“เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” บิดเดือด Honda CRF450R ครองรั้งจ่าฝูงคะแนนสะสม AMA Supercross 2024 สนามที่ 13

“เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” นักบิดสังกัด Team Honda HRC โชว์สมรรถนะยอดรถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R บิดเดือดคว้าท็อป 5 พร้อมยังครองรั้งอันดับผู้นำในตารางคะแนนสะสมอย่างแข็งแกร่ง ในศึก AMA Supercross 2024 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ Gillette Stadium ใน Foxborough, MA ประเทศสหรัฐอเมริกา

การแข่งขัน AMA Supercross 2024 รอบเมนเรซ “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” บิดรถแข่ง Honda CRF450R หมายเลข 18 ออกตัวได้ดีแต่โชคร้ายมีจังหวะเบียดกับคู่แข่งในโค้งแรกทำให้เสียอันดับตกอยู่ในกลุ่มกลาง ต้องบิดเดือดไล่ล่าคู่แข่งจากอันดับที่ 11 จบคว้าท็อป 5 พร้อมรั้งอันดับผู้นำอย่างต่อเนื่องในตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 261 คะแนน ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” หมายเลข 96 เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 7 รั้งท็อป 10 ในตารางคะแนนสะสม มี 148 คะแนน

ทั้งนี้ การแข่งขัน AMA Supercross 2024 สนามที่ 14 จะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในวันที่ 20 เมษายน นี้ โดยจะไปดวลกันที่ Nissan Stadium ใน Nashville, TN ประเทศสหรัฐอเมริกา

“กวาร์ตาราโร-รินส์” เผยทดลองเซ็ตอัปใหม่สปรินต์ หวังได้ไอเดียลงดวลเมนเรซ โมโตจีพี ออสติน

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เผยทำงานอย่างหนักกับทีมเพื่อทดลอง “เซ็ตอัปใหม่” แบบที่ไม่เคยใช้มาก่อนเพื่อหาแนวทางบู๊เมนเรซ โมโตจีพี ที่ สหรัฐอเมริกา ขณะทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ เจอการยึดเกาะล้อหน้าเล่นงาน หวังแก้ปัญหาได้ในวันอาทิตย์นี้

ศึก โมโตจีพี 2024 สนาม 3 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์ ผ่านการดวลความเร็วรอบ “สปรินต์ เรซ” เมื่อกลางดึกวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการติดตามของแฟนความเร็วทั่วโลก
โดย มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาแนวทางการพัฒนารถแข่ง M1 หลังเจอปัญหาด้านศักยภาพ ซึ่ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลกปี 2021 เจ้าของหมายเลข 20 ได้ออกตัวจากกริดที่ 16 ส่วนทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ หมายเลข 42 เริ่มเกมในกริดที่ 15
ผลการแข่งขันรอบ สปรินต์ เรซ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า กวาร์ตาราโร ที่พยายามทดลองเซ็ตติ้งใหม่กับรถแข่งบิดเข้าป้ายในอันดับ 15 ส่วน รินส์ ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 16
กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “วันนี้ ผมขี่ตาม อเล็กซ์ (รินส์) และผมเร็วกว่าเขาในเซ็คเตอร์ 2 และ 3 แต่เขาเร็วกว่าผมในเซ็คเตอร์ 1 และ 4 ทุกครั้งที่ผมตามทัน เขาก็จะหนีห่างออกไป จนสามารถมาแซงได้ในรอบสุดท้าย”
“ทุกครั้งที่เราลงสนามในสุดสัปดาห์นี้ เราพยายามเปลี่ยนแปลงการเซ็ตติ้งครั้งใหญ่กับรถแข่ง และในการแข่งขันรอบ สปรินต์ เราลงแข่งด้วยเซ็ตติ้งที่เราไม่เคยใช้มาก่อน ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดีนะกับสถานการณ์และทิศทางของเราตอนนี้”
“เราสามารถทดลองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ ผมคิดว่าวิธีการทำงานของเราอยู่ในทิศทางที่ดี แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่สะท้อนออกมาก็ตาม พรุ่งนี้เช้าในรอบวอร์มอัปเราจะลองสิ่งใหม่อีกครั้ง นั่นอาจทำให้เราได้ไอเดียดีๆ สำหรับการแข่งขัน เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอันดับในปัจจุบัน ซึ่งการพยายามทำสิ่งต่างๆ ในการพัฒนารถแข่ง ทำให้เราได้เห็นทิศทางการทำงาน และมีแนวคิดเชิงบวกสำหรับอนาคต” กวาร์ตาราโร เผย
ด้านทีมเมทอย่าง รินส์ เผยว่า ”มันเป็นการแข่งขัน สปรินต์ ที่ยากมาก… แถมผมยังติดปัญหาการพัวพันกับ มาร์โก (เบซเซ็คคี) ในจังหวะออกสตาร์ต จากนั้นในโค้ง 2 ผมต้องบานออกไปนอกแทร็กพร้อมกับเขา นั่นทำให้ผมร่วงลงไปอยู่อันดับสุดท้าย”
“หลังจากนั้นผมพยายามขี่ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ มีแซงคู่แข่งบางคัน แต่มันยากมาก เราต้องเจอปัญหาอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของ สปรินต์ เรซ โดยเฉพาะช่วง 2-3 รอบสุดท้าย ผมไม่สามารถสัมผัสถึงฟีลลิ่งที่ล้อหน้าได้เลย เรากำลังตรวจสอบปัญหาเหล่านี้ ซึ่งผมจะต้องปรับตัวและหาวิธีการขี่ที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้อีก” รินส์ ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ การแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในคืนวันอาทิตย์นี้ 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36

ยามาฮ่าปิดฉลองยอดดจอง 1,171 ยูนิต ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด นายกัมพล พรสูงส่ง รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขาย บริการ และอะไหล่ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง และพนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมฉลองยอดจำหน่ายร่วมกับร้านผู้จำหน่ายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

โดยในปีนี้ไทยยามาฮ่าทำการฉลองครบรอบ 60 ปี และได้ออกแบบ ดีไซน์บูธ YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD นำรถจักรยานยนต์สุดล้ำ MOTOROiD2 และ ELOVE มาร่วมจัดแสดง พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี – 900 ซีซี พร้อมยานยนต์ทางน้ำมาร่วมจัดจำหน่ายพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษจนสามารถสร้างยอดจองได้สูงถึง 1,171 ยูนิต โดยแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี จำนวน 1,121 คัน รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 43 คัน และยานยนต์ทางน้ำอีก 7 ยูนิต

สำหรับการฉลองปิดยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 มีขึ้น ณ บูธ YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

“ก้อง-สมเกียรติ” ออกเดินทางสู้ศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อเมริกา ตั้งเป้าขยับอันดับ โมโตทู

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” ออกเดินทางสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสู้ศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สนามที่ 3 ในรายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์ ที่เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ในรุ่นโมโตทู มั่นใจทำผลงานขยับอันดับต่อเนื่อง โดยมีแฟนๆ ความเร็วชาวไทยตามมาส่งกำลังใจที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ผ่านสองสนามแรกเก็บไปแล้ว 11 คะแนน รั้งอันดับ 12 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งสนามล่าสุดที่โปรตุเกส ต้องต่อสู้ไปพร้อมกับอาการป่วย แต่ต่อสู้อย่างเต็มที่ในการแข่งขันสามารถเก็บคะแนนสะสมได้สำเร็จ โดยกล่าวว่า “ช่วงเดินทางไปที่โปรตุเกสสนามที่ผ่านมา หลังจากลงเครื่องมีอาการเจ็บคอ ไม่สบายครับ รู้สึกว่าร่างกายไม่เต็มร้อย มีไข้จนถึงวันแข่งขัน แต่ทีมมีแพทย์ดูแลโดยตลอด ตอนนี้ก็พยายามปรับตัวทำงานร่วมกับทีมและยางใหม่ครับ สนามต่อไปที่จะไปแข่งขันกันที่อเมริกา ผมเตรียมความพร้อมของร่างกาย จะสู้และพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด ฝากพี่น้องกองเชียร์ชาวไทย ช่วยเชียร์และเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”
ทั้งนี้ ศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สนามที่ 3 จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 12-14 เมษายนนี้ ที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ในรายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี แบบเต็มฤดูกาล พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

ประเดิมสนาม YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 สนามแรกดวลคันเร่งเดือนสนามช้างฯ นักบิดญี่ปุ่นบิดเดือดคว้าชัยเรซแรกประเดิมเปิดฤดูกาล 2024

YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 นัดเปิดฤดูกาล เริ่มต้นขึ้นด้วยความร้อนระอุของสภาพอากาศบนพื้นแทร็ค สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบของนักแข่งเยาวชนจาก 6 ประเทศ ได้แก่ประเทศไทย ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ อันดุเดือดทุกรอบการแข่งขัน ก่อนฎีกากับจนถึงโค้งที่ 12 ในรอบสุดท้าย

เริ่มเกมการควอลิฟายนักแข่งเยาวชนเอเซียแปซิฟิคสามารถวิ่ง Flying Lap กดเวลาผ่านขีดจำกัดตามเป้าหมาย ซึ่งใน 3 กริดแรกเป็นของนักแข่งจาก 3 ประเทศ โดย อาร์ตี้-ธนกิจ ประทุมทอง #13จากประเทศไทย เป็นผู้ทำบันทึกโพลโพซิชั่นแรกของรายการนี้ ด้วยเวลา 2’00.841 นาที และอันดับที่ 2 เป็นของนักแข่งออสเตรเลีย ไรอัน ลาร์กิน #68 ทำเวลาเบียดติด 2’00.967 นาที ห่างกันเพียงแค่ 0.126 วินาที ส่วนกริดที่ 3 ป็นของนักแข่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮวนนี่ คี #27 สำหรับนักแข่งนิวซีแลนด์ เฮเดน ฟอร์ดิซ #17 ทำเวลามาในอันดับ 7 ส่วนนักแข่งญี่ปุ่น คาเครุ โอคุนุกิ #31 ออกสตาร์ทในอันดับที่ 9 และ มิทเชลล์ โจชัว #28 ทำเวลาดีที่สุดสำหรับนักแข่งฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับ 11 ซึ่งเยาวชน 20 ชีวิตจาก 6 ชาติในเอเซียแปซิฟิค จะออกสตาร์ทกันแบบ ควิกสตาร์ท และแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 7 รอบสนาม

ทันทีที่สัญญาณไฟเขียวสว่างขึ้น ไรอัน ลาร์กิน จากกริดที่ 2 ชิงจังหวะที่นิ่งกว่า พุ่งตรงสู่โค้งแรกพร้อมเก็บโฮลช็อตได้สำเร็จ เมื่อรถแข่งตั้งลำเข้าสู่ทางตรง อาร์ตี้-ธนกฤต ประทุมทอง ผู้ทำโพลของสนามนี้ เปิดคันเร่ง R3 ขึ้นตามประกบติดพร้อมกับ เชลล์-ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 ที่สตาร์ทจากกริดที่ 5 และ คาเครุ โอคุนุกิ นักแข่งญี่ปุ่น พุ่งจากแถวที่ 3 กริดที่ 9 เข้าร่วมกลุ่มนำ พร้อมกับนักแข่งจีน ฮวนนี่ คี รวมถึง เทพพิทักษ์ ไกรยะฝ่าย #12 และเฮเดน ฟอร์ดิซ จากนิวซีแลนด์

7 รอบการแข่งขัน จึงเป็นการยากที่จะคาดเดากันได้ถึงผู้ชนะเลิศของการแข่งขัน ใน 2 รอบสุดท้าย การต่อสู้ของนักแข่งเจ้าถิ่นจากประเทศไทย และคู่แข่งที่ชั้นเชิงแข็งแกร่งจากออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ได้เรียกเสียงเชียร์ดังกึกก้องจากผู้ชมการแข่งขันในสนามแข่ง โดย เชลล์-ศักดิ์ชัย คงดวงดี ที่ต้องพบการเรียนรู้และชั้นเชิงจากเพื่อนนักแข่งญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ในการคอนโทรลเกมการแข่งขัน
โดยในรอบสุดท้าย คาเครุ โอนุคุกิ นักแข่งญี่ปุ่นที่อยู่ในอันดับ 4 เดินคันเร่งนิ่งเข้าลึก ผ่าน อาร์ตี้-ธนกฤต ประทุมทอง ขึ้นมาติดด้านข้าง เชลล์-ศักดิ์ชัย คงดวงดี และ ไรอัน ดาร์กิน ในโค้ง 11 อย่างรวดเร็ว และใช้จังหวะคอนโทรลไลน์วิ่งเข้าสู่โค้ง 12 ด้วยความได้เปรียบ ก่อนจะผ่านเส้นชัย เก็บตำแหน่งชนะเลิศคนแรกของการแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 ได้สำเร็จ โดยเฉือนอันดับ 2 ไรอัน ดาร์กิน เพียงแค่ 0.082 วินาที เท่านั้น ส่วน เชลล์- ศักดิ์ชัย คงดวงดี ผ่านเพื่อนร่วมชาติ อาร์ตี้- ธนกฤต ประทุมทอง เก็บโพเดียมอันดับ 3 ให้กับเจ้าบ้านได้สำร็จ โดยมีระยะห่างกันเพียงแค่ 0.042 วินาที และอันดับที่ 5 เป็นของ นักแข่งนิวซีแลนด์ เฮเดน ฟอร์ดิซ
โดย เชลล์-ศักด์ชัย คงดวงดี กับรถแข่ง YAMAHA R3 หมายเลข 54 ทำเวลาดีที่สุดในรอบแข่ง 2:00.281 นาที
การแข่งขัน Yamaha R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship นัดเปิดฤดูกาล จะทำการแข่งขันเรซ 2 ในวันอาทิตย์ 7 เม.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามถ่ายทอดไลฟ์สตรีมมิ่งได้ทาง BRIC Superbike

เปิดฤดูกาล ศึกชิงแชมป์เยาวชน “Honda Thailand Talent Cup 2024” บันไดสู่ฝันนักบิดเยาวชนสู่ระดับโลก

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย และพัฒนานักแข่งไทยอย่างต่อเนื่อง เปิดตารางการแข่งขันฤดูกาล 2024
เพื่อเฟ้นหาและพัฒนาเยาวชนไทยฝีมือดีในศึกชิงแชมป์เยาวชน “Honda Thailand Talent Cup” บันไดขั้นสำคัญของโครงการ “Honda Race To The Dream” เปิดโปรแกรมการแข่งขันอย่างเป็นทางการออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยจะแข่งขันกันทั้งสิ้น 6 ครั้งซึ่งสนามแรกจะเป็นการดวลกันในระหว่างวันที่ 5-7 เมษายนนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้ศึก Plan B Media BRIC Superbike “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ประจำปี 2567”
โดยในปีนี้ “Honda Thailand Talent Cup” ยังคงรักษามาตรฐานการแข่งขัน อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้เพิ่มเข้มขันด้วยการลงชิงชัยของนักแข่งเยาวชนต่างชาติ กว่า 18 คน จาก 5 ประเทศเข้าร่วมชิงชัย ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งนักบิดดาวรุ่ง The Next Successor จากโครงการ “Honda Race To The Dream” ซึ่งถูกค้นหาและฝึกฝนจาก “Honda Academy” ลงเข้าชิงชัยโดยใช้รถ Honda NSF250R รถแข่ง Race Machine จาก HRC ประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้ในรายการเดียวกับ Asia Talent Cup ได้แก่ “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ ใช้หมายเลข 8 “คลาสดี” พิชญางกูฬ์ อินทร์จักร์ ใช้หมายเลข 14 และ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ ใช้หมายเลข 18
“Honda Thailand Talent Cup” ถือเป็นสังเวียนพัฒนาและเฟ้นหานักบิดเยาวชนฝีมือดีต่อยอดสู่เส้นทางปั้นนักแข่งไทยสู่การเป็นนักแข่งในเวทีระดับโลกตามโร้ดแมป “Honda Race To The Dream” เพื่อตามรอยนักแข่งรุ่นพี่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ที่กำลังลุยศึกชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทู “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ที่ลงแข่งขันโมโตทรี แบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก และ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ลุยศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก รายการ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ควบคู่ รายการ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” รวมถึงดาวรุ่งนักแข่งไทยอีกหลายคนที่ลง
แข่งขันและสร้างผลงานในระดับประเทศและนานาชาติอยู่ในเวลานี้
ทั้งนี้ “Honda Thailand Talent Cup 2024” จะแข่งขันกันทั้งหมด 6 ครั้ง 4 สนาม โดยครั้งที่ 1-4 จะแข่งขันกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ครั้งที่ 1 วันที่ 5-7 เมษายน, ครั้งที่ 2 วันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน, ครั้งที่ 3 วันที่ 5-7 กรกฎาคม และครั้งที่ 4 วันที่ 5-8 กันยายน, คร้งที่ 5 วันที่ 20-22 กันยายน ณ สนามไทยแลนด์เซอร์กิต จังหวัดนครปฐม ตามด้วยคร้้งสุดท้าย วันที่ 24 พฤศจิกายน ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

PG-1 Dusty Tracker สายลุยเจอแนวนี้เข้าไป.. ไม่รัก ก็บ้าแล้ว!

เรียกได้ว่าครบเครื่องแบบฉบับสายลุยกันเลยทีเดียว สำหรับ All New Yamaha PG-1 Limited Edition คอนเซ็ปต์ Dusty Tracker ที่ตกแต่งมาจากโรงงาน ให้ได้เลือกตามสไตล์ที่ชอบ โดย All New Yamaha PG-1 Limited Edition คอนเซ็ปต์ Dusty Tracker มาพร้อมของแต่งตลอดทั้งคัน เริ่มจากด้านหน้าทำการติดตั้งชิลด์แต่งลายเบอร์ 55 พร้อมขายึด ชุดควบคุมเสริมการ์ดแฮนด์อะลูมิเนียมโดยมีขายึดเข้ากับแฮนด์บาร์ และอีกจุดยึดเข้ากับปลายแฮนด์ ทั้งด้านซ้าย-ขวา บังโคลนหน้ายกสูงขึ้นด้วยขายึดอะลูมิเนียม เข้ากับแกนโช้คหน้า ด้านข้างคอนโซลแต่งลายหมากรุกเพิ่มความซิ่งแนวเรโทร ใกล้กันในส่วนท้ายตัวรถทั้ง 2 ข้าง ทำการเสริมแผ่นป้ายเพลตทรงกลมพร้อมสติกเกอร์เบอร์ 55 แบบลวดลายเดียวกับชิลด์แต่งด้านหน้า ไล่ลงมาที่ด้านล่าง ในส่วนของเครื่องยนต์เสริมบาร์ค้ำกันกระแทก พร้อมแผ่นกันกระแทกอะลูมิเนียมด้านล่างเครื่องยนต์ นอกจากความสวยงามแล้วยังช่วยป้องกันคอท่อได้อีกด้วย ปิดท้ายที่ฝาครอบท่อสีเงินเจาะลายรูปแบบใหม่ ให้เข้ากับอะไหล่แต่งอื่นๆ รอบคัน

โดย All New Yamaha PG-1 Limited Edition คอนเซ็ปต์ Dusty Tracker พร้อมกับราคาแนะนำที่ 73,500 บาท มีให้คุณเลือกสนุกได้ 2 สี คือ สีเหลือง และ สีดำ ซึ่งสีของชิลด์แต่ง แผ่นเพลตด้านข้าง และลายสติกเกอร์ก็จะจัดสีให้เหมาะสมกับตัวรถแต่ละสี ส่วนใครชอบสีไหนในคอนเซ็ปต์นี้ก็ไปจัดกันได้เลยที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ ซื้อวันนี้รับฟรี! ชุดโต๊ะ และเก้าอี้จาก Coleman มูลค่า 1,800 บาท (จำนวนจำกัด 100 คัน แรกเท่านั้น)

คาวาซากิสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ เปลี่ยนเกมด้วยประสบการณ์ใหม่เป็นครั้งแรกในงาน Motor Show 2024

คาวาซากิจัดรถจักรยานยนต์ในหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงนวัตวรรตกรรมใหม่ล่าสุดมานำเสนอแก่ผู้ขับขี่ชาวไทยให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดก่อนใครในภูมิภาคอาเซียน เริ่มด้วยตระกูลอันมีประวัติยาวนานมากว่า 100 ปี กับตระกูล W และ Meguro ที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1924 แบรนด์ Meguro ได้เป็นที่รู้จักในหมู่นักขับขี่ชาวญี่ปุ่น ในฐานะรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เปี่ยมพลัง และคุณภาพสูง หลังจากนั้น ในอีก 4 ทศวรรษถัดมา แบรนด์ Meguro ก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคาวาซากิ จึงเกิดการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ที่ Meguro โดดเด่นเหนือใคร รวมเข้ากับวิทยาการของ Kawasaki Aircraft จึงออกมาเป็น W1 โดยในช่วงปี 1960 รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ในตลาดของญี่ปุ่นเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กในรุ่น 125cc เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความจุกระบอกสูบมหาศาลและกำลังอันมหาศาลของรถ 4 จังหวะ ของ W1 ทำให้สามารถยืนหยัดได้เหนือคู่แข่ง และกลายเป็นเป้าหมายที่นักบิดชาวญี่ปุ่นปรารถนา สำหรับคาวาซากิ W1 หมายถึงการได้รับการยอมรับในเวทีโลกในฐานะผู้ผลิตบิ๊กไบค์ นอกจากนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Quest for Speed ของคาวาซากิซึ่งเป็นความหลงใหลที่นำไปสู่การพัฒนาโมเดลในตำนานมากมาย รวมถึงเป็นต้นกำเนิดของตระกูล W มาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

รุ่นรถจักรยานยนต์ไฮไลท์ที่จัดแสดงภายในบูธคาวาซากิในงาน Motor Show 2024
Ninja 7 Hybrid ถือเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานในฐานะผู้สัญจรในเมืองที่ประหยัดเชื้อเพลิงและเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษซึ่งยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ถูกจำกัด ทั้งหมดนี้ในขณะเดียวกันก็มอบความตื่นเต้นในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถจักรยานยนต์คาวาซากิที่มีความอเนกประสงค์สูง Ninja 7 Hybrid เป็นรถรุ่นแรกในประเภทนี้ที่สร้างมาตรฐานให้กับรถจักรยานยนต์ HEV นำเสนอองค์ประกอบที่ดีที่สุดของทั้งรุ่น ICE และ EV ปฏิวัติวงการนี้ยิ่งใหญ่กว่าการรวมชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ด้วยการผสมผสานกันเป็นครั้งแรกของพละกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 451 cc สูบคู่อันแข็งแกร่ง ผสานเข้ากับมอเตอร์ขนาดกระทัดรัด เพื่อพละกำลังบิดที่แข็งแกร่งในช่วงต้นและกลาง ที่ให้อัตราเร่งเทียบเท่ารถซุปเปอร์สปอร์ตขนาด 1000 cc ด้วยโหมด e-boost อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเทียบเท่าได้กับรถในคลาส 250 cc.
นอกจากนี้ยังมีโหมดขับขี่และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกปรับตั้งให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโหมดสปอร์ตไฮบริด, อีโคไฮบริด, และโหมดไฟฟ้าในระยะทางสั้นและความเร็วต่ำ และยังมีเกียร์ถอยหลังเพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่อีกด้วย ทั้งหมดนี้ นับเป็นนวัตกรรมและการออกแบบที่สื่อถึงอนาคต Ninja 7 Hybrid จึงพร้อมเป็นรถที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี การวางจำหน่ายยังไม่กำหนด Ninja 7 Hybrid Metallic Bright Silver / Metallic Matte Lime Green / Ebony
W230 เป็นโมเดลย้อนยุคที่สืบทอดสายเลือดของซีรี่ย์ W เครื่องยนต์สูบเดียว SOHC 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ถูกยืดด้วยเฟรมคู่แบบออโธด็อกซ์ ไฟหน้าทรงกลมเดี่ยวถังน้ำมันทรงหยดน้ำ หน้าปัดเรือนไมล์คู่ ล้อซี่ล้อและบังโคลนเหล็กรวมกันเพื่อรวบรวมความงามของสไตล์สากลของรถจักรยานยนต์คาวาซากิ เครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาเพื่อการใช้งานที่ง่าย สืบทอดจิตวิญญาณของแบรนด์ W เริ่มต้นด้วย 650-W1 ที่เปิดตัวในปี 1966 ตัวรถยังมาพร้อมกับไฟท้ายทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งจะสวนทางกับสัญญาณไฟเลี้ยวที่มาพร้อมกับไฟแบบทรงกลมคลาสสิก ถังทรงหยดน้ำ เรือนไมล์คู่ ขอบล้อแบบซี่ลวด และยางแบบอเนกประสงค์ การวางจำหน่ายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ W230 Pearl Crystal White
KLX230 SE ปี 2024 คาวาซากิเปิดตัวซีรีส์ KLX230 ใหม่พร้อมคุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงโดยมีเป้าหมายเพื่อประสิทธิภาพและความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น โดยหัวใจหลักคือเครื่องยนต์ 4 จังหวะแบบหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 233 ซีซี ให้การตอบสนองในช่วงต่ำถึงกลางได้รับการปรับปรุง เพื่อสมรรถนะทางออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น แต่การอับเดตใหม่ที่สำคัญเกิดขึ้นกับแชสซี ซับเฟรมด้านหลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ช่วยให้ล้อสามารถเคลื่อนได้ไกลขึ้นและยูรีเทนเบาะนั่งที่หนาขึ้น ในขณะที่รักษาระยะห่างจากพื้น ความสูงของเบาะนั่งสามารถลดลงได้เพื่อให้เอื้อมถึงพื้นได้อย่างสบาย สิ่งนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพและความสะดวกสบายในการขับขี่แบบออฟโรดอย่างมากทั้งบนถนน และออฟโรด เนื่องจากการเคลื่อนที่ของล้อที่มากขึ้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการขี่บนเส้นทางวิบาก เช่นเดียวกับการดูดซับแรงกระแทกบนทางเท้าที่ไม่เรียบ ในทุกรุ่น ABS แบบอเนกประสงค์ที่ได้รับการปรับปรุงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปิดการใช้งาน ABS ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ตามความต้องการเมื่อขับขี่แบบออฟโรด สไตล์ที่ปรับปรุงใหม่และคุณสมบัติใหม่ เช่น การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้ KLX230 ใหม่เป็นพันธมิตรที่มีความสามารถมากขึ้นในการขับขี่ที่สนุกสนาน ไม่ว่าเส้นทางต่อไปจะพาไปที่ไหนก็ตาม การวางจำหน่ายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ KLX230 SE Ebony / Neon Green
นอกจากรุ่นรถจักรยานยนต์ไฮไลท์แล้ว พร้อมกันนี้ คาวาซากิยังมีอีกหลากหลายรุ่นมาให้ชมไม่ว่าจะเป็น Ninja ZX-6R, Ninja ZX-4R, Ninja 400, KLR650 Adventure (Non ABS), KX250 50th Anniversary, KLX140R F และ Eliminator SE

Yamaha Championship สานต่อความเร้าใจซีซั่นที่ 7 ถ่ายทอดดีเอ็นเอความแรง ส่งมอบประสบการณ์ระดับโลก

จากความสำเร็จใน 6 ซีซั่นที่ผ่านมาของ Yamaha Championship สร้างประสบการณ์อันตื่นเต้น เร้าใจ บนสนามแข่งให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Yamaha ได้สัมผัสกับความสนุกสนาน ความสุข และความทรงจำที่ดีร่วมกันมา ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันของ Man & Machine จนเป็นกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นรายการที่รวมผู้ใช้รถจักรยานยนต์เข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดของวงการมอเตอร์สปอร์ตประเทศไทย

ล่าสุด Yamaha Thailand Racing Team แท็กทีม Yamaha Riders’ Club Thailand เดินหน้าสานต่อทิศทางอันยอดเยี่ยมของโครงการดังกล่าว ผ่านการจัดการแข่งขันในปีที่ 7 ของ Yamaha Championship พร้อมถ่ายทอด DNA มอเตอร์สปอร์ตระดับโลก สู่นักบิดยามาฮ่า ไรเดอร์ส ทุกรุ่นการแข่งขัน ส่งต่อประสบการณ์ความแรง เร้าใจบนสนามแข่งจริงในรายการ Yamaha Championship 2024 ซึ่ง Yamaha Thailand Racing Team จัดทัพใหญ่ถ่ายทอดประสบการณ์จากแพ็ดด็อกสังเวียนเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ สู่ The Blue Riders อย่างใกล้ชิด

โดยกิจกรรมสุด EXCLUSIVE ดังกล่าวจัดขึ้นสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Yamaha ที่มีทักษะการขับขี่ขั้นสูง ร่วมสร้างเรซการแข่งขันที่เข้มข้น หลั่งอะดรีนาลีนไปกับความเร้าใจเหนือความเร็ว ผ่านรถจักรยานยนต์คุณภาพในตระกูล R-Series อย่าง Yamaha R1, R7, R3, R15 รวมถึง Naked Bike สุดเท่อย่าง MT680 cc.up, TMAX พร้อมด้วย AT ยอดนิยมอย่าง Yamaha XMAX และ Yamaha Aerox ที่พร้อมขับเคี่ยวผ่าน 8 รุ่นการแข่งขัน

เติมเต็มประสบการณ์ระดับโลกด้วยกิจกรรมแคมป์โค้ช ที่รวมนักแข่งระดับแชมป์ประเทศไทย พร้อมทีมแมคคานิกส์ระดับเวิลด์คลาสจาก Yamaha Thailand Racing Team ร่วมแชร์ประสบการณ์จากสนามแข่งเวทีเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ทั้งด้านเทคโนโลยีอันน่าทึ่งของ Yamaha รวมถึงการเตรียมความพร้อมรถจักรยานยนต์เพื่อลงสนามแข่งขัน รวมถึงการเตรียมสภาพร่างกายของนักบิด ไล่เรียงไปถึงความเข้าใจในกติกาการแข่งขัน และพื้นฐานความปลอดภัยของกีฬามอเตอร์สปอร์ต

และในซีซั่นที่ 7 นี้ Yamaha พร้อมเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับสิทธิ World Superbike Experience by D.I.D, KELA, Real บินลัดฟ้าร่วมเชียร์ Yamaha Thailand Racing Team เข้าร่วมทำการแข่งขันศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ถึงขอบสนาม มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี ประเทศอิตาลี สำหรับ Yamaha Championship 2024 พร้อมดวลความเร็วนัดเปิดสนามในฤดูกาลที่ 7 ระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคม นี้ ณ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) โดยผู้ใช้รถจักรยานยนต์ Yamaha ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ความเร็ว เติมเต็มความแรงเร้าใจ และพร้อมท้าทายไปร่วมกัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Thailand Racing Team

 

ทยยามาฮ่าฉลอง 60 ปี ร่วมมือสมาคมอาชีวศึกษาเอกชนฯ ลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาอาชีวศึกษา พร้อมส่งมอบเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์เพื่อการศึกษา มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพระดับโลก ร่วมลงนามประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในการสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนแก่สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสร้างความยั่งยืนภาคการศึกษาร่วมกับสมาคมฯ พร้อมทั้งการเดินหน้าสนับสนุนเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ออโตเมติกขนาด 300 ซีซี เพื่อการศึกษาจำนวน 135 เครื่อง
สำหรับการลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในครั้งนี้ ประกอบด้วยความร่วมมือทางด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาดังนี้
1.สนับสนุนการเปิดศูนย์อบรมเทคนิคยามาฮ่าขึ้นในสถานศึกษาเพิ่มขึ้น 18 แห่งในระยะเวลา 3 ปี
2.สนับสนุนเดินหน้าในการจัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพ สาขาวิชารถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง
3.สนับสนุนการอบรมพัฒนาการเรียนการสอนเทคนิคเครื่องยนต์ และเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ให้แก่คณะอาจารย์ในสมาคมฯ และนักศึกษา
4.สนับสนุนความรู้ และพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพกีฬามอเตอร์สปอร์ต พร้อมจัดการแข่งขัน YAMAHA MOTO CHALLENGE เพื่อพัฒนานักศึกษาในด้านของกีฬามอเตอร์สปอร์ต
5.สนับสนุนการจัดอบรมหลักสูตรการขับขี่ปลอดภัยให้แก่นักศึกษาภายใต้สังกัดของสมาคมฯ เพื่อเพิ่มวินัย และการขับขี่ที่ปลอดภัยเคารพกฎจราจรบนท้องถนน
ซึ่งในการลงนามร่วมเซ็นสัญญาประกาศความร่วมมือทางการศึกษาครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้มุ่งหวังในการพัฒนาการศึกษา เทคนิคเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ออโตเมติกยุคใหม่ ให้กับนักเรียน นักศึกษาในสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซี่ง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และสมาคมอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมมือในด้านการศึกษากันมาอย่างยาวนานเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2556 ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดศูนย์อบรมเทคนิค และบริการยามาฮ่าขึ้นในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนเป็นครั้งแรก พร้อมให้การอบรมคณาจารย์ และนักศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน มีศูนย์ฝึกอบรมเทคนิค และบริการยามาฮ่า จำนวน 20 สถาบัน อีกทั้งได้จัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพ สาขาวิชาชีพรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และได้ยกระดับเป็นการแข่งขันระดับประเทศในปี พ.ศ.2561 และในปี พ.ศ.2562 ทางบริษัทฯ ได้ทำการทูลขอพระราชทานรางวัลเกียรติยศจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นรางวัลเกียรติยศสำหรับนักศึกษาผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันทักษะฝีมือช่างรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน+
ด้านการส่งเสริมอาชีพใหม่ กับองค์ความรู้เฉพาะตัว กีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่ง ทางไทยยามาฮ่า ได้จัดตั้งโครงการวิชาชีพมอเตอร์สปอร์ต YAMAHA MOTO CHALLENGE ขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ.2558 ให้กับนักศึกษาแผนกช่างยนต์ โดยนำ คณาจารย์ และนักศึกษาเข้าร่วมอบรมเรียนรู้กีฬามอเตอร์สปอร์ต กับ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทีมแข่งชั้นนำของเอเชีย ที่มีประสบการณ์ระดับโลก และครองตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์สปอร์ตเอเซียหลายสมัยอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันเป็นปีที่ 9 ของโครงการ YAMAHA MOTO CHALLENGE และมีการนำนักศึกษาที่ผ่านการทดสอบในด้านฝีมือช่าง ทีมแข่ง เข้าร่วมทำงานกับ ทีมแข่งสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในโครงการ YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Cup ซึ่งเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย ปัจจุบันมีนักศึกษาที่ผ่านโครงการวิชาชีพมอเตอร์สปอร์ตมาแล้วถึง 775 คน จาก 135 วิทยาลัย
ในด้านองค์ความรู้การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างถูกวิธี พร้อมสร้างจิตสำนึกการขับขี่รถอย่างปลอดภัย จึงได้มีความร่วมมือในโครงการอาชีวศึกษาเอกชนร่วมใจ สร้างความปลอดภัยทางถนน มาตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ปัจจุบันมี สถาบันการศึกษาที่ร่วมโครงการทั้งสิ้น 28 สถาบัน มีจำนวนนักเรียนที่ได้ร่วมโครงการมากถึง 15,340 คน และครูผู้ฝึกสอนผ่านการอบรม 125 คน
ตลอดการดำเนินงานของไทยยามาฮ่าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องถึง 60 ปี ความเชื่อมั่นที่สังคมไทยมอบให้กับยามาฮ่า ได้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ ไทยยามาฮ่า พร้อมที่จะส่งมอบความรู้แห่งความยั่งยืนให้กับภาคการศึกษาด้วยความมุ่งมั่น เต็มใจและยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับ สมาคมอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยฯ ด้วยการก้าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มีความยินดีที่จะประกาศมอบเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ออโตเมติกขนาด 300 ซีซี เพื่อการศึกษา จำนวน 135 เครื่อง มูลค่า 3,240,000 บาท ให้กับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปมอบให้กับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในสังกัดสมาคมฯ เป็นเครื่องมือสื่อการสอนต่อไป
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย ไม่เพียงแต่ในด้านสิ่งแวดล้อม ที่เป็นนโยบายสำคัญในระดับโลกของยามาฮ่า แต่ยังรวมไปถึงการสร้างความยั่งยืนในด้านการศึกษาให้กับ สถาบันการศึกษา และเยาวชนไทย ซึ่งจะเห็นได้จากพัฒนาการภายใต้การร่วมมือกันในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และเราจะเดินหน้าให้ความสำคัญกับภาคการศึกษาและเยาวชนไทย ต่อไปด้วยความมั่นคงยั่งยืน

ฮอนด้าตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ส่งมอบนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนชีวิตยุคใหม่ในงาน Motor Show 2024

ฮอนด้า โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผนึกกำลังจัดแสดงไลน์อัปทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ฮอนด้าในประเทศไทย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ พร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนใหม่ ในงาน Motor Show 2024 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยภายในบูทมีการแบ่งโซนจัดแสดงตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าเพื่อความสะดวกในการเข้าชม เริ่มต้นที่โซนแรก Product Zone ในส่วนของรถยนต์ นำโดย ฮอนด้า อี:เอ็น1 (Honda e:N1) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย พร้อมเปิดให้ลูกค้าเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ และยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ทุกเซกเมนต์ ในส่วนของรถจักรยานยนต์ นำโดย ‘New Honda Giorno+ Donald Duck Special Edition’ รถเอ.ที.สไตล์ไฮแฟชั่น และ ‘Honda DAX 1978 Special Edition’ จาก CUB House รวมถึงรถบิ๊กไบค์คลาส 650ซีซี ที่มาพร้อม Honda E-Clutch Technology และโมเดลที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงเครื่องยนต์เรือรุ่นใหม่ของฮอนด้า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง โซนต่อมา Lifestyle Zone เป็นโชว์เคสผลิตภัณฑ์ฮอนด้าที่สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ทั้ง รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รถจักรยานยนต์สไตล์เทรล และเรือสันทนาการ และโซนสุดท้าย Mobility Zone ซึ่งจัดแสดง UNI-ONE อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบแฮนด์ฟรี ที่ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้ง่าย ๆ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวขณะนั่งโดยไม่ต้องใช้มือ และ Motocompacto สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถพับเก็บและพกพาได้ ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์ได้ที่บูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567

นาย โทชิโอะ คุวาฮาระ หัวหน้าหน่วยธุรกิจประจำภูมิภาค (เอเชียและโอเชียเนีย) บริษัท ฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยกว่า 44 ล้านคนสำหรับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าด้วยดีเสมอมา เป็นเวลาเกือบ 6 ทศวรรษ ที่ฮอนด้าได้มุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และในครั้งนี้ที่บูทฮอนด้า ท่านจะได้พบกับการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อันหลากหลายภายใต้แบรนด์ฮอนด้า ที่ผสานกันอย่างลงตัวกับไลฟ์สไตล์และชีวิตประจำวัน ทั้งไลน์อัปรถยนต์ e:HEV และ จักรยานยนต์ที่นำเสนอโมเดลที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง รวมถึงผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์ฮอนด้าทุกรุ่นและกิจกรรมขององค์กรภายในปี 2050 รวมทั้งผลิตภัณฑ์การเคลื่อนที่ใหม่ อย่าง UNI-ONE และ Motocompacto ที่ฮอนด้าสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนยุคใหม่”

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจและสนับสนุนรถยนต์กลุ่ม e:HEV ทำให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน ด้วยการผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดน้ำมันและด้วยการเติมน้ำมันหนึ่งถังก็สามารถขับไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่า มีให้เลือกในหลากหลายเซกเมนต์ จากความสำเร็จของยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ที่ผ่านมา ในวันนี้ฮอนด้าพร้อมที่จะได้นำเสนออีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ด้วยการแนะนำ Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย ที่พร้อมให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสได้อย่างไร้กังวลด้วยการเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ”
นาย ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์ฮอนด้าพร้อมยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยด้วยเทคโนโลยี และการเพิ่มคุณค่าในตัวผลิตภัณฑ์ ครั้งนี้เราส่งมอบนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Honda E-Clutch Technology ที่จะทำให้การขับขี่รถสปอร์ตเป็นเรื่องที่สนุกและง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการส่งมอบคุณค่าใหม่ๆ ผ่านโมเดลพิเศษอย่าง New Giorno+ Donald Duck Special Edition และ Honda DAX 1978 Special Edition เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ เรายังนำเสนอการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่เพื่ออนาคตที่เรียกว่า Honda Mobile Power Pack ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดสู่ยานพาหนะ EV ได้หลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือรถไฟฟ้าต้นแบบ Honda SC e: Concept ที่เรานำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เรายังได้นำเครื่องยนต์ Outboard Engine ระดับเรือธงอย่าง All New Honda BF350 V8 ที่เปิดตัวล่าสุด มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสอีกด้วย”
ที่บูทฮอนด้า เราภูมิใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์เรือ และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนใหม่ ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่บูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567
โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือข้อเสนอพิเศษได้จากที่ปรึกษาการขายภายในงาน หรือโชว์รูมรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ

สำหรับ “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID”

Gen ใหม่! Gen ชีวิตได้…ทุกสไตล์ มีให้เลือกด้วยกัน 3 เวอร์ชัน คือ รุ่น FAZZIO x FILA Limited Edition ที่มีให้เป็นเจ้าของเพียง 2,500 คันในราคาจำหน่าย 62,900 บาท,
รุ่น Smart key Ver. ที่มาพร้อมกัน 3 สีสไตล์ทูโทน คือ เทา–แดง (Lava Gray), น้ำตาล–เหลือง (Sugar Brown) และ ดำ–ฟ้า ( Iced Black) โดยจำหน่ายในราคา 55,500 บาท และรุ่น STD Ver. มีให้เลือกใช้ 3 สี ได้แก่ สีฟ้า-Candy Blue, สีชมพู-Milky Pink และ สีเทา-Gummy Gray ในราคา 53,800 บาท และให้ความมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร