ยามาฮ่าจัดใหญ่ต่อเนื่องเปิดทดสอบ New MT-09 และ New MT-09SP ในกิจกรรม DARK SIDE MIDNIGHT TEST ที่อิมแพค สปีด พาร์ค

ลูกค้า และประชาชนทั่วไป ทดสอบ New MT-09 และ New MT-09SP

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดทดสอบ New MT-09 และ New MT-09SP ชวนชาวไบค์เกอร์ได้เข้ามาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความ Dark Side of Japan ของรถ Hyper Naked ที่ได้รับความนิยม บนแทร็ก IMPACT Speed Park เมืองทองธานี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกชาว Yamaha Club สมาชิก Yamaha Riders’ club และประชาชนทั่วไป กับบรรยากาศยามเย็น พร้อมกับสายฝนที่โปรยปราย ทำให้ทุกท่านได้สัมผัสกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีใน New MT-09 และ New MT-09SP อย่างเต็มสมรรถนะและยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ให้เข้ากับสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็น Standard Mode, Sport Mode เพิ่มความเร้าใจ และ Rain Mode เพิ่มความปลอดภัยในการทดสอบในช่วงฝนโปรย พร้อมกันนี้ยังมี Custom Modeให้เลือกปรับเซตได้ตามความชื่นชอบของแต่ละบุคคลอีกด้วย

โดยการเปิดทดสอบจะมีกระจายอีกอย่างต่อเนื่องไปตามจังหวัดต่างๆ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook : Yamaha Riders’ Club Thailand สำหรับการทดสอบในครั้งนี้มีขึ้น ณ สนาม IMPACT Speed Park เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

——————————–
#MTSeries #MT09 #Naked #Bigbike #Yamaha #DarkSideofJapan #MasterofTorque #RevsYourHeart #YamahaRidersclubthailand #YamahaBigbike

ROYAL ENFIELD ภูมิใจนำเสนอ GUERRILLA 450 !

พร้อมสนุกไปกับทุกการเดินทางกับโรดสเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด

การขับขี่ Roadsters บนท้องถนนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ดังที่ โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดตัวโรดสเตอร์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด Royal Enfield Guerrilla 450 มอเตอร์ไซค์ที่บอกให้โลกรู้ว่าจริงๆ แล้วการขับขี่รถแบบโรดสเตอร์นั้น มีความสนุกอย่างไร! ทั้งการเคลื่อนไหว ใช้งานง่าย และคล่องแคล่วในการขับขี่  Guerrilla 450 ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาอย่างพิถีพิถัน และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เข้าถึงอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ทรงพลัง หลากสไตล์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้สนุกต่อการขับขี่ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในวันทำงานที่ต้องผ่านการจราจรแออัด วันอาทิตย์ตอนเช้ากับการขับขี่ที่ลัดเลาะไปตามถนน หรือการขับขี่ทางไกลในถนนที่เงียบสงบ

Guerrilla 450 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเอกลักษณะเฉพาะ คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ของ โรยัล เอ็นฟีลด์ คำว่า ‘guerrilla’ ใน โรยัล เอ็นฟีลด์ จารึกได้จากผลงานที่มีระดับและได้รับรางวัล โดยพัฒนาเพื่อจุดประสงค์เดียว คือ ความสนุกสนานจากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น  Guerrilla 450 เป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราวของโรยัล เอ็นฟีลด์ ที่สร้างรถมอเตอร์ไซค์แบบโรดสเตอร์ที่แข็งแกร่งมา มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพูดถึง Guerrilla 450 คุณสิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการประจำ Eicher Motors กล่าวว่า “Guerrilla 450 คือ modern roasters ที่เราทุ่มเทและยินดีกับผลลัพธ์อย่างมาก รถมอเตอร์ไซค์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น  ดูดี รวมความสามารถในการขับขี่ไว้ที่หลากหลาย สร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่ ซึ่งสร้างจากแพลตฟอร์มเดียวกันกับ Himalayan แต่ถูกปรับให้เป็น roadster ที่ทำให้รู้สึกต่างกันอย่างน่าตื่นเต้นเมื่อขับขี่  Guerrilla นำเสนอความเป็น roadsters ได้ดี โดยตอบโจทย์ด้านการขับขี่และรูปลักษณ์ของการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือแม้ตอนเร่งเครื่องยนต์เต็มที่ ด้วยเครื่องยนต์ โครงสร้าง ท่วงท่าการขับขี่ ผสมผสานจนเป็นมากกว่าแค่ส่วนประกอบ”

 Royal Enfield Guerrilla 450 จะมีจำหน่ายทั่วโลก 3 รุ่น – Analogue, Dash และ Flash ทั้งหมด 6 สี โดยรุ่น Analogue จะมีสี Smoke Silver และ Playa Black ซึ่งนี้จะไม่มี TFT cluster ในขณะที่รุ่น Dash ก็มีสี Playa Black กับ Gold Dip รุ่นนี้มี TFT display ในระบบ ส่วนรุ่น Flash แหวกแนวมาในสี Yellow Ribbon และ Brava Blue ซึ่งมาพร้อมสเปกที่ดีที่สุด สำหรับตลาดอื่น ๆ จะมี Smoke Silver เป็นตัวเลือกเดียวใน Analogue

คุณ B Govindarajan CEO แห่ง โรยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “ Guerrilla 450 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่จะมาเขย่าวงการ roadster เมื่อเราเริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์ม Sherpa 450 เรานึกถึง adventure tourer และ roadster ที่เป็นเลิศที่บ่งบอกความเป็นโรยัล เอ็นฟีลด์ได้ดี ซึ่งสิ่งนั้นคือ Guerrilla 450  มอเตอร์ไซค์ roadster ที่มีเอกลักษณ์และความเชื่อมั่นเราได้พัฒนามันพร้อมกับ Himalayan อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่ในเมืองและการขับขี่ท่องเที่ยงตามเส้นทางคดเคี้ยว Guerrilla มอบประสบการณ์บนถนนที่น่าทึ่งพร้อมกับการส่งมอบพลังงานที่เข้าถึงได้ดีเยี่ยมดี ด้วยการผสานกันระหว่าง เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และโครงสร้าง เราทุ่มเวลากับการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์และขับขี่รอบโลก เพื่อการพัฒนาและช่วยให้คุณมั่นใจในฐานะของผู้ขับขี่

The All-Roadster

Guerrilla 450 รถจักรยานยนต์พรีเมียมแบบโรดสเตอร์ ได้รับการออกแบบมาสำหรับทุกสภาพถนน ด้วยเครื่องยนต์ Sherpa 452 cc ที่ถูกปรับแต่งให้มีสมรรถนะที่โดนใจสำหรับการขับขี่แบบ roadster ด้วยเฟรมเหล็กคู่ และท่านั่งแบบหลังตรงและก้มเล็กน้อย ให้อารมณ์แบบสปอร์ต พูดได้เลยว่า เจ้า Guerrilla 450 นำพาเราไปสู่วิถีของ โรดสเตอร์สายพันธุ์ออริจินอลอย่างแท้จริง! การออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ทำให้การขับขี่มีชีวิตชีวา  ให้ความคล่องตัวและการตอบสนองที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้เกิดการขับขี่ที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการหมอบเอนไปข้างหน้า วิ่งเต็มกำลังบนเส้นทางที่คดเคี้ยว หรือบนท้องถนนในเมืองที่ขรุขระและการจราจรติดขัด การขี่รถในเช้าวันอาทิตย์แบบชิล ๆ หรือการขับขี่ระยะทางยาวในวันหยุด Guerrilla คือคำตอบของ ‘all-roadster’ ที่แท้จริง”

GRR – More growl for the prowl: เสียงคำรามที่น่าเกรงขาม 

Guerrilla 450 เครื่องยนต์ Sherpa 452 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการขับขี่รถจักรยานยนต์แบบ roadster เน้นสมรรถนะเต็มเปี่ยม เครื่องยนต์นี้ถูกปรับใช้ครั้งแรกใน Himalayan 450 รถสไตล์ adventure tourer ด้วยตัวระบบ 4 วาล์ว DOHC ของ Guerrilla 450 ให้กำลังสูงสุดที่ 40 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 40 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที โดยมากกว่า 85% ของแรงบิดมีตั้งแต่ 3,000 รอบต่อนาที ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำของ Guerrilla 450 มีปั๊มน้ำภายในที่ประสิทธิภาพสูง หม้อน้ำคู่และท่อ bypass ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงในทุกสภาพการขับขี่ อีกทั้งเกียร์แบบ 6 สปีด พร้อม Slipper Clutch ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่ทำให้ Guerrilla 450 เป็นเครื่องพิสูจน์วิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมและความคิดสร้างสรรค์ของ โรยัล เอ็นฟีลด์

Return of the Real Roadster: การกลับมาของ Roadster

ไม่มีสิ่งไหนจะเหมือนกับรูปลักษณ์และการขี่ Guerrilla 450  ที่มีความดุดัน เก๋าเกมและจิตวิญญาณของนักบิดที่มาพร้อมเบาะนั่งแบบขั้นบันได ถังน้ำมันขนาด 11 ลิตร ไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยวและไฟท้ายในตัว และท่อไอเสียแบบเฉียงขึ้นเจ้า Guerrilla ถูกออกแบบอย่างปราณีต ถูกชิ้นส่วนถูกออกแบบมาอย่างดี สะท้อนความเป็น Roadster ดั้งเดิม ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว รูปทรงการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะ และคุณภาพงานประกอบระดับพรีเมียม Guerrilla 450 ท้าทายกฎเกณฑ์เดิม ๆ โดยนำแนวทางใหม่ ๆ มาสู่การขี่มอเตอร์ไซค์

Intuitive Riding Ergonomics: ออกแบบให้เข้ากับสรีระ 

การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของ Guerrilla 450 ได้รับการออกแบบมาให้รองรับกับสไตล์การขี่ที่แตกต่างกัน ช่วยให้นักบิดสามารถรับมือกับทุกสิ่ง ตั้งแต่ถนนเปิดโล่ง ไปจนถึงเส้นทางที่ต้องใช้ทักษะสูง  รถรุ่นนี้มอบท่านั่งแบบหลังตรงด้วยการผสานกันของเบาะนั่งที่ต่ำ พร้อมที่พักเท้าที่อยู่ตรงกลาง ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายดาย โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิกขนาด 43 มม. และโช้คหลังเดี่ยวช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่โดยไม่สูญเสียความสะดวกสบาย มาพร้อมกับยางแบบไม่มียางในทั้งด้านหน้าและด้านหลังขนาด 17 นิ้ว และระยะฐานล้อ 1440 มม. รถจักรยานยนต์จะรักษาเสถียรภาพและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ทำให้มั่นใจได้ถึงการขับขี่ที่มั่นคงและว่องไว ไดนามิกในการขับขี่ที่น่าดึงดูดและตอบโจทย์นี้ทำให้ Guerrilla 450 เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและการขับขี่อย่างมีชีวิตชีวาบนถนนที่คดเคี้ยว โดดเด่นด้วยความสมดุลการของสมรรถนะตัวรถและฝีมือการขับขี่

Switch moods. Switch Modes: ปรับมู้ด เปลี่ยนโหมด

Guerrilla 450 มอบประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิกที่ปรับให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่ ด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ (EMS) ที่ตอบสนองเป็นพิเศษและเทคโนโลยี Ride-by-Wire ด้วย Performance Mode และ Eco Mode ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนการตอบสนองของคันเร่งให้เหมาะกับอารมณ์และสภาพการขับขี่ของตนเองได้ ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนในเมืองที่พลุกพล่าน หรือควบคุมคันเร่งบนทางคดเคี้ยวและถนนเปิด รถจักรยานยนต์คันนี้จะช่วยให้ผู้ขี่เอ็นจอยยิ่งขึ้นในทุกการขับขี่

Enabled by technology, not defined by it ขับขี่ด้วยเทคโนโลยี

รุ่นท็อปและรุ่นรองท็อปของ Guerrilla มาพร้อมกับ Tripper Dash ใหม่ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์อินโฟเทนเมนต์ขนาด 4 นิ้วที่มีจอแสดงผลผู้ใช้ที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก ซึ่งจะให้ข้อมูลที่สำคัญทุกเมื่อที่จำเป็น Tripple Dash รองรับแอป RE ที่มีฟีเจอร์มากขึ้น เช่น การบันทึกเส้นทางที่สามารถส่งออกเป็นรูปแบบไฟล์ GPX ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแบ่งปันประสบการณ์การขับขี่ของตนกับเพื่อน ๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้าไฟล์ GPX เข้าสู่แอป RE จากอุปกรณ์ของบุคคลที่สามเพื่อสัมผัสและสร้างประสบการณ์ใหม่กับมอเตอร์ไซค์โรยัล เอ็นฟีลด์ของคุณได้อีกครั้ง มากไปกว่านั้น จอแสดงผลยังสามารถควบคุมเพลง การพยากรณ์อากาศ และข้อมูลยานพาหนะอย่างครบถ้วนอีกด้วย

Royal Enfield GMA and Apparel: อุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องแต่งกาย

อุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ (Genuine Motorcycle Accessories) สำหรับ Guerrilla 450 ได้รับการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน ยกระดับทั้งสไตล์และการใช้งาน ด้วยแรงบันดาลใจที่นำมาจากฉาก Flat-Track และการขับขี่ในเมือง อุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้แก่ การ์ดเครื่องยนต์และการ์ดท่อขนาดใหญ่ เบาะนั่งสำหรับการขี่ในเมืองที่เพิ่มสไตล์และความสบายด้วยอานที่ออกแบบดีขึ้น ฟลายสกรีนที่ย้อมสีและกระจกเงาที่รมดำซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ แรงบันดาลใจ Flat Track เห็นได้ชัดจากเบาะนั่ง ตะแกรงกันน้ำมันสีเงิน กระจังหน้า และครอบแผงหน้าปัดสีดำ Halcyon นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกใช้การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัด กระจกข้างที่ยึดเสริมเพื่อการขับขี่และความสวยงามที่ดียิ่งขึ้น Guerrilla 450 มาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางอเนกประสงค์สำหรับการผจญภัยในเมือง

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย Guerrilla 450 สื่อถึง urban moto-culture ของ Royal Enfield เสื้อยืด หมวก และอุปกรณ์สวมศีรษะได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อดึงดูดคอมมูนิตี้นักบิดรุ่นใหม่ เอาใจสายแฟชั่น Guerrilla 450 roadster Royal Enfield ได้เปิดตัวเสื้อแจ็คเก็ต Crossroader ใหม่ ซึ่งเป็นเสื้อแจ็คเก็ตขี่ตัวแรกของอินเดียที่มีแถบไทเทเนียม 100% เสื้อแจ็คเก็ตที่ได้รับการรับรอง CE คลาส A ให้การไหลเวียนของอากาศที่เหนือกว่าพร้อมอุปกรณ์สวมใส่แบบดูอัลสปอร์ต มอบความมั่นใจให้นักขี่ท่องถนนได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และมีสไตล์

โรยัล เอ็นฟีลด์ ยังเปิดตัวโปรแกรม ‘Borderless Warranty Program’ พร้อม Guerrilla 450 โดยโปรแกรมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ขับขี่มีอิสระในการขับขี่มากขึ้นและสำรวจรถจักรยานยนต์ โรยัล เอ็นฟีลด์ ของตนได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยมีระบบบริการที่กว่า 3000 ศูนย์บริการทั่วโลกใน 70 ประเทศ

Alpha V. Ride to the Moon เปิดประสบการณ์การเดินทางล่าแสงจันทร์ใจกลางกรุงเทพฯ

Alpha V. ลูกค้าและสื่อมวลชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 40 ท่าน 25 คัน

เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Alpha Volantis พรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานจริงมาแล้วอย่างมากมาย ได้จัดกิจกรรมเปิดประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ โดยจัดทริปการขับขี่ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศ และความสวยงามของสถานที่สำคัญๆ ใจกลางกรุงเทพฯยามค่ำคืน พร้อมรับประทานอาหารร้านดังย่านเสาชิงช้า โดยมีลูกค้าและสื่อมวลชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 40 ท่าน 25 คัน ซึ่งในขบวนได้มีหลากหลายรุ่น ไม่ส่าจะเป็น Horizon 300SR, Horizon 300PDM, Horizon 300 และ Horizon 150

ทริปการขับขี่ Alpha V. “Ride to the Moon” ได้เริ่มต้นกันที่ศูนย์บริการ Alpha Volantis พระราม 9 ซึ่งเริ่มลงทะเบียนเวลา 18.00 น. พร้อมรับประทานอาหารว่าง และเครื่องดื่มรองท้องก่อนเริ่มงาน ซึ่งก่อนออกเดินทางยังได้รับเกียรติจาก คุณปรัชญา รอดเรืองเดช ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ กล่าวต้อนรับลูกค้าและสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง ซึ่งทริปนี้คุณปรัชญา ก็เป็นหนึ่งในผู้ขับขี่ในทริปด้วย จากนั้นได้เริ่มแนะนำเส้นทางการขับขี่ และอธิบายสัญญาณมือสำหรับการขับขี่ที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ โดยคุณ ชาญชัย ประสิทธิ์นรศรี ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมการตลาด ซึ่งมีดีกรีเป็นอาจาร์ยผู้ฝึกสอนการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วอย่างมากมาย อีกทั้งยังมีทีมงานเป็นผู้ขับขี่นำขบวน ผู้ขับขี่ดูแลรูปขบวน ผู้ขับขี่ปิดขบวน ตอกย้ำว่า Alpha Volantis ให้ความสำคัญในการขับขี่ปลอดภัยในทริปนี้เป็นอย่างมาก

และก็ถึงเวลาที่ทุกคนในทริปต่างรอคอย เมื่อถึงเวลาการออกเดินทางจากศูนย์บริการ Alpha Volantis พระราม 9 ไปยังจุดแรก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดคู่บ้านคู่เมืองของคนไทยที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน โดยเดินทางผ่านถนนเยาวราช ไชน่าทาวน์ของเมืองไทย และถนนราชดำเนิน ที่มีบรรยากาศยามค่ำคืนที่แสนคึกคัก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเมื่อไปถึง วัดพระแก้ว ซึ่งผู้เข้าร่วมทริปต่างดื่มด่ำกับแสงไฟและบรรยากาศแล้ว ได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน ก่อนเดินทางไปรับประทานอาหารระดับตำนานย่านเสาชิงช้า ที่เปิดมาแล้วกว่า 80 ปี อย่างร้าน มิตรโกหย่วน โดยได้ลิ้มรสอาหารจีนสไตล์ไหหลำแท้ ๆ กับเมนูขึ้นชื่อมากมายตั้งแต่ สตูลิ้นวัว ผัดโป๊ยเซียน หมึกทอดกระเทียม ต้มยำกุ้งหม้อไฟ และอาหารชั้นนำอีกมากมาย เรียกว่าจัดเต็มเลยทีเดียว

หลังจากที่อิ่มกับเมนูอาหารกันแล้ว ขบวน Alpha Volantis ได้เดินทางต่อไปยังซอย แพร่งภูธร เพื่อออกเดินทางมุ่งสู่ร้านขนมปัง นมสด ชื่อดังอีก 1 ร้าน และรับประทานขนมปังปิ้งพร้อมเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น ซึ่งระหว่างการทาน ฝนได้ตกลงมาปรอยๆ เพิ่มบรรยากาศสุดชิลด์ให้กับผู้ร่วมทริปในครั้งนี้ยิ่งขึ้น

หลังจากนั้น ทีมงานจึงได้จัดขบวน เพื่อเดินทางสู่อีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ของกรุงเทพฯ ณ เสาชิงช้า อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมใจกลางกรุงเทพ ฯ ที่สวยงามและเป็นสถานที่ไว้สำหรับประกอบพิธี โล้ชิงช้า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ใกล้กับวัดสุทัศน์เทพวราราม เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืนจะมีบรรยากาศที่สวยงาม ทำให้ผู้เข้าร่วมการขับขี่ในทริปครั้งนี้ สุดประทับใจ ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน และร่วมกันถ่ายภาพหมู่ก่อนเดินทางกลับได้อย่างสวยงาม ก่อนที่จะนำขบวนพาผู้เข้าร่วมงานเดินทางกลับถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

กิจกรรมสุดพิเศษจาก ALPHA V. “Ride to the Moon” ยังมีอีกแน่นอน สำหรับครั้งต่อไปจะเป็นสถานที่ไหนนั้นอย่าลืมกดติดตามพวกเรา Alpha Volantis เพราะมีกิจกรรมสนุก ๆ แบบนี้รอคุณอยู่

ติดตามข่าวสารกิจกรรม และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง
Facebook : https://www.facebook.com/Alphavolantis
Website : https://alpha-volantis.com/
YouTube : https://www.youtube.com/@alpha-volantis

#AlphaVolantis
#AlphaVRideToTheMoon
#RidetotheMoon
#InventingTheFuture
#ShineYourElegance
#โดดเด่นทุกความเป็นคุณ
#Horizon150
#Horizon300
#HORIZON300PDM
#Premiumscooter
#UrbanScooter
#HORIZON300SR
#SR
#StreetRacer

โรยัล เอ็นฟีลด์ ขอแนะนำ ‘Make It Yours’

ตกแต่งจากตัวตนที่ใช่ ในสไตล์ที่ชอบ – โปรแกรมแต่งรถจาก Royal Enfield

รถมอเตอร์ไซค์ โรยัล เอ็นฟีลด์ ขึ้นชื่อในด้านการออกแบบที่เรียบง่าย และสามารถตกแต่งให้เป็นตัวของตัวเองได้ง่ายดาย ปรียบดังผืนผ้าใบสำหรับการคัสตอม เพื่อ สร้างตัวตนที่ใช่ สไตล์ที่ชอบในแบบของตัวเองจากการแสดงออกตัวตนสู่แรงบันดาลใจให้ โรยัล เอ็นฟิลด์เปิดตัว โปรแกรม Royal Enfield Make It Yours ตัวตนที่ใช่ สไตล์ที่ชอบเนื่องจากเหล่าผู้ขับขี่สามารถคัสตอมรถตามต้องการพร้อมอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ให้เลือก พร้อมทั้งราคาที่ชัดเจน

เมื่อพูดถึงโครงการนี้ คุณ อนุจ ดัว – หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ โรยัล เอ็นฟีลด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Head of Business, Royal Enfield-APAC) กล่าวว่า “การตกแต่งรถจักรยานยนต์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลนั้นแทบจะเหมือนกับวัฒนธรรมสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์และรถจักรยานยนต์ของ โรยัล เอ็นฟีลด์ ก็ได้ถูกคัสตอมอย่างสวยงามตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชุมชนนักขี่และผู้ชื่นชอบการขี่ของเราเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งมั่นนำเสนอแนวคิดและความคิดริเริ่มใหม่ๆ อยู่เสมอ MiY (Make It Yours) เป็นโครงการที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนถึงชุมชนนักขี่ที่สร้างสรรค์ของเราซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เรา ด้วย โครงการนี้ ผู้ซื้อจะสามารถปรับแต่งรถจักรยานยนต์ของตนได้ในไม่กี่ขั้นตอนง่าย ๆ เราต้องการให้ลูกค้าของเรามีประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงความป็นเอกลักษณ์ของตนเองผ่านรถจักรยานยนต์ของพวกเขาเอง”

ด้วยโปรแกรม Make It Yours  ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์อุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ของแท้ที่ติดตั้งมาจากโรงงานและเชื่อถือได้ซึ่งมาพร้อมกับการรับประกันสามปี ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องยุ่งยากในการซื้อรถจักรยานยนต์แล้วต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมแยกต่างหาก Make It Yours จะเริ่มเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2024 เพื่อประสบการณ์การคัสตอมที่สะดวกและสนุกกว่าที่เคย

ลูกค้าสามารถตกแต่งรถจักรยานยนต์ของตนได้โดยเลือกอุปกรณ์ป้องกัน เช่น การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ ที่เก็บสัมภาระต่างๆ กระเป๋าสัมภาระ ชั้นวางสัมภาระด้านหลัง เบาะนั่งแบบทัวร์ริ่งเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และอื่นๆ เพื่อให้รถจักรยานยนต์มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นต้น

“กรุงศรี ออโต้” เผยภาพความสำเร็จ “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride”

“กรุงศรี ออโต้” ตอกย้ำการเป็นที่ ในใจผู้ใช้รถ

สิ้นสุดไปแล้วกับกิจกรรมทดสอบรถในงาน ‘Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride’ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ทาง ‘กรุงศรี ออโต้ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ขนทัพขบวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวี รวมกว่า 36     แบรนด์ 95 รุ่น ให้ลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่สนใจ ได้ทดลองสัมผัสประสบการณ์ขับขี่จริงก่อนตัดสินใจจองรถ ณ อิมแพ็ค เลคไซด์ 3 ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นภาพความสำเร็จของ กรุงศรี ออโต้ ในการร่วมมือกับแบรนด์ผู้ผลิตทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ

กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดแบบธุรกิจต่อลูกค้าและส่งต่อให้กับพันธมิตรธุรกิจ (B2C2B) ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและผู้ใช้รถ และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับพันธมิตรยานยนต์ในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายรถแบบครบวงจร โดยนายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับกิจกรรม ‘Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride’ ที่ทีม กรุงศรี ออโต้ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ากรุงศรี ออโต้ และลูกค้าในเครือกรุงศรี รวมถึงผู้ใช้รถทั่วไปในอีโคซิสเต็มของเรา โดยดึงเอาอินไซต์และ Pain Point ของผู้ที่มีความต้องการทดลองขับรถหลาย ๆ ยี่ห้อในครั้งเดียว แต่มีอุปสรรคและข้อจำกัดในด้านเวลาและการเดินทางให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อรถจากการได้ทดลองขับขี่จริงและเปรียบเทียบรถแต่ละแบรนด์และรุ่น ที่เรารวบรวมมาไว้ให้ในที่เดียว พร้อมบริการที่ครบวงจรทั้งความเชี่ยวชาญในเรื่องรถจากพันธมิตรยานยนต์ของเราในงานกว่า 35 ราย และเรื่องสินเชื่อจากทีมที่ปรึกษาทางการเงินของ กรุงศรี ออโต้ จากผลิตภัณฑ์ ‘กรุงศรี นิว คาร์’ ‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ และ ‘กรุงศรี บิ๊ก ไบค์’ เราเชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะช่วยผสานความแข็งแกร่งกับพันธมิตรแบรนด์ผู้ผลิต และเครือข่ายผู้ประกอบการรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในการแลกเปลี่ยนคุณค่าทางธุรกิจ (Value Exchange) ร่วมกัน พร้อมตอกย้ำพันธกิจในการสร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้นต่อไป”

ภายในงาน ผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน ได้มีโอกาสทดลองขับรถยนต์และขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวีหลากหลายยี่ห้อและรุ่น สูงสุดถึงสามคันต่อคน ซึ่งเป็นรถที่เหมาะกับโปรไฟล์รายบุคคล อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 17.00 น. บนพื้นที่กว่า 26,600 ตารางเมตร รวม 480 รอบ แบ่งเป็น รถยนต์ 240 รอบ และ รถจักรยานยนต์ 240 รอบ โดยแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วม ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า เมอร์เซเดส เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู    นิสสัน เอ็มจี และบีวายดี เป็นต้น รถจักรยานยนต์ ได้แก่ ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ คาวาซากิ ดูคาติ และเวสป้า เป็นต้น รวมไปถึงรถรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในตลาด อาทิ รถยนต์อีซูซุรุ่นใหม่ ISUZU – MU-X RS 4×4 3.0 AT, รถยนต์ไฟฟ้า NETA X และ รถยนต์ไฟฟ้า Wuling Binguo รุ่นใหม่ล่าสุด และรถจักรยานยนต์ Zontes 350D เป็นต้น สร้างความประทับใจและให้ประสบการณ์ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกับผู้มางาน ในส่วนของพันธมิตรยานยนต์และแบรนด์รถที่เข้าร่วม นับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายกลุ่มเป้าหมายที่มีความพร้อมและต้องการซื้อรถอีกด้วย

นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังได้เตรียมที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้บริการด้านสินเชื่อและข้อเสนอที่เหมาะสมกับความต้องการ ประเมินความสามารถในการชำระค่างวดของลูกค้า ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนภายในงาน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Krungsri Auto Responsible Lending)

“จากความสำเร็จของกิจกรรมในครั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกระตุ้นความคึกคักและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดย กรุงศรี ออโต้ พร้อมที่จะผลักดันและจับมือพันธมิตรเดินหน้าไปด้วยกันทั้งอีโคซีสเต็ม เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายคงสิน กล่าวปิดท้าย

แฟนโมโตจีพีใจฟู! ฝ่ายจัดฯปล่อยคลิป “คำคมรถซิ่ง ชาเลนจ์ กับนักบิดตัวตึงระดับโลก

นักบิดตัวตึงระดับโลก กับโมเมนต์สุดเฮฮา-น่ารัก

ฝ่ายจัดฯโมโตจีพี สนามประเทศไทย โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ดอร์น่าสปอร์ต ส่งคลิปนักบิดพูดภาษาไทย หลังส่งทีมงาน ยกกองไปเก็บโมเมนต์เรียกรอยยิ้ม สุดเฮฮา-น่ารัก มาฝากแฟนความเร็วชาวไทย ประชาสัมพันธ์การแข่งขันในประเทศไทยสู่ทั่วโลก

 

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะระเบิดศึกสนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ระหว่าง วันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน

ล่าสุด ฝ่ายจัดการแข่งขันนำทัพโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ดอร์น่า สปอร์ต ส่งคลิปจากโปรเจ็กต์  Exclusive Interview With MotoGP Rider Presented By Sport Authority Of Thailand  ประเดิมอีพีแรกเป็น “คำคมรถซิ่ง ชาเลนจ์” ชื่อตอน “เมื่อเหล่านักบิดระดับโลก ขอเป็นตัวตึงรถซิ่ง” ให้แฟนชาวไทยได้ชมอิริยาบถสุดน่ารัก โดยมี “แพร” ทวินันท์ เพิ่มพูล อินฟลูเอนเซอร์สาวคนดังขวัญใจไบค์เกอร์ ร่วมซีนสุดฮานี้ด้วย

ทั้งนี้ ในแต่ละปี ฝ่ายจัดการแข่งขัน จะมีการปล่อยคลิปสัมภาษณ์นักบิด, ทำกิจกรรมสนุกๆ, นักบิดพูดภาษาอีสาน, ภาษาไทยและคำตลกๆมากมาย ซึ่งต้องยอมรับว่าแฟนโมโตจีพีชาวไทยรอคอยและเป็นคลิปที่ชื่นชอบมากที่สุด แต่ละคลิปที่สื่อต่างๆนำเสนอ จะเป็นไวรัล มีผู้เข้าชมมากมาย โดยได้รับความสนใจในสื่อโซเชียลอย่างสูงสูด ทำเอายอด Engagement, Reach และ Impression พุ่งไปตามๆกัน

 

โดยในปีนี้ ภายในคลิปเป็น“คำคมรถซิ่ง” เวอร์ชันนักบิดโมโตจีพี อย่าง “บิดจนหมดปลอก น้องบอกพี่ไม่แซ่บ”, “บุรีรัมย์ทำถึง”ที่ได้รับการขนานนามจากแฟนกีฬา ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์จัดกิจกรรมสุดปังหลายๆครั้งจนโด่งดังไปทั่วโลก รวมถึง “ใจฟู” คำสุดฮิตติดปากของ YouTuber เกาหลีเกาใจที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ มาดูกันว่า นักบิดคนไหนจะสวมบทบาท พี่จอง-น้องคัลแลนได้เนียนที่สุด พร้อมคำตลกๆ ฮาๆมากมาย

 

โดยเหล่านักบิดซูเปอร์สตาร์โมโตจีพี ที่ร่วมกิจกรรมนำโดย โจอัน เมียร์ และ ลูก้า มารินี จาก จากฮอนด้า, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเล็กซ์ รินส์ จากยามาฮ่า, สองพี่น้อง มาร์คและอเล็กซ์ มาร์เกซ, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า, เอเนีย บาสเตียนินี จาก ดูคาติ, ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี จาก พรามัค เรซซิ่ง

รวมทั้งนักบิดสายเลือดไทยที่ลงแข่งขันในรุ่น Moto2 “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และทีมเมท มาริโอ้ เซอโย อาจิ นักแข่งชาวอินโดนีเซีย และนักบิดไทยในรุ่น Moto3 “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี และไทโย ฟุรุซาโตะ จากทีมฮอนด้า

แฟนโมโตจีพี รับชมคลิปได้ที่ YouTube Chang International Circuit : https://youtu.be/A2PZ_zJRP-E  ติดตามคลิป Exclusive Interview With MotoGP Rider Presented By Sport Authority Of Thailand ในตอนต่อไป ได้ที่แฟนเพจ Chang Circuit Buriram ส่วนบัตรชมการแข่งขันยังมีจำหน่ายที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ allticket

#MotoGP

#ThaiGP2024

#ChangInternationalCircuit

YAMALUBE YART YAMAHA EWC Official Team ลุยศีกเวิลด์เอ็นดูรานซ์ ตั้งเป้าครองโพเดียม Suzuka 8 Hrs

YAMALUBE สุดยอดน้ำมันเครื่องสนับสนุนแฟคทอรี่ทีมลงแข่งขัน

ยามาฮ่ามีความภูมิใจที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในฤดูกาลที่จะลงชิงชัยในการแข่งขัน Endurance World Championship (EWC) ที่เป็นศักดิ์ศรีของทุกค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ในสนามเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกในรายการ EWC อย่าง “Coca-Cola” Suzuka 8 Hours Endurance Road Race ซึ่งปีนี้นับเป็นการแข่งขันครั้งที่45 นับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมาของเกมเอ็นดูรานซ์บนสนาม Suzuka ของญี่ปุ่น และนอกจากการจัดตั้งทีมพิเศษในฐานะทีมแฟคทอรี่ ที่จะดึงตัวนักแข่งชั้นนำของ YAMAHA มารวมทีมเพื่อร่วมชิงชัยเป็นกรณีพิเศษแล้ว ในฐานะทีมหลักที่ชิงชัยในรายการ EWC ของ YART ก็จะต้องร่วมแข่งขันในสนามสุดพิเศษนี้

โดยวางเป้าหมายที่จะมีผลงานยืนบนโพเดียมในเกมนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ค่อนข้างยากสำหรับทีมแข่งใน EWC ทั้งหมด ที่จะต้านทานทีมแฟคทอรี่เฉพาะกิจของแต่ละค่ายรถญี่ปุ่น รวมถึงทีมชั้นนำของญี่ปุ่นที่รวมตัวมาร่วมแข่งขันในเกมนี้ เหตุผลหนึ่งนั้นเพราะแนวทางในการแข่งขันในที่นี้หมายถึง สไตล์การแข่งใน Suzuka 8 hrs. นี้ก็คือ การเซ็ตรถแข่งที่ต้องเน้นความเร็วสูงสุดแบบเดียวกับการแข่งขัน WorldSBK เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ต้องแข่งขันกันในความที่แปดชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากพื้นฐานของรถแข่งส่วนใหญ่ของฝั่ง EWC ที่จะเน้นความทนทาน ความอึดของรถแข่งเป็นสำคัญเพราะโดยมากจะชิงชัยกันในแบบ เอ็นดูรานซ์ 12 หรือ 24 ชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนี่คือความท้าทายของ YART ที่จะตั้งเป้าแทรกขึ้นไปมีตำแหน่งบนโพเดียมที่นี่

ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าเก็บแต้มสะสมให้มากที่สุดในกลุ่มทีมแข่งหลักของรายการ EWC ด้วยกันเพื่อลุ้นคว้าตำแหน่งแชมป์โลก ด้วยเหตุนี้รถแข่ง YZF-R1 ที่จะใช้ในเกมนี้ จึงได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคและเทคโนโลยีเพิ่มเติมจาก YAMAHA Motor เพื่อลุ้นความท้าทายที่จะทำผลงานที่ดีที่สุดใน Suzuka 8 Hrs. และในโอกาสนี้ทางทีมจึงได้ใช้รถแข่งที่มีสีสันแตกต่างไป โดยจะมีลวดลาย โลโก YAMALUBE ที่เป็นน้ำมันอย่างเป็นทางการของ YAMAHA นั่นเอง ขณะที่ในส่วนของนักแข่งที่จะควบ YZF-R1 ลงชิงชัย จะประกอบไปด้วย Niccolò Canepa จาก Italy, Marvin Fritz จาก Germany, และ Karel Hanika จาก Czech Republic โดยมี Mandy Kainz รับบทบาท team manager เช่นฤดูกาลปกติ

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ #69ปียามาฮ่ามอเตอร์
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaEWC2024
#YamahaFactoryRacingTeam
#YAMALUBE #YAMALUBEYART

โปรเจ็คพิเศษ Ducati Diavel for Bentley

Ducati Diavel for Bentley ผลิตอย่างปราณีตบรรจงประดุจงานศิลป์ด้วยจำนวนจำกัด

Ducati Diavel for Bentley Exclusivity , Performance, Craftsmanship สามคำจำกัดความ ที่ระบุถึงความพิเศษของรถรุ่นพิเศษที่เลิศด้วยพิเศษทั้งคุณค่าสมรรถนะและงานฝีมือในการสร้างสรรค์ ที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง500คัน ของสปอร์ตครุยเซอร์สมรรถนะสูงจากฝั่งโรงงานโบโลญญ่าอย่าง Ducati Diavel ที่จับมือกับค่ายรถยนต์แบรนด์สุดหรูจากฝั่งอังกฤษอย่างBentley ที่ปรับเสริมขึ้นมาจากพื้นฐานรถเดิมๆอย่างDiavel V4

อย่างไรก็ตามสำหรับโปรเจ็คพิเศษ Ducati Diavel for Bentley นี้จะมีสองแพลน คือ 500+50 จากเดิมที่บอกว่ามีจำกัด500คัน จะเป็นเวอร์ชั่นสำหรับลูกค้าDucatiทั่วไป กับรุ่นที่เรียกว่า Bentley Batur ที่เป็นชื่อของรถประเภทคูเป้ของค่ายรถอังกฤษที่จะนำ Diavel V4 ไปทำการปรับแต่งด้วยมือภายในโรงงานCreweของBentleyที่จะจำกัดจำนวน 500คันตามทีทกล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ และจะมีที่พิเศษแต่จะสงวนไว้เฉพาะกลุ่มลูกค้าของ Bentley กับโปรเจ็คย่อยที่เรียกว่า Bentley Mullinerที่จะผลิตอย่างปราณีตบรรจงประดุจงานศิลป์ด้วยจำนวนเพียง50คัน ที่จะทยอยผลิตออกมาตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าเท่านั้น

ดังนั้นในโปรเจ็ค Ducati Diavel for Bentley ที่จะนำเสนอนี้จึงเป็นภาพของการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถคูเป้อย่าง Bentley Batur ที่มีโทนสีเขียว ชิ้นงานปราณีตเนียนโดยสีเขียวที่ใช้นี้กล่าวได้ว่าเป็นโทนสีนิยมของรถแข่งชั้นนำจากประเทศอังกฤษดังนั้น Diavel เวอร์ชั่นนี้จึงมาด้วยโทนสีเขียวเป็นหลักนั่นเอง

โดยในส่วนของโครงสร้างแชสซีและชิ้นส่วนองค์ประกอบของรถจักรยานยนต์ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยพวกเขาบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบมาจากรถคูเป้อย่าง Bentley Batur ขณะที่ไฮไลท์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่น่าสนใจเป็นไฮไลท์ของรถที่พัฒนาอัพเกรดมรติดตั้งกับรถคันนี้ก็ได้แก่ Integrated Turn-by-Turn navigation ที่เป็นระบบนำทางturn by turn navigation system ที่ติดตั้งรวมอยู่ในชุดเรือนไมล์ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมาจากโรงงาน มีการเลือกใช้เบาะนั่งเดี่ยวแบบถอดได้พร้อมกับส่วนท้ายเป็นเบาะเดี่ยวแบบถอดได้ มีเบาะนั่งผู้โดยสารเป็นอุปกรณ์เสริม ติดตั้งไฟ LED เมทริกซ์โดยส่วนของไฟท้ายเมทริกซ์ LED แสดงภาพเคลื่อนไหวโดยเฉพาะเมื่อกดปุ่ม

ปุ่ม  ที่ด้านข้างของรถจักรยานยนต์ มีแผ่นป้ายบอกหมายเลขเฉพาะของคันที่ผลิต ปลายท่อไอเสียแบบ four-exit silencer ที่ไม่อาจละเลยรายละเอียดไปได้ด้วยท่อเก็บเสียงสี่ทางออกที่มาพร้อมฝาปิดปลายท่อและฝาครอบคาร์บอนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

ล้อฟอร์จูนForged wheels ด้วยสี Dark Titanium Satin โดยทาง Centro Stile Ducati ร่วมมือกับนักออกแบบของ Bentley สร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Batur ซึ่งใช้เส้นแนวนอนเป็นหลักในมุมมองด้านข้าง สี Scarab Green หรูหราและประณีต เต็มไปด้วยเฉดสีเมทัลลิก  มุมมองทรวดทรงเส้นสายที่เฉียบขาดและดุดันของ Diavel V4 ยังได้รับการแก้ไขอย่างลึกซึ้งผ่านองค์ประกอบทางเทคนิค คุณลักษณะเฉพาะหลายประการของ Batur ถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆ ของจักรยานยนต์ ขอบล้อฟอร์จที่ออกแบบและสร้างขึ้นสำหรับรถจักรยานยนต์คันนี้ ทำให้นึกถึงรูปทรงของรถ และทาสีด้วยซาตินไทเทเนียมสีเข้ม ทำให้มองเห็นพื้นผิวที่ผ่านการกลึงบางส่วนได้ ช่องรับอากาศด้านข้างสะท้อนถึงกระจังหน้าแบบทูโทน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของบาตูร์ เครื่องแยกด้านหลังแบบสามเหลี่ยมหมายถึงองค์ประกอบที่สอดคล้องกันของรถ บังโคลนหน้า แฟริ่ง และมุมมองด้านบนของตัวถังทำให้นึกถึงซี่โครงบนฝากระโปรงหน้า ส่วนประกอบตัวถังรถหลายชิ้นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง (บังโคลน ฝาครอบไฟหน้า เครื่องยนต์ ฝาครอบท่อไอเสียและหม้อน้ำ แผงบังหม้อน้ำ แผงด้านข้าง ชิ้นส่วนท้าย) เบาะนั่งของผู้ขี่หุ้มด้วยหนัง Alcantara สีดำได้รับแรงบันดาลใจจากการตกแต่งภายในของรถ โดยได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยเผยให้เห็นผ้าสีแดงที่อยู่ด้านล่างซึ่งมีพื้นผิวแบบเดียวกับเบาะนั่ง Batur และมีโลโก้ของ Bentley ปักอยู่บนเบาะด้านหลัง ท่อไอเสียคู่พร้อมฝาปิดได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับเส้นสายที่ประณีตของDiavel เวอร์ชั่นนี้ Diavel สำหรับ Bentley ก็เหมือนกับรถสะสมอื่นๆ ของ Ducati โดยจะมาพร้อมกับใบรับรองผลิตภัณฑ์ของแท้ เบาะนั่งผู้โดยสาร และผ้าคลุมรถมอเตอร์ไซค์ ชื่อของรุ่นและหมายเลขการผลิตของยูนิตถูกสลักไว้ การส่งมอบ Diavel ใหม่

สำหรับกำหนดการส่งมอบให้กับลูกค้าจะเริ่มจัดส่งได้ในฤดูร้อนปี 2567

โดยราคาในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 70,000 ดอลลาร์สำหรับ Diavel for Bentley และ 90,000 ดอลลาร์สำหรับ Diavel for Bentley Mulliner ซึ่งพื้นฐานรายละเอียดของตัวรถมีข้อมูลดังนี้

 

Engine Type

V4 Granturismo, V4 – 90°, 4 valves per cylinder, counter-rotating crankshaft, Twin Pulse firing order, liquid cooled

Displacement

1,158 cc (71 cu in)

Bore x Stroke

83 mm x 53.5 mm

Compression Ratio

14.0:1

Power

168 hp (124 kW) @ 10,750 rpm

Torque

12.8 kgm (126 Nm, 93 lb ft) @ 7,500 rpm

Fuel Injection

Electronic fuel injection system, Øeq 46 mm elliptical throttle bodies with Ride-by-Wire system

Exhaust

Stainless steel exhaust muffler with 4 exit pipes, 2 catalytic converters and 4 lambda probes

Gearbox

6 speed with Ducati Quick Shift up/down

Primary drive

Straight cut gears; Ratio 1.80:1

Ratio

1°=40/13, 2°=36/16, 3°=34/19, 4°=31/21, 5°=29/23, 6°=27/25

Final drive

Chain, front sprocket z16, rear sprocket z43

Clutch

Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

Frame

Aluminium monocoque frame

Front suspension

Ø 50 mm fully adjustable usd fork

Front Wheel

Light alloy forged and machined, 3,5″ x 17″

Front Tyre

Pirelli Diablo Rosso III, 120/70 ZR17

Rear suspension

Fully adjustable monoshock, aluminium single-sided swingarm

Rear Wheel

Light alloy forged and machined, 8,0″ x 17″

Rear Tyre

Pirelli Diablo Rosso III, 240/45 ZR17

Wheel Travel (Front/Rear)

120 mm / 145 mm (4.7 in / 5.7 in)

Front Brake

2 x Ø 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Stylema monobloc 4-piston calipers, radial master cylinder PR16/19, Cornering ABS

Rear Brake

Ø 265 mm disc, Brembo 2-piston floating caliper, Cornering ABS

Instrumentation

5″ TFT colour display

Seat Height

790 mm (31.1 in)

Wheelbase

1,593 mm (62.7 in)

Rake

26°

Trail

112 mm (4.4 in)

Fuel Tank Capacity

20 l (5.3 US gal)

Number of Seats

2

Safety Equipment

Riding Modes, Power Modes, Cornering ABS, Ducati Traction Control, Ducati Wheelie Control, Daytime Running Light, Ducati Brake Light

Standard Equipment

Ducati Quick Shift, Ducati Power Launch, Cruise control, Hands-Free, 5″ TFT colour display, Ducati Multimedia System, Turn-by-turn navigation system, Backlit handlebar switches, Full-LED lighting system, Dynamic turn indicators, Key-on animation for rear light, Forged wheels, Carbon fibre parts, Alcantara seat

Provided Equipment

Alcantara passenger seat, Motorcycle cover, Wooden delivery box, Certificate of authenticity

Warranty

24 months, unlimited mileage

Maintenance service intervals

15,000 km (9,000 miles) / 24 months

Valve Clearance Check

60,000 km (36,000 miles)

Standard

Euro 5

CO2 Emissions

154 g/km

Consumption

6.4 l/100km

 

BMW R1300 GS รุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์

อัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์

ถึงคราวอัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์และทัวรริ่งอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยการเปิดไลน์อัพใหม่ ใหญ่กว่าเดิม พร้อมนิยามที่ว่า Next Level GS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ และ ระบบกันสะเทื นใหม่ แถมยังได้รับการลดน้ำหนักในส่วนต่างพร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถรอบตัว  และจะขาดไม่ได้ก็คือ จิตวิญญาณของความเป็นGS หรือ Spirit OF GS

ถูกต้องแล้วนี่คือเรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์ที่ว่ากันว่าเป็นเวอร์ชั่นดีที่สุดเท่าที่มีมากับโมเดลล่าสุดที่เปิดตัวมาในชื่อ R1300GS จาก BMW Motorrad  ที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทาง ทุกโค้งทุกเส้นทางลาดเอียงขึ้นเนินไต่ที่ลาดชันแม้ ต่เส้นทางออฟโรดทุรกันดานสมบุกสมบันก็พร้อมฝ่าฟันด้วยพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพตามวิถีทางหรือตามแนวทางที่เป็นไปของรถในรหัสGSนี้

BMW R 1300 GS เวอร์ชั่นใหม่ The Next Level GS มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ใหม่และระบบกันสะเทือนใหม่ พร้อมน้ำหนักที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดและเพิ่มความสามารถของ GS ในทุกด้าน

ด้วยการปรับปรุงเสริมสร้างความเป็น Next Level GS ของBMW Motorrad ในครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่านี่คือการก่อตั้งเซ็กเมนต์ใหม่ของรถสไตล์ TouringEnduro ที่เข้ามาสร้างมิติใหม่ในการขับขี่เพิ่มเสริมประสบการณ์ใหม่ๆจากแบบทัวริ่ดั้งเดิมของรถตระกูลGSที่สืบสานมากว่าสี่ทศวรรษที่แล้ว ด้วยรุ่นริเริ่มอย่าง R 80 G/S BMW GS พร้อมเครื่องยนต์ Boxer เป็นผู้นำอย่างไม่มีข้อโต้แย้งในด้านการแข่งขันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนี้จะยังคงอยู่ในอนาคต BMW Motorrad ได้เลือกใช้การออกแบบใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับ R 1300 GS ใหม่ โดยลดน้ำหนักได้อย่างน่าประทับใจถึง 12 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่เคยผลิตออกมา

หัวใจสำคัญของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบระดับตำนาน ที่ได้รับการออกแบบใหม่มีขนาดกะทัดรัดกว่าที่เคยด้วยกระปุกเกียร์ที่อยู่ใต้เครื่องยนต์และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่ จากขนาด 1,300 ซีซีพอดี ให้กำลัง 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที นี่ทำให้เป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของ BMW ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์นี้

มาดูที่กึ่งกลางของระบบกันสะเทือนแบบใหม่คือโครงหลักที่เป็นแผ่นโลหะที่ทำจากเหล็ก ซึ่งนอกจากจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมากในแง่ของพื้นที่การติดตั้งแล้ว ยังให้ระดับความแข็งที่สูงกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย สำหรับเฟรมด้านหลัง โครงสร้างเหล็กท่อแบบเดิมได้ถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแล้ว ในส่วนของ new EVO Telelever front wheel guideใหม่พร้อมองค์ประกอบที่ยืดหยุ่นให้ตัวได้และ EVO Paralever rear wheel guide ที่ปรับปรุงใหม่ ยังให้ความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวและมีความเสถียรในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

New electric Dynamic Suspension Adjustment(DSA) เป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้ดี มาพร้อมการปรับอัตราหน่วงและสปริงแบบไดนามิก และยังมีการชดเชยน้ำหนักบรรทุกอีกด้วย โดยระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์ Dynamic ESA Next Generation รุ่นก่อนหน้านั้นมอบความปลอดภัยในการขับขี่ระดับสูงและความสนุกสนานในการขับขี่บนภูมิประเทศที่หลากหลาย ด้วยการปรับระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกdynamic adjustment of the damping  และที่พักสปริงแบบปรับได้ที่ด้านหลัง adjustable spring rest at the rear การปรับช่วงล่างแบบไดนามิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (DSA) ใหม่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยผสมผสานการปรับแบบไดนามิกของโช้คอัพหน้าและหลังเข้ากับการปรับอัตราสปริง (“ความแข็งของสปริง”) ที่สอดคล้องกัน – ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก สภาพการขับขี่ และ สถานการณ์การขับขี่ การปรับส่วนที่เหลือของสปริงโดยอัตโนมัติช่วยให้มั่นใจได้ถึงการชดเชยโหลด ทำให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นบนทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว เป็นคู่ หรือบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ DSA รับประกันความปลอดภัย สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก

การควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์เสริมในอดีต

เมื่อใช้งานร่วมกับ DSA ที่เป็นอุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกสองรายการให้เลือกใช้สำหรับระบบกันสะเทือนของ R 1300 GS ใหม่: ระบบควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้ใหม่และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต

ด้วยการควบคุมความสูงของตัวรถแบบปรับได้ R 1300 GS ใหม่ให้การปรับความสูงของยานพาหนะโดยอัตโนมัติโดยสมบูรณ์โดยขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ดังนั้นจึงรับประกันความสบายสูงสุดที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องกระทบต่อไดนามิกในการขับขี่และอิสระในการพลิกตัว

ด้วยระยะสปริงที่เพิ่มขึ้น 20 มม. ที่ด้านหน้าและด้านหลัง และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่แข็งแกร่งซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ GSที่ช่วยให้ ผู้ขับขี่แบบออฟโรดจึงได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี

โหมดการขี่สี่โหมดเป็นมาตรฐานแล้ว โหมดการขับขี่ “Enduroเพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น
แม้จะเป็นแบบมาตรฐาน แต่ R 1300 GS ใหม่ก็มีโหมดการขี่สี่โหมดมากกว่าสามโหมดเพื่อปรับให้เข้ากับความชอบของผู้ขับขี่แต่ละคน โหมดการขี่ “Rain” และ “Road” ช่วยให้สามารถปรับลักษณะการขี่ให้เข้ากับสภาพถนนส่วนใหญ่ได้ ด้วยโหมดการขี่ “Eco” คุณสามารถบรรลุระยะสูงสุดด้วยการใช้น้ำมันเพียงถังเดียว ในขณะที่โหมดการขี่เพิ่มเติม “Enduro” ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขี่บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยด้วยการตั้งค่าเฉพาะสำหรับการใช้งานออฟโรด

นอกจากโหมดการขี่แล้วยังมีระบบช่วยขับขี่พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) และคำเตือนการเปลี่ยนเลน (SWW) เพื่อการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

BMW R 1300 GS ใหม่ มาพร้อมตัวเลือก Riding Assistant ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบ Active Cruise Control (ACC), Front Collision Warning (FCW) และ Lane Change Warning (SWW) สามารถใช้ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC) พร้อมระบบควบคุมระยะห่างในตัวเพื่อตั้งค่าความเร็วในการขับขี่ที่ต้องการและระยะห่างจากรถคันหน้า ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) พร้อมระบบเบรกได้รับการออกแบบเพื่อป้องกันการชนและช่วยลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบเตือนการเปลี่ยนเลนจะตรวจสอบเลนซ้ายและขวา และสามารถช่วยรับประกันการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัยในขณะที่รองรับการใช้กระจกหลัง

R 1300 GS ใหม่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งมีพื้นฐานมาจาก GS flyline แบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความกะทัดรัดและการลดน้ำหนักลงอย่างมาก

ด้วยถังเชื้อเพลิงอะลูมิเนียมแบบใหม่ที่มีทางลาดเรียบกว่ารุ่นก่อนมาก ฟลายไลน์มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อรูปลักษณ์ที่ไดนามิก เบา และเข้าถึงได้ของ R 1300 GS ใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความสปอร์ตและไดนามิกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการใช้พื้นผิวที่ต่อเนื่องกันในฝาปิดตรงกลางถังน้ำมันเชื้อเพลิง

 

รุ่นพื้นฐานของ BMW R 1300 GS ใหม่รวบรวมสิ่งที่ทีมพัฒนาของ BMW Motorrad มอบให้ตำนาน GS ได้อย่างสมบูรณ์แบบ: การจัดเรียงส่วนประกอบที่กะทัดรัด ฟังก์ชั่นระดับสูงของอุปกรณ์ และทุกสิ่งที่เน้นไปที่สิ่งสำคัญ R 1300 GS ใหม่มีรูปลักษณ์ที่ดูล่ำสันและผสานเข้ากับธีม Boxer GS ในสไตล์ดั้งเดิมด้วยการใช้สีขาวสว่างร่วมกับเส้นที่วาดอย่างเฉียบคมและรูปลักษณ์ที่สะอาดตา กล่าวได้ว่านี่คือ เรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์จากBMW Motorrad ที่ถูกพัฒนามาเพื่อให้เป็นรถที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในแบบทัวริ่งและออฟโรดอย่างแท้จริง  โดยสเปคพื้นฐานของตัวรถมีข้อมูลสเปคดังนี้

Specifications/Technical Details

Engine

Rated output

145 hp at 7,750 rpm

Emission control

Closed-loop 3-way catalytic converter

Type

Air/liquid-cooled four-stroke flat twin engine with double overhead and chain driven camshafts (BMW ShiftCam) and balance gear wheels

Bore x stroke

106.5 mm x 73 mm

Capacity

1,300 cc

Max. torque

109 lbs-ft 6,500 rpm

Compression ratio

13.3 : 1

Mixture control

Electronic intake pipe injection

Exhaust emission standards

EU 5

Performance / fuel consumption

Maximum speed

over 200 km/h

Fuel consumption per 100 km based on WMTC

4.8 l

CO2 emission based on WMTC

110 g/km

Fuel type

Super unleaded, 95 ROZ/RON; adaptive fuel quality regulation, 91-98 ROZ/RON

Electrical system

Alternator

Three-phase alternator with 650 W (nominal power)

Battery

12 V / 10 Ah, maintenance-free Lithium-ion battery

Power transmission

Clutch

Wet clutch, anti-hopping clutch, hydraulically operated

Gearbox

Claw-shifted 6-speed gearbox

Drive

Cardan

Traction control

BMW Motorrad DTC

THE PACESETTER #SPIRITOFGS

Chassis / brakes

Frame

Two-part frame concept consisting of main frame and rear frame bolted to it, co-supporting engine

Front wheel location / suspension

BMW Motorrad EVO-Telelever, handlebar tilting decoupeled via flex element, central shock absorber

Rear wheel location / suspension

BMW Motorrad EVO-Paralever, cast aluminium single-sided swingarm, transversal connected swing arm bearings, central WAD spring strut, spring preload fully adjustable

Suspension travel, front / rear

190 mm / 200 mm

Wheelbase

1,518 mm

Castor

112 mm

Steering head angle

63.8 °

Wheels

Aluminium cast wheels

Rim, front

3.00 x 19“

Rim, rear

4.50 x 17“

Tire, front

120/70 R19

Tire, rear

170/60 R17

Brake, front

Twin disc brake, semi-floating brake discs, diameter 310 mm, 4-piston radial brake caliper

Brake, rear

Single disc brake, diameter 285 mm, 2-piston floating caliper

ABS

BMW Motorrad Full Integral ABS Pro (lean angle optimized)

Dimensions / weights

Seat height at unladen weight

33.5″

Inner leg curve at unladen weight

1,900 mm

Usable tank volume

19 l

Reserve

approx. 4 l

Length

2,212 mm (over splash guard)

Height

1,406 mm (above windshield)

Width

1,000 mm (over hand guard)

Unladen weight, road ready, fully fuelled

237 kg

1)

Permitted total weight

465 kg

Payload (with standard equipment)

228 kg

YAMAHA REV N RIDE ยามาฮ่าจัดกิจกรรมเอาใจสายฝุ่นกับ YAMAHA REV N RIDE บุกป่าฝ่าดงพิชิตผา UFO กับ WR155R สนุกกับเส้นทาง

 เปิดประสบการณ์การขับขี่กับรถสไตล์เอ็นดูโร่ให้กับชาวยามาฮ่า

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟเอาใจลูกค้า YAMAHA WR155R จัดกิจกรรม YAMAHA REV N RIDE # Journey เปิดประสบการณ์การขับขี่กับรถสไตล์เอ็นดูโร่ให้กับชาวยามาฮ่าได้ออกมาใช้ชีวิตให้สนุกกับทุกเส้นทาง โดยกิจกรรมในครั้งนี้ยามาฮ่าเปิดรับชาว WR155R จำนวน 30 ท่าน ลงทะเบียนผ่าน Facebook : Yamaha Society Thailand โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการร่วมกิจกรรม

กิจกรรมนี้นัดรวมตัวกันที่ครัวปากดี โดยเมื่อเหล่าสมาชิกมากันอย่างพร้อมเพรียงก็เตรียมตัวออกเดินทางกับเส้นทางที่ตื่นตาตื่นใจ กับการท่องเที่ยวด้วย WR155R พร้อมพาตะลุยผา UFO โดยตลอดเส้นทางมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก YRA คอยดูแล และคอยช่วยเหลือชาว WR155R ตลอดเส้นทาง พร้อมจัดกิจกรรมลับ ให้ได้ลุ้น ได้เสียว ได้สนุก เพื่อพิชิตภารกิจลุ้นรางวัลตลอดเส้นทาง

เสร็จจากความมันส์แบบไร้ขีดจำกัด ก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก ณ วิวเหนือแคมป์ เขายายเที่ยง พร้อมกิจกรรมแคมปิ้งปาร์ตี้ ดื่มด่ำกับอาหารค่ำ และบรรยากาศที่สวยงาม ขาดไม่ได้กับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้ได้ร่วมเล่นเกมส์ และสร้างมิตรภาพ

“ก้อง-สมเกียรติ” แซงระห่ำ 11 คัน คว้าท็อป 6 ซัคเซนริง

“ก้อง-สมเกียรติ” ขยับรั้งอันดับ 8 ของโลก โมโตทู 2024

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดขวัญใจชาวไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่สนามนี้ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 17 จากการแข่งขันทั้งสิ้น 25 รอบสนาม เริ่มต้นเรซได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว และต่อสู้กับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ เก็บ 11 คันรวด ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 6 เก็บเพิ่ม 10 คะแนน ขยับขึ้นรั้งอันดับ 8 บนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 56 คะแนน

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 ที่ลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลในปีแรก ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ จบด้วยการคว้าอันดับที่ 22 ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายที่จะปลดล็อกคว้าแต้มในสนามต่อไป

ทั้งนี้คิวดวลความเร็วสนามถัดไปในสนามที่ 10 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคมนี้ ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร ในรายการ บริติช กรังด์ปรีซ์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี แบบเต็มฤดูกาล พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #GermanGP

ศึกสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย ปิดฉากสนาม 3 ยิ่งใหญ่!

“บอล-จักรกฤษณ์” พลิกขึ้นจ่าฝูงคะแนนสะสม

ศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดในไทย “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” สนาม 3 เข้มข้นเร้าใจ โดยสถานการณ์ลุ้นแชมป์พลิกผัน “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงหลังบิดคว้าชัยชนะในรุ่นใหญ่ ขณะที่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส เข้าวิน ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ด้าน 2 นักบิดเซเลบคนดัง “ดีเจปอ” นันทชัย เตชะศรีวิเชียร และ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช ได้ฉลองโพเดียม สุดประทับใจ

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567

ไฮไลต์ของสุดสัปดาห์นี้อยู่ที่การลุ้นแชมป์ในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ซึ่งจ่าฝูงอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ไม่สามารถลงแข่งขันได้ หลังพลาดล้มจนได้รับบาดเจ็บในการซ้อม

โดยผลในเรซนี้ปรากฏว่า “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม บิดนำม้วนเดียวจบคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 19 นาที 40.424 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วริทธิ์ ทองนพคุณ ทีมเมทรุ่นน้องถึง 6.557 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี จาก ยามาฮ่า บริดจสโตน อนุชา เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 6.821 วินาที จากการที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ พลาดลงบิดสนามนี้ ส่งผลให้ “บอล” จักรกฤษณ์ ขยับขึ้นเป็นจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสม ขึ้นแท่นลุ้นแชมป์ประจำปี เรซส่งท้ายในกันยายนนี้

ด้านผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่า ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ ดิเรก ทีม คว้าชัยด้วยเวลา 20 นาที 8.605 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ออ ปิตะบุตร จอมเก๋าจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ เพียง 1.116 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ สิรภพ พูลศรี จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.341 วินาที

หนึ่งในประเด็นน่าสนใจของสนามนี้คือการเดินหน้าสร้างผลงานดีต่อเนื่องในการแข่งขันระดับชิงแชมป์ประเทศไทยของ “ดีเจปอ” นันทชัย เตชะศรีวิเชียร จาก จิคาระ ลิควิ โมลี เรซซิ่ง ทีม ในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี (ST3) ที่บิดคว้าอันดับ 2 มาครอง ได้ขึ้นโพเดียมอีกครั้ง ส่วน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช บิดคว้าอันดับ 3 ในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB2)

ขณะที่ผู้ชนะในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ได้แก่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ด้วยเวลา 20 นาที 21.038 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ถึง 0.687 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ ภาสกร แสนหลวง จาก สปีด800 ยัวซ่า ยามาฮ่า เรซซิ่ง ตามหลัง 14.240 วินาที

ทั้งนี้ ศึก แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ประจำปี จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์