YAMAHA FINO FINAL EDITION ฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ Limited 999 คัน เท่านั้น!

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 60 ปี ที่ยืนหยัดในการผลิตสินค้าคุณภาพ และอยู่คู่กับคนไทย ด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ออโตเมติกโมเดลระดับตำนานอย่าง “ฟีโน่” ออกวางจำหน่ายในโอกาสสุดพิเศษนี้ นั่นคือ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” ต้นกำเนิดแห่งรถออโตเมติกแฟชั่นจากยามาฮ่า ความคลาสสิกร่วมสมัยที่ครองใจคนไทยมา กว่า 18 ปี ที่ผลิตออกมาจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 999 คัน ทรงคุณค่าด้วยโลโก้ Emblem สีทอง และเพลทระบุหมายเลขจำกัดเฉพาะแต่ละคันที่ผลิต เพิ่มความพิเศษอีกระดับด้วยหมวกกันน็อกลายพิเศษ และมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

สำหรับ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BLUE CORE 125 ซีซี เทคโนโลยีแห่งความประหยัด เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดี ประหยัดน้ำมัน และช่วยลดมลพิษ ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกจังหวะการขับขี่
“YAMAHA FINO FINAL EDITION” ยังคงเสน่ห์ความโดดเด่นด้วย ไฟหน้า LED สไตล์โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่ Diamond Cut Lens ที่นอกจากจะให้ความสว่างชัดเจนแล้ว ยังเต็มไปด้วยความคลาสสิกร่วมสมัย รวมถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครอย่าง DUO METER เรือนไมล์แยกส่วน พร้อมไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด เห็นชัดทุกองศาการมองในขณะขับขี่
นอกจากนี้ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” ยังมาพร้อมกุญแจแบบ ANSWER BACK SYSTEM ที่สามารถเปิดช่องกุญแจได้แบบอัตโนมัติ พร้อมไฟเรืองแสง และส่งสัญญาณบอกตำแหน่งรถช่วยให้มองหาตำแหน่งจอดรถได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อม LUGGAGE BOX 7.2L ที่เก็บของขนาด 7.2 ลิตร ที่สามารถเก็บหมวกกันน็อกครึ่งใบรวมถึงสัมภาระจำเป็นได้อย่างสบาย และปลอดภัยหายห่วง
โดย “YAMAHA FINO FINAL EDITION” จะผลิตออกมาจำหน่าย จำนวน 999 คัน พร้อมกับหมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษ มาพร้อมกับโลโก้ Emblem สีทอง ที่ระบุหมายเลขการผลิตตัวรถ และเพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ โดยจะนำรถจักรยานยนต์ที่ระบุหมายเลขสวย และหมายเลขมงคลออกมา ร่วมประมูลกับผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า โดยจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปร่วมผลิต และพัฒนาหมวกกันน็อกขนาดเล็กที่ออกแบบและผ่านมาตรฐาน มอก. ทั้งนี้ทางไทยยามาฮ่ามอเตอร์จะทำการบริจาคหมวกกันน็อกผ่านหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงบริจาคผ่านกิจกรรมของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ
สำหรับ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 999 คัน และผลิตจำหน่ายเพียงสีเดียวเท่านั้น คือ สีดำ (Original Black) ที่ทรงคุณค่าเพิ่มขึ้นด้วยโลโก้ Emblem สีทอง พร้อมวางจำหน่ายในราคา 50,900 บาท พร้อมการให้ความมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยสามารถเป็นเจ้าของ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พิเศษลูกค้ายามาฮ่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Yamaha Smart Reward เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th
Facebook : Yamaha Society Thailand
Instagram : @Yamaha Society Thailand
YouTube : Yamaha Society Thailand
Line OA : @Yamahasociety

“ก้อง-ก๊องส์” เดินหน้าสานฝัน โรด แมป “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ออกเดินทางลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2024 “ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมมุ่งทะยานสู่เป้าหมายท็อป 3 โมโตทู “ก๊องส์-ธัชกร” พร้อมท้าทายโมโตทรี เต็มฤดูกาล

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี สองนักบิดจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พร้อมลุยศึกระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ในรายการรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ในรุ่น โมโตทู และ โมโตทรี แบบเต็มฤดูกาล เพื่อสานฝันตาม โรด แมป “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวานที่ผ่านมา โดย “ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยระดับ เวิลด์คลาส หมายเลข 35 ลั่นพร้อมแล้วสำหรับการเดินหน้าสู่เป้าหมายท็อป 3 ของโลก เพื่อสร้างสถิติที่ดีที่สุดของนักแข่งไทย ฝากขอกำลังใจจากแฟนๆ ชาวไทย ช่วยส่งแรงเชียร์ ด้าน “ก๊องส์-ธัชกร” นักบิดดาวรุ่ง หมายเลข 5 ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ในระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตทรี แบบเต็มฤดูกาลเป็นปีแรก เจ้าตัวหวังเก็บแต้มให้ได้ในทุกสนาม โดยมีเป้าหมายท็อป 10

“ก้อง-สมเกียรติ” เจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย นักบิดไทยคนแรกที่คว้าชัยชนะในศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เจ้าของอันดับ 6 ของโลก ในรุ่น โมโตทู ฤดูกาล 2023 กล่าวว่า
“ต้องขอขอบคุณไทยฮอนด้า และผู้สนับสนุน ที่เชื่อมั่นและให้โอกาสผมมาตลอด ที่สำคัญขอบคุณทุกแรงเชียร์จากแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งให้ผมในทุกสนาม ทุกกำลังใจจากแฟนชาวไทยคือกำลังใจที่ดีที่สุดในการมุ่งมั่นเพื่อทำผลงาน ในช่วงปิดฤดูกาลเราได้มีการซ้อมพิเศษเพื่อรักษาความฟิต และศึกษาทบทวนข้อมูลการแข่งในแต่ละสนาม เพื่อนำมาปรับปรุงผลงานของเราในปีนี้ ซึ่งผมเองมีเป้าหมายที่ท้าทายมากในปีนี้ คือการจบ ท็อป 3 ในโมโตทู ให้ได้ แน่นอนว่าผมจะทำให้เต็มที่ทุกๆ สนาม เพื่อคว้าชัยชนะมาฝากกองเชียร์ชาวไทยทุกคนครับ ฝากติดตามชมและเชียร์ผมด้วยนะครับ”
“ก๊องส์-ธัชกร” สู่ความท้าทายใหม่กับรถแข่งหมายเลข 5 ใน รุ่น โมโตทรี แบบเต็มฤดูกาล กับสังกัด “ฮอนด้า ทีม เอเชีย” เป้าหมายท็อป 10 กล่าวว่า
“ขอขอบคุณไทยฮอนด้า และผู้สนับสนุนที่มอบโอกาส ปีนี้เป็นปีที่สำคัญที่ได้รับโอกาสลงแข่งขันในรุ่น โมโตทรี แบบเต็มฤดูกาล กับสังกัด “ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ส่วนตัวเป็นคนชอบตั้งเป้าหมายไว้สูง เพื่อที่จะได้พัฒนาตนเอง ซึ่งอาจมีแรงกดดัน โดยยังคงตื่นเต้นกับความท้าทายใหม่อย่างมาก จะพยายามเรียนรู้ในทุกประสบการณ์ให้มาก เพื่อนำมาพัฒนาทำผลงานให้ดีที่สุด และหวังจะพยายามเก็บแต้มให้ได้ในทุกสนาม โดยมีเป้าหมายท็อป 10”
ทั้งนี้ ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2024 จะระเบิดศึกสนามแรก ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคมนี้ แฟนๆ ความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสาร ส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา รุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี รุ่นโมโตทรี แบบเต็มฤดูกาล พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

ยามาฮ่ามอบรางวัล YAMAHA FAZZIO จากแคมเปญ “Happy 5 ปี นะคะ Tiktok Challenge” คลิปสุดแฮปปี้ เต้นดีเต้นถูกใจ รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท

นายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และสนับสนุนการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มอบรางวัลรถจักรยานยนต์ YAMAHA FAZZIO มูลค่า 53,800 บาท ให้แก่ นายญฐ์ชญา ฟ้ากลาง ผู้โชคดีผ่านแคมเปญ Tiktok Challenge คลิปสุดแฮปปี้ เต้นดีเต้นถูกใจรับ YAMAHA FAZZIO จำนวน 1 รางวัล นอกจากนี้ยังมีรางวัลบัตรน้ำมันมูลค่า 500 บาท จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่ารางวัลรวมทั้งสิ้น 103,800 บาทโดยกิจกรรมนี้ได้จัดเพื่อเป็นการตอกย้ำ ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ และตอกย้ำการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี ทุกรุ่น โดยแคมเปญนี้ได้มีขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 30 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ผ่านช่องทาง Tiktok ซึ่งมีผู้ร่วมสนุกและส่งผลงานชาเล้นจ์ เข้ามาเป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม และลุ้นรางวัลจากยามาฮ่า สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ FACEBOOK : YAMAHA SOCIETY THAILAND และ TIKTOK : YAMAHA SOCIETY THAILAND

โดยการมอบรางวัลในครั้งนี้มีขึ้น ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) เมื่อเร็วๆ นี้

“ทิม ไกจ์เซอร์” บิด Honda CRF450R คว้าแชมป์ ที่ Internazionali d’Italia ก่อนเปิดฤดูกาล MXGP2024

ยอดรถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R พร้อมด้วย 2 นักบิด Team HRC อย่าง “ทิม ไกจ์เซอร์” และ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” โชว์ศักยภาพที่เหนือกว่าคู่ต่อสู้ในการแข่งขัน อินเตอร์เนชั่นแนล เด อิตาเลี่ยน สนามสุดท้ายของรายการพรีซีซั่น โดยคว้าแชมป์ไปครองด้วยผลงานอันสุดดุเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เริ่มต้นการแข่งขันเรซที่ 1 “ทิม ไกจ์เซอร์” เดินเกมได้อย่างร้อนแรงด้วยรถแข่ง หมายเลข 243 คว้าโฮลด์ช็อต พร้อมบิดคว้าชัยชนะมาครอบครอง ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 อยู่โพเดียมในอันดับที่ 3 ในเรซที่ 2 สองคู่หู HRC ออกตัวได้อย่างดุเดือดก่อนมีจังหวะปะทะกันเอง ทำให้ “ทิม ไกจ์เซอร์” หล่นไปกลุ่มท้าย ก่อนที่จะไล่มาจบในอันดับที่ 2 ได้สำเร็จด้วยการแซงในรอบสุดท้าย และ“รูเบน เฟอร์นานเดซ” จบอันดับที่ 4

ผลการแข่งขันทำให้คะแนนรวม “ทิม ไกจ์เซอร์” คว้าแชมป์รายการ อินเตอร์เนชั่นแนล เด อิตาเลี่ยน ไปครอง ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” รั้งอันดับที่ 3 โดยการแข่งขันรายการหลักอย่าง MXGP2024 จะเปิดซีชั่นสนามแรกกันที่ประเทศอาเจนติน่า ในวัน 10 มีนาคมนี้

ไทยฮอนด้า คว้ารางวัลประกาศเกียรติคุณภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ในงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพ ในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ครั้งที่ 32

ร. อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เป็นตัวแทนรับมอบโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณภาคีเครือข่ายภาคเอกชน จาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ครั้งที่ 32

เนื่องในโอกาสที่บริษัทฯ ได้ทำคุณประโยชน์จากการที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และถูกต้องบนท้องถนน และให้การสนับสนุนต่อองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ณ อาคารอเนกประสงค์ (โดม 70 ปี) วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
ติดตามความเคลื่อนไหวของฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย ได้ที่
เว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th
แฟนเพจเฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand
และฝึกคาดการณ์อุบัติเหตุ ช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนนได้ที่ : HondasafetyAPT.com

ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จัดทัพนิวไลน์อัป ลงบิดศึก 2 ล้อระดับนานาชาติ ลุยต่อเนื่อง “ตี – ไอเดีย” บู๊เวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต และส่ง “โฟลท – แสตมป์” ลุยศึกเอเชียโร้ด

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร มร.ฮิเดฮิโกะ ทาคากิ รองประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า และวางแผนการตลาด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง และนักแข่งในสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ถ่ายภาพร่วมกับ คุณนิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย นายไกรทศ วงษ์สวรรค์ อุปนายกสมาคมสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต นายวรวุฒิ พงษ์ธีระพล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะผู้สนับสนุนยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในงานแถลงข่าวเปิดตัวทีมแข่งประจำฤดูกาล 2024

โดยในปีนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยังคงเดินหน้าส่งเด็กไทยลุยศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับนานาชาติ ในรายการ เวิลด์ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 รุ่น เวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี โดยมี ตี อนุภาพ ซามูล และ ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ ลงทำการแข่งขันด้วยรถแข่ง YAMAHA YZF-R6 ส่วนในรายการ เอฟไอเอ็ม เอเชีย โร้ดเรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ตั้งเป้าทวงคืนบังลังก์ความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการส่ง โฟลท รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ดีกรีแชมป์เอเชียรุ่น 600 ลงทำการแข่งขัน พร้อมด้วย แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ดีกรีแชมป์รุ่น 250 ลงทำการแข่งขันในสังกัดยามาฮ่า เทคเน่ ทีมอาเซียน พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังได้ส่งดาวรุ่ง เติ้ล วรพรต ทองดอนเหมือน ลุยศึก ยามาฮ่า อาร์ 3 บลูครู เอฟไอเอ็ม เวิลด์คัพ 2024 เพื่อเปิดประสบการณ์ และพัฒนานักบิดดาวรุ่งไทยในการแข่งขันในเกมระดับประเทศ เพื่อเป็นบันไดขั้นแรกในการก้าวสู่เวทีระดับสากลต่อไปในอนาคต

โดยการแถลงข่าวเปิดตัวทีมแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม 2024 จัดขึ้น ณ ห้องออดิทอเรียม สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) เมื่อเร็วๆ นี้

ยามาฮ่าจัดหนักปิดสยามสแควร์จัดกิจกรรมใหญ่เอาใจสายออโตเมติกแฟชั่นกับ YAMAHA BFF พร้อมคอนเสิร์ตสุดมันกับ 4 ศิลปินชื่อดัง

นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล ผู้จัดการใหญ่ด้านการเงิน นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธน์ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้าและการตลาด นายอัตถากรณ์ สิงห์น้อย รองผู้จัดการใหญ่ด้านการผลิต และนายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันกับมิลลิ ทิลลี่เบิร์ด และเปเปอร์เพลน ในการเปิดกิจกรรม YAMAHA Best Automatic Fashion Festival 2024 รวมพลคนรักยามาฮ่า ออโตเมติก แฟชั่น

โดยภายในงานมีกิจกรรม และเกมสุดมันมากมาย พร้อมการประกวด Random Dance ประกวดเต้นสุดชิค Fashion Ride On Contest ประกวดการแต่งกายคู่กับรถคู่ใจ พรัอมกับ Art Piece BFF ที่เนรมิตผลงานโดย โก๋เอ็ม บุดดาเบลส นายกิตติพงษ์ คำศาสตร์ จุดถ่ายรูปเช็กอินสุดเก๋ พร้อมเกม และกิจกรรมให้ร่วมสนุกพร้อมของรับของรางวัลอย่างมากมาย

พร้อมกันนี้ยังมีบูธจำหน่ายรถจักรยานยนต์จากร้านรุ่งโรจน์มหานคร นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของยามาฮ่ามาร่วมออกบูธพร้อมโปรโมชันพิเศษภายในงาน บูธเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป พร้อมบูธพันธมิตรทางการค้าหมวกกันน็อก INDEX ร้านจำหน่ายไฟหน้าและชุดโคมโปรเจคเตอร์ Sunbeam และ Asaki นำอุปกรณ์ไอทีมาร่วมจัดจำหน่าย

ปิดท้ายความยิ่งใหญ่กับคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ นำโดย MILLI ศิลปินสุดปัง Paper Planes ศิลปินป็อปร็อคแถวหน้าของแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม Tilly Bird 3 หนุ่มบอยแบนด์ขนเพลงดังมาแบบจัดเต็ม ปิดทัายกับ Getsunova ตำนานดนตรีโพสต์พังก์และบริตป็อปกับเพลงฮิตทั่วเมืองไทย มาร่วมสร้างความสนุกสุดมัน
โดยกิจกรรม YAMAHA Best Automatic Fashion Festival 2024 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เอาใจชาวออโตเมติกแฟชั่นของยามาฮ่า ใจกลางสยามสแควร์ เมื่อเร็วๆ นี้

ไทยฮอนด้า ประกาศเปิดราคา All New 650Series รุ่น E-Clutch พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้

ไทยฮอนด้า ประกาศเปิดราคา ‘All New Honda CBR650R E-Clutch และ All New Honda CB650R E-Clutch’ พร้อมกับวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หลังจากเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา
สำหรับราคาอย่างเป็นทางการประกอบด้วย
• All New Honda CBR650R E-Clutch ราคาแนะนำ 347,300 บาท
• All New Honda CB650R E-Clutch ราคาแนะนำที่ 332,100 บาท
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ผู้ที่เป็นเจ้าของ 100 คันแรกจะได้รับบลูทูธติดหมวก Cardo Freecom 2X มูลค่า 7,900 บาท และเสื้อยืด Honda E-Clutch สุดเท่
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ All New Honda CBR650R และ All New Honda CB650R ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/hondabigbike
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/

BMW F900GS

ช่วงเดือนที่ผ่านมา BMW Motorrad เดินหน้าส่งรถปี่พร้อมจำหน่ายในปี2023นี้ทยอยออกมาตามแพลนที่วางไว้ แม้จะเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีแล้วก็ตาม หนึ่งในซีรี่ส์ล่าสุดที่เป็นรถในระดับพรีเมี่ยม แต่จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องยต์ขนาดกลางหรือมิดเดิลเวทคลาส ซึ่งระบุมาในเอกสารประชาสัมพันธ์ว่าเป็น The new premium mid-range touring enduros แถมชี้ชัดเจนว่ามันคือตัวลุยสายทัวริ่งกึ่งเอ็นดูโร่ ซึ่งจัดส่งไลน์อัพออกมาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าพิจารณาเพื่อหาครอบครองด้วยกันสามรุ่น คือ The new F900GS ; F900GS Adventure และตัวที่จัดวางไว้สำหรับเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ระดับentry-level ridersหรือมือใหม่ที่จะหันมาลองสัมผัสประสบการสายนี้ด้วยรุ่น F800GS นั่นเอง อย่างไรก็ตามเราคงของพูดถึงรวมๆเพียงแค่ซีรีส์900 โดยเป้าหมายในการส่ง F 900 GS, F 900 GS Adventure ออกมาสู่ตลาดในคราวนี้ทาง BMW Motorrad มุ่งเน้นที่จะช่วยส่งเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์รถในกลุ่ม enduro สายทัวริ่ง ด้วยเครื่องยนต์สำหรับรถในพิกัดระดับกลางอย่างมีนัยสำคัญ แม้แต่ในรุ่นเล็กสุดอย่างก็ถูกเข็นพ่วงตามมาด้วยรุ่น F 800 GS ใหม่ที่ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์ในอุดมคติสำหรับผู้ขับขี่ระดับเริ่มต้น ที่เป็นตัวเลือกสำหรับมือใหม่ที่อาจจะลังเลกับพิกัด900 นั่นเอง

โดยในรุ่น BMW F 900 GS Adventure เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางผจญภัยระยะยาวและความต้องการที่จะตอบสนองผู้ขับขี่ที่มีความต้องการอย่างแรงกล้าต่อการเดินทางระยะไกลโดยเฉพาะ ทั้งสามรุ่นที่ออกมาพร้อมกันนี้ต่างได้รับการอัปเดตอย่างมี และยังมีอุปกรณ์มาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น ในขณะที่ F900GSจะมีความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่มีขีดความสามารถในการตอบสนองที่กว้างขวางมากมาย ขอบเขตการใช้งานของรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการขยายคุณสมบัติการตอบสนองการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยคุณภาพศักยภาพในการใช้งานบนทางออฟโรดที่ระบุว่าได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น รวมกับน้ำหนักของตัวรถที่ลดลงอย่างมากถึง 14 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้เป็นรุ่น F Series ที่มีความเป็นสปอร์ตยิ่งขึ้น แหล่งพลังขับเคลื่อนของรถอาศัยขุมพลังด้วยเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบ 2cylinder in-line engine ที่มีปริมาตรความจุของเครื่องยนต์ที่กำลังพอดี ให้กำลังขับมากขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ดี

ใน F 900 GS, F 900 GS Adventure และ F 800 GS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ส่งออกมาสู่ดีลเลอร์ในปัจจุบันนี้ ใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบที่เปิดตัวในปี 2018 ที่ในเวลานั้นส่งออกมาพร้อมด้วย F 850 ​​GS ที่ช่วยเพิ่มไดนามิกในการขับขี่สามารถตอบสนงความต้องการใช้งานที่หลากหลาย สาเหตุของความยอดเยี่ยมในด้านประสิทธิภาพหลักๆก็มาจากความจุที่เพิ่มขึ้นเป็น 895 ซีซี จากพื้นฐานเดิม 853 ซีซี) พร้อมกับการตั้งค่ากำหนดองศาการจุดระบิดไว้ที่ 270/450 องศา ส่งผลให้เครื่องยนต์ตัวนี้เสียงที่แผดออกมาได้ถึงอารมณ์หรือฟิลลิ่งในการขับขี่ที่มีความเป็นพิเศษ ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ของ F 900 GS และ F 900 GS Adventure จะให้พลังขับเคลื่อนออกมาโดยพวกเขาระบุว่าจะให้กำลัง 77 kW (105 แรงม้า) และในรุ่น F 800 GS จะให้กำลัง64 kW(87 แรงม้า) ที่เห็นได้ว่ามีการเพิ่มกำลังสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญให้กับการอัพเดทล่าสุดนี้ที่ 10 แรงม้า นอกจากนั้นเครื่องยนต์ใหม่ยังมีลักษณะเฉพาะเมื่อพิจารณาข้อมูลจากกราฟข้อมูลสเปคเครื่องยนต์จะเห็นถึงเส้นโค้งแรงบิดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังการแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับอัตราการเร่งความเร็วที่เร็วขึ้นกว่าเดิม จากคำบอกดังกล่าวนี้สามารถชี้ชัดได้ว่าเวอร์ชั่นล่าสุดของรถทั้งสามรุ่นนี้มีการตอบสนองคันเร่งที่ดียิ่งขึ้น หรืออาจบอกได้ว่ามันจะเป็นรถที่ขี่สนุกมากขึ้นนั่นเอง

มีการติดตั้งโหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ABS Pro และ DTC ที่จะให้มาเป็นมาตรฐานจากโรงงาน โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้โหมดการขี่ Pro จะมาพร้อมโหมดการขี่ที่เพิ่มเติมมาให้ สามารถทำการการเลือกโหมดการขี่ล่วงหน้า และในส่วนของการควบคุมหรือปรับเซทค่าแรงบิดของเครื่องยนต์หรือ engine drag torque control นั้นจะเป็นอ็อพชั่นเสริมไว้ให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสำหรับรหัสรุ่น GS ใหม่ในซีรีส์ F จะมีโหมดการขี่สองโหมดคือ “Rain” กับ “Road” ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

มาลองไล่ดูดีเทลเล็กๆน้อยๆที่ทางค่ายเยอรมันอัพเดทให้รถเอ็นดูโร่ทัวริ่งขนาดมิดเดิลเวทกันบ้าง อย่างในส่วนของBMW F 900 GS จะมาพร้อมถังเชื้อเพลิงพลาสติกใหม่ที่เบากว่าอย่างเห็นได้ชัดและส่วนระบบกันสะเทือนที่จะมาแบบปรับได้เต็มระบบด้วย โช้คอัพแบบกลับหัวกลับที่ปรับได้เต็มที่แบบใหม่  fully adjustable upside-down telescopic forksที่ใช้ทั้งในรุ่น F900GSและF900 GS Adventure

ขณะที่ชิ้นส่วนของโครงสร้างแชสซีส์นั้น ทั้ง F 900 GS, F 900 GS Adventure และ F 800 GS ใหม่ต่างก็ใช้เฟรมแบบบริดจ์bridge-type frame ที่ทำจากชิ้นส่วนเหล็กแผ่นเชื่อมเข้าด้วยกันโดยใช้กรรมวิธี deep-drawn sheet steel parts welded together ซึ่งรวมกับส่วนของเครื่องยนต์อินไลน์ 2 สูบที่ได้รับการออกแบบจัดวางจนนำมาเป็นองค์ประกอบรองรับร่วมกับโครงสร้างแชสซีส์อีกด้วย  ถังเชื้อเพลิงพลาสติกขนาด 14.5 ลิตรของ F 900 GS ใหม่เป็นการพัฒนาใหม่ทั้งหมดซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้ 4.5 กก. เมื่อเทียบกับถังเหล็กของรุ่นก่อนหน้า F 900 GS จะสังเกตุได้ว่าจะมีส่วนท้ายของชิ้นส่วนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้ดูสรีระของชิ้นส่วนถังน้ำมันนี้ดูคล่องตัวยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยลดน้ำหนักของชิ้นส่วนถังโดยรวมได้ประมาณ 2.4 กก. นอกจากนี้น้ำหนักรวมของตัวรถยังสามารถลดเพิ่มได้อีก 1.7 กก. ด้วยผลมาจากชิ้นส่วนของท่อเก็บเสียงด้านหลังที่พัฒนามาโดย Akrapovic

สำหรับ The new F 900 GS ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า เน้นคุณสมบัติการตอบสนองการขับขี่ในแบบออฟโรดมากยิ่งขึ้น ด้วยอ็อพชั่นเพิ่มเติมที่จัดอยู่ในอุปกรณ์เสริม the optional equipment ซึ่งก็คือ  Enduro Pro package ที่จะทำงานร่วมกับ fully adjustable titanium nitride-coated upside-down telescopic forks, fully adjustable central spring strut รวมถึง handlebar risers และโซ่ M Endurance ในขณะที่ส่วนของ  The Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือระบบกันสะเทือนไฟฟ้านั้นจะมีให้เลือกใช้เป็นอ็อพชั่นเสริมสำหรับthe new F 900 GS Adventure และ  F 800 GS ที่ผู้ขับขี่สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อที่จะติดตั้งเพิ่มเติมได้เช่นกัน

สำหรับ BMW F 900 GS ที่เน้นฟิลลิ่งความเป็นสปอร์ตมากขึ้นเพื่อให้ได้ความสนุกสนานในการขับขี่ยิ่งขึ้นมันจึงได้รับการคำนวณตำแหน่งท่าทางการขับขี่ที่มาพร้อมหลักสรีรศาสตร์เพื่อปรับให้มีความเหมาะกับการใช้งานแบบออฟโรด เช่นเดียวกับชิ้นส่วนของที่พักเท้าเป็นแบบ Enduro และขาตั้งด้านข้างอะลูมิเนียม คันเกียร์แบบปรับได้ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับท่าทางจัดวางตำแหน่งขับขี่

Triumph Speed 400 & Scrambler 400 X รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด

อันเป็นรุ่นน้องเล็กที่สุดของตระกูล Speed ที่อยู่ในท้องตลาดมาก่อนหน้านี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถครอบครองรถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษคันนี้ได้ง่ายขึ้นไปอีกระดับ

สำหรับรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Speed 400 ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์โมเดิร์น คลาสสิก ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของไทรอัมพ์ นั่นก็คือ Speed Twin 900 และ Speed Twin 1200 ในขณะที่ Scrambler 400 X เป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในด้านดีไซน์มาจาก Scrambler 900 และ Scrambler 1200 โดยมีสายเลือดแบบออฟโรดที่พาย้อนหวนรำลึกถึง Scramblers รุ่นแรกจากโรงงานในปี 1950

ตัวรถ ถูกออกแบบมาสไตล์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ โดดเด่นด้วยความคล่องตัวของตัวรถ มาพร้อมกับขนาดตัวรถที่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ง่าย เป็นมิตรกับทุกคน ไฟหน้า LED ทรงกลม มาพร้อมไฟสูง, ไฟต่ำ และไฟ DRL ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED เต็มระบบ หน้าจอเรือนไมล์แบบมัลติฟังก์ชั่น ผสมผสานระหว่างเรือนไมล์แบบเข็ม ที่ใช้วัดความเร็ว และหน้าจอดิจิตอล บอกข้อมูลการขับขี่พื้นฐานครบครัน ทั้งตำแหน่งเกียร์, มาตรวัดรอบเครื่องยนต์, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, นาฬิกา และจับทริป โดยเราสามารถควบคุมการทำงานของหน้าจอที่ได้ผ่านประกับแฮนด์ฝั่งซ้าย คันเร่งไฟฟ้าแบบ Ride by wire  ถังน้ำมันความจุ 13 ลิตร มาพร้อมเบาะนั่งตอนเดี่ยว ความสูงอยู่ที่ 790 มม. (Scrambler 835 มม.)

ช่วงล่าง ใช้โช้คอัพหัวกลับขนาดแกน 43 มม. ระยะยุบ 130 มม. มาพร้อมระบบเบรกดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 มม. ปั้มเบรก 4 พอร์ท พร้อมระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบสวิงอาร์ม พร้อมโช้คอัพเดี่ยวปรับพรีโหลดได้ ระยะยุบ 130 มม. ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 230 มม. พร้อมปั้มเบรก 1 พอร์ท และระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ล้อ เป็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รัดยางขนาด 150/60 R17 ชนิดไม่มียางใน Scrambler ล้อหน้า 19 นิ้ว น้ำหนัก 170 กิโลกรัม และ 179 กิโลกรัม (Scrambler)

ทั้งสองรุ่นได้รับประโยชน์จากโครงรถเฉพาะรุ่น ด้วยเฟรมใหม่ ซับเฟรมด้านหลังแบบยึดด้วยสลักเกลียว และสวิงอาร์มอะลูมิเนียมหล่อ จับคู่กับระบบกันสะเทือนที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งาน ทำให้ทั้งสองรุ่นมีการควบคุมที่ง่าย คล่องตัว และมีไดนามิกตามแบบฉบับไทรอัมพ์อันโด่งดัง

เครื่องยนต์ Triumph Speed 400 ใช้เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดในรหัส TR-Series ซึ่งมีจุดกำเนิดที่ต้องย้อนไปถึงการแข่งรถในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันออฟโรดรายการ Six Day Trial ขุมพลังเครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาด 398 ซีซี DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ได้รับการผสมผสานสไตล์โมเดิร์น คลาสสิก อันเป็นเอกลักษณ์ไทรอัมพ์ ส่งมอบพละกำลังความเร้าใจ 40 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แมนนวลคลัทช์มือ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ มาพร้อมกับ ระบบสลิปเปอร์คลัทช์ ช่วยทำให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นในทุกจังหวะการใช้งาน  ระบบควบคุมการยึดเกาะ Traction Control ของทั้ง 2 รุ่นสามารถสลับได้ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดง่าย ๆ ดังนั้นผู้ขี่จึงสามารถปิดการทำงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

รุ่น Speed 400 มีกราฟิกบนตัวถังไทรอัมพ์ สะท้อนถึงสไตล์โรดสเตอร์สุดโดดเด่น โดยมีสีให้เลือกประกอบด้วย สี Carnival Red, สี Caspian Blue และสี Phantom Black

รุ่น Scrambler 400 X มีให้เลือก 3 โทนสี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะฉบับไทรอัมพ์ด้วยแถบสี Scrambler คาดบนตัวถังน้ำมัน ที่มาพร้อมแถบเส้นสามเหลี่ยม โดยมีสีให้เลือก ประกอบด้วย สี Matt Khaki Green/Fusion White, สี Carnival Red/Phantom Black และ สี Phantom Black/Silver Ice

Aprilia TUAREG660

รถ Adventure ขนาดกลางที่ลงตัวจากการที่ได้ลองขี่มาแล้วบอกเลยว่านี่ล่ะรถ Adventure New Standard ในการออกแบบคันนี้ทาง Piaggio Advance Design Center ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Tuareg 600 Wind จากปี 1988 ที่มีเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 562 ซีซี โดยรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย มีจำหน่ายทั้งหมด 3 สีแดง Martian Red, สีทอง Acid Gold และสีน้ำเงิน Indaco Tagelmustเครื่องยนต์ Parallel Twin 659 cc 80 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 70 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ให้พละกำลัง 80 แรงม้า มาพร้อมเทคโนโลยี APRC (Aprilia Performance Ride Control) เทคโนโลยีครบจบตามสไตล์รถทัวร์ริ่งรุ่นใหญ่ พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดโหมด Urban เหมสำหรับกับการขี่ใช้งานในเมืองหรือชีวิตประจำวัน ที่มีรอบเครื่องยนต์ที่มีความนิ่มนวล

โหมด Explore เหมาะแก่การเดินทางไกล ท่องเที่ยว ทางยาวๆ แต่ปล่อยกำลังเครื่องยนต์ไม่ธรรมดา มีเพียงคันเร่งที่แตกต่าง

โหมด Off-road โหมดนี้พร้อมลุยทุกสภาพถนน ระบบอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ระดับที่ต่ำ ABS ล้อหลังจะปิดการทำงานแต่ใครอยากปิดทั้งหน้าและหลังก็สามารถทำได้เช่นกัน

โหมด Individual ก็เป็นโหมดที่ให้ผู้ขี่เซ็ทค่ารถได้อย่างตามใจ ตามสไตล์การขี่ของคุณเองได้เลย

ด้วยหน้าตาที่ยังมีความเป็น DNA ของ Aprilia กับเอกลักษณ์เฉพาะ ไฟหน้าสามตา โดดเด่น ดูเท่ดูล้ำไปอีกแบบ ไม่เหมือนใครแน่นอน และระบบไฟหน้าหลัง ไฟเลี้ยวยังเป็น LED ทุกจุด

ดีไซน์หน้ามาล้ำแล้วเค้าก็ยังใส่ใจเรื่อง Riding Position ด้วยเบาะตอนเดียว นั่งสบายหนานุ่มมาเลย แฮนด์บาร์แบบกว้างทำให้คุมตัวรถได้ง่าย และระยะแฮนด์กับเบาะนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สบายกระชับไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ก็พอดีกับขาที่เราแนบไปกับตัวถังน้ำมันขนาด 18 ลิตร ที่เต็มถังสามารถไปได้ไกลถึง 450 กิโลเมตร

จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจอตามสภาพแสงแวดล้อมอัตโนมัติ ที่บอกรายละเอียดได้ครบถ้วน แบ่งฝั่งชัดเจนด้านขวาเป็นรอบบอกความเร็ว ด้านซ้ายเป็นการแสดงข้อมูลอื่นๆ โดยเลื่อนเล่นเมนูต่างๆ ได้ที่ จอยด้านซ้าย และรถคันนี้ มีโหมด การขับขี่มาให้ 4 โหมด โดยจะแบ่งเป็น

โดยที่ปุ่มโหมดก็ใช้งานง่ายโดยจอยคอนโทรลจะอยู่ที่แฮนด์ด้านขวา ตัวรถก็ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม PMP เพื่อสามารถแสดงระบบนำทางได้ที่หน้าจอได้รวมถึงฟังชั่นอื่นๆ ได้อีก ผ่าน Aprilia MIA และระบบความปลอดภัยในตัวรถก็ถือว่าให้มาเยอะเลยครับทั้ง Aprilia Traction Control ปรับได้ 4 ระดับ หรือจะปิดการทำงานก็ได้

Aprilia Engine Brake ระบบควบคุมความแรงเบรกจากเครื่องยนต์มีให้ปรับถึง 3 ระดับซึ่งเราสามารถเซ็ทค่าได้ในทั้งโหมด Off-road และ Individual

Aprilia Engine Map ระบบควบคุมการตอบสนองของเครื่องยนต์ อยากได้นวลก็ปรับที่ 3 อยากได้รุนแรงก็ปรับไป 1 เซ็ตค่าได้ในทั้งโหมด Off-road และ Individual เหมือนกัน

ABS ระบบเบรกที่เลือกปรับได้อีก 2 ระดับในโหมดIndividual และสามารถปิดการทำงานได้ในโหมด Off-road

และ Aprilia Cruise Control ระบบล็อคความเร็วโดยไม่ต้องบิดคันเร่ง เหมาะมากสำหรับการเดินทางไกลเจอทางตรงยาวๆอยากพักมือก็ใช้ระบบนี้ช่วยได้ซึ่งจะใช้ได้ต่อเมื่อตัวรถอยู่ในเกียร์ 3 ถึงเกียร์ 6 ครับ

ช่วงล่าง KYB ด้านหน้าโช้คหัวกลับขนาด 43 มม.  ระยะยุบ 240 มม. ด้านหลังจะเป็น Monoshock ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มและกระเดื่อง วงล้อหน้า 21 นิ้ว วงล้อหลัง 18 นิ้ว รัดด้วยยางกึ่งที่สามารถลุยได้ทุกสภาพผิวถนน ซึ่งใช้ยางแบบทูปเลสไม่มียางใน หรือจะใส่ยางในก็ได้แล้วแต่สะดวก

ความคิดเห็นหลังการทดสอบขับขี่

จตุรงค์ หมื่นทิพย์ กอล์ฟ ไรดิ้ง

ตัวรถค่อนข้างมีความสูงเล็กน้อยสำหรับตัวผม 555 กับความสูง 168 ซม. ขาเกือบลอย มีเพียงแค่ครึ่งเท้าถึงแตะพื้นพยุงตัวได้ ความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 860 มม.ตัวรถเบามีน้ำหนักแค่ 204 กิโลกรัม ทำให้ไม่รู้สึกหนักใจเมื่อขึ้นไปคร่อม

เครื่องยนต์ 659 ซีซี 2 สูบเรียง 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ RS 660 หรือ Tuono 660 แต่สำหรับ Tuareg 660 ถูกลดลงมาที่ 80 แรงม้า แต่เพิ่มแรงบิดมาให้แทนแถมยังถูกปรับองศาข้อเหวี่ยง 270 องศา นั่นทำ ให้มันเหมาะกับการใช้งานที่ทำได้หลากหลาย

ท่านั่งขี่ให้ความสบายสไตล์รถแอดเสนเจอร์ ตัววินชีลบังลมสั้นทำให้มองเห็นทัศนวิสัยเคลียชัด ขับขี่ด้วยการยืนขี่ยิ่งสะดวกเลย พักเท้าที่ถอดยางออกได้ทำให้เราให้เราวางเท้าแล้วไม่ลื่น ตำแหน่งเกียร์หรือเบรกหลัง อยู่ตำแหน่งที่ใช้งานง่าย

สมรรถนะเต็มระบบใช้รอบเครื่องยนต์เต็มที่ 11,000 รอบ ของ redline อยู่ที่ 10,000 รอบ แต่ขับขี่กันจริงๆ เพียง 4,000-6,000 รอบ ก็เพียงพอแบบชิวๆ เพราะมันมีทอร์คที่จัดจ้าน การขับขี่ครั้งนี้ นักทดสอบจะใช้งานอยู่เพียง 2 โหมด นั่นก็คือ Explore กับ Off-road เพราะเราได้ขี่ทั้งทางดำ และก็ทางดิน

โหมด Explore บนถนนทั่วไป เกียร์ต้นๆ ลากรอบได้ยาวไม่ต้องไปเค้นมาก สำหรับตัวรถขนาดพิกัดไซส์กลาง พลิกรถเลี้ยวง่ายให้ความรู้สึกเบาเมื่ออกตัวขับขี่ เบาะนุ่มนั่งสบาย เบรกจาก Brembo ทำงานได้ฉับไวไว้ใจได้ แต่สำหรับทางลื่นๆ ต้องระวังอาจมีไถล แต่ถ้าทางแห้งปกติกับบางจังหวะที่ต้องใช้เบรกแรงๆ หรือกะทันหัน ABS ทำงานได้ดี ตัวเบรกก็สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย

ช่วงล่าง เหลือๆ เซ็ทค่าโรงงานยังไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ทางเอ็นดูโร่มันช่างสบายอะไรเช่นนี้ ซับแรงได้ดีจนน่าตกใจ ทั้งโดดเนิน ลงหลุม ทางขรุขระ หินลอย รูดแบบไม่ต้องเกรงใจ ให้การทรงตัวดีเลิสประเสิรฐเชียวหล่ะ สำหรับบนท้องถนนตอนที่ใช้ความสูง กับสรีระความยาว และสูงของตัวรถ มันแทบไม่มีอาการส่ายเลย แต่ถ้าเหวี่ยงเข้าโค้งเร็วๆ ก็จะมีบ้างเล็กน้อย ซึ่งนั่นคงไม่มีใครทำ โดยปกติน่าจะใช้ความเร็วอยู่ที่ 100 หรือ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยิ่งไม่รู้สึกเลยแน่นอน ส่วนยางนั้น รับได้หมด จะทางดินก็ไปได้แบบไม่ยากเย็น หรือ ทางดำ ก็เกาะถนนได้ดีเข้าโค้งด้วยความเร็วก็เอาอยู่

โหมด Off-Road นี่ล่ะ ทางเค้าเลย กับรถสไตล์ Adventure วิ่งเข้าป่า ทางวิบาก ช่วงล่างเดิมๆ ที่ติดมาจากโรงงาน KYB เอาเรื่อง ขี่สนุกมากซับแรงกระแทกได้โคตรดี แถมปรับได้อย่าง Full Adjust ทั้งหน้าและหลัง อีกอย่างในโหมด Off-Road ระบบ ABS ข้างหลังจะปิดการทำงานอัตโนมัติ แต่เรายังสามารถปิดด้านหน้าได้อีกด้วย รวมไปถึงระบบ Traction Control ที่สามารถเปิด/ปิดการใช้งานได้เหมือนกันที่จอยคอนโทรลด้านซ้ายมือ จะมีให้ปรับใช้ถึง 4 ระดับ ต้องบอกว่าละเอียดและปรับใช้งานง่าย ล้อหลังหมุนเกินล้อหน้าเมื่อไหร่ ก็พร้อมตัดการทำงานไม่ให้รถเสียอาการ

เอาเป็นว่าใครที่รถสไตล์แอดเวนเจอร์ขนาดกลางๆ สายลุยที่ขี่สนุกๆ เพลินๆ น้ำหนักไม่เยอะมาก  ช่วงรถ และบาลานซ์รถดี ช่วงล่างนุ่มๆ หนึบๆ พร้อมคันเร่งไฟฟ้าละเอียด ขี่ได้ทั้งในเมือง และทางไกลแถมพาไปลุยได้อีก สนใจไปสัมผัส หรือ ลองทดสอบดูก่อนก็ได้ รับรองว่าติดใจแน่นอน ส่วนราคาค่าตัว 749,900 บาท พร้อมออพชั่นการใช้งานเพียบ

“เรปโซล ฮอนด้า ไทรอัล ทีม” พร้อมป้องกันแชมป์เปิดฤดูกาล X-Trial 2024 ที่ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน

“เรปโซล ฮอนด้า ไทรอัล ทีม” (Repsol Honda Trial Team) ทีมสุดแกร่ง ในฐานะแชมป์ฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมป้องกันแชมป์ในศึก Indoor World Trial Championship หรือ X-Trial ฤดูกาล 2024 โดยเริ่มต้นสนามแรกที่ PALAU SANT JORDI ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ นี้

สำหรับสถิติสุดแกร่งของ “เรปโซล ฮอนด้า ไทรอัล ทีม” (Repsol Honda Trial Team) ในฤดูกาล 2023 ที่ผ่านมา ยอดนักบิดไต่เขาชาวสเปน “โทนี่ โบ” และทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” สร้างผลงานเหมารวบอันดับที่ 1 และที่ 2 มาครอง ทั้งนี้ “โทนี่ โบ” สามารถผงาดคว้าแชมป์ได้ถึง 6 จาก 7 เรซ พร้อมไล่ล่าแชมป์โลกไทรอัลเพิ่มเติมจากที่เก็บสะสมได้มาแล้วถึง 17 เวิลด์แชมป์เปี้ยน ขณะที่ “กาเบียล มาเซลลี่” ทำผลงานจบอันดับที่ 3 ในตารางคะแนนสะสม