


ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เดินหน้ารุกตลาดบิ๊กไบค์ช่วงปลายปี เปิดตัว “New Honda CL500 Custom Edition” ตัวคัสตอม 3 ดีไซน์ใหม่เอาใจสาย Scrambler ด้วยสไตล์ที่แตกต่างพร้อมสะท้อนความเป็นตัวตนมากขึ้น กับสไตล์ที่สะท้อนความเฮอริเทจอย่าง CL500 “FTR HERITAGE” EDITION ตามด้วยรถสไตล์คลาสสิกวินเทจที่สะท้อนความเท่เหนือกาลเวลา CL500 “RETRO RAY” EDITION และคัสตอมดีไซน์สปอร์ตที่สะท้อนจิตวิญญาณความแรง CL500 “STREET MASTER” EDITION
นายพลัฏฐ์ ประวีร์ชานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถสปอร์ต และรถครอบครัว พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับสื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของประเทศไทย ในการเปิดตัว ALL NEW YAMAHA PG-1 Live Playful Ride ใจมันส์ได้…ไปกันได้ รถไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ที่เชิญชวนทุกคนออกไปค้นหาชีวิตในทุกเส้นทาง อย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมทดสอบรถในรูปแบบแรลลี่สุดมัน
โดยการเปิดตัวและทดสอบในครั้งนีัมีขึ้น ณ สนาม MAX-Offroad จ.สระบุรี พร้อมประกาศราคา ALL NEW YAMAHA PG-1 พร้อมกันในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 พร้อมโปรโมชันเด็ดสำหรับ 100 คันแรกที่จองผ่านระบบออนไลน์
“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า คว้ากริดที่ 8 ในศึก โมโตจีพี สนาม 18 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ เจ้าตัวเชื่อมีลุ้นขยับอันดับใน “เมนเรซ” วันอาทิตย์นี้ ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย
ศึก มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ 2023 ผ่านการแข่งขันรอบควอลิฟาย และ “สปรินต์” เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนับเป็นอีกหนึ่งสนามที่ท้าทายความสามารถของ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และนักบิดทั้ง 2 คนอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร อดีตแชมป์โลกปี 2021 เจ้าของหมายเลข 20 และทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี เจ้าของหมายเลข 21
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ศูนย์รวมยานยนต์ประกาศความยิ่งใหญ่ พร้อมจัดแสดงรถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ และอากาศยาน ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม นี้ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า – Mobility: Imagination and Beyond” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้ง ทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก”
ผ่านเข้าสู่งานใหญ่ประจำปีกับการโชว์นวัตกรรมสุดล้ำของค่ายรถในงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งในปีนี้ ทางยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ขนทัพเทคโนโลยีต่างๆ มาโชว์ภายในงาน โดยครั้งนี้ยามาฮ่าได้พัฒนารถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการเป็นรถในสไตล์ออฟโร้ดที่สามารถลุยไปได้ทุกที่ที่ต้องการ มาร่วมจัดแสดง นั่นคือ YAMAHA TMW ออฟโร้ด ด้วยเทคโนโลยี Leaning Multi-Wheel*
โดย มี 2 ล้อหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระในทุกสภาพเส้นทาง พร้อมทั้งระบบ Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย Hub Motor ของ 2 ล้อหน้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปที่ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมทั้งดีไซน์พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ออกแบบไว้ใน TMW ให้พร้อมออกไปผจญภัยกับ YAMAHA TMW อีกด้วย
*เทคโนโลยีของ Yamaha Motor ที่สองล้อหน้าเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระและมีความสามารถในการปรับตัวสำหรับสภาพพื้นถนนต่างๆ
ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเผยโฉม XSR900GP กับกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตเฮอริเทจ สู่ความเป็นรถฟูลแฟริ่งกับการเข้าร่วมการแข่งขันในกรังด์ปรีซ์ในปี 1980 สำหรับ XSR900GP ยังคงความสวยงาม และใช้ขุมกำลังของเครื่องยนต์ขนาด 890 ซีซี 3ลูกสูบแบบ Crossplane ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า
เคาริ่งด้านหน้าถูกดีไซน์สไตล์ Racing ด้วยจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน พร้อมกับสีสันแห่งชัยชนะ แดง-ขาว และสีเหลือง ให้ความลงตัว โดยโมเดลนี้แสดงออกถึงประวัติศาสตร์ของการแข่งรถและจิตวิญญาณที่ยามาฮ่ามอเตอร์ได้สั่งสมมาในการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ในช่วงปี 1980 และจิตวิญญาณของการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน และยามาฮ่าได้เพิ่มเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความโดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง
การแข่งขัน X-Trial สนามที่ 6 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปดวลกันที่มาดริด ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นโฮมเรซสุดพิเศษด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ 2 นักบิด Repsol Honda Team “โทนี่ โบ” กับรถแข่งหมายเลข 1 ทำผลงานได้อย่างสุดแข็งแกร่ง เริ่มต้นการแข่งขันทำผลงานขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะคว้าชัยชนะไปครอง พร้อมยืนยันการเป็นแชมป์ X-Trial 2023 อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือการแข่งขันอีก 1 สนามที่ฝรั่งเศสก็ตาม
ขณะที่ทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” นักบิดหมายเลข 38 สนามนี้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เป็นนักบิดเพียงคนเดียวเท่านั้นในสนามที่ขึ้นมาท้าทาย “โทนี่ โบ” ได้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 เป็นผลงานที่สุดแข็งแกร่งของ Repsol Honda Team ในสนามนี้ โดยคว้าอันดับที่ 1 – 2 พร้อมผงาดขึ้นเป็นแชมป์โลก X-Trial 2023 เป็นที่เรียบร้อย
“โทนี่ โบ” ยอดนักบิดชาวสเปน ทำผลงานได้อย่างสุดแกร่งในฤดูกาลนี้ โดยคว้าแชมป์โลก TrialGP มาได้ก่อนหน้านี้ และในการแข่งขันแบบอินดอร์อย่าง X-Trial ก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชนะ 5 จาก 6 สนามของฤดูกาลนี้ ก่อนที่จะเก็บแชมป์โลกอีกรายการ โดยเป็นแชมป์ครั้งที่ 34 ของเจ้าตัว
ทั้งนี้ การแข่งขัน X-Trial 2023 สนามที่ 7 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ จะดวลกันต่อเนื่องในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นี้ที่ประเทศฝรั่งเศส (Vendee, France)
“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ยอดทีมแข่งไทยจบภารกิจในฤดูกาลแรกสำหรับการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ด้วยผลงานยอดเยี่ยมจากศักยภาพของบุคลากรชาวไทย ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สองนักบิดไทยผลงานตามเป้ากับฤดูกาลแห่งการเรียนรู้ หลังจบสนามสุดท้ายที่ สเปน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ถึงคราวขยับเมื่อผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งทางของปี แต่ละค่ายผู้ผลิตก้จะเริ่มทยอยเปิดแพลนการส่งไลน์อัพรถปีใหม่ๆออกมา เช่นเดียวกับค่ายสีส้มจากออสเตรียอย่าง KTM ที่ได้ฤกษ์เผยไลน์อัพรถในกลุ่มเครื่องยนต์สูบเดียวในซีรีส์ Duke ซึ่งเป็นรถถนนหรือรถสายสตรีทออกสู่สาธารณะชนเพื่อให้รู้ว่าในปี2024รถในกลุ่ม small duke นี้จะได้รับการอัพเดทอย่างไรบ้างก่อนที่จะส่งออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป
KTM ประเดิมรุกตลาดปี2024ด้วยรถตระกูล DUKE ที่จะเป็นรถในกลุ่มเครื่องยนต์แบบ สูบเดียวใหม่ล่าสุด ที่จะได้รับการปรับปรุงให้มีพลังขับเคลื่อนที่มากขึ้น มีการควบคุมรถที่ดีขึ้น และมีแนวคิดของการออกแบบในแต่ละโมเดลที่โดดเด่นชัดเจนกล่าวคือรถแต่ละสไตล์ก็จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไปนั่นเอง และถ้าจะกล่าวโดยสรุป ถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์หรือรถในซีรีส์ DUKE ใหม่นี้ ก็จะบอกได้ว่า โมเดลรถเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขข้อติติงหรือปัญหายิบย่อยต่างๆที่เคยมีให้หมดปัญหาเรื่องไร้สาระเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น และผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของรถจักรยานยนต์ในแบบของKTMอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2024 ใหม่ทั้งหมด ได้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดให้กับรถในกลุ่ม DUKE ที่มีความจุต่ำกว่า 500 ซีซี โดยจะไล่เรียงจากรุ่นเริ่มต้นนับตั้งแต่ KTM 125 DUKE ที่นำร่องออกมาตั้งแต่ในปี 2011 ภายใต้เป้าหมายที่วางไว้ในการอัพเดทครั้งนี้ ซึ่งผลที่ได้คือการออกแบบใหม่ทั้งหมด จนนำมาซึ่งเครื่องยนต์ใหม่ ทิศทางของการออกแบบโครงสร้างแชสซีใหม่ทั้งหมด และสไตล์ที่ใหม่จากรูปแบบเดิมๆที่ผ่านมา จนได้ KTM DUKE ที่มีความดุดันตามแบบฉบับที่ผู้ขับขี่เคยคาดหวังไว้
ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์มีการออกแบบเฟรม 2 ชิ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยเฟรมหลักโครงเหล็กแบบใหม่ทั้งหมดพร้อมซับเฟรมอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยแรงดัน ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานต่อแรงบิด นอกจากนี้ยังเพิ่มความคล่องตัวที่ดีขึ้นและให้การตอบสนองการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น และด้วยมิติตัวรถที่ปรับปรุงใหม่ ยังมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณลักษณะทางด้านการควบคุมรถ ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพในการขับขี่มากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของเฟรมยังได้รับการจับคู่กับสวิงอาร์มน้ำหนักเบาแบบโค้งใหม่ที่จะทำงานร่วมกับโช้คอัพหลังที่ได้รับการปรับตำแหน่งจุดยึด ด้วยการติดตั้งไว้นอกตำแหน่งศูนย์กลางแบบเดิม เพื่อให้สามารถออกแบบแอร์บ็อกซ์ให้ใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความสูงของเบาะนั่งโดยรวมลง ความสูงของเบาะนั่งที่ลดลง
อีกไฮไลต์ก็คือเครื่องยนต์สูบเดี่ยวขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ที่เครื่องยนต์ตัวนี้ที่พวกเขาเรียกว่า LC4c ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า 125 ซีซี ; 250 ซีซี และเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 399 ซีซี ซึ่งก็คือเครื่องที่ใช้ใน KTM 390 DUKE จากประสบการณ์และข้อมูลที่ได้รับจากรุ่นก่อน ขุมพลังของเครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยพวกเขาได้เริ่มต้นทำการปรับปรุงจากชิ้นส่วนอย่างฝาสูบและชุดเกียร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงการคำนึงถึงข้อบังคับด้านมลภาวะที่ต้องจัดการค่าไอเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานตามค่ามาตรฐานของ EURO 5.2
นอกจากนั้นในกลุ่ม KTM DUKE ปี 2024 ยังกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีให้กับรถในกลุ่ม NAKED ที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาดเล็กทุกรุ่น ที่จะมีการติดตั้ง Supermoto ABS เวอร์ชันล่าสุด แผงหน้าปัดขนาด 5 นิ้ว และคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ที่จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน ในขณะเดียวกันก้จะมีอ๊อพชั่นเสริมพิเศษโดยจะสามารถติดตั้ง Quickshifter+ ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้
ในรุ่นพี่ใหญ่ของกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 390 DUKE คงไม่ผิดนักที่จะระบุว่าอยู่ในฐานะผู้นำของกลุ่มโดยมีความแตกต่างโดดเด่นจากDUKE สูบเดียวอื่นๆที่ออกมานี้ ซึ่งจะมีสองสี คือ Signature Electronic Orange และ Atlantic Blue อีกทั้งโฉมที่ดูโดดเด่นสะดุดตา ด้วยlonger tank spoilers หรือส่วนของสปอยเลอร์ถังน้ำมันที่ยาวขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมพร้อมช่องดักอากาศที่โดดเด่น ฝาครอบหม้อน้ำขนาดใหญ่ขึ้น และไฟ LED
พละกำลังที่ดุดันด้วยเครื่องยนต์ LC4c สูบเดียวน้ำหนักเบาขนาด 399 ซีซีแบบใหม่ทั้งหมด ไม่เพียงแต่เบากว่าและทรงพลังกว่ารุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานของ EURO 5+
นอกจากนี้ 2024 KTM 390 DUKE ยังติดตั้งโช้คหน้า WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมการปรับค่า reboundและcompression ได้ 5 คลิก โดยที่ในส่วนของโช้คอัพหลังsplit piston rear shock absorberแบบลูกสูบแยก ที่มาพร้อมกับการปรับreboundและpreload ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับแต่งการควบคุมให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ พร้อมโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ การตั้งค่าเริ่มต้นคือโหมด STREET โดยมีโหมด RAIN ตามชื่อที่แนะนำ โดยสามารถเลือกได้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเพื่อการตอบสนองของคันเร่งที่ดุดันน้อยลง และยังมีCornering MTC ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
มาดูในรุ่นรองลงมาของรถในกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 250 DUKE ที่ดูรูปโฉมภายนอกแล้วจะพบว่ามีความกะทัดรัดด้วยสปอยเลอร์ถังที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ KTM 390 DUKE ซึ่งรูปโฉมที่ดูกะทัดรัดเหล่านี้ดูเหมาะสมสอดคล้องกับกรอบไฟหน้าและระยะความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำกว่า เช่นเดียวกันยังคงมีจอแสดงผล LCD ขนาด 5 นิ้วใหม่ พร้อมไฟหน้า LED ในขณะที่ตัวเลือกสีของรุ่นนี้มีสองตัวเลือกคือ Electronic Orange และ Ceramic White นอกจากนี้ใน 2024 KTM 250 DUKE ยังถือได่ว่าเป้นรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์สูบเดียวSingle overhead cam(SOHC) ใหม่ ที่เบากว่าและเรียบง่ายกว่าด้วยส่วนประกอบชิ้นส่วนภายในที่น้อยลง และยังมาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้า ride-by-wire และ คลัทช์แบบ assist slipper clutch ขณะเดียวกันในส่วนของระบบกันสะเทือนได้รับการดูแลประสิทธิภาพโดยการเลือกติดตั้งโช้คอัพลูกสูบขนาดใหญ่ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. ปรับไม่ได้ มีระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพ WP APEX Emulsion พร้อมการปรับพรีโหลดที่ด้านหลัง
มาที่น้องเล็กที่กล่าวได้ว่าเป็นโมเดลระดับเริ่มต้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM Naked ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ทรงพลัง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้มันเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดรถขนาดเล็กในภาคพื้นยุโรปอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซีอันทรงพลัง มาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์อันโดดเด่น และระบบกันสะเทือน WP APEX ที่จะช่วยยกระดับ 2024 KTM 125 DUKE ขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อมองจากภายนอก 2024 KTM 125 DUKE ได้สร้างความแตกต่างจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ขนาดเล็กอื่นๆ ด้วยตัวเลือกสี Electronic Orange และ Atlantic Blue พร้อมกรอบไฟหน้าและไฟหน้าแบบ LED ที่สว่างเป็นพิเศษ รวมทั้งสปอยเลอร์ถังขนาดกะทัดรัด โดยจะใช้จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน KTM 390 DUKE และจะยังได้รับการติดตั้ง Cornering ABS ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกันนี้ในส่วนระบบคันเร่งไฟฟ้ายังจะได้รับการปรับปรุงพร้อมกับทำการการรีเซ็ตระบบไฟเลี้ยวอัตโนมัติทำให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในส่วนระบบกันสะเทือนของ 2024 KTM 125 DUKE ยังมีโช้คหน้าแบบปรับไม่ได้ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพลูกสูบ WP APEX แบบแยกพร้อมพรีโหลดที่ปรับด้วยเครื่องมือได้นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆในเบื้องต้นสำหรับการยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM DUKE เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะออกมาในปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันก้มีการรองรับความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสำหรับการตกแต่งเพิ่มเติมรวมทั้งการแต่งตัว โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM PowerParts และ KTM PowerWear ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างครบครันโดยสินค้าแต่ละชิ้นต่างได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ใหม่และผู้ขับขี่ โดยให้ประสิทธิภาพ สไตล์ การปกป้อง และความสะดวกสบาย ก็รอพบกับรถในกลุ่ม small duke ทั้งสามโมเดลดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2023 ที่น่าจะทยอยส่งเข้าสู่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั่วโลก