ยกระดับความดุดัน! ไทยฮอนด้า เปิดตัว New Honda Rebel500, Rebel300 และ New Honda CB150R สีใหม่

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัว ‘New Honda Rebel500, Rebel300’ รถคัสต้อมบ็อบเบอร์ และ ‘New Honda CB150R’ รถนีโอสปอร์ตคาเฟ่ ยกระดับความดุดัน โดดเด่น เอาใจเหล่าไบค์เกอร์สายคลาสสิกด้วยสีใหม่ทั้ง 3 รุ่น
New Honda Rebel500 รถบิ๊กไบค์สไตล์คัสต้อมบ็อบเบอร์ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Express Yourself เท่ให้ถึงแก่น’ ด้วย 2 สีใหม่ สีดำเมทัลลิก (Mat Gunpower Black Metallic) และสีดำมุก (Pearl Shining Black) ลงตัวกับล้อสีทองใหม่สะดุดตา และยังคงเอกลักษณ์แห่งความเท่ ด้วยไฟหน้า LED ทรงกลมขนาดใหญ่ ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED ที่ถูกผสมผสานความคลาสสิกกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 500 ซีชี 2 สูบ หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อม Assist / Slipper Clutch และระบบเบรก ABS
New Honda Rebel500 สีดำเมทัลลิก (Mat Gunpower Black Metallic) ราคาแนะนำ 223,800 บาท และสีดำมุก (Pearl Shining Black) ราคาแนะนำ 226,800 บาท
New Honda Rebel300 มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Express Yourself เป็นตัวเอง…ให้ที่สุด’ โดดเด่นด้วย สีดำมุก (Pearl Shining Black) เครื่องยนต์ 300 ซีชี หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อม Assist / Slipper Clutch และระบบเบรก ABS ราคาแนะนำ 146,900 บาท
New Honda CB150R รถสไตล์นีโอสปอร์ตคาเฟ่ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Soul of the Street เท่สุด สุดถนน’ 2 สีใหม่ สีดำ-เทา (Asteroid Black Metallic) และสีขาว-แดง (Pearl Horizon White) พร้อมลายแถบกราฟิกใหม่บนถังน้ำมัน โฉบเฉี่ยว จัดจ้าน ด้วยโช้กหน้าหัวกลับสีทองใหม่จาก Showa ขนาด 41 มม. ช่วยซับแรงกระแทกให้การขับขี่ที่สมูท โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลมสุดเท่แบบ Cafe Racer เครื่องยนต์ 150 ซีซี 4 วาล์ว เกียร์ 6 สปีด พร้อมเฟรมตัวถังแบบถักสีแดงสะดุดตา ราคาแนะนำ 113,300 บาท
ไทยฮอนด้าวางจำหน่าย New Honda Rebel300 และ New Honda CB150R พร้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ และ New Honda Rebel500 พร้อมวางจำหน่ายที่ศูนย์ Honda BigWing ทุกสาขา

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เปิดตัว CL Custom Edition 3 Type พร้อมชมรถจริงที่งาน Motor Expo 2023

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เดินหน้ารุกตลาดบิ๊กไบค์ช่วงปลายปี เปิดตัว “New Honda CL500 Custom Edition” ตัวคัสตอม 3 ดีไซน์ใหม่เอาใจสาย Scrambler ด้วยสไตล์ที่แตกต่างพร้อมสะท้อนความเป็นตัวตนมากขึ้น กับสไตล์ที่สะท้อนความเฮอริเทจอย่าง CL500 “FTR HERITAGE” EDITION ตามด้วยรถสไตล์คลาสสิกวินเทจที่สะท้อนความเท่เหนือกาลเวลา CL500 “RETRO RAY” EDITION และคัสตอมดีไซน์สปอร์ตที่สะท้อนจิตวิญญาณความแรง CL500 “STREET MASTER” EDITION

CL500 “FTR HERITAGE” EDITION ดีไซน์ด้วยแรงบันดาลใจจากตำนาน อย่าง Honda FTR223 ถ่ายทอด DNA ความเป็นเฮอริเทจ ลงตัวคู่กับเบาะสีแดง ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร พร้อมกับโลโก้ปีกนกย้อนยุค ให้ชาว Scrambler สายคลาสสิกได้มีไว้ครอบครอง
CL500 “RETRO RAY” EDITION ที่ออกแบบมาในสไตล์วินเทจผสานเข้ากับความสง่างามไปอีกระดับกับสีสันแห่งความเรโทร ด้วยสีเหลืองวินเทจ และสีเทาโครเมียมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว คู่กับเบาะสีน้ำตาลและแร็กท้าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนแอ็กทีฟที่ชอบการผจญภัย
CL500 “STREET MASTER” EDITION คัสตอมสไตล์สปอร์ต โดดเด่นด้วยสีทูโทนสีแดงสดตัดกับสีขาว พร้อมตกแต่งด้วยลายกราฟิกบนตัวถังที่บ่งบอกความเป็น Scrambler ตัวโช้กหุ้มด้วยยางช่วยกันฝุ่น และโคลน พร้อมให้ออกไปซิ่งได้ทุกเส้นทางทั้งในเมืองและนอกเมือง
New Honda CL500 Custom Edition พร้อมวางจำหน่าย ทั้ง 3 สไตล์ ราคาแนะนำที่ 236,800 บาท และพบกับโปรโมชันพิเศษที่งาน Motor Expo 2023 รับ Gift Voucher มูลค่า 15,000 บาท พร้อมรับสิทธิแลกซื้อแร็กท้ายคู่กับกระเป๋าอเนกประสงค์ในราคาเพียง 5,000 บาท
พบกันที่บูทรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (G01) ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.–11 ธ.ค.2566
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

ยามาฮ่าจัดใหญ่ดึงสื่อมวลชน และอินฟลูฯ ชั้นนำร่วมเปิดตัวและทดสอบ PG-1

นายพลัฏฐ์ ประวีร์ชานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถสปอร์ต และรถครอบครัว พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับสื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของประเทศไทย ในการเปิดตัว ALL NEW YAMAHA PG-1 Live Playful Ride ใจมันส์ได้…ไปกันได้ รถไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ที่เชิญชวนทุกคนออกไปค้นหาชีวิตในทุกเส้นทาง อย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมทดสอบรถในรูปแบบแรลลี่สุดมัน

โดยการเปิดตัวและทดสอบในครั้งนีัมีขึ้น ณ สนาม MAX-Offroad จ.สระบุรี พร้อมประกาศราคา ALL NEW YAMAHA PG-1 พร้อมกันในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 พร้อมโปรโมชันเด็ดสำหรับ 100 คันแรกที่จองผ่านระบบออนไลน์

“กวาร์ตาราโร” คว้ากริดที่ 8 มั่นใจมีลุ้น “เมนเรซ” โมโตจีพี มาเลเซีย

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า คว้ากริดที่ 8 ในศึก โมโตจีพี สนาม 18 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ เจ้าตัวเชื่อมีลุ้นขยับอันดับใน “เมนเรซ” วันอาทิตย์นี้ ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย

ศึก มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ 2023 ผ่านการแข่งขันรอบควอลิฟาย และ “สปรินต์” เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนับเป็นอีกหนึ่งสนามที่ท้าทายความสามารถของ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และนักบิดทั้ง 2 คนอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร อดีตแชมป์โลกปี 2021 เจ้าของหมายเลข 20 และทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี เจ้าของหมายเลข 21

หลังผ่านการควอลิฟายปรากฏว่า กวาร์ตาราโร ซิวกริดที่ 8 ไปครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 58.080 วินาที โดยจะได้ออกตัวจากแถวที่ 3 ส่วน มอร์บิเดลลี ได้ออกตัวจากกริดที่ 15 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 58.321 วินาที โดยการแข่งขัน “สปรินต์” มีขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มอร์บิเดลลี ขยับขึ้นไปคว้าอันดับ 11 ตามหลังผู้ชนะ 8.775 วินาที ขณะที่ กวาร์ตาราโร ประสบปัญหาในรอบแรกจนรูดลงไปท้ายแถวก่อนไต่ขึ้นมาเข้าป้ายในอันดับ 16 ตามหลังหัวแถว 11.911 วินาที
กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “นี่คือรอบแรกที่ล้มเหลวมากที่สุดเรซหนึ่งของผม รถแข่งของเราถูกบล็อกไว้อีกครั้ง ผมไม่สามารถเบรกหนักได้และกระแทกกับนักบิดคนอื่นในรอบแรก จากนั้นแรงดันลมยางก็พุ่งขึ้นสูงมาก นั่นทำให้ยากต่อการแซง แต่มันคือประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันเมนเรซได้ และตอนนี้เรารู้แล้วว่าไม่ควรทำอะไรในรอบแรก”
ทั้งนี้ ศึก มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36

ไทยฮอนด้า เปิดตัว ‘New Honda CBR150R’ 2 สีใหม่ GRAND PRIX RED และ DOMINATOR MATTE BLACK

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัว ‘New Honda CBR150R’ รถไบค์สายพันธุ์แกร่งในตระกูล CBR Series 2 สีใหม่ ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ มาพร้อมคอนเซปต์‘For the Real Racing Spirit แรงเท่าที่ใจอยากแรง’ พร้อมอัปลุคความสปอร์ตให้โดดเด่นกว่าเดิมด้วยลายเส้นกราฟิกและล้ออัลลอยสีทองใหม่ สะท้อนความเป็น Sport Aggressive ได้อย่างลงตัว
New Honda CBR150R ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ มาพร้อมกราฟิกไตรคัลเลอร์ ที่ถ่ายทอดมาจากดีไซน์ของตัวแข่งฮอนด้าในศึก World Superbike และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ ที่ให้ความดุดันกว่าเดิม ลงตัวกับไฟหน้า LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered ทั้งหน้าและหลัง มาพร้อมกับ Position Light คู่บน และไฟเลี้ยว LED เฉียบคมด้วยเส้นสายบนตัวรถที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ตขั้นสุด New Honda CBR150R ถ่ายทอด DNA ความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตมาได้อย่างสมบูรณ์แบบจากสนามแข่งด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังความแรงด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยน ขับขี่สนุกด้วยท่านั่งในแบบ ‘Super Sport Riding Position’ ที่โอบรับสรีระผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระชับ และคล่องตัว ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์ของความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง
New Honda CBR150R มาพร้อมระบบกันสะเทือน ด้วยการใช้โช้กหน้าแบบหัวกลับ (Upside-down Shock Absorber) จากแบรนด์ SHOWA ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ ABS เสริมด้วยระบบไฟฉุกเฉิน ESS แสดงสัญญาณไฟกะพริบเมื่อใช้เบรกอย่างกะทันหัน
New Honda CBR150R พร้อมวางจำหน่ายรุ่น ABS 2 สีใหม่ ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ ราคาแนะนำ 99,900 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New Honda CBR150R ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

MOTOR EXPO 2023 รวมยานยนต์ครบวงจร รถยนต์ 40 แบรนด์ จักรยานยนต์ 23 แบรนด์

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ศูนย์รวมยานยนต์ประกาศความยิ่งใหญ่ พร้อมจัดแสดงรถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ และอากาศยาน ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม นี้ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า – Mobility: Imagination and Beyond” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้ง ทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก”

รถยนต์ 40 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, CHANGAN, FORD, GWM, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JEEP, KIA, LEXUS, LOTUS, MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NEX, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SMOGO, SUBARU, SUZUKI, TATA, TESLA, TOYOTA, VOLVO, WULING รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW M PERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT
รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW, CINECO, CYCLONE, EM EV BIKE THAILAND, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, I-MOTOR, KAWASAKI, LAMBRETTA, LYVA, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SCOMADI, SMOGO, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA และ ZEEHO
นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 4 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, JUST CAR, MERCEDES-BENZ CERTIFIED, PRE-OWNED VEHICLES และ VOLVO SELEKT
พื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2023 ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงเรือมากกว่า 10 ลำ
ยิ่งกว่านั้น MOTOR EXPO 2023 เปิดพื้นที่จัดแสดงโซนอากาศยานเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับ สถาบันการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรม บริการภาคพื้น และเช่าเหมาลำ รวม 14 องค์กร ได้แก่ โรงเรียนการบินไทยอินเตอร์ไฟลอิ้ง, สมาคม Blue Bird, สมาคมกีฬาทางอากาศ, สถาบันการบินพลเรือน, EASY 2018, PULSE SCIENCE, TOP Engineering, MU Space and Advanced Technology, YAMAHA, SIT, AAS, สยาม ซีเพลน, First Global Jet และ SAVIATION
สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ…ชิงรถ / ซื้อบัตร…ชิงรถ / ซื้อสินค้า…ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์ / ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้
1. “ซื้อรถ…ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG HS PHEV D มูลค่า 1,299,000 บาท
2. “ซื้อบัตร…ชิงรถ” ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V มูลค่า 760,000 บาท
3. “ซื้อสินค้า…ชิงรถ” เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นการจอง/ซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ราคา 529,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
4. “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
5. “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล
พิเศษสำหรับผู้ชมงานมีบริการ “MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR” เป็นแพคเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 700 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10%
พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง motorexpo.co.th, FB : MotorExpo, IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH, Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

เทคโนโลยีสุดล้ำมอเตอร์ไซค์ 3 ล้อแบบไฮบริด YAMAHA TMW

ผ่านเข้าสู่งานใหญ่ประจำปีกับการโชว์นวัตกรรมสุดล้ำของค่ายรถในงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งในปีนี้ ทางยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ขนทัพเทคโนโลยีต่างๆ มาโชว์ภายในงาน โดยครั้งนี้ยามาฮ่าได้พัฒนารถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการเป็นรถในสไตล์ออฟโร้ดที่สามารถลุยไปได้ทุกที่ที่ต้องการ มาร่วมจัดแสดง นั่นคือ YAMAHA TMW ออฟโร้ด ด้วยเทคโนโลยี Leaning Multi-Wheel*

โดย มี 2 ล้อหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระในทุกสภาพเส้นทาง พร้อมทั้งระบบ Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย Hub Motor ของ 2 ล้อหน้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปที่ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมทั้งดีไซน์พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ออกแบบไว้ใน TMW ให้พร้อมออกไปผจญภัยกับ YAMAHA TMW อีกด้วย

*เทคโนโลยีของ Yamaha Motor ที่สองล้อหน้าเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระและมีความสามารถในการปรับตัวสำหรับสภาพพื้นถนนต่างๆ

โรยัล เอ็นฟีลด์’ ปล่อยสองคู่แฝด 650 รุ่นอัปเกรดใหม่! เพิ่มโทนสีดำสุดเท่ พร้อมล้อแม็ก และ ไฟ LED

ยืนหนึ่งด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบอันเลื่องชื่อพร้อมให้สั่งจอง-ทดลองขับขี่เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้!!พบกับสี่สีใหม่สุดเก๋าของ Interceptor 650 และอีกสองเฉดสีใหม่เท่ๆ จากรุ่น Continental GT 650
โดดเด่นด้วยโทนดำทั้งคันพร้อมล้ออัลลอย ผสมผสานงานออกแบบที่สวยคลาสสิกร่วมสมัยเข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ ขานรับทุกสรีระเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
โดยสีใหม่ทั้งหมดจะมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการใช้งาน ตามหลักการยศาสตร์ที่ดี เช่น เบาะนั่งที่สบายยิ่งขึ้น สวิตช์เกียร์ใหม่ พอร์ตชาร์จ USB และไฟหน้า LED ใหม่ทั้งหมด

ยามาฮ่าเผยโฉม XSR900GP ความท้าทายในการมองเห็นด้วยจิตวิญญาณ สวยงามโดดเด่นกับกลิ่นอาย GP

ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเผยโฉม XSR900GP กับกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตเฮอริเทจ สู่ความเป็นรถฟูลแฟริ่งกับการเข้าร่วมการแข่งขันในกรังด์ปรีซ์ในปี 1980 สำหรับ XSR900GP ยังคงความสวยงาม และใช้ขุมกำลังของเครื่องยนต์ขนาด 890 ซีซี 3ลูกสูบแบบ Crossplane ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า

เคาริ่งด้านหน้าถูกดีไซน์สไตล์ Racing ด้วยจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน พร้อมกับสีสันแห่งชัยชนะ แดง-ขาว และสีเหลือง ให้ความลงตัว โดยโมเดลนี้แสดงออกถึงประวัติศาสตร์ของการแข่งรถและจิตวิญญาณที่ยามาฮ่ามอเตอร์ได้สั่งสมมาในการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ในช่วงปี 1980 และจิตวิญญาณของการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน และยามาฮ่าได้เพิ่มเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความโดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง

ฮอนด้ากวาดแชมป์ !! X-Trial สนาม 6 ที่มาดริด “โทนี่ โบ” คว้าชัย ผงาด 34 เวิลด์แชมป์เปี้ยน

การแข่งขัน X-Trial สนามที่ 6 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปดวลกันที่มาดริด ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นโฮมเรซสุดพิเศษด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ 2 นักบิด Repsol Honda Team “โทนี่ โบ” กับรถแข่งหมายเลข 1 ทำผลงานได้อย่างสุดแข็งแกร่ง เริ่มต้นการแข่งขันทำผลงานขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะคว้าชัยชนะไปครอง พร้อมยืนยันการเป็นแชมป์ X-Trial 2023 อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือการแข่งขันอีก 1 สนามที่ฝรั่งเศสก็ตาม

ขณะที่ทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” นักบิดหมายเลข 38 สนามนี้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เป็นนักบิดเพียงคนเดียวเท่านั้นในสนามที่ขึ้นมาท้าทาย “โทนี่ โบ” ได้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 เป็นผลงานที่สุดแข็งแกร่งของ Repsol Honda Team ในสนามนี้ โดยคว้าอันดับที่ 1 – 2 พร้อมผงาดขึ้นเป็นแชมป์โลก X-Trial 2023 เป็นที่เรียบร้อย

“โทนี่ โบ” ยอดนักบิดชาวสเปน ทำผลงานได้อย่างสุดแกร่งในฤดูกาลนี้ โดยคว้าแชมป์โลก TrialGP มาได้ก่อนหน้านี้ และในการแข่งขันแบบอินดอร์อย่าง X-Trial ก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชนะ 5 จาก 6 สนามของฤดูกาลนี้ ก่อนที่จะเก็บแชมป์โลกอีกรายการ โดยเป็นแชมป์ครั้งที่ 34 ของเจ้าตัว

ทั้งนี้ การแข่งขัน X-Trial 2023 สนามที่ 7 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ จะดวลกันต่อเนื่องในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นี้ที่ประเทศฝรั่งเศส (Vendee, France)

“ไทยยามาฮ่า” ปิดจ็อบฤดูกาลแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของ “คนไทย” ในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ยอดทีมแข่งไทยจบภารกิจในฤดูกาลแรกสำหรับการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ด้วยผลงานยอดเยี่ยมจากศักยภาพของบุคลากรชาวไทย ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สองนักบิดไทยผลงานตามเป้ากับฤดูกาลแห่งการเรียนรู้ หลังจบสนามสุดท้ายที่ สเปน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2023 ปิดฉากสนามสุดท้ายของฤดูกาลลงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ – อังเคล นิอัตโต ประเทศสเปน
โดยผลงานสนามสุดท้ายของนักบิดไทยอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของรถแข่ง Yamaha YZF-R6 หมายเลข 51 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ปรากฏว่าเจ้าตัวไล่แซงสุดมันจากกริดที่ 24 บิดคว้าอันดับ 14 ในเรซแรก คว้าแต้มให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 17 ในเรซสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ คัมแบ็กสู่สนามได้อีกครั้ง หลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ “อาร์มปั๊ม” ไปนานหลายเดือน โดยเจ้าของหมายเลข 24 บิดคว้าอันดับ 17 จากเรซแรกมาครอง แต่ไม่สามารถลงทำการแข่งขันในเรซที่ 2 ได้อย่างน่าเสียดาย
ผ่านฤดูกาล 2023 ซึ่งเป็นปีแรกของ “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ในฐานะทีมไทยทีมแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ถือว่าสร้างผลงานได้ตามเป้าในฤดูกาลแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะ “ทีมช่างไทย” ที่ได้รับการยอมรับว่าอยู่ในระดับเดียวกับช่างระดับโลก
ขณะที่ “ตี” อนุภาพ มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม เก็บแต้มจากฤดูกาลแรกมาได้ทั้งสิ้น 24 คะแนน รั้งอันดับ 23 ของโลก ส่วนทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ รั้งอันดับ 38 เก็บมาได้ 4 แต้ม ด้าน ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้าอันดับ 16 ของโลก เก็บมาได้ 49 คะแนน
ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยืนยันสานต่อโครงการนี้ ด้วยการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ 2024 เช่นเคย โดยจะมีการยกระดับทีมหลายด้าน ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ เร็วๆ นี้

2024 Single-Cylinder KTM Duke

ถึงคราวขยับเมื่อผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งทางของปี แต่ละค่ายผู้ผลิตก้จะเริ่มทยอยเปิดแพลนการส่งไลน์อัพรถปีใหม่ๆออกมา เช่นเดียวกับค่ายสีส้มจากออสเตรียอย่าง KTM ที่ได้ฤกษ์เผยไลน์อัพรถในกลุ่มเครื่องยนต์สูบเดียวในซีรีส์ Duke ซึ่งเป็นรถถนนหรือรถสายสตรีทออกสู่สาธารณะชนเพื่อให้รู้ว่าในปี2024รถในกลุ่ม small duke นี้จะได้รับการอัพเดทอย่างไรบ้างก่อนที่จะส่งออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป

KTM ประเดิมรุกตลาดปี2024ด้วยรถตระกูล DUKE ที่จะเป็นรถในกลุ่มเครื่องยนต์แบบ สูบเดียวใหม่ล่าสุด ที่จะได้รับการปรับปรุงให้มีพลังขับเคลื่อนที่มากขึ้น มีการควบคุมรถที่ดีขึ้น และมีแนวคิดของการออกแบบในแต่ละโมเดลที่โดดเด่นชัดเจนกล่าวคือรถแต่ละสไตล์ก็จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไปนั่นเอง  และถ้าจะกล่าวโดยสรุป ถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์หรือรถในซีรีส์ DUKE ใหม่นี้ ก็จะบอกได้ว่า โมเดลรถเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขข้อติติงหรือปัญหายิบย่อยต่างๆที่เคยมีให้หมดปัญหาเรื่องไร้สาระเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น และผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของรถจักรยานยนต์ในแบบของKTMอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2024 ใหม่ทั้งหมด ได้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดให้กับรถในกลุ่ม DUKE ที่มีความจุต่ำกว่า 500 ซีซี โดยจะไล่เรียงจากรุ่นเริ่มต้นนับตั้งแต่ KTM 125 DUKE ที่นำร่องออกมาตั้งแต่ในปี 2011 ภายใต้เป้าหมายที่วางไว้ในการอัพเดทครั้งนี้ ซึ่งผลที่ได้คือการออกแบบใหม่ทั้งหมด จนนำมาซึ่งเครื่องยนต์ใหม่ ทิศทางของการออกแบบโครงสร้างแชสซีใหม่ทั้งหมด และสไตล์ที่ใหม่จากรูปแบบเดิมๆที่ผ่านมา จนได้ KTM DUKE ที่มีความดุดันตามแบบฉบับที่ผู้ขับขี่เคยคาดหวังไว้

ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์มีการออกแบบเฟรม 2 ชิ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยเฟรมหลักโครงเหล็กแบบใหม่ทั้งหมดพร้อมซับเฟรมอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยแรงดัน ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานต่อแรงบิด นอกจากนี้ยังเพิ่มความคล่องตัวที่ดีขึ้นและให้การตอบสนองการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น และด้วยมิติตัวรถที่ปรับปรุงใหม่ ยังมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณลักษณะทางด้านการควบคุมรถ ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพในการขับขี่มากขึ้น

นอกจากนี้ในส่วนของเฟรมยังได้รับการจับคู่กับสวิงอาร์มน้ำหนักเบาแบบโค้งใหม่ที่จะทำงานร่วมกับโช้คอัพหลังที่ได้รับการปรับตำแหน่งจุดยึด ด้วยการติดตั้งไว้นอกตำแหน่งศูนย์กลางแบบเดิม เพื่อให้สามารถออกแบบแอร์บ็อกซ์ให้ใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความสูงของเบาะนั่งโดยรวมลง ความสูงของเบาะนั่งที่ลดลง

อีกไฮไลต์ก็คือเครื่องยนต์สูบเดี่ยวขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ที่เครื่องยนต์ตัวนี้ที่พวกเขาเรียกว่า LC4c ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า 125 ซีซี ; 250 ซีซี  และเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 399 ซีซี ซึ่งก็คือเครื่องที่ใช้ใน KTM 390 DUKE จากประสบการณ์และข้อมูลที่ได้รับจากรุ่นก่อน ขุมพลังของเครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยพวกเขาได้เริ่มต้นทำการปรับปรุงจากชิ้นส่วนอย่างฝาสูบและชุดเกียร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงการคำนึงถึงข้อบังคับด้านมลภาวะที่ต้องจัดการค่าไอเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานตามค่ามาตรฐานของ EURO 5.2

นอกจากนั้นในกลุ่ม KTM DUKE ปี 2024 ยังกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีให้กับรถในกลุ่ม NAKED ที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาดเล็กทุกรุ่น ที่จะมีการติดตั้ง Supermoto ABS เวอร์ชันล่าสุด แผงหน้าปัดขนาด 5 นิ้ว และคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ที่จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน  ในขณะเดียวกันก้จะมีอ๊อพชั่นเสริมพิเศษโดยจะสามารถติดตั้ง Quickshifter+ ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้

ในรุ่นพี่ใหญ่ของกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 390 DUKE คงไม่ผิดนักที่จะระบุว่าอยู่ในฐานะผู้นำของกลุ่มโดยมีความแตกต่างโดดเด่นจากDUKE สูบเดียวอื่นๆที่ออกมานี้ ซึ่งจะมีสองสี คือ Signature Electronic Orange และ Atlantic Blue อีกทั้งโฉมที่ดูโดดเด่นสะดุดตา ด้วยlonger tank spoilers หรือส่วนของสปอยเลอร์ถังน้ำมันที่ยาวขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมพร้อมช่องดักอากาศที่โดดเด่น ฝาครอบหม้อน้ำขนาดใหญ่ขึ้น และไฟ LED

พละกำลังที่ดุดันด้วยเครื่องยนต์ LC4c สูบเดียวน้ำหนักเบาขนาด 399 ซีซีแบบใหม่ทั้งหมด ไม่เพียงแต่เบากว่าและทรงพลังกว่ารุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานของ EURO 5+

นอกจากนี้ 2024 KTM 390 DUKE ยังติดตั้งโช้คหน้า WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมการปรับค่า reboundและcompression ได้ 5 คลิก โดยที่ในส่วนของโช้คอัพหลังsplit piston rear shock absorberแบบลูกสูบแยก ที่มาพร้อมกับการปรับreboundและpreload ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับแต่งการควบคุมให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ พร้อมโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ การตั้งค่าเริ่มต้นคือโหมด STREET โดยมีโหมด RAIN ตามชื่อที่แนะนำ โดยสามารถเลือกได้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเพื่อการตอบสนองของคันเร่งที่ดุดันน้อยลง และยังมีCornering MTC ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มาดูในรุ่นรองลงมาของรถในกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 250 DUKE ที่ดูรูปโฉมภายนอกแล้วจะพบว่ามีความกะทัดรัดด้วยสปอยเลอร์ถังที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ KTM 390 DUKE ซึ่งรูปโฉมที่ดูกะทัดรัดเหล่านี้ดูเหมาะสมสอดคล้องกับกรอบไฟหน้าและระยะความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำกว่า เช่นเดียวกันยังคงมีจอแสดงผล LCD ขนาด 5 นิ้วใหม่ พร้อมไฟหน้า LED ในขณะที่ตัวเลือกสีของรุ่นนี้มีสองตัวเลือกคือ  Electronic Orange และ Ceramic White นอกจากนี้ใน 2024 KTM 250 DUKE ยังถือได่ว่าเป้นรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์สูบเดียวSingle overhead cam(SOHC) ใหม่ ที่เบากว่าและเรียบง่ายกว่าด้วยส่วนประกอบชิ้นส่วนภายในที่น้อยลง และยังมาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้า ride-by-wire และ คลัทช์แบบ assist slipper clutch ขณะเดียวกันในส่วนของระบบกันสะเทือนได้รับการดูแลประสิทธิภาพโดยการเลือกติดตั้งโช้คอัพลูกสูบขนาดใหญ่ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. ปรับไม่ได้ มีระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพ WP APEX Emulsion พร้อมการปรับพรีโหลดที่ด้านหลัง

มาที่น้องเล็กที่กล่าวได้ว่าเป็นโมเดลระดับเริ่มต้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM Naked ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ทรงพลัง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้มันเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดรถขนาดเล็กในภาคพื้นยุโรปอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซีอันทรงพลัง มาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์อันโดดเด่น และระบบกันสะเทือน WP APEX ที่จะช่วยยกระดับ 2024 KTM 125 DUKE ขึ้นไปอีกขั้น

เมื่อมองจากภายนอก 2024 KTM 125 DUKE ได้สร้างความแตกต่างจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ขนาดเล็กอื่นๆ ด้วยตัวเลือกสี Electronic Orange และ Atlantic Blue พร้อมกรอบไฟหน้าและไฟหน้าแบบ LED ที่สว่างเป็นพิเศษ รวมทั้งสปอยเลอร์ถังขนาดกะทัดรัด โดยจะใช้จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน KTM 390 DUKE และจะยังได้รับการติดตั้ง Cornering ABS ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกันนี้ในส่วนระบบคันเร่งไฟฟ้ายังจะได้รับการปรับปรุงพร้อมกับทำการการรีเซ็ตระบบไฟเลี้ยวอัตโนมัติทำให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในส่วนระบบกันสะเทือนของ 2024 KTM 125 DUKE ยังมีโช้คหน้าแบบปรับไม่ได้ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพลูกสูบ WP APEX แบบแยกพร้อมพรีโหลดที่ปรับด้วยเครื่องมือได้นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆในเบื้องต้นสำหรับการยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM DUKE เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะออกมาในปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันก้มีการรองรับความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสำหรับการตกแต่งเพิ่มเติมรวมทั้งการแต่งตัว โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM PowerParts และ KTM PowerWear ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างครบครันโดยสินค้าแต่ละชิ้นต่างได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ใหม่และผู้ขับขี่ โดยให้ประสิทธิภาพ สไตล์ การปกป้อง และความสะดวกสบาย  ก็รอพบกับรถในกลุ่ม small duke ทั้งสามโมเดลดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2023 ที่น่าจะทยอยส่งเข้าสู่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั่วโลก