแข่งไทย “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ลุยศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ในรุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สมาชิกทีมที่เป็นคนไทย พร้อมด้วยนักบิดไทยอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ และ “ตี” อนุภาพ ซามูล หวังปูทางนักบิดไทยสู่ระดับโลกอย่างมั่นคง พร้อมเปิดโครงสร้างปั้นดาวรุ่งอย่างแข็งแกร่งทุกระดับ ชี้สานต่อแนวทางสู่สังเวียนเวิลด์จีพีเช่นเคย ขณะเดียวกันยังส่ง “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ล่าแชมป์ในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สมัยที่ 7
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ประกาศความสำเร็จสินค้าครองใจชาวไทยในปี 2565 โตขึ้น 6.9% สร้างยอดจำหน่าย 284,000 คัน เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยต่อเนื่องในปี 2566 คาดการณ์ ตลาดรวมเท่ากับปี 2565 ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดรวมเป็น 16.5% มั่นใจสินค้าครองใจชาวไทยครบทุกเซกเมนต์ เสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายผู้จำหน่าย ขยายโชว์รูปแบบใหม่ New YAMAHA SQUARE เพิ่มเป็น 170 แห่งภายในปีนี้ พร้อมสร้างความเป็น Premium Brand เพื่อสร้าง Lifetime Customer โดยการยกระดับประสบการณ์มัดใจลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมายการตลาดปี 2566
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมาว่า “ก่อนอื่นผมต้องของขอบคุณท่านสื่อมวลชน พันธมิตรทางการค้า ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกท่าน สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งในปีที่ผ่านมา ด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ และทุกหน่วยงานมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับยามาฮ่าประเทศญี่ปุ่นวางแผนและพัฒนาสินค้าออกมาอย่างดีที่สุด แม้จะมีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นนอนของสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้า ซึ่งเราก็สามารถแก้ไขและสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้น จนสามารถที่จะบรรลุผลประกอบการ และยอดขายประจำปีได้ตามเป้าหมายเรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย และยังคงเน้นย้ำในความสำคัญของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งกับความเป็นสินค้าพรีเมี่ยมของเรา และสร้างลูกค้าให้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต ผมเชื่อว่า ด้วยสินค้าที่เราเตรียมไว้สำหรับปีนี้ และแผนงานที่ได้วางไว้ เราจะสามารถบรรลุเป้าการขาย และส่วนแบ่งการตลาดที่เรามุ่งหวัง และเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เหนือกว่าความคาดหวัง ให้กับลูกค้าของเราทุกๆ คนครับ”
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงนโยบายของยามาฮ่าในปี 2566 ว่า “สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจยานยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอสมควร รวมทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต ทำให้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตขึ้นถึง 11.8% ทำให้มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,800,583 คัน โดยยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งด้วยสินค้าและการบริการหลังการขาย จนสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น 6.9% มียอดจดทะเบียน 283,903 คัน สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อยู่ที่ 15.8% และกลุ่มรถออโตเมติก โดยเฉพาะ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ยังคงแข็งแกร่งและสามารถเติบโตจากปีที่แล้วถึง 35% โดยมียอดจดทะเบียนมากถึง 97,446 คัน และกลุ่มรถครอบครัว ยามาฮ่า ฟินน์ ยังคงได้รับความนิยมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้ถึง 31% เมื่อเทียบกับปี 2564 จนทำให้มียอดจดทะเบียนสูงถึง 84,871 คัน และ ยามาฮ่า R15 ยังคงรักษาความเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมอันดับ 1 ในรุ่น 150 ซีซี ได้อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ศูนย์บริการของยามาฮ่ามีอัตราลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่ยามาฮ่ามีความภูมิใจในปีที่ผ่านมา
สำหรับในปี 2566 นี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ระดับ 1.80 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2566 นี้ ของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น พร้อมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความเบาบางลงจนเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศมีการฟื้นตัว ซี่งเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ส่วนในด้านปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบไม่เพียงพอในบางรุ่น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่มีผลต่อผู้บริโภค โดยในปี 2566 นี้ มีการคาดการของตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะเป็น 1.8 ล้านคัน เท่ากับปี 2565 โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% หรือประมาณ 295,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 4% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา พร้อมเร่งกำลังการผลิต และมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับกลยุทธ์ Branding Direction สู่ความเป็น “Premium Brand” เพื่อสร้าง “Best Customer Experience” ส่งต่อความประทับใจในสินค้าและบริการจนสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าจนก่อเกิดเป็น Lifetime Customer ที่สร้างความผูกพันและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า”
นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึง Road To Success ว่า “ในปี 2566 นี้ ยามาฮ่าพร้อมเสริมความแกร่ง ด้วยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จและสามารถสร้าง Lifetime Customer ซึ่งจะขอเสริมในส่วนของแนวทางการขายและการตลาดในปี 2566 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์ดังนี้
1.เดินหน้าพัฒนา New YAMAHA SQUARE ตั้งเป้าในการปรับเปลี่ยนโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ด้วยดีไซน์ใหม่ และทันสมัยจาก 89 โชว์รูมทั่วประเทศในปี 2565 และในปีนี้เราพร้อมเดินหน้าพัฒนาโชว์รูม New YAMAHA SQUARE เพิ่มขึ้นเป็น 170 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อยกระดับการขาย และการบริการ เพิ่มความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2.เสริมความแกร่งพัฒนาบริการหลังการขายในระดับ Pro Care สร้างความแตกต่างของการบริการ และเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วยการวิเคราะห์ปัญหาด้วยเครื่องมือ Yamaha Diagnostic (YDT) ได้ถูกต้องและชัดเจน สามารถเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ ID Card Reader พร้อมกับการแจ้งเตือนเข้ารับบริการผ่านช่องทาง LINE OA
3.พัฒนากิจกรรม Lifestyle กลุ่ม YAMAHA Club เพิ่มกิจกรรมที่ตอบโจทย์และโดนใจของกลุ่มลูกค้ายามาฮ่าที่หลากหลาย พร้อมสนับสนุน Customer Club ในทุกพื้นที่ และสร้าง Community ที่แข็งแรง เพื่อสร้างความประทับใจ และความผูกพัน ตลอดจนสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ผ่านทาง Application YAMAHA SMART REWARD
4.ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการตลาดด้วยรูปแบบ Digital Marketing พัฒนาและสร้าง Online Touchpoint เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า ที่ตรงกลุ่มลูกค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการในด้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบ LINE OA พร้อมสามารถลิงก์กับ SMART REWARD และ Y-CONNECT ได้อย่างง่ายดาย
5.เดินหน้าเสริมความมั่นใจสินค้า และกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กม. เดินหน้าสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในการรับประกันสินค้ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ด้วยระยะเวลาการรับประกัน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และสำหรับในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินในซื้อสินค้าเพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม
6.เดินหน้าการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นการใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์ตรงตามความต้องการ เพื่อเข้าถึงและโดนใจลูกค้า โดยยามาฮ่าเสริมความแข็งแกร่งในกิจกรรมทั้งก่อน และหลังการขายให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเซ็กเมนต์ ได้แก่
ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดี และสร้างความมั่นใจสู่ความเป็น “Premium Brand” รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรม ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @YamahaSocietyThailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @yamahasociety
Keeway Shiny150ให้อารมณ์ความคลาสสิกด้วยไฟหน้าทรงกลม และตัวรถที่มองด้านข้างจะเห็น ส่วนเว้า ส่วนโค้ง ในลักษณะรูปวงรี สื่อถึงอิสระในการเดินทาง ควบคู่ไปกับการเน้นด้วยเส้นโครเมียมในหลายมุมของตัวรถ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังที่มีลวดลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนในแบบย้อนยุค
พร้อมราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 62,500 บ.
✨พิเศษสุด! จองออนไลน์ ในวันที่ 25 ก.พ. 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ
รับราคาเซอร์ไพรส์ พิเศษ ในราคา 58,500 บาท เพียง 500 คันแรก เท่านั้น!!!
พร้อมการรับประกัน 3 ปี 30,000 กิโลเมตรพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน
– LED Headight : ไฟหน้า LED และไฟ DAYLIGHT ทรงกลม พร้อมขอบโครเมี่ยมให้ความคลาสสิค
– Full LED Digital Speedometer : ไฟ Back Light ประมวลผลแบบดิจิตอล หน้าปัดเรือนไมล์ใหม่ ปรับเปลี่ยนสีได้ตามใจถึง 7 สี
– Curve line Design and LED Line : การออกแบบทรงรถให้มีความโค้งมนทรงหยดน้ำ เพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยไฟ LED ส่องสว่างข้างตัวรถมาถึง 18 ดวง
– SOHC Engine : ระบบเครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ ระบบสายพาน CVT
– LED Turn Signal : ไฟเลี้ยวคู่หน้า LED BUILD-IN
– Tail Bars ไฟท้าย LED : บาร์ท้ายอะลูมิเนียม เพิ่มความสะดวกสบาย ในการติดตั้งกระเป๋าสัมภาระ
– Mini Storage Box + USB Socket : ที่เก็บสัมภาระด้านหน้าแบ่งช่องเก็บของ พร้อมช่องเสียบ USB
– Pan Wheel Inspire : แรงบันดาลใจในการออกแบบจากลายล้อกระทะรถยนต์ มาพร้อมวงล้อ 12 นิ้ว
สำหรับ Keeway Shiny มีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี 4 อารมณ์ ได้แก่
?Cherry Red (แดง)
?Sky Blue (ฟ้า)
⬜️Daisy White (ขาว)
⬛️Raven Black (ดำ)
.ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
คลิกเลย!! https://bit.ly/3eqrUBK
หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
สอบถามเพิ่มเติม Line: @Keeway
ไทยฮอนด้า ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ตปี 2023 มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพนักบิดและทีมแข่ง วางเป้าหมายในระดับโลก ประกาศหนุน “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดคนแรกของไทยที่คว้าชัยเวิลด์กรังด์ปรีซ์ และเจ้าของรางวัล นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น จากการกีฬาแห่งประเทศไทย ไล่ล่าแชมป์ “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” เต็มฤดูกาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมีเป้าหมายคว้าท็อปไฟว์ในรายการนี้ พร้อมส่ง “ก๊องส์-ธัชกร” ล่าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์โลก “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” อย่างต่อเนื่อง เสริมด้วยความท้าทายใหม่ในระดับโลกด้วยการลงชิงชัยในศึก “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม นอกจากนั้นยังเดินหน้าผลักดันนักบิดรุ่นใหม่ ในระดับเอเชีย เพิ่มความท้าทายในทุกรายการแข่งขัน ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพตามรอยรุ่นพี่ เริ่มที่รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง” นำโดย “แชมป์ ภาสวิชญ์” ในพิกัด 1,000 ซีซี ตามด้วย “ชิพ นครินทร์” ควงคู่ทีมเมท “นิว ปัณณสรณ์” ในพิกัด 600 ซีซี และ ผลักดันนักบิดดาวรุ่งอย่าง “ข้าวกล้อง จักรีภัทร” และ “มิกซ์ ธนัช” ที่ผนึกกำลังกับนักแข่งรุ่นพี่ สาวแกร่งผู้มากประสบการณ์อย่าง “มุกข์ มุกข์ลดา” ในพิกัด 250 ซีซี เสริมด้วยความท้าทายใหม่ในระดับเอเชียด้วยการดัน “จิมมี่ บูรพา” ดาวรุ่งจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ลงสู้ศึก “ออลเจแปน” รุ่น 600 ซีซี ที่ประเทศญี่ปุ่น
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า “แผนงานมอเตอร์สปอร์ตของไทยฮอนด้าในปี 2023 ยังคงสานต่อนโยบายการยกระดับศักยภาพทีมแข่งและนักบิดไทยไปสู่เวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Don’t Limit Your Challenges, Let’s Challenge Your Limit” โดยในปีนี้ได้เพิ่มความท้าทายใหม่ในทุกระดับการแข่งขัน สู่เป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตจีพี ในปี 2025 เราจึงวางแผนให้นักแข่งแต่ละคนได้รับความท้าทายในรายการที่สูงขึ้น เพื่อให้โอกาสนักแข่งได้ใช้ศักยภาพ ความสามารถ และท้าทายลิมิตตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้ง ก้อง สมเกียรติ จันทรา ที่มีเป้าหมายที่จะคว้าท็อปไฟว์ให้ได้ใน “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” และเรายังส่ง ก๊องส์ ธัชกร อีกหนึ่งดาวรุ่งที่มีผลงานโดดเด่นในการแข่งขันระดับเยาวชนโลก ให้ลงประเดิมในรายการ “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ถึง 4 สนาม นั่นหมายความว่าปีนี้แฟนชาวไทยจะได้เชียร์นักแข่งไทยพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น คือ โมโตทู และ โมโตทรี ในรายการ “ไทยจีพี” ที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน นอกจากนั้น ยังเดินหน้าผลักดันนักแข่งรุ่นใหม่เข้าสู่ระดับโลกตามรุ่นพี่อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับแผนงานมอเตอร์สปอร์ตของไทยฮอนด้า ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เข้าสู่ปีที่ 7 ยังคงสานต่อโร้ดแมปการพัฒนานักแข่งอย่างเป็นระบบ เพื่อเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันโมโตจีพี ภายในปี 2025 นำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดหนึ่งเดียวของไทย ผู้คว้าชัยชนะประวัติศาสตร์ในรายการระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ และคว้ามาถึง 4 โพเดียม ลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ร่วมกับสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” หมายเลข 35
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มรถ Fashion A.T. อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าดัง “Colors Culture” โดย พีพี กฤษฏ์ เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition ที่ออกแบบเพื่อแฟนๆ ของ พีพี กฤษฏ์ และวัยรุ่นไทยโดยเฉพาะ
Honda Scoopy Colors Culture Limited Edition โดดเด่นสะดุดตาทุกมุมมองในสไตล์รถระดับ Iconic ของวัยรุ่น ผสานความสดใสของสีสันและเส้นสายเอกลักษณ์ที่เป็น Signature ของแบรนด์ Colors Culture บนตัวรถสีขาว – ชมพู สะท้อนความซุกซน ขี้เล่น ในสไตล์ของ พีพี กฤษฏ์ ที่รวมเอาสตรีทแฟชั่นและความคัลเลอร์ฟูลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถแมทรถเข้ากับการแต่งตัวได้หลากหลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้
บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนียรวม 12 ประเทศ ผนึกกำลังจัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย (The Asia-Oceania Honda Safety Instructor Competition 2023) มุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างไม่ลดละผ่านการยกระดับทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับสังคม มุ่งสู่พันธกิจของฮอนด้ามอเตอร์ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050
มร.มาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละตามพันธกิจที่จะสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับทุกคน ภายใต้แนวคิด ‘Safety for Everyone’ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ด้านการขับขี่ปลอดภัย ตั้งเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการชนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วโลก ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050”
“หนึ่งในกลไกขับเคลื่อนที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ การถ่ายทอดองค์ความรู้และการอบรมทักษะ จากครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าที่มีความชำนาญ ดังนั้น เพื่อรักษามาตรฐานพร้อมยกระดับความสามารถให้กับครูฝึกฯ นับเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าได้จัดการแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในประเทศไทย และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกลุ่มบริษัทฮอนด้า 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม โดยมีครูฝึกฯ กว่า 100 คน เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้”
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้โครงการ Honda Safety Thailand ไทยฮอนด้าได้ส่งเสริมและรณรงค์กิจกรรมขับขี่ปลอดภัยในประเทศไทย เป็นเวลานานกว่า 34 ปี เรามุ่งมั่นทุ่มเทอย่างไม่ลดละในการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ามาตรฐานโลกที่ดีที่สุดถึง 4 แห่ง การพัฒนาหลักสูตรการฝึกสอนที่หลากหลาย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถให้กับครูฝึกฯ มาอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานครูฝึกฯ ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก”
ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเสริมว่า “เพื่อขยายการยกระดับทักษะครูฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง เราจึงนำสุดยอดครูฝึกฯ จากร้านผู้จำหน่ายฯ ผู้ชนะเลิศระดับภาค รวมถึงผู้ชนะเลิศการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ ตลอดจนครูและอาจารย์ ได้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันบนเวทีระดับนานาชาติในครั้งนี้ด้วย การแข่งขันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของครูฝึกฯ ทุกคน ทำให้ครูฝึกฯ สามารถส่งต่อความรู้ด้านทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับสังคม นี่คือสิ่งที่เราจะผลักดันอย่างเต็มศักยภาพ เพราะการพัฒนาที่ดีจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุทางถนนของเมืองไทยอย่างยั่งยืน”
กับนิยามความดิบ ในคอนเซ็พท์ no-compromise styling ของYamaha ที่ออกแบบรถเนคเก็ตดที่โชว์เว้นสายทรวดทรงโครงสร้างเฟรมในแบบ muscular chassis designs ที่ผสานกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาออกมาให้มีความโดดเด่นในเรื่องแรงบิด จากเครื่องยนต์ crossplane engine จนว่งผลให้หลายรุ่นในกลุ่มรถเนคเก็ตกลายเป็นหนึ่งในรถที่ทำยอดขายได้ดี จากแรงบันดาลใจในการสร้างวิถีทางตามแบบฉบับที่มีลักษณะเฉพาะตัวภาบใต้นิยาม The Dark Side of Japan มีส่วนสำคัญที่มำให้รถในรหัส MT สามารถทำยอดขายต่อเนื่องตลอดระยะเวลาสิบปีได้สำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายรวมเกนกว่า 420000 คัน ทั่วยุโรป ที่กลุ่มผู้ใช้ยอมรับรถที่มีลัษณะเฉพาะตัวตามแบบฉบับ Yamaha Hyper Nakeds โดยทาง Yamaha Motor Europe ได้เปิดไลน์อัพรถในซีรีส์ MT ไว้ตั้งแต่ขนาด 125 ซีซี. -1000 ซีซี. ที่พร้อมตอบสนองความต้องของผู้ขับขี่ในทุกช่วงอายุ และทุกระดับประสบการณ์ในการขับขี่และในปี2023 ทางYamaha Europe ได้มีการรุกตลาดอีกครั้ง ด้วยการเสริม
และในปี2023 ทางYamaha Europe ได้มีการรุกตลาดอีกครั้ง ด้วยการเสริมสมรรถนะปรับสเปคให้กับ MT-07 และ MT-125 ให้สูงขึ้นกว่าโมเดลก่อนนี้ ซึ่งทั้งสองโมเดลดังกล่าวนับว่าเป็นรุ่นที่ประสยความสำเร็จสูงสุดในไลน์อัพของรถรหัสMT ขณะเดียวกันก็ยังคงส่งรุ่นอื่นๆออกมาอย่างเต็มไลน์อัพ ที่ตามมาด้วยโมเดลที่ถือว่ามีความโดดเด่นอย่าง MT-09 และ MT-09SP และแน่นอนว่าพี่ใหญ่ของไลน์อัพ ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ทรงพลังมากที่สุด โดยยกให้เป็น the most powerful Yamaha Hyper Naked ซึ่งก็คือ MT-10 ที่ควงมาพร้อมกับ MT-10SP
โดยในรุ่น 2023MT-07 ที่จัดได้ว่าเป็นโมเดลในระดับ Top of the sales charts ที่สามารถทำยอดได้ถึง 160,000 คัน ในยุโรป นับตั้งแต่เริ่มเปิดไลน์การผลิตมาจำหน่ายตั้งแต่ปี2014 และในโมเดลปี 2023 ได้มีการอัพเกรดอย่างเช่นการ ใช้ new 5-inch full-colour TFT display ที่สามารถเลือกธีมหน้าจอได้สองรูปแบบ คือ street theme กับ touring theme นอกจากนี้ยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนดาวน์โหลดแอพของYamaha คือ MyRide app ก็จะช่วยให้ผู้ขี่เชื่อมต่อการกับ MT-07 ผ่านBluetooth ซึ่งจะช่วยให้สามารถสื่อสารผ่าน new TFT meter
เช่นเดียวกันในโมเดล 2023 MT-125 ก็มาพร้อมกับ new 5-inch connected full-colour TFT meter พร้อมอ็อพช่นที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน สำหรับ MT-125 นี้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ขายดีและเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้ขับขี่ที่ถือใบอนุญาตขับขี่ในระดับ A1 ของยุโรป และแน่นอนว่าในการเชื่อมต่อกับ แอพ MyRide app นั้น จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรับข้อมูล รับข่าวสารและสื่อสารต่างๆที่เกี่ยวกับตัวรถได้อย่างหลากหลาย แบบเดียวกับ MT-07 แล้ว ยังมีส่วนที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมคือ ใน MT-125 นี้ จะได้รับการติดตั้ง new traction control system อีกด้วย และทั้งสองโมเดลนี้ก็คือหนึ่งในรุ่นที่สามารถทำยอดขายได้มากที่สุดในซีรีส์ MT เคลื่อนไหวเล็กที่มีผลต่ออนาคตมากมายจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ การประกาศเปิดแผนก Racing Service Center ขึ้นมาในปี 1982 ก่อนที่แผนกนี้จะถูกเปลี่ยนสเปค MT-125
Engine type : EURO5;4-stroke;Liquid-cooled;SOHC;Single cylinder
Displacement : 124cc
Bore x stroke : 52,0 x 58,6 mm
Compression ratio : 11,2 : 1
Maximum power : 11,0 kW @ 10.000 rpm
Maximum Torque : 11,5 Nm @ 8.000 rpm
Lubrication system : Wet sump
Clutch Type : Wet;Multiple Disc
Ignition system : TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh;6-speed
Final transmission : Chain
Fuel consumption : 2,1 L/100 km
Carburettor : Electronic Fuel Injection
Frame : Diamond
Caster Angle : 26º
Trail : 95 mm
Front suspension system : Upside-down telescopic fork, Ø 41 mm
Rear suspension system : Swingarm;(Link type suspension) Front travel : 130 mm
Rear Travel : 110 mm
Front brake : Hydraulic single disc, Ø 292 mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø 220 mm
Front tyre : 100/80-17M/C 52S
Rear tyre : 140/70-17M/C 66S
Overall length : 1.960 mm
Overall width : 800 mm
Overall height : 1.065 mm
Seat height : 810 mm
Wheel base : 1.325 mm
Minimum ground clearance : 160 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 142 kgFuel tank capacity : 11 L
Oil tank capacity : 1,05 L
ค่ายยามาฮ่า เผยไลน์อัปนักบิดที่จะลงไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ ในฤดูกาล 2023 นำทัพโดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ดาวบิดเติร์กอดีตแชมป์โลกปี 2021 ที่ตั้งเป้าพาต้นสังกัดกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดบนเวทีดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งจะลงซิ่งด้วยรถแข่ง 6 คัน ภายใต้ 4 สังกัดในฤดูกาลนี้
ทีมโรงงานยามาฮ่า สิ้นสุดการแข่งขันฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยตำแหน่งรองแชมป์โลก หลังครองบัลลังก์ ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2021 จากผลงานของ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ดาวบิดเติร์ก ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในซีซั่นดังกล่าว ก่อนจะต้องเจอกับงานหินในฤดูกาลที่ผ่านมา
ล่าสุด ค่ายยามาฮ่า ได้เผยไลน์อัปนักบิดที่จะลงทำการชิงชัยในฤดูกาลนี้ ซึ่งมีจำนวน 4 ทีม ภายใต้รถแข่งทั้งสิ้น 6 คัน โดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ยังคงจับคู่กับ อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 ลงซิ่งภายใต้สังกัด PATA YAMAHA WORLDSBK ขณะที่ โดมินิค เอเกอร์เตอร์ #77 แท็กทีม เรมี การ์ดเนอร์ #87 ลงชิงชัยภายใต้สังกัด GYTR GRT YAMAHA WORLDSBK TEAM
ด้าน ลอเรนโซ่ บัลดาสซาร์รี #34 นักบิดอิตาเลียน เข้าร่วมการชิงชัยภายใต้สีเสื้อ GMT94 YAMAHA รวมถึง แบรดลีย์ เรย์ #28 ดาวบิดเมืองผู้ดี ที่จะลงไล่ล่าความสำเร็จภายใต้สังกัด YAMAHA MOTOXRACING WORLDSBK TEAM โดยมีบัลลังก์แชมป์โลก ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นเป้าหมาย